ทหารชั้นผู้น้อยทุกนายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ถึงสองวัน ก่อนที่จะได้รับคำสั่งให้เดินทัพกลับค่ายชายแดนต่อไปในวันพรุ่งนี้ ระหว่างการพักผ่อน ม่านหรูกับน้องยังคงฝึกฝนร่างกายตามที่ท่านปู่สอนทุกเช้าไม่ได้ขาด หลังได้คำสั่งกลับค่ายชายแดนพวกเขาก็เก็บข้าวของและไปรวมแถวก่อนจะกลับค่ายชายแดนพร้อมกองทัพใหญ่
ช่วงเย็นหลังทานอาหาร ซื่อหวนหลงสั่งรวมพลที่ลานกลางค่ายเพื่อแจ้งข่าวดีให้กับทหารที่ออกรบในครั้งนี้ เมื่อเห็นว่าทหารทั้งหมดตั้งแถวอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ซื่อหวนหลงเรียกทหารใหม่ 10 นายที่แม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองอาวุโสเห็นด้วยในการเลื่อนขั้นให้พวกเขา หนึ่งในนั้นคือติงม่านหรูได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพรวมถึงน้องชายทั้งสองได้เป็นผู้ช่วยของติงม่านหรู อีกเจ็ดคนได้ตำแหน่งนายกองแทนที่ติงม่านหรูกับน้องชายและแทนที่ตำแหน่งทหารที่ถึงวัยออกจากราชการ
“ทหารที่ได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพและผู้ช่วยจะต้องเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมข้ากับกองทัพใหญ่เพื่อไปรับพระราชโองการแต่งตั้ง ข้าจะถวายฎีกาแด่ฮ่องเต้เมื่อไปถึง ส่วนทหารระดับรองลงไป ให้ประจำการที่ชายแดนซึ่งมีแม่ทัพชายแดนเป็นผู้ดูแล”
ม่านหรู ติงอ้ายและติงเอ้อตกใจไม่น้อยที่ถูกเลื่อนตำแหน่งเร็วถึงขั้นนี้ ทั้งยังต้องเดินทางไปเมืองหลวงอีก ยิ่งทำให้ทั้งสามคิดถึงครอบครัวมากขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะเอ่ยปากถามแม่ทัพใหญ่ตรงหน้า ซื่อหวนหลงกลับกล่าวต่อเพิ่มอีกว่า
“หนึ่งเดือนหลังจากนี้ ทหารระดับรองแม่ทัพต้องเดินทางไปยังเมืองหลวงพร้อมข้าเพื่อรับตำแหน่ง ถ้าพวกเจ้ามีครอบครัวอยู่ที่ชายแดน ก็ไปรับพวกเขาเดินทางพร้อมกันเสีย ข้าจะให้เวลาพวกเจ้ากลับบ้านก่อนกลับมาร่วมขบวนภายใน 1 เดือน”
สามพี่น้องฟังเช่นนี้ก็เข้าใจแล้วว่าพวกเขาต้องเดินทางกลับหมู่บ้านภายในวันพรุ่งนี้ เพื่อให้ทันเดินทางกลับมายังค่ายและร่วมขบวนเดินทางไปรับตำแหน่งต่อที่เมืองหลวง ซื่อหวนหลงหลังพูดจบก็สั่งเลิกแถวให้ทหารไปพักผ่อนทันที
ม่านหรูกับน้องชายกลับเข้ากระโจมแล้วจึงปรึกษากันว่าพวกเขาจะขอยืมม้าของกองทัพเพื่อเร่งเดินทางกลับหมู่บ้านโดยไม่หยุดพักหากม้าไม่เหนื่อยมาก เพราะระยะทางจากค่ายชายแดนไปยังเมืองของพวกเขานับว่าไม่ใกล้เลย พวกเขากลัวว่าจะกลับมาไม่ทันขบวนเดินทางของแม่ทัพใหญ่ หลังตกลงกันแล้วพวกเขาก็รีบเข้านอนและพรุ่งนี้ก่อนรุ่งสาง พวกเขาจะไปขอยืมม้าและขอเสบียงส่วนหนึ่งก่อนเดินทาง
วันต่อมาสามพี่น้องออกเดินทางตามแผนหลังจากไปรายงานรองแม่ทัพก่อนฟ้าสางเรื่องขอยืมม้าและเสบียง รองแม่ทัพพอรู้ว่าบ้านพวกเขาอยู่ไกลจึงได้ส่งคนไปเตรียมม้าเร็วให้พวกเขา โดยม้าทั้งสามตัวสามารถวิ่งได้วันละหลายร้อยลี้ ส่วนเสบียงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะกองทัพใหญ่ขนเสบียงสำหรับทำศึกมาด้วยจำนวนมาก ตอนนี้ภายในค่ายจึงไม่มีใครอดอยาก
ช่วงสายของวัน รองแม่ทัพไปรายงานซื่อหวนหลงถึงการจากไปของม่านหรูกับน้องชาย ซื่อหวนหลงได้แต่เสียดายที่เขาไม่ได้ส่งพวกนาง อีกทั้งเขาเพิ่งรู้ว่าบ้านของพวกนางนั้นอยู่ห่างไกลจากค่ายไม่น้อย หากครบหนึ่งเดือนแล้วพวกเขายังไม่มา เขาคงต้องเดินทางไปก่อน เพราะเขาส่งข่าวกลับไปเมืองหลวงตั้งแต่กลับถึงค่ายแล้ว ส่วนพวกเขาและครอบครัวคงต้องเดินทางตามหลังให้ทันขบวนกองทัพเท่านั้น
ซื่อหวนหลงสั่งการรองแม่ทัพให้แจ้งแม่ทัพชายแดนเอาไว้กันลืม เนื่องจากเขายังมีรายงานอีกมากที่ต้องเขียนกับกุนซือเพื่อรายงานการศึกในครั้งนี้รวมถึงฎีกาที่จะส่งขึ้นถวายฮ่องเต้สำหรับตำแหน่งรองแม่ทัพของติงม่านหรูด้วย
ม่านหรูกับน้องชายที่ได้รับม้าเร็วเดินทางกลับถึงหมู่บ้านภายใน 2 สัปดาห์ พวกเขาขี่ม้าเข้าไปยังหมู่บ้านโดยไม่สนใจว่าชาวบ้านจะมองพวกเขาอย่างไร เพราะมีเวลาไม่มากก่อนที่พวกเขาจะพาครอบครัวเดินทางกลับชายแดน ความจริงพวกเขาน่าจะมาถึงเร็วกว่านี้ แต่เพราะกลัวม้าเหนื่อยพวกเขาจึงพักบ่อยเกินไป ขากลับพวกเขาจึงคิดที่จะเดินทางให้เร็วขึ้นหลังจากรู้ว่าม้าที่ได้มาแข็งแรงขนาดไหน
ม้าทั้งสามถูกหยุดที่หน้าบ้านตระกูลติง ม่านหรูสั่งน้องเปิดประตู นางมีเรื่องต้องบอกกล่าวครอบครัวและเก็บข้าวของให้เสร็จภายในวันนี้ ก่อนรุ่งสางพรุ่งนี้หลังจากเตรียมเสบียงเสร็จพวกนางจะพาครอบครัวออกเดินทางเข้าเมืองเพื่อซื้อรถม้าพ่วงกับม้าทั้งสามตัวของพวกเขาก่อนกลับไปยังค่ายชายแดน
ในบ้านตอนนี้มีแค่ชางจ้าวหลงอยู่เท่านั้น เขาได้ยินเสียงม้าหยุดที่หน้าบ้านก็เดินออกมาจากเรือน พอเห็นว่าเป็นหลาน ๆ กลับมาแล้ว เขาก็รีบใช้วิชาตัวเบาไปเปิดประตูก่อนที่หลานชายจะเปิดเสียอีก
“ท่านปู่ ข้าคิดถึงพวกท่านมากเลยเจ้าค่ะ ขอเราเข้าไปก่อนนะเจ้าคะ ติงอ้ายเก็บม้าแล้วรีบไปรับท่านพ่อกับท่านแม่กลับมาทันที”
“คารวะท่านปู่ ข้าทราบแล้วพี่ใหญ่”
“คารวะท่านปู่ขอรับ พี่รองไปเถอะ ข้าจะเก็บม้าให้เอง”
ติงอ้ายพยักหน้าให้น้องชายก่อนใช้วิชาตัวเบาไปยังไร่นาที่พ่อกับแม่พวกเขาทำงานอยู่ ม่านหรูรีบลงจากหลังม้าแล้วนำม้าไปผูกไว้ก่อนสั่งติงอ้ายให้นำน้ำกับหญ้ามาให้ม้ากินก่อน นางหันกลับไปกอดท่านปู่ที่ยืนยิ้มอย่างดีใจตอนเห็นพวกนางกลับมาอย่างปลอดภัย นางรู้ดีว่าท่านคงเป็นห่วงพวกนางมาก
ม่านหรูพยุงท่านปู่ที่ถึงแม้จะสูงวัยแต่ร่างกายยังแข็งแรงเข้าไปในบ้าน ก่อนที่นางจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านปู่ฟัง แต่พอจะเอ่ยปาก นางกลับถูกท่านปู่หยุดเอาไว้
“เจ้ารอพ่อกับแม่กลับมาก่อนค่อยเล่าทีเดียว ปู่กลัวเจ้าจะเหนื่อย พวกเจ้าปลอดภัยกลับมาก็ดีมากแล้ว”
“เฮ้อ ตกลงเจ้าค่ะ ท่านปู่ ท่านพ่อกับท่านแม่สบายดีนะเจ้าคะ”
“พวกข้าสบายดี พวกเจ้าผอมลงไปหรือเปล่า ที่นั่นไม่มีอาหารดี ๆ ให้พวกเจ้ากินหรืออย่างไร”
“เปล่านะท่านปู่ ที่นั่นมีอาหารมากมายเจ้าค่ะ เพียงแต่พวกเราฝึกหนักไปหน่อย”
สองตาหลานถามไถ่กันไม่นาน ติงกวนกับเสี่ยวชิงถูกติงอ้ายจับแขนคนละข้างแล้วใช้วิชาตัวเบากลับมาที่บ้าน พวกเขารีบเข้าไปนั่งประจำที่เพื่อรอฟังเรื่องราวที่ลูกสาวกำลังจะเล่าให้ฟังถึงเหตุผลที่เร่งกลับบ้านในวันนี้ ม่านหรูให้น้องชายนั่งลงฟังพร้อมกับทุกคน จากนั้นนางเริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกองกระทั่งครั้งนี้ที่ต้องเดินทางไปรับตำแหน่งรองแม่ทัพถึงเมืองหลวง
ชางจ้าวหลง ติงกวนกับเสี่ยวชิงต่างไม่อยากจะเชื่อว่าลูกสาว หลานสาวพวกเขาจะได้เป็นถึงรองแม่ทัพ ชางจ้าวหลงคิดถึงปัญหาได้ในทันใดจึงเอ่ยปากถาม
“ม่านหรู เจ้าเป็นหญิง แล้วจะไปรับตำแหน่งรองแม่ทัพได้อย่างไร ถ้าทางการรู้เข้าเราจะถูกประหารข้อหาหลอกลวงเบื้องสูงนะ”
“เฮ้อ ข้าไม่เข้าใจแม่ทัพใหญ่เหมือนกันเจ้าค่ะ แต่นี่เป็นคำสั่งทหาร ข้าไม่อาจขัดได้”
“ท่านพ่อ แล้วเราจะทำยังไงกันดีขอรับ ข้าไม่อยากให้ลูกต้องถูกประหารนะขอรับ”
“ใช่แล้วท่านพ่อ ท่านต้องช่วยพวกเราคิดนะเจ้าคะว่าจะช่วยลูกอย่างไร”
“พวกเจ้าอย่าเพิ่งกังวลเลย ในเมื่อมีคำสั่งมาเช่นนี้ พวกเราก็รีบไปเก็บของก่อนเถอะ ถ้ามีปัญหาในการแต่งตั้งขึ้นมาจริง ๆ อย่างมากเราก็แค่หนีออกจากเมืองหลวงเท่านั้น เจ้าไว้ใจพ่อเถอะว่าทหารพวกนั้นไม่มีใครรับมือพ่อได้หรอก”
“ท่านปู่ก็ไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ ถ้ามีเรื่องจริง ๆ ข้าจะรับผิดชอบเอง ตอนนี้เราต้องรีบเก็บของใส่รถเข็นก่อนที่พรุ่งนี้จะเข้าเมืองไปหารถม้าสักคันนะเจ้าคะ ไหนจะเสบียงที่ต้องเตรียมก่อนเดินทางอีกเจ้าค่ะ”
ชางจ้าวหลง ติงกวนกับเสี่ยวชิงพอฟังม่านหรูแล้วจึงแยกย้ายกันไปเก็บของก่อนที่จะช้าไปมากกว่านี้ พวกเขาไม่รู้ว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้าง ม่านหรูกับน้องชายจึงไปช่วยทุกคนเก็บของอีกแรงหนึ่ง
รุ่งสางวันต่อมา ม้าที่บรรทุกคนตัวละสองคนออกเดินทางจากหมู่บ้านไปยังเมืองเพื่อซื้อรถม้าตั้งแต่ประตูเมืองเพิ่งเปิด ทหารที่ประตูเมืองเห็นชุดของม่านหรูก็รู้ว่าตำแหน่งของนางเป็นถึงรองแม่ทัพ พวกเขารีบเปิดประตูปล่อยให้ม้าทั้งสามเข้าไปในทันที ม่านหรูปล่อยให้ท่านพ่อจ่ายเงินค่ารถม้าอย่างดีคันใหญ่ที่ราคา 50 ตำลึงก่อนที่นางกับน้อง ๆ จะช่วยกันพ่วงรถม้าเข้ากับม้าทั้งสามตัวและออกเดินทางไปยังค่ายที่ชายแดนอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้ม่านหรูกับครอบครัวไม่ได้แวะพักนานนักเนื่องจากกลัวกลับไม่ทันกับขบวนทัพใหญ่ ทำให้ใช้เวลาเดินทางกลับถึงค่ายชายแดนเพียง 10 วันเท่านั้น พวกเขาที่กลับมาก่อนวันเดินทางเพียง 4 วัน ต่างเข้าไปรายงานตัวกับรองแม่ทัพทันทีที่มาถึง
ซื่อหวนหลงพอรู้ว่าม่านหรูกลับมาแล้ว เขารีบออกไปดูว่าครอบครัวนางเป็นอย่างไร ซื่อหวนหลงแอบมองอยู่ไกล ๆ เพื่อไม่ให้น้องชายนางแสดงอาการพิรุธจนพี่ใหญ่พวกเขาเห็น ซื่อหวนหลงมองเห็นชายชราท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง หญิงและชายวัยกลางคนที่น่าจะเป็นพ่อกับแม่ของนาง เขาอยากเข้าไปทักทาย เพียงแต่คิดว่าไม่น่าจะเหมาะสมนักที่แม่ทัพใหญ่อย่างเขาจะเข้าไปทำความรู้จักครอบครัวรองแม่ทัพซื่อหวนหลงเห็นม่านหรูเข้าไปออดอ้อนชายชราอย่างน่ารัก หัวใจเขายิ่งเต้นกระหน่ำขึ้นมา เขาอยากให้นางมาอ้อนเขาแบบนี้บ้าง ซื่อหวนหลงเห็นชายชรามองมาทางเขาด้วยสายตาคมกริบ เขารีบค้อมคำนับก่อนจะเดินกลับไปที่กระโจม ตอนนี้เขารู้แล้วว่าชายชราน่าจะเป็นคนสอนวรยุทธสามพี่น้อง เพราะเพียงแค่สายตาที่มองมานั้น เขาก็รู้ว่าชายชรามีพลังลมปราณมากมายมหาศาลกว่าเขาและอาจารย์แน่สี่วันต่อมา กองทัพเก็บข้าวของกันตั้งแต่เย็นวาน รุ่งสางของวันพวกเขาเพียงแต่ร่วมทานอาหารกับทหารที่ประจำค่ายชายแดนก่อนออกเดินทางเท่านั้น หลังจากที่จัดขบวนทัพเรียบร้อยแล้ว ซื่อหวนหลงก็สั่งการเดินทัพใ
แม่ค้ามองกลุ่มคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะมีเงินพอซื้อเสื้อผ้าหรือไม่“พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าจะมีเงินพอจ่ายค่าเสื้อผ้าร้านข้า เสื้อผ้าดี ๆ สำหรับร่วมงานเลี้ยงในวังราคาแพงมากนะ”“เพ้ย! เหตุใดข้าจะไม่มีเงิน นี่อย่างไรตั๋วแลกเงินหนึ่งพันตำลึง พอหรือไม่สำหรับชุดสามชุดน่ะ” ชางจ้าวหลงกล่าวตอบอย่างโมโหจนหนวดกระดิก“อ่า ขออภัยท่านผู้เฒ่าเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่ถามตามหน้าที่ เช่นนั้นพวกท่านรอสักครู่ ข้าจะไปนำเสื้อผ้ามาให้พวกท่านเลือกเจ้าค่ะ” แม่ค้าได้แต่ละล่ำละลักขอโทษ นางไม่คิดว่าคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างพวกเขาจะมีเงินมากถึงพันตำลึงม่านหรูได้แต่ส่ายหัวกับแม่ค้าในเมืองหลวง พวกเขาคงมองคนเพียงภายนอกเท่านั้นกระมังถึงได้เสียมารยาทเช่นนี้ พวกเขารอไม่นานนักแม่ค้าก็นำชุดผ้าเนื้อดีมาส่งให้ท่านปู่ ท่านพ่อและท่านแม่ดูคนละหลายชุด ทั้งสามคนเลือกชุดที่ดูดีที่สุดคนละชุดแล้วถามราคาเพื่อจะได้รีบจ่ายรีบกลับค่ายกัน“ค่าชุดทั้งสาม
ชางจ้าวหลงพาหลานสาวเดินกลับทางเดิมที่เขาเห็นร้านขายเครื่องประดับอยู่ร้านหนึ่งก่อนหน้านี้ ม่านหรูไม่ได้คุยอะไรกับท่านปู่ระหว่างทาง กระทั่งทั้งสองมาถึงหน้าร้านเครื่องประดับร้านใหญ่ ชางจ้าวหลงก็เดินนำหลานสาวเข้าไป“พวกท่านต้องการดูเครื่องประดับแบบไหนขอรับ” พ่อค้าหนุ่มคนหนึ่งในร้านเดินมารับหน้าชางจ้าวหลงและม่านหรูซึ่งดูท่าทางไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดา“ร้านเจ้ามีหยกพกที่เหมือนกันสัก 6 ชิ้นและรับแกะสลักแซ่หรือไม่”“มีขอรับท่านผู้เฒ่า ไม่ทราบท่านอยากได้หยกเนื้อดีหรือหยกธรรมขอรับ”“ข้าต้องการหยกเนื้อดี ขอหยกที่ไม่เหมือนใครและมีแค่ 6 ชิ้นเท่านั้นนะ ข้าไม่อยากให้ซ้ำกับใครในแคว้นนี้”“เช่นนั้นเชิญพวกท่านไปรอที่ห้องรับรองก่อนขอรับ ข้าจะไปนำหยกมาให้ท่านเลือกดูสักหลายแบบ เชิญทางนี้ขอรับ”ชางจ้าวหลงกับม่านหรูพยักหน้ารับคำพ่อค้าหนุ่มและตามหลังเขาไปยังห้องที่อยู่ด้านในร้าน หลังจากนั่งรอในห้องไม่นานนัก พ่อค้
หมู่บ้านเซียงเหอ อำเภอเซียงกวนใกล้ชายแดนแคว้นเจิ้ง เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ในแคว้นจ้าวที่สงบมานานหลังผ่านสงครามแบ่งแยกแคว้นเมื่อหลายสิบปีก่อน ทำให้ในแคว้นจ้าวมีเด็กกำพร้าที่ครอบครัวถูกภัยสงครามอยู่เป็นจำนวนมากติงกวนกับเสี่ยวชิงเป็นเด็กกำพร้าในหมู่บ้านที่ซัดเซพเนจรจากภัยสงครามในสมัยนั้นและมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านเซียงเหอพร้อมกับชาวบ้านหลายครอบครัว เด็ก 2 คน ช่วยกันสร้างกระท่อมพักที่ท้ายหมู่บ้านตามกำลังของเด็กอายุ 10 ขวบ จะทำออกมาได้ ทั้งคู่ไม่สนใจชาวบ้านที่ครหาว่าเด็กชายกับเด็กหญิงที่ไม่ใช่ญาติอยู่ร่วมกันนั้นไม่เหมาะสม ในเมื่อพวกเขาไม่มีผู้ใหญ่รับไปเลี้ยงดู พวกเขาสองคนจึงต้องพึ่งพากันและกันเท่านั้นกระทั่ง 7 ปีผ่านไป ติงกวนกับเสี่ยวชิงอายุ 17 ปี ไม่มีลูกหลานคนในหมู่บ้านอยากขอพวกเขาไปเป็นเขยหรือสะใภ้ ติงกวนเห็นว่าเสี่ยวชิงถูกครหามานานมากแล้ว เขาจึงไปบอกผู้ใหญ่บ้านว่าจะแต่งเสี่ยวชิงเป็นภรรยา ผู้ใหญ่บ้านเห็นว่าทั้งคู่กำพร้าพ่อแม่ ผู้ใหญ่บ้านจึงช่วยทำพิธีแต่งงานให้พวกเขาโดยมีภรรยาช่วยหาสิ่งของจำเป็นมาให้เด็กทั้งคู่เพื่อทำตามประเพณีหลังแต่งงานได้ปีครึ่ง เสี่ยวชิงก็คลอดลูกคนแรกเป็นหญิง พวกเขาตั้ง
5 ปีผ่านไปเมื่อ 5 ปีก่อน หลังจากม่านหรูมีน้องชาย 2 คนพร้อมกัน นางช่วยแม่ดูแลน้องมาตลอดก่อนแม่จะปล่อยให้นางเลี้ยงน้องเองตอนที่น้องอายุ 1 ขวบครึ่ง ท่านแม่นางปล่อยให้นางอยู่บ้านกับน้องทุกวัน อาหารท่านแม่จะเตรียมเอาไว้ให้นางกับน้องกินเวลาท่านแม่กับท่านพ่อไปรับจ้างทำไร่ ทำสวน ม่านหรูอยู่กับน้องจึงรักและผูกพันธ์กับน้องชายทั้งสองคนมาก นางเลี้ยงน้องที่บ้านจนน้อง ๆ เริ่มวิ่งได้ในวัย 2 ขวบครึ่ง ม่านหรูที่อายุเกือบ 5 ขวบจึงเริ่มพาน้อง ๆ ไปช่วยพ่อกับแม่เก็บหญ้าที่ไร่บ้างเป็นบางวัน กระทั่งนางอายุเกือบ 6 ขวบ นางเริ่มขึ้นเขาพร้อมชาวบ้านไปหาของป่ามาไว้กินที่บ้าน ส่วนน้อง ๆ นางปล่อยให้เขาเล่นอยู่ที่บ้านและบางวันพวกเขาก็จะเดินไปหาพ่อกับแม่ที่ไร่บ้าง แต่ด้วยน้องชายยังเด็กอยู่มากและครอบครัวนางยากจน น้อง ๆ จึงใส่เสื้อผ้าเก่าขาดของนางที่ท่านแม่เย็บให้พวกเขาใส่ไปพลาง ๆ ก่อนที่พวกเขาจะโตไปมากกว่านี้ ทำให้เด็กในหมู่บ้านต่างล้อเลียนว่าน้องชายของนางเป็นขอทานและยังทำร้ายน้อง ๆ ของนางจนได้แผลกลับบ้านแทบทุกวันม่านหรูที่กลับลงจากภูเขาแล้วเห็นน้อง ๆ นั่งน้ำตาคลออยู่หน้าบ้าน นางที่ไม่อยากให้ท่านพ่อท่านแม่กังวล จึงบ
ชาวบ้านที่เป็นพ่อแม่เด็กเห็นว่าคราวนี้ผู้ใหญ่บ้านเอาจริง พวกเขาจึงล้วงเงินมาจ่ายให้ผู้ใหญ่บ้านคนละ 300 อีแปะและสัญญาว่าจะไม่ให้ลูก ๆ ทำร้ายลูกชายของติงกวนอีก พวกเขารู้ดีว่าเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว แต่ห็นว่าเป็นแค่เรื่องเด็ก ๆ เท่านั้น พวกเขาจึงไม่คิดจะสั่งสอนลูกหลานจนกระทั่งเกิดเรื่องจนถึงขั้นนี้ติงกวนที่อยู่ ๆ ก็ได้รับเงินจำนวนหลายตำลึงยืนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนม่านหรูต้องสะกิดพ่อให้รีบรับเงินทั้งหมดจากผู้ใหญ่บ้านมาเสีย ติงกวนได้สติจึงรีบรับเงินทั้งหมดมาแล้วขอบคุณผู้ใหญ่บ้านที่ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวเขา อันที่จริงเขารู้มานานแล้วว่าพวกชาวบ้านเรียกครอบครัวเขาว่าอะไร เพียงแต่พวกเขาเป็นเด็กที่กำพร้ามาก่อนจึงไม่กล้าเอาเรื่อง ยิ่งพอลูก ๆ ถูกรังแกด้วยแล้ว พวกเขาก็ได้แต่เก็บงำความไม่พอใจเอาไว้ด้วยกลัวว่าจะถูกไล่ออกจากหมู่บ้านแล้วไม่มีที่จะอยู่ ตอนนี้พวกเขายังเก็บเงินได้ไม่มากพอที่จะพาลูก ๆ ออกจากหมู่บ้านนี้ เขาจึงได้แต่อดทนมานาน จนกระทั่งวันนี้ที่ลูกสาวทนไม่ไหวจนลงไม้ลงมืออย่างหนัก หากไม่ได้ผู้ใหญ่บ้านมาไกล่เกลี่ย พวกเขาสองคนพ่อลูกคงถูกพวกชาวบ้านรังแกอีกแน่สัปดาห์ต่อมา ม่านหรูขึ้
ม่านหรูเห็นว่าชายชราหลับตาลงอีกครั้งอย่างเหนื่อยอ่อน นางจึงรีบวิ่งไปยังตอไม้อีกด้านจนสะดุดล้มเสียงดัง ม่านหรูได้แต่ร้องอูยออกมาอย่างอดไม่ได้ นางมองไปยังเท้าเล็ก ๆ ก็เห็นว่ามีรากไม้โผล่ขึ้นมาจนนางสะดุดล้ม เห็ดสีขาวที่นางเก็บหล่นออกมาจากตะกร้าสะพายหลังไม่น้อย ม่านหรูได้แต่หันไปบอกชายชราอย่างจนใจ“ท่านปู่รอข้าเก็บเห็ดของข้าใส่คืนตะกร้าก่อนนะเจ้าคะ ข้าขอโทษที่สะเพร่าไม่ดูทางจนเสียเวลาเก็บเห็ดให้ท่าน”ชางจ้าวหลงส่ายหัวว่าไม่เป็นไร เขาหมดแรงที่จะตอบโต้กับเด็กน้อยแล้ว ถึงนางจะนำเห็ดมาให้เขาช้าหน่อยก็ไม่เป็นอะไร อย่างไรหลังจากได้กินเห็ดแล้วเขาจะสามารถใช้พลังลมปราณได้อีกครั้ง และการรักษาตัวหลังจากนี้จะง่ายดั่งปาฏิหาริย์ม่านหรูเห็นท่าทางชายชราแล้วก็รีบก้มหน้าเก็บเห็ดที่ร่วงหล่นใส่ในตะกร้าสะพายหลังที่นางนำออกมาตั้งเอาไว้ข้างตัว นางกลัวว่าจะเผลอสะดุดอะไรอีกจนล้มจึงไม่อยากสะพายตะกร้าเอาไว้เหมือนก่อนหน้านี้ กว่าสองเค่อที่ม่านหรูเก็บเห็ดที่หกออกมาได้ทั้งหมด นางเลือกที่จะวางตะกร้าเห็ดเอาไว้ก่อน แล้วเดินเข้าไปดูว่านางจะเก็บเห็ดสีแดงไปให้ชายชราได้อย่างไรโดยที่เห็ดไม่เสียหายม่านหรูเห็นว่าเห็ดเกาะติดอย
ชางจ้าวหลงไม่ได้ทานอะไรมาหลายวันกินไม่นานข้าวต้มในถ้วยก็หมดเสียแล้ว เขาพรูลมหายใจออกอย่างปลดปลง แต่ไม่ได้โทษว่าเด็กหญิงตรงหน้า เพราะเขาได้ยินนางบอกตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าบ้านนางยากจน ชางจ้าวหลงหยิบกระบอกไม้ไผ่ขึ้นมาดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยปากถามเด็กน้อยว่านางอยากให้เขาช่วยอะไร“ข้าอยากให้ท่านปู่พาข้าเข้าอำเภอไปขายเห็ดหนึ่งดอกเจ้าค่ะ กับขอให้ท่านพาข้าไปซื้อกล่องสมุนไพรสำหรับใส่เห็ดที่เหลือด้วยเจ้าค่ะ ท่านปู่เดินไหวหรือไม่เจ้าคะ”“ข้าเดินไหว เจ้าต้องการให้ข้าช่วยแค่นี้หรือ เหตุใดเจ้าไม่ให้พ่อกับแม่เจ้าพาไปเล่า”“ไม่เอาหรอกเจ้าค่ะ ข้ากลัวว่าชาวบ้านจะรู้ว่าบ้านข้ามีเงิน พวกเขายิ่งสอดรู้สอดเห็นกันเป็นอาชีพอยู่เจ้าค่ะ ท่านปู่พาข้าไปหน่อยนะเจ้าคะ นะ นะ”ม่านหรูลืมตัวเข้าไปเกาะแขนชายชราแล้วออดอ้อนเหมือนที่ทำกับพ่อแม่ที่บ้าน ชางจ้าวหลงที่ไม่เคยถูกเด็กหญิงออดอ้อนมาก่อนถึงกับยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน เขาเห็นความน่ารักของเด็กหญิงร่างผอมบางตรงหน้าก็นึกเวทนา“ตกลง ๆ ปู่จะพาเจ้าไปอำเภอและพาเจ้าไปซื้อของจำเป็นด้วย ตกลงหรือไม่”“เย้! ท่านปู่ใจดีที่สุด ขอบคุณมากนะเจ้าคะ อืม… ท่านปู่คิดว่าข้า
ชางจ้าวหลงพาหลานสาวเดินกลับทางเดิมที่เขาเห็นร้านขายเครื่องประดับอยู่ร้านหนึ่งก่อนหน้านี้ ม่านหรูไม่ได้คุยอะไรกับท่านปู่ระหว่างทาง กระทั่งทั้งสองมาถึงหน้าร้านเครื่องประดับร้านใหญ่ ชางจ้าวหลงก็เดินนำหลานสาวเข้าไป“พวกท่านต้องการดูเครื่องประดับแบบไหนขอรับ” พ่อค้าหนุ่มคนหนึ่งในร้านเดินมารับหน้าชางจ้าวหลงและม่านหรูซึ่งดูท่าทางไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดา“ร้านเจ้ามีหยกพกที่เหมือนกันสัก 6 ชิ้นและรับแกะสลักแซ่หรือไม่”“มีขอรับท่านผู้เฒ่า ไม่ทราบท่านอยากได้หยกเนื้อดีหรือหยกธรรมขอรับ”“ข้าต้องการหยกเนื้อดี ขอหยกที่ไม่เหมือนใครและมีแค่ 6 ชิ้นเท่านั้นนะ ข้าไม่อยากให้ซ้ำกับใครในแคว้นนี้”“เช่นนั้นเชิญพวกท่านไปรอที่ห้องรับรองก่อนขอรับ ข้าจะไปนำหยกมาให้ท่านเลือกดูสักหลายแบบ เชิญทางนี้ขอรับ”ชางจ้าวหลงกับม่านหรูพยักหน้ารับคำพ่อค้าหนุ่มและตามหลังเขาไปยังห้องที่อยู่ด้านในร้าน หลังจากนั่งรอในห้องไม่นานนัก พ่อค้
แม่ค้ามองกลุ่มคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะมีเงินพอซื้อเสื้อผ้าหรือไม่“พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าจะมีเงินพอจ่ายค่าเสื้อผ้าร้านข้า เสื้อผ้าดี ๆ สำหรับร่วมงานเลี้ยงในวังราคาแพงมากนะ”“เพ้ย! เหตุใดข้าจะไม่มีเงิน นี่อย่างไรตั๋วแลกเงินหนึ่งพันตำลึง พอหรือไม่สำหรับชุดสามชุดน่ะ” ชางจ้าวหลงกล่าวตอบอย่างโมโหจนหนวดกระดิก“อ่า ขออภัยท่านผู้เฒ่าเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่ถามตามหน้าที่ เช่นนั้นพวกท่านรอสักครู่ ข้าจะไปนำเสื้อผ้ามาให้พวกท่านเลือกเจ้าค่ะ” แม่ค้าได้แต่ละล่ำละลักขอโทษ นางไม่คิดว่าคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างพวกเขาจะมีเงินมากถึงพันตำลึงม่านหรูได้แต่ส่ายหัวกับแม่ค้าในเมืองหลวง พวกเขาคงมองคนเพียงภายนอกเท่านั้นกระมังถึงได้เสียมารยาทเช่นนี้ พวกเขารอไม่นานนักแม่ค้าก็นำชุดผ้าเนื้อดีมาส่งให้ท่านปู่ ท่านพ่อและท่านแม่ดูคนละหลายชุด ทั้งสามคนเลือกชุดที่ดูดีที่สุดคนละชุดแล้วถามราคาเพื่อจะได้รีบจ่ายรีบกลับค่ายกัน“ค่าชุดทั้งสาม
ซื่อหวนหลงพอรู้ว่าม่านหรูกลับมาแล้ว เขารีบออกไปดูว่าครอบครัวนางเป็นอย่างไร ซื่อหวนหลงแอบมองอยู่ไกล ๆ เพื่อไม่ให้น้องชายนางแสดงอาการพิรุธจนพี่ใหญ่พวกเขาเห็น ซื่อหวนหลงมองเห็นชายชราท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง หญิงและชายวัยกลางคนที่น่าจะเป็นพ่อกับแม่ของนาง เขาอยากเข้าไปทักทาย เพียงแต่คิดว่าไม่น่าจะเหมาะสมนักที่แม่ทัพใหญ่อย่างเขาจะเข้าไปทำความรู้จักครอบครัวรองแม่ทัพซื่อหวนหลงเห็นม่านหรูเข้าไปออดอ้อนชายชราอย่างน่ารัก หัวใจเขายิ่งเต้นกระหน่ำขึ้นมา เขาอยากให้นางมาอ้อนเขาแบบนี้บ้าง ซื่อหวนหลงเห็นชายชรามองมาทางเขาด้วยสายตาคมกริบ เขารีบค้อมคำนับก่อนจะเดินกลับไปที่กระโจม ตอนนี้เขารู้แล้วว่าชายชราน่าจะเป็นคนสอนวรยุทธสามพี่น้อง เพราะเพียงแค่สายตาที่มองมานั้น เขาก็รู้ว่าชายชรามีพลังลมปราณมากมายมหาศาลกว่าเขาและอาจารย์แน่สี่วันต่อมา กองทัพเก็บข้าวของกันตั้งแต่เย็นวาน รุ่งสางของวันพวกเขาเพียงแต่ร่วมทานอาหารกับทหารที่ประจำค่ายชายแดนก่อนออกเดินทางเท่านั้น หลังจากที่จัดขบวนทัพเรียบร้อยแล้ว ซื่อหวนหลงก็สั่งการเดินทัพใ
ทหารชั้นผู้น้อยทุกนายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ถึงสองวัน ก่อนที่จะได้รับคำสั่งให้เดินทัพกลับค่ายชายแดนต่อไปในวันพรุ่งนี้ ระหว่างการพักผ่อน ม่านหรูกับน้องยังคงฝึกฝนร่างกายตามที่ท่านปู่สอนทุกเช้าไม่ได้ขาด หลังได้คำสั่งกลับค่ายชายแดนพวกเขาก็เก็บข้าวของและไปรวมแถวก่อนจะกลับค่ายชายแดนพร้อมกองทัพใหญ่ช่วงเย็นหลังทานอาหาร ซื่อหวนหลงสั่งรวมพลที่ลานกลางค่ายเพื่อแจ้งข่าวดีให้กับทหารที่ออกรบในครั้งนี้ เมื่อเห็นว่าทหารทั้งหมดตั้งแถวอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ซื่อหวนหลงเรียกทหารใหม่ 10 นายที่แม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองอาวุโสเห็นด้วยในการเลื่อนขั้นให้พวกเขา หนึ่งในนั้นคือติงม่านหรูได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพรวมถึงน้องชายทั้งสองได้เป็นผู้ช่วยของติงม่านหรู อีกเจ็ดคนได้ตำแหน่งนายกองแทนที่ติงม่านหรูกับน้องชายและแทนที่ตำแหน่งทหารที่ถึงวัยออกจากราชการ“ทหารที่ได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพและผู้ช่วยจะต้องเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมข้ากับกองทัพใหญ่เพื่อไปรับพระราชโองการแต่งตั้ง ข้าจะถวายฎีกาแด่ฮ่องเต้เมื่อไปถึง ส่วนทหารระดับรองลงไป ให้ประจำการที่ชา
ซื่อหวนหลงเรียกประชุมในวันต่อมา ม่านหรูที่เป็นเพียงนายกองเล็ก ๆ ไม่ต้องเข้าร่วม นางจึงไปตรวจสอบทหารในกองว่าใครบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน โชคดีที่เมื่อวานคนของแม่ทัพใหญ่ตามมาช่วยเปิดทางได้ทัน กองทัพเล็ก ๆ ของนางจึงไม่มีใครล้มตายกว่าการประชุมจะจบลง พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว ซื่อหวนหลงออกคำสั่งให้กองทัพพักผ่อน 2 สัปดาห์ จากนั้นเขาจะให้ทหารม้าเป็นทัพหน้าแต่จัดขบวนเหมือนที่ม่านหรูทำในครั้งนี้ เพื่อจะได้ตีฝ่าค่ายทัพของแคว้นเจิ้งไปให้สิ้นซากเสีย หลังจากที่คราวนี้พวกเขาทำไม่สำเร็จเช้าวันต่อมา เหล่าแม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองที่มีประสบการณ์นำเรื่องในที่ประชุมเมื่อวานไปแจ้งเหล่าทหารให้กระจายข่าวกันออกไป เพื่อเตรียมตัวสู้ศึกครั้งต่อไปในอีก 2 สัปดาห์ที่จะถึงนี้ ม่านหรูเมื่อทราบข่าว นางก็นำทหารในกองฝึกฝนให้หนักยิ่งกว่าเก่า เพราะการต่อสู้ที่ผ่านมานางเห็นข้อบกพร่องในกองทหารของนาง10 วันผ่านไป ซื่อหวนหลงเทียวออกมาดูการฝึกทหารของม่านหรูวันเว้นวัน ตั้งแต่ที่เขาออกคำสั่งให้พักผ่อนและเ
รองแม่ทัพทั้งสามที่นำทัพหน้ามารีบสั่งถอยทัพทันทีที่เห็นกองทหารศัตรูพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวลูกธนูที่หลุดออกจากแหล่ง พวกเขาไม่คิดว่าทัพหน้าแคว้นจ้าวจะมีวรยุทธสูงส่งมากขนาดนี้ขณะที่ทัพหน้าแคว้นเจิ้งกำลังเร่งถอยทัพไปตามแผน ม่านหรูกับกองทหารของนางก็ไม่ล่าช้า พวกเขาเร่งมือฝ่าทัพศัตรูที่ตั้งรับไปด้วยถอยหลังไปด้วยอย่างเต็มกำลัง จนใจที่ทัพม้าของศัตรูเข้ามาขวางเอาไว้เพื่อให้ทัพหน้าถอยทัพไปเสียก่อน กองกำลังของนางจึงต้องหยุดเพื่อต้านทานทัพม้าจำนวนนับพันที่โอบล้อมพวกนางไว้ซื่อหวนหลงเห็นกองทัพของม่านหรูกำลังตกที่นั่งลำบากและศัตรูส่วนใหญ่หนีลึกเข้าไปในเขตแดนแคว้นเจิ้งแล้ว เขาร้องสั่งรองแม่ทัพให้ส่งคนไปช่วยกลุ่มของม่านหรูก่อนที่จะถูกกลุ้มรุมสังหารจากทัพม้าของศัตรู ตัวเขาเองยังไสม้าฝ่าเข้าไปช่วยด้วยอีกคนม่านหรูที่กำลังรับมือทหารม้า 5 คนพร้อมกันเห็นว่ากลุ่มของนางเริ่มกระจายตัวออกก็ยิ่งเป็นห่วง นางรีบสั่งน้องชายทั้งสองให้เรียกรวมกลุ่มเอาไว้และให้พวกเขาไปช่วยรับมือกับทหารม้าด้านที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มก่อน“พวกข้ารู้แล้ว พี่ใหญ่ระวังตัวด้วยขอรับ”“อืม… ข้าจะระวังตัว พวกเจ้ารีบไป ข้าจะจัดการทหารพวกนี้ก
ม่านหรูกับน้องทั้งสามได้ยินเสียงเกือกม้าด้านหลังก็รู้ว่าพวกเขาต้องเร่งมือให้ทัพม้าเข้าตีต่อ นางจึงใช้พลังลมปราณเพิ่มขึ้นเพื่อลดเวลาการต่อสู้ลงให้มากที่สุด ติงอ้ายกับติงเอ้อคอยป้องกันศัตรูให้พี่ใหญ่ ทำให้พื้นที่ที่ทั้งสามอยู่นั้นถูกแหวกออกเป็นวงกว้างไม่น้อย ทหารในหมู่เดียวกันอีก 7 คนคอยใช้โอกาสที่ศัตรูเพลี่ยงพล้ำตวัดดาบซ้ำไปจนศัตรูตายไปไม่น้อยเช่นกันซื่อหวนหลงเห็นว่าหัวหน้าหมู่ร่างเล็กบางฝีมือไม่เลวและชายหนุ่มอีกสองที่คอยต่อสู้เคียงข้างหัวหน้าหมู่ร่างเล็กคนนั้นก็น่าสนใจ เขาจึงสั่งการให้พวกเขาเร่งฝ่าทัพศัตรูเร็วขึ้น ม่านหรูได้แต่กลอกตามองบนอย่างหมั่นไส้และคิดในใจว่านี่ข้ายังรีบไม่พออีกหรือ หากเจ้ารีบนักทำไมไม่ขี่ม้าขึ้นหน้าไปก่อนเล่าซื่อหวนหลงไม่เห็นว่าม่านหรูหน้าตาบูดบึ้งมากแค่ไหนหลังได้รับคำสั่ง เขาที่อยู่บนหลังม้าใช้ง้าวฆ่าฟันศัตรูเพื่อช่วยเปิดทางด้วยอีกแรงหนึ่ง ม่านหรูเข้าไปใกล้แม่ทัพใหญ่แคว้นเจิ้งอีกเพียงไม่ถึง 10 ก้าว นางร้องบอกน้อง ๆ ให้แหวกทางต่อเพื่อให้แม่ทัพใหญ่ของนางเข้าไปจัดการตามหน้าที่ของเขาเสียติงอ้ายกับติงเอ้อต่างร้องรับคำพี่ใหญ่เสียงดัง ซื่อหวนหลงได้ยินจึงเพิ่งรู้ว่า
ม่านหรูถึงแม้จะอยู่แถวหลังกลุ่มทหารที่มาจากเมืองหลวง แต่นางก็เห็นหน้าของแม่ทัพใหญ่ซึ่งหล่อเหลาและตัวสูงใหญ่มากกว่าทหารคนอื่นที่ยืนอยู่บนเวทีด้วยกันเกือบหนึ่งช่วงศรีษะ ยิ่งได้ยินเสียงจากพลังลมปราณที่กล้าแกร่งของเขา นางก็ยิ่งคิดว่าตนเองยังเป็นกบในกะลา ทั้งที่ตัวนางเองฝึกฝนมานานยังมีลมปราณไม่มากเท่าชายผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ที่อายุน่าจะห่างจากนางไม่มากทหารใหม่ทั้งหมดเกือบร้อยคนมายืนเรียงแถวกันที่หน้าเวที พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาเท่านั้น อีกทั้งกลุ่มคนพวกนี้เป็นลูกพ่อค้าจึงทำตัวเกเรแต่แรกทหารคนอื่นคิดว่าพวกเขาน่าจะถูกแม่ทัพใหญ่ลงโทษไม่น้อย“พวกเจ้าฝึกฝนมานานเท่าไหร่แล้ว เหตุใดแค่จัดแถวจึงทำไม่ได้”หม่าต้าเฟยหัวหน้ากลุ่มลูกพ่อค้าถือตัวว่าที่บ้านร่ำรวยจึงคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง เขาพยายามยัดเงินให้หัวหน้าหมู่กับนายกองเพื่อความสบาย แต่พวกเขาไม่ยอมรับเงิน จึงทำให้หม่าต้าเฟยรวมตัวลูกพ่อค้าเที่ยวก่อกวนไปทั่วมาตั้งแต่แรก“พวกข้าฝึกเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น เจ้าจะให้พวกเราชาวบ้านตาดำ ๆ ทำอย่างพวกเจ้าที่เป็นทหารมานานได้อย่างไร”“เจ้าชื่ออะไร เหตุใดก่อนรายงานไม่ขานชื่อตนเองก่อน นายกอง นำตัวไปลง
หนึ่งเดือนต่อมา ทหารมาที่หมู่บ้านเพื่อคัดเลือกเด็กหนุ่มเข้าไปเป็นทหารให้ทางการ เพราะตอนนี้แคว้นเจิ้งรุกรานแคว้นจ้าวจนชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่ว ชาวบ้านที่มีลูกชายจำเป็นต้องส่งลูกให้เหล่าทหารทั้งน้ำตา พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านแล้วจะไปสู้รบปรบมือกับใครเขาได้ แต่ทหารที่มากลับบอกว่าพวกเขาจะฝึกฝนคนเหล่านี้ก่อนเข้าสู่สนามรบในอีก 3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากต้องรอทัพใหญ่จากเมืองหลวงซึ่งกำลังเดินทางมาถึงชายแดนเสียก่อนจึงจะร่วมทัพกันม่านหรูพอรู้ว่าน้อง ๆ ต้องไปเป็นทหารก็นึกเป็นห่วง นางแอบตามน้องไปเข้าขบวนกับเหล่าทหารด้วย ก่อนไปนางบอกท่านปู่เอาไว้แล้วว่าจะพาน้องกลับมาได้อย่างแน่นอน ชางจ้าวหลงที่สอนสั่งม่านหรูมาตลอด 10 ปีรู้ดีว่าหลานสาวเก่งกาจกว่าน้องชายทั้งสองมากนัก ไม่ว่าจะเรื่องความคิดรอบคอบหรือความหัวไวของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร เขาจึงได้แต่จำใจส่งหลานสาวไปพร้อมมีดบินที่เขาสั่งทำเอาไว้เมื่อหลายปีก่อนให้นางติดตัวไปด้วยกว่าที่เสี่ยวชิงกับติงกวนจะรู้ว่าลูกสาวแอบตามน้องไปก็สายเกินไปเสียแล้ว หากพวกเขาไปนำตัวม่านหรูกลับมา นางอาจจะถูกลงโทษฐานเข้าร่วมโดยพละการ พวกเขาจึงไม่กล้าวู่วามและได้แต่รอคอยตามที่ท่านพ่อ