“ม่านหรู เจ้าจะเก็บตั๋วแลกเงินเอาไว้เลยหรือไม่ ปู่จะได้ส่งให้เจ้า”
“อืม… ข้าขอให้ท่านปู่เก็บไว้ก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ ข้ากลัวท่านพ่อท่านแม่จะตกใจ”
“เจ้าไม่กลัวว่าปู่จะหนีไปพร้อมตั๋วเงินนี่หรือ หืม…”
“เหตุใดข้าจึงต้องกลัวเล่าเจ้าคะ ในเมื่อท่านปู่สัญญาแล้วว่าจะสอนวิชาข้ากับน้อง”
ม่านหรูเอียงหัวตอบคำถามเขาอย่างน่ารัก ทำเอาชางจ้าวหลงที่อยากกลับไปสำนักเพื่อแก้แค้นได้แต่หัวเราะเบา ๆ ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าจะสอนนางกับน้องให้มีฝีมือดีกว่าศิษย์ทรยศที่เขาเคยสอนมา ในเมื่อฟ้าส่งเขามาพบกับนางเช่นนี้ก็นับว่าเป็นวาสนาของพวกนางพี่น้องก็แล้วกัน ไม่นานนักชางจ้าวหลงก็มาถึงร้านขายเสื้อผ้าในเมืองซึ่งทหารบอกเอาไว้ เขาเข้าไปเห็นพนักงานมองมาอย่างตกใจก็เข้าใจดีว่าตัวเองในตอนนี้นั้นมีสภาพเป็นอย่างไร
“เจ้าไปเลือกเสื้อผ้าเนื้อดีสีดำมาให้ข้าสักสองชุด ส่วนของหลานสาวข้าเจ้าเลือกมาอีกสักสองตัวก็แล้วกัน ม่านหรู น้องชายเจ้าตัวโตแค่ไหนแล้ว ปู่จะได้บอกนางให้เอาชุดมาให้เจ้าเลือก”
ม่านหรูคิดอยู่สักพักก็เอ่ยเสียงเล็ก ๆ ออกมาถึงขนาดตัวน้องชายทั้งสองและยังมีชุดของพ่อกับแม่นางด้วยที่นางขอให้ชายชราช่วยบอกคนขายให้นำมาให้นางดู ไม่นานนักชุดต่าง ๆ ที่ชางจ้าวหลงต้องการก็มากองอยู่เต็มชั้นเพื่อให้พวกเขาเลือก
“ม่านหรู เลือกดูสิว่าชุดพวกนี้ขนาดพอดีกับพ่อแม่และน้องชายเจ้าหรือไม่ ปู่จะเข้าไปเปลี่ยนชุดก่อน เจ้าบอกราคาชุดของข้าสองตัวนี้มา ข้าจะจ่ายก่อนแล้วค่อยเปลี่ยน”
“ชุดของท่านผู้เฒ่าสองชุดราคา 10 ตำลึงเจ้าค่ะ เพราะเนื้อผ้าดีที่สุดในร้านแล้ว”
ชางจ้าวหลงยื่นเงิน 10 ตำลึงส่งให้นางก่อนจะหยิบชุดไปหนึ่งชุดเพื่อเปลี่ยนที่ด้านหลังร้านซึ่งคนขายชี้นิ้วบอกเขาก่อนจะรับเงินไป ส่วนม่านหรูที่ตัวเล็กก็บอกให้คนขายช่วยยกชุดขึ้นมาให้นางดูว่าขนาดพอดีหรือไม่ ชางจ้าวหลงเปลี่ยนชุดเสร็จไม่นานก็เดินออกมาดูว่าม่านหรูเลือกเสื้อผ้าไปถึงไหนแล้ว พอเห็นว่านางดูใกล้เสร็จเขาจึงหันไปถามราคาเสื้อผ้าทั้งหมด
“หากซื้อชุดทั้งหมด 8 ชุดนี้ ราคาอยู่ที่ 40 ตำลึงเจ้าค่ะ เพราะเป็นเนื้อผ้าแบบเดียวกับของท่านผู้เฒ่า”
“ม่านหรู เจ้าชอบชุดพวกนี้หรือไม่ ปู่จะได้จ่ายเงินให้ แล้วเจ้าก็เข้าไปเปลี่ยนเป็นชุดที่น่ารัก ๆ ตัวใหม่ออกมาดีหรือไม่”
“ข้าชอบเจ้าค่ะท่านปู่ รบกวนท่านปู่จ่ายเงินให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ ข้าจะไปเปลี่ยน”
ชางจ้าวหลงส่งยิ้มให้ม่านหรูที่เชื่อฟังนักตรงหน้า ก่อนเขาจะล้วงเงินออกมา 40 ตำลึงและส่งให้คนขาย นางรับเงินมาแล้วหยิบชุดผู้หญิงสีฟ้าอ่อนส่งให้ม่านหรูนำไปเปลี่ยนในห้องด้านหลัง ส่วนชุดที่เหลือนางหาผ้ามาห่อและส่งให้ชางจ้าวหลง เขานำชุดทั้งหมดใส่ลงในตะกร้าสะพายหลังเอาไว้ ก่อนจะรอดูว่าม่านหรูเปลี่ยนชุดใหม่แล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง
ม่านหรูเปลี่ยนชุดเสร็จก็เดินออกมาอย่างอาย ๆ ตั้งแต่เกิดมานางไม่เคยใส่ชุดที่สวยขนาดนี้มาก่อนจึงดูเก้ ๆ กัง ๆ ไม่น้อย ชางจ้าวหลงเห็นเข้าก็หัวเราะเบา ๆ
“ไหนมาให้ปู่ดูใกล้ ๆ สิว่าม่านหรูของปู่น่ารักแค่ไหน”
“ท่านปู่อย่าล้อข้าสิเจ้าคะ ข้าอายนะ”
“ฮ่า ฮ่า เอาล่ะ ๆ ปู่ไม่ล้อเจ้าแล้ว เอาชุดเก่าของเจ้ามานี่ ปู่จะใส่ตะกร้าไว้ให้”
ม่านหรูส่งชุดในมือที่เก่าซีดจนแทบไม่มีสีให้ชายชราตรงหน้าซึ่งยิ้มกว้างมาให้นางอย่างเอ็นดู หลังเก็บชุดเก่าแล้ว ชางจ้าวหลงก็อุ้มม่านหรูขึ้นมาแล้วเดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผยเหมือนตอนออกจากร้านขายสมุนไพร เขาพาม่านหรูไปร้านขายกล่องไม้สำหรับใส่เห็ดที่เหลืออีก 5 ดอก กล่องขนาดกลางราคาแค่ 1 ตำลึง ชางจ้าวหลงจ่ายเงินให้พ่อค้าแล้วนำเห็ดในห่อผ้ามาใส่เอาไว้อย่างเบามือ เขารองเห็ดด้วยผ้าผืนเดิมที่ม่านหรูห่อเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วปิดกล่องใส่ลงในตะกร้าเหมือนเดิม
“เจ้าอยากกินอะไรไหมม่านหรู ปู่จะพาเจ้าแวะกินอาหารอร่อย ๆ ดีหรือไม่”
“อืม… ข้าอยากซื้อไปให้ที่บ้านกินด้วยเจ้าค่ะท่านปู่ ท่านช่วยสั่งอาหารอร่อย ๆ ให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ตกลง ๆ ปู่จะพาเจ้าไปสั่งอาหาร บ้านเจ้ามีเนื้อ ผัก ไข่ ข้าว และเครื่องปรุงรสหรือไม่เล่า ปู่จะได้พาแวะซื้อก่อนจะกลับหมู่บ้าน”
“ข้าไม่รู้เจ้าค่ะท่านปู่ ที่บ้านข้ามีแค่ข้าวผสมธัญพืชเท่านั้น ไข่ตั้งแต่เกิดมาข้ายังไม่เคยกินเลยเจ้าค่ะ ผักที่บ้านก็เป็นผักป่าที่ข้าหามาเท่านั้น ท่านเห็นว่าสิ่งใดควรซื้อก็ซื้อได้นะเจ้าคะ ข้าไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้”
“เช่นนั้นปู่จะเลือกซื้อวัตถุดิบไปด้วยก็แล้วกัน แต่ปู่คิดว่าตะกร้าใบเล็กของเจ้าน่าจะไม่พอใส่ของกระมัง เดี๋ยวปู่ซื้อตะกร้าใบใหญ่ไว้สักใบด้วยนะม่านหรู”
ม่านหรูพยักหน้าให้ชายชราพร้อมรอยยิ้ม นางรู้ว่าตะกร้าของนางอาจใหญ่สำหรับนาง แต่สำหรับผู้ใหญ่ตัวสูงอย่างท่านปู่ผู้นี้ มันน่าจะเล็กมากสำหรับเขา
กว่าที่ชางจ้าวหลงจะไปสั่งอาหารและนั่งรออาหาร จนกระทั่งไปซื้อข้าวของจำเป็นพร้อมตะกร้าสะพายหลังใบใหญ่เสร็จก็เลยเที่ยงไปนานแล้ว เขาสะพายตะกร้าสองใบด้วยแขนคนละข้างอย่างไม่หนักแรงแล้วอุ้มม่านหรูเดินออกจากเมืองกลับไปยังหมู่บ้านด้วยวิชาตัวเบาของเขาภายในเวลาไม่ถึงสองเค่อเช่นเคย
“เจ้าจะให้ปู่เข้าไปในหมู่บ้านด้วยเลยหรือไม่ ม่านหรู”
“ข้าว่าท่านปู่พาข้าไปหาท่านพ่อท่านแม่ที่ไร่ก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ ข้าอยากแนะนำให้พวกเขารู้จักกับท่านปู่ก่อน ไม่อย่างนั้นชาวบ้านคงเก็บไปนินทาอีกแน่”
ชางจ้าวหลงคิดตามที่เด็กน้อยบอกก็เห็นดีด้วย เขาคิดน้อยเกินไปจริง ๆ ต่างจากแม่หนูในอ้อมแขนที่คิดอะไรรอบคอบไปเสียทุกอย่าง ทั้งที่อายุยังน้อยเช่นนี้ เขาที่เห็นความสามารถเล็ก ๆ น้อย ๆ และความอดทนของม่านหรูที่รีบขึ้นเขาไปหาเขาทั้งที่ยังไม่กินข้าวเช้าก็ยิ่งเอ็นดูนางเหมือนหลานสาวเข้าจริง ๆ
ม่านหรูชี้บอกทางให้ชางจ้าวหลงเดินไปทางขวาที่มีทุ่งนายาวเป็นแถวก่อนถึงหมู่บ้านเล็กน้อย เขาเดินเร็ว ๆ แทนการใช้วิชาตัวเบาไปตามทางที่นางบอก เมื่อไปถึงแปลงนาด้านหลัง เขาก็เห็นผู้ใหญ่ 2 คน เด็กชาย 2 คนกำลังก้ม ๆ เงย ๆ ถอนหญ้าในแปลงนาอยู่
“ท่านปู่ปล่อยข้าลงก่อนเจ้าค่ะ ข้าจะพาท่านไปรู้จักครอบครัวของข้า”
ชางจ้าวหลงยิ้มส่งให้ม่านหรูก่อนจะปล่อยนางออกจากอ้อมแขน หลังเห็นว่านางยืนได้มั่นคงแล้ว เขาจึงปล่อยมือและเดินตามนางไปด้วยหลังที่เหยียดตรงเหมือนคันธนูซึ่งดูแล้วช่างสง่าผ่าเผยดั่งคนมีความรู้จริง ๆ
“ท่านพ่อท่านแม่ น้องรอง น้องสาม มาดูสิว่าข้าพาใครมารู้จักพวกท่าน”
ม่านหรูวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปที่นาตรงหน้าแล้วร้องบอกครอบครัวเสียงดัง พวกเขาได้ยินเสียงม่านหรูจึงละมือจากสิ่งที่กำลังทำอยู่แล้วเงยหน้ามองไปทางที่นางกำลังวิ่งมาหาพวกเขา ด้านหลังม่านหรูมีชายชราท่าทางภูมิฐานเดินตามหลังลูกพวกเขามาติด ๆ สองสามีภรรยาต่างหันมองหน้ากันอย่างมึนงง พวกเขาไม่รู้ว่าลูกสาวพาใครมาด้วยจริง ๆ
“ท่านพ่อท่านแม่ นี่ท่านปู่ชางเจ้าค่ะ ข้าพบท่านปู่บนเขาเมื่อวานนี้จึงกลับบ้านช้า”
“อ้อ เป็นเช่นนี้นี่เอง คารวะท่านผู้อาวุโสขอรับ ต้องขอโทษที่ลูกข้าไปรบกวนท่าน”
“เจ้าไม่ต้องเกรงใจ ข้าต่างหากที่ควรขอบคุณนางที่ช่วยข้าเอาไว้เมื่อวานนี้ วันนี้ข้าเลยพานางไปซื้อของมาตอบแทนพวกเจ้า และข้ามีเรื่องจะคุยกับพวกเจ้าด้วย พวกเจ้าว่างกันหรือไม่เล่า”
“เอ่อ ตอนนี้พวกข้ายังต้องทำงานก่อนน่ะขอรับ ไม่เช่นนั้นค่าจ้างในวันนี้พวกข้าจะไม่ได้รับแม้แต่อีแปะเดียว”
“เรื่องค่าจ้างเจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้ามีเงินมามอบให้พวกเจ้าไม่น้อย เอาล่ะ พวกเจ้าพาลูกกลับบ้านไปพร้อมกับข้าก่อน แล้วค่อยไปคุยกันที่นั่น”
“ขอรับท่านผู้อาวุโส ส่วนเรื่องเงิน ท่านไม่จำเป็นต้องให้พวกเราหรอกขอรับ พวกเราไม่กล้ารับ แค่สิ่งของมากมายที่ท่านสะพายอยู่นั่นก็ไม่น้อยแล้ว”
“อืม… เอาไว้ข้าเล่าให้พวกเจ้าฟังก่อน พวกเจ้าค่อยตอบข้าก็ไม่สาย นำทางเถอะ”
“ขอรับ” ติงกวนกับภรรยาได้แต่ต้องวางมือจากงานแล้วชวนลูกๆ กลับบ้าน โดยมีคนแปลกหน้าอย่างชางจ้าวหลงเดินตามไปติด ๆ ระหว่างทางพวกเขาไม่กล้าพูดอะไรกับลูกมากด้วยกลัวว่าชาวบ้านจะแอบได้ยินเข้า หากมีอะไรไม่ชอบมาพากล พวกเขาคงถูกว่าร้ายอีกเป็นแน่
ชางจ้าวหลงวางท่าเป็นอาจารย์ได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน ถึงแม้เขาจะสะพายตะกร้าถึงสองใบอยู่ก็ตาม ชาวบ้านเห็นคนแปลกหน้าเดินตามครอบครัวยากจนไปติด ๆ ต่างก็อยากรู้อยากเห็น เพียงแต่พอพวกเขาเห็นสายตาดุ ๆ ของชางจ้าวหลงเข้า พวกเขาจึงไม่กล้าตามไปสอดรู้สอดเห็นเรื่องของครอบครัวติงต่อ
กลุ่มของติงกวนเดินทางเกือบหนึ่งเค่อกว่าจะถึงบ้านหลังไม่ใหญ่นักซึ่งอยู่ที่ท้ายหมู่บ้านติดกับตีนเขา เป็นเพราะมีเด็ก ๆ อยู่จึงทำให้ผู้ใหญ่อย่างพวกเขาเดินได้ช้ากว่าปกติ ติงกวนเชิญชางจ้าวหลงเข้าบ้านก่อนจะปิดประตูรั้วและในบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้ชาวบ้านมาแอบฟังเหมือนทุกครั้งเสี่ยวชิงเห็นสามีเชิญผู้อาวุโสเข้าไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวแล้ว นางจึงบอกให้ลูก ๆ เข้าไปรอในห้องก่อน ส่วนนางเดินเข้าไปนำน้ำต้มสุกมาวางเอาไว้ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ สามีของนาง เพื่อรอฟังเรื่องราวจากปากชายชราว่าลูกสาวนางช่วยอะไรเขาเอาไว้ชางจ้าวหลงเห็นทั้งสองพร้อมที่จะฟังแล้ว เขาจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่ม่านหรูทำเมื่อวานนี้ให้พวกเขาฟัง โดยเขาไม่ได้บอกว่าเขาเป็นใครมาจากไหน เพียงแต่เงินขายเห็ดหลินจือแดงที่เหลือหนึ่งร้อยกว่าตำลึง เขาต้องมอบให้พวกเขาเก็บไว้ ส่วนตั๋วเงินที่ม่านหรูฝากเอาไว้ เขาไม่ได้บอกกล่าวออกมา หลังเล่าจบ เขาก็ส่งตะกร้าสิ่งของให้ที่ด้านข้างโต๊ะ เพื่อให้พวกเขาตรวจดูว่ามีสิ่งของจำเป็นครบหรือไม่ ก่อนที่จะส่งเงินในกระเป๋าผ้าที่เหลือให้พวกเขาติงกวนกับเสี่ยวชิงช่วยกันดูสิ่งของมากมายในตะกร้าใบใหญ่ ก่อนจะดูของในตะกร้าใบเล็กต่อ พอ
หนึ่งเดือนต่อมา ทหารมาที่หมู่บ้านเพื่อคัดเลือกเด็กหนุ่มเข้าไปเป็นทหารให้ทางการ เพราะตอนนี้แคว้นเจิ้งรุกรานแคว้นจ้าวจนชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่ว ชาวบ้านที่มีลูกชายจำเป็นต้องส่งลูกให้เหล่าทหารทั้งน้ำตา พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านแล้วจะไปสู้รบปรบมือกับใครเขาได้ แต่ทหารที่มากลับบอกว่าพวกเขาจะฝึกฝนคนเหล่านี้ก่อนเข้าสู่สนามรบในอีก 3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากต้องรอทัพใหญ่จากเมืองหลวงซึ่งกำลังเดินทางมาถึงชายแดนเสียก่อนจึงจะร่วมทัพกันม่านหรูพอรู้ว่าน้อง ๆ ต้องไปเป็นทหารก็นึกเป็นห่วง นางแอบตามน้องไปเข้าขบวนกับเหล่าทหารด้วย ก่อนไปนางบอกท่านปู่เอาไว้แล้วว่าจะพาน้องกลับมาได้อย่างแน่นอน ชางจ้าวหลงที่สอนสั่งม่านหรูมาตลอด 10 ปีรู้ดีว่าหลานสาวเก่งกาจกว่าน้องชายทั้งสองมากนัก ไม่ว่าจะเรื่องความคิดรอบคอบหรือความหัวไวของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร เขาจึงได้แต่จำใจส่งหลานสาวไปพร้อมมีดบินที่เขาสั่งทำเอาไว้เมื่อหลายปีก่อนให้นางติดตัวไปด้วยกว่าที่เสี่ยวชิงกับติงกวนจะรู้ว่าลูกสาวแอบตามน้องไปก็สายเกินไปเสียแล้ว หากพวกเขาไปนำตัวม่านหรูกลับมา นางอาจจะถูกลงโทษฐานเข้าร่วมโดยพละการ พวกเขาจึงไม่กล้าวู่วามและได้แต่รอคอยตามที่ท่านพ่อ
ม่านหรูถึงแม้จะอยู่แถวหลังกลุ่มทหารที่มาจากเมืองหลวง แต่นางก็เห็นหน้าของแม่ทัพใหญ่ซึ่งหล่อเหลาและตัวสูงใหญ่มากกว่าทหารคนอื่นที่ยืนอยู่บนเวทีด้วยกันเกือบหนึ่งช่วงศรีษะ ยิ่งได้ยินเสียงจากพลังลมปราณที่กล้าแกร่งของเขา นางก็ยิ่งคิดว่าตนเองยังเป็นกบในกะลา ทั้งที่ตัวนางเองฝึกฝนมานานยังมีลมปราณไม่มากเท่าชายผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ที่อายุน่าจะห่างจากนางไม่มากทหารใหม่ทั้งหมดเกือบร้อยคนมายืนเรียงแถวกันที่หน้าเวที พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาเท่านั้น อีกทั้งกลุ่มคนพวกนี้เป็นลูกพ่อค้าจึงทำตัวเกเรแต่แรกทหารคนอื่นคิดว่าพวกเขาน่าจะถูกแม่ทัพใหญ่ลงโทษไม่น้อย“พวกเจ้าฝึกฝนมานานเท่าไหร่แล้ว เหตุใดแค่จัดแถวจึงทำไม่ได้”หม่าต้าเฟยหัวหน้ากลุ่มลูกพ่อค้าถือตัวว่าที่บ้านร่ำรวยจึงคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง เขาพยายามยัดเงินให้หัวหน้าหมู่กับนายกองเพื่อความสบาย แต่พวกเขาไม่ยอมรับเงิน จึงทำให้หม่าต้าเฟยรวมตัวลูกพ่อค้าเที่ยวก่อกวนไปทั่วมาตั้งแต่แรก“พวกข้าฝึกเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น เจ้าจะให้พวกเราชาวบ้านตาดำ ๆ ทำอย่างพวกเจ้าที่เป็นทหารมานานได้อย่างไร”“เจ้าชื่ออะไร เหตุใดก่อนรายงานไม่ขานชื่อตนเองก่อน นายกอง นำตัวไปลง
ม่านหรูกับน้องทั้งสามได้ยินเสียงเกือกม้าด้านหลังก็รู้ว่าพวกเขาต้องเร่งมือให้ทัพม้าเข้าตีต่อ นางจึงใช้พลังลมปราณเพิ่มขึ้นเพื่อลดเวลาการต่อสู้ลงให้มากที่สุด ติงอ้ายกับติงเอ้อคอยป้องกันศัตรูให้พี่ใหญ่ ทำให้พื้นที่ที่ทั้งสามอยู่นั้นถูกแหวกออกเป็นวงกว้างไม่น้อย ทหารในหมู่เดียวกันอีก 7 คนคอยใช้โอกาสที่ศัตรูเพลี่ยงพล้ำตวัดดาบซ้ำไปจนศัตรูตายไปไม่น้อยเช่นกันซื่อหวนหลงเห็นว่าหัวหน้าหมู่ร่างเล็กบางฝีมือไม่เลวและชายหนุ่มอีกสองที่คอยต่อสู้เคียงข้างหัวหน้าหมู่ร่างเล็กคนนั้นก็น่าสนใจ เขาจึงสั่งการให้พวกเขาเร่งฝ่าทัพศัตรูเร็วขึ้น ม่านหรูได้แต่กลอกตามองบนอย่างหมั่นไส้และคิดในใจว่านี่ข้ายังรีบไม่พออีกหรือ หากเจ้ารีบนักทำไมไม่ขี่ม้าขึ้นหน้าไปก่อนเล่าซื่อหวนหลงไม่เห็นว่าม่านหรูหน้าตาบูดบึ้งมากแค่ไหนหลังได้รับคำสั่ง เขาที่อยู่บนหลังม้าใช้ง้าวฆ่าฟันศัตรูเพื่อช่วยเปิดทางด้วยอีกแรงหนึ่ง ม่านหรูเข้าไปใกล้แม่ทัพใหญ่แคว้นเจิ้งอีกเพียงไม่ถึง 10 ก้าว นางร้องบอกน้อง ๆ ให้แหวกทางต่อเพื่อให้แม่ทัพใหญ่ของนางเข้าไปจัดการตามหน้าที่ของเขาเสียติงอ้ายกับติงเอ้อต่างร้องรับคำพี่ใหญ่เสียงดัง ซื่อหวนหลงได้ยินจึงเพิ่งรู้ว่า
รองแม่ทัพทั้งสามที่นำทัพหน้ามารีบสั่งถอยทัพทันทีที่เห็นกองทหารศัตรูพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวลูกธนูที่หลุดออกจากแหล่ง พวกเขาไม่คิดว่าทัพหน้าแคว้นจ้าวจะมีวรยุทธสูงส่งมากขนาดนี้ขณะที่ทัพหน้าแคว้นเจิ้งกำลังเร่งถอยทัพไปตามแผน ม่านหรูกับกองทหารของนางก็ไม่ล่าช้า พวกเขาเร่งมือฝ่าทัพศัตรูที่ตั้งรับไปด้วยถอยหลังไปด้วยอย่างเต็มกำลัง จนใจที่ทัพม้าของศัตรูเข้ามาขวางเอาไว้เพื่อให้ทัพหน้าถอยทัพไปเสียก่อน กองกำลังของนางจึงต้องหยุดเพื่อต้านทานทัพม้าจำนวนนับพันที่โอบล้อมพวกนางไว้ซื่อหวนหลงเห็นกองทัพของม่านหรูกำลังตกที่นั่งลำบากและศัตรูส่วนใหญ่หนีลึกเข้าไปในเขตแดนแคว้นเจิ้งแล้ว เขาร้องสั่งรองแม่ทัพให้ส่งคนไปช่วยกลุ่มของม่านหรูก่อนที่จะถูกกลุ้มรุมสังหารจากทัพม้าของศัตรู ตัวเขาเองยังไสม้าฝ่าเข้าไปช่วยด้วยอีกคนม่านหรูที่กำลังรับมือทหารม้า 5 คนพร้อมกันเห็นว่ากลุ่มของนางเริ่มกระจายตัวออกก็ยิ่งเป็นห่วง นางรีบสั่งน้องชายทั้งสองให้เรียกรวมกลุ่มเอาไว้และให้พวกเขาไปช่วยรับมือกับทหารม้าด้านที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มก่อน“พวกข้ารู้แล้ว พี่ใหญ่ระวังตัวด้วยขอรับ”“อืม… ข้าจะระวังตัว พวกเจ้ารีบไป ข้าจะจัดการทหารพวกนี้ก
ซื่อหวนหลงเรียกประชุมในวันต่อมา ม่านหรูที่เป็นเพียงนายกองเล็ก ๆ ไม่ต้องเข้าร่วม นางจึงไปตรวจสอบทหารในกองว่าใครบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน โชคดีที่เมื่อวานคนของแม่ทัพใหญ่ตามมาช่วยเปิดทางได้ทัน กองทัพเล็ก ๆ ของนางจึงไม่มีใครล้มตายกว่าการประชุมจะจบลง พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว ซื่อหวนหลงออกคำสั่งให้กองทัพพักผ่อน 2 สัปดาห์ จากนั้นเขาจะให้ทหารม้าเป็นทัพหน้าแต่จัดขบวนเหมือนที่ม่านหรูทำในครั้งนี้ เพื่อจะได้ตีฝ่าค่ายทัพของแคว้นเจิ้งไปให้สิ้นซากเสีย หลังจากที่คราวนี้พวกเขาทำไม่สำเร็จเช้าวันต่อมา เหล่าแม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองที่มีประสบการณ์นำเรื่องในที่ประชุมเมื่อวานไปแจ้งเหล่าทหารให้กระจายข่าวกันออกไป เพื่อเตรียมตัวสู้ศึกครั้งต่อไปในอีก 2 สัปดาห์ที่จะถึงนี้ ม่านหรูเมื่อทราบข่าว นางก็นำทหารในกองฝึกฝนให้หนักยิ่งกว่าเก่า เพราะการต่อสู้ที่ผ่านมานางเห็นข้อบกพร่องในกองทหารของนาง10 วันผ่านไป ซื่อหวนหลงเทียวออกมาดูการฝึกทหารของม่านหรูวันเว้นวัน ตั้งแต่ที่เขาออกคำสั่งให้พักผ่อนและเ
ทหารชั้นผู้น้อยทุกนายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ถึงสองวัน ก่อนที่จะได้รับคำสั่งให้เดินทัพกลับค่ายชายแดนต่อไปในวันพรุ่งนี้ ระหว่างการพักผ่อน ม่านหรูกับน้องยังคงฝึกฝนร่างกายตามที่ท่านปู่สอนทุกเช้าไม่ได้ขาด หลังได้คำสั่งกลับค่ายชายแดนพวกเขาก็เก็บข้าวของและไปรวมแถวก่อนจะกลับค่ายชายแดนพร้อมกองทัพใหญ่ช่วงเย็นหลังทานอาหาร ซื่อหวนหลงสั่งรวมพลที่ลานกลางค่ายเพื่อแจ้งข่าวดีให้กับทหารที่ออกรบในครั้งนี้ เมื่อเห็นว่าทหารทั้งหมดตั้งแถวอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ซื่อหวนหลงเรียกทหารใหม่ 10 นายที่แม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองอาวุโสเห็นด้วยในการเลื่อนขั้นให้พวกเขา หนึ่งในนั้นคือติงม่านหรูได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพรวมถึงน้องชายทั้งสองได้เป็นผู้ช่วยของติงม่านหรู อีกเจ็ดคนได้ตำแหน่งนายกองแทนที่ติงม่านหรูกับน้องชายและแทนที่ตำแหน่งทหารที่ถึงวัยออกจากราชการ“ทหารที่ได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพและผู้ช่วยจะต้องเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมข้ากับกองทัพใหญ่เพื่อไปรับพระราชโองการแต่งตั้ง ข้าจะถวายฎีกาแด่ฮ่องเต้เมื่อไปถึง ส่วนทหารระดับรองลงไป ให้ประจำการที่ชา
ซื่อหวนหลงพอรู้ว่าม่านหรูกลับมาแล้ว เขารีบออกไปดูว่าครอบครัวนางเป็นอย่างไร ซื่อหวนหลงแอบมองอยู่ไกล ๆ เพื่อไม่ให้น้องชายนางแสดงอาการพิรุธจนพี่ใหญ่พวกเขาเห็น ซื่อหวนหลงมองเห็นชายชราท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง หญิงและชายวัยกลางคนที่น่าจะเป็นพ่อกับแม่ของนาง เขาอยากเข้าไปทักทาย เพียงแต่คิดว่าไม่น่าจะเหมาะสมนักที่แม่ทัพใหญ่อย่างเขาจะเข้าไปทำความรู้จักครอบครัวรองแม่ทัพซื่อหวนหลงเห็นม่านหรูเข้าไปออดอ้อนชายชราอย่างน่ารัก หัวใจเขายิ่งเต้นกระหน่ำขึ้นมา เขาอยากให้นางมาอ้อนเขาแบบนี้บ้าง ซื่อหวนหลงเห็นชายชรามองมาทางเขาด้วยสายตาคมกริบ เขารีบค้อมคำนับก่อนจะเดินกลับไปที่กระโจม ตอนนี้เขารู้แล้วว่าชายชราน่าจะเป็นคนสอนวรยุทธสามพี่น้อง เพราะเพียงแค่สายตาที่มองมานั้น เขาก็รู้ว่าชายชรามีพลังลมปราณมากมายมหาศาลกว่าเขาและอาจารย์แน่สี่วันต่อมา กองทัพเก็บข้าวของกันตั้งแต่เย็นวาน รุ่งสางของวันพวกเขาเพียงแต่ร่วมทานอาหารกับทหารที่ประจำค่ายชายแดนก่อนออกเดินทางเท่านั้น หลังจากที่จัดขบวนทัพเรียบร้อยแล้ว ซื่อหวนหลงก็สั่งการเดินทัพใ
สายวันต่อมา ขันทีผางนำป้ายพระราชทานพาโหวซื่อหลงกับโหวฮูหยินเดินทางไปยังจวนโหวที่ฝ่าบาทประทานให้ คนอื่น ๆ ต่างตามไปดูเช่นเดียวกัน พวกเขาที่อยากรู้ว่าจวนโหวที่ได้รับหน้าตาเป็นอย่างไรต่างเดินตามขบวนขันทีและทหารไปทิศเหนือใกล้กับวังหลวง กระทั่งขันทีผางสั่งทหารนำป้ายโหวซื่อหลงไปติดเอาไว้ที่หน้าประตูใหญ่ตรงหน้า ทุกคนจึงเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะจวนที่เห็นตอนนี้นั้นใหญ่โตยิ่งกว่าทุกจวนที่พวกเขาเคยเห็นมาเสียอีก“ท่านโหวขอรับ นี่เป็นกุญแจห้องทั้งหมดในจวนโหว ส่วนสิ่งของพระราชทานถูกส่งมาที่จวนตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วขอรับ เชิญท่านโหวกับโหวฮูหยินตรวจสอบตามรายการที่ข้าเขียนให้ในนี้ได้เลยขอรับ ใบรายการอีก 5 ใบนี้ เป็นของท่านติงกั๋วกง รองแม่ทัพแดนเหนือ ผู้ช่วยรองแม่ทัพแดนเหนือ รองแม่ทัพขั้น 3 และกุนซือขั้น 3 ขอรับ”ขันทีผางยื่นส่งใบรายการทั้งหมดให้พวกเขาทีละคน จากนั้นเขาและทหารที่เดินทางมาด้วยกันก็ขอลากลับวังไป ซื่อหวนหลงเปิดประตูใหญ่ออกข้างหนึ่ง ภายในมีพ่อบ้านยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาแนะนำชื่อตนเองและแนะนำบ่าวไพ
ก่อนถึงวันงานเลี้ยงหลังกลับจากเมืองชายแดนตะวันออก ม่านหรูสั่งบ่าวให้นำทางนางไปซื้อกวานเพื่อเตรียมงานสวมกวานให้ลูกชายในช่วงบ่ายวันนี้ ก่อนไปยังเมืองชายแดนม่านหรูนำตั๋วแลกเงินติดตัวมามากถึงหนึ่งหมื่นตำลึง ระหว่างทางพวกนางใช้จ่ายค่าเสบียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ม่านหรูมีเงินเหลืออยู่เก้าพันกว่าตำลึงบ่าวในจวนรองแม่ทัพพาม่านหรูไปร้านเครื่องประดับที่ดีที่สุดในเมืองหลวง ม่านหรูบอกเถ้าแก่ให้นำกวานที่ดีที่สุดมาให้นางเลือก ไม่นานนักนางก็ได้กวานทองสองอันที่มีลวดลายแตกต่างกัน อันหนึ่งนั้นเป็นลายเมฆมงคล ส่วนอีกอันเป็นลายใบไผ่ที่สวยสดใสเหมาะกับซื่อซีซวน ม่านหรูจ่ายค่ากวานไปเกือบสามพันตำลึง ก่อนจะชวนบ่าวกลับจวนเพื่อเตรียมพิธีสวมกวานต่อในช่วงบ่ายที่จวนรองแม่ทัพวันนี้ต่างครึกครื้นและเต็มไปด้วยความสุขหลังจากเจ้านายทั้งสองของจวนเสร็จสิ้นพิธีสวมกวาน เหล่าบ่าวไพร่ในจวนต่างได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงไม่เว้นแม้แต่คนเดียว พวกเขายิ่งรู้สึกซาบซึ้งมากขึ้นไปอีกที่นายท่านถึงอายุจะยังน้อยแต่กลับมีความคิดมากกว่าผู้ใหญ่เสียอ
กลางดึกคืนนั้น ม่านหรูแอบไปพบท่านปู่เพื่อบอกเรื่องที่สามีกับลูกนางกล่าวไว้เมื่อตอนเย็น ชางจ้าวหลงคิดสักพักก็เข้าใจดีว่าพวกเขาคงห่วงม่านหรูมากเกินไป“แล้วเจ้าจะแอบขึ้นเรือกับปู่หรือไม่เล่า ปู่ให้คนเตรียมเชื้อไฟเอาไว้ไม่น้อยแล้ว”“ข้าจะไปพร้อมท่านปู่กับหลาน ๆ เจ้าค่ะ แผนการของเราจะต้องพังเรือทั้งหมดนี่นา”“เช่นนั้นเจ้าให้คนเตรียมเชื้อไฟเอาไว้หรือยัง เราจะได้แอบเดินทางออกไปก่อน”“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะท่านปู่ ข้ายังเอาถุงทรายติดตัวไปด้วย เผื่อต้องใช้ในการต่อสู้”“อืม ดีที่เจ้ารอบคอบ ส่วนปู่นั้นสามารถใช้หยดน้ำแทนมีดบินได้ เอาล่ะ เราไปกันได้แล้วกระมัง เดี๋ยวจะเสียแผนเอา”ม่านหรูพยักหน้ารับคำชางจ้าวหลง ก่อนที่ทั้งสี่คนจะใช้วิชาตัวเบาไปยังหาดทรายที่เดิม เพียงแต่ครานี้กว่าที่ทุกคนจะหลบหลีกคนของกองทัพใหญ่ได้ก็เสียเวลาไม่น้อยเลยทีเดียวครึ่งชั่วยามต่อมา กองเรือโจรสลัดมาเ
สายวันต่อมา โจรสลัดขึ้นบกมาปล้นฆ่าชาวบ้านเหมือนทุกวัน ทหารที่เฝ้าอยู่รีบส่งคนไปแจ้งท่านแม่ทัพในจวน ก่อนที่ทหารทั้ง 19 คน จะต่อสู้กับโจรสลัดรอให้ทหารอีกจำนวนหนึ่งที่ลาดตระเวนอยู่ใกล้ ๆ มาช่วยพวกเขาไม่ถึงสองเค่อ กองทัพของหนิงจิ้งจิวก็พาทหารเข้าจัดการกลุ่มโจรสลัด โดยมีโจรสลัดบางส่วนวิ่งไปยังชายหาดเพื่อหลบหนีเช่นทุกครั้ง แต่ด้วยตอนนี้ทหารรู้ว่ากับดักถูกทำลายแล้ว พวกเขาจึงวิ่งตามอย่างเต็มกำลังจนสามารถจับกุมคนกลับมาได้ถึงสี่คนในคราวเดียว ส่วนโจรสลัดที่กำลังต่อสู้อยู่ก็ถูกฆ่าตายทั้งหมด นี่นับเป็นครั้งแรกที่กองทัพสามารถจับโจรสลัดกลับไปสอบสวนได้ เพียงแต่ภาษาที่พวกเขาพูดมานั้นไม่มีใครสามารถแปลออก พวกเขาจึงทำได้เพียงนำโจรไปกักขังไว้ก่อนแล้วลาดตระเวนรอบชายหาดต่อจนถึงตอนเย็นกลางดึกของวัน ชางจ้าวหลงกับม่านหรู ติงเฟิงหยางและติงเฟิงฮุยมาชายหาดเหมือนกับเมื่อคืนวาน เด็กทั้งสองอยากเรียนวิธีทำลายกับดัก ชางจ้าวหลงให้พวกเขาตามมาด้านหลังและไม่ให้พวกเขาวิ่งวุ่นวาย แต่เสียดายคืนนี้ไม่มีกับดักให้ทำลายเลยแม้แต่น้อยหลังจากที่ช
หลังจากงานศพของทั้งสองคหบดีใหญ่เมืองไห่หลงผ่านไปด้วยดี กว่าที่ซีฮันกับซีซวนจะรู้ข่าวก็สายไปเสียแล้ว พวกเขายังติดงานและไม่สามารถลาไปเคารพทวดที่หลุมฝังศพได้ ในจดหมายท่านพ่อสั่งให้พวกเขารอสิ้นปีจึงค่อยกลับไป ทั้งสองตอนนี้ทำได้เพียงสั่งทหารไปซื้อกระดาษเงินกระดาษทองกับธูปเทียนมาทำพิธีส่งวิญญาณท่านทวดของพวกเขาที่จวนเท่านั้นสองปีต่อมาซื่อหวนหลงได้รับพระราชโองการให้กลับไปเมืองหลวงเพื่อคุมทัพใหญ่ไปช่วยชายแดนตะวันออกซึ่งตอนนี้ถูกโจรสลัดเข้ามาปล้นฆ่าชาวบ้านกันเป็นว่าเล่น เขาจึงรีบสั่งการให้คนไปแจ้งทหารทั้ง 200 นายเตรียมตัวออกเดินทางทันที ม่านหรูอยากไปกับเขาแต่นางรู้ดีว่าครั้งนี้คงไม่สามารถฝ่าฝืนกฎทหารได้อีก นอกจากฝ่าบาทจะส่งราชโองการมาอีกฉบับเพื่อให้นางช่วยเหลือการศึกในครั้งนี้ก่อนออกเดินทาง ซื่อหวนหลงยังสั่งภรรยารักว่าให้ดูแลจวนกับลูกให้ดี เขาจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุดหลังเสร็จงาน ม่านหรูได้แต่พยักหน้ารับคำสามีด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก นางรู้สึกว่าการศึกครั้งนี้ไม่น่า
ม่านหรูเชิญให้ท่านปู่นั่งที่นั่งประธานของบ้าน ส่วนนางกับสามีนั่งลงอีกข้างหนึ่งของห้องโถงใหญ่พร้อมลูกสาว อีกด้านเป็นติงกวน เสี่ยวชิงกับหลาน ๆ นั่งด้วยกัน พวกเขาต่างทักทายกันเสียงจอแจ ก่อนที่ฮวยหลิวจะชวนลูกพี่ลูกน้องออกไปเล่นที่สวนด้านหลังและปล่อยให้พวกผู้ใหญ่คุยกัน“ท่านปู่สบายดีไหมเจ้าคะ ในจดหมายน้องรองบอกว่าท่านยังคอยสอนวรยุทธเด็ก ๆ จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ข้ากับน้องเป็นห่วงท่านนะเจ้าคะ”“เพ้ย! เจ้าจะฟังเด็กสองคนนั้นทำไมกัน ข้าออกจะแข็งแรงอย่างกับอะไรดี มีแต่พ่อแม่เจ้านั่นแหละที่ช่วงนี้ป่วยออด ๆ แอด ๆ น่ะ เจ้าห่วงพวกเขาจะดีกว่า ฮึ!”ชางจ้าวหลงสะบัดหน้าหนีอย่างงอนๆ หลานสาวคนนี้ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขานั้นแข็งแรงยิ่งกว่าพวกนางเสียอีก ม่านหรูเห็นอาการของท่านปู่ก็ได้แต่ถอนหายใจ“ข้ารู้เจ้าค่ะท่านปู่ แต่อย่างน้อยท่านก็ควรจะพักผ่อนตามวัยบ้าง ส่วนท่านพ่อท่านแม่มีน้องรองกับน้องสามคอยดูแล ข้าจึงไม่ได้ห่วงอะไรมากนัก อย่างไรพวกท่านก็ไม่มีวรยุทธ การที่จะเจ็บ
ซื่อซีฮันตอนนี้สอบเข้ารับราชการเป็นรองแม่ทัพตอนอายุเพียง 13 ปีเท่านั้น ส่วนซื่อซีซวนสอบจอหงวนได้อันดับที่สามและได้รับตำแหน่งทั่นฮวาโดยฮ่องเต้ผู้ที่เห็นหลาน ๆ เก่งกาจตั้งแต่อายุยังน้อยไม่ต่างจากพ่อของพวกเขาดีใจที่พวกเขามีใจรักแว่นแคว้นจนอยากอุทิศตัวทำงานให้กับเขาแทนโหวซื่อหลง จ้าวเซียงหลงแต่งตั้งให้ซื่อซีซวนเป็นกุนซือประจำกองทัพเพื่อให้พวกเขาพี่น้องสามารถทำงานร่วมกันได้การเดินทางมาสอบครั้งนี้ของเด็กทั้งสอง มีซื่อหวนหลงกับม่านหรูรวมทั้งซื่อฮวยหลิวมาให้กำลังใจด้วย เมื่อทราบผลการสอบและตำแหน่งที่ลูกได้รับการแต่งตั้ง ซื่อหวนหลงกับม่านหรูก็พาลูกสาวเดินทางกลับเมืองไห่หลง เนื่องจากตอนนี้ท่านตาของซื่อหวนหลงนั้นป่วยออด ๆ แอด ๆ ไม่ต่างจากปู่ของเขาที่อายุมากแล้ว พวกเขาจึงไม่สามารถอยู่ดูแลลูกชายต่อได้ หลังจากนี้คงต้องปล่อยพวกเขาให้รับผิดชอบงานในหน้าที่ของตนเองไป ถึงแม้ซื่อฮวยหลิวจะไม่อยากจากพี่ชายทั้งสองไป แต่นางไม่อาจเอาแต่ใจได้มากนัก ด้วยตัวนางเองก็เป็นห่วงท่านปู่ทวดทั้งสองซึ่งมีนางคอยดูแลและเป็นกำลังใจให้พวกท่านมาตลอด นางกลัวว่าหากนางไม่อย
ม่านหรูที่คิดจะไปเยี่ยมครอบครัวจำเป็นต้องหยุดแผนการเอาไว้ก่อนจนกว่านางจะคลอด ซื่อหวนหลงก็พักงานอย่างอื่นเพื่อคอยดูแลม่านหรูตลอดเวลา ส่วนงานในร้านค้าเขาก็สั่งพ่อบ้านของจวนตระกูลจี้ดูแลแทน จี้หยางที่กำลังจะมีเหลนอีกคนก็แล้วแต่หลานชายจะจัดการ เขาเฝ้ารอดูว่าเหลนคนใหม่จะเป็นชายหรือหญิง นานแล้วที่เขาได้แต่อิจฉาตาเฒ่าซื่อที่มีลูกหลานชายหญิงมากมาย ถึงแม้หลาน ๆ ทางนั้นจะพากันแต่งงานช้ากว่าซื่อหวนหลงหนึ่งปี แต่พวกเขาก็มีลูกกันในปีต่อมาทันที ปีนั้นเขาก็พบเหลนทั้งสองที่อายุยังน้อยจนแทบจำความไม่ได้ อีกทั้งเด็ก ๆ ยังไม่กล้าออดอ้อนเขาเหมือนทุกวันนี้ด้วย จี้หยางจึงหวังว่าเหลนคนใหม่คนนี้เขาจะมีเวลาเลี้ยงดูมากกว่าซื่อซีฮันกับซื่อซีซวนหนึ่งปีต่อมา ม่านหรูตอนนี้คลอดลูกสาวได้เดือนกว่าแล้ว นางจึงคิดอยากจะไปเยี่ยมครอบครัวที่ชายแดนเหนือพร้อมทุกคนสักครั้งหนึ่งซื่อหวนหลงกับเด็ก ๆ ต่างเห่อน้องสาวไม่น้อย พวกเขาไม่ยอมออกจากจวนแม้แต่ครึ่งก้าวตั้งแต่นางคลอด ม่านหรูจึงเอ่ยปากบอกความต้องการกับสามีเสียเลย
ครึ่งเดือนต่อมา ขบวนของโหวซื่อหลงเดินทางมาถึงประตูเมืองไห่หลง เขานึกแปลกใจไม่น้อยที่เจ้าเมืองพาเจ้าหน้าที่มารอต้อนรับพวกเขาเป็นจำนวนมากทั้งที่เขาไม่ได้ส่งใครมาแจ้งว่าจะถึงเมืองไห่หลงวันนี้เสียหน่อย แต่ด้วยตำแหน่งของเขาที่ค้ำคออยู่ ซื่อหวนหลงจึงต้องลงไปรับการคารวะจากทุกคนพร้อมม่านหรู“พวกเจ้าตามสบาย เหตุใดจึงได้มารอพวกข้าได้เล่า?”“เรียนท่านโหวซื่อหลง ข้ามีทหารตรวจตรารอบเมืองทุกวันขอรับ เขาจึงมารายงานว่าพวกท่านเดินทางมาถึงแล้ว ข้ากับทุกคนจึงมารอต้อนรับท่านโหวซื่อหลงกับโหวฮูหยินขอรับ”“ขอบใจพวกเจ้ามาก ความจริงพวกเจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ อย่างไรหลังจากนี้ข้าก็จะอยู่ที่เมืองนี้เป็นหลัก อาจมีบ้างที่ข้าจะเดินทางไปยังเมืองอื่นเพื่อช่วยงานฝ่าบาท เอาล่ะ พวกเจ้าแยกย้ายกันไปเถอะ หากใครมีปัญหาอันใด พวกเจ้าสามารถมาแจ้งข้าที่จวนโหวซื่อหลงได้ตลอดเวลา”“ขอบพระคุณท่านโหวซื่อหลงที่เมตตาขอรับ เชิญท่านโหวซื่อหลงเข้าเมืองขอรับ”