ชางจ้าวหลงไม่ได้ทานอะไรมาหลายวันกินไม่นานข้าวต้มในถ้วยก็หมดเสียแล้ว เขาพรูลมหายใจออกอย่างปลดปลง แต่ไม่ได้โทษว่าเด็กหญิงตรงหน้า เพราะเขาได้ยินนางบอกตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าบ้านนางยากจน ชางจ้าวหลงหยิบกระบอกไม้ไผ่ขึ้นมาดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยปากถามเด็กน้อยว่านางอยากให้เขาช่วยอะไร
“ข้าอยากให้ท่านปู่พาข้าเข้าอำเภอไปขายเห็ดหนึ่งดอกเจ้าค่ะ กับขอให้ท่านพาข้าไปซื้อกล่องสมุนไพรสำหรับใส่เห็ดที่เหลือด้วยเจ้าค่ะ ท่านปู่เดินไหวหรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าเดินไหว เจ้าต้องการให้ข้าช่วยแค่นี้หรือ เหตุใดเจ้าไม่ให้พ่อกับแม่เจ้าพาไปเล่า”
“ไม่เอาหรอกเจ้าค่ะ ข้ากลัวว่าชาวบ้านจะรู้ว่าบ้านข้ามีเงิน พวกเขายิ่งสอดรู้สอดเห็นกันเป็นอาชีพอยู่เจ้าค่ะ ท่านปู่พาข้าไปหน่อยนะเจ้าคะ นะ นะ”
ม่านหรูลืมตัวเข้าไปเกาะแขนชายชราแล้วออดอ้อนเหมือนที่ทำกับพ่อแม่ที่บ้าน ชางจ้าวหลงที่ไม่เคยถูกเด็กหญิงออดอ้อนมาก่อนถึงกับยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน เขาเห็นความน่ารักของเด็กหญิงร่างผอมบางตรงหน้าก็นึกเวทนา
“ตกลง ๆ ปู่จะพาเจ้าไปอำเภอและพาเจ้าไปซื้อของจำเป็นด้วย ตกลงหรือไม่”
“เย้! ท่านปู่ใจดีที่สุด ขอบคุณมากนะเจ้าคะ อืม… ท่านปู่คิดว่าข้าซื้อเสื้อผ้าใหม่มาด้วยดีไหมเจ้าคะ ข้าสงสารน้อง ๆ ที่ต้องใส่เสื้อผ้าเก่าขาดของข้าเจ้าค่ะ ข้าจะซื้อให้ท่านปู่ด้วยนะเจ้าคะ ดูเสื้อผ้าท่านสิ ขาดวิ่นไปหมดแล้ว”
“ขอบใจเจ้ามากที่ยังนึกถึงข้าอยู่ เจ้าหายเหนื่อยหรือยัง จะได้นำทางข้าเข้าอำเภอ”
“หายเหนื่อยแล้วเจ้าค่ะ ท่านปู่รอข้าเก็บของใส่ตะกร้าก่อนนะเจ้าคะ”
ม่านหรูรีบเก็บถ้วยเปล่าใส่ตะกร้าพร้อมกระบอกไม้ไผ่ของนาง ส่วนห่อผ้าที่ใส่เห็ดหลินจือแดงไว้ นางวางทับลงบนถ้วยแล้วยกตะกร้าสะพายหลังตัวเองก่อนเดินนำหน้าชายชราไปอย่างอารมณ์ดี ชางจ้าวหลงเห็นเด็กหญิงตรงหน้าเดินด้วยขาเล็ก ๆ ก็ได้แต่ถอนหายใจ เขาตัดสินใจอุ้มนางขึ้นมาแล้วใช้วิชาตัวเบาวิ่งลงเขาไปทันที
ม่านหรูคราแรกตกใจจนเผลอกอดคอชายชราแน่น พอตั้งสติได้นางรีบยิ้มให้กับชายชราที่ช่วยอุ้มนางวิ่งดั่งเหินบิน
“ท่านปู่เก่งจังเลยเจ้าค่ะ หลังจากนี้ท่านปู่ต้องสอนข้ากับน้องด้วยนะเจ้าคะ ข้าจะได้วิ่งเร็วเหมือนท่านปู่อย่างไรเล่า”
“ฮ่า ฮ่า ตกลง ๆ ปู่จะสอนพวกเจ้าให้ดี เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอกเด็กน้อย อืม เจ้ายังไม่ได้บอกชื่อกับปู่เลยนะ ปู่ชื่อชางจ้าวหลง เจ้าล่ะชื่ออะไร”
“ข้าชื่อติงม่านหรูเจ้าค่ะ ชื่อท่านปู่เพราะจังเลยเจ้าค่ะ น้องชายฝาแฝดของข้าชื่อติงอ้ายกับติงเอ้อเจ้าค่ะ ท่านรอข้าขออนุญาตพ่อกับแม่ก่อน แล้วข้าจะพาพวกเขามาพบท่านนะเจ้าคะ”
“ได้สิ ว่าแต่ถ้าเจ้าขายเห็ดได้เงินมาก ปู่ขอยืมเจ้าก่อนสักหน่อยได้หรือไม่ ตอนนี้ปู่ไม่มีที่อยู่และไม่รู้ว่าในหมู่บ้านเจ้ามีบ้านสักหลังให้ซื้อหรือไม่”
“อืม ถ้าท่านปู่ไม่รังเกียจไปอยู่บ้านข้าดีไหมเจ้าคะ ข้าจะบอกท่านพ่อท่านแม่ว่าท่านปู่มาสอนหนังสือพวกเราพี่น้อง ข้าคิดว่าท่านพ่อท่านแม่ต้องไม่ปฏิเสธแน่เจ้าค่ะ”
“หืม บ้านเจ้าใหญ่โตขนาดนั้นเลยรึ ไหนเจ้าบอกว่าบ้านเจ้ายากจนอย่างไรเล่า”
“บ้านข้าไม่ได้ใหญ่โตเจ้าค่ะ แค่มีห้องนอนเล็ก ๆ 3 ห้องเท่านั้น แต่พื้นที่ด้านข้างบ้านข้าสามารถทำเรือนเล็ก ๆ ได้อีกหลังหนึ่งนะเจ้าคะ หรือท่านปู่จะขายเห็ดเองอีกดอกหนึ่งเจ้าคะ ท่านจะได้มีเงินเก็บไว้ใช้ด้วย”
“รอให้เราขายเห็ดสักดอกก่อนก็แล้วกันนะม่านหรู หลังจากพาเจ้าซื้อของจำเป็นแล้ว เราค่อยไปคุยกับพ่อแม่เจ้าเรื่องนี้อีกทีเป็นอย่างไร”
“ตกลงเจ้าค่ะ ท่านปู่มีวิธีที่จะวิ่งอ้อมหมู่บ้านทางด้านขวาได้ไหมเจ้าคะ ข้าไม่อยากให้ชาวบ้านเห็นท่านวิ่งเหมือนเหินบินเช่นนี้น่ะเจ้าค่ะ”
“ได้สิ เจ้าชี้บอกทางปู่ก็แล้วกัน ปู่จะพาเจ้าไปเอง เจ้าชอบหรือไม่”
“ฮิ ฮิ ข้าชอบมากเจ้าค่ะ ท่านปู่เก่งที่สุดเลย”
ชางจ้าวหลงยิ้มให้กับคำชมของเด็กร่างผอมบางในอ้อมแขน เขาอุ้มนางที่ตัวเบาราวกับปุยนุ่นอย่างสบาย ๆ จนได้แต่นึกสงสารนางที่แทนที่จะอ้วนท้วนสมบูรณ์เหมือนเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่นางกลับผอมนัก เขาที่หวังว่าหลังจากพานางขายเห็ดหลินจือแดงแล้วได้เงินมา นางจะซื้อของกินบำรุงร่างกายตัวเองบ้าง
ด้วยพลังลมปราณอันสูงส่งของชางจ้าวหลง เขาใช้เวลาไม่ถึงสองเค่อก็มาถึงหน้าประตูเมืองแล้ว ขณะที่เข้าใกล้ประตูเมือง เขาลดความเร็วลงจนกลายเป็นเดินเร็วเท่านั้น เพื่อไม่ให้ทหารเฝ้าประตูต้องตกอกตกใจ ม่านหรูที่ยังคงอยู่ในอ้อมแขนชายชราถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เห็นเขาเปลี่ยนเป็นเดินแล้ว
“ท่านปู่ ข้าไม่เคยเข้ามาในอำเภอมาก่อนนะเจ้าคะ ท่านคงต้องถามทหารหน้าประตูว่าร้านขายสมุนไพรอยู่ที่ไหนเจ้าค่ะ”
“ตกลง เดี๋ยวปู่จะถามพวกเขาเอง เจ้าไม่ต้องกังวล”
“แล้วท่านปู่ไม่ปล่อยให้ข้าเดินเองหรือเจ้าคะ ข้ากลัวท่านปู่จะเหนื่อย”
“ไฮ้! เจ้าตัวเล็กแค่นี้ ปู่จะเหนื่อยได้อย่างไรกัน เจ้านั่งดี ๆ อย่าพลัดตกลงมาก็พอ”
ม่านหรูพยักหน้ายิ้มรับคำของเขา นางเห็นชายชราสูงกว่านางมากจึงคิดได้ว่าท่านปู่คงไม่อยากรอนางซึ่งขาสั้นเดินนำกระมัง หนึ่งชราหนึ่งเยาว์วัยถึงหน้าประตูเมือง ชางจ้าวหลงหยุดสอบถามทางในเมืองถึงเส้นทางไปร้านค้าต่างๆ ก่อนจะพาม่านหรูผ่านประตูเมืองเข้าไป
ทหารประจำประตูเมืองมองสองคนแปลกหน้าที่มาถามทางพวกเขาก่อนจะหันมองหน้ากัน เพราะพวกเขาเห็นว่าชายชราเสื้อผ้าขาดวิ่น แต่เด็กในอ้อมแขนเพียงสวมเสื้อผ้าเก่าๆ เท่านั้น แต่สายตาดุของชางจ้าวหลงทำให้พวกเขาไม่กล้าเสียมารยาทและปล่อยทั้งสองคนผ่านเข้าเมืองไป
ชางจ้าวหลงรู้ว่าสายตาพวกทหารมองเขาอย่างไรแต่ก็ไม่นำพา เขาพาม่านหรูเดินไปยังเส้นทางทิศเหนือก่อนจะเลี้ยวขวาไปตามทางที่ทหารบอกเพื่อหาร้านรับซื้อสมุนไพร เขาเดินไม่นานก็มองเห็นป้ายหน้าร้านหมอแห่งหนึ่ง จึงรีบเดินเข้าไปในร้านทันที ก่อนจะสอบถามเรื่องการขายสมุนไพรราคาแพงกับเด็กหน้าร้าน
“ท่านผู้เฒ่าต้องการขายสมุนไพรราคาสูงหรือขอรับ เช่นนั้นเชิญท่านกับหลานเข้าไปรอที่ห้องรับรองก่อนนะขอรับ ข้าจะไปตามท่านหมอให้มาดูสมุนไพรของท่าน”
ชางจ้าวหลงทำเพียงพยักหน้าให้เขานำทางไป ม่านหรูชายตามองทั้งสองคุยกันเท่านั้น นางรู้ดีว่าไม่ควรพูดแทรกระหว่างที่ผู้ใหญ่คุยกัน เด็กในร้านหลังส่งพวกเขาเข้าไปในห้องรับรองแล้วก็รีบไปตามท่านหมอเจ้าของร้านออกมาทันที นานแล้วที่ร้านของพวกเขาไม่ได้รับซื้อสมุนไพรมีค่า หากรับซื้อมาแล้วขายต่อก็คงได้กำไรอีกหลายเท่าอย่างแน่นอน
ไม่นานนักหมอเจ้าของร้านก็ไปถึงห้องรับรอง ชางจ้าวหลงหยิบเห็ดหลินจือแดงหลังวางม่านหรูเอาไว้เก้าอี้ข้างเขาแล้ว เจ้าของร้านที่สูงวัยน้อยกว่าใช้สายตามองพวกเขาอย่างแปลกใจ แต่พอเห็นในมือเขาถือเห็ดหลินจือแดงดอกใหญ่ เจ้าของร้านเผยรอยยิ้มกว้างออกมาและรีบเดินไปรับเห็ดจากชายชราเสื้อผ้าขาดวิ่นเพื่อตรวจสอบเห็ดหลินจือแดงว่าเสียหายตรงไหนหรือไม่
“อืม… เห็ดดอกนี้สมบูรณ์ดีมาก ข้าจะให้ราคาท่าน 1000 ตำลึง ท่านคิดอย่างไร”
“เห็ดดอกนี้อายุน่าจะเกินร้อยปี เหตุใดเจ้าจึงให้ราคาเพียงเท่านี้ เช่นนั้นข้าไม่ขาย ข้าจะพาหลานไปขายเมืองอื่น” ชางจ้าวหลงที่รู้ราคาดีรีบยื่นมือไปหยิบเห็ดกลับมา
“เดี๋ยว ๆ ท่านผู้อาวุโส ข้าเพิ่มให้อีก 200 ตำลึงเป็นอย่างไรขอรับ ได้โปรดขายให้ข้าเถอะนะขอรับ ร้านของข้าไม่มีสมุนไพรดี ๆ มานานหลายปีแล้ว”
ชางเจ้าหลงมองหน้าม่านหรูก่อนจะเห็นนางพยักหน้าอย่างน่ารักว่าให้เขาขายเถอะ เขาจึงหันไปบอกเจ้าของร้านไปนำตั๋วแลกเงินกับเงินตำลึงออกมาให้ก่อนที่ชางจ้าวหลงจะก้มลงไปกระซิบบอกม่านหรูว่าเงินตำลึงย่อยจะเอาไว้ให้นางซื้อของที่จำเป็นและเขาจะช่วยนางสะพายตะกร้าเอง ส่วนนางแค่นั่งดี ๆ ในอ้อมแขนเขาก็พอ
เจ้าของร้านรีบนำตั๋วแลกเงิน 1000 ตำลึงมาส่งให้ชางจ้าวหลง กับเงินตำลึงที่เขาขอเอาไว้อีก 200 ตำลึงซึ่งเขาใส่กระเป๋าผ้าใบใหญ่มาส่งให้ ชางจ้าวหลงนับเงินในกระเป๋า พอเห็นว่าครบถ้วน เขาก็ส่งเห็ดหลินจือแดงให้เจ้าของร้านแล้วสะพายตะกร้าก่อนจะอุ้มม่านหรูเดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย ถึงแม้เสื้อผ้าจะขาดวิ่นก็ตาม
“ม่านหรู เจ้าจะเก็บตั๋วแลกเงินเอาไว้เลยหรือไม่ ปู่จะได้ส่งให้เจ้า”“อืม… ข้าขอให้ท่านปู่เก็บไว้ก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ ข้ากลัวท่านพ่อท่านแม่จะตกใจ”“เจ้าไม่กลัวว่าปู่จะหนีไปพร้อมตั๋วเงินนี่หรือ หืม…”“เหตุใดข้าจึงต้องกลัวเล่าเจ้าคะ ในเมื่อท่านปู่สัญญาแล้วว่าจะสอนวิชาข้ากับน้อง”ม่านหรูเอียงหัวตอบคำถามเขาอย่างน่ารัก ทำเอาชางจ้าวหลงที่อยากกลับไปสำนักเพื่อแก้แค้นได้แต่หัวเราะเบา ๆ ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าจะสอนนางกับน้องให้มีฝีมือดีกว่าศิษย์ทรยศที่เขาเคยสอนมา ในเมื่อฟ้าส่งเขามาพบกับนางเช่นนี้ก็นับว่าเป็นวาสนาของพวกนางพี่น้องก็แล้วกัน ไม่นานนักชางจ้าวหลงก็มาถึงร้านขายเสื้อผ้าในเมืองซึ่งทหารบอกเอาไว้ เขาเข้าไปเห็นพนักงานมองมาอย่างตกใจก็เข้าใจดีว่าตัวเองในตอนนี้นั้นมีสภาพเป็นอย่างไร“เจ้าไปเลือกเสื้อผ้าเนื้อดีสีดำมาให้ข้าสักสองชุด ส่วนของหลานสาวข้าเจ้าเลือกมาอีกสักสองตัวก็แล้วกัน ม่านหรู น้องชายเจ้าตัวโตแค่ไหนแล้ว ปู่จะได้บอกนางให้เอาชุดมาให้เจ้าเลือก”ม่านหรูคิดอยู่สักพักก็เอ่ยเสียงเล็ก ๆ ออกมาถึงขนาดตัวน้องชายทั้งสองและยังมีชุดของพ่อกับแม่นางด้วยที่นางขอให้ชายชราช่วยบอกคนขายให้นำมาให้นางดู ไม่น
กลุ่มของติงกวนเดินทางเกือบหนึ่งเค่อกว่าจะถึงบ้านหลังไม่ใหญ่นักซึ่งอยู่ที่ท้ายหมู่บ้านติดกับตีนเขา เป็นเพราะมีเด็ก ๆ อยู่จึงทำให้ผู้ใหญ่อย่างพวกเขาเดินได้ช้ากว่าปกติ ติงกวนเชิญชางจ้าวหลงเข้าบ้านก่อนจะปิดประตูรั้วและในบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้ชาวบ้านมาแอบฟังเหมือนทุกครั้งเสี่ยวชิงเห็นสามีเชิญผู้อาวุโสเข้าไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวแล้ว นางจึงบอกให้ลูก ๆ เข้าไปรอในห้องก่อน ส่วนนางเดินเข้าไปนำน้ำต้มสุกมาวางเอาไว้ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ สามีของนาง เพื่อรอฟังเรื่องราวจากปากชายชราว่าลูกสาวนางช่วยอะไรเขาเอาไว้ชางจ้าวหลงเห็นทั้งสองพร้อมที่จะฟังแล้ว เขาจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่ม่านหรูทำเมื่อวานนี้ให้พวกเขาฟัง โดยเขาไม่ได้บอกว่าเขาเป็นใครมาจากไหน เพียงแต่เงินขายเห็ดหลินจือแดงที่เหลือหนึ่งร้อยกว่าตำลึง เขาต้องมอบให้พวกเขาเก็บไว้ ส่วนตั๋วเงินที่ม่านหรูฝากเอาไว้ เขาไม่ได้บอกกล่าวออกมา หลังเล่าจบ เขาก็ส่งตะกร้าสิ่งของให้ที่ด้านข้างโต๊ะ เพื่อให้พวกเขาตรวจดูว่ามีสิ่งของจำเป็นครบหรือไม่ ก่อนที่จะส่งเงินในกระเป๋าผ้าที่เหลือให้พวกเขาติงกวนกับเสี่ยวชิงช่วยกันดูสิ่งของมากมายในตะกร้าใบใหญ่ ก่อนจะดูของในตะกร้าใบเล็กต่อ พอ
หนึ่งเดือนต่อมา ทหารมาที่หมู่บ้านเพื่อคัดเลือกเด็กหนุ่มเข้าไปเป็นทหารให้ทางการ เพราะตอนนี้แคว้นเจิ้งรุกรานแคว้นจ้าวจนชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่ว ชาวบ้านที่มีลูกชายจำเป็นต้องส่งลูกให้เหล่าทหารทั้งน้ำตา พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านแล้วจะไปสู้รบปรบมือกับใครเขาได้ แต่ทหารที่มากลับบอกว่าพวกเขาจะฝึกฝนคนเหล่านี้ก่อนเข้าสู่สนามรบในอีก 3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากต้องรอทัพใหญ่จากเมืองหลวงซึ่งกำลังเดินทางมาถึงชายแดนเสียก่อนจึงจะร่วมทัพกันม่านหรูพอรู้ว่าน้อง ๆ ต้องไปเป็นทหารก็นึกเป็นห่วง นางแอบตามน้องไปเข้าขบวนกับเหล่าทหารด้วย ก่อนไปนางบอกท่านปู่เอาไว้แล้วว่าจะพาน้องกลับมาได้อย่างแน่นอน ชางจ้าวหลงที่สอนสั่งม่านหรูมาตลอด 10 ปีรู้ดีว่าหลานสาวเก่งกาจกว่าน้องชายทั้งสองมากนัก ไม่ว่าจะเรื่องความคิดรอบคอบหรือความหัวไวของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร เขาจึงได้แต่จำใจส่งหลานสาวไปพร้อมมีดบินที่เขาสั่งทำเอาไว้เมื่อหลายปีก่อนให้นางติดตัวไปด้วยกว่าที่เสี่ยวชิงกับติงกวนจะรู้ว่าลูกสาวแอบตามน้องไปก็สายเกินไปเสียแล้ว หากพวกเขาไปนำตัวม่านหรูกลับมา นางอาจจะถูกลงโทษฐานเข้าร่วมโดยพละการ พวกเขาจึงไม่กล้าวู่วามและได้แต่รอคอยตามที่ท่านพ่อ
ม่านหรูถึงแม้จะอยู่แถวหลังกลุ่มทหารที่มาจากเมืองหลวง แต่นางก็เห็นหน้าของแม่ทัพใหญ่ซึ่งหล่อเหลาและตัวสูงใหญ่มากกว่าทหารคนอื่นที่ยืนอยู่บนเวทีด้วยกันเกือบหนึ่งช่วงศรีษะ ยิ่งได้ยินเสียงจากพลังลมปราณที่กล้าแกร่งของเขา นางก็ยิ่งคิดว่าตนเองยังเป็นกบในกะลา ทั้งที่ตัวนางเองฝึกฝนมานานยังมีลมปราณไม่มากเท่าชายผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ที่อายุน่าจะห่างจากนางไม่มากทหารใหม่ทั้งหมดเกือบร้อยคนมายืนเรียงแถวกันที่หน้าเวที พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาเท่านั้น อีกทั้งกลุ่มคนพวกนี้เป็นลูกพ่อค้าจึงทำตัวเกเรแต่แรกทหารคนอื่นคิดว่าพวกเขาน่าจะถูกแม่ทัพใหญ่ลงโทษไม่น้อย“พวกเจ้าฝึกฝนมานานเท่าไหร่แล้ว เหตุใดแค่จัดแถวจึงทำไม่ได้”หม่าต้าเฟยหัวหน้ากลุ่มลูกพ่อค้าถือตัวว่าที่บ้านร่ำรวยจึงคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง เขาพยายามยัดเงินให้หัวหน้าหมู่กับนายกองเพื่อความสบาย แต่พวกเขาไม่ยอมรับเงิน จึงทำให้หม่าต้าเฟยรวมตัวลูกพ่อค้าเที่ยวก่อกวนไปทั่วมาตั้งแต่แรก“พวกข้าฝึกเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น เจ้าจะให้พวกเราชาวบ้านตาดำ ๆ ทำอย่างพวกเจ้าที่เป็นทหารมานานได้อย่างไร”“เจ้าชื่ออะไร เหตุใดก่อนรายงานไม่ขานชื่อตนเองก่อน นายกอง นำตัวไปลง
ม่านหรูกับน้องทั้งสามได้ยินเสียงเกือกม้าด้านหลังก็รู้ว่าพวกเขาต้องเร่งมือให้ทัพม้าเข้าตีต่อ นางจึงใช้พลังลมปราณเพิ่มขึ้นเพื่อลดเวลาการต่อสู้ลงให้มากที่สุด ติงอ้ายกับติงเอ้อคอยป้องกันศัตรูให้พี่ใหญ่ ทำให้พื้นที่ที่ทั้งสามอยู่นั้นถูกแหวกออกเป็นวงกว้างไม่น้อย ทหารในหมู่เดียวกันอีก 7 คนคอยใช้โอกาสที่ศัตรูเพลี่ยงพล้ำตวัดดาบซ้ำไปจนศัตรูตายไปไม่น้อยเช่นกันซื่อหวนหลงเห็นว่าหัวหน้าหมู่ร่างเล็กบางฝีมือไม่เลวและชายหนุ่มอีกสองที่คอยต่อสู้เคียงข้างหัวหน้าหมู่ร่างเล็กคนนั้นก็น่าสนใจ เขาจึงสั่งการให้พวกเขาเร่งฝ่าทัพศัตรูเร็วขึ้น ม่านหรูได้แต่กลอกตามองบนอย่างหมั่นไส้และคิดในใจว่านี่ข้ายังรีบไม่พออีกหรือ หากเจ้ารีบนักทำไมไม่ขี่ม้าขึ้นหน้าไปก่อนเล่าซื่อหวนหลงไม่เห็นว่าม่านหรูหน้าตาบูดบึ้งมากแค่ไหนหลังได้รับคำสั่ง เขาที่อยู่บนหลังม้าใช้ง้าวฆ่าฟันศัตรูเพื่อช่วยเปิดทางด้วยอีกแรงหนึ่ง ม่านหรูเข้าไปใกล้แม่ทัพใหญ่แคว้นเจิ้งอีกเพียงไม่ถึง 10 ก้าว นางร้องบอกน้อง ๆ ให้แหวกทางต่อเพื่อให้แม่ทัพใหญ่ของนางเข้าไปจัดการตามหน้าที่ของเขาเสียติงอ้ายกับติงเอ้อต่างร้องรับคำพี่ใหญ่เสียงดัง ซื่อหวนหลงได้ยินจึงเพิ่งรู้ว่า
รองแม่ทัพทั้งสามที่นำทัพหน้ามารีบสั่งถอยทัพทันทีที่เห็นกองทหารศัตรูพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวลูกธนูที่หลุดออกจากแหล่ง พวกเขาไม่คิดว่าทัพหน้าแคว้นจ้าวจะมีวรยุทธสูงส่งมากขนาดนี้ขณะที่ทัพหน้าแคว้นเจิ้งกำลังเร่งถอยทัพไปตามแผน ม่านหรูกับกองทหารของนางก็ไม่ล่าช้า พวกเขาเร่งมือฝ่าทัพศัตรูที่ตั้งรับไปด้วยถอยหลังไปด้วยอย่างเต็มกำลัง จนใจที่ทัพม้าของศัตรูเข้ามาขวางเอาไว้เพื่อให้ทัพหน้าถอยทัพไปเสียก่อน กองกำลังของนางจึงต้องหยุดเพื่อต้านทานทัพม้าจำนวนนับพันที่โอบล้อมพวกนางไว้ซื่อหวนหลงเห็นกองทัพของม่านหรูกำลังตกที่นั่งลำบากและศัตรูส่วนใหญ่หนีลึกเข้าไปในเขตแดนแคว้นเจิ้งแล้ว เขาร้องสั่งรองแม่ทัพให้ส่งคนไปช่วยกลุ่มของม่านหรูก่อนที่จะถูกกลุ้มรุมสังหารจากทัพม้าของศัตรู ตัวเขาเองยังไสม้าฝ่าเข้าไปช่วยด้วยอีกคนม่านหรูที่กำลังรับมือทหารม้า 5 คนพร้อมกันเห็นว่ากลุ่มของนางเริ่มกระจายตัวออกก็ยิ่งเป็นห่วง นางรีบสั่งน้องชายทั้งสองให้เรียกรวมกลุ่มเอาไว้และให้พวกเขาไปช่วยรับมือกับทหารม้าด้านที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มก่อน“พวกข้ารู้แล้ว พี่ใหญ่ระวังตัวด้วยขอรับ”“อืม… ข้าจะระวังตัว พวกเจ้ารีบไป ข้าจะจัดการทหารพวกนี้ก
ซื่อหวนหลงเรียกประชุมในวันต่อมา ม่านหรูที่เป็นเพียงนายกองเล็ก ๆ ไม่ต้องเข้าร่วม นางจึงไปตรวจสอบทหารในกองว่าใครบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน โชคดีที่เมื่อวานคนของแม่ทัพใหญ่ตามมาช่วยเปิดทางได้ทัน กองทัพเล็ก ๆ ของนางจึงไม่มีใครล้มตายกว่าการประชุมจะจบลง พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว ซื่อหวนหลงออกคำสั่งให้กองทัพพักผ่อน 2 สัปดาห์ จากนั้นเขาจะให้ทหารม้าเป็นทัพหน้าแต่จัดขบวนเหมือนที่ม่านหรูทำในครั้งนี้ เพื่อจะได้ตีฝ่าค่ายทัพของแคว้นเจิ้งไปให้สิ้นซากเสีย หลังจากที่คราวนี้พวกเขาทำไม่สำเร็จเช้าวันต่อมา เหล่าแม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองที่มีประสบการณ์นำเรื่องในที่ประชุมเมื่อวานไปแจ้งเหล่าทหารให้กระจายข่าวกันออกไป เพื่อเตรียมตัวสู้ศึกครั้งต่อไปในอีก 2 สัปดาห์ที่จะถึงนี้ ม่านหรูเมื่อทราบข่าว นางก็นำทหารในกองฝึกฝนให้หนักยิ่งกว่าเก่า เพราะการต่อสู้ที่ผ่านมานางเห็นข้อบกพร่องในกองทหารของนาง10 วันผ่านไป ซื่อหวนหลงเทียวออกมาดูการฝึกทหารของม่านหรูวันเว้นวัน ตั้งแต่ที่เขาออกคำสั่งให้พักผ่อนและเ
ทหารชั้นผู้น้อยทุกนายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ถึงสองวัน ก่อนที่จะได้รับคำสั่งให้เดินทัพกลับค่ายชายแดนต่อไปในวันพรุ่งนี้ ระหว่างการพักผ่อน ม่านหรูกับน้องยังคงฝึกฝนร่างกายตามที่ท่านปู่สอนทุกเช้าไม่ได้ขาด หลังได้คำสั่งกลับค่ายชายแดนพวกเขาก็เก็บข้าวของและไปรวมแถวก่อนจะกลับค่ายชายแดนพร้อมกองทัพใหญ่ช่วงเย็นหลังทานอาหาร ซื่อหวนหลงสั่งรวมพลที่ลานกลางค่ายเพื่อแจ้งข่าวดีให้กับทหารที่ออกรบในครั้งนี้ เมื่อเห็นว่าทหารทั้งหมดตั้งแถวอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ซื่อหวนหลงเรียกทหารใหม่ 10 นายที่แม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองอาวุโสเห็นด้วยในการเลื่อนขั้นให้พวกเขา หนึ่งในนั้นคือติงม่านหรูได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพรวมถึงน้องชายทั้งสองได้เป็นผู้ช่วยของติงม่านหรู อีกเจ็ดคนได้ตำแหน่งนายกองแทนที่ติงม่านหรูกับน้องชายและแทนที่ตำแหน่งทหารที่ถึงวัยออกจากราชการ“ทหารที่ได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพและผู้ช่วยจะต้องเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมข้ากับกองทัพใหญ่เพื่อไปรับพระราชโองการแต่งตั้ง ข้าจะถวายฎีกาแด่ฮ่องเต้เมื่อไปถึง ส่วนทหารระดับรองลงไป ให้ประจำการที่ชา
ชางจ้าวหลงพาหลานสาวเดินกลับทางเดิมที่เขาเห็นร้านขายเครื่องประดับอยู่ร้านหนึ่งก่อนหน้านี้ ม่านหรูไม่ได้คุยอะไรกับท่านปู่ระหว่างทาง กระทั่งทั้งสองมาถึงหน้าร้านเครื่องประดับร้านใหญ่ ชางจ้าวหลงก็เดินนำหลานสาวเข้าไป“พวกท่านต้องการดูเครื่องประดับแบบไหนขอรับ” พ่อค้าหนุ่มคนหนึ่งในร้านเดินมารับหน้าชางจ้าวหลงและม่านหรูซึ่งดูท่าทางไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดา“ร้านเจ้ามีหยกพกที่เหมือนกันสัก 6 ชิ้นและรับแกะสลักแซ่หรือไม่”“มีขอรับท่านผู้เฒ่า ไม่ทราบท่านอยากได้หยกเนื้อดีหรือหยกธรรมขอรับ”“ข้าต้องการหยกเนื้อดี ขอหยกที่ไม่เหมือนใครและมีแค่ 6 ชิ้นเท่านั้นนะ ข้าไม่อยากให้ซ้ำกับใครในแคว้นนี้”“เช่นนั้นเชิญพวกท่านไปรอที่ห้องรับรองก่อนขอรับ ข้าจะไปนำหยกมาให้ท่านเลือกดูสักหลายแบบ เชิญทางนี้ขอรับ”ชางจ้าวหลงกับม่านหรูพยักหน้ารับคำพ่อค้าหนุ่มและตามหลังเขาไปยังห้องที่อยู่ด้านในร้าน หลังจากนั่งรอในห้องไม่นานนัก พ่อค้
แม่ค้ามองกลุ่มคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะมีเงินพอซื้อเสื้อผ้าหรือไม่“พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าจะมีเงินพอจ่ายค่าเสื้อผ้าร้านข้า เสื้อผ้าดี ๆ สำหรับร่วมงานเลี้ยงในวังราคาแพงมากนะ”“เพ้ย! เหตุใดข้าจะไม่มีเงิน นี่อย่างไรตั๋วแลกเงินหนึ่งพันตำลึง พอหรือไม่สำหรับชุดสามชุดน่ะ” ชางจ้าวหลงกล่าวตอบอย่างโมโหจนหนวดกระดิก“อ่า ขออภัยท่านผู้เฒ่าเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่ถามตามหน้าที่ เช่นนั้นพวกท่านรอสักครู่ ข้าจะไปนำเสื้อผ้ามาให้พวกท่านเลือกเจ้าค่ะ” แม่ค้าได้แต่ละล่ำละลักขอโทษ นางไม่คิดว่าคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างพวกเขาจะมีเงินมากถึงพันตำลึงม่านหรูได้แต่ส่ายหัวกับแม่ค้าในเมืองหลวง พวกเขาคงมองคนเพียงภายนอกเท่านั้นกระมังถึงได้เสียมารยาทเช่นนี้ พวกเขารอไม่นานนักแม่ค้าก็นำชุดผ้าเนื้อดีมาส่งให้ท่านปู่ ท่านพ่อและท่านแม่ดูคนละหลายชุด ทั้งสามคนเลือกชุดที่ดูดีที่สุดคนละชุดแล้วถามราคาเพื่อจะได้รีบจ่ายรีบกลับค่ายกัน“ค่าชุดทั้งสาม
ซื่อหวนหลงพอรู้ว่าม่านหรูกลับมาแล้ว เขารีบออกไปดูว่าครอบครัวนางเป็นอย่างไร ซื่อหวนหลงแอบมองอยู่ไกล ๆ เพื่อไม่ให้น้องชายนางแสดงอาการพิรุธจนพี่ใหญ่พวกเขาเห็น ซื่อหวนหลงมองเห็นชายชราท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง หญิงและชายวัยกลางคนที่น่าจะเป็นพ่อกับแม่ของนาง เขาอยากเข้าไปทักทาย เพียงแต่คิดว่าไม่น่าจะเหมาะสมนักที่แม่ทัพใหญ่อย่างเขาจะเข้าไปทำความรู้จักครอบครัวรองแม่ทัพซื่อหวนหลงเห็นม่านหรูเข้าไปออดอ้อนชายชราอย่างน่ารัก หัวใจเขายิ่งเต้นกระหน่ำขึ้นมา เขาอยากให้นางมาอ้อนเขาแบบนี้บ้าง ซื่อหวนหลงเห็นชายชรามองมาทางเขาด้วยสายตาคมกริบ เขารีบค้อมคำนับก่อนจะเดินกลับไปที่กระโจม ตอนนี้เขารู้แล้วว่าชายชราน่าจะเป็นคนสอนวรยุทธสามพี่น้อง เพราะเพียงแค่สายตาที่มองมานั้น เขาก็รู้ว่าชายชรามีพลังลมปราณมากมายมหาศาลกว่าเขาและอาจารย์แน่สี่วันต่อมา กองทัพเก็บข้าวของกันตั้งแต่เย็นวาน รุ่งสางของวันพวกเขาเพียงแต่ร่วมทานอาหารกับทหารที่ประจำค่ายชายแดนก่อนออกเดินทางเท่านั้น หลังจากที่จัดขบวนทัพเรียบร้อยแล้ว ซื่อหวนหลงก็สั่งการเดินทัพใ
ทหารชั้นผู้น้อยทุกนายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ถึงสองวัน ก่อนที่จะได้รับคำสั่งให้เดินทัพกลับค่ายชายแดนต่อไปในวันพรุ่งนี้ ระหว่างการพักผ่อน ม่านหรูกับน้องยังคงฝึกฝนร่างกายตามที่ท่านปู่สอนทุกเช้าไม่ได้ขาด หลังได้คำสั่งกลับค่ายชายแดนพวกเขาก็เก็บข้าวของและไปรวมแถวก่อนจะกลับค่ายชายแดนพร้อมกองทัพใหญ่ช่วงเย็นหลังทานอาหาร ซื่อหวนหลงสั่งรวมพลที่ลานกลางค่ายเพื่อแจ้งข่าวดีให้กับทหารที่ออกรบในครั้งนี้ เมื่อเห็นว่าทหารทั้งหมดตั้งแถวอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ซื่อหวนหลงเรียกทหารใหม่ 10 นายที่แม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองอาวุโสเห็นด้วยในการเลื่อนขั้นให้พวกเขา หนึ่งในนั้นคือติงม่านหรูได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพรวมถึงน้องชายทั้งสองได้เป็นผู้ช่วยของติงม่านหรู อีกเจ็ดคนได้ตำแหน่งนายกองแทนที่ติงม่านหรูกับน้องชายและแทนที่ตำแหน่งทหารที่ถึงวัยออกจากราชการ“ทหารที่ได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพและผู้ช่วยจะต้องเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมข้ากับกองทัพใหญ่เพื่อไปรับพระราชโองการแต่งตั้ง ข้าจะถวายฎีกาแด่ฮ่องเต้เมื่อไปถึง ส่วนทหารระดับรองลงไป ให้ประจำการที่ชา
ซื่อหวนหลงเรียกประชุมในวันต่อมา ม่านหรูที่เป็นเพียงนายกองเล็ก ๆ ไม่ต้องเข้าร่วม นางจึงไปตรวจสอบทหารในกองว่าใครบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน โชคดีที่เมื่อวานคนของแม่ทัพใหญ่ตามมาช่วยเปิดทางได้ทัน กองทัพเล็ก ๆ ของนางจึงไม่มีใครล้มตายกว่าการประชุมจะจบลง พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว ซื่อหวนหลงออกคำสั่งให้กองทัพพักผ่อน 2 สัปดาห์ จากนั้นเขาจะให้ทหารม้าเป็นทัพหน้าแต่จัดขบวนเหมือนที่ม่านหรูทำในครั้งนี้ เพื่อจะได้ตีฝ่าค่ายทัพของแคว้นเจิ้งไปให้สิ้นซากเสีย หลังจากที่คราวนี้พวกเขาทำไม่สำเร็จเช้าวันต่อมา เหล่าแม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองที่มีประสบการณ์นำเรื่องในที่ประชุมเมื่อวานไปแจ้งเหล่าทหารให้กระจายข่าวกันออกไป เพื่อเตรียมตัวสู้ศึกครั้งต่อไปในอีก 2 สัปดาห์ที่จะถึงนี้ ม่านหรูเมื่อทราบข่าว นางก็นำทหารในกองฝึกฝนให้หนักยิ่งกว่าเก่า เพราะการต่อสู้ที่ผ่านมานางเห็นข้อบกพร่องในกองทหารของนาง10 วันผ่านไป ซื่อหวนหลงเทียวออกมาดูการฝึกทหารของม่านหรูวันเว้นวัน ตั้งแต่ที่เขาออกคำสั่งให้พักผ่อนและเ
รองแม่ทัพทั้งสามที่นำทัพหน้ามารีบสั่งถอยทัพทันทีที่เห็นกองทหารศัตรูพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวลูกธนูที่หลุดออกจากแหล่ง พวกเขาไม่คิดว่าทัพหน้าแคว้นจ้าวจะมีวรยุทธสูงส่งมากขนาดนี้ขณะที่ทัพหน้าแคว้นเจิ้งกำลังเร่งถอยทัพไปตามแผน ม่านหรูกับกองทหารของนางก็ไม่ล่าช้า พวกเขาเร่งมือฝ่าทัพศัตรูที่ตั้งรับไปด้วยถอยหลังไปด้วยอย่างเต็มกำลัง จนใจที่ทัพม้าของศัตรูเข้ามาขวางเอาไว้เพื่อให้ทัพหน้าถอยทัพไปเสียก่อน กองกำลังของนางจึงต้องหยุดเพื่อต้านทานทัพม้าจำนวนนับพันที่โอบล้อมพวกนางไว้ซื่อหวนหลงเห็นกองทัพของม่านหรูกำลังตกที่นั่งลำบากและศัตรูส่วนใหญ่หนีลึกเข้าไปในเขตแดนแคว้นเจิ้งแล้ว เขาร้องสั่งรองแม่ทัพให้ส่งคนไปช่วยกลุ่มของม่านหรูก่อนที่จะถูกกลุ้มรุมสังหารจากทัพม้าของศัตรู ตัวเขาเองยังไสม้าฝ่าเข้าไปช่วยด้วยอีกคนม่านหรูที่กำลังรับมือทหารม้า 5 คนพร้อมกันเห็นว่ากลุ่มของนางเริ่มกระจายตัวออกก็ยิ่งเป็นห่วง นางรีบสั่งน้องชายทั้งสองให้เรียกรวมกลุ่มเอาไว้และให้พวกเขาไปช่วยรับมือกับทหารม้าด้านที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มก่อน“พวกข้ารู้แล้ว พี่ใหญ่ระวังตัวด้วยขอรับ”“อืม… ข้าจะระวังตัว พวกเจ้ารีบไป ข้าจะจัดการทหารพวกนี้ก
ม่านหรูกับน้องทั้งสามได้ยินเสียงเกือกม้าด้านหลังก็รู้ว่าพวกเขาต้องเร่งมือให้ทัพม้าเข้าตีต่อ นางจึงใช้พลังลมปราณเพิ่มขึ้นเพื่อลดเวลาการต่อสู้ลงให้มากที่สุด ติงอ้ายกับติงเอ้อคอยป้องกันศัตรูให้พี่ใหญ่ ทำให้พื้นที่ที่ทั้งสามอยู่นั้นถูกแหวกออกเป็นวงกว้างไม่น้อย ทหารในหมู่เดียวกันอีก 7 คนคอยใช้โอกาสที่ศัตรูเพลี่ยงพล้ำตวัดดาบซ้ำไปจนศัตรูตายไปไม่น้อยเช่นกันซื่อหวนหลงเห็นว่าหัวหน้าหมู่ร่างเล็กบางฝีมือไม่เลวและชายหนุ่มอีกสองที่คอยต่อสู้เคียงข้างหัวหน้าหมู่ร่างเล็กคนนั้นก็น่าสนใจ เขาจึงสั่งการให้พวกเขาเร่งฝ่าทัพศัตรูเร็วขึ้น ม่านหรูได้แต่กลอกตามองบนอย่างหมั่นไส้และคิดในใจว่านี่ข้ายังรีบไม่พออีกหรือ หากเจ้ารีบนักทำไมไม่ขี่ม้าขึ้นหน้าไปก่อนเล่าซื่อหวนหลงไม่เห็นว่าม่านหรูหน้าตาบูดบึ้งมากแค่ไหนหลังได้รับคำสั่ง เขาที่อยู่บนหลังม้าใช้ง้าวฆ่าฟันศัตรูเพื่อช่วยเปิดทางด้วยอีกแรงหนึ่ง ม่านหรูเข้าไปใกล้แม่ทัพใหญ่แคว้นเจิ้งอีกเพียงไม่ถึง 10 ก้าว นางร้องบอกน้อง ๆ ให้แหวกทางต่อเพื่อให้แม่ทัพใหญ่ของนางเข้าไปจัดการตามหน้าที่ของเขาเสียติงอ้ายกับติงเอ้อต่างร้องรับคำพี่ใหญ่เสียงดัง ซื่อหวนหลงได้ยินจึงเพิ่งรู้ว่า
ม่านหรูถึงแม้จะอยู่แถวหลังกลุ่มทหารที่มาจากเมืองหลวง แต่นางก็เห็นหน้าของแม่ทัพใหญ่ซึ่งหล่อเหลาและตัวสูงใหญ่มากกว่าทหารคนอื่นที่ยืนอยู่บนเวทีด้วยกันเกือบหนึ่งช่วงศรีษะ ยิ่งได้ยินเสียงจากพลังลมปราณที่กล้าแกร่งของเขา นางก็ยิ่งคิดว่าตนเองยังเป็นกบในกะลา ทั้งที่ตัวนางเองฝึกฝนมานานยังมีลมปราณไม่มากเท่าชายผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ที่อายุน่าจะห่างจากนางไม่มากทหารใหม่ทั้งหมดเกือบร้อยคนมายืนเรียงแถวกันที่หน้าเวที พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาเท่านั้น อีกทั้งกลุ่มคนพวกนี้เป็นลูกพ่อค้าจึงทำตัวเกเรแต่แรกทหารคนอื่นคิดว่าพวกเขาน่าจะถูกแม่ทัพใหญ่ลงโทษไม่น้อย“พวกเจ้าฝึกฝนมานานเท่าไหร่แล้ว เหตุใดแค่จัดแถวจึงทำไม่ได้”หม่าต้าเฟยหัวหน้ากลุ่มลูกพ่อค้าถือตัวว่าที่บ้านร่ำรวยจึงคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง เขาพยายามยัดเงินให้หัวหน้าหมู่กับนายกองเพื่อความสบาย แต่พวกเขาไม่ยอมรับเงิน จึงทำให้หม่าต้าเฟยรวมตัวลูกพ่อค้าเที่ยวก่อกวนไปทั่วมาตั้งแต่แรก“พวกข้าฝึกเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น เจ้าจะให้พวกเราชาวบ้านตาดำ ๆ ทำอย่างพวกเจ้าที่เป็นทหารมานานได้อย่างไร”“เจ้าชื่ออะไร เหตุใดก่อนรายงานไม่ขานชื่อตนเองก่อน นายกอง นำตัวไปลง
หนึ่งเดือนต่อมา ทหารมาที่หมู่บ้านเพื่อคัดเลือกเด็กหนุ่มเข้าไปเป็นทหารให้ทางการ เพราะตอนนี้แคว้นเจิ้งรุกรานแคว้นจ้าวจนชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่ว ชาวบ้านที่มีลูกชายจำเป็นต้องส่งลูกให้เหล่าทหารทั้งน้ำตา พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านแล้วจะไปสู้รบปรบมือกับใครเขาได้ แต่ทหารที่มากลับบอกว่าพวกเขาจะฝึกฝนคนเหล่านี้ก่อนเข้าสู่สนามรบในอีก 3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากต้องรอทัพใหญ่จากเมืองหลวงซึ่งกำลังเดินทางมาถึงชายแดนเสียก่อนจึงจะร่วมทัพกันม่านหรูพอรู้ว่าน้อง ๆ ต้องไปเป็นทหารก็นึกเป็นห่วง นางแอบตามน้องไปเข้าขบวนกับเหล่าทหารด้วย ก่อนไปนางบอกท่านปู่เอาไว้แล้วว่าจะพาน้องกลับมาได้อย่างแน่นอน ชางจ้าวหลงที่สอนสั่งม่านหรูมาตลอด 10 ปีรู้ดีว่าหลานสาวเก่งกาจกว่าน้องชายทั้งสองมากนัก ไม่ว่าจะเรื่องความคิดรอบคอบหรือความหัวไวของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร เขาจึงได้แต่จำใจส่งหลานสาวไปพร้อมมีดบินที่เขาสั่งทำเอาไว้เมื่อหลายปีก่อนให้นางติดตัวไปด้วยกว่าที่เสี่ยวชิงกับติงกวนจะรู้ว่าลูกสาวแอบตามน้องไปก็สายเกินไปเสียแล้ว หากพวกเขาไปนำตัวม่านหรูกลับมา นางอาจจะถูกลงโทษฐานเข้าร่วมโดยพละการ พวกเขาจึงไม่กล้าวู่วามและได้แต่รอคอยตามที่ท่านพ่อ