ม่านหรูกับน้องทั้งสามได้ยินเสียงเกือกม้าด้านหลังก็รู้ว่าพวกเขาต้องเร่งมือให้ทัพม้าเข้าตีต่อ นางจึงใช้พลังลมปราณเพิ่มขึ้นเพื่อลดเวลาการต่อสู้ลงให้มากที่สุด ติงอ้ายกับติงเอ้อคอยป้องกันศัตรูให้พี่ใหญ่ ทำให้พื้นที่ที่ทั้งสามอยู่นั้นถูกแหวกออกเป็นวงกว้างไม่น้อย ทหารในหมู่เดียวกันอีก 7 คนคอยใช้โอกาสที่ศัตรูเพลี่ยงพล้ำตวัดดาบซ้ำไปจนศัตรูตายไปไม่น้อยเช่นกัน
ซื่อหวนหลงเห็นว่าหัวหน้าหมู่ร่างเล็กบางฝีมือไม่เลวและชายหนุ่มอีกสองที่คอยต่อสู้เคียงข้างหัวหน้าหมู่ร่างเล็กคนนั้นก็น่าสนใจ เขาจึงสั่งการให้พวกเขาเร่งฝ่าทัพศัตรูเร็วขึ้น ม่านหรูได้แต่กลอกตามองบนอย่างหมั่นไส้และคิดในใจว่านี่ข้ายังรีบไม่พออีกหรือ หากเจ้ารีบนักทำไมไม่ขี่ม้าขึ้นหน้าไปก่อนเล่า
ซื่อหวนหลงไม่เห็นว่าม่านหรูหน้าตาบูดบึ้งมากแค่ไหนหลังได้รับคำสั่ง เขาที่อยู่บนหลังม้าใช้ง้าวฆ่าฟันศัตรูเพื่อช่วยเปิดทางด้วยอีกแรงหนึ่ง ม่านหรูเข้าไปใกล้แม่ทัพใหญ่แคว้นเจิ้งอีกเพียงไม่ถึง 10 ก้าว นางร้องบอกน้อง ๆ ให้แหวกทางต่อเพื่อให้แม่ทัพใหญ่ของนางเข้าไปจัดการตามหน้าที่ของเขาเสีย
ติงอ้ายกับติงเอ้อต่างร้องรับคำพี่ใหญ่เสียงดัง ซื่อหวนหลงได้ยินจึงเพิ่งรู้ว่าทั้งสามคนนั้นเป็นพี่น้องกันนี่เอง แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาชื่นชมเด็กพวกนี้ หน้าที่เขาคือกำจัดแม่ทัพใหญ่ของศัตรูเสียก่อน
การตีฝ่าครั้งนี้ไม่ง่ายนัก เพราะทหารคนสนิทของแม่ทัพแคว้นเจิ้งมีฝีมือไม่น้อยเช่นกัน ม่านหรูกับน้อง ๆ ทำได้แค่ส่งพวกเขาลงจากหลังม้าเท่านั้น ก่อนนางจะวิ่งเข้าไปเพื่อซ้ำดาบสอง แต่ด้วยศัตรูก็มีลมปราณสูงส่งไม่แพ้นาง ม่านหรูจึงใช้เวลาเกือบสองเค่อก่อนที่น้องชายทั้งสองจะเข้ามาช่วยต่อสู้จนกลายเป็นสามรุมหนึ่ง ไม่ถึง 20 ดาบ ทหารคนสนิทคนแรกของแม่ทัพใหญ่แคว้นเจิ้งก็สิ้นใจ ม่านหรูหายใจหอบก่อนจะสั่งน้อง ๆ ให้ตีฝ่าต่อไป นางเห็นด้านหลังซื่อหวนหลงยังคงติดตามพวกนางมาอยู่ ทั้งที่ตอนนี้นางปวดข้อมือไม่น้อยกับการตวัดดาบเล่มใหญ่ เพียงแต่หน้าที่ของนางยังไม่จบ ม่านหรูกัดฟันเพิ่มพลังลมปราณอีกครั้งเพราะรู้ว่าศัตรูเก่งกาจเช่นกันจึงไม่อาจประมาทได้อีกต่อไป
“พี่ใหญ่ ท่านไหวหรือไม่ขอรับ”
“นั่นสิขอรับ ถ้าไม่ไหวให้พวกข้านำหน้าท่านหรือไม่”
“ไม่จำเป็น ข้าจัดการได้ พวกเจ้าระวังตัวให้ดี ฝีมือของพวกเขาไม่ธรรมดา”
ม่านหรูบอกน้องเสร็จก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดเข้าไปต่อสู้กับรองแม่ทัพศัตรูที่อยู่ตรงหน้าทันที ด้านแม่ทัพใหญ่แคว้นเจิ้งเห็นว่าแม่ทัพแคว้นจ้าวใกล้เข้ามาทุกที เขาเห็นฝีมือการต่อสู้ของเด็กหนุ่มคนนี้คราวก่อนแล้วยังนึกหวาดกลัวไม่หาย เขามองทัพที่กำลังต่อสู้อยู่อย่างดุเดือด ตอนนี้ทัพของเขาเริ่มเพลี่ยงพล้ำเพราะคนน้อยกว่าหลายหมื่นคนเลยทีเดียว แม่ทัพใหญ่แคว้นเจิ้งตัดสินใจสั่งการถอยทัพก่อน เพราะเขารู้ดีว่าแม่ทัพแคว้นจ้าวคงไม่กล้าเข้าไปยังเขตค่ายทัพของเขาแน่ ที่นั่นยังมีกับดักมากมายอยู่รอบค่าย ไม่ต่างจากค่ายทัพของแคว้นจ้าวที่มีกับดักเช่นเดียวกัน
ซื่อหวนหลงเห็นศัตรูกำลังจะหนีอีกครั้ง เขาจึงรีบสั่งให้ทหารล้อมศัตรูเอาไว้ แต่น่าเสียดายที่เขาสั่งการช้าเกินไป ทำให้กองทัพแคว้นเจิ้งถอยทัพได้สำเร็จ ถึงแม้จะมีทหารตายไปมากกว่าสองหมื่นคนในศึกครั้งนี้ แต่กองทัพแคว้นเจิ้งยังเหลือคนอีกมากกว่าห้าหมื่น ซื่อหวนหลงได้แต่ถอนหายใจอย่างปลดปลง เขาเสียดายโอกาสที่จะเข้าไปต่อสู้กับแม่ทัพแคว้นเจิ้งเสียจริงๆ หลังจากทำใจได้แล้ว ซื่อหวนหลงสั่งกองทัพให้ถอยกลับค่ายเช่นเดียวกัน ศึกครั้งนี้กินเวลาไปจนค่ำมืดมากแล้ว
กว่าที่กองทัพของซื่อหวนหลงจะกลับถึงค่ายพักก็เข้าสู่กลางดึกแล้ว ทหารที่เหนื่อยอ่อนจากการต่อสู้แยกย้ายกันไปนั่งพัก ก่อนจะมีทหารจากโรงครัวนำอาหารมาให้พวกเขาตามคำสั่งของซื่อหวนหลง ม่านหรูที่เสียพลังปราณไปมากในศึกครั้งนี้นั่งขัดสมาธิปรับพลังปราณก่อนจะกินข้าวพร้อมน้องชายและกลับไปพักผ่อน
หลังอาหารเช้าวันต่อมา ซื่อหวนหลงสอบถามนายกองถึงหมู่ของม่านหรูที่ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีในการศึกเมื่อวานนี้ ยิ่งพอทราบว่าทั้งสามคนมีวรยุทธด้วยเขายิ่งอยากเลื่อนตำแหน่งให้พวกเขาเป็นนายกองฝึกฝนทหาร 100 คน เพื่อสร้างทัพหน้าให้แข็งแกร่งมากกว่านี้ ซื่อหวนหลงแน่ใจว่าในหนึ่งเดือนหลังจากนี้ กองทัพเจิ้งไม่น่าจะมีกำลังพอที่จะเข้ามารุกรานชายแดนพวกเขาอีก หากทั้งสามคนฝึกทหารได้ตามที่คิด การที่เขาจะพากองทัพบุกไปยังค่ายชายแดนแคว้นเจิ้งในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้คงไม่ยากนัก
แม่ทัพชายแดนกับเหล่ารองแม่ทัพต่างดีใจแทนเด็กทั้งสามคนที่ได้เลื่อนขั้นทั้งที่อายุยังน้อย พวกเขาขอบคุณแม่ทัพใหญ่และสั่งนายกองไปบอกข่าว ส่วนการฝึกของพวกเขานั้น รองแม่ทัพจะจัดกองกำลังใหม่ให้โดยคัดเลือกคนจากกลุ่มทหารใหม่ด้วยกัน
ม่านหรู ติงอ้ายและติงเอ้อไม่คิดว่าพวกเขาจะได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นนายกองและรองทั้งสองเร็วถึงเพียงนี้ ม่านหรูผู้เป็นพี่ใหญ่กล่าวขอบคุณนายกองที่มาแจ้งข่าว ก่อนหันไปบอกน้อง ๆ ให้เตรียมการฝึกสำหรับคน 100 คน ที่พวกนางจะได้รับอย่างไม่รีรอ ติงอ้ายกับติงเอ้อนึกถึงการฝึกที่ท่านปู่สอน พวกเขาเสนอแนวทางให้นางพิจารณา ม่านหรูเห็นว่าวิธีนี้น่าจะสามารถเพิ่มความสามารถให้คนธรรมดาได้เร็วกว่าการฝึกปกติ นางกับน้อง ๆ จึงขึ้นเขาที่อยู่ไม่ไกลค่ายนักไปจัดหาไม้ใหญ่จำนวนมากมาเตรียมทำอุปกรณ์ฝึกฝนร่างกายทันที
หนึ่งเดือนต่อมา กองของม่านหรูที่ฝึกหนักต่างจากกองอื่น ๆ ตอนนี้พวกเขาหนึ่งคนสามารถต่อสู้กับทหารธรรมดาได้ถึง 3 คนในคราวเดียว นับว่าการฝึกหนักที่ผ่านมาของพวกเขาไม่เสียหลายเลย ซื่อหวนหลงให้คนคอยติดตามดูการฝึกของพวกเขาไม่แปลกใจเลยที่ทั้งสามคนจะสามารถสร้างคนมีฝีมือได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งคนในกองของพวกเขายังรัก เชื่อฟังและสามัคคีกันอย่างมาก
ซื่อหวนหลงเห็นว่ากองทัพของเขาพร้อมแล้วหลังจากพักผ่อนมาหนึ่งเดือน เขาจึงสั่งการเตรียมทัพเพื่อบุกไปยังค่ายทหารแคว้นเจิ้งในวันพรุ่งนี้ ครั้งนี้อาจเป็นศึกที่ยืดเยื้อ เขาจึงสั่งทหารฝ่ายเสบียงให้เตรียมตัวเดินทางพร้อมอุปกรณ์ครัวไปด้วย เพื่อที่กองทัพจะได้ไม่เสียเวลาเดินทางไกลมากเหมือนคราวก่อน เขาคาดการณ์เอาไว้ว่าจะตีชายแดนแคว้นเจิ้งให้แตกภายในสามเดือน ตอนนี้ผ่านไปเดือนกว่าแล้ว เขายังลดทอนทหารของแคว้นเจิ้งได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งด้วยซ้ำ ครั้งนี้เขาจึงวางแผนกับกุนซือและเหล่ารองแม่ทัพทั้งหลายเกี่ยวกับการศึกในครั้งนี้อย่างรอบคอบ
รุ่งเช้าวันต่อมา กองทัพทั้งหมดเดินทางพร้อมกองเสบียงที่ตามหลังมาไปยังเขตชายแดนตามคำสั่งของแม่ทัพใหญ่ พวกเขาเดินทางไปหยุดที่เส้นเขตแดนก่อนที่ซื่อหวนหลงจะสั่งการให้ทหารตั้งค่ายที่นี่ส่วนหนึ่ง เขากับแม่ทัพชายแดน รองแม่ทัพและนายกองทั้งหลายต่างนำทหารในปกครองของตนเดินทางต่อเพื่อไปสู้ศึกกับทัพศัตรูที่อยู่ในฝั่งแคว้นเจิ้ง
ครั้งนี้กองทหารของม่านหรูได้รับคำสั่งให้เป็นทัพหน้าเต็มตัว นางสั่งทหารในกองให้เดินทัพเป็นรูปหัวลูกศรเพื่อง่ายต่อการตีฝ่า ซึ่งเหล่าแม่ทัพ รองแม่ทัพไม่มีใครยุ่งกับการจัดทัพของนาง เพราะแม่ทัพใหญ่สั่งการมาแล้วว่าให้อิสระในการต่อสู้เฉพาะกองทหารของม่านหรูเท่านั้น
แม่ทัพแคว้นเจิ้งเมื่อทหารมาส่งข่าวว่ากองทัพแคว้นจ้าวข้ามแดนเข้ามาแล้ว เขาก็สั่งให้รองแม่ทัพนำทหารสามหมื่นนายไปต้านเอาไว้ก่อน ส่วนเขากับทหารอีกสองหมื่นจะตีกระหนาบด้านข้างทัพของแคว้นจ้าวหากพวกเขาฝ่าทัพหน้าเข้ามาได้ และเขายังสั่งการให้ทัพหน้าไม่ต้องสู้จนบาดเจ็บล้มตาย เพียงแค่ล่อให้ศัตรูเข้ามาในกับดักวงล้อมที่เขาเตรียมเอาไว้เท่านั้น รองแม่ทัพสามคนรับคำสั่งและเรียกรวมพลทหารในปกครองของตนเองทันที พวกเขาไม่คิดว่าครั้งนี้ท่านแม่ทัพจะใช้แผนการศึกเพื่อรักษากำลังทหารเอาไว้เช่นนี้ ซึ่งพวกเขาเองก็เห็นด้วยกับแผนนี้ไม่น้อย
ทัพหน้าทั้งสองปะทะกันช่วงกลางทางก่อนถึงค่ายแคว้นเจิ้ง ม่านหรูกับกองกำลังของนางบุกตะลุยด้านหน้า โดยมีนางกับน้องทั้งสองเป็นแนวหน้าให้คนในกองของนางซ้ำผู้บาดเจ็บและแหวกทางออกตามคำสั่งของนาง ด้วยฝีมือการต่อสู้และพลังปราณอันสูงส่งของสามพี่น้อง ทำให้ทหารแคว้นเจิ้งบาดเจ็บล้มตายไปไม่น้อยถึงแม้พวกเขาจะได้รับคำสั่งให้ล่อศัตรูมาก็ตามที แต่พวกเขาไม่อาจหลบหนีพ้นจากดาบอันรวดเร็วของทัพหน้าอย่างกองกำลังของม่านหรูไปได้
รองแม่ทัพทั้งสามที่นำทัพหน้ามารีบสั่งถอยทัพทันทีที่เห็นกองทหารศัตรูพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวลูกธนูที่หลุดออกจากแหล่ง พวกเขาไม่คิดว่าทัพหน้าแคว้นจ้าวจะมีวรยุทธสูงส่งมากขนาดนี้ขณะที่ทัพหน้าแคว้นเจิ้งกำลังเร่งถอยทัพไปตามแผน ม่านหรูกับกองทหารของนางก็ไม่ล่าช้า พวกเขาเร่งมือฝ่าทัพศัตรูที่ตั้งรับไปด้วยถอยหลังไปด้วยอย่างเต็มกำลัง จนใจที่ทัพม้าของศัตรูเข้ามาขวางเอาไว้เพื่อให้ทัพหน้าถอยทัพไปเสียก่อน กองกำลังของนางจึงต้องหยุดเพื่อต้านทานทัพม้าจำนวนนับพันที่โอบล้อมพวกนางไว้ซื่อหวนหลงเห็นกองทัพของม่านหรูกำลังตกที่นั่งลำบากและศัตรูส่วนใหญ่หนีลึกเข้าไปในเขตแดนแคว้นเจิ้งแล้ว เขาร้องสั่งรองแม่ทัพให้ส่งคนไปช่วยกลุ่มของม่านหรูก่อนที่จะถูกกลุ้มรุมสังหารจากทัพม้าของศัตรู ตัวเขาเองยังไสม้าฝ่าเข้าไปช่วยด้วยอีกคนม่านหรูที่กำลังรับมือทหารม้า 5 คนพร้อมกันเห็นว่ากลุ่มของนางเริ่มกระจายตัวออกก็ยิ่งเป็นห่วง นางรีบสั่งน้องชายทั้งสองให้เรียกรวมกลุ่มเอาไว้และให้พวกเขาไปช่วยรับมือกับทหารม้าด้านที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มก่อน“พวกข้ารู้แล้ว พี่ใหญ่ระวังตัวด้วยขอรับ”“อืม… ข้าจะระวังตัว พวกเจ้ารีบไป ข้าจะจัดการทหารพวกนี้ก
ซื่อหวนหลงเรียกประชุมในวันต่อมา ม่านหรูที่เป็นเพียงนายกองเล็ก ๆ ไม่ต้องเข้าร่วม นางจึงไปตรวจสอบทหารในกองว่าใครบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน โชคดีที่เมื่อวานคนของแม่ทัพใหญ่ตามมาช่วยเปิดทางได้ทัน กองทัพเล็ก ๆ ของนางจึงไม่มีใครล้มตายกว่าการประชุมจะจบลง พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว ซื่อหวนหลงออกคำสั่งให้กองทัพพักผ่อน 2 สัปดาห์ จากนั้นเขาจะให้ทหารม้าเป็นทัพหน้าแต่จัดขบวนเหมือนที่ม่านหรูทำในครั้งนี้ เพื่อจะได้ตีฝ่าค่ายทัพของแคว้นเจิ้งไปให้สิ้นซากเสีย หลังจากที่คราวนี้พวกเขาทำไม่สำเร็จเช้าวันต่อมา เหล่าแม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองที่มีประสบการณ์นำเรื่องในที่ประชุมเมื่อวานไปแจ้งเหล่าทหารให้กระจายข่าวกันออกไป เพื่อเตรียมตัวสู้ศึกครั้งต่อไปในอีก 2 สัปดาห์ที่จะถึงนี้ ม่านหรูเมื่อทราบข่าว นางก็นำทหารในกองฝึกฝนให้หนักยิ่งกว่าเก่า เพราะการต่อสู้ที่ผ่านมานางเห็นข้อบกพร่องในกองทหารของนาง10 วันผ่านไป ซื่อหวนหลงเทียวออกมาดูการฝึกทหารของม่านหรูวันเว้นวัน ตั้งแต่ที่เขาออกคำสั่งให้พักผ่อนและเ
ทหารชั้นผู้น้อยทุกนายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ถึงสองวัน ก่อนที่จะได้รับคำสั่งให้เดินทัพกลับค่ายชายแดนต่อไปในวันพรุ่งนี้ ระหว่างการพักผ่อน ม่านหรูกับน้องยังคงฝึกฝนร่างกายตามที่ท่านปู่สอนทุกเช้าไม่ได้ขาด หลังได้คำสั่งกลับค่ายชายแดนพวกเขาก็เก็บข้าวของและไปรวมแถวก่อนจะกลับค่ายชายแดนพร้อมกองทัพใหญ่ช่วงเย็นหลังทานอาหาร ซื่อหวนหลงสั่งรวมพลที่ลานกลางค่ายเพื่อแจ้งข่าวดีให้กับทหารที่ออกรบในครั้งนี้ เมื่อเห็นว่าทหารทั้งหมดตั้งแถวอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ซื่อหวนหลงเรียกทหารใหม่ 10 นายที่แม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองอาวุโสเห็นด้วยในการเลื่อนขั้นให้พวกเขา หนึ่งในนั้นคือติงม่านหรูได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพรวมถึงน้องชายทั้งสองได้เป็นผู้ช่วยของติงม่านหรู อีกเจ็ดคนได้ตำแหน่งนายกองแทนที่ติงม่านหรูกับน้องชายและแทนที่ตำแหน่งทหารที่ถึงวัยออกจากราชการ“ทหารที่ได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพและผู้ช่วยจะต้องเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมข้ากับกองทัพใหญ่เพื่อไปรับพระราชโองการแต่งตั้ง ข้าจะถวายฎีกาแด่ฮ่องเต้เมื่อไปถึง ส่วนทหารระดับรองลงไป ให้ประจำการที่ชา
ซื่อหวนหลงพอรู้ว่าม่านหรูกลับมาแล้ว เขารีบออกไปดูว่าครอบครัวนางเป็นอย่างไร ซื่อหวนหลงแอบมองอยู่ไกล ๆ เพื่อไม่ให้น้องชายนางแสดงอาการพิรุธจนพี่ใหญ่พวกเขาเห็น ซื่อหวนหลงมองเห็นชายชราท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง หญิงและชายวัยกลางคนที่น่าจะเป็นพ่อกับแม่ของนาง เขาอยากเข้าไปทักทาย เพียงแต่คิดว่าไม่น่าจะเหมาะสมนักที่แม่ทัพใหญ่อย่างเขาจะเข้าไปทำความรู้จักครอบครัวรองแม่ทัพซื่อหวนหลงเห็นม่านหรูเข้าไปออดอ้อนชายชราอย่างน่ารัก หัวใจเขายิ่งเต้นกระหน่ำขึ้นมา เขาอยากให้นางมาอ้อนเขาแบบนี้บ้าง ซื่อหวนหลงเห็นชายชรามองมาทางเขาด้วยสายตาคมกริบ เขารีบค้อมคำนับก่อนจะเดินกลับไปที่กระโจม ตอนนี้เขารู้แล้วว่าชายชราน่าจะเป็นคนสอนวรยุทธสามพี่น้อง เพราะเพียงแค่สายตาที่มองมานั้น เขาก็รู้ว่าชายชรามีพลังลมปราณมากมายมหาศาลกว่าเขาและอาจารย์แน่สี่วันต่อมา กองทัพเก็บข้าวของกันตั้งแต่เย็นวาน รุ่งสางของวันพวกเขาเพียงแต่ร่วมทานอาหารกับทหารที่ประจำค่ายชายแดนก่อนออกเดินทางเท่านั้น หลังจากที่จัดขบวนทัพเรียบร้อยแล้ว ซื่อหวนหลงก็สั่งการเดินทัพใ
แม่ค้ามองกลุ่มคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะมีเงินพอซื้อเสื้อผ้าหรือไม่“พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าจะมีเงินพอจ่ายค่าเสื้อผ้าร้านข้า เสื้อผ้าดี ๆ สำหรับร่วมงานเลี้ยงในวังราคาแพงมากนะ”“เพ้ย! เหตุใดข้าจะไม่มีเงิน นี่อย่างไรตั๋วแลกเงินหนึ่งพันตำลึง พอหรือไม่สำหรับชุดสามชุดน่ะ” ชางจ้าวหลงกล่าวตอบอย่างโมโหจนหนวดกระดิก“อ่า ขออภัยท่านผู้เฒ่าเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่ถามตามหน้าที่ เช่นนั้นพวกท่านรอสักครู่ ข้าจะไปนำเสื้อผ้ามาให้พวกท่านเลือกเจ้าค่ะ” แม่ค้าได้แต่ละล่ำละลักขอโทษ นางไม่คิดว่าคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างพวกเขาจะมีเงินมากถึงพันตำลึงม่านหรูได้แต่ส่ายหัวกับแม่ค้าในเมืองหลวง พวกเขาคงมองคนเพียงภายนอกเท่านั้นกระมังถึงได้เสียมารยาทเช่นนี้ พวกเขารอไม่นานนักแม่ค้าก็นำชุดผ้าเนื้อดีมาส่งให้ท่านปู่ ท่านพ่อและท่านแม่ดูคนละหลายชุด ทั้งสามคนเลือกชุดที่ดูดีที่สุดคนละชุดแล้วถามราคาเพื่อจะได้รีบจ่ายรีบกลับค่ายกัน“ค่าชุดทั้งสาม
ชางจ้าวหลงพาหลานสาวเดินกลับทางเดิมที่เขาเห็นร้านขายเครื่องประดับอยู่ร้านหนึ่งก่อนหน้านี้ ม่านหรูไม่ได้คุยอะไรกับท่านปู่ระหว่างทาง กระทั่งทั้งสองมาถึงหน้าร้านเครื่องประดับร้านใหญ่ ชางจ้าวหลงก็เดินนำหลานสาวเข้าไป“พวกท่านต้องการดูเครื่องประดับแบบไหนขอรับ” พ่อค้าหนุ่มคนหนึ่งในร้านเดินมารับหน้าชางจ้าวหลงและม่านหรูซึ่งดูท่าทางไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดา“ร้านเจ้ามีหยกพกที่เหมือนกันสัก 6 ชิ้นและรับแกะสลักแซ่หรือไม่”“มีขอรับท่านผู้เฒ่า ไม่ทราบท่านอยากได้หยกเนื้อดีหรือหยกธรรมขอรับ”“ข้าต้องการหยกเนื้อดี ขอหยกที่ไม่เหมือนใครและมีแค่ 6 ชิ้นเท่านั้นนะ ข้าไม่อยากให้ซ้ำกับใครในแคว้นนี้”“เช่นนั้นเชิญพวกท่านไปรอที่ห้องรับรองก่อนขอรับ ข้าจะไปนำหยกมาให้ท่านเลือกดูสักหลายแบบ เชิญทางนี้ขอรับ”ชางจ้าวหลงกับม่านหรูพยักหน้ารับคำพ่อค้าหนุ่มและตามหลังเขาไปยังห้องที่อยู่ด้านในร้าน หลังจากนั่งรอในห้องไม่นานนัก พ่อค้
หมู่บ้านเซียงเหอ อำเภอเซียงกวนใกล้ชายแดนแคว้นเจิ้ง เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ในแคว้นจ้าวที่สงบมานานหลังผ่านสงครามแบ่งแยกแคว้นเมื่อหลายสิบปีก่อน ทำให้ในแคว้นจ้าวมีเด็กกำพร้าที่ครอบครัวถูกภัยสงครามอยู่เป็นจำนวนมากติงกวนกับเสี่ยวชิงเป็นเด็กกำพร้าในหมู่บ้านที่ซัดเซพเนจรจากภัยสงครามในสมัยนั้นและมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านเซียงเหอพร้อมกับชาวบ้านหลายครอบครัว เด็ก 2 คน ช่วยกันสร้างกระท่อมพักที่ท้ายหมู่บ้านตามกำลังของเด็กอายุ 10 ขวบ จะทำออกมาได้ ทั้งคู่ไม่สนใจชาวบ้านที่ครหาว่าเด็กชายกับเด็กหญิงที่ไม่ใช่ญาติอยู่ร่วมกันนั้นไม่เหมาะสม ในเมื่อพวกเขาไม่มีผู้ใหญ่รับไปเลี้ยงดู พวกเขาสองคนจึงต้องพึ่งพากันและกันเท่านั้นกระทั่ง 7 ปีผ่านไป ติงกวนกับเสี่ยวชิงอายุ 17 ปี ไม่มีลูกหลานคนในหมู่บ้านอยากขอพวกเขาไปเป็นเขยหรือสะใภ้ ติงกวนเห็นว่าเสี่ยวชิงถูกครหามานานมากแล้ว เขาจึงไปบอกผู้ใหญ่บ้านว่าจะแต่งเสี่ยวชิงเป็นภรรยา ผู้ใหญ่บ้านเห็นว่าทั้งคู่กำพร้าพ่อแม่ ผู้ใหญ่บ้านจึงช่วยทำพิธีแต่งงานให้พวกเขาโดยมีภรรยาช่วยหาสิ่งของจำเป็นมาให้เด็กทั้งคู่เพื่อทำตามประเพณีหลังแต่งงานได้ปีครึ่ง เสี่ยวชิงก็คลอดลูกคนแรกเป็นหญิง พวกเขาตั้ง
5 ปีผ่านไปเมื่อ 5 ปีก่อน หลังจากม่านหรูมีน้องชาย 2 คนพร้อมกัน นางช่วยแม่ดูแลน้องมาตลอดก่อนแม่จะปล่อยให้นางเลี้ยงน้องเองตอนที่น้องอายุ 1 ขวบครึ่ง ท่านแม่นางปล่อยให้นางอยู่บ้านกับน้องทุกวัน อาหารท่านแม่จะเตรียมเอาไว้ให้นางกับน้องกินเวลาท่านแม่กับท่านพ่อไปรับจ้างทำไร่ ทำสวน ม่านหรูอยู่กับน้องจึงรักและผูกพันธ์กับน้องชายทั้งสองคนมาก นางเลี้ยงน้องที่บ้านจนน้อง ๆ เริ่มวิ่งได้ในวัย 2 ขวบครึ่ง ม่านหรูที่อายุเกือบ 5 ขวบจึงเริ่มพาน้อง ๆ ไปช่วยพ่อกับแม่เก็บหญ้าที่ไร่บ้างเป็นบางวัน กระทั่งนางอายุเกือบ 6 ขวบ นางเริ่มขึ้นเขาพร้อมชาวบ้านไปหาของป่ามาไว้กินที่บ้าน ส่วนน้อง ๆ นางปล่อยให้เขาเล่นอยู่ที่บ้านและบางวันพวกเขาก็จะเดินไปหาพ่อกับแม่ที่ไร่บ้าง แต่ด้วยน้องชายยังเด็กอยู่มากและครอบครัวนางยากจน น้อง ๆ จึงใส่เสื้อผ้าเก่าขาดของนางที่ท่านแม่เย็บให้พวกเขาใส่ไปพลาง ๆ ก่อนที่พวกเขาจะโตไปมากกว่านี้ ทำให้เด็กในหมู่บ้านต่างล้อเลียนว่าน้องชายของนางเป็นขอทานและยังทำร้ายน้อง ๆ ของนางจนได้แผลกลับบ้านแทบทุกวันม่านหรูที่กลับลงจากภูเขาแล้วเห็นน้อง ๆ นั่งน้ำตาคลออยู่หน้าบ้าน นางที่ไม่อยากให้ท่านพ่อท่านแม่กังวล จึงบ
ชางจ้าวหลงพาหลานสาวเดินกลับทางเดิมที่เขาเห็นร้านขายเครื่องประดับอยู่ร้านหนึ่งก่อนหน้านี้ ม่านหรูไม่ได้คุยอะไรกับท่านปู่ระหว่างทาง กระทั่งทั้งสองมาถึงหน้าร้านเครื่องประดับร้านใหญ่ ชางจ้าวหลงก็เดินนำหลานสาวเข้าไป“พวกท่านต้องการดูเครื่องประดับแบบไหนขอรับ” พ่อค้าหนุ่มคนหนึ่งในร้านเดินมารับหน้าชางจ้าวหลงและม่านหรูซึ่งดูท่าทางไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดา“ร้านเจ้ามีหยกพกที่เหมือนกันสัก 6 ชิ้นและรับแกะสลักแซ่หรือไม่”“มีขอรับท่านผู้เฒ่า ไม่ทราบท่านอยากได้หยกเนื้อดีหรือหยกธรรมขอรับ”“ข้าต้องการหยกเนื้อดี ขอหยกที่ไม่เหมือนใครและมีแค่ 6 ชิ้นเท่านั้นนะ ข้าไม่อยากให้ซ้ำกับใครในแคว้นนี้”“เช่นนั้นเชิญพวกท่านไปรอที่ห้องรับรองก่อนขอรับ ข้าจะไปนำหยกมาให้ท่านเลือกดูสักหลายแบบ เชิญทางนี้ขอรับ”ชางจ้าวหลงกับม่านหรูพยักหน้ารับคำพ่อค้าหนุ่มและตามหลังเขาไปยังห้องที่อยู่ด้านในร้าน หลังจากนั่งรอในห้องไม่นานนัก พ่อค้
แม่ค้ามองกลุ่มคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะมีเงินพอซื้อเสื้อผ้าหรือไม่“พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าจะมีเงินพอจ่ายค่าเสื้อผ้าร้านข้า เสื้อผ้าดี ๆ สำหรับร่วมงานเลี้ยงในวังราคาแพงมากนะ”“เพ้ย! เหตุใดข้าจะไม่มีเงิน นี่อย่างไรตั๋วแลกเงินหนึ่งพันตำลึง พอหรือไม่สำหรับชุดสามชุดน่ะ” ชางจ้าวหลงกล่าวตอบอย่างโมโหจนหนวดกระดิก“อ่า ขออภัยท่านผู้เฒ่าเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่ถามตามหน้าที่ เช่นนั้นพวกท่านรอสักครู่ ข้าจะไปนำเสื้อผ้ามาให้พวกท่านเลือกเจ้าค่ะ” แม่ค้าได้แต่ละล่ำละลักขอโทษ นางไม่คิดว่าคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างพวกเขาจะมีเงินมากถึงพันตำลึงม่านหรูได้แต่ส่ายหัวกับแม่ค้าในเมืองหลวง พวกเขาคงมองคนเพียงภายนอกเท่านั้นกระมังถึงได้เสียมารยาทเช่นนี้ พวกเขารอไม่นานนักแม่ค้าก็นำชุดผ้าเนื้อดีมาส่งให้ท่านปู่ ท่านพ่อและท่านแม่ดูคนละหลายชุด ทั้งสามคนเลือกชุดที่ดูดีที่สุดคนละชุดแล้วถามราคาเพื่อจะได้รีบจ่ายรีบกลับค่ายกัน“ค่าชุดทั้งสาม
ซื่อหวนหลงพอรู้ว่าม่านหรูกลับมาแล้ว เขารีบออกไปดูว่าครอบครัวนางเป็นอย่างไร ซื่อหวนหลงแอบมองอยู่ไกล ๆ เพื่อไม่ให้น้องชายนางแสดงอาการพิรุธจนพี่ใหญ่พวกเขาเห็น ซื่อหวนหลงมองเห็นชายชราท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง หญิงและชายวัยกลางคนที่น่าจะเป็นพ่อกับแม่ของนาง เขาอยากเข้าไปทักทาย เพียงแต่คิดว่าไม่น่าจะเหมาะสมนักที่แม่ทัพใหญ่อย่างเขาจะเข้าไปทำความรู้จักครอบครัวรองแม่ทัพซื่อหวนหลงเห็นม่านหรูเข้าไปออดอ้อนชายชราอย่างน่ารัก หัวใจเขายิ่งเต้นกระหน่ำขึ้นมา เขาอยากให้นางมาอ้อนเขาแบบนี้บ้าง ซื่อหวนหลงเห็นชายชรามองมาทางเขาด้วยสายตาคมกริบ เขารีบค้อมคำนับก่อนจะเดินกลับไปที่กระโจม ตอนนี้เขารู้แล้วว่าชายชราน่าจะเป็นคนสอนวรยุทธสามพี่น้อง เพราะเพียงแค่สายตาที่มองมานั้น เขาก็รู้ว่าชายชรามีพลังลมปราณมากมายมหาศาลกว่าเขาและอาจารย์แน่สี่วันต่อมา กองทัพเก็บข้าวของกันตั้งแต่เย็นวาน รุ่งสางของวันพวกเขาเพียงแต่ร่วมทานอาหารกับทหารที่ประจำค่ายชายแดนก่อนออกเดินทางเท่านั้น หลังจากที่จัดขบวนทัพเรียบร้อยแล้ว ซื่อหวนหลงก็สั่งการเดินทัพใ
ทหารชั้นผู้น้อยทุกนายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ถึงสองวัน ก่อนที่จะได้รับคำสั่งให้เดินทัพกลับค่ายชายแดนต่อไปในวันพรุ่งนี้ ระหว่างการพักผ่อน ม่านหรูกับน้องยังคงฝึกฝนร่างกายตามที่ท่านปู่สอนทุกเช้าไม่ได้ขาด หลังได้คำสั่งกลับค่ายชายแดนพวกเขาก็เก็บข้าวของและไปรวมแถวก่อนจะกลับค่ายชายแดนพร้อมกองทัพใหญ่ช่วงเย็นหลังทานอาหาร ซื่อหวนหลงสั่งรวมพลที่ลานกลางค่ายเพื่อแจ้งข่าวดีให้กับทหารที่ออกรบในครั้งนี้ เมื่อเห็นว่าทหารทั้งหมดตั้งแถวอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ซื่อหวนหลงเรียกทหารใหม่ 10 นายที่แม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองอาวุโสเห็นด้วยในการเลื่อนขั้นให้พวกเขา หนึ่งในนั้นคือติงม่านหรูได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพรวมถึงน้องชายทั้งสองได้เป็นผู้ช่วยของติงม่านหรู อีกเจ็ดคนได้ตำแหน่งนายกองแทนที่ติงม่านหรูกับน้องชายและแทนที่ตำแหน่งทหารที่ถึงวัยออกจากราชการ“ทหารที่ได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพและผู้ช่วยจะต้องเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมข้ากับกองทัพใหญ่เพื่อไปรับพระราชโองการแต่งตั้ง ข้าจะถวายฎีกาแด่ฮ่องเต้เมื่อไปถึง ส่วนทหารระดับรองลงไป ให้ประจำการที่ชา
ซื่อหวนหลงเรียกประชุมในวันต่อมา ม่านหรูที่เป็นเพียงนายกองเล็ก ๆ ไม่ต้องเข้าร่วม นางจึงไปตรวจสอบทหารในกองว่าใครบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน โชคดีที่เมื่อวานคนของแม่ทัพใหญ่ตามมาช่วยเปิดทางได้ทัน กองทัพเล็ก ๆ ของนางจึงไม่มีใครล้มตายกว่าการประชุมจะจบลง พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว ซื่อหวนหลงออกคำสั่งให้กองทัพพักผ่อน 2 สัปดาห์ จากนั้นเขาจะให้ทหารม้าเป็นทัพหน้าแต่จัดขบวนเหมือนที่ม่านหรูทำในครั้งนี้ เพื่อจะได้ตีฝ่าค่ายทัพของแคว้นเจิ้งไปให้สิ้นซากเสีย หลังจากที่คราวนี้พวกเขาทำไม่สำเร็จเช้าวันต่อมา เหล่าแม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองที่มีประสบการณ์นำเรื่องในที่ประชุมเมื่อวานไปแจ้งเหล่าทหารให้กระจายข่าวกันออกไป เพื่อเตรียมตัวสู้ศึกครั้งต่อไปในอีก 2 สัปดาห์ที่จะถึงนี้ ม่านหรูเมื่อทราบข่าว นางก็นำทหารในกองฝึกฝนให้หนักยิ่งกว่าเก่า เพราะการต่อสู้ที่ผ่านมานางเห็นข้อบกพร่องในกองทหารของนาง10 วันผ่านไป ซื่อหวนหลงเทียวออกมาดูการฝึกทหารของม่านหรูวันเว้นวัน ตั้งแต่ที่เขาออกคำสั่งให้พักผ่อนและเ
รองแม่ทัพทั้งสามที่นำทัพหน้ามารีบสั่งถอยทัพทันทีที่เห็นกองทหารศัตรูพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวลูกธนูที่หลุดออกจากแหล่ง พวกเขาไม่คิดว่าทัพหน้าแคว้นจ้าวจะมีวรยุทธสูงส่งมากขนาดนี้ขณะที่ทัพหน้าแคว้นเจิ้งกำลังเร่งถอยทัพไปตามแผน ม่านหรูกับกองทหารของนางก็ไม่ล่าช้า พวกเขาเร่งมือฝ่าทัพศัตรูที่ตั้งรับไปด้วยถอยหลังไปด้วยอย่างเต็มกำลัง จนใจที่ทัพม้าของศัตรูเข้ามาขวางเอาไว้เพื่อให้ทัพหน้าถอยทัพไปเสียก่อน กองกำลังของนางจึงต้องหยุดเพื่อต้านทานทัพม้าจำนวนนับพันที่โอบล้อมพวกนางไว้ซื่อหวนหลงเห็นกองทัพของม่านหรูกำลังตกที่นั่งลำบากและศัตรูส่วนใหญ่หนีลึกเข้าไปในเขตแดนแคว้นเจิ้งแล้ว เขาร้องสั่งรองแม่ทัพให้ส่งคนไปช่วยกลุ่มของม่านหรูก่อนที่จะถูกกลุ้มรุมสังหารจากทัพม้าของศัตรู ตัวเขาเองยังไสม้าฝ่าเข้าไปช่วยด้วยอีกคนม่านหรูที่กำลังรับมือทหารม้า 5 คนพร้อมกันเห็นว่ากลุ่มของนางเริ่มกระจายตัวออกก็ยิ่งเป็นห่วง นางรีบสั่งน้องชายทั้งสองให้เรียกรวมกลุ่มเอาไว้และให้พวกเขาไปช่วยรับมือกับทหารม้าด้านที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มก่อน“พวกข้ารู้แล้ว พี่ใหญ่ระวังตัวด้วยขอรับ”“อืม… ข้าจะระวังตัว พวกเจ้ารีบไป ข้าจะจัดการทหารพวกนี้ก
ม่านหรูกับน้องทั้งสามได้ยินเสียงเกือกม้าด้านหลังก็รู้ว่าพวกเขาต้องเร่งมือให้ทัพม้าเข้าตีต่อ นางจึงใช้พลังลมปราณเพิ่มขึ้นเพื่อลดเวลาการต่อสู้ลงให้มากที่สุด ติงอ้ายกับติงเอ้อคอยป้องกันศัตรูให้พี่ใหญ่ ทำให้พื้นที่ที่ทั้งสามอยู่นั้นถูกแหวกออกเป็นวงกว้างไม่น้อย ทหารในหมู่เดียวกันอีก 7 คนคอยใช้โอกาสที่ศัตรูเพลี่ยงพล้ำตวัดดาบซ้ำไปจนศัตรูตายไปไม่น้อยเช่นกันซื่อหวนหลงเห็นว่าหัวหน้าหมู่ร่างเล็กบางฝีมือไม่เลวและชายหนุ่มอีกสองที่คอยต่อสู้เคียงข้างหัวหน้าหมู่ร่างเล็กคนนั้นก็น่าสนใจ เขาจึงสั่งการให้พวกเขาเร่งฝ่าทัพศัตรูเร็วขึ้น ม่านหรูได้แต่กลอกตามองบนอย่างหมั่นไส้และคิดในใจว่านี่ข้ายังรีบไม่พออีกหรือ หากเจ้ารีบนักทำไมไม่ขี่ม้าขึ้นหน้าไปก่อนเล่าซื่อหวนหลงไม่เห็นว่าม่านหรูหน้าตาบูดบึ้งมากแค่ไหนหลังได้รับคำสั่ง เขาที่อยู่บนหลังม้าใช้ง้าวฆ่าฟันศัตรูเพื่อช่วยเปิดทางด้วยอีกแรงหนึ่ง ม่านหรูเข้าไปใกล้แม่ทัพใหญ่แคว้นเจิ้งอีกเพียงไม่ถึง 10 ก้าว นางร้องบอกน้อง ๆ ให้แหวกทางต่อเพื่อให้แม่ทัพใหญ่ของนางเข้าไปจัดการตามหน้าที่ของเขาเสียติงอ้ายกับติงเอ้อต่างร้องรับคำพี่ใหญ่เสียงดัง ซื่อหวนหลงได้ยินจึงเพิ่งรู้ว่า
ม่านหรูถึงแม้จะอยู่แถวหลังกลุ่มทหารที่มาจากเมืองหลวง แต่นางก็เห็นหน้าของแม่ทัพใหญ่ซึ่งหล่อเหลาและตัวสูงใหญ่มากกว่าทหารคนอื่นที่ยืนอยู่บนเวทีด้วยกันเกือบหนึ่งช่วงศรีษะ ยิ่งได้ยินเสียงจากพลังลมปราณที่กล้าแกร่งของเขา นางก็ยิ่งคิดว่าตนเองยังเป็นกบในกะลา ทั้งที่ตัวนางเองฝึกฝนมานานยังมีลมปราณไม่มากเท่าชายผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ที่อายุน่าจะห่างจากนางไม่มากทหารใหม่ทั้งหมดเกือบร้อยคนมายืนเรียงแถวกันที่หน้าเวที พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาเท่านั้น อีกทั้งกลุ่มคนพวกนี้เป็นลูกพ่อค้าจึงทำตัวเกเรแต่แรกทหารคนอื่นคิดว่าพวกเขาน่าจะถูกแม่ทัพใหญ่ลงโทษไม่น้อย“พวกเจ้าฝึกฝนมานานเท่าไหร่แล้ว เหตุใดแค่จัดแถวจึงทำไม่ได้”หม่าต้าเฟยหัวหน้ากลุ่มลูกพ่อค้าถือตัวว่าที่บ้านร่ำรวยจึงคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง เขาพยายามยัดเงินให้หัวหน้าหมู่กับนายกองเพื่อความสบาย แต่พวกเขาไม่ยอมรับเงิน จึงทำให้หม่าต้าเฟยรวมตัวลูกพ่อค้าเที่ยวก่อกวนไปทั่วมาตั้งแต่แรก“พวกข้าฝึกเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น เจ้าจะให้พวกเราชาวบ้านตาดำ ๆ ทำอย่างพวกเจ้าที่เป็นทหารมานานได้อย่างไร”“เจ้าชื่ออะไร เหตุใดก่อนรายงานไม่ขานชื่อตนเองก่อน นายกอง นำตัวไปลง
หนึ่งเดือนต่อมา ทหารมาที่หมู่บ้านเพื่อคัดเลือกเด็กหนุ่มเข้าไปเป็นทหารให้ทางการ เพราะตอนนี้แคว้นเจิ้งรุกรานแคว้นจ้าวจนชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่ว ชาวบ้านที่มีลูกชายจำเป็นต้องส่งลูกให้เหล่าทหารทั้งน้ำตา พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านแล้วจะไปสู้รบปรบมือกับใครเขาได้ แต่ทหารที่มากลับบอกว่าพวกเขาจะฝึกฝนคนเหล่านี้ก่อนเข้าสู่สนามรบในอีก 3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากต้องรอทัพใหญ่จากเมืองหลวงซึ่งกำลังเดินทางมาถึงชายแดนเสียก่อนจึงจะร่วมทัพกันม่านหรูพอรู้ว่าน้อง ๆ ต้องไปเป็นทหารก็นึกเป็นห่วง นางแอบตามน้องไปเข้าขบวนกับเหล่าทหารด้วย ก่อนไปนางบอกท่านปู่เอาไว้แล้วว่าจะพาน้องกลับมาได้อย่างแน่นอน ชางจ้าวหลงที่สอนสั่งม่านหรูมาตลอด 10 ปีรู้ดีว่าหลานสาวเก่งกาจกว่าน้องชายทั้งสองมากนัก ไม่ว่าจะเรื่องความคิดรอบคอบหรือความหัวไวของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร เขาจึงได้แต่จำใจส่งหลานสาวไปพร้อมมีดบินที่เขาสั่งทำเอาไว้เมื่อหลายปีก่อนให้นางติดตัวไปด้วยกว่าที่เสี่ยวชิงกับติงกวนจะรู้ว่าลูกสาวแอบตามน้องไปก็สายเกินไปเสียแล้ว หากพวกเขาไปนำตัวม่านหรูกลับมา นางอาจจะถูกลงโทษฐานเข้าร่วมโดยพละการ พวกเขาจึงไม่กล้าวู่วามและได้แต่รอคอยตามที่ท่านพ่อ