รองแม่ทัพทั้งสามที่นำทัพหน้ามารีบสั่งถอยทัพทันทีที่เห็นกองทหารศัตรูพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวลูกธนูที่หลุดออกจากแหล่ง พวกเขาไม่คิดว่าทัพหน้าแคว้นจ้าวจะมีวรยุทธสูงส่งมากขนาดนี้
ขณะที่ทัพหน้าแคว้นเจิ้งกำลังเร่งถอยทัพไปตามแผน ม่านหรูกับกองทหารของนางก็ไม่ล่าช้า พวกเขาเร่งมือฝ่าทัพศัตรูที่ตั้งรับไปด้วยถอยหลังไปด้วยอย่างเต็มกำลัง จนใจที่ทัพม้าของศัตรูเข้ามาขวางเอาไว้เพื่อให้ทัพหน้าถอยทัพไปเสียก่อน กองกำลังของนางจึงต้องหยุดเพื่อต้านทานทัพม้าจำนวนนับพันที่โอบล้อมพวกนางไว้
ซื่อหวนหลงเห็นกองทัพของม่านหรูกำลังตกที่นั่งลำบากและศัตรูส่วนใหญ่หนีลึกเข้าไปในเขตแดนแคว้นเจิ้งแล้ว เขาร้องสั่งรองแม่ทัพให้ส่งคนไปช่วยกลุ่มของม่านหรูก่อนที่จะถูกกลุ้มรุมสังหารจากทัพม้าของศัตรู ตัวเขาเองยังไสม้าฝ่าเข้าไปช่วยด้วยอีกคน
ม่านหรูที่กำลังรับมือทหารม้า 5 คนพร้อมกันเห็นว่ากลุ่มของนางเริ่มกระจายตัวออกก็ยิ่งเป็นห่วง นางรีบสั่งน้องชายทั้งสองให้เรียกรวมกลุ่มเอาไว้และให้พวกเขาไปช่วยรับมือกับทหารม้าด้านที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มก่อน
“พวกข้ารู้แล้ว พี่ใหญ่ระวังตัวด้วยขอรับ”
“อืม… ข้าจะระวังตัว พวกเจ้ารีบไป ข้าจะจัดการทหารพวกนี้ก่อนแล้วจะตามไป”
“ขอรับ/ขอรับ” ติงอ้ายกับติงเอ้อใช้วิชาตัวเบาไปช่วยเพื่อนทหารที่อ่อนแอก่อนตามที่พี่สาวเขาสั่งมา พวกเขารู้ดีว่าพี่สาวต้องตามมาในไม่ช้าแน่ ส่วนเรื่องความช่วยเหลือจากเหล่าแม่ทัพนายกอง พวกเขาไม่สนใจ ตอนนี้หน้าที่พวกเขาคือรักษาชีวิตเพื่อนในกองเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
ม่านหรูที่ถูกล้อมอยู่ตัดสินใจนำมีดบินในแขนเสื้อออกมาและแผ่พลังลมปราณเข้าไปในมีดบินก่อนจะเล็งเป้าแล้วซัดมีดบินทั้งห้าปักเข้าไปยังลำคอศัตรูในคราเดียว วิชานี้ท่านปู่สอนนางจนปล่อยมีดบินได้ครั้งละห้าเล่มตามขั้นพลังปราณที่นางมีอยู่ในตอนนี้ ถึงจะเสียดายมีดบินมากแค่ไหน แต่นางเป็นห่วงคนของนางมากกว่าจึงต้องใช้วิชานี้ในยามคับขัน
ซื่อหวนหลงที่กำลังฝ่าเข้าไปเพื่อช่วยทหารร่างบางซึ่งเป็นนายกองของเขาดูมีดบินเรียวเล็กดั่งใบหลิวพุ่งตรงไปยังลำคอของศัตรูทั้ง 5 อย่างแม่นยำ เขาถึงกับทึ่งในความสามารถของนายกองร่างเล็กผู้นี้ ซื่อหวนหลงร้องสั่งทหารเสียงดังให้รีบช่วยคนทั้งกลุ่ม หากมีใครบาดเจ็บล้มตายเขาจะเอาผิดตามกฎทหาร ทำให้ทหารที่ได้รับคำสั่งตอนแรกเร่งม้าเข้าไปและฆ่าฟันศัตรูเพื่อเปิดทางให้กองทัพที่ถูกโอบล้อมหนีออกมาเสียก่อน ซื่อหวนหลงใช้พลังลมปราณอันแข็งแกร่งฝ่าเข้าไปจนถึงตัวของม่านหรูขณะที่นางกำลังจะใช้วิชาตัวเบาไปช่วยน้องชาย นางกลับรู้สึกตึงที่เอวเล็ก ๆ ขณะที่กำลังลอยตัวเพื่อกลับหลังหันไปช่วยคน
ซื่อหวนหลงที่ใช้พลังลมปราณลอยตัวไปเกี่ยวเอวเล็กไว้พานางทะยานกลับไปยังม้าที่เขานั่งอยู่ ทั้งสองมองตากันอย่างตกตะลึง ซื่อหวนหลงไม่คิดว่าทหารของเขากลับลำตัวนุ่มนิ่มแตกต่างจากเขาที่ทั้งเนื้อทั้งตัวแข็งแกร่งไปหมด ส่วนม่านหรูเองก็ตะลึงกับความหล่อระยะเผาขนของคนตรงหน้า กว่าที่นางจะได้สติและเอามือยันอกเขาไว้ก็ใช้เวลาเกือบ 10 ลมหายใจ
“เอ่อ ขอบคุณท่านแม่ทัพใหญ่ที่มาช่วยขอรับ ข้าน้อยขอตัวไปช่วยน้องก่อนขอรับ”
“อืม…” ซื่อหวนหลงเองก็เพิ่งได้สติ เขาจึงรับคำส่ง ๆ ไป แต่กลิ่นตัวอ่อน ๆ ของม่านหรูกลับติดตรึงอยู่ในจมูกของเขา เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่ากลิ่นเหงื่อของผู้ชายจะหอมได้มากขนาดนี้ ซื่อหวนหลงมองตามร่างเล็กที่เหินบินไปช่วยคนอย่างเหม่อลอย กว่าที่เขาจะตั้งสติได้จากกลิ่นหอมที่ตราตรึงลึกเข้าไปในหัวใจจนเขาใจเต้นกระหน่ำราวกลองศึก เวลาก็ผ่านไปเกือบ 20 ลมหายใจแล้ว และกลุ่มของม่านหรูก็สามารถฝ่ากองทหารของศัตรูออกไปได้ทั้งหมด ส่วนทัพม้าแคว้นเจิ้งเร่งขี่ม้าหนีกลับค่ายตนไป
ซื่อหวนหลงเห็นว่าสถานการณ์คลี่คลายแล้ว เขาจึงบังคับม้าวิ่งเหยาะ ๆ กลับไปทางกองทัพและสั่งการถอยทัพทันทีเช่นกัน ม่านหรูมองตามหลังร่างสูงที่ช่วยนางเอาไว้ก่อนหน้านี้อย่างเหม่อลอยเล็กน้อย เมื่อได้สตินางรีบส่ายหน้าเล็ก ๆ ว่านางต้องไม่ใฝ่สูงเช่นนี้ หากเขารู้ว่านางเป็นหญิง น้องชายและครอบครัวนางต้องลำบากแน่ ถึงแม้นางจะประทับใจกับความเก่งกล้าสามารถของเขามากเพียงใด นางก็ไม่กล้าปล่อยใจให้คนอย่างแม่ทัพใหญ่ผู้มีอำนาจเช่นเขา
หลังกลับถึงค่าย ซื่อหวนหลงสั่งทหารให้ไปพักผ่อน เขาก็กลับกระโจมไปเช่นกัน ตอนนี้ซื่อหวนหลงยังคงเอาแต่คิดวนเวียนถึงทหารร่างเล็กบางและกลิ่นกายที่หอมหวลของนาง กระทั่งมีทหารร้องบอกหน้ากระโจมว่าเอาข้าวมาส่ง เขาจึงรีบส่ายหน้าอย่างหนักใจ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นต้วนซิ่วได้ เพียงแต่หัวใจของเขากลับเต้นแรงเมื่อนึกถึงทหารร่างเล็กคนนั้น ซื่อหวนหลงให้ทหารเข้ามาก่อนจะกินอาหารทั้งที่ใจยังคงคันยิบ ๆ เหมือนมดกัดจนยากจะเกา
ด้านสามพี่น้องที่นั่งกินข้าวกันเสร็จก็กลับไปยังกระโจมพวกเขา ติงอ้ายกับติงเอ้อรีบพุ่งมาหมุนตัวม่านหรูดูว่านางบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ พอเห็นว่าพี่สาวไม่เป็นอันใด พวกเขาจึงพรูลมหายใจออกอย่างโล่งใจ แต่ก็อดต่อว่าไม่ได้
“ท่านพี่ เหตุใดท่านจึงให้ชายอื่นมากอดเช่นนี้ คอยดูนะ กลับบ้านไปข้าจะฟ้องท่านพ่อกับท่านปู่ ฮึ!” ติงอ้ายพูดอย่างงอน ๆ เขาโมโหมากที่เห็นแม่ทัพใหญ่กอดพี่สาวเขาเอาไว้ในอ้อมแขนเช่นนั้น
“เจ้าพูดเรื่องอะไรติงอ้าย ทำไมข้าไม่เห็น” ติงเอ้องงมากเพราะเขามัวต่อสู้อยู่จึงไม่เห็น
“เจ้าอย่าเพ้อเจ้อติงอ้าย ใช่ว่าข้ายอมเสียที่ไหน เป็นท่านแม่ทัพช่วยข้าเอาไว้ต่างหาก”
“ฮะ! เรื่องจริงหรือพี่ใหญ่ ฮึ่ย! แบบนี้ข้ายอมไม่ได้เช่นกัน เจ้าแม่ทัพนั่นบังอาจมาแตะต้องตัวพี่สาวคนสวยของข้าได้ยังไง”
“เจ้าหุบปากเลยติงเอ้อ ข้าบอกว่าไม่มีอะไรยังไงเล่า รีบไปอาบน้ำเลย ข้าเหนื่อยแล้ว”
ม่านหรูที่อยากลืมหน้าหล่อ ๆ ของแม่ทัพใหญ่ตวาดน้องชายที่หวงนางเกินพอดีมาตั้งแต่ยังเด็กอย่างโมโห ใช่ว่านางจะเต็มใจให้เขากอดเสียเมื่อไหร่กัน เป็นเขาต่างหากที่ถือโอกาสเอาเปรียบนางน่ะ เพียงแต่นางไม่อยากโวยวายจนเกิดเรื่อง
ซื่อหวนหลงอาบน้ำเสร็จก็เรียกคนมานำอ่างอาบน้ำออกไป ก่อนที่เขาจะขึ้นไปนอนเอามือก่ายหน้าผากอย่างหนักใจ ในหัวเขายังคงวนเวียนอยู่กับกลิ่นของทหารร่างเล็กคนเดิมจนไม่รู้ว่าจะสลัดความคิดบ้าๆ นี่ออกไปได้ยังไง เขามั่นใจว่าไม่ได้มีใจรักผู้ชายด้วยกันแน่ ๆ แต่เหตุใดกับทหารนายนี้เขาจึงเกิดความรู้สึกเช่นนี้ได้ ตั้งแต่เด็ก เขามักจะเป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิงในเมืองหลวงมาตลอด เพียงแต่เขาไม่ชอบมารยาที่พวกนางแสดงออกมาเท่านั้น เขาจึงยังไม่ได้หมั้นหมายหรือแต่งงานทั้งที่อายุเลยวัยออกเรือนมาหลายปีแล้ว ซื่อหวนหลงคิดไปคิดมาจนครึ่งค่อนคืนก่อนจะหลับไป
ม่านหรูเองก็แทบไม่ต่างจากซื่อหวนหลง เพียงแต่นางรู้ดีว่าคนอย่างนางไม่มีความเหมาะสมกับเขาแม้แต่นิดเดียว ไหนจะครอบครัวยากจนและไม่เคยเรียนรู้เรื่องที่หญิงสาวทั่วไปเรียนอีกด้วย หากครอบครัวเขารังเกียจนางแล้วจะทำอย่างไร นางคิดไปคิดมาแล้วก็ได้แต่ต้องตัดใจและข่มตาหลับเพื่อทำหน้าที่ของนางต่อพรุ่งนี้
ติงอ้ายกับติงเอ้อเห็นพี่สาวพลิกตัวไปมาบนเตียงอยู่นานกว่านางจะหลับ ทั้งสองมองหน้ากันและซุบซิบถึงเรื่องที่พี่สาวถูกเอาเปรียบอีกครั้ง
“เจ้าว่าพี่ใหญ่แปลกไปไหม?”
“อืม ข้าคิดว่าแปลกเหมือนกันนะ หรือว่าพี่ใหญ่จะชอบแม่ทัพคนนั้น”
“เพ้ย! เจ้าอย่าพูดเรื่องนี้ให้ใครได้ยินนะ เดี๋ยวพวกเขาจะคิดว่าพี่ใหญ่ของพวกเราเป็นต้วนซิ่วหรอก เจ้านี่ปากหาเรื่องซวยให้พวกเราจริง ๆ”
“อ้าว ข้าลืมไปนี่นาว่าพี่ใหญ่ปลอมตัวอยู่” ติงอ้ายเกาหัวแกรก ๆ
“แล้วเราจะทำยังไงกับเรื่องนี้กันดีล่ะเนี่ย ท่านปู่ก็ไม่อยู่ด้วย ข้าคิดไม่ออก”
“เฮ้อ ข้าว่าปล่อยให้พี่ใหญ่จัดการเองเถอะ นางฉลาดกว่าพวกเราเยอะ”
“เฮ้อ ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะ เรารีบนอนกันเถอะ ข้ากลัวพี่ใหญ่ได้ยิน”
ติงเอ้อกับติงอ้ายพยักหน้าให้กันแล้วรีบหลับตาลงนอนหลับบนพื้นเหมือนทุกวัน พวกเขาจะนอนในกระโจมเดียวกับพี่สาวมาตลอดและเฝ้านางที่หน้าเตียงทุกคืนตั้งแต่มาเป็นทหาร เพราะพวกเขากลัวเรื่องพี่สาวปลอมตัวจะแตก จึงไม่ยอมพักที่กระโจมอื่นที่ทหารส่วนใหญ่อยู่กันสองคนต่อกระโจม
ซื่อหวนหลงเรียกประชุมในวันต่อมา ม่านหรูที่เป็นเพียงนายกองเล็ก ๆ ไม่ต้องเข้าร่วม นางจึงไปตรวจสอบทหารในกองว่าใครบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน โชคดีที่เมื่อวานคนของแม่ทัพใหญ่ตามมาช่วยเปิดทางได้ทัน กองทัพเล็ก ๆ ของนางจึงไม่มีใครล้มตายกว่าการประชุมจะจบลง พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว ซื่อหวนหลงออกคำสั่งให้กองทัพพักผ่อน 2 สัปดาห์ จากนั้นเขาจะให้ทหารม้าเป็นทัพหน้าแต่จัดขบวนเหมือนที่ม่านหรูทำในครั้งนี้ เพื่อจะได้ตีฝ่าค่ายทัพของแคว้นเจิ้งไปให้สิ้นซากเสีย หลังจากที่คราวนี้พวกเขาทำไม่สำเร็จเช้าวันต่อมา เหล่าแม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองที่มีประสบการณ์นำเรื่องในที่ประชุมเมื่อวานไปแจ้งเหล่าทหารให้กระจายข่าวกันออกไป เพื่อเตรียมตัวสู้ศึกครั้งต่อไปในอีก 2 สัปดาห์ที่จะถึงนี้ ม่านหรูเมื่อทราบข่าว นางก็นำทหารในกองฝึกฝนให้หนักยิ่งกว่าเก่า เพราะการต่อสู้ที่ผ่านมานางเห็นข้อบกพร่องในกองทหารของนาง10 วันผ่านไป ซื่อหวนหลงเทียวออกมาดูการฝึกทหารของม่านหรูวันเว้นวัน ตั้งแต่ที่เขาออกคำสั่งให้พักผ่อนและเ
ทหารชั้นผู้น้อยทุกนายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ถึงสองวัน ก่อนที่จะได้รับคำสั่งให้เดินทัพกลับค่ายชายแดนต่อไปในวันพรุ่งนี้ ระหว่างการพักผ่อน ม่านหรูกับน้องยังคงฝึกฝนร่างกายตามที่ท่านปู่สอนทุกเช้าไม่ได้ขาด หลังได้คำสั่งกลับค่ายชายแดนพวกเขาก็เก็บข้าวของและไปรวมแถวก่อนจะกลับค่ายชายแดนพร้อมกองทัพใหญ่ช่วงเย็นหลังทานอาหาร ซื่อหวนหลงสั่งรวมพลที่ลานกลางค่ายเพื่อแจ้งข่าวดีให้กับทหารที่ออกรบในครั้งนี้ เมื่อเห็นว่าทหารทั้งหมดตั้งแถวอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ซื่อหวนหลงเรียกทหารใหม่ 10 นายที่แม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองอาวุโสเห็นด้วยในการเลื่อนขั้นให้พวกเขา หนึ่งในนั้นคือติงม่านหรูได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพรวมถึงน้องชายทั้งสองได้เป็นผู้ช่วยของติงม่านหรู อีกเจ็ดคนได้ตำแหน่งนายกองแทนที่ติงม่านหรูกับน้องชายและแทนที่ตำแหน่งทหารที่ถึงวัยออกจากราชการ“ทหารที่ได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพและผู้ช่วยจะต้องเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมข้ากับกองทัพใหญ่เพื่อไปรับพระราชโองการแต่งตั้ง ข้าจะถวายฎีกาแด่ฮ่องเต้เมื่อไปถึง ส่วนทหารระดับรองลงไป ให้ประจำการที่ชา
ซื่อหวนหลงพอรู้ว่าม่านหรูกลับมาแล้ว เขารีบออกไปดูว่าครอบครัวนางเป็นอย่างไร ซื่อหวนหลงแอบมองอยู่ไกล ๆ เพื่อไม่ให้น้องชายนางแสดงอาการพิรุธจนพี่ใหญ่พวกเขาเห็น ซื่อหวนหลงมองเห็นชายชราท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง หญิงและชายวัยกลางคนที่น่าจะเป็นพ่อกับแม่ของนาง เขาอยากเข้าไปทักทาย เพียงแต่คิดว่าไม่น่าจะเหมาะสมนักที่แม่ทัพใหญ่อย่างเขาจะเข้าไปทำความรู้จักครอบครัวรองแม่ทัพซื่อหวนหลงเห็นม่านหรูเข้าไปออดอ้อนชายชราอย่างน่ารัก หัวใจเขายิ่งเต้นกระหน่ำขึ้นมา เขาอยากให้นางมาอ้อนเขาแบบนี้บ้าง ซื่อหวนหลงเห็นชายชรามองมาทางเขาด้วยสายตาคมกริบ เขารีบค้อมคำนับก่อนจะเดินกลับไปที่กระโจม ตอนนี้เขารู้แล้วว่าชายชราน่าจะเป็นคนสอนวรยุทธสามพี่น้อง เพราะเพียงแค่สายตาที่มองมานั้น เขาก็รู้ว่าชายชรามีพลังลมปราณมากมายมหาศาลกว่าเขาและอาจารย์แน่สี่วันต่อมา กองทัพเก็บข้าวของกันตั้งแต่เย็นวาน รุ่งสางของวันพวกเขาเพียงแต่ร่วมทานอาหารกับทหารที่ประจำค่ายชายแดนก่อนออกเดินทางเท่านั้น หลังจากที่จัดขบวนทัพเรียบร้อยแล้ว ซื่อหวนหลงก็สั่งการเดินทัพใ
แม่ค้ามองกลุ่มคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะมีเงินพอซื้อเสื้อผ้าหรือไม่“พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าจะมีเงินพอจ่ายค่าเสื้อผ้าร้านข้า เสื้อผ้าดี ๆ สำหรับร่วมงานเลี้ยงในวังราคาแพงมากนะ”“เพ้ย! เหตุใดข้าจะไม่มีเงิน นี่อย่างไรตั๋วแลกเงินหนึ่งพันตำลึง พอหรือไม่สำหรับชุดสามชุดน่ะ” ชางจ้าวหลงกล่าวตอบอย่างโมโหจนหนวดกระดิก“อ่า ขออภัยท่านผู้เฒ่าเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่ถามตามหน้าที่ เช่นนั้นพวกท่านรอสักครู่ ข้าจะไปนำเสื้อผ้ามาให้พวกท่านเลือกเจ้าค่ะ” แม่ค้าได้แต่ละล่ำละลักขอโทษ นางไม่คิดว่าคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างพวกเขาจะมีเงินมากถึงพันตำลึงม่านหรูได้แต่ส่ายหัวกับแม่ค้าในเมืองหลวง พวกเขาคงมองคนเพียงภายนอกเท่านั้นกระมังถึงได้เสียมารยาทเช่นนี้ พวกเขารอไม่นานนักแม่ค้าก็นำชุดผ้าเนื้อดีมาส่งให้ท่านปู่ ท่านพ่อและท่านแม่ดูคนละหลายชุด ทั้งสามคนเลือกชุดที่ดูดีที่สุดคนละชุดแล้วถามราคาเพื่อจะได้รีบจ่ายรีบกลับค่ายกัน“ค่าชุดทั้งสาม
ชางจ้าวหลงพาหลานสาวเดินกลับทางเดิมที่เขาเห็นร้านขายเครื่องประดับอยู่ร้านหนึ่งก่อนหน้านี้ ม่านหรูไม่ได้คุยอะไรกับท่านปู่ระหว่างทาง กระทั่งทั้งสองมาถึงหน้าร้านเครื่องประดับร้านใหญ่ ชางจ้าวหลงก็เดินนำหลานสาวเข้าไป“พวกท่านต้องการดูเครื่องประดับแบบไหนขอรับ” พ่อค้าหนุ่มคนหนึ่งในร้านเดินมารับหน้าชางจ้าวหลงและม่านหรูซึ่งดูท่าทางไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดา“ร้านเจ้ามีหยกพกที่เหมือนกันสัก 6 ชิ้นและรับแกะสลักแซ่หรือไม่”“มีขอรับท่านผู้เฒ่า ไม่ทราบท่านอยากได้หยกเนื้อดีหรือหยกธรรมขอรับ”“ข้าต้องการหยกเนื้อดี ขอหยกที่ไม่เหมือนใครและมีแค่ 6 ชิ้นเท่านั้นนะ ข้าไม่อยากให้ซ้ำกับใครในแคว้นนี้”“เช่นนั้นเชิญพวกท่านไปรอที่ห้องรับรองก่อนขอรับ ข้าจะไปนำหยกมาให้ท่านเลือกดูสักหลายแบบ เชิญทางนี้ขอรับ”ชางจ้าวหลงกับม่านหรูพยักหน้ารับคำพ่อค้าหนุ่มและตามหลังเขาไปยังห้องที่อยู่ด้านในร้าน หลังจากนั่งรอในห้องไม่นานนัก พ่อค้
หมู่บ้านเซียงเหอ อำเภอเซียงกวนใกล้ชายแดนแคว้นเจิ้ง เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ในแคว้นจ้าวที่สงบมานานหลังผ่านสงครามแบ่งแยกแคว้นเมื่อหลายสิบปีก่อน ทำให้ในแคว้นจ้าวมีเด็กกำพร้าที่ครอบครัวถูกภัยสงครามอยู่เป็นจำนวนมากติงกวนกับเสี่ยวชิงเป็นเด็กกำพร้าในหมู่บ้านที่ซัดเซพเนจรจากภัยสงครามในสมัยนั้นและมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านเซียงเหอพร้อมกับชาวบ้านหลายครอบครัว เด็ก 2 คน ช่วยกันสร้างกระท่อมพักที่ท้ายหมู่บ้านตามกำลังของเด็กอายุ 10 ขวบ จะทำออกมาได้ ทั้งคู่ไม่สนใจชาวบ้านที่ครหาว่าเด็กชายกับเด็กหญิงที่ไม่ใช่ญาติอยู่ร่วมกันนั้นไม่เหมาะสม ในเมื่อพวกเขาไม่มีผู้ใหญ่รับไปเลี้ยงดู พวกเขาสองคนจึงต้องพึ่งพากันและกันเท่านั้นกระทั่ง 7 ปีผ่านไป ติงกวนกับเสี่ยวชิงอายุ 17 ปี ไม่มีลูกหลานคนในหมู่บ้านอยากขอพวกเขาไปเป็นเขยหรือสะใภ้ ติงกวนเห็นว่าเสี่ยวชิงถูกครหามานานมากแล้ว เขาจึงไปบอกผู้ใหญ่บ้านว่าจะแต่งเสี่ยวชิงเป็นภรรยา ผู้ใหญ่บ้านเห็นว่าทั้งคู่กำพร้าพ่อแม่ ผู้ใหญ่บ้านจึงช่วยทำพิธีแต่งงานให้พวกเขาโดยมีภรรยาช่วยหาสิ่งของจำเป็นมาให้เด็กทั้งคู่เพื่อทำตามประเพณีหลังแต่งงานได้ปีครึ่ง เสี่ยวชิงก็คลอดลูกคนแรกเป็นหญิง พวกเขาตั้ง
5 ปีผ่านไปเมื่อ 5 ปีก่อน หลังจากม่านหรูมีน้องชาย 2 คนพร้อมกัน นางช่วยแม่ดูแลน้องมาตลอดก่อนแม่จะปล่อยให้นางเลี้ยงน้องเองตอนที่น้องอายุ 1 ขวบครึ่ง ท่านแม่นางปล่อยให้นางอยู่บ้านกับน้องทุกวัน อาหารท่านแม่จะเตรียมเอาไว้ให้นางกับน้องกินเวลาท่านแม่กับท่านพ่อไปรับจ้างทำไร่ ทำสวน ม่านหรูอยู่กับน้องจึงรักและผูกพันธ์กับน้องชายทั้งสองคนมาก นางเลี้ยงน้องที่บ้านจนน้อง ๆ เริ่มวิ่งได้ในวัย 2 ขวบครึ่ง ม่านหรูที่อายุเกือบ 5 ขวบจึงเริ่มพาน้อง ๆ ไปช่วยพ่อกับแม่เก็บหญ้าที่ไร่บ้างเป็นบางวัน กระทั่งนางอายุเกือบ 6 ขวบ นางเริ่มขึ้นเขาพร้อมชาวบ้านไปหาของป่ามาไว้กินที่บ้าน ส่วนน้อง ๆ นางปล่อยให้เขาเล่นอยู่ที่บ้านและบางวันพวกเขาก็จะเดินไปหาพ่อกับแม่ที่ไร่บ้าง แต่ด้วยน้องชายยังเด็กอยู่มากและครอบครัวนางยากจน น้อง ๆ จึงใส่เสื้อผ้าเก่าขาดของนางที่ท่านแม่เย็บให้พวกเขาใส่ไปพลาง ๆ ก่อนที่พวกเขาจะโตไปมากกว่านี้ ทำให้เด็กในหมู่บ้านต่างล้อเลียนว่าน้องชายของนางเป็นขอทานและยังทำร้ายน้อง ๆ ของนางจนได้แผลกลับบ้านแทบทุกวันม่านหรูที่กลับลงจากภูเขาแล้วเห็นน้อง ๆ นั่งน้ำตาคลออยู่หน้าบ้าน นางที่ไม่อยากให้ท่านพ่อท่านแม่กังวล จึงบ
ชาวบ้านที่เป็นพ่อแม่เด็กเห็นว่าคราวนี้ผู้ใหญ่บ้านเอาจริง พวกเขาจึงล้วงเงินมาจ่ายให้ผู้ใหญ่บ้านคนละ 300 อีแปะและสัญญาว่าจะไม่ให้ลูก ๆ ทำร้ายลูกชายของติงกวนอีก พวกเขารู้ดีว่าเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว แต่ห็นว่าเป็นแค่เรื่องเด็ก ๆ เท่านั้น พวกเขาจึงไม่คิดจะสั่งสอนลูกหลานจนกระทั่งเกิดเรื่องจนถึงขั้นนี้ติงกวนที่อยู่ ๆ ก็ได้รับเงินจำนวนหลายตำลึงยืนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนม่านหรูต้องสะกิดพ่อให้รีบรับเงินทั้งหมดจากผู้ใหญ่บ้านมาเสีย ติงกวนได้สติจึงรีบรับเงินทั้งหมดมาแล้วขอบคุณผู้ใหญ่บ้านที่ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวเขา อันที่จริงเขารู้มานานแล้วว่าพวกชาวบ้านเรียกครอบครัวเขาว่าอะไร เพียงแต่พวกเขาเป็นเด็กที่กำพร้ามาก่อนจึงไม่กล้าเอาเรื่อง ยิ่งพอลูก ๆ ถูกรังแกด้วยแล้ว พวกเขาก็ได้แต่เก็บงำความไม่พอใจเอาไว้ด้วยกลัวว่าจะถูกไล่ออกจากหมู่บ้านแล้วไม่มีที่จะอยู่ ตอนนี้พวกเขายังเก็บเงินได้ไม่มากพอที่จะพาลูก ๆ ออกจากหมู่บ้านนี้ เขาจึงได้แต่อดทนมานาน จนกระทั่งวันนี้ที่ลูกสาวทนไม่ไหวจนลงไม้ลงมืออย่างหนัก หากไม่ได้ผู้ใหญ่บ้านมาไกล่เกลี่ย พวกเขาสองคนพ่อลูกคงถูกพวกชาวบ้านรังแกอีกแน่สัปดาห์ต่อมา ม่านหรูขึ้
ชางจ้าวหลงพาหลานสาวเดินกลับทางเดิมที่เขาเห็นร้านขายเครื่องประดับอยู่ร้านหนึ่งก่อนหน้านี้ ม่านหรูไม่ได้คุยอะไรกับท่านปู่ระหว่างทาง กระทั่งทั้งสองมาถึงหน้าร้านเครื่องประดับร้านใหญ่ ชางจ้าวหลงก็เดินนำหลานสาวเข้าไป“พวกท่านต้องการดูเครื่องประดับแบบไหนขอรับ” พ่อค้าหนุ่มคนหนึ่งในร้านเดินมารับหน้าชางจ้าวหลงและม่านหรูซึ่งดูท่าทางไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดา“ร้านเจ้ามีหยกพกที่เหมือนกันสัก 6 ชิ้นและรับแกะสลักแซ่หรือไม่”“มีขอรับท่านผู้เฒ่า ไม่ทราบท่านอยากได้หยกเนื้อดีหรือหยกธรรมขอรับ”“ข้าต้องการหยกเนื้อดี ขอหยกที่ไม่เหมือนใครและมีแค่ 6 ชิ้นเท่านั้นนะ ข้าไม่อยากให้ซ้ำกับใครในแคว้นนี้”“เช่นนั้นเชิญพวกท่านไปรอที่ห้องรับรองก่อนขอรับ ข้าจะไปนำหยกมาให้ท่านเลือกดูสักหลายแบบ เชิญทางนี้ขอรับ”ชางจ้าวหลงกับม่านหรูพยักหน้ารับคำพ่อค้าหนุ่มและตามหลังเขาไปยังห้องที่อยู่ด้านในร้าน หลังจากนั่งรอในห้องไม่นานนัก พ่อค้
แม่ค้ามองกลุ่มคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะมีเงินพอซื้อเสื้อผ้าหรือไม่“พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าจะมีเงินพอจ่ายค่าเสื้อผ้าร้านข้า เสื้อผ้าดี ๆ สำหรับร่วมงานเลี้ยงในวังราคาแพงมากนะ”“เพ้ย! เหตุใดข้าจะไม่มีเงิน นี่อย่างไรตั๋วแลกเงินหนึ่งพันตำลึง พอหรือไม่สำหรับชุดสามชุดน่ะ” ชางจ้าวหลงกล่าวตอบอย่างโมโหจนหนวดกระดิก“อ่า ขออภัยท่านผู้เฒ่าเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่ถามตามหน้าที่ เช่นนั้นพวกท่านรอสักครู่ ข้าจะไปนำเสื้อผ้ามาให้พวกท่านเลือกเจ้าค่ะ” แม่ค้าได้แต่ละล่ำละลักขอโทษ นางไม่คิดว่าคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างพวกเขาจะมีเงินมากถึงพันตำลึงม่านหรูได้แต่ส่ายหัวกับแม่ค้าในเมืองหลวง พวกเขาคงมองคนเพียงภายนอกเท่านั้นกระมังถึงได้เสียมารยาทเช่นนี้ พวกเขารอไม่นานนักแม่ค้าก็นำชุดผ้าเนื้อดีมาส่งให้ท่านปู่ ท่านพ่อและท่านแม่ดูคนละหลายชุด ทั้งสามคนเลือกชุดที่ดูดีที่สุดคนละชุดแล้วถามราคาเพื่อจะได้รีบจ่ายรีบกลับค่ายกัน“ค่าชุดทั้งสาม
ซื่อหวนหลงพอรู้ว่าม่านหรูกลับมาแล้ว เขารีบออกไปดูว่าครอบครัวนางเป็นอย่างไร ซื่อหวนหลงแอบมองอยู่ไกล ๆ เพื่อไม่ให้น้องชายนางแสดงอาการพิรุธจนพี่ใหญ่พวกเขาเห็น ซื่อหวนหลงมองเห็นชายชราท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง หญิงและชายวัยกลางคนที่น่าจะเป็นพ่อกับแม่ของนาง เขาอยากเข้าไปทักทาย เพียงแต่คิดว่าไม่น่าจะเหมาะสมนักที่แม่ทัพใหญ่อย่างเขาจะเข้าไปทำความรู้จักครอบครัวรองแม่ทัพซื่อหวนหลงเห็นม่านหรูเข้าไปออดอ้อนชายชราอย่างน่ารัก หัวใจเขายิ่งเต้นกระหน่ำขึ้นมา เขาอยากให้นางมาอ้อนเขาแบบนี้บ้าง ซื่อหวนหลงเห็นชายชรามองมาทางเขาด้วยสายตาคมกริบ เขารีบค้อมคำนับก่อนจะเดินกลับไปที่กระโจม ตอนนี้เขารู้แล้วว่าชายชราน่าจะเป็นคนสอนวรยุทธสามพี่น้อง เพราะเพียงแค่สายตาที่มองมานั้น เขาก็รู้ว่าชายชรามีพลังลมปราณมากมายมหาศาลกว่าเขาและอาจารย์แน่สี่วันต่อมา กองทัพเก็บข้าวของกันตั้งแต่เย็นวาน รุ่งสางของวันพวกเขาเพียงแต่ร่วมทานอาหารกับทหารที่ประจำค่ายชายแดนก่อนออกเดินทางเท่านั้น หลังจากที่จัดขบวนทัพเรียบร้อยแล้ว ซื่อหวนหลงก็สั่งการเดินทัพใ
ทหารชั้นผู้น้อยทุกนายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ถึงสองวัน ก่อนที่จะได้รับคำสั่งให้เดินทัพกลับค่ายชายแดนต่อไปในวันพรุ่งนี้ ระหว่างการพักผ่อน ม่านหรูกับน้องยังคงฝึกฝนร่างกายตามที่ท่านปู่สอนทุกเช้าไม่ได้ขาด หลังได้คำสั่งกลับค่ายชายแดนพวกเขาก็เก็บข้าวของและไปรวมแถวก่อนจะกลับค่ายชายแดนพร้อมกองทัพใหญ่ช่วงเย็นหลังทานอาหาร ซื่อหวนหลงสั่งรวมพลที่ลานกลางค่ายเพื่อแจ้งข่าวดีให้กับทหารที่ออกรบในครั้งนี้ เมื่อเห็นว่าทหารทั้งหมดตั้งแถวอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ซื่อหวนหลงเรียกทหารใหม่ 10 นายที่แม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองอาวุโสเห็นด้วยในการเลื่อนขั้นให้พวกเขา หนึ่งในนั้นคือติงม่านหรูได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพรวมถึงน้องชายทั้งสองได้เป็นผู้ช่วยของติงม่านหรู อีกเจ็ดคนได้ตำแหน่งนายกองแทนที่ติงม่านหรูกับน้องชายและแทนที่ตำแหน่งทหารที่ถึงวัยออกจากราชการ“ทหารที่ได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพและผู้ช่วยจะต้องเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมข้ากับกองทัพใหญ่เพื่อไปรับพระราชโองการแต่งตั้ง ข้าจะถวายฎีกาแด่ฮ่องเต้เมื่อไปถึง ส่วนทหารระดับรองลงไป ให้ประจำการที่ชา
ซื่อหวนหลงเรียกประชุมในวันต่อมา ม่านหรูที่เป็นเพียงนายกองเล็ก ๆ ไม่ต้องเข้าร่วม นางจึงไปตรวจสอบทหารในกองว่าใครบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน โชคดีที่เมื่อวานคนของแม่ทัพใหญ่ตามมาช่วยเปิดทางได้ทัน กองทัพเล็ก ๆ ของนางจึงไม่มีใครล้มตายกว่าการประชุมจะจบลง พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว ซื่อหวนหลงออกคำสั่งให้กองทัพพักผ่อน 2 สัปดาห์ จากนั้นเขาจะให้ทหารม้าเป็นทัพหน้าแต่จัดขบวนเหมือนที่ม่านหรูทำในครั้งนี้ เพื่อจะได้ตีฝ่าค่ายทัพของแคว้นเจิ้งไปให้สิ้นซากเสีย หลังจากที่คราวนี้พวกเขาทำไม่สำเร็จเช้าวันต่อมา เหล่าแม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองที่มีประสบการณ์นำเรื่องในที่ประชุมเมื่อวานไปแจ้งเหล่าทหารให้กระจายข่าวกันออกไป เพื่อเตรียมตัวสู้ศึกครั้งต่อไปในอีก 2 สัปดาห์ที่จะถึงนี้ ม่านหรูเมื่อทราบข่าว นางก็นำทหารในกองฝึกฝนให้หนักยิ่งกว่าเก่า เพราะการต่อสู้ที่ผ่านมานางเห็นข้อบกพร่องในกองทหารของนาง10 วันผ่านไป ซื่อหวนหลงเทียวออกมาดูการฝึกทหารของม่านหรูวันเว้นวัน ตั้งแต่ที่เขาออกคำสั่งให้พักผ่อนและเ
รองแม่ทัพทั้งสามที่นำทัพหน้ามารีบสั่งถอยทัพทันทีที่เห็นกองทหารศัตรูพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวลูกธนูที่หลุดออกจากแหล่ง พวกเขาไม่คิดว่าทัพหน้าแคว้นจ้าวจะมีวรยุทธสูงส่งมากขนาดนี้ขณะที่ทัพหน้าแคว้นเจิ้งกำลังเร่งถอยทัพไปตามแผน ม่านหรูกับกองทหารของนางก็ไม่ล่าช้า พวกเขาเร่งมือฝ่าทัพศัตรูที่ตั้งรับไปด้วยถอยหลังไปด้วยอย่างเต็มกำลัง จนใจที่ทัพม้าของศัตรูเข้ามาขวางเอาไว้เพื่อให้ทัพหน้าถอยทัพไปเสียก่อน กองกำลังของนางจึงต้องหยุดเพื่อต้านทานทัพม้าจำนวนนับพันที่โอบล้อมพวกนางไว้ซื่อหวนหลงเห็นกองทัพของม่านหรูกำลังตกที่นั่งลำบากและศัตรูส่วนใหญ่หนีลึกเข้าไปในเขตแดนแคว้นเจิ้งแล้ว เขาร้องสั่งรองแม่ทัพให้ส่งคนไปช่วยกลุ่มของม่านหรูก่อนที่จะถูกกลุ้มรุมสังหารจากทัพม้าของศัตรู ตัวเขาเองยังไสม้าฝ่าเข้าไปช่วยด้วยอีกคนม่านหรูที่กำลังรับมือทหารม้า 5 คนพร้อมกันเห็นว่ากลุ่มของนางเริ่มกระจายตัวออกก็ยิ่งเป็นห่วง นางรีบสั่งน้องชายทั้งสองให้เรียกรวมกลุ่มเอาไว้และให้พวกเขาไปช่วยรับมือกับทหารม้าด้านที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มก่อน“พวกข้ารู้แล้ว พี่ใหญ่ระวังตัวด้วยขอรับ”“อืม… ข้าจะระวังตัว พวกเจ้ารีบไป ข้าจะจัดการทหารพวกนี้ก
ม่านหรูกับน้องทั้งสามได้ยินเสียงเกือกม้าด้านหลังก็รู้ว่าพวกเขาต้องเร่งมือให้ทัพม้าเข้าตีต่อ นางจึงใช้พลังลมปราณเพิ่มขึ้นเพื่อลดเวลาการต่อสู้ลงให้มากที่สุด ติงอ้ายกับติงเอ้อคอยป้องกันศัตรูให้พี่ใหญ่ ทำให้พื้นที่ที่ทั้งสามอยู่นั้นถูกแหวกออกเป็นวงกว้างไม่น้อย ทหารในหมู่เดียวกันอีก 7 คนคอยใช้โอกาสที่ศัตรูเพลี่ยงพล้ำตวัดดาบซ้ำไปจนศัตรูตายไปไม่น้อยเช่นกันซื่อหวนหลงเห็นว่าหัวหน้าหมู่ร่างเล็กบางฝีมือไม่เลวและชายหนุ่มอีกสองที่คอยต่อสู้เคียงข้างหัวหน้าหมู่ร่างเล็กคนนั้นก็น่าสนใจ เขาจึงสั่งการให้พวกเขาเร่งฝ่าทัพศัตรูเร็วขึ้น ม่านหรูได้แต่กลอกตามองบนอย่างหมั่นไส้และคิดในใจว่านี่ข้ายังรีบไม่พออีกหรือ หากเจ้ารีบนักทำไมไม่ขี่ม้าขึ้นหน้าไปก่อนเล่าซื่อหวนหลงไม่เห็นว่าม่านหรูหน้าตาบูดบึ้งมากแค่ไหนหลังได้รับคำสั่ง เขาที่อยู่บนหลังม้าใช้ง้าวฆ่าฟันศัตรูเพื่อช่วยเปิดทางด้วยอีกแรงหนึ่ง ม่านหรูเข้าไปใกล้แม่ทัพใหญ่แคว้นเจิ้งอีกเพียงไม่ถึง 10 ก้าว นางร้องบอกน้อง ๆ ให้แหวกทางต่อเพื่อให้แม่ทัพใหญ่ของนางเข้าไปจัดการตามหน้าที่ของเขาเสียติงอ้ายกับติงเอ้อต่างร้องรับคำพี่ใหญ่เสียงดัง ซื่อหวนหลงได้ยินจึงเพิ่งรู้ว่า
ม่านหรูถึงแม้จะอยู่แถวหลังกลุ่มทหารที่มาจากเมืองหลวง แต่นางก็เห็นหน้าของแม่ทัพใหญ่ซึ่งหล่อเหลาและตัวสูงใหญ่มากกว่าทหารคนอื่นที่ยืนอยู่บนเวทีด้วยกันเกือบหนึ่งช่วงศรีษะ ยิ่งได้ยินเสียงจากพลังลมปราณที่กล้าแกร่งของเขา นางก็ยิ่งคิดว่าตนเองยังเป็นกบในกะลา ทั้งที่ตัวนางเองฝึกฝนมานานยังมีลมปราณไม่มากเท่าชายผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ที่อายุน่าจะห่างจากนางไม่มากทหารใหม่ทั้งหมดเกือบร้อยคนมายืนเรียงแถวกันที่หน้าเวที พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาเท่านั้น อีกทั้งกลุ่มคนพวกนี้เป็นลูกพ่อค้าจึงทำตัวเกเรแต่แรกทหารคนอื่นคิดว่าพวกเขาน่าจะถูกแม่ทัพใหญ่ลงโทษไม่น้อย“พวกเจ้าฝึกฝนมานานเท่าไหร่แล้ว เหตุใดแค่จัดแถวจึงทำไม่ได้”หม่าต้าเฟยหัวหน้ากลุ่มลูกพ่อค้าถือตัวว่าที่บ้านร่ำรวยจึงคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง เขาพยายามยัดเงินให้หัวหน้าหมู่กับนายกองเพื่อความสบาย แต่พวกเขาไม่ยอมรับเงิน จึงทำให้หม่าต้าเฟยรวมตัวลูกพ่อค้าเที่ยวก่อกวนไปทั่วมาตั้งแต่แรก“พวกข้าฝึกเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น เจ้าจะให้พวกเราชาวบ้านตาดำ ๆ ทำอย่างพวกเจ้าที่เป็นทหารมานานได้อย่างไร”“เจ้าชื่ออะไร เหตุใดก่อนรายงานไม่ขานชื่อตนเองก่อน นายกอง นำตัวไปลง
หนึ่งเดือนต่อมา ทหารมาที่หมู่บ้านเพื่อคัดเลือกเด็กหนุ่มเข้าไปเป็นทหารให้ทางการ เพราะตอนนี้แคว้นเจิ้งรุกรานแคว้นจ้าวจนชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่ว ชาวบ้านที่มีลูกชายจำเป็นต้องส่งลูกให้เหล่าทหารทั้งน้ำตา พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านแล้วจะไปสู้รบปรบมือกับใครเขาได้ แต่ทหารที่มากลับบอกว่าพวกเขาจะฝึกฝนคนเหล่านี้ก่อนเข้าสู่สนามรบในอีก 3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากต้องรอทัพใหญ่จากเมืองหลวงซึ่งกำลังเดินทางมาถึงชายแดนเสียก่อนจึงจะร่วมทัพกันม่านหรูพอรู้ว่าน้อง ๆ ต้องไปเป็นทหารก็นึกเป็นห่วง นางแอบตามน้องไปเข้าขบวนกับเหล่าทหารด้วย ก่อนไปนางบอกท่านปู่เอาไว้แล้วว่าจะพาน้องกลับมาได้อย่างแน่นอน ชางจ้าวหลงที่สอนสั่งม่านหรูมาตลอด 10 ปีรู้ดีว่าหลานสาวเก่งกาจกว่าน้องชายทั้งสองมากนัก ไม่ว่าจะเรื่องความคิดรอบคอบหรือความหัวไวของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร เขาจึงได้แต่จำใจส่งหลานสาวไปพร้อมมีดบินที่เขาสั่งทำเอาไว้เมื่อหลายปีก่อนให้นางติดตัวไปด้วยกว่าที่เสี่ยวชิงกับติงกวนจะรู้ว่าลูกสาวแอบตามน้องไปก็สายเกินไปเสียแล้ว หากพวกเขาไปนำตัวม่านหรูกลับมา นางอาจจะถูกลงโทษฐานเข้าร่วมโดยพละการ พวกเขาจึงไม่กล้าวู่วามและได้แต่รอคอยตามที่ท่านพ่อ