หนึ่งเดือนต่อมา ทหารมาที่หมู่บ้านเพื่อคัดเลือกเด็กหนุ่มเข้าไปเป็นทหารให้ทางการ เพราะตอนนี้แคว้นเจิ้งรุกรานแคว้นจ้าวจนชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่ว ชาวบ้านที่มีลูกชายจำเป็นต้องส่งลูกให้เหล่าทหารทั้งน้ำตา พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านแล้วจะไปสู้รบปรบมือกับใครเขาได้ แต่ทหารที่มากลับบอกว่าพวกเขาจะฝึกฝนคนเหล่านี้ก่อนเข้าสู่สนามรบในอีก 3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากต้องรอทัพใหญ่จากเมืองหลวงซึ่งกำลังเดินทางมาถึงชายแดนเสียก่อนจึงจะร่วมทัพกัน
ม่านหรูพอรู้ว่าน้อง ๆ ต้องไปเป็นทหารก็นึกเป็นห่วง นางแอบตามน้องไปเข้าขบวนกับเหล่าทหารด้วย ก่อนไปนางบอกท่านปู่เอาไว้แล้วว่าจะพาน้องกลับมาได้อย่างแน่นอน ชางจ้าวหลงที่สอนสั่งม่านหรูมาตลอด 10 ปีรู้ดีว่าหลานสาวเก่งกาจกว่าน้องชายทั้งสองมากนัก ไม่ว่าจะเรื่องความคิดรอบคอบหรือความหัวไวของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร เขาจึงได้แต่จำใจส่งหลานสาวไปพร้อมมีดบินที่เขาสั่งทำเอาไว้เมื่อหลายปีก่อนให้นางติดตัวไปด้วย
กว่าที่เสี่ยวชิงกับติงกวนจะรู้ว่าลูกสาวแอบตามน้องไปก็สายเกินไปเสียแล้ว หากพวกเขาไปนำตัวม่านหรูกลับมา นางอาจจะถูกลงโทษฐานเข้าร่วมโดยพละการ พวกเขาจึงไม่กล้าวู่วามและได้แต่รอคอยตามที่ท่านพ่อบุญธรรมบอกเท่านั้น
“พวกเจ้าอย่ากังวลไปเลย ม่านหรูฉลาดกว่าน้อง ๆ มาก ข้ามั่นใจว่าหลานสาวข้าจะพาพวกเขากลับมาอย่างปลอดภัย ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่ปล่อยนางไปแต่แรก”
“เฮ้อ ข้าทราบแล้วขอรับท่านพ่อ ข้ากับเสี่ยวชิงจะรอลูก ๆ ที่นี่พร้อมท่านขอรับ”
“เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว ใช่ว่าพ่อไม่ห่วงหลาน ๆ เพียงแต่พวกเขาโตแล้ว การรับใช้ทางการยังสามารถเป็นใบผ่านทางให้พวกเขามีตำแหน่งทางการได้ด้วย หากในอนาคตพวกเขาทำสำเร็จ พวกเราก็จะพลอยสบายไปด้วยและไม่ต้องอยู่ที่หมู่บ้านนี้อีกต่อไป พ่ออยากให้พวกเจ้านึกถึงอนาคตของพวกเขาให้มาก ๆ”
ติงกวนกับเสี่ยวชิงมองหน้ากันอย่างคาดไม่ถึง พวกเขาไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนถ้าท่านพ่อไม่บอก ที่แท้ท่านพ่อบุญธรรมของพวกเขาก็คิดไปไกลถึงอนาคตของลูก ๆ มากกว่าพวกเขาที่เป็นพ่อแม่เสียอีก ทั้งสามนั่งคุยกันหลังอาหารเย็นสักพักก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน
ชางจ้าวหลงกลับไปที่เรือนเล็กของตัวเองพร้อมกับขอร้องให้สวรรค์เมตตาหลาน ๆ ของเขา เขารู้ดีว่าการศึกครั้งนี้ไม่ง่ายนัก แคว้นเจิ้งที่ไม่เคยรุกรานแคว้นจ้าวมานานหลายสิบปี จู่ ๆ จะคิดตีเอาแคว้นจ้าวในตอนนี้ได้อย่างไร อย่างน้อยแคว้นเจิ้งต้องมีไม้เด็ดที่คิดว่าจะตีแคว้นจ้าวได้อย่างแน่นอน พวกเขาจึงเลือกที่จะเข้ามารุกรานชายแดนในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ความจริงเขาเองก็อยากไปช่วยหลาน ๆ เพียงแต่ม่านหรูเป็นห่วงพ่อกับแม่ นางจึงขอให้เขาอยู่ดูแลลูกบุญธรรมที่นี่ เขาผู้เป็นปู่มีหรือจะอยากขัดใจนาง ตอนนี้เขาจึงได้แต่คิดเป็นห่วงหลาน ๆ ได้เท่านั้น
ม่านหรูที่แอบเข้าไปในกองทัพตามหาน้องชายไม่นานก็เจอกัน นางที่ตัวสูงมากกว่าผู้หญิงทั่วไปมากแล้ว แต่กลับเตี้ยกว่าน้องชายและทหารคนอื่นถึงหนึ่งช่วงศรีษะ ทำให้ดูเป็นคนตัวเล็กและบอบบางมากกว่าชายหนุ่มคนอื่น ติงอ้ายกับติงเอ้อไม่คิดว่าพี่สาวจะตามมา พวกเขาได้รับทราบกฎของกองทัพรู้ดีว่าหากพี่ใหญ่ถูกเปิดโปง พวกเขาทั้งสามจะต้องถูกทางการลงโทษอย่างหนักแน่
“พี่ใหญ่เหตุใดท่านจึงมาที่นี่ ท่านไม่กลัวท่านแม่จะกังวลจนตายหรือ” ติงอ้ายกระซิบถามพี่สาวที่เดินระหว่างเขากับน้องชาย
“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอกน่า ข้าบอกท่านปู่เอาไว้แล้ว” ม่านหรูตอบกลับสายตาดุร้ายไม่น้อย นางใช่ว่าจะไม่กลัวถูกจับได้ นางจึงแสดงท่าทางเหมือนผู้ชายมากที่สุดระหว่างเดินทางไปที่ค่ายทหารชายแดนร่วมกับกลุ่มชายหนุ่มที่ถูกเกณฑ์มา
ติงอ้ายกับติงเอ้อพอรู้ว่านางบอกท่านปู่แล้ว พวกเขาจึงเลิกพูดคุยกันระหว่างที่กำลังเดินทาง เพราะกลัวว่านายกองจะทำโทษพวกเขาที่เสียงดัง
กว่ากองทหารจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ก็ใช้เวลาเกือบ 2 สัปดาห์ พวกเขาที่ไปรายงานแม่ทัพชายแดนกับรองแม่ทัพถึงจำนวนทหารเกณฑ์ในระหว่างหยุดพักข้างทางไปยังค่ายชายแดน เดินกลับมาแจ้งข่าวกลุ่มทหารใหม่ว่ากองทัพใหญ่กำลังมาและจะถึงชายแดนในอีกไม่ถึงสองเดือน ซึ่งเร็วกว่าหมายกำหนดการก่อนหน้านี้ พวกเขาที่ถูกเกณฑ์มาต้องเรียนรู้กฎเกณฑ์ต่าง ๆ และฝึกฝนร่างกายไปด้วยจนกว่าจะเดินทางถึงค่ายชายแดนในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
สามพี่น้องอยู่ร่วมกองเดียวกันตั้งใจเรียนรู้กฎเกณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงการฝึกฝนร่างกายที่ง่ายแสนง่ายสำหรับพวกเขาที่ฝึกวรยุทธมาตั้งแต่เด็ก นายกองเห็นพวกเขาหน่วยก้านดีและดูมีความรู้มากกว่าทหารใหม่คนอื่นก็พอใจไม่น้อย ทหารใหม่คนอื่นที่เข้าร่วมกองทัพส่วนมากต่างหมดอาลัยตายอยากเวลาฝึกซ้อม แตกต่างกับเด็กทั้งสามคนที่เขาเห็นอยู่นี้ที่มีรอยยิ้มตลอดการฝึกฝน
หนึ่งเดือนต่อมา กองทัพเล็กของพวกเขาไปถึงค่ายชายแดนตามกำหนดการและอีกไม่นานทัพใหญ่ก็จะมาถึงแล้ว ทหารที่รักษาชายแดนระหว่างที่พวกเขาไปหาทหารใหม่ต่างบาดเจ็บไม่น้อย เพราะทหารแคว้นเจิ้งคอยบุกจู่โจมเป็นระยะ ๆ ทำให้กองกำลังทหารที่เฝ้าชายแดนซึ่งมีคนเพียงหนึ่งหมื่นคนแทบจะรักษาค่ายเอาไว้ไม่ได้ โชคดีที่คราวนี้พวกเขาตัดสินใจไปเกณฑ์ทหารตามเมืองใกล้ชายแดนมาเพิ่มอีกกว่าสามหมื่นคน รวมกับทัพใหญ่นับแสนที่กำลังเดินทางมา ครั้งนี้พวกเขาคิดว่าจะรักษาชายแดนเอาไว้ได้และกำหราบทหารแคว้นเจิ้งได้อย่างแน่นอน
สองสัปดาห์ต่อมา กองทัพใหญ่ที่มีแม่ทัพหนุ่มนามซื่อหวนหลง เดินทางมาถึงค่ายชายแดนตรงเวลาหลังจากส่งม้าเร็วมาก่อนหน้านี้หนึ่งวัน ซื่อหวนหลงเข้ารับหน้าที่แม่ทัพใหญ่แทนแม่ทัพชายแดนทันทีที่มาถึง เขาสั่งทหารระดับแม่ทัพนายกองให้ไปรายงานสถานการณ์โดยไม่พักผ่อนแม้แต่นิดเดียว กุนซือและรองแม่ทัพที่ร่วมทางมาต่างเข้าฟังด้วยเช่นกันในกระโจมของแม่ทัพใหญ่ครั้งนี้
เหล่าทหารที่มาถึงพร้อมกองทัพใหญ่ต่างออกไปหาไม้มาสร้างกระโจมของตนเองอย่างรู้หน้าที่ ทหารในค่ายชายแดนทั้งเก่าใหม่มองความเป็นระเบียบเรียบร้อยของกองทัพใหญ่อย่างไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้ทุกคนคาดหวังว่าจะชนะศึกแน่นอนเมื่อได้พบเหล่าทหารที่มาจากเมืองหลวงทั้งแปดหมื่นคน
กว่าที่กระโจมแม่ทัพใหญ่จะปล่อยคนออกมาก็เป็นรุ่งเช้าของอีกวัน พวกเขารีบแยกย้ายกันไปพักผ่อนก่อนที่ช่วงบ่ายจะออกไปสั่งการรวมทหารทั้งค่ายเพื่อรับคำสั่งจากแม่ทัพใหญ่ที่ได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ในเรื่องการศึกครั้งนี้
ช่วงเช้าเหล่าทหารใหม่ที่ยังต้องฝึกฝนร่างกายต่างออกมาวิ่งรอบค่ายเหมือนทุกวันตั้งแต่พวกเขามาถึงค่ายนี้เมื่อเกือบสองเดือนที่แล้ว ในกองของม่านหรูกับน้องมีนางเป็นหัวหน้าหมู่วิ่งนำทหารอีก 9 นายวิ่งอยู่ คราแรกก่อนที่ม่านหรูจะได้ตำแหน่ง มีพวกที่อิจฉานางซึ่งตัวเล็กบางกว่าพวกเขามากคัดค้านกับนายกอง แต่หลังประลองฝีมือกับเหล่าคนที่คัดค้านจนพวกเขาล้มไปกองกับพื้นกันหมด พวกเขาจึงไม่มีใครกล้าที่จะลองดีกับม่านหรูอีก
หลังอาหารเที่ยง นายกองทั้งหมดเรียกรวมพลที่ลานกลางค่ายเพื่อรอฟังคำสั่งของแม่ทัพใหญ่ตามหมายกำหนดการ แม่ทัพชายแดน รองแม่ทัพ กุนซือและผู้ติดตามต่างไปรอที่เวทีใหญ่ก่อนหน้าเวลานัดหมายไม่นาน
ทัพใหญ่ใช้เวลารวมตัวไม่ถึงสองเค่อ ส่วนทหารใหม่ใช้เวลารวมตัวเกือบถึงสามเค่อเลยทีเดียว ยกเว้นหมู่ของม่านหรูที่จัดแถวเสร็จตั้งแต่ยังไม่ถึงหนึ่งเค่อหลังได้รับคำสั่งรวมตัว
ซื่อหวนหลงรู้ว่าทหารใหม่ยังไร้ระเบียบวินัยแต่ไม่คิดว่าจะเป็นขนาดนี้ เขาที่เห็นความวุ่นวายด้านหลังยังไม่จบไม่สิ้นทั้งที่เวลาล่วงเลยมากว่าสามเค่อแล้ว คนบนเวทีเห็นแม่ทัพใหญ่หน้าตาบูดบึ้งด้วยความไม่พอใจก็ได้แต่ไว้อาลัยให้ทหารใหม่
“ทุกคนหยุดอยู่กับที่!!!” ซื่อหวนหลงเปล่งเสียงจากลมปราณที่แข็งแกร่งออกมา
ทหารใหม่ที่ยังวุ่นวายหาหมู่ของตัวเองไม่เจอต่างหยุดนิ่งอยู่กับที่ตามคำสั่งซึ่งก้องกังวานไปทั่วทั้งลานรวมพล พวกที่ยังไม่เข้าที่มีเกือบหนึ่งร้อยคน ได้แต่ยืนตัวสั่นหลังจากได้ยินเสียงอันดังและเย็นชาของแม่ทัพใหญ่ที่พวกเขาเห็นว่าเป็นแค่ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน ทหารใหม่ที่มีอายุมากกว่าคนอื่นจึงทำตัวไร้ระเบียบเช่นนี้ ซื่อหวนหลงจ้องมองทหารที่ยังไม่เข้าแถวทั้งหมดอย่างดุร้าย ก่อนสั่งให้นายกองพาตัวทั้งหมดมายังหน้าเวที
ม่านหรูถึงแม้จะอยู่แถวหลังกลุ่มทหารที่มาจากเมืองหลวง แต่นางก็เห็นหน้าของแม่ทัพใหญ่ซึ่งหล่อเหลาและตัวสูงใหญ่มากกว่าทหารคนอื่นที่ยืนอยู่บนเวทีด้วยกันเกือบหนึ่งช่วงศรีษะ ยิ่งได้ยินเสียงจากพลังลมปราณที่กล้าแกร่งของเขา นางก็ยิ่งคิดว่าตนเองยังเป็นกบในกะลา ทั้งที่ตัวนางเองฝึกฝนมานานยังมีลมปราณไม่มากเท่าชายผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ที่อายุน่าจะห่างจากนางไม่มากทหารใหม่ทั้งหมดเกือบร้อยคนมายืนเรียงแถวกันที่หน้าเวที พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาเท่านั้น อีกทั้งกลุ่มคนพวกนี้เป็นลูกพ่อค้าจึงทำตัวเกเรแต่แรกทหารคนอื่นคิดว่าพวกเขาน่าจะถูกแม่ทัพใหญ่ลงโทษไม่น้อย“พวกเจ้าฝึกฝนมานานเท่าไหร่แล้ว เหตุใดแค่จัดแถวจึงทำไม่ได้”หม่าต้าเฟยหัวหน้ากลุ่มลูกพ่อค้าถือตัวว่าที่บ้านร่ำรวยจึงคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง เขาพยายามยัดเงินให้หัวหน้าหมู่กับนายกองเพื่อความสบาย แต่พวกเขาไม่ยอมรับเงิน จึงทำให้หม่าต้าเฟยรวมตัวลูกพ่อค้าเที่ยวก่อกวนไปทั่วมาตั้งแต่แรก“พวกข้าฝึกเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น เจ้าจะให้พวกเราชาวบ้านตาดำ ๆ ทำอย่างพวกเจ้าที่เป็นทหารมานานได้อย่างไร”“เจ้าชื่ออะไร เหตุใดก่อนรายงานไม่ขานชื่อตนเองก่อน นายกอง นำตัวไปลง
ม่านหรูกับน้องทั้งสามได้ยินเสียงเกือกม้าด้านหลังก็รู้ว่าพวกเขาต้องเร่งมือให้ทัพม้าเข้าตีต่อ นางจึงใช้พลังลมปราณเพิ่มขึ้นเพื่อลดเวลาการต่อสู้ลงให้มากที่สุด ติงอ้ายกับติงเอ้อคอยป้องกันศัตรูให้พี่ใหญ่ ทำให้พื้นที่ที่ทั้งสามอยู่นั้นถูกแหวกออกเป็นวงกว้างไม่น้อย ทหารในหมู่เดียวกันอีก 7 คนคอยใช้โอกาสที่ศัตรูเพลี่ยงพล้ำตวัดดาบซ้ำไปจนศัตรูตายไปไม่น้อยเช่นกันซื่อหวนหลงเห็นว่าหัวหน้าหมู่ร่างเล็กบางฝีมือไม่เลวและชายหนุ่มอีกสองที่คอยต่อสู้เคียงข้างหัวหน้าหมู่ร่างเล็กคนนั้นก็น่าสนใจ เขาจึงสั่งการให้พวกเขาเร่งฝ่าทัพศัตรูเร็วขึ้น ม่านหรูได้แต่กลอกตามองบนอย่างหมั่นไส้และคิดในใจว่านี่ข้ายังรีบไม่พออีกหรือ หากเจ้ารีบนักทำไมไม่ขี่ม้าขึ้นหน้าไปก่อนเล่าซื่อหวนหลงไม่เห็นว่าม่านหรูหน้าตาบูดบึ้งมากแค่ไหนหลังได้รับคำสั่ง เขาที่อยู่บนหลังม้าใช้ง้าวฆ่าฟันศัตรูเพื่อช่วยเปิดทางด้วยอีกแรงหนึ่ง ม่านหรูเข้าไปใกล้แม่ทัพใหญ่แคว้นเจิ้งอีกเพียงไม่ถึง 10 ก้าว นางร้องบอกน้อง ๆ ให้แหวกทางต่อเพื่อให้แม่ทัพใหญ่ของนางเข้าไปจัดการตามหน้าที่ของเขาเสียติงอ้ายกับติงเอ้อต่างร้องรับคำพี่ใหญ่เสียงดัง ซื่อหวนหลงได้ยินจึงเพิ่งรู้ว่า
รองแม่ทัพทั้งสามที่นำทัพหน้ามารีบสั่งถอยทัพทันทีที่เห็นกองทหารศัตรูพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวลูกธนูที่หลุดออกจากแหล่ง พวกเขาไม่คิดว่าทัพหน้าแคว้นจ้าวจะมีวรยุทธสูงส่งมากขนาดนี้ขณะที่ทัพหน้าแคว้นเจิ้งกำลังเร่งถอยทัพไปตามแผน ม่านหรูกับกองทหารของนางก็ไม่ล่าช้า พวกเขาเร่งมือฝ่าทัพศัตรูที่ตั้งรับไปด้วยถอยหลังไปด้วยอย่างเต็มกำลัง จนใจที่ทัพม้าของศัตรูเข้ามาขวางเอาไว้เพื่อให้ทัพหน้าถอยทัพไปเสียก่อน กองกำลังของนางจึงต้องหยุดเพื่อต้านทานทัพม้าจำนวนนับพันที่โอบล้อมพวกนางไว้ซื่อหวนหลงเห็นกองทัพของม่านหรูกำลังตกที่นั่งลำบากและศัตรูส่วนใหญ่หนีลึกเข้าไปในเขตแดนแคว้นเจิ้งแล้ว เขาร้องสั่งรองแม่ทัพให้ส่งคนไปช่วยกลุ่มของม่านหรูก่อนที่จะถูกกลุ้มรุมสังหารจากทัพม้าของศัตรู ตัวเขาเองยังไสม้าฝ่าเข้าไปช่วยด้วยอีกคนม่านหรูที่กำลังรับมือทหารม้า 5 คนพร้อมกันเห็นว่ากลุ่มของนางเริ่มกระจายตัวออกก็ยิ่งเป็นห่วง นางรีบสั่งน้องชายทั้งสองให้เรียกรวมกลุ่มเอาไว้และให้พวกเขาไปช่วยรับมือกับทหารม้าด้านที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มก่อน“พวกข้ารู้แล้ว พี่ใหญ่ระวังตัวด้วยขอรับ”“อืม… ข้าจะระวังตัว พวกเจ้ารีบไป ข้าจะจัดการทหารพวกนี้ก
ซื่อหวนหลงเรียกประชุมในวันต่อมา ม่านหรูที่เป็นเพียงนายกองเล็ก ๆ ไม่ต้องเข้าร่วม นางจึงไปตรวจสอบทหารในกองว่าใครบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน โชคดีที่เมื่อวานคนของแม่ทัพใหญ่ตามมาช่วยเปิดทางได้ทัน กองทัพเล็ก ๆ ของนางจึงไม่มีใครล้มตายกว่าการประชุมจะจบลง พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว ซื่อหวนหลงออกคำสั่งให้กองทัพพักผ่อน 2 สัปดาห์ จากนั้นเขาจะให้ทหารม้าเป็นทัพหน้าแต่จัดขบวนเหมือนที่ม่านหรูทำในครั้งนี้ เพื่อจะได้ตีฝ่าค่ายทัพของแคว้นเจิ้งไปให้สิ้นซากเสีย หลังจากที่คราวนี้พวกเขาทำไม่สำเร็จเช้าวันต่อมา เหล่าแม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองที่มีประสบการณ์นำเรื่องในที่ประชุมเมื่อวานไปแจ้งเหล่าทหารให้กระจายข่าวกันออกไป เพื่อเตรียมตัวสู้ศึกครั้งต่อไปในอีก 2 สัปดาห์ที่จะถึงนี้ ม่านหรูเมื่อทราบข่าว นางก็นำทหารในกองฝึกฝนให้หนักยิ่งกว่าเก่า เพราะการต่อสู้ที่ผ่านมานางเห็นข้อบกพร่องในกองทหารของนาง10 วันผ่านไป ซื่อหวนหลงเทียวออกมาดูการฝึกทหารของม่านหรูวันเว้นวัน ตั้งแต่ที่เขาออกคำสั่งให้พักผ่อนและเ
ทหารชั้นผู้น้อยทุกนายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ถึงสองวัน ก่อนที่จะได้รับคำสั่งให้เดินทัพกลับค่ายชายแดนต่อไปในวันพรุ่งนี้ ระหว่างการพักผ่อน ม่านหรูกับน้องยังคงฝึกฝนร่างกายตามที่ท่านปู่สอนทุกเช้าไม่ได้ขาด หลังได้คำสั่งกลับค่ายชายแดนพวกเขาก็เก็บข้าวของและไปรวมแถวก่อนจะกลับค่ายชายแดนพร้อมกองทัพใหญ่ช่วงเย็นหลังทานอาหาร ซื่อหวนหลงสั่งรวมพลที่ลานกลางค่ายเพื่อแจ้งข่าวดีให้กับทหารที่ออกรบในครั้งนี้ เมื่อเห็นว่าทหารทั้งหมดตั้งแถวอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ซื่อหวนหลงเรียกทหารใหม่ 10 นายที่แม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองอาวุโสเห็นด้วยในการเลื่อนขั้นให้พวกเขา หนึ่งในนั้นคือติงม่านหรูได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพรวมถึงน้องชายทั้งสองได้เป็นผู้ช่วยของติงม่านหรู อีกเจ็ดคนได้ตำแหน่งนายกองแทนที่ติงม่านหรูกับน้องชายและแทนที่ตำแหน่งทหารที่ถึงวัยออกจากราชการ“ทหารที่ได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพและผู้ช่วยจะต้องเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมข้ากับกองทัพใหญ่เพื่อไปรับพระราชโองการแต่งตั้ง ข้าจะถวายฎีกาแด่ฮ่องเต้เมื่อไปถึง ส่วนทหารระดับรองลงไป ให้ประจำการที่ชา
ซื่อหวนหลงพอรู้ว่าม่านหรูกลับมาแล้ว เขารีบออกไปดูว่าครอบครัวนางเป็นอย่างไร ซื่อหวนหลงแอบมองอยู่ไกล ๆ เพื่อไม่ให้น้องชายนางแสดงอาการพิรุธจนพี่ใหญ่พวกเขาเห็น ซื่อหวนหลงมองเห็นชายชราท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง หญิงและชายวัยกลางคนที่น่าจะเป็นพ่อกับแม่ของนาง เขาอยากเข้าไปทักทาย เพียงแต่คิดว่าไม่น่าจะเหมาะสมนักที่แม่ทัพใหญ่อย่างเขาจะเข้าไปทำความรู้จักครอบครัวรองแม่ทัพซื่อหวนหลงเห็นม่านหรูเข้าไปออดอ้อนชายชราอย่างน่ารัก หัวใจเขายิ่งเต้นกระหน่ำขึ้นมา เขาอยากให้นางมาอ้อนเขาแบบนี้บ้าง ซื่อหวนหลงเห็นชายชรามองมาทางเขาด้วยสายตาคมกริบ เขารีบค้อมคำนับก่อนจะเดินกลับไปที่กระโจม ตอนนี้เขารู้แล้วว่าชายชราน่าจะเป็นคนสอนวรยุทธสามพี่น้อง เพราะเพียงแค่สายตาที่มองมานั้น เขาก็รู้ว่าชายชรามีพลังลมปราณมากมายมหาศาลกว่าเขาและอาจารย์แน่สี่วันต่อมา กองทัพเก็บข้าวของกันตั้งแต่เย็นวาน รุ่งสางของวันพวกเขาเพียงแต่ร่วมทานอาหารกับทหารที่ประจำค่ายชายแดนก่อนออกเดินทางเท่านั้น หลังจากที่จัดขบวนทัพเรียบร้อยแล้ว ซื่อหวนหลงก็สั่งการเดินทัพใ
แม่ค้ามองกลุ่มคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะมีเงินพอซื้อเสื้อผ้าหรือไม่“พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าจะมีเงินพอจ่ายค่าเสื้อผ้าร้านข้า เสื้อผ้าดี ๆ สำหรับร่วมงานเลี้ยงในวังราคาแพงมากนะ”“เพ้ย! เหตุใดข้าจะไม่มีเงิน นี่อย่างไรตั๋วแลกเงินหนึ่งพันตำลึง พอหรือไม่สำหรับชุดสามชุดน่ะ” ชางจ้าวหลงกล่าวตอบอย่างโมโหจนหนวดกระดิก“อ่า ขออภัยท่านผู้เฒ่าเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่ถามตามหน้าที่ เช่นนั้นพวกท่านรอสักครู่ ข้าจะไปนำเสื้อผ้ามาให้พวกท่านเลือกเจ้าค่ะ” แม่ค้าได้แต่ละล่ำละลักขอโทษ นางไม่คิดว่าคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างพวกเขาจะมีเงินมากถึงพันตำลึงม่านหรูได้แต่ส่ายหัวกับแม่ค้าในเมืองหลวง พวกเขาคงมองคนเพียงภายนอกเท่านั้นกระมังถึงได้เสียมารยาทเช่นนี้ พวกเขารอไม่นานนักแม่ค้าก็นำชุดผ้าเนื้อดีมาส่งให้ท่านปู่ ท่านพ่อและท่านแม่ดูคนละหลายชุด ทั้งสามคนเลือกชุดที่ดูดีที่สุดคนละชุดแล้วถามราคาเพื่อจะได้รีบจ่ายรีบกลับค่ายกัน“ค่าชุดทั้งสาม
ชางจ้าวหลงพาหลานสาวเดินกลับทางเดิมที่เขาเห็นร้านขายเครื่องประดับอยู่ร้านหนึ่งก่อนหน้านี้ ม่านหรูไม่ได้คุยอะไรกับท่านปู่ระหว่างทาง กระทั่งทั้งสองมาถึงหน้าร้านเครื่องประดับร้านใหญ่ ชางจ้าวหลงก็เดินนำหลานสาวเข้าไป“พวกท่านต้องการดูเครื่องประดับแบบไหนขอรับ” พ่อค้าหนุ่มคนหนึ่งในร้านเดินมารับหน้าชางจ้าวหลงและม่านหรูซึ่งดูท่าทางไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดา“ร้านเจ้ามีหยกพกที่เหมือนกันสัก 6 ชิ้นและรับแกะสลักแซ่หรือไม่”“มีขอรับท่านผู้เฒ่า ไม่ทราบท่านอยากได้หยกเนื้อดีหรือหยกธรรมขอรับ”“ข้าต้องการหยกเนื้อดี ขอหยกที่ไม่เหมือนใครและมีแค่ 6 ชิ้นเท่านั้นนะ ข้าไม่อยากให้ซ้ำกับใครในแคว้นนี้”“เช่นนั้นเชิญพวกท่านไปรอที่ห้องรับรองก่อนขอรับ ข้าจะไปนำหยกมาให้ท่านเลือกดูสักหลายแบบ เชิญทางนี้ขอรับ”ชางจ้าวหลงกับม่านหรูพยักหน้ารับคำพ่อค้าหนุ่มและตามหลังเขาไปยังห้องที่อยู่ด้านในร้าน หลังจากนั่งรอในห้องไม่นานนัก พ่อค้
สายวันต่อมา ขันทีผางนำป้ายพระราชทานพาโหวซื่อหลงกับโหวฮูหยินเดินทางไปยังจวนโหวที่ฝ่าบาทประทานให้ คนอื่น ๆ ต่างตามไปดูเช่นเดียวกัน พวกเขาที่อยากรู้ว่าจวนโหวที่ได้รับหน้าตาเป็นอย่างไรต่างเดินตามขบวนขันทีและทหารไปทิศเหนือใกล้กับวังหลวง กระทั่งขันทีผางสั่งทหารนำป้ายโหวซื่อหลงไปติดเอาไว้ที่หน้าประตูใหญ่ตรงหน้า ทุกคนจึงเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะจวนที่เห็นตอนนี้นั้นใหญ่โตยิ่งกว่าทุกจวนที่พวกเขาเคยเห็นมาเสียอีก“ท่านโหวขอรับ นี่เป็นกุญแจห้องทั้งหมดในจวนโหว ส่วนสิ่งของพระราชทานถูกส่งมาที่จวนตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วขอรับ เชิญท่านโหวกับโหวฮูหยินตรวจสอบตามรายการที่ข้าเขียนให้ในนี้ได้เลยขอรับ ใบรายการอีก 5 ใบนี้ เป็นของท่านติงกั๋วกง รองแม่ทัพแดนเหนือ ผู้ช่วยรองแม่ทัพแดนเหนือ รองแม่ทัพขั้น 3 และกุนซือขั้น 3 ขอรับ”ขันทีผางยื่นส่งใบรายการทั้งหมดให้พวกเขาทีละคน จากนั้นเขาและทหารที่เดินทางมาด้วยกันก็ขอลากลับวังไป ซื่อหวนหลงเปิดประตูใหญ่ออกข้างหนึ่ง ภายในมีพ่อบ้านยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาแนะนำชื่อตนเองและแนะนำบ่าวไพ
ก่อนถึงวันงานเลี้ยงหลังกลับจากเมืองชายแดนตะวันออก ม่านหรูสั่งบ่าวให้นำทางนางไปซื้อกวานเพื่อเตรียมงานสวมกวานให้ลูกชายในช่วงบ่ายวันนี้ ก่อนไปยังเมืองชายแดนม่านหรูนำตั๋วแลกเงินติดตัวมามากถึงหนึ่งหมื่นตำลึง ระหว่างทางพวกนางใช้จ่ายค่าเสบียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ม่านหรูมีเงินเหลืออยู่เก้าพันกว่าตำลึงบ่าวในจวนรองแม่ทัพพาม่านหรูไปร้านเครื่องประดับที่ดีที่สุดในเมืองหลวง ม่านหรูบอกเถ้าแก่ให้นำกวานที่ดีที่สุดมาให้นางเลือก ไม่นานนักนางก็ได้กวานทองสองอันที่มีลวดลายแตกต่างกัน อันหนึ่งนั้นเป็นลายเมฆมงคล ส่วนอีกอันเป็นลายใบไผ่ที่สวยสดใสเหมาะกับซื่อซีซวน ม่านหรูจ่ายค่ากวานไปเกือบสามพันตำลึง ก่อนจะชวนบ่าวกลับจวนเพื่อเตรียมพิธีสวมกวานต่อในช่วงบ่ายที่จวนรองแม่ทัพวันนี้ต่างครึกครื้นและเต็มไปด้วยความสุขหลังจากเจ้านายทั้งสองของจวนเสร็จสิ้นพิธีสวมกวาน เหล่าบ่าวไพร่ในจวนต่างได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงไม่เว้นแม้แต่คนเดียว พวกเขายิ่งรู้สึกซาบซึ้งมากขึ้นไปอีกที่นายท่านถึงอายุจะยังน้อยแต่กลับมีความคิดมากกว่าผู้ใหญ่เสียอ
กลางดึกคืนนั้น ม่านหรูแอบไปพบท่านปู่เพื่อบอกเรื่องที่สามีกับลูกนางกล่าวไว้เมื่อตอนเย็น ชางจ้าวหลงคิดสักพักก็เข้าใจดีว่าพวกเขาคงห่วงม่านหรูมากเกินไป“แล้วเจ้าจะแอบขึ้นเรือกับปู่หรือไม่เล่า ปู่ให้คนเตรียมเชื้อไฟเอาไว้ไม่น้อยแล้ว”“ข้าจะไปพร้อมท่านปู่กับหลาน ๆ เจ้าค่ะ แผนการของเราจะต้องพังเรือทั้งหมดนี่นา”“เช่นนั้นเจ้าให้คนเตรียมเชื้อไฟเอาไว้หรือยัง เราจะได้แอบเดินทางออกไปก่อน”“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะท่านปู่ ข้ายังเอาถุงทรายติดตัวไปด้วย เผื่อต้องใช้ในการต่อสู้”“อืม ดีที่เจ้ารอบคอบ ส่วนปู่นั้นสามารถใช้หยดน้ำแทนมีดบินได้ เอาล่ะ เราไปกันได้แล้วกระมัง เดี๋ยวจะเสียแผนเอา”ม่านหรูพยักหน้ารับคำชางจ้าวหลง ก่อนที่ทั้งสี่คนจะใช้วิชาตัวเบาไปยังหาดทรายที่เดิม เพียงแต่ครานี้กว่าที่ทุกคนจะหลบหลีกคนของกองทัพใหญ่ได้ก็เสียเวลาไม่น้อยเลยทีเดียวครึ่งชั่วยามต่อมา กองเรือโจรสลัดมาเ
สายวันต่อมา โจรสลัดขึ้นบกมาปล้นฆ่าชาวบ้านเหมือนทุกวัน ทหารที่เฝ้าอยู่รีบส่งคนไปแจ้งท่านแม่ทัพในจวน ก่อนที่ทหารทั้ง 19 คน จะต่อสู้กับโจรสลัดรอให้ทหารอีกจำนวนหนึ่งที่ลาดตระเวนอยู่ใกล้ ๆ มาช่วยพวกเขาไม่ถึงสองเค่อ กองทัพของหนิงจิ้งจิวก็พาทหารเข้าจัดการกลุ่มโจรสลัด โดยมีโจรสลัดบางส่วนวิ่งไปยังชายหาดเพื่อหลบหนีเช่นทุกครั้ง แต่ด้วยตอนนี้ทหารรู้ว่ากับดักถูกทำลายแล้ว พวกเขาจึงวิ่งตามอย่างเต็มกำลังจนสามารถจับกุมคนกลับมาได้ถึงสี่คนในคราวเดียว ส่วนโจรสลัดที่กำลังต่อสู้อยู่ก็ถูกฆ่าตายทั้งหมด นี่นับเป็นครั้งแรกที่กองทัพสามารถจับโจรสลัดกลับไปสอบสวนได้ เพียงแต่ภาษาที่พวกเขาพูดมานั้นไม่มีใครสามารถแปลออก พวกเขาจึงทำได้เพียงนำโจรไปกักขังไว้ก่อนแล้วลาดตระเวนรอบชายหาดต่อจนถึงตอนเย็นกลางดึกของวัน ชางจ้าวหลงกับม่านหรู ติงเฟิงหยางและติงเฟิงฮุยมาชายหาดเหมือนกับเมื่อคืนวาน เด็กทั้งสองอยากเรียนวิธีทำลายกับดัก ชางจ้าวหลงให้พวกเขาตามมาด้านหลังและไม่ให้พวกเขาวิ่งวุ่นวาย แต่เสียดายคืนนี้ไม่มีกับดักให้ทำลายเลยแม้แต่น้อยหลังจากที่ช
หลังจากงานศพของทั้งสองคหบดีใหญ่เมืองไห่หลงผ่านไปด้วยดี กว่าที่ซีฮันกับซีซวนจะรู้ข่าวก็สายไปเสียแล้ว พวกเขายังติดงานและไม่สามารถลาไปเคารพทวดที่หลุมฝังศพได้ ในจดหมายท่านพ่อสั่งให้พวกเขารอสิ้นปีจึงค่อยกลับไป ทั้งสองตอนนี้ทำได้เพียงสั่งทหารไปซื้อกระดาษเงินกระดาษทองกับธูปเทียนมาทำพิธีส่งวิญญาณท่านทวดของพวกเขาที่จวนเท่านั้นสองปีต่อมาซื่อหวนหลงได้รับพระราชโองการให้กลับไปเมืองหลวงเพื่อคุมทัพใหญ่ไปช่วยชายแดนตะวันออกซึ่งตอนนี้ถูกโจรสลัดเข้ามาปล้นฆ่าชาวบ้านกันเป็นว่าเล่น เขาจึงรีบสั่งการให้คนไปแจ้งทหารทั้ง 200 นายเตรียมตัวออกเดินทางทันที ม่านหรูอยากไปกับเขาแต่นางรู้ดีว่าครั้งนี้คงไม่สามารถฝ่าฝืนกฎทหารได้อีก นอกจากฝ่าบาทจะส่งราชโองการมาอีกฉบับเพื่อให้นางช่วยเหลือการศึกในครั้งนี้ก่อนออกเดินทาง ซื่อหวนหลงยังสั่งภรรยารักว่าให้ดูแลจวนกับลูกให้ดี เขาจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุดหลังเสร็จงาน ม่านหรูได้แต่พยักหน้ารับคำสามีด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก นางรู้สึกว่าการศึกครั้งนี้ไม่น่า
ม่านหรูเชิญให้ท่านปู่นั่งที่นั่งประธานของบ้าน ส่วนนางกับสามีนั่งลงอีกข้างหนึ่งของห้องโถงใหญ่พร้อมลูกสาว อีกด้านเป็นติงกวน เสี่ยวชิงกับหลาน ๆ นั่งด้วยกัน พวกเขาต่างทักทายกันเสียงจอแจ ก่อนที่ฮวยหลิวจะชวนลูกพี่ลูกน้องออกไปเล่นที่สวนด้านหลังและปล่อยให้พวกผู้ใหญ่คุยกัน“ท่านปู่สบายดีไหมเจ้าคะ ในจดหมายน้องรองบอกว่าท่านยังคอยสอนวรยุทธเด็ก ๆ จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ข้ากับน้องเป็นห่วงท่านนะเจ้าคะ”“เพ้ย! เจ้าจะฟังเด็กสองคนนั้นทำไมกัน ข้าออกจะแข็งแรงอย่างกับอะไรดี มีแต่พ่อแม่เจ้านั่นแหละที่ช่วงนี้ป่วยออด ๆ แอด ๆ น่ะ เจ้าห่วงพวกเขาจะดีกว่า ฮึ!”ชางจ้าวหลงสะบัดหน้าหนีอย่างงอนๆ หลานสาวคนนี้ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขานั้นแข็งแรงยิ่งกว่าพวกนางเสียอีก ม่านหรูเห็นอาการของท่านปู่ก็ได้แต่ถอนหายใจ“ข้ารู้เจ้าค่ะท่านปู่ แต่อย่างน้อยท่านก็ควรจะพักผ่อนตามวัยบ้าง ส่วนท่านพ่อท่านแม่มีน้องรองกับน้องสามคอยดูแล ข้าจึงไม่ได้ห่วงอะไรมากนัก อย่างไรพวกท่านก็ไม่มีวรยุทธ การที่จะเจ็บ
ซื่อซีฮันตอนนี้สอบเข้ารับราชการเป็นรองแม่ทัพตอนอายุเพียง 13 ปีเท่านั้น ส่วนซื่อซีซวนสอบจอหงวนได้อันดับที่สามและได้รับตำแหน่งทั่นฮวาโดยฮ่องเต้ผู้ที่เห็นหลาน ๆ เก่งกาจตั้งแต่อายุยังน้อยไม่ต่างจากพ่อของพวกเขาดีใจที่พวกเขามีใจรักแว่นแคว้นจนอยากอุทิศตัวทำงานให้กับเขาแทนโหวซื่อหลง จ้าวเซียงหลงแต่งตั้งให้ซื่อซีซวนเป็นกุนซือประจำกองทัพเพื่อให้พวกเขาพี่น้องสามารถทำงานร่วมกันได้การเดินทางมาสอบครั้งนี้ของเด็กทั้งสอง มีซื่อหวนหลงกับม่านหรูรวมทั้งซื่อฮวยหลิวมาให้กำลังใจด้วย เมื่อทราบผลการสอบและตำแหน่งที่ลูกได้รับการแต่งตั้ง ซื่อหวนหลงกับม่านหรูก็พาลูกสาวเดินทางกลับเมืองไห่หลง เนื่องจากตอนนี้ท่านตาของซื่อหวนหลงนั้นป่วยออด ๆ แอด ๆ ไม่ต่างจากปู่ของเขาที่อายุมากแล้ว พวกเขาจึงไม่สามารถอยู่ดูแลลูกชายต่อได้ หลังจากนี้คงต้องปล่อยพวกเขาให้รับผิดชอบงานในหน้าที่ของตนเองไป ถึงแม้ซื่อฮวยหลิวจะไม่อยากจากพี่ชายทั้งสองไป แต่นางไม่อาจเอาแต่ใจได้มากนัก ด้วยตัวนางเองก็เป็นห่วงท่านปู่ทวดทั้งสองซึ่งมีนางคอยดูแลและเป็นกำลังใจให้พวกท่านมาตลอด นางกลัวว่าหากนางไม่อย
ม่านหรูที่คิดจะไปเยี่ยมครอบครัวจำเป็นต้องหยุดแผนการเอาไว้ก่อนจนกว่านางจะคลอด ซื่อหวนหลงก็พักงานอย่างอื่นเพื่อคอยดูแลม่านหรูตลอดเวลา ส่วนงานในร้านค้าเขาก็สั่งพ่อบ้านของจวนตระกูลจี้ดูแลแทน จี้หยางที่กำลังจะมีเหลนอีกคนก็แล้วแต่หลานชายจะจัดการ เขาเฝ้ารอดูว่าเหลนคนใหม่จะเป็นชายหรือหญิง นานแล้วที่เขาได้แต่อิจฉาตาเฒ่าซื่อที่มีลูกหลานชายหญิงมากมาย ถึงแม้หลาน ๆ ทางนั้นจะพากันแต่งงานช้ากว่าซื่อหวนหลงหนึ่งปี แต่พวกเขาก็มีลูกกันในปีต่อมาทันที ปีนั้นเขาก็พบเหลนทั้งสองที่อายุยังน้อยจนแทบจำความไม่ได้ อีกทั้งเด็ก ๆ ยังไม่กล้าออดอ้อนเขาเหมือนทุกวันนี้ด้วย จี้หยางจึงหวังว่าเหลนคนใหม่คนนี้เขาจะมีเวลาเลี้ยงดูมากกว่าซื่อซีฮันกับซื่อซีซวนหนึ่งปีต่อมา ม่านหรูตอนนี้คลอดลูกสาวได้เดือนกว่าแล้ว นางจึงคิดอยากจะไปเยี่ยมครอบครัวที่ชายแดนเหนือพร้อมทุกคนสักครั้งหนึ่งซื่อหวนหลงกับเด็ก ๆ ต่างเห่อน้องสาวไม่น้อย พวกเขาไม่ยอมออกจากจวนแม้แต่ครึ่งก้าวตั้งแต่นางคลอด ม่านหรูจึงเอ่ยปากบอกความต้องการกับสามีเสียเลย
ครึ่งเดือนต่อมา ขบวนของโหวซื่อหลงเดินทางมาถึงประตูเมืองไห่หลง เขานึกแปลกใจไม่น้อยที่เจ้าเมืองพาเจ้าหน้าที่มารอต้อนรับพวกเขาเป็นจำนวนมากทั้งที่เขาไม่ได้ส่งใครมาแจ้งว่าจะถึงเมืองไห่หลงวันนี้เสียหน่อย แต่ด้วยตำแหน่งของเขาที่ค้ำคออยู่ ซื่อหวนหลงจึงต้องลงไปรับการคารวะจากทุกคนพร้อมม่านหรู“พวกเจ้าตามสบาย เหตุใดจึงได้มารอพวกข้าได้เล่า?”“เรียนท่านโหวซื่อหลง ข้ามีทหารตรวจตรารอบเมืองทุกวันขอรับ เขาจึงมารายงานว่าพวกท่านเดินทางมาถึงแล้ว ข้ากับทุกคนจึงมารอต้อนรับท่านโหวซื่อหลงกับโหวฮูหยินขอรับ”“ขอบใจพวกเจ้ามาก ความจริงพวกเจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ อย่างไรหลังจากนี้ข้าก็จะอยู่ที่เมืองนี้เป็นหลัก อาจมีบ้างที่ข้าจะเดินทางไปยังเมืองอื่นเพื่อช่วยงานฝ่าบาท เอาล่ะ พวกเจ้าแยกย้ายกันไปเถอะ หากใครมีปัญหาอันใด พวกเจ้าสามารถมาแจ้งข้าที่จวนโหวซื่อหลงได้ตลอดเวลา”“ขอบพระคุณท่านโหวซื่อหลงที่เมตตาขอรับ เชิญท่านโหวซื่อหลงเข้าเมืองขอรับ”