"ท่านสัญญากับข้าแล้วท่านองครักษ์ว่าจะช่วยข้าปิดบังเรื่องนี้""ปิดบัง ท่านคิดดูไม่สู้บอกความจริงไปเสียง่ายดายกว่าปิดบังท่านอ๋องที่ฉลาดหลักแหลมเป็นเรื่องยากยิ่ง บางทีข้าเริ่มจะคิดว่า ท่านอ๋องรู้ความจริงแล้วก็ได้ จึง..หวงแหนท่านยิ่งนักแต่ท่านอ๋องแสร้งโง่งม""ช่างเขา ข้าแค่ให้ท่านองครักษ์ไปที่บ้านตระกูลเหว่ยพบป้าเป่ยมอบสิ่งนี้ให้นางแล้วป้าเป่ยจะจัดการทุกอย่างให้เอง""ต้องไปเลยหรือ""ก่อนฟ้าสาง ตอนนี้ข้าไม่ให้เจียวหยูเข้ามาเกรงว่าจะปิดนางไม่ได้ ท่านรีบไปรีบมาข้ารอด้วยความหวัง"ตงเกาประสานมือจากไปก่อนออกจากจวนอ๋องเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้"ท่านอ๋องตงเกามีเรื่องสำคัญ"เฉิงอู๋อ๋องลุกขึ้นจากแท่นนอน เปิดประตูออกไปฟางหลินตามไปเกาะแขนไว้แน่นดังว่าจะรั้งเฉิงอู๋อ๋องไว้ได้หากเขาจะไป"มีเรื่องสำคัญใดกัน""นายหญิงชายารองมีอาการไข้และไอ ตงเกาจึงแวะมาบอก""แล้วเช่นไร"ฟางหลินถามขึ้น"อืมมม ตงเกาแค่กลัวว่าท่านอ๋องจะไปพบนายหญิงชายารองแล้วจะพลอยไม่สบายไปอีกคน""อืมมมข้าเข้าใจแล้ว แล้วเจ้ากำลังจะไปไหนกัน"ในใจเริ่มร้อนรุ่มตงเกาดำเนินแผนการผิดไปแล้วคิดว่าเฉิงอู๋อ๋องไม่แยแสเรื่องที่ เจิ้งอ้ายฉิงป่วยไข้หรือไร
“ข้าเป็นถึงอ๋องไร้พ่ายหวัดทำอะไรข้าไม่ได้”กอดรวบเอวบางดึงเข้ากลางลำตัว อ้ายฉิงหน้าแดงก่ำอายจนแทบจะหลับตาแต่ไหนแต่ไรเคยต้องมือชายหรือไรเล่า“นอนได้แล้วเจ้าองครักษ์นั่นไปปลุกข้าแต่รุ่งสางยังนอนไม่พอ พูดให้ข้าห่วงใยเจ้าเห็นหรือไม่ข้าต้องรีบมาอดหลับอดนอนเจ้าต้องทำคุณไถ่โทษที่ทำข้านอนไม่พอตามใจข้าเสียหน่อยให้ข้านอนกอดหลับใหลเสียให้พอ”เอาคางเกยที่ไหล่บางสูดกลิ่นหอมจากเรือนผมและกายสาวหลับใหลลงได้ในไม่ช้า ตงเกาคาดการณ์ผิดมหันต์ตำหนักชิงหนิงกง“ฮองเฮาข้าน้อยพบสิ่งนี้ในห้องของนาง”วางแผ่นหนังลงบนโต๊ะเบื้องหน้าฮองเฮา“จริงอย่างที่คิด นางหลบซ่อนปิดบังใบหน้า จงใจให้หลายคนเอ็นดูสงสารซึ่งข้าก็เกือบหลงกลนาง”“ฮองเฮาไม่แน่ว่าเฉิงอู๋อ๋องจะรู้เรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่านางต้องอาศัยตงเกาอารักขาทีเดียวเชียว ข้าเองหวั่นใจว่าเฉิงอู๋อ๋องจะรักและปกป้องนางเพราะหลงใหลใบหน้างดงามของนางเข้าแล้ว”“นางตั้งใจเล่นตลกต้องมีสิ่งใดซ่อนเร้นอีกแน่ มารดาของนางอ้ายจิง ก็ไม่ต่างกันมักจะทำตัวอ่อนหวานน่าเอ็นดูจนฝ่าบาทหลงใหลสุดท้ายก็ยอมถวายตัว ข้าจะกราบทูลฝ่าบาทเรื่องประทานงานแต่งงานให้กับจิวอันเสียจริงดี เดิมข้าคิดว่าเฉิงอู๋อ๋อ
วังหลวง“ฝ่าบาท งานชมดอกเหมยแดง ปีนี้อ้ายหลิวรับเป็นแม่งานเช่นเดิม ดอกเหมยแดงปีนี้เบ่งบาน มากกว่าปีก่อนๆ งานชมดอกเหมยบานก็คงต้องจัดให้ยิ่งใหญ่”หวงฉีจิ้งกุมมืออ้ายหลิวไว้“เจ้า รับเป็นแม่งาน จะเหนื่อยหนักเกินไปหรือไม่”“ฝ่าบาทปีนี้จิวอัน 19จิวฮัว 17ข้ามีคนคอยแบ่งเบาแล้ว”“เฮ้อเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน”คิดไปถึง อ้ายจิงที่จากไปถึง18ปีแล้วเช่นกัน“ฝ่าบาทมีหลายเรื่องที่ผ่านเข้ามาแต่มีเรื่องหนึ่งที่อ้ายหลิว เฝ้าครุ่นคิดมาตลอด”“เรื่องใดกัน”“อ้ายฉิง เจิ้งอ้ายฉิงข้าให้นางแต่งกับเฉิงอู๋อ๋อง หลายวันมานี้ได้ยินผู้คนในวังหลวงล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเฉิงอู๋อ๋องไม่สู้ชอบใจนักเรื่องชายาอัปลักษณ์ของเขา”“อืม เจ้ากับข้าคงได้ยินมาต่างกันสองวันก่อนเฉิงอู๋อ๋องเพิ่งจะมาขอให้ข้า เป็นพยานในคำสัญญาว่าจะไม่มีทางหย่ากับชายารอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” อ้ายหลิวยิ้มอ่อนหวานทว่าภายใน แทบกระอักเลือด เฉิงอู๋อ๋องนับว่าโดดเด่นไม่น้อยจะเหนือกว่าปาหวางอ๋องด้วยซ้ำไปเรื่องที่คิดไว้จึงไม่เอ่ยออกมา แต่คิดหาทางหนีที่ไล่ไว้“นับว่าเป็นเรื่องดี อ้ายหลิวห่วงหลานไม่น้อยกลัวว่าจะถูกรังเกียจนางน่าสงสาร ใบหน้าอัปลักษณ์หากเฉิ
โน้มร่างบางลงบนแท่นนอน ลิ้นอุ่นซอกซอนไม่มีเบื่อเสียงหายใจหอบถี่บางอย่างในกายลุกโชนยากจะดับลงได้ อ้ายฉิงอ่อนระทวยกับรสจูบที่ หวานและช่ำชองอย่างที่สุด หวงเฉิงอู๋ถอนริมฝีปากออกช้าๆ ขบเม้มริมฝีปากบางอุ่นละมุน กลิ่นกายสาวยั่วยวนจะไม่อาจห้ามใจ อ้ายฉิงเอาแต่หลบสายตาด้วยความเขินอาย“ขะ..ข้าต้องการเจ้า”ทาบทับ ไว้ทั้งตัว จูบแรกจูบสองสามและสี่เหมือนตั้งใจ โอ้โลม มืออุ่นล้วงลึกลูบไล้ไปทั่วร่างเนียนเอวคอดกิ่วที่สัมผัสนั้นชวนรัญจวนใจยิ่ง กลิ่นหอมละมุนที่สุดดมจากเนื้อกายสาว ยิ่งทำให้อารมณ์ปั่นป่วน ไม่อาจระงับยับยั้ง อีกคนเขินอายซุกหน้าหลับตาลงเสีย ทว่าหวงเฉิงอู๋รู้ดีว่าเขาบัดนี้ ไม่อาจห้ามทั้งตัวและหัวใจของตัวเองได้แล้ว มิสู้ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามครรลองของมันจะดีกว่าจะฝืนไปทำไมกัน“ท่านพี่ท่านพี่เจ้าขา สายป่านนี้แล้วฟางหลินรอร่วมเสวย ท่านพี่หลงลืมเวลาแล้วหรือไร”ฟางหลินที่ตรงเข้าไปทุบประตูห้องพร้อมกับตะโกนเสียงดังความที่นางเป็นหนึ่งมาตลอด จะยอมเป็นรองอ้ายฉิงหรือไรหวงเฉิงอู๋เดินออกมาเปิดประตูออกช้าๆ ตงเกาวิ่งมาขวางไว้หน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ เจียวหยูกำลังจะก้าวขาเข้าไปข้างใน ตงเกาจับมือไว้“ส่งนี่ให้
จวนเฉิงอู๋อ๋องท้องฟ้ามืดมิด ปาหวางอ๋องยืนกอดกระบี่เดียวดายบนคบไม้ สายตาจ้องมองไปยังห้องของเจิ้งอ้ายฉิงสีหน้าเศร้าสร้อยหวงเฉิงอู๋ ยืนพิงประตูห้องของ เจิ้งอ้ายฉิงที่ภายในห้องไร้แสงไฟอีกคน ยิ้มด้วยหัวใจเป็นสุข อีกคนกำลังหมดหวัง“ข้าต้องยอมแพ้ใช่ไหม”ปาหวางอ๋องรำพึงรำพันเบาๆ“ท่านอ๋องไม่เข้าไปข้างในหรือ”ตงเกาถามขึ้นราวกับจะกระซิบ“ไม่ดีกว่า เมื่อคืนนางอดนอนข้าไม่อยากจะกวนนางมากไปกว่านี้”“ท่านอ๋อง แต่สุขใดไหนเล่าจะเท่าได้กอด ..คนที่เรามีใจหลับใหลไปพร้อมกัน”“ให้นางพักดีกว่า ข้ายังมีเวลาอีกมากต่อแต่นี้ ก็คงต้อง ...มากวนนางบ่อยๆ ”อมยิ้ม ตงเกาเองก็เผลอยิ้มตาม“ท่านอ๋อง หากว่านายหญิงชายารองไม่ได้ อัปลักษณ์อย่างที่เห็นเล่า”“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”“ก็หมายความว่าหากนายหญิงชายารองไม่ได้มีหน้าตาน่าเกลียดแต่... กลับงดงามราวกับเทพีสวรรค์เล่า”“หรือว่า นางแปลงโฉมมาเพื่อหารักแท้”“มะมะไม่ ไม่ใช่อย่างนั้นตงเกาแค่...ถ้าหากว่าก็หมายความว่าถ้าหากว่า”“หากเป็นเจ้าเล่าตงเกา”“ตงเกาถาม ท่านอ๋อง”“ยอกย้อน”“อืม ข้าก็คง… ไม่ต้องรู้หรอกว่าข้าจะอย่างไรเอาเป็นว่า ตอนนี้ข้าไม่สนใจใบหน้าของนางแล้วว่าจะเป็นเช่
“ยังไม่ได้เป็นชายาเสียหน่อย นางยังเขินอายต่อข้าไม่ยอมให้ข้าล่วงเกินคงอีกกว่าขวบปีจะได้เป็นชายา หากใครถามข้าก็จะบอกว่าข้ากับนางยังไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจะเย้ยหยันข้านะผิดแล้ว เห็นแบบนี้นางน่าครอบครองที่สุดแล้วก็ยากแก่การครอบครองที่สุด แต่บอกไว้ก่อนห้ามใครคิดจะเยื้อแย่งนางเพราะข้าตีตราจองไว้แล้วจองให้นางใจอ่อน แค่นอนกอดก่ายในทุกคืนได้น้ำไม่ได้เนื้อ”อ้ายฉิงอดขำเสียไม่ได้“แล้วชายาเอกของท่านอ๋องเล่า”กดจมูกโด่งที่ไหล่บาง“ดีใจจัง เจ้าถามถึงนางแสดงว่าเริ่มหึงข้าแล้วใช่ไหม”ดึงมือเจิ้งอ้ายฉิงไปที่แท่นนอน“ แค่สงสัยว่าท่านอ๋องจะมอบอาภรณ์ให้นางไหม”“จะต้องให้อยู่แล้ว แต่บอกไว้ก่อนของนางสวยกว่าเจ้าไม่น้อย”ยิ้มยียวน“ไม่ถามหรือว่าทำไม”อ้ายฉิงส่ายหน้า“นั่นเพราะ นางจะได้ไม่อิจฉาเจ้าแล้ว จ้องที่จะทำร้ายเจ้าอย่างไรเล่า หากข้าอยู่ยังพอปกป้องแต่หากข้าไม่อยู่นางมีใจอิจฉาริษยาเจ้าข้าก็ห่วงไม่น้อย”อ้ายฉิงยิ้ม“อาภรณ์ที่ท่านอ๋องมอบให้งดงามเกินไป เกรงว่าคนจะหัวเราะเยาะเอาได้”“เจ้าไปกับข้าไม่ต้องสนใจว่าใครจะพูดถึงเจ้าว่าอย่างไร ให้เจ้าจำไว้ว่าข้าไม่ได้เป็นเหมือนที่คนอื่นเขาพูดกัน เราสองคนยังนอนกอดกัน
“วันนี้มีเรื่องดีจะประกาศออกไป บัดนี้ ข้าขอรับรองด้วยเกียรติของหวงฉีจิ้ง ว่าเจิ้งอ้ายฉิงผู้นี้คือเลือดเนื้อเชื้อไขของข้าหวงฉีจิ้งที่กำเนิดกับมารดาของนางเจิ้งอ้ายจิง”เสียงอื้ออึง ดังไปทั่วบริเวณ ฮองเฮากำหมัดแน่น เจิ้งอ้ายฉิงยืนนิ่งเฉิงอู๋อ๋องพยุงร่างบางไม่ให้เซถลาด้วยความตกใจและคาดไม่ถึงกับชาติกำเนิดของตัวเองเหว่ยจื่อหยวนยิ้ม ฮูหยินเหว่ยหันสบตาเหว่ยจื่อหยวนอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องนี้คือเรื่องจริง ฟางหลินเม้มปากแน่นด้วยความเจ็บแค้น ปาหวางอ๋องอมยิ้มพ่นลมออกจากปากด้วยความโล่งอก“ฝ่าบาทเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้อ้ายจิงนางเป็นฮูหยินของเหว่ยจื่อหยวน”“ฮองเฮา เป็นเจ้าที่รู้ดีทุกอย่างยอมรับความจริงเสีย อ้ายจิงเป็นหญิงที่ข้ารักมากที่สุดและเจิ้งอ้ายฉิงเป็นลูกสาวของข้า”“จะต้องมีการพิสูจน์”“ได้ จะต้องมีการพิสูจน์ ในเร็ววัน แต่ตอนนี้ข้า หวงฉีจิ้งขอรับรองว่านางคือเลือดเนื้อเชื้อไขของข้าอย่างไม่อาจปฏิเสธ อ้ายฉิงคนที่ข้าหวั่นเกรงว่าจะไม่เข้าใจที่สุดคือเจ้า เจ้าอภัยให้ข้าหรือไม่”“ชายา”หวงเฉิงอู๋ดึงร่างบางให้ย่อกายลงช้าๆ แม้จะยังตกตะลึงอยู่ก็ตาม แต่ภายในใจลึกๆ กับรู้สึกยินดียิ่งนัก“อ้ายฉิง ไม่
ดึงร่างบางมากอดไว้แนบลำตัวสายตานับร้อยจ้องมองภาพงดงามตรงหน้าหญิงงามราวเทพีสวรรค์กับท่านอ๋องรูปงาม ภายใต้แสงจันทร์และดอกเหมยสีแดงเบ่งบานรอบกายปาหวางอ๋องยิ้มขมขื่นเป็นเขาที่เห็นนางก่อนเป็นเขาที่รู้ว่านางไม่ได้มีใบหน้าอัปลักษณ์แล้วทำไมเขาไม่แย่งชิงนางมาเสียตั้งแต่ตอนนั้น ก่อนที่เฉิงอู๋อ๋องจะรู้ความจริงแย่งชิงนางมาเป็นของเขาเสียหวงฉีจิ้งฮ่องเต้ยิ้มกว้าง เหล่าขุนนางและองค์ชายต่างแคว้นต่าง อดที่จะพูดชื่นชมใบหน้างดงามเสียไม่ได้"วันที่ดอกไม้เบ่งบาน"ตงเกาทวนคำไปมา"นายหญิง"ตงเกาเก็บแผ่นหนังอัปลักษณ์แล้วยื่นให้กับเจิ้งอ้ายฉิง หวงเฉิงอู๋ดึงแผ่นหนังในมือของตงเกา โยนเข้าใส่กระถางไฟที่มีเปลวไฟลุกโชน"ไม่จำเป็นต้องปิดบังใบหน้าของเจ้าอีกต่อไปข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าทำไมต้องแสร้งว่ามีใบหน้าอัปลักษณ์คิดได้เพียงอย่างเดียวว่า เพื่อล่อหลอกคนที่คิดปองร้ายเจ้า มาบัดนี้เจ้าเป็นองค์หญิงแล้วยังเป็นชายารองของข้า ต่อไปเป็นข้าที่ปกป้องเจ้าเองแผ่นหนังนั้นไร้ประโยชน์เสียแล้ว"ยิ้มหวานหยดจ้องตาคมสื่อความหมายภายในใจอ้ายฉิงย่อกายลงช้าๆ"อ้ายฉิง หลอกลวงทุกคนตามคำสั่งเสียของท่านแม่ ในเมื่อความจริงปรากฎอ้ายฉิงแม้ไม