แชร์

บุรุษปริศนา 1

ผู้เขียน: เสี่ยวหลันฮวา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-25 19:20:11

วันเวลาแห่งความสงบสุขล่วงเลยผ่านไปวันแล้ววันเล่า จนมาถึงคืนอันเงียบสงัดคืนหนึ่งในขณะที่ทุกคนหลับไหลกันหมดแล้ว แต่ยังมีบ้านหลังหนึ่งที่ตะเกียงยังคงสว่างไสว ภายในห้องมีคนนั่งอยู่เต็มไปหมด บ้างมีสีหน้าเคร่งเครียด บ้างหน้านิ่วคิ้วขมวด บ้างตื่นเต้นดีใจ หรือแม้กระทั่งรังเกียจเดียดฉันท์ ราวกับกำลังเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น

เกิดอะไรขึ้นน่ะหรือ

“คุณหนู ท่านควรชี้แจงให้ชัดเจนนะขอรับ อย่างนี้ข้าจะบอกนายท่านว่าอย่างไร” ชายอาภรณ์สีเทาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเสี่ยวเซียงหันไปกล่าวกับหลี่หลิงเฟิ่งที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ไม้สลักตัวยาว ชายหนุ่มแย้มยิ้มจนแข็งเกร็งไปทั่วหน้า ในใจคิดอย่างขมขื่นที่ตนต้องมารับหน้าที่นี้ หากแต่ก็ไม่กล้าเผยสีหน้าไม่พอใจ

อย่างไรก็ดี เขาค่อนข้างแปลกตาและไม่คุ้นชินกับคุณหนูห้าผู้มีชื่อเสียไปทั่วแว่นแคว้นนางนี้สักเท่าไหร่ หญิงสาวไม่ได้อ่อนปวกเปียกเหมือนพลับนิ่มดังเช่นกาลก่อนอีกแล้ว นอกจากนี้เขายังสัมผัสถึงความน่าเกรงขามขึ้นหลายส่วนอีกด้วย

บุรุษชุดเทาปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนใบหน้าเล็กน้อย อาจเป็นเขาที่คิดมากไปเอง จะเป็นไปได้อย่างไรที่หลี่หลิงเฟิ่งจะให้ความรู้สึกที่แค่สบสายตาก็เสียวสันหลังวาบได้แล้ว

ถ้าเป็นแบบนั้นจริง เจ้านายของเขาคงไม่ปวดหัว พยายามช่วยนางจนบ่อยครั้งที่ตัวเองก็พลอยลำบากไปด้วยอย่างนี้หรอก ถึงกับให้เขาเป็นคนมาคุ้มกันนางด้วยตัวเอง

“ข้าพูดไม่รู้เรื่องตรงไหน ข้าปฏิเสธได้งั้นหรือ นี่ข้าโง่หรือเจ้าเขลากันแน่” หลี่หลิงเฟิ่งแย้มรอยยิ้มประดับบนใบหน้า เหลือบหางตามอง อู๋เหยียน คนสนิทของ หลี่เฟยหยาง ผู้ที่เกิดจากอดีตฮูหยินที่ล่วงลับไปแล้ว ว่าที่นายน้อยผู้สืบทอดตระกูลคนต่อไป ถ้านางไม่เห็นแก่ตั๋วเงินเหล่านั้นที่ชายผู้นั้นให้คนสนิทส่งมาให้ระหว่างที่พวกนางถูกส่งมาที่นี่ล่ะก็ มีหรือที่คนเหล่านี้จะยังอยู่ในที่ของนางได้อย่างสุขใจเช่นนี้

“ข้าก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่าอีกสักหลายวัน พวกเจ้าไม่คิดว่าพวกข้าไม่ต้องจัดการอะไรเลยงั้นรึ ข้ามาอยู่ที่นี่สามปี ไม่ใช่แค่สามวัน ต่อให้พวกข้าไม่มีสหายสนิท แต่ก็ไม่เคยสร้างศัตรูเช่นกัน ที่ควรตอบแทนก็ตอบแทน ที่ควรอำลา ก็ขาดไม่ได้"

หลี่หลิงเฟิ่งกวาดสายตามองคนทั้งหลายด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มไปรอบๆ ห้องโถงกลางหนึ่งรอบ จึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง "อีกอย่างพวกเจ้าเดินทางมาเหนื่อยๆ ก็ควรจะพักผ่อนกันก่อน เจ้าไม่สงสารตัวเอง ก็ควรเห็นใจผู้อื่นบ้าง ใช่ว่าทุกคนจะแข็งแกร่งเช่นเจ้า”

“ขออภัยคุณหนู ข้าไม่อาจสงสัยการตัดสินใจของคุณหนู โปรดลงโทษข้าน้อยด้วยขอรับ” อู๋เหยียนเจ้าบ้านี่ ปากก็บอกขอโทษ แต่การกระทำช่างไม่สอดคล้องเอาเสียเลย มีอย่างที่ไหนกล่าวขอโทษ เพียงแค่ลุกขึ้นประสานมือ จากนั้นนั่งลงเช่นเดิม

เฮอะ หากกล่าวอย่างจริงใจ ทำไมไม่คุกเข่าลงล่ะ

หลี่หลิงเฟิ่งลอบเบะปากอย่างรังเกียจ ไม่ว่าจะยุคสมัยใด การแบ่งชนชั้นก็ยังมีให้เห็นอยู่เสมอ แต่สถานะของนางออกจะเลวร้ายไปสักหน่อย ขนาดบ่าวยังกล้าข่มเหงนาย ถึงในใจอู๋เหยียนจะไม่พูดอันใดออกมา แต่มีหรือภายในใจจะยอมเคารพนาง แน่นอนว่าต้องไม่พอใจเศษขยะอย่างนางอยู่แล้ว

เห็นได้ชัดว่าเกรงใจนางเพราะแค่ฐานะคุณหนูห้าแห่งจวนเจ้าเมือง ถึงจะเป็นแค่ลูกอนุ แต่ก็ยังมีศักดิ์เป็นเจ้านาย อีกประการคงเป็นเพราะท่านพี่ชายใหญ่ของนางคนนั้น

นางไม่ต้องการให้คนพวกนั้นเคารพ แค่ต้องการการให้เกียรติซึ่งกันและกัน หลี่หลิงเฟิ่งมาจากยุคสมัยที่ทุกคนเท่าเทียมกันหมดแล้ว เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นเลยที่นางจะต้องถือตนเองเป็นใหญ่ กดหัวคนเหล่านั้นไปด้วย

แต่แล้วอย่างไร นางก็ยังเป็นเจ้านาย ยังไม่ถึงเวลาที่บ่าวพวกนี้จะข้ามหัวนางไปได้ ใครเคารพนางหนึ่งฉื่อ* นางเคารพกลับหนึ่งจั้ง*

พี่ชายของนาง ช่างเลี้ยงคนได้ดีจริงๆ! เหอะ ว่ากันว่าเห็นลูกน้องก็เหมือนเห็นผู้เป็นนาย คนผู้นั้นก็คงไม่ได้ดีอะไรนักหรอก!

“ด้วยตำแหน่งของเจ้า หน้าที่ของเจ้า เจ้าย่อมรับรู้อะไรควรไม่ควร แม้สมองจะเข้าใจ แต่ใจกลับไม่ยอมรับฟัง” หลี่หลิงเฟิ่งผินหน้าไปมองอู๋เหยียนด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม พลางคลึงมือเล็กอย่างเชื่องช้า

ตุบ!

“บ่าวขออภัยขอรับคุณหนู บ่าวไม่ควรล่วงเกินคุณหนูขอรับ” ในคืนที่เงียบสงัด เสียงคุกเข่าและเสียงโขกศีรษะดังก้องกังวานไปทั่วห้อง ชั่วขณะนั้น ภายในห้องพลันเงียบกริบ แม้แต่เสียงลมหายใจแผ่วเบายังไม่เล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน

“เจ้าทำอะไรของเจ้ากัน ถ้าเกิดว่าพี่ใหญ่รู้เรื่องเข้า จะไม่กล่าวหาว่าข้ารังแกคนใต้ปกครองของเขาหรอกหรือ” อู๋เหยียนยังคงคุุกเข่า ปากพลางพูด มิกล้า มิกล้า ติดๆ กันหลายครั้ง แต่ภายในใจนั้นเย็นเยียบ วันนี้เขาได้เห็นอีกมุมหนึ่งของคุณหนูห้าผู้นี้แล้ว หญิงสาวนางนี้หาใช่คนเรียบง่ายดังที่ตนเคยคิด

สัญญาณอันตรายแจ้งเตือนกับเขาว่า อย่าได้แม้แต่คิดจะไปแหย่นาง

แรกเริ่มเดิมทีชายหนุ่มยังไม่เข้าใจความคิดของคุณชายใหญ่ เหตุใดจึงปกป้องตัวไร้ค่าแถมยังเป็นแค่ลูกอนุภรรยาที่ไม่เป็นที่โปรดปราณ ไม่ได้มีความผูกพันอันใดด้วยเลย มาวันนี้อู๋เหยียนถึงได้รู้ว่าตนมองพลาดไป

เกรงว่าคนผู้นี้คงเป็นคนที่ซ่อนตัวได้ลึดที่สุดแล้ว หรือบางที…

อู๋เหยียนเงยหน้ามองหลี่หลิงเฟิ่งอย่างตะลึงพรึงเพลิดกับการคาดเดาของตัวเอง ปฏิกิริยาเหล่านั้นของคนตรงหน้าอยู่ในสายตาของหลี่หลิงเฟิ่งทั้งหมด ใครจะคิดยังไงกับนางก็ช่าง นางไม่คิดจะเก็บมาใส่ใจให้รกสมองหรอก แต่อย่ามายุ่งกับนางก็แล้วกัน

นางนั้นอะไรก็ไม่ดีสักอย่าง ดีอยู่อย่างเดียวคือจดจำความแค้นได้แม่น!

“เอาล่ะ ข้าก็ไม่ใช่คนใจร้ายอะไร เจ้าลุกขึ้นเถอะ ไหนบอกข้ามาให้ชัดเจนสิว่าทำไมพวกเขาถึงอยากให้ข้ากลับไป เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะเชื่อสิ่งที่เจ้าเล่ามาหรอกนะ ถ้าแค่จะถึงวัยปักปิ่นของข้าแล้วทางนั้นเลยส่งคนมารับข้าไปเข้าร่วมพิธีอย่างนั้นรึ ฮูหยินใหญ่เป็นกลายเป็นคนจิตใจดีขนาดนั้นได้ยังไง ให้ข้ากลายเป็นสาวเทื้อ*น่ะสิจึงจะเป็นแนวคิดของนาง หรือจวนเจ้าเมืองตระกูลหลี่ของพวกเจ้า จากถ้ำเสือได้กลายเป็นถ้ำแมวไปซะแล้ว” นางหยุดคลึงมือตัวเอง น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเจือความรู้สึกอ่อนใจอยู่สองส่วน

อู๋เหยียนที่คุกเข่าถอนหายใจอีกครั้ง ลอบร้องโอดโอยในใจ ขนาดจวนเจ้าเมืองนางยังไม่นับตัวเองเข้าไปด้วยเลย เห็นทีภายภาคหน้าคงยากจะไม่ให้เกิดเรื่องวุ่นวายได้แล้ว

ตอนแรกเขายังแค่รู้สึกว่าคุณหนูห้าดูเปลี่ยนไปจากวันวาน แต่ไม่รู้ว่าเปลี่ยนในเรื่องใด มาวันนี้เขารู้แน่ชัดแล้ว ไม่ใช่แค่กิริยาท่าทางต่างออกไปจากเดิม หากแต่ยังเป็นสายตาที่แปลกไป ไหนเลยจะรวมถึงความคิดที่ซับซ้อนยากจะคาดเดาเหล่านั้น น่ากลัวว่าแม้แต่นายท่านก็เทียบนางไม่ได้

เขาที่เป็นคนสนิทของนายท่าน ย่อมต้องเคยเห็นหรือพูดคุยกับหลี่หลิงเฟิ่งมาหลายครั้ง แต่รู้สึกว่าคุณหนูห้าผู้นี้จะเปลี่ยนจากกระต่ายขาวขี้ตื่นกลัว กลายมาเป็นสุนักจิ้งจอกพ้นการจำศีลมานานปีเสียแล้ว

อู๋เหยียนถอนหายใจออกมาคำรบหนึ่ง ในใจพลางอดนับถือนางขึ้นมาไม่ได้ หญิงเฉลียวฉลาดมองสถานการณ์ได้อย่างทะลุปุโปร่งนางนี้ ไหนเลยจะเป็นคนไร้ความสามารถได้

“นั่นเป็นเพราะองค์ฮ่องเต้ต้องการเรียกตัวคุณหนูเข้าเฝ้า เพื่อจัดการเรื่องการหมั้นหมายกับองค์ชายรองขอรับ ฮ่องเต้มีรับสั่งให้คุณหนูเข้าเฝ้าหลังจากเสร็จสิ้นพิธิปักปิ่น แล้วยังทรงต้องการให้คุณหนูเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวงอีกด้วย คุณชายใหญ่เป็นห่วงว่าคุณหนูจะไม่คุ้นเคย จึงสั่งให้ข้ากลับมารับคุณหนูกลับไปก่อนล่วงหน้าหนึ่งเดือน เพื่อเตรียมตัวเข้าสำนักศึกษาหลวงขอรับ”

หลี่หลิงเฟิ่งหลุบตาลง ความคิดแล่นไปมาอย่างรวดเร็ว นางคาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่านางจะได้อยู่ที่นี่แค่ไม่กี่ปี เหตุเพราะด้วยอายุขององค์ชายรองคู่หมั้นของนางอยู่ในวัยยี่สิปปีแล้ว ถ้าฝ่ายนั้นต้องการที่จะถอนหมั้นก็ต้องเรียกตัวนางเข้าไปคุยเพื่อให้ตกลงกันทั้งสองฝ่าย

แต่จากที่อู๋เหยียนกล่าวมา ดูเหมือนฝั่งนั้นไม่ได้มีความประสงค์จะถอนหมั้นกับขยะอย่างนาง ไหนจะเรื่องสำนักศึกษาหลวงนั่นอีก หรือต้องการจะทำให้นางขายหน้าแล้วเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นไปเอง

อืม มีความเป็นไปได้สูง ทุกยุคทุกสมัย พวกราชวงศ์ก็มีความหน้าบางกันอยู่แล้ว

“อย่างนั้นหรือ” หลี่หลิงเฟิ่งครุ่นคิดอยู่นาน พลันเงยหน้าขึ้นมองอู๋เหยียนด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ "ข้าขอบใจในความหวังดีของพี่ใหญ่ แต่ข้าคงต้องทำให้พี่ใหญ่ผิดหวังแล้ว ข้ายังยืนยันคำเดิม ไม่รีบ พวกเราจะออกเดินทางกันอีกห้าวันให้หลัง" หลี่หลิงเฟิ่งพูดจบก็ลุกขึ้นยืน เตรียมตัวเดินออกจากห้องโถง เพื่อกลับไปพักผ่อน

“นี่…มันจะไม่ฉุกละหุกไปหรือขอรับ วันที่พวกเรากลับไปถึง คุณหนูไม่ต้องเข้าร่วมพิธีปักปิ่นเลยหรือ” อู๋เหยียนโพล่งออกมาอย่างเคร่งเครียด ชำเลืองมองหลี่หลิงเฟิ่งอย่างไม่เข้าใจ

“ก็ใช่น่ะสิ ทำไม หรือเจ้าสงสัยในการตัดสินใจของข้า”

“มิกล้า” เสียงของชายหนุ่มค่อยๆ แผ่วเบาลง หลังเกร็งแน่นฉับพลันเมื่อเผลอสบเข้ากับสายตาเย็นยะเยียบของนาง

“เช่นนั้นเจ้าก็แจ้งพี่ใหญ่ไปตามนั้น ถ้าเขาไม่วางใจก็ให้มาลากข้ากลับไปด้วยตัวเองก็แล้วกัน” พูดจบหลี่หลิงเฟิ่งก็สะบัดแขนเสื้อจากไปอย่างไม่แยแส

ฮึ คิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้มาสั่งให้ข้าทำตาม จู่ๆ หลี่หลิงเฟิ่งก็หงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ นางได้แต่คิดว่าเป็นเพราะคนพวกนั้นมารบกวนการพักผ่อนของนาง อารมณ์ถึงได้แปรปรวนเช่นนี้

อู๋เหยียนมองเงาหลังของหลี่หลิงเฟิ่งจนลับหายไป สีหน้าจนใจที่แสดงออกมาตั้งแต่ต้นจนจบยังไม่มีทีท่าว่าจะเลือนหายไปบ้างเลย

“หากนายท่านรู้เรื่องเข้า ไม่รู้ว่าโทสะจะพุ่งขึ้นสูงขึ้นอีกกี่จั้ง” ไฉนคุณหนูถึงได้ไปแหย่ยมบาลองค์นั้นกันเล่า

“เห้อ และทุกครั้งก็เป็นข้าที่ต้องรองรับมันทุกที” อู๋เหยียนได้แต่คร่ำครวญอยู่ในใจ

*สาวเทื้อ คือ สาวแก่ หญิงสาวที่อายุเลยวัยแต่งงาน

*ฉื่อ หรือเซียะ 1 ฉื่อเท่ากับ 10 ชุ่นหรือ 10 นิ้ว

*จั้ง 1 จั้ง เท่ากับ 10 ฉื่อ ประมาณ 2.5 เมตร

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายาอสรพิษ   บุรุษปริศนา 2

    เช้าตรู่วันถัดมา หลี่หลิงเฟิ่งมาถึงป่าอัศดงก่อนเวลาหนึ่งชั่วยาม ตั้งแต่นางค้นพบสมุนไพรล้ำค่าในป่าลึก กิจวัตรประจำวันของพวกนางจึงได้เพิ่มการหาสมุนไพรในป่าแห่งนี้ไปขาย โดยปกติแล้วนางมักจะพาเสี่ยวเซียงมาด้วย เพื่อฝึกให้สาวใช้ได้ปรับตัวและคุ้นชินกับการเอาชีวิตรอดต่ออันตรายเล็กๆ น้อยๆแรกเริ่มเสี่ยวเซียงก็หวาดกลัวจนตัวสั่น แต่ก็ไม่อยากให้เจ้านายเข้ามาตามลำพัง อย่างไรก็ตามความเป็นความตายของนางก็ไม่สำคัญเท่าชีวิตของหลี่หลิงเฟิ่ง จึงได้ทำใจกล้าไปกับหลี่หลิงเฟิ่งทุกครั้ง นานวันเข้าจากคนที่รู้สึกหวาดกลัวกลับกลายเป็นรอคอยที่จะผจญภัยกับบทเรียนใหม่ๆ ทุกวัน การเปลี่ยนแปลงของสาวใช้ตัวน้อยนางนี้ทำเอาหลี่หลิงเฟิ่งพึงพอใจอย่างมากเพราะมีเวลาจำกัด ไหนจะเรื่องที่ต้องแอบหลบสายตาสอดส่องจากอาคันตุกะที่ไม่ได้รับเชิญพวกนั้น วันเวลาที่นางสามารถกอบโกยสมุนไพรก็น้อยลงไปทุกทีวันนี้จึงแตกต่างออกไปเล็กน้อย นางละทิ้งการฝึกฝนเสี่ยวเซียง เลือกพาเสี่ยวเฉินติดตามมาแทน นอกจากจะทำให้นางกังวลเรื่องความปลอดภัยน้อยลง ก็ยังสามารถหาสมุนไพรได้มากกว่าทุกวัน ความรู้ตลอดหลายเดือนที่นางพร่ำสอนก็ไม่ได้เสียเปล่าแต่อย่างใดตั้งแต่นางต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   บุรุษปริศนา 3

    หลี่หลิงเฟิ่งไม่คิดจะซ่อนตัวอีกต่อไป นางฟาดฝ่ามือลงบนกลางหลังเสี่ยวเฉินด้วยแรงทั้งหมดที่มีเพื่อส่งเสี่ยวเฉินให้ไปไกลมากที่สุด ส่วนนางรุดเข้าไปหาชายชุดดำข้างหน้า ขณะที่นางเอี้ยวตัวหันไปผลักเสี่ยวเฉินนั้นมืออีกข้างที่ว่างอยู่ล้วงเข้าไปหยิบผงสีขาวชนิดหนึ่งในมิติออกมา“คุณหนู!” เสี่ยวเฉินที่โดนฝ่ามือปะทะจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นกำเนิดใหม่ระดับกลางลอยละลิ่วไปหลายจั้ง ดวงตาฉายแววตื่นตระหนก เมื่อร่วงลงบนพื้นได้ก็ทำท่าจะวิ่งกลับมาหาหลี่หลิงเฟิ่งอีกครั้ง‘กลับไป! รีบไปตามอู๋เหยียนมาที่นี่ เร็ว! ยิ่งเจ้าอยู่จะยิ่งทำให้ข้าห่วงหน้าพะวงหลัง ไปซะ’ หลี่หลิงเฟิ่งเพ่งกระแสจิตอย่างหนักหน่วงจนรู้สึกปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย นางไม่แน่ใจว่าเสี่ยวเฉินจะได้ยินที่นางพูดหรือไม่ นางเคยอ่านเจอในตำราฝึกพลังธาตุ ทว่าก็ยังไม่เคยลองใช้มาก่อนอย่างไรก็ดี นางไม่สามารถสัมผัสกลิ่นอายเสี่ยวเฉินได้อีก หลี่หลิงเฟิ่งถอนหายใจอย่างโล่งอก ยังดีที่กระแสจิตของนางใช้ได้ อย่างน้อยเสี่ยวเฉินก็ไม่ได้วิ่งกลับเข้ามาหานางหลี่หลิงเฟิ่งสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เรียกความมั่นใจของตนกลับมา มือทั้งสองข้างเย็นเฉียบ ด้วยพละกำลังของนางในตอนนี้ คิดจะใช้พลังย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   บุรุษปริศนา 4

    เมื่อพินิจดูอย่างละเอียด นอกจากสมบัติเหล่านั้นแล้ว ยังมีโครงกระดูกกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นไปหมด แค่คิดนางก็เข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหลายคงเป็นของเจ้าของโครงกระดูกเหล่านี้ที่ถูกเจ้าปีศาจตนนั้นสังหารหลี่หลิงเฟิ่งมองสมบัติมากมายแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ถ้าเก็บทีละชิ้นนางได้ขาดอากาศหายใจก่อนเป็นแน่ นางจะเก็บหมดได้อย่างไร หญิงสาวครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ลองกวาดมือออกไปบริเวณที่มีสมบัติพลางคิดในหัว ‘เก็บ’ สมบัติที่กองเกลื่อนกลาดอยู่ตรงหน้าหายวับไปในพริบตาอย่างนี้ก็ได้หรือ ที่ผ่านมานางมัวเก็บทีละชิ้นให้เสียเวลาไปทำไมหลี่หลิงเฟิ่งส่งพลังจิตเข้าไปสำรวจในมิติของตนเอง พบว่าพื้นที่สี่เหลี่ยมเล็กๆ ของนางอัดแน่นไปด้วยสมบัติ แทบไม่เหลือพื้นที่ให้ใช้สอยเลยด้วยซ้ำนางเริ่มกลัดกลุ้มขึ้นมาบ้างแล้ว เห็นทีข้าต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ นางได้แต่บ่นอุบอยู่ในใจอย่างช่วยไม่ได้ช่างมันไปก่อน เรื่องของวันหน้าก็เอาไว้คิดกันวันหน้า ยังดีที่มิติของนางยังเก็บสมบัติไปได้หมด ไม่อย่างนั้นคงเสียดายแย่ อย่าหาว่านางทำตัวเหมือนโจรปล้นชิงเลย ก็ใครใช้ให้นางมีมิติมายาติดกายกันเล่าครืนนพลังจากบนบกสั่นสะเทือนมาถึงใต้น้ำ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   พี่ชายงั้นหรือ 1

    บรรยากาศเงียบสงัดแพร่กระจายไปทั่วห้อง หลี่หลิงเฟิ่งหายใจสะดุด ดวงตาเรียวสวยไม่ได้เลื่อนออกจากใบหน้าของบุรุษผู้นั้นเลย เช่นเดียวกับดวงตาคมกริบกวาดมองนางเงียบๆเนิ่นนาน ไร้ซึ่งคำพูด และไม่ขยับคล้ายเวลาล่วงเลยไปหลายสิบปี เสียงสูดลมหายใจอย่างหนักหน่วงดังขึ้นทำลายความเงียบงันที่น่ากระอักกระอ่วนนี้ สุดท้ายแล้วยังคงเป็นหลี่หลิงเฟิ่งที่ทนไม่ไหว ใคร่สงสัยตัวตนบุรุษรูปงามท่านนี้ ริมฝีปากเม้มแน่น อยากพูดบางอย่างแต่กลับพูดอะไรไม่ออก มือของเขายังคงลูบผมนางอยู่อย่างนั้น คล้ายปลอบประโลมนางอยู่ทุกวินาที“ข้า...ข้าอยากกินองุ่น” หลี่หลิงเฟิ่งชะงักค้างอย่างทำอะไรไม่ถูก หน้าขึ้นริ้วแดงๆ ด้วยความอับอาย นี่นางพูดอะไรออกไปอยากกินองุ่น? องุ่นเนี่ยนะ เพ้ย!หลี่หลิงเฟิ่งขยับตัวหลบฝ่ามือใหญ่ หลุบตาต่ำ ไม่กล้ามองหน้าเขาอีกต่อไป ในใจสบถด่าตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำตัวเป็นหญิงสาววัยแรกรุ่นไปได้“เสี่ยวเซียง” บุรุษชุดขาวยิ้มพลางส่งเสียงเรียกเสี่ยวเซียง “เจ้าค่ะ คุณชายใหญ่” หลี่หลิงเฟิ่งมองเสี่ยวเซียงผลักประตูเข้ามา เดินก้มหน้ามาคุกเข่าตรงปลายเตียง ก่อนจะเงยหน้าจ้องมองผู้เป็นนายด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นนัยน์ตาคุณชายใหญ่ หล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   พี่ชายงั้นหรือ 2

    สิ้นเสียงของหลี่หลิงเฟิ่ง มีมือสังหารรายหนึ่งทะยานเข้ามาหา หลี่หลิงเฟิ่งหมุนตัวอย่างรวดเร็ว ลำแสงสีแดงเพลิงอาบย้อมกระบี่ แทงสวนกลับไป มือสังหารที่วิ่งเข้ามายังไม่ทันตั้งตัว แววตาพลันตื่นตระหนก ร่างกายแข็งค้างล้มลงตรงหน้าหญิงสาว“ระ....” สตรีผู้นี้... ในชั่วพริบตา โลกเบื้องหน้าเข้าสู่ความมืดมิด เพียงแค่ปริปากพูดก็ไม่ทันเสียแล้ว“เสี่ยวเฉิน” ขวดกระเบื้องเคลือบขนาดเล็กถูกโยนออกมาจากมิติไปทางด้านหลัง รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นในแววตาหลี่หลิงเฟิ่ง ชุดสีแดงเพลิงเปียกชุ่มลู่ลงแนบลำตัว มือสังหารคาดไม่ถึงว่าจะมีสตรีอ่อนปวกเปียกเข้ามาช่วย หลี่หลิงเฟิ่งอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายมึนงง ฝ่าวงล้อมเข้าไปยืนข้างกายอู๋เหยียนเสี่ยวเฉินรับขวดกระเบื้องเนื้อหยาบที่ลอยมาตรงหน้า วิ่งอ้อมไปด้านหลังฝั่งหลี่เฟยหยาง เขารู้ดีว่ามันเป็นโหลบรรจุยาที่หลี่หลิงเฟิ่งปรุงขึ้น จะไม่ให้คุ้นเคยได้อย่างไร ในเมื่อคุณหนูเป็นคนสั่งให้เขาซื้อมันมาโดยเฉพาะหากแต่เขาไม่รู้ว่ามันคือยาอะไร เสี่ยวเฉินมองหลี่หลิงเฟิ่งอย่างอับจนปัญญา อยากจะขอความช่วยเหลือ ทว่า เหลือบสายตามองเพียงแวบเดียวก็ให้สูดหายใจลึก“เฟิ่งเอ๋อร์ เข้ามาทำไม ออกไป” ใบหน้าที

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   พี่ชายงั้นหรือ 3

    ไม่รู้ผ่านไปกี่ชั่วยาม แสงยามเช้าส่องกระทบใบหน้าหลี่หลิงเฟิ่ง เสียงฝูงนกกระพือปีกบนต้นไม้ส่งเสียงร้องบินออกหากิน นางจำไม่ได้ว่าเกราะป้องกันสลายไปตอนไหน ทำสิ่งใดลงไปบ้าง ตั้งแต่ต้นจนจบสายตาของนางอยู่ที่คนในอ้อมกอดตลอดสมุนไพรทุกอย่างที่นางมีถูกนำมารักษาหลี่เฟยหยาง ยาต่างๆ ที่เคยสกัดไว้ก็เอาออกมาใช้ทั้งหมด แต่เหมือนจะเอามาเททิ้งมากกว่า เขาไม่มีท่าทีจะฟื้นขึ้นมาเลย ยังดีที่สมุนไพรเหล่านี้ยื้อลมหายใจสุดท้ายของเขาเอาไว้ได้แต่แล้วอย่างไร เขาจะทนได้นานแค่ไหน นางเองก็ยังไม่รู้จากเหตุการณ์เมื่อคืน หลี่หลิงเฟิ่งตระหนักได้ถึงโลกใบนี้อย่างแท้จริง โลกที่ผู้ฝึกพลังยุทธ์เป็นใหญ่ นางเคยคิดว่ารออีกหน่อย เดี๋ยวนางจะแข็งแกร่งขึ้น ไม่ต้องสนใจใครหรือสิ่งใดให้มาก ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการให้เต็มที่จนเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งยอมตายเพื่อนาง ความเพ้อฝันเหล่านั้นจึงพังทลายลง หลี่หลิงเฟิ่งไม่มีความผูกพันกับคนในโลกนี้ อย่าว่าแต่หลี่เฟยหยางที่เพิ่งเจอกันไม่กี่วัน ต่อให้เป็นเสี่ยวเซียงเสี่ยวเฉิน นางก็เห็นเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมทางเท่านั้นคนพวกนี้ยอมทำเพื่อนาง ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าเพื่อเจ้าของร่างเดิมถึงกระนั้นนางก็ยังอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   พี่ชายงั้นหรือ 4

    หูซานแตกตื่นจนหน้าถอดสี ถุงผ้าในมือเกือบหลุดร่วง “นี่มันเกินไป เกินไปแล้ว” หลังจากหายตื่นตะลึง เขาก็มีท่าทางดีอกดีใจอย่างปิดไม่มิดแววตามองคล้ายขุ่นเคืองอยู่เล็กน้อย อดที่จะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไม่ได้ “เจ้ามีของล้ำค่าติดตัวมากมายขนาดนี้ ยังจะทำเป็นไม่รู้จักหินแร่พวกนี้อยู่อีก ผายลม!”หลี่หลิงเฟิ่งทำหน้าไม่ถูกไปชั่วขณะ ตาเฒ่าผู้นี้อยู่ดีๆ ก็อารมณ์ขุ่นมัวใส่นาง“เจ้ามีของเช่นนี้อยู่ตั้งแต่แรก ไยจึงไม่รีบนำมันออกมา” ตำหนิหญิงสาวก่อนกล่าวต่อ “แต่แค่สองก้อนก็พอ ที่เหลือเจ้าเก็บไว้เถอะ” หูซานหยิบออกจากถุงเพียงสองก้อนจริงๆ มองที่เหลืออย่างอาลัย สุดท้ายตัดใจส่งมันคืนให้นางหลี่หลิงเฟิ่งย่นคิ้วเข้าหากัน นัยน์ตาฉายแววงุนงงมากกว่าเดิม “แค่สองก้อนพอแน่หรือ ท่านหยิบมันไปเพิ่มอีกดีหรือไม่” ถึงจะไม่รู้ว่าคืออะไร หากแต่ช่วยรักษาได้ย่อมเป็นเรื่องดีได้ยินดังนั้น หูซานฉุนขึ้นมาทันที “ข้าเป็นหมอมาสามสิบกว่าปี อาการของโรคเป็นอย่างไร ปริมาณยาหรือพลังที่ใช้ย่อมรู้แน่ชัดอยู่แล้ว บอกว่าพอก็คือพอ เด็กอย่างเจ้าสงสัยคำวินิจฉัยของข้าอย่างนั้นหรือ” หญิงผู้นี้อะไรก็ดีไปหมด เหตุใดวันนี้ริทำตัวน่ารังเกียจ เขาเป็นถึงนักห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   กลับสู่จุดเริ่มต้น 1

    ผ่านไปสิบวันอาการบาดเจ็บของหลี่เฟยหยางดีขึ้นมาก หูซานได้กลายเป็นแพทย์ประจำตัวของเขาไปแล้ว ทุกวันจะต้องมาจับชีพจร สอบถามความคืบหน้าระหว่างรักษาเสมอ ทั้งที่ชายชราไม่มีความจำเป็นต้องมาด้วยตนเอง เนื่องด้วยผู้ป่วยทั้งสองอยู่ในระยะปลอดภัยนานแล้วหลักๆ ที่วนเวียนอยู่อย่างนี้ เพราะต้องการเอาใจ ‘ศิษย์น้อง’ ที่เพิ่มมาอีกหนึ่งคน สร้างความรู้สึกประทับใจ เกาะติดหลี่หลิงเฟิ่งไม่ยอมห่างบอกตามตรง ตอนนั้นหลี่หลิงเฟิ่งเดือดดาลจนไร้คำพูดโต้กลับ นางแสดงเจตจำนงชัดเจนด้วยการปฏิเสธการเป็นศิษย์ของเขา นางไหนเลยจะคิดว่าเฒ่าทารกดันยกลำดับอาวุโสของนางให้สูงขึ้น ยังไม่ทันจะกล่าวอันใด หูซานก็ยกเตาหลอมโอสถให้นางพร้อมกับตำราสมุนไพรหนึ่งร้อยแขนงให้นางไว้ท่องจำทุกเช้าหลังจากตรวจอาการหลี่เฟยหยางและเสี่ยวเฉินเรียบร้อย หูซานจะขลุกอยู่กับนางตลอดช่วงบ่าย บางครั้งยังลากนางไปโรงหมอเพื่อดูอาการคนไข้ เดิมทีหลังจากหลี่เฟยหยางฟื้นขึ้นมา นางคิดจะปฏิเสธหูซานอย่างจริงจัง เมื่อนำไปปรึกษากับชายหนุ่ม กลับเป็นหลี่เฟยหยางโน้มน้าวให้นางรับข้อเสนอนี้ไว้เสียเองหลี่หลิงเฟิ่งจึงผงกศีรษะรับอย่างจำใจ กลายมาเป็นศิษย์น้องของหูซานด้วยประการฉะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25

บทล่าสุด

  • ชายาอสรพิษ   อาการกำเริบ

    ไม่นานหลังจากที่สวีคุนพูดจบ ร่างสูงของอู๋เหยียนก็ก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สายตาของเขากวาดมองหลี่หลิงเฟิ่งทันที"คุณหนูห้า นายท่านแย่แล้วขอรับ" น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความร้อนรนหลี่หลิงเฟิ่งเลิกคิ้วเล็กน้อย "เกิดอะไรขึ้น""อาการของคุณชายใหญ่ทรุดหนักลงกะทันหัน โปรดตามข้ากลับไปที่หอฝึกยุทธ์ดูสักหน่อยเถิดขอรับ"หัวใจของหลี่หลิงเฟิ่งเต้นกระตุก นางไม่ได้ถามต่อให้เสียเวลา รีบหันไปบอกลาทุกคนก่อนจะก้าวตามอู๋เหยียนไปโดยไม่ลังเลที่ห้องพักของหลี่เฟยหยาง กลิ่นจางๆ ของผลไม้คืนชีวิตอบอวลอยู่ในอากาศ ราวกับเพิ่งมีผู้ใช้มันเมื่อไม่นานมานี้ ดวงตาคมของหลี่หลิงเฟิ่งหรี่ลง นางรู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล แต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดหลี่เฟยหยางนอนอยู่บนเตียงสีขาว ใบหน้าซีดเซียวของเขามีหยาดเหงื่อเกาะพราว ดวงตาหลับพริ้มราวกับกำลังฝืนต่อสู้กับความเจ็บปวด มือทั้งสองข้างกำแน่นจนข้อขึ้นสีขาวหลี่หลิงเฟิ่งขยับเข้าไปใกล้ ราวกับทุกอย่างวนกลับไปยังวันเวลาเหล่านั้นอีกหน เขาต้องการเลือดข้านางขบเม้มริมฝีปาก กำมือแน่นก่อนจะใช้ปลายเล็

  • ชายาอสรพิษ   ตำนานเล่าขาน

    ทุกสายตาจับจ้องมายังหลี่หลิงเฟิ่งที่บัดนี้รายล้อมไปด้วยเหล่าคนของสำนักแพทย์โอสถ บางคนถึงกับหันไปมองกันอย่างสับสน"ศิษย์น้องของเจ้าสำนักหรือ หูของข้าเพี้ยนไปแล้วหรือไม่" สีหน้าของทุกคนเบิกโพลง"ใช่แล้ว หลี่หลิงเฟิ่งคืออาจารย์อาที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากเจ้าสำนักของเรา หากข้ารู้ว่าใครยังว่าร้ายนางอีกล่ะก็ อย่าหาว่าหอแพทย์โอสถของพวกเราไม่เตือน"ผู้อาวุโสแปดกล่าวเสียงกร้าว เขารอเวลานี้มานานแล้ว ใครใช้ให้คนเมืองหลวงมีตาหามีแววไม่ ใส่ร้ายบรรพบุรุษน้อยของพวกข้าไม่เว้นแต่ละวันคำพูดนั้นทำให้สีหน้าของทุกคนซีดเผือด ความนับถือที่แฝงด้วยความสั่นสะท้านค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจของทุกคน ผู้ฝึกยุทธ์ที่เคยปรามาสหลี่หลิงเฟิ่งต่างเบื้อใบ้ ไม่มีใครกล้าพูดสิ่งใดออกมาอีกแม้แต่สวีคุนเองก็อดยิ้มบางออกมาไม่ได้ "ศิษย์น้อง ข้าว่าเจ้าทำให้คนทั้งสนามตะลึงจนลืมหายใจได้เลยทีเดียว"รอบตัวหลี่หลิงเฟิ่งที่เคยเต็มไปด้วยเสียงซุบซิบปรามาส บัดนี้กลับกลายเป็นความเงียบงันที่แฝงไปด้วยความเกรงกลัว แม้กระทั่งเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่เคยคิดว่านางเป็นเพียงขยะไร้ค่า

  • ชายาอสรพิษ   เติบโตอีกขั้น

    พลังยุทธ์สีแดงขาวปรากฏรอบตัวหลี่หลิงเฟิ่ง พลังมหาศาลที่แฝงไว้ด้วยความเยือกเย็นแต่แผดเผาไปพร้อมกันแผ่ซ่านออกมา ร่างของหลี่หลิงเฟิ่งที่เคยแยกออกเป็นสิบร่าง ตอนนี้กลับแยกออกมาได้ถึงห้าสิบร่าง จนแม้แต่ชายชุดดำยังต้องเบิกตากว้าง“เป็นไปไม่ได้…วิชาลับตระกูลชิง เจ้ามีมันได้อย่างไร เจ้าเป็นคนของตระกูลชิงรึ” เขาสั่นศีรษะ คัมภีร์ทั้งหลายล้วนสูญสลายไปพร้อมกับคนของตระกูลชิงสายหลักไปหมดแล้ว แต่นางเรียนรู้มาจากใคร ยิ่งไปกว่านั้น ในระยะเวลาอันสั้นสตรีนางนี้เลื่อนขั้นไปกี่ครั้งกันแน่ หากปล่อยไปจะต้องเป็นอันตรายต่อพวกเขาอย่างแน่นอนหลี่หลิงเฟิ่งไม่ตอบ นางเพียงจ้องมองเขาด้วยแววตาแน่วแน่ ก่อนที่ร่างทั้งห้าสิบจะพุ่งเข้าใส่เขาพร้อมกันราวกับคลื่นพายุที่ไม่มีวันหยุดยั้งเสียงปะทะดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เปลวเพลิงและพลังยุทธ์สีดำสาดกระจายกลางอากาศ ชายชุดดำสะบัดมือส่งพลังทำลายล้างออกไป แต่ร่างเงาของหลี่หลิงเฟิ่งกลับเคลื่อนไหวว่องไวยิ่งกว่าปลาได้น้ำ หลบหลีกทุกการโจมตีของเขาได้อย่างแม่นยำ“นังตัวดี!” ชายชุดดำกัดฟันแน่น พลังปราชญ์ของเขาถูกกดดันจนเริ่มสั่นคลอนแต่ในขณะที่เปลวเพลิงนั้นโหมกระหน่ำ หลี่เฟยหยางที่ยืนอยู

  • ชายาอสรพิษ   ชายลึกลับ

    "พวกเจ้าคิดว่าการทำลายวังหลวงแคว้นตงเยว่แล้วจะปัดก้นหนีไปอย่างสง่าผ่าเผยได้รึ" ชายชุดดำที่ยืนหยัดอยู่กลางอากาศมองลงมาด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าคมคายไร้อารมณ์ แต่กลิ่นอายที่แผ่ซ่านกลับเต็มไปด้วยเจตนาสังหารจวินชางหลางแม้ใจจะกลัว แต่ฝีปากนั้นกล้าเกินจะกล่าว "อ้อ ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็สุนัขรับใช้แคว้นตงเยว่นี่เอง ทำไม ต้องการทวงความเป็นธรรมให้พวกมันสินะ เข้ามาเลยสิ กลัวที่ไหนกัน”ดวงตาคมกริบของชายชุดดำจับจ้องมาไปยังเขา "จักรพรรดิแคว้นตงเยว่เป็นศิษย์ของข้า พวกเจ้าสังหารเขายังเท่ากับท้าทายข้า ซ้ำยังทำลายวังหลวง ฆ่าล้างทุกคน ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปง่ายๆ ได้อย่างไร วันนี้ไม่ว่าใครก็อย่าหวังจะมีชีวิตรอด เลือดของพวกเจ้าต้องชำระล้างแผ่นดินตงเยว่ สังเวยวิญญาณให้กับศิษย์ของข้า"คำพูดนั้นทำให้ทุกคนตกตะลึง แม้แต่โม่จื่อหลิงที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็อดขรึมลงไม่ได้ "เจ้าเป็นคนจากดินแดนไร้ขอบจริงด้วยสินะ"ชายชุดดำแค่นหัวเราะ มองโม่จื่อหลิงแวบหนึ่งพลางรู้สึกคุ้นตาอยู่บ้าง ทว่าเวลานี้เขาไหนเลยจะสนใจ "รู้จักข้าก็ดีแล้ว จะได้รู้ว่าพวกเจ้ากำลังจะพบจุดจบแบบใดในไม่ช้า"โม่จื่อหลิงยกกระบี่ขึ้น สายตาคมวาว "จุดจบของเจ้าหรือ

  • ชายาอสรพิษ   ช่วยเหลือ

    ณ เมืองหลวงของแคว้นหลิวอวิ๋นเสียงการต่อสู้ยังคงดังกึกก้อง เปลวเพลิงโหมลุกไหม้ตามแนวกำแพง เสียงคำรามของผู้บุกรุกประสานกับเสียงอาวุธที่กระทบกันอย่างดุเดือดสวีคุนเจ้าสำนักหอแพทย์โอสถ กำลังรักษาผู้บาดเจ็บพลางออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "อย่าปล่อยให้พวกมันทะลวงเข้ามาได้ ต้านไว้สุดกำลัง"ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ และเจ้าหน้าที่ทหารรวมกำลังกันอย่างสุดความสามารถ แต่จำนวนศัตรูที่มีกองกำลังมือสังหารชั้นสูงกลับยังคงท่วมท้นทันใดนั้นเอง แสงสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นกลางสมรภูมิ เสียงลมกรรโชกดังขึ้นพร้อมกับร่างของหลี่หลิงเฟิ่ง โม่จื่อหลิง และจวินชางหลางที่ปรากฏตัวออกมา"พวกเรากลับมาแล้ว!" จวินชางหลางร้องลั่น พลางสะบัดดาบเล่มใหม่ในมืออย่างฮึกเหิม "ใครอยากโดนฟันก่อน มาเลย!""ทุกคนปลอดภัยดีหรือไม่" หลี่หลิงเฟิ่งตะโกนถามพลางฟาดแส้เพลิงออกไป เผาผู้บุกรุกที่พุ่งเข้ามาสวีคุนยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ "พวกเจ้ามาทันเวลาพอดี ฝั่งนั้นมีมากเกินไป พวกเรากำลังต้องการกองกำลังเสริมอย่างยิ่งยวด""ท่านวางใจ ข้าจะทำให้ศัตรูจำชื่อพวกเราไปตลอด" จวินชางหลางหัวเราะเสียงดัง เลือดร้อนไม่ลดละจากการต่อสู้ที่ต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน"งั้นข้าจะช

  • ชายาอสรพิษ   ความเปลี่ยนแปลง

    "อะไรเนี่ย ทำไมรากไม้พวกนี้มันมีชีวิตล่ะ แม่จ๋า ช่วยลูกด้วย" จวินชางหลางตะโกนพลางถอยหลบ ขณะที่รากไม้สีดำเลื้อยมาทางเขาดาบกลืนวิญญาณในมิติมายาของหลี่หลิงเฟิ่งยังคงสั่นสะท้าน ราวกับพยายามเตือนบางสิ่ง นางหอบหายใจ ดวงตาคมกริบจับจ้องไปยังใจกลางห้องโถงที่บัดนี้เต็มไปด้วยพลังมืด แท่นบูชาที่พังครึ่งหนึ่งพลันแตกออก เผยให้เห็นโลงศพสีดำสนิทที่ถูกพันธนาการไว้ด้วยรากไม้หนาทึบ นางเดินเข้าไปใกล้โลงศพที่ยังคงปล่อยไอสังหารออกมา"ระวังนะ!" จวินชางหลางร้องเตือน แต่หลี่หลิงเฟิ่งยื่นมือออกไปแตะรากไม้ที่พันรอบโลงศพ ถึงกับเป็นโลกศพฮ่องเต้รุ่นที่หนึ่งทันใดนั้น เส้นแสงสีดำพุ่งออกมาจากรากไม้ เสียงคำรามต่ำสะท้อนก้อง รากไม้ราวกับมีชีวิตฉุดกระชากไปทั่วโลงศพเปิดออกอย่างช้าๆ กลิ่นเน่าเหม็นโชยกระจายไปทั่วห้องโถง ร่างของฮ่องเต้ตงเยว่ที่เคยหลับใหลปรากฏให้เห็น ผิวหนังซีดเผือด ดวงตาที่ควรปิดสนิทพลันเปิดออก เผยให้เห็นแสงสีดำวาววับ"มันตื่นขึ้นแล้ว!" โม่จื่อหลิงกล่าวเสียงหนัก ขณะกระชับกระบี่ในมือแต่ก่อนที่ใครจะทันได้ขยับ รากไม้สีดำพุ่งขึ้นฟ้า ก่อนจะแตกกระจาย เสียงกระดูกดังลั่น ไม่ใช่แค่จักรพรรดิตงเยว่ แต่ศพของทหารและข

  • ชายาอสรพิษ   ค้นพบ

    จวินชางหลางกระเด็นกลิ้งหลายตลบก่อนจะยันตัวลุกขึ้นมา มองรอบด้านอย่างไม่สบอารมณ์ สถานที่เบื้องหน้านั้นเต็มไปด้วยซากหินและพื้นผนังที่ปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ“ที่นี่มัน...ใต้ดินหรือ” หลี่หลิงเฟิ่งกวาดตามองอย่างระแวดระวัง“ข้าหวังว่ามันจะไม่ใช่กับดักอะไรอีกนะ” จวินชางหลางโอดครวญ “ฟ้าไม่มีตา ไม่เข้าข้างข้าบ้างเลย”ทั้งสามคนเดินลึกเข้าไปในโพรงใต้ดิน เส้นทางทอดยาวราวกับไม่มีที่สิ้นสุด เสี่ยวจูจูที่เกาะอยู่บนบ่าหลี่หลิงเฟิ่งส่งเสียงครางเบาๆ อย่างไม่สบายใจ“มันรู้สึกอะไรบางอย่าง” หลี่หลิงเฟิ่งเอ่ยเบาๆ นางยกมือขึ้นลูบหัวเสี่ยวจูจูเพื่อปลอบ “ระวังตัวไว้”ภายในมิติมายาของนางกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดคิด ดาบกลืนวิญญาณ ที่ปักนิ่งอยู่กลางทุ่งมายาพลันสั่นสะท้าน เสียงหวีดแหลมต่ำ เส้นแสงสีดำปะทุจากคมดาบราวกับมีสิ่งเร้นลับพยายามฉุดกระชากมันให้หลุดจากพันธนาการ“ไม่... ไม่ดีแล้ว!” เสี่ยวมู่ร้อง ดวงตาสีครามของมันเบิกกว้างหลี่หลิงเฟิ่งเม้มปาก มองสภาพแปรปรวนในมิติของนาง ที่พื้นดินซึ่งเคยนิ่งสงบกลับแตกออก เผยให้เห็นแสงสีเทาหม่นที่หมุนวนราวกับวงกตแห่งวิญญาณในจุดนั้นมีวัตถุสีมืดสนิทลอยเด่นอยู่กลางอากาศ มั

  • ชายาอสรพิษ   ทำลายตงเยว่

    บุกแคว้นตงเยว่เปลวไฟลุกโชนสูงตระหง่าน วังหลวงของแคว้นตงเยว่ที่เคยโอ่อ่ากลายเป็นสนามรบ เปลวเพลิงจากของหลี่หลิงเฟิ่งเผาผนังไม้สักทองคำจนแตกเปรี๊ยะ เสียงกรีดร้องของทหารแคว้นตงเยว่ดังระงมจวินชางหลางหัวเราะเสียงดัง ขณะฟาดฟันศัตรูที่ขวางหน้า "นี่แหละที่ข้ารอคอยมานาน วังนี้ข้าเห็นแล้วยังอยากเผาเล่น"ทหารของแคว้นตงเยว่ล้มตายลงทีละคน ซากศพกองเรียงรายจนแทบไม่มีทางเดิน หลี่หลิงเฟิ่งมองซากปรักหักพังอย่างเยือกเย็น "วังโอ่อ่าขนาดนี้ วันนี้ก็ถึงคราวต้องมอดไหม้ไปพร้อมกับบาปของมันแล้ว""เจ้าคิดจะทำลายทุกอย่างจริงๆ หรือ ง่ายไปหน่อยกระมัง" เสียงหนึ่งดังขึ้นจากเบื้องบน ร่างสูงสง่างามในชุดมังกรสีทองปรากฏตัวท่ามกลางเงาเปลวเพลิง ฮ่องเต้แห่งแคว้นตงเยว่ ดวงหน้าคมคายที่เปี่ยมด้วยอำนาจแฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม"ข้ารู้จักสมญานามของพวกเจ้ามาบ้าง หญิงชั่วร้ายกับชายคู่หมั้นหน้าโง่ แต่กลับถูกยกย่องให้เป็นความภาคภูมิของแคว้นหลิวอวิ๋น"หลี่หลิงเฟิ่งเลิกคิ้วแปลกใจ ไม่คิดว่าพวกนางจะมีฉายาเช่นนี้ด้วย โด่งดังไม่เบาเลยหนา ฮ่องเต้ตงเยว่หัวเราะ "เจ้าคิดว่าการเผาวังหลวงของข้าจะทำให้แคว้นหลิวอวิ๋นพ้นภัยหรือ ช่างเป็นความคิดตื

  • ชายาอสรพิษ   ตั้งรับ

    กองกำลังขันทีผู้ซื่อสัตย์ของฮ่องเต้ ซึ่งได้รับการฝึกฝนให้ปกป้องวังหลวงมาตั้งแต่เยาว์วัย ยืนหยัดต้านทานคนชุดดำอย่างสุดชีวิต ถึงแม้พลังยุทธ์ของพวกเขาจะด้อยกว่าศัตรูมากนัก แต่ด้วยความภักดีที่ฝังแน่นในหัวใจ พวกเขาไม่มีวันปล่อยให้ราชวงศ์หลิวอวิ๋นล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา"ถ้าจะตาย ก็ให้ตายเพื่อฝ่าบาท!" หัวหน้าขันทีตะโกนลั่น เสียงของเขาแฝงด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมพ่ายแพ้เสียงดาบกระทบกันดังสนั่น ขันทีผู้หนึ่งฟาดดาบเข้าใส่คนชุดดำ แต่กลับถูกพลังยุทธ์มหาศาลกระแทกจนล้มลง เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นหิน"อย่าปล่อยให้พวกมันเข้าใกล้ฝ่าบาท!" หัวหน้าขันทีตะโกนอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งตัวไปขวางคนชุดดำที่พยายามบุกเข้ามาฮ่องเต้ที่ยังทรงยืนอยู่ด้วยพระวรกายที่บาดเจ็บสาหัส ดวงเนตรของพระองค์เคร่งขรึมแต่เปี่ยมด้วยความเด็ดเดี่ยว แม้พระโลหิตจะไหลซึมจากบาดแผลที่พระอุระ แต่พระองค์ไม่คิดจะล่าถอยหยวนกุ้ยเฟยยืนมองภาพนั้นด้วยความสะใจ ใบหน้าของนางฉายแววบ้าคลั่ง "ฝ่าบาทยังดื้อรั้นเช่นเคย... แต่ครั้งนี้ข้าจะทำให้ท่านสิ้นสิ้นลมหายใจไปพร้อมกับบัลลังก์ที่ท่านหวงแหนนัก!"ดวงตาของนางเรืองแสงด้วยพลังพิษสีดำที่แผ่ออกมาจากปลายนิ้ว นางสะ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status