Home / รักโบราณ / ชายาอสรพิษ / บุรุษปริศนา 2

Share

บุรุษปริศนา 2

last update Last Updated: 2024-12-25 19:20:46

เช้าตรู่วันถัดมา หลี่หลิงเฟิ่งมาถึงป่าอัศดงก่อนเวลาหนึ่งชั่วยาม ตั้งแต่นางค้นพบสมุนไพรล้ำค่าในป่าลึก กิจวัตรประจำวันของพวกนางจึงได้เพิ่มการหาสมุนไพรในป่าแห่งนี้ไปขาย โดยปกติแล้วนางมักจะพาเสี่ยวเซียงมาด้วย เพื่อฝึกให้สาวใช้ได้ปรับตัวและคุ้นชินกับการเอาชีวิตรอดต่ออันตรายเล็กๆ น้อยๆ

แรกเริ่มเสี่ยวเซียงก็หวาดกลัวจนตัวสั่น แต่ก็ไม่อยากให้เจ้านายเข้ามาตามลำพัง อย่างไรก็ตามความเป็นความตายของนางก็ไม่สำคัญเท่าชีวิตของหลี่หลิงเฟิ่ง จึงได้ทำใจกล้าไปกับหลี่หลิงเฟิ่งทุกครั้ง นานวันเข้าจากคนที่รู้สึกหวาดกลัวกลับกลายเป็นรอคอยที่จะผจญภัยกับบทเรียนใหม่ๆ ทุกวัน การเปลี่ยนแปลงของสาวใช้ตัวน้อยนางนี้ทำเอาหลี่หลิงเฟิ่งพึงพอใจอย่างมาก

เพราะมีเวลาจำกัด ไหนจะเรื่องที่ต้องแอบหลบสายตาสอดส่องจากอาคันตุกะที่ไม่ได้รับเชิญพวกนั้น วันเวลาที่นางสามารถกอบโกยสมุนไพรก็น้อยลงไปทุกที

วันนี้จึงแตกต่างออกไปเล็กน้อย นางละทิ้งการฝึกฝนเสี่ยวเซียง เลือกพาเสี่ยวเฉินติดตามมาแทน นอกจากจะทำให้นางกังวลเรื่องความปลอดภัยน้อยลง ก็ยังสามารถหาสมุนไพรได้มากกว่าทุกวัน ความรู้ตลอดหลายเดือนที่นางพร่ำสอนก็ไม่ได้เสียเปล่าแต่อย่างใด

ตั้งแต่นางตัดสินใจพาทั้งสองเข้ามาในป่าอัศดงอีกครั้ง เรื่องที่นางฝึกพลังยุทธ์จึงไม่จำเป็นต้องปิดความลับอีกต่อไป อีกอย่างนางก็ไม่คิดที่จะปิดบังสองคนนี้อยู่แล้ว

“พวกเราเดินลึกเข้าไปอีกหน่อย” หลี่หลิงเฟิ่งมองไปรอบๆ พลันถอนหายใจ ละแวกนี้พวกนางเข้ามาเก็บหมดแล้ว จะเหลือก็แต่สมุนไพรที่พบเห็นได้ทั่วไป ไม่มีค่าอะไรมากมาย

เส้นทางในช่วงแรกๆ ยังมีเส้นทางให้เดินสายเล็กๆ ที่พวกนางเคยทำไว้ แต่หลังจากนี้นางเจอแต่ต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้า บางครั้งก็มีพุ่มหญ้ารุงรังมีหนามแหลมพันแข้งพันขา ได้แต่อาศัยมีดสั้นช่วยกันถางออก

สิ่งเดียวที่ทำให้นางหงุดหงิดก็คือ ยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าไหร่ก็ยังไม่มีสมุนไพรล้ำค่าสักต้นโผล่มา อย่างนี้ไม่เท่ากับเหนื่อยเปล่าหรอกหรือ

“พักที่นี่ก่อนครึ่งเค่อก็แล้วกัน” หลี่หลิงเฟิ่งพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ หลังจากออกคำสั่งนางก็ไม่สนใจอีกต่อไป เมื่อมีเสี่ยวเฉินอยู่ด้วยนางก็คลายความระแวดระวังไปมาก ด้วยความที่นางตื่นเช้าเกินไปจึงทำให้รู้สึกอ่อนเพลียอยู่บ้างเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงเอนกายลงพิงต้นไม้ใหญ่และปิดตาลงเพื่อพักผ่อน

“เสี่ยวเซียงกลัวว่าคุณหนูจะหิวระหว่างทาง จึงได้เตรียมหมั่นโถวมาให้ คุณหนูกินรองท้องไปก่อนนะขอรับ” เสี่ยวเฉินเห็นว่าหลี่หลิงเฟิ่งไม่คิดจะเดินต่อ จึงนั่งลงข้างๆ หยิบหมั่นโถวที่อยู่ในตะกร้าลูกหนึ่งส่งไปให้หลี่หลิงเฟิ่ง อีกลูกส่งเข้าปากตัวเอง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหิวหรืออะไรกัน เขารู้สึกว่าอาหารที่เสี่ยวเซียงทำวันนี้ดูเหมือนจะอร่อยเป็นพิเศษ

“เจ้ากินเถอะ ข้ายังไม่หิว ข้าจะพักสายตาสักครู่หนึ่ง” หลี่หลิงเฟิ่งพูดขณะที่ยังหลับตาอยู่ แม้ว่านางจะบอกให้เขากิน แต่เสี่ยวเฉินก็เลือกที่จะเก็บหมั่นโถวไว้ตามเดิม สายตามองไปรอบด้านคอยสอดส่องระวังภัย

แม้ว่าภายนอกหลี่หลิงเฟิ่งจะเหมือนคนที่พักผ่อนจริงๆ ทว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบด้านก็ไม่อาจเล็ดลอดจากการรับรู้ของนางไปได้ ที่นางกล้าเข้าป่าแห่งนี้บ่อยครั้ง สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากพลังจิตของนางที่สามารถรับรู้สิ่งต่างๆ ที่อยู่ใกล้ๆ นางได้ ถึงแม้ว่าจะน้อยนิด แต่หากมีอันตรายใกล้เข้ามา ก็เพียงพอให้พวกนางหลบหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย

มุมปากของหญิงสาวยกยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว นางคิดไม่ผิดจริงๆ ที่วันนั้นตัดสินใจรับเสี่ยวเฉินมา คนผู้นี้มีความกตัญญูรู้คุณ เมื่อคิดว่านางเป็นผู้มีพระคุณ เขาก็จะตอบแทนด้วยความจงรักภักดี เมื่อวางใจลงได้แล้ว นางก็ทุ่มเทสมาธิทั้งหมดทั้งมวลเข้าสู่การสำรวจพื้นที่ห่างไกลออกไป

ในตอนที่นางกำลังหว่านพลังจิตออกไปรอบๆ นั้น จู่ๆ นางก็สัมผัสถึงความเย็นสบายและความหอมละมุนสายหนึ่งลอยเข้าไป กลิ่นหอมจางๆ ไม่ไกลจากที่นางพักอยู่เท่าไหร่

หลี่หลิงเฟิ่งถ่ายทอดพลังจิตออกไปมากกว่าเดิม สุดท้ายก็ส่ายหัว นางยิ้มอย่างละเหี่ยใจ ไกลเกินไป ด้วยพลังของข้าตอนนี้ยังไม่เพียงพอ คงต้องไปดูเองแล้วล่ะ!

หลี่หลิงเฟิ่งเปิดเปลือกตาขึ้นมาช้าๆ มือล้วงหยิบสมุนไพรสองต้นออกมา ต้นหนึ่งยื่นให้เสี่ยวเฉิน อีกต้นส่งเข้าปากแล้วเคี้ยวกลืนลงท้อง

“กินมันซะ เราจะเดินไปข้างหน้าอีกหน่อย ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ไกลจากตรงนี้ อาจจะเป็นสมุนไพรหายากก็ได้ แต่ข้ายังไม่เคยเดินเข้าไปลึกขนาดนี้มาก่อน หญ้าต้นนี้จะช่วยต้านพิษให้เจ้าได้ระดับหนึ่ง”

“ขอรับ” แม้ภายในใจจะยังรู้สึกกลัวเส้นทางต่อจากนี้ แต่เขาก็เชื่อมั่นว่าคุณหนูจะเอาตัวรอดไปได้ คุณหนูไม่เคยทำในสิ่งที่เกินตัว คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองก่อนเสมอ

“ไปกันเถอะ”

ตูม!

ทันทีที่นางเดินไปได้ไม่กี่ก้าว พลันมีเสียงกึกก้องสนั่นฟ้ามาแต่ไกล พื้นดินสะเทือนเลื่อนลั่น หลี่หลิงเฟิ่งเพ่งมองไปยังลำแสงที่พุ่งวาบอยู่เบื้องหน้าไม่ไกลจากจุดที่พวกนางยืนอยู่

“ยอดฝีมือ ผู้ฝึกยุทธ์ เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นพิภพ!” เสี่ยวเฉินที่ยืนอยู่ด้านหลังอุทานออกมาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ขาทั้งสองข้างสั่นด้วยความหวาดกลัว

นี่...ยอดฝีมือระดับนี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร พวกเขาช่างโชคร้ายเกินไปแล้ว เสี่ยวเฉินอยากร่ำไห้แต่ไร้น้ำตา

“นี่...คุณหนูหนีเร็ว!” ด้วยกลัวว่าหากถูกพบเข้าจะโดนลูกหลงไปด้วย เสี่ยวเฉินร้องออกมาอย่างตื่นตระหนกพลางดึงแขนเสื้อของหลี่หลิงเฟิ่งให้ถอยออกมา

หากแต่หญิงสาวไม่ได้ใส่ใจแม้แต่นิด สายตาของนางยังคงเพ่งมองไปยังการต่อสู้อันดุเดือดเบื้องหน้า ภาพที่นางเห็นเป็นเพียงแสงดาวตกที่กระทบกันเหนือน้ำ แยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร น้ำในสระสาดกระจายไปทั่ว อันที่จริงพวกนางไม่ได้อยู่ใกล้มากนัก แต่ด้วยพลังที่ทรงอานุภาพเกินไปทำให้พวกนางเห็นมันจากที่ไกลๆ อย่างชัดเจน

หลี่หลิงเฟิ่งลอบอุทานในใจ เร็วเกินไป นางมองไม่ทันเลยสักนิด

คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน เม้มริมฝีปากแน่นก่อนเอ่ยออกมา “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าคนพวกนั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นพิภพ”

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ แต่ได้ยินมาว่าเวลาผู้ฝึกยุทธ์ขั้นพิภพเวลาต่อสู้กันพื้นดินจะสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น คุณหนูอย่าสนใจเลย พวกเรารีบไปกันเถอะ ยิ่งอยู่นานเท่าไหร่ยิ่งเป็นอันตรายนะขอรับ” น้ำเสียงเสี่ยวเฉินยิ่งพูดยิ่งร้อนรน ร่างกายกระสับกระส่ายไปมาไม่หยุด

“ใครบอกว่าพวกเราต้องสู้กันเล่า พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อมาเก็บสมุนไพร ไม่ได้รนหาที่ตายสักหน่อย” หลี่หลิงเฟิ่งหันหลังเดินไปแอบข้างหลังต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ ต้นหนึ่ง สายตาจับจ้องไปยังการต่อสู้ที่ไม่รู้จะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ นางไม่ได้โง่สักหน่อย สู้ได้ก็สู้ สู้ไม่ได้ก็ไม่คิดจะยื่นมือเข้าไปแส่หาเรื่องอยู่แล้ว

“ตั้งแต่เกิดมา ข้ายังไม่เคยเห็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นพิภพปะทะกันเลยนะ เสี่ยวเฉินตั้งใจดูให้ดี ไม่แน่วันหน้าอาจเป็นประโยชน์กับตัวเจ้าเองก็ได้” สายตาเจ้าเล่ห์ของนางกลิ้งกลอกไปมาอย่างซุกซน ในขณะที่บ่าวรับใช้ที่แอบอยู่ด้านข้างได้แต่โอดครวญอยู่ในใจ

“ขอรับคุณหนู” แต่กระนั้นก็ยังเชื่อฟังหลี่หลิงเฟิ่งอย่างไร้ข้อแม้ สายตาจับจ้องเหตุการณ์ข้างหน้าไม่กะพริบ

“เจ้าว่าฝ่ายไหนจะชนะ” ตอนนี้นางพอแยกออกได้บ้างแล้ว มียอดฝีมือสามคนกำลังปะทะกันอยู่ จากที่นางเพ่งมองเหมือนว่าจะสองรุมหนึ่ง แล้วดูท่าการต่อสู้ครั้งนี้คงจะจบลงเร็วๆ นี้แล้ว

“เดรัจฉาน ข้าจะดูซิว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้อีก” น้ำเสียงอันทรงพลังดังขึ้น เท้าเหยียบลงบนอกของบุรุษชุดดำขลิบทองที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นข้างสระน้ำ

“จะฆ่าก็ฆ่า พูดมากอยู่ได้” บุรุษที่นอนอาการร่อแร่พูดออกมาอย่างไร้อารมณ์ หลี่หลิงเฟิ่งเลิกคิ้วมองดูชายปริศนาอย่างสนใจ เอ้อ เพราะปากอย่างนี้ มิน่าจึงถูกศัตรูไล่ล่าสังหาร

“หึ จะตายแล้วยังปากดี เอาอย่างนี้ดีมั้ย ถ้าเจ้าขอร้อง ข้าจะให้เจ้าตายโดยไม่ต้องทรมาน” ชายที่ชุดดำที่ยืนอยู่ด้านข้างแสยะยิ้มมุมปาก ก้มตัวลงไปบีบคางอีกฝ่ายแน่น ก่อนจะสลัดมือออกอย่างรุนแรง จนทำให้ใบหน้าที่บอบช้ำของบุรุษผู้นั้นหันมาทางพวกนาง สายตาสองคู่เผลอสบประสานกัน

หลี่หลิงเฟิ่งพลันตื่นตกใจ สันหลังเย็นวาบ นี่นางถูกพบเข้าแล้วหรือ ไม่น่าจะใช่ ด้วยระยะที่ไกลกันพอสมควร ไม่มีทางที่ชายผู้นั้นจะเห็นนาง

“ก่อนตาย ข้าเพียงอยากรู้ ใครส่งพวกเจ้ามา” ชายหนุ่มกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง หันหน้ากลับไปมองศัตรูที่อยู่เบื้องหน้า ดวงตาสาดประกายสังหารแวบหนึ่งออกมา ก่อนจะกลบมันลงด้วยความไร้อารมณ์เช่นเดิม

“อยากรู้หรือ ไปถามเอาจากยมโลกก็แล้วกัน” น้ำเสียงเย็นเยียบของชายชุดดำที่เท้ากดหน้าอกอยู่ดังขึ้นอีกครั้ง โซ่ตรวนเส้นหนึ่งที่อยู่ในมือพันรอบคอของเหยื่อ

“เอาเถอะ ถึงพวกเจ้าไม่บอก ข้าก็พอจะรู้ว่าใคร” อยู่ๆ มุมปากของชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายที่กำลังจะตายผู้นั้นก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายชุดดำทั้งสองที่เมื่อครู่ยังกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจพลันหน้าเปลี่ยนสี

“แต่ว่า...พวกเจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าฆ่าข้าแล้ว พวกเจ้าจะรอดไปได้” ตาทั้งสองข้างหลับพริ้มเตรียมรับชะตากรรม ช่างแตกต่างจากปากที่เอ่ยออกมาเมื่อครู่ยิ่งนัก

มุมปากของหลี่หลิงเฟิ่งกระตุก ใจสังหรณ์ถึงลางร้ายที่คืบคลานเข้ามาใกล้ มือหนึ่งฉุดกระชากข้อมือเสี่ยวเฉิน หันหลังค่อยๆ ย่องออกไปจากตรงนี้

“เฮอะ เจ้าจะรู้หรือไม่แล้วอย่างไร ไหนๆ ก็จะตายอยู่แล้ว เจ้ายังจะมาเล่นลิ้นอะไรอีก คิดว่าพูดอย่างนี้แล้วพวกข้าจะปล่อยให้เจ้ารอดไปได้งั้นรึ” ชายเจ้าของเสียงอันทรงพลังน่าสยดสยองนั่นดังขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด โซ่ในมือที่รัดคนบนพื้นอยู่ยิ่งรัดแน่นขึ้น เห็นได้ชัดว่าหมดความอดทนที่จะเสวนาต่อไปแล้ว

แต่ชายที่นอนอยู่เบื้องหน้าหาได้สะทกสะท้านไม่ ซ้ำยังเอ่ยต่อ “พวกเจ้าโง่หรือเป็นยอดฝีมือจอมปลอมกันแน่ ถึงไม่รู้ว่ามีคนอื่นอยู่ในนี้อีก” กล่าวจบชายหนุ่มก็หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างเย้ยหยัน มองขึ้นไปตรงหน้าอย่างดูแคลน

เวรเอ๊ย ไอ้คนน่าตายผู้นี้ จะตายอยู่แล้วยังจะลากพวกนางลงนรกไปด้วยอีก อยากตายก็ไปตายคนเดียวสิ บัดซบ!

“เสี่ยวเฉิน วิ่ง!”

Related chapters

  • ชายาอสรพิษ   บุรุษปริศนา 3

    หลี่หลิงเฟิ่งไม่คิดจะซ่อนตัวอีกต่อไป นางฟาดฝ่ามือลงบนกลางหลังเสี่ยวเฉินด้วยแรงทั้งหมดที่มีเพื่อส่งเสี่ยวเฉินให้ไปไกลมากที่สุด ส่วนนางรุดเข้าไปหาชายชุดดำข้างหน้า ขณะที่นางเอี้ยวตัวหันไปผลักเสี่ยวเฉินนั้นมืออีกข้างที่ว่างอยู่ล้วงเข้าไปหยิบผงสีขาวชนิดหนึ่งในมิติออกมา“คุณหนู!” เสี่ยวเฉินที่โดนฝ่ามือปะทะจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นกำเนิดใหม่ระดับกลางลอยละลิ่วไปหลายจั้ง ดวงตาฉายแววตื่นตระหนก เมื่อร่วงลงบนพื้นได้ก็ทำท่าจะวิ่งกลับมาหาหลี่หลิงเฟิ่งอีกครั้ง‘กลับไป! รีบไปตามอู๋เหยียนมาที่นี่ เร็ว! ยิ่งเจ้าอยู่จะยิ่งทำให้ข้าห่วงหน้าพะวงหลัง ไปซะ’ หลี่หลิงเฟิ่งเพ่งกระแสจิตอย่างหนักหน่วงจนรู้สึกปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย นางไม่แน่ใจว่าเสี่ยวเฉินจะได้ยินที่นางพูดหรือไม่ นางเคยอ่านเจอในตำราฝึกพลังธาตุ ทว่าก็ยังไม่เคยลองใช้มาก่อนอย่างไรก็ดี นางไม่สามารถสัมผัสกลิ่นอายเสี่ยวเฉินได้อีก หลี่หลิงเฟิ่งถอนหายใจอย่างโล่งอก ยังดีที่กระแสจิตของนางใช้ได้ อย่างน้อยเสี่ยวเฉินก็ไม่ได้วิ่งกลับเข้ามาหานางหลี่หลิงเฟิ่งสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เรียกความมั่นใจของตนกลับมา มือทั้งสองข้างเย็นเฉียบ ด้วยพละกำลังของนางในตอนนี้ คิดจะใช้พลังย

    Last Updated : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   บุรุษปริศนา 4

    เมื่อพินิจดูอย่างละเอียด นอกจากสมบัติเหล่านั้นแล้ว ยังมีโครงกระดูกกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นไปหมด แค่คิดนางก็เข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหลายคงเป็นของเจ้าของโครงกระดูกเหล่านี้ที่ถูกเจ้าปีศาจตนนั้นสังหารหลี่หลิงเฟิ่งมองสมบัติมากมายแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ถ้าเก็บทีละชิ้นนางได้ขาดอากาศหายใจก่อนเป็นแน่ นางจะเก็บหมดได้อย่างไร หญิงสาวครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ลองกวาดมือออกไปบริเวณที่มีสมบัติพลางคิดในหัว ‘เก็บ’ สมบัติที่กองเกลื่อนกลาดอยู่ตรงหน้าหายวับไปในพริบตาอย่างนี้ก็ได้หรือ ที่ผ่านมานางมัวเก็บทีละชิ้นให้เสียเวลาไปทำไมหลี่หลิงเฟิ่งส่งพลังจิตเข้าไปสำรวจในมิติของตนเอง พบว่าพื้นที่สี่เหลี่ยมเล็กๆ ของนางอัดแน่นไปด้วยสมบัติ แทบไม่เหลือพื้นที่ให้ใช้สอยเลยด้วยซ้ำนางเริ่มกลัดกลุ้มขึ้นมาบ้างแล้ว เห็นทีข้าต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ นางได้แต่บ่นอุบอยู่ในใจอย่างช่วยไม่ได้ช่างมันไปก่อน เรื่องของวันหน้าก็เอาไว้คิดกันวันหน้า ยังดีที่มิติของนางยังเก็บสมบัติไปได้หมด ไม่อย่างนั้นคงเสียดายแย่ อย่าหาว่านางทำตัวเหมือนโจรปล้นชิงเลย ก็ใครใช้ให้นางมีมิติมายาติดกายกันเล่าครืนนพลังจากบนบกสั่นสะเทือนมาถึงใต้น้ำ

    Last Updated : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   พี่ชายงั้นหรือ 1

    บรรยากาศเงียบสงัดแพร่กระจายไปทั่วห้อง หลี่หลิงเฟิ่งหายใจสะดุด ดวงตาเรียวสวยไม่ได้เลื่อนออกจากใบหน้าของบุรุษผู้นั้นเลย เช่นเดียวกับดวงตาคมกริบกวาดมองนางเงียบๆเนิ่นนาน ไร้ซึ่งคำพูด และไม่ขยับคล้ายเวลาล่วงเลยไปหลายสิบปี เสียงสูดลมหายใจอย่างหนักหน่วงดังขึ้นทำลายความเงียบงันที่น่ากระอักกระอ่วนนี้ สุดท้ายแล้วยังคงเป็นหลี่หลิงเฟิ่งที่ทนไม่ไหว ใคร่สงสัยตัวตนบุรุษรูปงามท่านนี้ ริมฝีปากเม้มแน่น อยากพูดบางอย่างแต่กลับพูดอะไรไม่ออก มือของเขายังคงลูบผมนางอยู่อย่างนั้น คล้ายปลอบประโลมนางอยู่ทุกวินาที“ข้า...ข้าอยากกินองุ่น” หลี่หลิงเฟิ่งชะงักค้างอย่างทำอะไรไม่ถูก หน้าขึ้นริ้วแดงๆ ด้วยความอับอาย นี่นางพูดอะไรออกไปอยากกินองุ่น? องุ่นเนี่ยนะ เพ้ย!หลี่หลิงเฟิ่งขยับตัวหลบฝ่ามือใหญ่ หลุบตาต่ำ ไม่กล้ามองหน้าเขาอีกต่อไป ในใจสบถด่าตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำตัวเป็นหญิงสาววัยแรกรุ่นไปได้“เสี่ยวเซียง” บุรุษชุดขาวยิ้มพลางส่งเสียงเรียกเสี่ยวเซียง “เจ้าค่ะ คุณชายใหญ่” หลี่หลิงเฟิ่งมองเสี่ยวเซียงผลักประตูเข้ามา เดินก้มหน้ามาคุกเข่าตรงปลายเตียง ก่อนจะเงยหน้าจ้องมองผู้เป็นนายด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นนัยน์ตาคุณชายใหญ่ หล

    Last Updated : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   พี่ชายงั้นหรือ 2

    สิ้นเสียงของหลี่หลิงเฟิ่ง มีมือสังหารรายหนึ่งทะยานเข้ามาหา หลี่หลิงเฟิ่งหมุนตัวอย่างรวดเร็ว ลำแสงสีแดงเพลิงอาบย้อมกระบี่ แทงสวนกลับไป มือสังหารที่วิ่งเข้ามายังไม่ทันตั้งตัว แววตาพลันตื่นตระหนก ร่างกายแข็งค้างล้มลงตรงหน้าหญิงสาว“ระ....” สตรีผู้นี้... ในชั่วพริบตา โลกเบื้องหน้าเข้าสู่ความมืดมิด เพียงแค่ปริปากพูดก็ไม่ทันเสียแล้ว“เสี่ยวเฉิน” ขวดกระเบื้องเคลือบขนาดเล็กถูกโยนออกมาจากมิติไปทางด้านหลัง รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นในแววตาหลี่หลิงเฟิ่ง ชุดสีแดงเพลิงเปียกชุ่มลู่ลงแนบลำตัว มือสังหารคาดไม่ถึงว่าจะมีสตรีอ่อนปวกเปียกเข้ามาช่วย หลี่หลิงเฟิ่งอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายมึนงง ฝ่าวงล้อมเข้าไปยืนข้างกายอู๋เหยียนเสี่ยวเฉินรับขวดกระเบื้องเนื้อหยาบที่ลอยมาตรงหน้า วิ่งอ้อมไปด้านหลังฝั่งหลี่เฟยหยาง เขารู้ดีว่ามันเป็นโหลบรรจุยาที่หลี่หลิงเฟิ่งปรุงขึ้น จะไม่ให้คุ้นเคยได้อย่างไร ในเมื่อคุณหนูเป็นคนสั่งให้เขาซื้อมันมาโดยเฉพาะหากแต่เขาไม่รู้ว่ามันคือยาอะไร เสี่ยวเฉินมองหลี่หลิงเฟิ่งอย่างอับจนปัญญา อยากจะขอความช่วยเหลือ ทว่า เหลือบสายตามองเพียงแวบเดียวก็ให้สูดหายใจลึก“เฟิ่งเอ๋อร์ เข้ามาทำไม ออกไป” ใบหน้าที

    Last Updated : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   พี่ชายงั้นหรือ 3

    ไม่รู้ผ่านไปกี่ชั่วยาม แสงยามเช้าส่องกระทบใบหน้าหลี่หลิงเฟิ่ง เสียงฝูงนกกระพือปีกบนต้นไม้ส่งเสียงร้องบินออกหากิน นางจำไม่ได้ว่าเกราะป้องกันสลายไปตอนไหน ทำสิ่งใดลงไปบ้าง ตั้งแต่ต้นจนจบสายตาของนางอยู่ที่คนในอ้อมกอดตลอดสมุนไพรทุกอย่างที่นางมีถูกนำมารักษาหลี่เฟยหยาง ยาต่างๆ ที่เคยสกัดไว้ก็เอาออกมาใช้ทั้งหมด แต่เหมือนจะเอามาเททิ้งมากกว่า เขาไม่มีท่าทีจะฟื้นขึ้นมาเลย ยังดีที่สมุนไพรเหล่านี้ยื้อลมหายใจสุดท้ายของเขาเอาไว้ได้แต่แล้วอย่างไร เขาจะทนได้นานแค่ไหน นางเองก็ยังไม่รู้จากเหตุการณ์เมื่อคืน หลี่หลิงเฟิ่งตระหนักได้ถึงโลกใบนี้อย่างแท้จริง โลกที่ผู้ฝึกพลังยุทธ์เป็นใหญ่ นางเคยคิดว่ารออีกหน่อย เดี๋ยวนางจะแข็งแกร่งขึ้น ไม่ต้องสนใจใครหรือสิ่งใดให้มาก ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการให้เต็มที่จนเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งยอมตายเพื่อนาง ความเพ้อฝันเหล่านั้นจึงพังทลายลง หลี่หลิงเฟิ่งไม่มีความผูกพันกับคนในโลกนี้ อย่าว่าแต่หลี่เฟยหยางที่เพิ่งเจอกันไม่กี่วัน ต่อให้เป็นเสี่ยวเซียงเสี่ยวเฉิน นางก็เห็นเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมทางเท่านั้นคนพวกนี้ยอมทำเพื่อนาง ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าเพื่อเจ้าของร่างเดิมถึงกระนั้นนางก็ยังอ

    Last Updated : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   พี่ชายงั้นหรือ 4

    หูซานแตกตื่นจนหน้าถอดสี ถุงผ้าในมือเกือบหลุดร่วง “นี่มันเกินไป เกินไปแล้ว” หลังจากหายตื่นตะลึง เขาก็มีท่าทางดีอกดีใจอย่างปิดไม่มิดแววตามองคล้ายขุ่นเคืองอยู่เล็กน้อย อดที่จะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไม่ได้ “เจ้ามีของล้ำค่าติดตัวมากมายขนาดนี้ ยังจะทำเป็นไม่รู้จักหินแร่พวกนี้อยู่อีก ผายลม!”หลี่หลิงเฟิ่งทำหน้าไม่ถูกไปชั่วขณะ ตาเฒ่าผู้นี้อยู่ดีๆ ก็อารมณ์ขุ่นมัวใส่นาง“เจ้ามีของเช่นนี้อยู่ตั้งแต่แรก ไยจึงไม่รีบนำมันออกมา” ตำหนิหญิงสาวก่อนกล่าวต่อ “แต่แค่สองก้อนก็พอ ที่เหลือเจ้าเก็บไว้เถอะ” หูซานหยิบออกจากถุงเพียงสองก้อนจริงๆ มองที่เหลืออย่างอาลัย สุดท้ายตัดใจส่งมันคืนให้นางหลี่หลิงเฟิ่งย่นคิ้วเข้าหากัน นัยน์ตาฉายแววงุนงงมากกว่าเดิม “แค่สองก้อนพอแน่หรือ ท่านหยิบมันไปเพิ่มอีกดีหรือไม่” ถึงจะไม่รู้ว่าคืออะไร หากแต่ช่วยรักษาได้ย่อมเป็นเรื่องดีได้ยินดังนั้น หูซานฉุนขึ้นมาทันที “ข้าเป็นหมอมาสามสิบกว่าปี อาการของโรคเป็นอย่างไร ปริมาณยาหรือพลังที่ใช้ย่อมรู้แน่ชัดอยู่แล้ว บอกว่าพอก็คือพอ เด็กอย่างเจ้าสงสัยคำวินิจฉัยของข้าอย่างนั้นหรือ” หญิงผู้นี้อะไรก็ดีไปหมด เหตุใดวันนี้ริทำตัวน่ารังเกียจ เขาเป็นถึงนักห

    Last Updated : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   กลับสู่จุดเริ่มต้น 1

    ผ่านไปสิบวันอาการบาดเจ็บของหลี่เฟยหยางดีขึ้นมาก หูซานได้กลายเป็นแพทย์ประจำตัวของเขาไปแล้ว ทุกวันจะต้องมาจับชีพจร สอบถามความคืบหน้าระหว่างรักษาเสมอ ทั้งที่ชายชราไม่มีความจำเป็นต้องมาด้วยตนเอง เนื่องด้วยผู้ป่วยทั้งสองอยู่ในระยะปลอดภัยนานแล้วหลักๆ ที่วนเวียนอยู่อย่างนี้ เพราะต้องการเอาใจ ‘ศิษย์น้อง’ ที่เพิ่มมาอีกหนึ่งคน สร้างความรู้สึกประทับใจ เกาะติดหลี่หลิงเฟิ่งไม่ยอมห่างบอกตามตรง ตอนนั้นหลี่หลิงเฟิ่งเดือดดาลจนไร้คำพูดโต้กลับ นางแสดงเจตจำนงชัดเจนด้วยการปฏิเสธการเป็นศิษย์ของเขา นางไหนเลยจะคิดว่าเฒ่าทารกดันยกลำดับอาวุโสของนางให้สูงขึ้น ยังไม่ทันจะกล่าวอันใด หูซานก็ยกเตาหลอมโอสถให้นางพร้อมกับตำราสมุนไพรหนึ่งร้อยแขนงให้นางไว้ท่องจำทุกเช้าหลังจากตรวจอาการหลี่เฟยหยางและเสี่ยวเฉินเรียบร้อย หูซานจะขลุกอยู่กับนางตลอดช่วงบ่าย บางครั้งยังลากนางไปโรงหมอเพื่อดูอาการคนไข้ เดิมทีหลังจากหลี่เฟยหยางฟื้นขึ้นมา นางคิดจะปฏิเสธหูซานอย่างจริงจัง เมื่อนำไปปรึกษากับชายหนุ่ม กลับเป็นหลี่เฟยหยางโน้มน้าวให้นางรับข้อเสนอนี้ไว้เสียเองหลี่หลิงเฟิ่งจึงผงกศีรษะรับอย่างจำใจ กลายมาเป็นศิษย์น้องของหูซานด้วยประการฉะ

    Last Updated : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   กลับสู่จุดเริ่มต้น 2

    ช่วงนี้แคว้นหลิวอวิ๋นมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเรื่องสนุกปากในโรงเตี๊ยมและตามตรอกซอกซอยมีเพิ่มขึ้นทุกวัน เรื่องเล่าที่เป็นที่กล่าวขานมากสุดคงหนีไม่พ้นเรื่องคู่หมั้นขยะขององค์ชายรองผู้เป็นเลิศในทุกด้าน ได้รับความนิยมจนโรงละครนำมาทำเป็นเรื่องเล่าหลายต่อหลายบท เหตุการณ์สำคัญในเรื่องพูดถึงความอาภัพอับโชคขององค์ชายรอง หน้าตาอัปลักษณ์ของคู่หมั้น รวมไปถึงเสนาบดีหลี่ใช้อำนาจบาตรใหญ่บังคับเหล่าองค์ชายแต่งงานกับหลานสาวอันเป็นที่รัก ฮ่องเต้เห็นแก่คุณงามความดีของเจ้าเมืองหลี่จึงได้ยกองค์ชายรองให้หมั้นหมายกับบุตรสาวตระกูลหลี่ ที่ได้ชื่อว่าตัวไร้ค่าชาวบ้านต่างพากันเห็นใจสงสารองค์ชายรอง สาปแช่งก่นด่าหลี่หลิงเฟิ่งและเจ้าเมืองหลี่เรื่องราวอัปยศอดสูทำเอาเจ้าเมืองหลี่โกรธจนแทบจะกระอักเลือด ขุนนางทั้งหลายพากันประณามเขา ฎีกาหลายฉบับส่งตรงไปหาฮ่องเต้ให้ยุติการหมั้นหมายนี้ลง ตัวเขาเองที่เป็นบิดาก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ไหนเลยจะมีใครคิด ไม่เพียงฮ่องเต้ไม่เอ่ยปากทัดทาน หากแต่ทรงกริ้วเหล่าขุนนางที่ร้องเรียนหน้าท้องพระโรง ออกว่าราชการยังไม่เสร็จก็สะบัดแขนเสื้อจากไปชายวัยกลางคนรู้สึกเหมือนตนเองเป็นคนใบ้ที่กินหว

    Last Updated : 2024-12-25

Latest chapter

  • ชายาอสรพิษ   ความลับของสำนัก

    พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเป็นเวลานานมากแล้ว ภาพยามค่ำคืนควรปรากฏอยู่ในสายตา ทว่าที่แห่งนี้กลับเต็มไปด้วยแสงแดดอ่อนสว่างนวลราวแดดยามเช้า ลมหนาวเย็นยะเยือกถึงกระดูกพัดผ่านตัวนางที่นอนเหยียดแขนขาบนเก้าอี้หวายใต้ต้นท้อเป็นครั้งคราว ด้านข้างของนางเป็นสระหยกเย็นที่อบอวลไปด้วยพลังไอปราณบริสุทธิ์เข้มข้น หากแต่ไอน้ำที่ลอยอยู่เหนือสระเต็มไปด้วยหมอกพิษที่พร้อมคร่าชีวิตของผู้ที่เผลอสูดดมเข้าไปในเสี้ยววินาที หากเหลือบมองไปยังด้านหลังสระจะเห็นว่ายังมีโถงไม้หลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกลเดิมทีไม่ควรเรียกว่าโถงด้วยซ้ำ ลักษณะของมันพิเศษอยู่สักหน่อยเพราะมีห้องแยกเรียงกันอยู่สามห้อง คล้ายกับเรือนชั้นเดียวมากกว่า เหมาะกับพักอาศัยอย่างยิ่ง น่าแปลก...ที่แห่งนี้ราวกับอยู่คนละโลก ทิวทัศน์สวยงามเหมือนไม่มีอยู่จริง ใครจะรู้ว่ามันซ่อนอยู่ในพื้นที่สีแดงของสำนักแพทย์โอสถ หลี่หลิงเฟิ่งค้นพบที่นี่โดยบังเอิญหลังจากแอบเข้ามาสำรวจเขตลับด้วยตนเองอยู่หลายครั้งเสียงน้ำกระเพื่อมเบา ๆ ดังลอดเข้ามาในหูขัดขวางความดื่มด่ำกับธรรมชาติของหลี่หลิงเฟิ่ง นางเลิกคิ้วเล็กน้อย ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ หันศีรษะม

  • ชายาอสรพิษ   จุดเริ่มต้นของหายนะ

    พรึ่บ !เปลวเพลิงไม่รู้ที่มาแผดเผาบริเวณโดยรอบโดยที่ทุกคนไม่ทันได้ตั้งตัว แผดเผาทุกสรรพสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าให้มอดไหม้“เจ้าฉวยโอกาส” ผู้บุกรุกกัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้น ทว่าเมื่อเทียบกับคนอื่นกลับดูดีกว่ามาก เขาป้องกันการลอบโจมตีของนางครั้งนี้ได้ทัน“ฆ่ากันต้องมีกฎด้วยหรือ ก็แค่เจ้าตาย ข้ารอด” หลี่หลิงเฟิ่งมองไปอย่างเสียดาย นางรึอุตส่าห์เปิดด้วยกระบวนท่าใหญ่ แต่ต้องคว้าน้ำเหลวเสียนี่ แต่ไม่เป็นไร ลองอีกครั้งก็ได้เปิดก่อนได้เปรียบ!“ดูซิว่าเจ้าจะรับมือได้นานแค่ไหน” ไม่รอให้ศัตรูได้ทันหายใจ นางส่งมอบการโจมตีอันหนักหน่วงออกไปให้เขาไม่ขาดสาย ต่อให้รับกระบวนท่าของนางได้ทุกครั้ง แต่ร่างกายคนฝึกยุทธ์ที่ไม่ได้มีระดับสูงมากนักก็มีขีดจำกัดอยู่ดี ซึ่งต่างจากนางที่มีน้ำทิพย์ให้ดื่มฟื้นฟูพละกำลังอยู่ตลอดเวลานางทนได้ แต่คนทั่วไปย่อมแตกต่าง“เหอะ คิดว่าเจ้าทำอย่างนี้แล้วมีความหมายหรือ เป็นข้าที่ประเมินเจ้าสูงเกินไป” เห็นได้ชัดว่าผู้พูดกำลังดูถูก หลี่หลิงเฟิ่งก็ยังไม่สะทกสะท้าน สมควรทำยังไงก็ทำต่อไปผู้บุกรุกขมวดคิ้วเล็กน้อย คล้ายสงสัยถึงบางอย่างที่ผิดปกติ แต่ก็บอกไม่ถูกว่าผิดปกติที่ตรงไหน นิ่งอย

  • ชายาอสรพิษ   เงื่อนงำ 2

    ด้วยความไม่รู้เหนือใต้ออกตก ทุกคนได้ย่างเข้ามาในพื้นที่อันตรายที่สุดในเขตหวงห้ามเสียแล้ว รวมทั้งหลี่หลิงเฟิ่งเองด้วย หญิงสาวพบว่าบรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด แม้แต่เสียงใบไม้กระทบกับลมก็ยังไม่มีให้ได้ยิน ราวกับไร้จุดหมาย ดูเหมือนว่านางเพียงแค่เดินเตร็ดเตร่มาหลายเค่อเท่านั้น หากแต่หลี่หลิงเฟิ่งระวังตัวมากขึ้นเนื่องจากพื้นที่ที่เคยมีหมอกหนา ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม กลายเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ผืนดินแตกแขนง ร้อนระอุจากการแผดเผาของดวงอาทิตย์ ราวกับอยู่คนละโลกกับเมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิงทางนั้น!เสียงของถิงถิงดังขึ้นจากในหัวของนาง หลี่หลิงเฟิ่งเดินตามทางที่ถิงถิงบอก สุดท้ายหยุดยืนใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งใกล้บึงน้ำขนาดเล็กที่แห้งขอดไปแล้ว น่าแปลกที่ต้นไม้ต้นนี้เป็นเพียงต้นเดียวที่ยังคงแตกกิ่งก้าน อยู่รอดท่ามกลางบรรดาต้นอื่นที่หลือเพียงซากและใบไม้แห้งกรอบราวกับต้นไม้มีชีวิตหรี่ หรี่เสียงปริศนาดังขึ้น ครั้งนี้เสียงของมันชัดเจนกว่าครั้งไหน ๆ ใกล้จนหลี่หลิงเฟิ่งหวาดระแวง ประเดี๋ยวมองซ้าย ประเดี๋ยวมองขวา กลับไม่พบสิ่งผิดปกติ เสียงนั้นยังคงดังต่อเนื่อง จิตสังหารรอบตัวของหลี่หลิงเฟิ่งแผ่ขยายออกอย่างรวดเร็ว แสงสีข

  • ชายาอสรพิษ   เงื่อนงำ 1

    “อะ…อาจารย์อา ขออภัยที่ล่วงเกินเพียงแต่ข้าขอทราบชื่อของท่านได้หรือไม่ขอรับ” โจวอวี๋ถามขึ้นมาอีกครั้ง นางยังเด็กยิ่งนักเป็นไปได้หรือไม่ว่าอาจจะแปลงรูปโฉมให้คงความเยาว์วัยไว้เสมอ บางทีหากได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของนาง เขาน่าจะรู้จัก คนมีความสามารถระดับนี้ เขาจะพลาดได้อย่างไร“ข้ามีนามว่าหลี่หลิงเฟิ่ง” หญิงสาวตอบเสียงเรียบ ยามนี้นางกำลังเพ่งจิตเข้าไปสำรวจด้านในเขตหวงห้าม จึงไม่ได้สังเกตท่าทางตกใจของคนที่อยู่ในนี้ทั้งหมด ทันทีที่นางพูดจบพลังจิตขอนางจับสิ่งผิดปกติอันใดไม่ได้เลย จนกระทั่งสำรวจเข้าไปในส่วนลึกของเขตหวงห้ามนางถึงค้นพบควันสีดำขุมหนึ่ง หลี่หลิงเฟิ่งเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ แต่ว่าเหมือนมีอะไรมาขวางกั้นนางเอาไว้ทำให้ไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในได้ ซ้ำร้ายยังถูกผลักออกมาหลี่หลิงเฟิ่งหลุบตาลงครุ่นคิดอยู่คนเดียวเป็นเวลานาน เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าทุกคนกำลังมองมาที่นางเป็นตาเดียว“ไม่จริงน่า จะเป็นเจ้าไปได้อย่างไร” เหลียนฉู่ฉู่เอ่ยออกมาเป็นคนแรก อย่างไม่เชื่อสายตา“ข้าคาดเดาตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้าคือหลี่หลิงเฟิ่ง คู่หมั้นขององค์ชายรองโม่ เพียงแต่รู้สึกแปลกใจ ทำไมแม่นางหลี่ถึง

  • ชายาอสรพิษ   เขตลับ 2

    เจ้านาย ทางนี้!เสียงนี้อีกแล้ว เรียกหาตั้งแต่นางเดินเข้ามาในอุโมงค์นี้เสียงก็ดังก้องในหูนางไม่ต่ำกว่าห้าครั้ง นางเดินออกมาห่างไกลจากคนในกลุ่มเรื่อย ๆ สมบัติตรงนี้น้อยกว่าที่อื่นมาก ชั้นวางสมบัติเป็นเพียงหินที่ทำเป็นชั้น ๆ เรียงกันขึ้นมาเท่านั้น แตกต่างจากก่อนหน้าที่ทำขึ้นด้วยทองคำและหยก คนเข้าละโมบและลุ่มหลงได้ง่ายหลี่หลิงเฟิ่งหยิบเศษผ้าขาวที่เขรอะไปด้วยฝุ่นที่อยู่ท่ามกลางบรรดาสมบัติชิ้นอื่นขึ้นมา นางพินิจถึงความพิเศษที่ควรจะมี ทว่ากลับเป็นเพียงผ้าธรรมดาเท่านั้น นางตัดสินใจวางลงที่เดิม เพียงแต่มือของนางกลับหนักอึ้งอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อนางหยิบขึ้นมาอีกรอบความรู้สึกหนักอึ้งที่มือกลับหายไปฟุบ!“อ๊ะ” ลมที่ไม่รู้มาจากที่ใดปะทะเข้ากับหน้าของนางอย่างจัง เศษผ้าปลิวมาติดที่ตาทั้งสองข้างปิดกั้นการมองเห็นไปชั่วขณะ จากนั้นก็ผสานเข้ากับนางเป็นหนึ่งเดียว หลี่หลิงเฟิ่งตกใจไม่น้อยเมื่อรู้สึกตัว แค่เพียงแวบเดียวเท่านั้น ผ้าผืนนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย นางมองซ้ายขวาอย่างร้อนรนอยู่บ้าง นางรีบปรับตัวให้เป็นปกติ ด้วยกลัวคนทั้งหมดในนี้จะเห็นการกระทำอันแปลกประหลาดนี้ของนางหญิงสาวลองทดสอบพลังยุทธ์และ

  • ชายาอสรพิษ   เขตลับ 1

    “อ่ะแฮ่ม...ไม่ว่าการประลองครั้งไหนก็ตัดสินที่ความสามารถเสมอ สำนักแพทย์โอสถเรายังไม่ถึงต้องให้ผู้อื่นมาตัดสินแทนหรอก” ผู้คนโดยรอบไม่มีใครกล้าส่งเสียงสักคน หรงอู่ซาบซึ้งใจน้ำตาแทบไหล เวลานี้เทิดทูนหลี่หลิงเฟิ่งยิ่งกว่าเจ้าสำนักเสียอีก ตั้งแต่นั้นมารอยยิ้มบนใบหน้าหุบไม่ลงอีกต่อไปครบหนึ่งชั่วยาม ผู้ชนะผ่านเกณฑ์ตัดสินมีเพียงห้าคนเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นรองเจ้าสำนักจึงใจดีเปิดเขตลับให้คนทั้งห้าเสียเลย ทั้งหมดมุ่งไปยังเขตลับที่อยู่ในส่วนลึกสุดของสำนักแพทย์โอสถ โดยมีรองเจ้าสำนักและหลี่หลิงเฟิ่งเป็นผู้นำในครั้งนี้“พวกเจ้าทุกคนสามารถเลือกสิ่งของที่อยู่ในเขตลับได้หนึ่งอย่าง และห้ามเข้าไปในเขตหวงห้ามเด็ดขาด บอกไว้ก่อนหากฝ่าฝืนข้าไม่รับรองความปลอดภัยของใครทั้งนั้น เพราะฉะนั้นอย่าริอ่านทำผิดกฎ” รองเจ้าสำนักกล่าวเสียงแข็ง จากนั้นเปิดเขตลับให้ทั้งหมดเข้าไปอย่างเปิดเผย“มีอะไรซ่อนอยู่ที่นี่งั้นหรือ” หลี่หลิงเฟิ่งรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล นางรู้สึกกลาย ๆ เหมือนว่าไม่ได้มีแค่พวกนางเท่านั้นที่อยู่ในนี้ จึงถามออกไปด้วยความสงสัยใคร่รู้“เรื่องนี้…” หรงอู่อึกอัก หน้าตาเหยเก “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด ว่ากันว่าท

  • ชายาอสรพิษ   ประชันขันแข่ง

    หลายวันมานี้หลี่หลิงเฟิ่งอยู่อย่างสงบสุขเสมอมา นอกจากรักษาเจ้าสำนักทุกเช้า นางใช้เวลาทั้งวันไปกับฝึกหลอมโอสถที่ห้องหลอมโอสถ ใช้สมุนไพรของสำนักแพทย์โอสถราวกับน้ำ เรียกได้ว่าละลายทรัพย์ของแท้ เหตุเพราะเกิดกระทบกระทั่งกันวันนั้นจึงไม่มีใครกล้าออกมาตำหนิ กลับกันทุกคนคอยเอาใจนางทุกอย่าง วันนี้ก็เช่นกัน หลังจากกลับมาจากรักษาเจ้าสำนัก นางก็ตรงไปที่ห้องหลอมโอสถ หยิบเตาหลอมออกมาจากกำไลสำริดอย่างคล่องแคล่วส่วนที่ว่านางได้ของพวกนี้มาได้ยังไงน่ะหรือ ต้องเท้าความไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ศิษย์พี่รองมาหานางที่ที่พำนัก กล่าวขอโทษที่สบประมาทนางวันนั้น พร้อมทั้งอยากให้นางยกโทษให้ หลี่หลิงเฟิ่งรู้ตัวว่านางนั้นเป็นคนดี ไม่ถือสาความเรื่องเล็กน้อยกับคนกันเองอยู่แล้วเพียงแค่ศิษย์พี่รองมอบของปลอบใจให้นาง นางอายุน้อยต้องเคารพผู้ใหญ่ย่อมไม่เรียกร้องมากมายอันใด ถึงแม้ศิษย์พี่รองจะดูเสียดายไปบ้าง ยามยื่นให้รู้สึกถึงความมือไม้สั่นเล็กน้อย ทว่าจนแล้วจนรอดกำไลสำริดและเตาหลอมโอสถชั้นเลิศก็อยู่ในมือนางอยู่ดีหลี่หลิงเฟิ่งพลันรู้สึกว่าการมีศิษย์พี่ก็ไม่ได้แย่อันใดแต่มีบ้างบางครั้งที่รู้สึกเปล่าเปลี่ยว โม่จื่อหลิงขอแยกต

  • ชายาอสรพิษ   ความหวังสุดท้าย

    ภายในห้องพำนักเจ้าสำนักแพทย์โอสถปรากฏหูซานและชายชราอีกสองคน รวมทั้งลูกศิษย์บางคน ทำหน้าเคร่งเครียด ใบหน้าอ่อนล้าเพราะอดนอนมาหลายวัน บนเตียงไม้สลักมีร่างผ่ายผอมดำคล้ำของชายชราผู้หนึ่ง นอนสลบไสลราวกับคนใกล้หมดสิ้นอายุขัย “ศิษย์น้องสี่ เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าพอมีทางช่วยศิษย์พี่ใหญ่บ้างหรือไม่”“ข้าเองก็อับจนหนทางเหมือนกัน ยาขวดนั้นเพียงแค่ยื้อลมหายใจศิษย์พี่ใหญ่เท่านั้น ต่อให้เป็นท่านเทพมาตอนนี้ก็ไม่แน่ว่าจะช่วยได้ พิษลุกลามไปทั่วร่างกายศิษย์พี่ใหญ่ตั้งนานแล้ว” หูซานส่ายหน้า สองตาแดงก่ำไม่อาจทำใจได้ หลายวันมานี้พวกเขาค้นคว้าหายาถอนพิษ ทว่าก็ล้มเหลวจนกระทั่งหวังซีมาพร้อมยาขวดหนึ่ง พวกเขาถึงได้มีความหวังขึ้นมา เพียงแต่ดีใจได้ไม่กี่วัน ไม่รู้เพราะสาเหตุใดอาการของศิษย์พี่ใหญ่ถึงทรุดลงอย่างรวดเร็ว แม้แต่เขาที่เป็นอัจฉริยะแห่งยุคก็ไม่อาจหาต้นตอของอาการเหล่านี้ได้ หูซานพบว่าไม่มีหนทางที่ศิษย์พี่ใหญ่จะรอดแล้วเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอกหวังข่ายที่สภาพก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่น ๆ ในห้อง เดินออกมาเปิดประตู พอเห็นว่าเป็นรองเจ้าสำนักเขาก็เบี่ยงตัวหลบอย่างเคยชิน แต่เมื่อรู้สึกว่ามีคนเดินตามหลังรองเจ้า

  • ชายาอสรพิษ   ผู้อาวุโส 2

    ยาลูกกลอนที่เพิ่งหลอมเสร็จหอมกลุ่นกระทบจมูกของทุกคน ผู้คนต่างลุ้นว่าโอสถในมือของผู้อาวุโสสามคือยาลูกกลอนอะไรผู้อาวุโสสามยิ้มอย่างภาคภูมิ ค่อย ๆ คลายมือออก สีขาวขุ่นปรากฏบนสายตา “ยาลูกกลอนอายุวัฒนะ!”“อืม ยาลูกกลอนอายุวัฒนะสิบเม็ด ใช้ได้เจ็ดเม็ด ขั้นสามสี่เม็ด ขั้นเจ็ดอีกสามเม็ด” รองเจ้าสำนักตรวจสอบยาลูกกลอนในมือของผู้อาวุโสสามอย่างถี่ถ้วน ผงกหัวชื่นชม “ไม่เลยเลย”ในเวลาอันสั้น ภายใต้ขอบเขตสมุนไพรที่มีจำกัด เขาสามารถหลอมออกมาได้ถึงหกในสิบส่วนเลยหรือ ผู้อาวุโสสามเก่งกาจโดยแท้ “นางหนู เสียใจแล้วหรือไม่ ท้าอะไรไม่ท้า มาท้าในสิ่งที่ข้าถนัดที่สุด หึ”เมื่อผู้ชมมองยาลูกกลอนที่อยู่ในมือหลี่หลิงเฟิ่ง ต่างก็มีหลากหลายอารมณ์ บ้างทอดถอนใจเสียดาย บ้างดูถูกดูแคลน บ้างเฉยเมยราวกับคาดการณ์ไว้แล้ว ทว่าทุกคนในที่นี้ไม่มีใครยินดีหรือให้กำลังใจกับนางสักคนผู้คนต่างส่ายหน้า ซุบซิบทันทีที่เห็นก้อนกลมสีดำสองสามก้อนในมือนาง “ฝีมือเท่าหางอึ่ง นางยังกล้ารับคำท้าประลอง”“ตัวยาไหม้เกรียมขนาดนี้ นางพ่ายแพ้ยับเยินเลยทีเดียว”“ไม่คิดว่าองค์ชายรองโม่ สมองจะมีปัญหา ดันคว้าสตรีโอ้อวดมาอยู่ข้างกาย”“สตรีผู้นี้เป็นตัวล

DMCA.com Protection Status