Beranda / รักโบราณ / ชายาอสรพิษ / พี่ชายงั้นหรือ 2

Share

พี่ชายงั้นหรือ 2

last update Terakhir Diperbarui: 2024-12-25 19:22:57

สิ้นเสียงของหลี่หลิงเฟิ่ง มีมือสังหารรายหนึ่งทะยานเข้ามาหา หลี่หลิงเฟิ่งหมุนตัวอย่างรวดเร็ว ลำแสงสีแดงเพลิงอาบย้อมกระบี่ แทงสวนกลับไป มือสังหารที่วิ่งเข้ามายังไม่ทันตั้งตัว แววตาพลันตื่นตระหนก ร่างกายแข็งค้างล้มลงตรงหน้าหญิงสาว

“ระ....” สตรีผู้นี้... ในชั่วพริบตา โลกเบื้องหน้าเข้าสู่ความมืดมิด เพียงแค่ปริปากพูดก็ไม่ทันเสียแล้ว

“เสี่ยวเฉิน” ขวดกระเบื้องเคลือบขนาดเล็กถูกโยนออกมาจากมิติไปทางด้านหลัง รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นในแววตาหลี่หลิงเฟิ่ง ชุดสีแดงเพลิงเปียกชุ่มลู่ลงแนบลำตัว มือสังหารคาดไม่ถึงว่าจะมีสตรีอ่อนปวกเปียกเข้ามาช่วย หลี่หลิงเฟิ่งอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายมึนงง ฝ่าวงล้อมเข้าไปยืนข้างกายอู๋เหยียน

เสี่ยวเฉินรับขวดกระเบื้องเนื้อหยาบที่ลอยมาตรงหน้า วิ่งอ้อมไปด้านหลังฝั่งหลี่เฟยหยาง เขารู้ดีว่ามันเป็นโหลบรรจุยาที่หลี่หลิงเฟิ่งปรุงขึ้น จะไม่ให้คุ้นเคยได้อย่างไร ในเมื่อคุณหนูเป็นคนสั่งให้เขาซื้อมันมาโดยเฉพาะ

หากแต่เขาไม่รู้ว่ามันคือยาอะไร เสี่ยวเฉินมองหลี่หลิงเฟิ่งอย่างอับจนปัญญา อยากจะขอความช่วยเหลือ ทว่า เหลือบสายตามองเพียงแวบเดียวก็ให้สูดหายใจลึก

“เฟิ่งเอ๋อร์ เข้ามาทำไม ออกไป” ใบหน้าที่เคยเย็นชาเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก ตวาดนางเสียงเข้ม

“หุบปาก” หลี่หลิงเฟิ่งตวาดกลับอย่างหงุดหงิด

คิดว่านางอยากแส่หาเรื่องหรือ นางรู้ขีดจำกัดตัวเองดี พลังระดับต่ำของตนเองจะเอาอะไรมาเทียบกับนักฆ่าพวกนี้ แต่จะให้นางหดหัวอยู่แต่ในบ้าน เห็นคนจะตายแล้วไม่ยอมช่วย นางไม่ใจดำขนาดนั้น

แค่เห็นเขาถูกทำร้ายนางถึงกับควบคุมตนเองไม่อยู่ หลี่หลิงเฟิ่งยกมือลูบใบหน้าที่เปียกฝน หยดเลือดตามกระบี่หยดลงบนพื้น ผมยาวสยายเปียกลู่ คลื่นลมสงบนิ่งเช่นนี้ หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวยืนสง่าท่ามกลางบุรุษนับสิบ ราวกับนางปีศาจกระหายเลือดก็ไม่ปาน

“ฮ่าฮ่า สตรีไร้ค่าเช่นเจ้า เหตุใดใจกล้าบ้าบิ่นไม่กลัวตายเช่นนี้ นอกจากเป็นขยะแล้วยังไร้สมองอีกด้วย” ชายฉกรรจ์เบื้องหน้านางที่คาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้านักฆ่าเปล่งเสียงแหบแห้งพิลึกพิลั่นออกมา มองประเมินหลี่หลิงเฟิ่งอย่างแปลกใจ

สตรีผู้นี้ถึงกับปลิดชีพลูกน้องของเขาได้ในดาบเดียว นางเป็นตัวไร้ค่าที่ทุกคนกล่าวขานจริงหรือ

หญิงสาวในอาภรณ์สีแดงลูบกระบี่ในมือเผยรอยยิ้มงดงามออกมา “อ้อ เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ เกิดเป็นคนอย่ารึอ่านดูถูกศัตรู”

จะไร้ค่าหรือไม่แล้วอย่างไร ยังไงวันนี้พวกมันก็ต้องตายทั้งหมด หัวหน้านักฆ่าหัวเราะเสียงเย็นชา “หึๆ คิดว่าพลังยุทธ์ต่ำต้อยของเจ้าจะต่อกรกับพวกข้าได้หรือ โชคร้ายที่คืนนี้พวกเจ้าต้องตายทั้งหมด” รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นบนหน้าชายฉกรรจ์อีกครั้ง “ชื่อเสียงตัวไร้ค่าเจ้าก็แบกรับมันไปที่ยมโลกด้วยเลยเถอะ”

รอยยิ้มงดงามกดลึกจนเกิดรอยบุ๋มบนซีกแก้มซ้าย คนพวกนี้รู้จักนางจริงๆ ด้วย เป้าหมายหลักคงเป็นนางสินะ

เมื่อคิดว่าตนเองถูกหมายหัวก็ให้ไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก นางถอนหายใจเบาๆ แต่กลับยืนนิ่งไม่พูดสิ่งใด

ทว่า คนอื่นกลับคิดว่านางหวาดกลัวจนสิ้นหวังเสียแล้ว ใบหน้าอู๋เหยียนทั้งฉายแววสงสารทั้งตื้นตัน ถึงแม้หลี่หลิงเฟิ่งไม่มีพลังต้านทานเหล่ามือสังหารได้ แต่นางก็มีความกล้าหาญต้องการจะช่วยพวกเขา เขาเตรียมขยับตัวไปข้างหน้าเพื่อปกป้องนาง เท้าข้างหนึ่งที่เพิ่งก้าวออกไปพลันชะงักเมื่อเสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นจากคนข้างกาย

“เจ้า...ช้าเกินไปแล้ว”

“ช้าเกินไป?” ใบหน้าแปลกประหลาดเผยออกมาจากทุกคน เสียงแหบแห้งดังขึ้น สายตาดูถูกดูแคลนเหยียดมองสตรีตรงหน้า “เจ้ายังคิดจะถ่วงเวลางั้นรึ จะตายอยู่แล้วยังแสร้งทำตัวกล้าหาญให้ใครดูอีก คิดหรือว่าจะมีใครมาช่วยพวกเจ้าได้!”

หลี่หลิงเฟิ่งถอนหายใจ ระอาที่จะเสนาอีกต่อไป น้ำเสียงเนิบนาบเปล่งออกมาแผ่วเบา “ไม่มีใครสอนพวกเจ้าหรือ” หลี่หลิงเฟิ่งส่ายหน้าไปมา ยังคงลูบไล้กระบี่ในมือเล่นอย่างต่อเนื่อง “นักฆ่าที่ดีไม่ควรชักช้ายืดยาดเช่นนี้”

“เดิมข้าคิดว่าพวกเจ้ามาช่วยคน เก็บกวาดหลักฐานทุกอย่าง แต่ไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่ต้องการสังหารทายาทเจ้าเมืองหลี่” หัวหน้ามือสังหารเย็นวาบในใจ เผลอก้าวถอยหลังสองก้าว ส่วนลึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก “เป็นข้าเองเข้าใจผิดไป ช่วยนักโทษอะไรกัน กวาดล้างหรือ ไร้สาระ พวกเจ้าแค่ต้องการสังหารข้า ส่วนคนอื่นน่ะก็ผลพลอยได้ทั้งสิ้น” หญิงแย้มรอยยิ้มกว้างทั่วใบหน้า งดงามราวภาพวาด ทว่า ตรงกันข้ามกับน้ำเสียงเฉียบขาด

“อยากได้ชีวิตข้า เจ้ามีปัญญาหรือ” หลี่หลิงเฟิ่งหัวเราะเสียงเย็น “หนอนสกปรกอย่างพวกเจ้าที่เจอหน้าใครก็ไม่ได้ ไม่อาจมีชีวิตรอดเห็นแสงสว่างยามเช้าในวันรุ่งขึ้น ข้าจึงบอกได้เพียงว่า...ช้าไปแล้ว”

หัวหน้ากลุ่มนักฆ่าพยายามสงบจิตใจ คิดจะยกมือส่งสัญญาณให้ลูกน้องลงมือทันที แต่กลับพบว่าเนื้อตัวไม่อาจขยับได้อีก ร่างทั้งร่างพลันหนักอึ้ง นั่งพับลงกับพื้น เสียงกระบี่หล่นลงพื้นรอบด้านอย่างต่อเนื่อง เหล่านักฆ่าลนลานขึ้นทันใด

หัวหน้ากลุ่มตาเบิกโพลง มองหลี่หลิงเฟิ่งอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “ผู้...ผู้ครอบครองธาตุมิติมายา...นี่”

นางถึงกับเป็นผู้ครอบครองธาตุมิติมายา ที่มีเพียงหนึ่งในหมื่น สวรรค์!

เคร้งๆๆๆๆ

ไม่เพียงแค่มือสังหารเท่านั้น แต่พวกของนางก็ไร้เรี่ยวแรงไปด้วย! หลี่หลิงเฟิ่งกระพริบตาปริบๆ ดวงตาปะหลักปะเหลือกกวาดมองเสี่ยวเฉิน “เสี่ยวเฉิน เจ้ามัวทำอะไรอยู่”

“คุณหนู ข้า...ข้าไม่รู้ว่ามันใช้อย่างไรขอรับ” ใบหน้าอยากจะร้องไห้ของเสี่ยวเฉินอับจนหนทาง เขาจะรู้ได้อย่างไรว่ามันคืออะไร คุณหนูก็ได้แต่โยนมาไม่บอกกล่าว

ท่านมันอัจริยะ แต่ข้ามันเถ้าธุลี เพียงดูด้วยตาเปล่า ข้าจะตรัสรู้ได้หรือ

หลี่หลิงเฟิ่งยกมือกุมขยับอย่างกลัดกลุ้ม มุมปากกระตุกไม่หยุด กัดฟันพูดออกมาอย่างยากลำบาก “สมองเจ้าเป็นหมูหรือ ดมมันซะ ถ้าไม่อยากตาย” เหตุใดนางจึงมีผู้ติดตามโง่เง่าเช่นนี้

ได้ยินดังนั้นเสี่ยวเฉินรีบเปิดขวดกระเบื้องสูดดมยาที่เกาะกันเป็นก้อนคล้ายขี้ผึ้งเฮือกใหญ่ เรี่ยวแรงที่หดหายพลันกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาดังเดิม เขารีบยื่นขวดยาจ่อจมูกหลี่เฟยหยางและคนอื่นๆ

หลี่หลิงเฟิ่งเหลือบมองอู๋เหยียนที่ยังคงยืนอึ้งอยู่กับที่ เอ่ยเสียงราบเรียบ “เจ้าจัดการต่อ”

ในค่ำคืนที่เขาคิดว่าจะเอาชีวิตไม่รอด ใครจะคิดว่าสตรีที่เขาไม่เคยเห็นอยู่ในสายตาจะเป็นผู้ช่วยชีวิต ท่วงท่าการถือกระบี่ ท่าทางยโสเมื่อเผชิญหน้ากับนักฆ่า นางดูองอาจ เหิมเกริมยิ่งนัก

อย่าลืมว่ามือสังหารทั้งหมดล้วนจัดอยู่ในกลุ่มยอดฝีมือขั้นหลอมรวมไปจนถึงระดับสูงสุด นายท่านและเขายังไม่อาจหลบพ้น แต่นางกลับทำในสิ่งที่ไม่คาดฝัน นำพาทุกคนให้ปลอดภัย

“ขอรับ” น้ำเสียงขององครักษ์คนสนิทของพี่ชายใหญ่ดูจะนอบน้อมเป็นพิเศษ หลี่หลิงเฟิ่งเลิกคิ้ว ก่อนจะเดินตรงไปหาหลี่เฟยหยาง

“เฟิ่งเอ๋อร์ บาดเจ็บหรือไม่” ข้อมือเล็กถูกมือใหญ่ของหลี่เฟยหยางกุมไว้ สายตาคมสำรวจร่างกายสตรีตรงหน้า สีหน้าหนักอึ้งของเขาค่อยๆ ผ่อนคลาย มือหนาปล่อยมือออก ล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าใต้แขนเสื้อ ยกขึ้นเช็ดบนใบหน้างามอย่างเบามือ

หลี่หลิงเฟิ่งรู้สึกร่างกายร้อนผ่าวเมื่อถูกสายตาคมจับจ้องทั่วร่าง จิตใจสับสนหนักหน่วง อยากจะหลบหนีจากตรงนี้ แต่ก็ไม่อาจทำได้ดั่งใจ

“เจ้าไม่ควรเสี่ยงอันตรายเยี่ยงนี้ เฟิ่งเอ๋อร์” ปากพร่ำบ่น มือถือผ้าเช็ดหน้าไล้ตามแก้มถึงใบหู สตรีหนึ่งเดียวขนลุกซู่ คันๆ ยิบๆ ในใจ บรรยากาศรอบตัวแปลกประหลาด บนพื้นรอบกายเกลื่อนไปด้วยศพและรอยเลือด ทว่ากลับอ่อนหวานมากกว่าสยดสยอง

นางรู้ พวกเขาอาจสู้ไหวแต่คงหนีไม่พ้นสาหัสกันทั้งสองฝ่าย เป็นนางเองที่ร้อนรน ทำดีแต่โดนตำหนิ ช่างยุติธรรมเสียนี่

ถ้าวัดกันด้วยพลังยุทธ์ หลี่หลิงเฟิ่งย่อมสู้ไม่ได้ นางจึงใช้ลูกแปลกเข้าช่วย เริ่มแรกนางฆ่ามือสังหารด้วยดาบเดียวได้เพราะเขาคิดว่านางไร้พลังยุทธ์ เปิดเผยพลังอันน้อยนิดของตนเองให้ประจักษ์ต่อศัตรู ทำตัวอ่อนแอแต่อวดเบ่งให้ศัตรูดูแคลน จากนั้นลดการ์ดป้องกันด้วยคำพูดชวนโมโห

ทั้งหมดนี้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้นักฆ่านั้นเพิกเฉยต่อพลังยุทธ์ของนาง หลี่หลิงเฟิ่งทำเป็นยืนเฉยเมยรอคอยความตาย มือลูบไล้กระบี่ราวกับอาลัยชีวิต แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงนางกำลังปล่อยผงพิษขับกระดูกออกไปอย่างช้าๆ ควบคู่กับพลังธาตุมิติมายา ไร้สี ไร้กลิ่น ค่อยๆ คลืบคลานกระจายตัวไปตามอากาศ

กว่าจะรู้ตัว ก็สายเสียแล้ว

อันที่จริง ผงขับกระดูก เป็นพิษชนิดหนึ่งที่นางปรุงขึ้นในช่วงหลายวันมานี้ ผู้ใช้พิษส่วนใหญ่ไม่นิยมใช้นัก สาเหตุไม่ได้มาจากสมุนไพรที่หายากแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะถ้าใช้ควบคู่กับพลังธาตุอื่นๆ จะถูกค้นพบโดยทันที เมื่อผงพิษผสมปนอยู่กับพลังธาตุเหล่านั้น จากไร้สีจะเปลี่ยนเป็นสีขาวทันที ข้อได้เปรียบที่ควรจะเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ใช้จึงเป็นอันตกไป

อย่างไรก็ดี มันกลับเป็นผลดีอย่างยิ่งกับพลังธาตุมิติมายา ปฐมาจารย์เทพโอสถไม่เพียงเป็นหมอเทวดา แต่ยังเป็นผู้ชำนาญด้านการใช้พิษที่หาตัวจับยากอีกด้วย แต่เหมือนว่ามีน้อยคนนักที่รู้ถึงความลับใหญ่หลวงนี้

“ต่อให้เจ้าไม่เข้ามา พวกพี่ก็จัดการกันเองได้ เฟิ่งเอ๋อร์ เจ้าเกือบทำให้พี่หัวใจหยุดเต้นแล้ว” ผู้มีศักดิ์เป็นพี่ยังคงกล่าวต่อ

หลี่หลิงเฟิ่งปัดมือบุรุษชุดขาวออกจากใบหน้า สูดจมูกฟึดฟัดอย่างไม่พอใจ “รอให้ข้ามาเก็บศพท่านแทนน่ะสิ” แต่เพียงพริบตารอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้างามอีกครั้ง มือเรียวยกขึ้นจับบนหน้าอกซ้ายของเขา “เต้นเร็วขนาดนี้ ระวังมันผิดจังหวะนะ หึ” หลี่เฟยหยางมองน้องสาวยิ้มๆ หากแต่ไม่กล้าเอ่ยอันใดต่อ

“อีกอย่าง เรียกข้าว่าเสี่ยวเฟิ่งเถอะ ข้าไม่ชอบเอ๋อๆ เอ้อๆ” มันเลี่ยน!

“ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะเปล่งออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่จากชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อเรื่องเย็นชา บรรดาลูกน้องกำลังง่วนกับการเก็บศพหันมองทางต้นเสียงอย่างอึ้งๆ สตรีอย่างนางก็ไม่มีข้อยกเว้น จ้องมองหลี่เฟยหยางนิ่งๆ ไม่พูดไม่จา

เขาว่ากันว่า บุรุษยิ้มยากเมื่อได้ยิ้มจะไม่มีผู้ใดละสายตาจากเขาไปได้ แล้วหากบุรุษที่ไม่เคยหัวเราะเลยล่ะ เมื่อหัวเราะออกมาแล้วจะเป็นเช่นไร

เป็นเช่นไรน่ะหรือ...

ก็เหมือนโลกทั้งใบของนาง ยังไม่น่าอยู่เท่านี้มาก่อนน่ะสิ!

“ข้าไม่มีลูกกลอนสะกดสำนึก ท่านทนเจ็บหน่อยแล้วกัน” หลี่หลิงเฟิ่งหลุบสายตาลง มือของนางจับแขนขวาหลี่เฟยหยางเบาๆ หยิบขวดยาสมุนไพรสมานแผลภายนอกที่บดละเอียดเทลงบนแผลอย่างรวดเร็ว ฉีกชายเสื้อสีแดงเพลิงที่ไม่นับว่าใหม่พันแผลให้บุรุษตรงหน้าอย่างลวกๆ

หลี่หลิงเฟิ่งสูดหายใจลึก หลับตาหันหลังเตรียมจะเดินจากไป บุรุษเปียกปอนกับรอยยิ้มกว้างอย่างมีความสุขก็น่าดูไปอีกแบบ ดูแล้วก็อยากดูอีก ช่างชวนฝัน

หากหญิงใดเชยชม คงรีบมาขอแต่ง

เมื่อรู้สึกว่าความคิดของตนเองเลยเถิดไปไกล หลี่หลิงเฟิ่งยกมือตบหน้าเรียกสติกลับมา บุรุษรูปงามก็เป็นภัยได้เหมือนกัน หญิงสาวอยากจะถอนหายใจเป็นพันๆ ครั้ง

เฮ้อ ช่างน่าเสียดาย ที่ดันเป็นพี่น้องกัน หากไม่ใช่ล่ะก็ เขาคงถูกนางจับกลืนลงท้องไปนานแล้ว

ผิดศีลธรรม ผิดศีลธรรม!

ระหว่างที่ความรู้สึกของหลี่หลิงเฟิ่งพันกันยุ่งเหยิงอยู่นั้น ก็มีแสงสีส้มสว่างวาบพุ่งมาหา เคลื่อนที่ด้วยความเร็วแม้แต่นางยังมองไม่ทัน คนอื่นๆ ต่างตะลึงงัน

“ระวัง!” หลี่หลิงเฟิ่งได้ยินคนร้องเสียงหลงมาจากด้านหลัง แผ่นดินสนั่นหวั่นไหว ร่างกายของนางซวนเซเจียนจะล้ม พลังยุทธ์สีส้มแหวกอากาศเข้ามาอย่างรวดเร็ว หลี่หลิงเฟิ่งหลับตาเตรียมรับความเจ็บปวดที่กำลังจะถึงตัว ทว่า

อึก!

เบื้องหน้า ชายอาภรณ์สีขาวดุจเทพเซียนขวางกั้นนางจากโลกภายนอก พลังยุทธ์สีฟ้าก่อตัวขึ้นล้มรอบพวกเขา หลี่หลิงเฟิ่งนัยน์ตาเบิกโพลง มองบุรุษที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายร่วมสายเลือดอย่างไม่เข้าใจ

ร่างกายนางเซถอยหลังไปสองก้าวอย่างต้านไม่อยู่ พลังขั้นพิภพนางเคยสัมผัสมาแล้ว ฝ่ามือเดียวทำเอาเจียนตาย แล้วคนตรงหน้าฝืนรับมันได้อย่างไรกัน

“ท่าน โง่หรือ!” น้ำเสียงร้อนรนของหญิงสาว ทำให้เลือดที่กำลังจะทะลักออกจากปากถูกกลืนกลับลงคอ มุมปากหลี่เฟยหยางยกยิ้มบางๆ

“รอข้าอยู่ที่นี่นะ” รอยยิ้มอบอุ่นของหลี่เฟยหยางส่งผ่านหัวใจของนาง ไม่รู้เพราะเหตุใดหลี่หลิงเฟิ่งรู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่ง ไม่รอให้นางได้ขบคิด หลี่เฟยหยางพลันเคลื่อนไหว ผละตัวออกจากอาคมป้องกัน

หลี่หลิงเฟิ่งคิดจะตามไป พลันพบว่านางก้าวออกไปจากตาข่ายที่ครอบนางอยู่ไม่ได้ “หลี่เฟยหยาง ปล่อยข้า!”

ร่างสูงอาภรณ์สีขาวพุ่งถลันไปเบื้องหน้า นิ้วทั้งห้าปล่อยพลังยุทธ์สีฟ้าราวหอกแหลมคม พุ่งเข้าใส่บุรุษร่างผอมที่สวมเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ตามตัวเต็มไปด้วยรอยแผลและเลือดที่แห้งเกร็ง

“ดี ดียิ่งนัก ฮ่าๆๆๆ” ชายผู้นั้นแผดเสียงออกมาอย่างคนเสียสติ “พวกเจ้าไม่คิดว่าจะมีวันนี้สินะ ดูสิว่าข้าจะฆ่าพวกเจ้าเซ่นไหว้น้องชายข้าอย่างไร ฮ่าๆๆ” หลี่หลิงเฟิ่งได้ยินแล้วนิ่งขึง นี่มันโจรชั่วที่พวกนางจับมามิใช่หรือ นี่...

“คุ้มครองนายท่าน” อู๋เหยียน รวมทั้งคนอื่นๆ พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่แล้วก็ถูกพลังอันแข็งแกร่งกดทับบาดเจ็บสาหัส กระอักเลือดออกมาไม่หยุด ก่อนหน้านี้ก็มีอาการบาดเจ็บตอนปะทะกับเหล่านักฆ่า ฝนหยุดตกไปนานแล้ว แต่บริเวณลานบ้านยังเปียกชุ่ม ทุกทิศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวโลหิต

มือเล็กทุบเกราะป้องกันรัวๆ นางไม่เคยหวาดกลัวเท่านี้มาก่อน

“พวกขยะตระกูลหลี่ ข้าหลงฉี จะให้พวกเจ้าตายอย่างไร้ที่กลบฝัง” รังสีอำมหิตแผ่กระจายออกมา พลังมหาศาลกระแทกเข้าหาหลี่เฟยหยาง ส่งผลให้ร่างกายถอยหลังไปหลายก้าว เลือดซึมออกมาจากมุมปาก

หลี่เฟยหยางรวบรวมพลังบนฝ่ามืออีกครั้ง ใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดฉายแววมุ่งมั่น อาภรณ์สีขาวโบกสะบัดอยู่ในสายลม แสงสีฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นเกล็ดน้ำแข็งโปรยปรายลงมาจากท้องนภา งดงาม ดุดัน

หลงฉีหรี่ตาลงเล็กน้อย คลื่นพลังสีส้มแผ่ซ่านรอบตัว กายเขาเปรียบเสมือนสายฟ้า ฟาดฟันแหวกอากาศสะท้อนพลังยุทธ์กลับไปหาหลี่เฟยหยาง

อึก!

เลือดสีสดพุ่งออกจากปากในที่สุด พลังหลงฉีรุนแรงเกินไป เขาตั้งรับไม่ทัน หลี่เฟยหยางเช็ดเลือดออกจากริมฝีปาก พลังอีกระลอกก็ตามมาติดๆ การโจมตียิ่งหนักหน่วงดุดัน กระแทกเข้ากับอกของเขา ส่งให้ร่างกายลอยกระแทกอัดเข้ากับประตู

“พี่ใหญ่!”

หลี่หลิงเฟิ่งฉายแววเคร่งเครียด อย่างไรก็ดี หลงฉีมีพลังยุทธ์ห่างจากหลี่เฟยหยางหนึ่งขั้น แต่แค่หนึ่งขั้นก็ห่างกันราวฟ้ากับเหว พี่ชายของนางทนมาได้นานขนาดนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

ไม่ดีแล้ว ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป หลี่เฟยหยางได้ตายไปจริงๆ แน่ สายตาร้อนรนกวาดมองไปรอบด้าน พบเงาตะคุ่มๆ เงาหนึ่งหลบอยู่มุมเสาข้างระเบียง นางหลับตาพยายามสูดดมกลิ่นที่ลอยอยู่ละแวกนั้น นอกจากกลิ่นคาวเลือด ยังมีกลิ่นที่คุ้นเคยติดมาจางๆ

เป็น เสี่ยวเซียง!

กระแสจิตส่งตรงไปยังสาวใช้ทันที ‘เสี่ยวเซียง รีบไปจากที่นี่ ไปตามท่านหมอหูที่โรงหมอให้ข้า หากพวกข้าไม่รอด เจ้าติดตามท่านหมอหูไปซะ ไม่อนุญาตให้หันกลับมา รีบไป’

ใบหน้าเสี่ยวเซียงเปื้อนน้ำตา ดวงตาใสซื่อเกิดประกายหวาดหวั่น หัวใจเต้นแรงแทบหลุดออกมาจากอก สองมือปิดปากกลั้นสะอื้นไว้แน่น ก่อนจะหมุนตัววิ่งออกไป นางต้องไปตามคนมาช่วย

หลงฉีย่างสามขุมไปหยุดตรงหน้าหลี่เฟยหยางที่นอนกระอักเลือดหมดสภาพอยู่หน้าประตู เท้าเตะเข้าหน้าท้องอย่างแรง จนตัวงอ แววตาน่ารังเกียจเหยียดหยันผุดขึ้นเต็มใบหน้าหลงฉี “ลุกขึ้น”

มือหยาบบีบคางหลี่เฟยหยางแน่น อาภรณ์ขาวย้อมเลือดสีสดเป็นดวงๆ “ดิ้นรนต่อสิ ข้ายังสนุกไม่พอเลย” แววตาหลงฉีคลุ้มคลั่งสบเข้ากับนัยน์ตาว่างเปล่าไร้ความหวาดกลัวของบุรุษตรงหน้า ความคุกรุ่นในอกพุ่งกระฉูดขึ้นทันตา

ถุย!

เลือดสายหนึ่งจากปากหลี่เฟยหยางพุ่งรดเต็มหน้าหลงฉี มุมปากหนายกยิ้มอย่างท้าทาย “สวะ ตายซะเถอะ!”

พลังสีส้มขุมหนึ่งจากแรงระเบิดอารมณ์ปล่อยออกมาหมายปลิดชีพ ไม่เพียงหลี่เฟยหยางจะให้ความร่วมมือ มือซ้ายที่ไม่ได้รับบาดเจ็บควานหากระบี่ใกล้ตัวส่งพลังหนึ่งส่วนต้านรับไว้ ส่วนที่เหลือสร้างผลึกปกป้องตัวนางให้นานขึ้น

“ไม่!”

ราวกับหัวใจถูกฉีกกระชาก สองมือทุบผนึกป้องกันไม่หยุด น้ำตาไหลนองหน้า เวลานั้นนางไม่รับรู้สิ่งใดทั้งสิ้น ได้แต่ร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เจ็บปวดอะไรอย่างนี้

ชั่วขณะนั้นนางคิดอะไรไม่ออก จิตใต้สำนึกมีแต่ความว่างเปล่า นางไม่เคยรู้สึกไร้ค่าขนาดนี้มาก่อน ได้แต่ยืนมองเขาถูกทำร้าย หมดหนทางช่วยเหลือ

“หึ เจ้าจะทนได้อีกนานสักแค่ไหน” รอยยิ้มอำมหิตผุดขึ้นมา กล่าวอย่างสะใจ “เจ้าไม่ต้องกลัวเหงา หลังจากฆ่าเจ้าแล้ว ข้าก็จะส่งน้องสาวสุดที่รักของเจ้าไปอยู่ด้วย ฮ่าๆ”

“ไม่นะ พี่ใหญ่ ท่านบ้าไปแล้วหรือ” หลี่หลิงเฟิ่งหวีดร้องสุดเสียง นางไม่เข้าใจเลยสักนิด “ปล่อยข้า ท่านปล่อยข้า!” หากยังแบ่งพลังมาปกป้องนาง เขาต้องตายแน่

หลี่เฟยหยาง ท่านทำเช่นนี้เพราะอะไร ท่านเสียสละตนเองเพื่อข้าทำไม

หลี่เฟยหยางราวกับไม่ได้ยิน ใบหน้าอบอุ่นหันไปมองหลี่หลิงเฟิ่ง มุมปากยกยิ้มขยับเบาๆ “เด็กดี อย่ากลัว” โลหิตสดๆ ไหลทะลักออกจากปากไม่หยุด ดวงตาอบอุ่นคู่นั้นค่อยๆ ปิดลง หากแต่พลังสายอ่อนๆ ยังคงส่งมาผนึกเป็นเกราะปกป้องนางอย่างไม่ลดละ

ใกล้ท่านเพียงนี้ เหตุใดแค่เอื้อมมือไปจับยังไม่ได้

เสียงลมพัดผ่านหูดังอู้ๆ ชวนให้สะพรึงกลัว หวาดผวา หลี่หลิงเฟิ่งลืมสิ้นหมดทุกอย่าง ราวกับเวลา สรรพสิ่งรอบกายต่างหยุดนิ่ง ร่างบอบบางทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วง ภาพๆ หนึ่งฉายชัดในหัว ดั่งภาพโฮโลแกรมในยุคปัจจุบัน

บุรุษผู้อาภรณ์ขาวผู้หนึ่งส่งยิ้มมาให้ มือลูบไล้แก้มนางอย่างทะนุถนอมเสมือนไข่มุก ริมฝีปากหยักขยับขึ้นลงอย่ากลัว รอข้ากลับมา เด็กดี

‘รอข้ากลับมา เด็กดี รอข้า...’ น้ำตานางหลั่งริน เนิ่นนาน แต่ไร้ซึ่งคนผู้นั้น

“เฟยหยาง เหตุใดท่านจึงโง่งมเช่นนี้”

หลี่หลิงเฟิ่งนางเหม่อลอย จ้องมองร่างหลี่เฟยหยางทับซ้อนกับใครคนหนึ่ง สายตาไร้แวว นางแยกไม่ออกอีกต่อไปว่า อะไรคือความจริง ความฝัน ภาพลวงตา หรือกระทั่งห้วงคำนึง น้ำตาของนางไหลออกมาไม่รู้จักเหือดแห้ง ความเข้มแข็งที่เคยมีมาตลอดสามปี พังทลายไม่เหลือชิ้นดี

“นังแพศยา เจ้าคิดจะหลบอยู่ในนั้นได้อีกนานแค่ไหน งูพิษอย่างเจ้าต้องไปเป็นเครื่องเซ่นไหว้ให้น้องชายของข้า พวกเจ้าทั้งตระกูลต้องตาย ให้สาสมกับที่ทรมาณข้าและน้องข้าจนตาย” หลงฉียิ้มเยาะ ถ้าไม่ใช่เพราะนางสารเลวผู้นี้ เขาคงไม่ตกอยู่ในสภาพดูไม่ได้ น้องชายเพียงคนเดียวก็ไม่ต้องมาตายตก

ไม่มีคำตอบจากสตรีเบื้องหน้า ไม่มีถ้อยคำ ไม่มีรอยยิ้ม ไร้ความรู้สึก มีเพียงฝ่ามือที่กำแน่นจนชุ่มเลือด

ตึง!

พลังยุทธ์สีส้มเปล่งออกหมายจะทำลายเกราะป้องกัน “พลังสะท้อนกลับ นี่...” หลงฉีหน้าเปลี่ยนสี สารเลวแซ่หลี่ถึงกับรู้วิชาพลังสะท้อนกลับ มือหยาบกระด้างกุมหน้าอก เลือดลมปั่นป่วน สำลักออกมาคำโต

หลงฉีกระถดถอยไปหลายจั้ง คั่งแค้นคำรามลั่น “หลี่หลิงเฟิ่ง ไสหัวของเจ้าออกมา!” จู่ๆ ร่างกายพลันสั่นสะท้าน เจ็บปวดราวเข็มนับหมื่นเล่มทิ่มแทง ทุรนทุรายเจียนตาย

แรงสั่นสะเทือนเรียกสติหลี่หลิงเฟิ่งคืนมา ค่อยๆ เบนหน้ามามองหลงฉีช้าๆ ริมฝีปากยกยิ้มแข็งทื่อ ดวงตาแข็งค้างจ้องเขม็งไม่กะพริบ ให้ชวนขนหัวลุก

“หากมีปัญญาก็มาลากตัวข้าออกไป” น้ำเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นแผ่วเบา รอยยิ้มแข็งทื่อค่อยๆ ฉีกกว้างขึ้นจนนัยน์ตาเป็นเสี้ยวพระจันทร์ “ทรมานหรือไม่ เจ็บปวดจนอยากจะตายใช่หรือไม่ ข้าอยากจะสับเจ้าเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น เอาเลือด เนื้อหนังมารองเท้าแก่พี่ชายข้า แต่หากทำเช่นนั้น สำหรับเจ้า ความตายมันง่ายไป”

“เจ้าทำอะไรกับข้า” หลงฉีใบหน้าซีดเผือด เส้นเลือดปูดโปนไปทั่วร่าง ใจเกิดความหวาดผวา

“พิษร้อยราตรี ทุกคืนเจ้าจะได้รับความทุกข์ทรมานราวกับเลือดไหลออกจากอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย เหมือนหนอนชอนไชคอยกัดกินเนื้อหนังเจ้าทีละนิด ตอนนี้ความรู้สึกคงเหมือนถูกกรีดเนื้ออยู่สินะ หลังจากนั้นลิ้นเจ้าจะเริ่มชา แขนขาไร้เรี่ยวแรง เจ็บปวดทรมานแต่ไม่อาจหมดสติ” ยิ่งหลี่หลิงเฟิ่งพูดมากขึ้นเท่าไหร่ ใบหน้าหลงฉียิ่งบิดเบี้ยวมากเท่านั้น

“ข้าจะให้เจ้าลิ้มรสความอยากอยู่ไม่ได้อยู่ อยากตายไม่ได้ตาย” รอยยิ้มงามล่มเมืองปรากฏขึ้น แต่หลงฉีมองราวกับมองปีศาจร้าย “วางใจเถอะ หากเจ้าอยากตาย ก็รออีกร้อยวันแล้วกัน”

“อ๊ากกก” เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นก้องท้องนภาในยามรัติกาล พร้อมกลับร่างหลงฉีค่อยๆ ลับหายท่ามกลางความมืดมิด

เดิมทีอาการของพิษไม่กำเริบเนื่องจากนางให้ยาระงับไว้เสมอ พิษชนิดนี้นางอ่านเจอในคัมภีร์โอสถสวรรค์ มีส่วนผสมมาจากหงอนงูฟ้าวารี หญ้าวิญญาณ และโลหิตของนาง ตั้งแต่ค้นพบวิธีปรุงยาพิษ นางพบว่าโลหิตตนเองมีพิษ หากแต่ไม่รู้ว่าคือพิษอะไร อีกทั้งยังไม่ส่งผลใดๆ ต่อร่างกายของนาง

ในเมื่อส่วนผสมครบครัน นางก็แค่ปรุงยา และหาหนูทดลอง

เริ่มแรกนางแค่จะเอาไว้ขู่โจรชั่วหลงฉี แต่คิดไม่ถึงว่าจุดจบจะเป็นเช่นนี้ได้ หลงฉีทำร้ายพี่ชายนาง ส่วนนางฆ่าหลงฉีอย่างเลือดเย็น

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • ชายาอสรพิษ   พี่ชายงั้นหรือ 3

    ไม่รู้ผ่านไปกี่ชั่วยาม แสงยามเช้าส่องกระทบใบหน้าหลี่หลิงเฟิ่ง เสียงฝูงนกกระพือปีกบนต้นไม้ส่งเสียงร้องบินออกหากิน นางจำไม่ได้ว่าเกราะป้องกันสลายไปตอนไหน ทำสิ่งใดลงไปบ้าง ตั้งแต่ต้นจนจบสายตาของนางอยู่ที่คนในอ้อมกอดตลอดสมุนไพรทุกอย่างที่นางมีถูกนำมารักษาหลี่เฟยหยาง ยาต่างๆ ที่เคยสกัดไว้ก็เอาออกมาใช้ทั้งหมด แต่เหมือนจะเอามาเททิ้งมากกว่า เขาไม่มีท่าทีจะฟื้นขึ้นมาเลย ยังดีที่สมุนไพรเหล่านี้ยื้อลมหายใจสุดท้ายของเขาเอาไว้ได้แต่แล้วอย่างไร เขาจะทนได้นานแค่ไหน นางเองก็ยังไม่รู้จากเหตุการณ์เมื่อคืน หลี่หลิงเฟิ่งตระหนักได้ถึงโลกใบนี้อย่างแท้จริง โลกที่ผู้ฝึกพลังยุทธ์เป็นใหญ่ นางเคยคิดว่ารออีกหน่อย เดี๋ยวนางจะแข็งแกร่งขึ้น ไม่ต้องสนใจใครหรือสิ่งใดให้มาก ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการให้เต็มที่จนเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งยอมตายเพื่อนาง ความเพ้อฝันเหล่านั้นจึงพังทลายลง หลี่หลิงเฟิ่งไม่มีความผูกพันกับคนในโลกนี้ อย่าว่าแต่หลี่เฟยหยางที่เพิ่งเจอกันไม่กี่วัน ต่อให้เป็นเสี่ยวเซียงเสี่ยวเฉิน นางก็เห็นเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมทางเท่านั้นคนพวกนี้ยอมทำเพื่อนาง ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าเพื่อเจ้าของร่างเดิมถึงกระนั้นนางก็ยังอ

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   พี่ชายงั้นหรือ 4

    หูซานแตกตื่นจนหน้าถอดสี ถุงผ้าในมือเกือบหลุดร่วง “นี่มันเกินไป เกินไปแล้ว” หลังจากหายตื่นตะลึง เขาก็มีท่าทางดีอกดีใจอย่างปิดไม่มิดแววตามองคล้ายขุ่นเคืองอยู่เล็กน้อย อดที่จะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไม่ได้ “เจ้ามีของล้ำค่าติดตัวมากมายขนาดนี้ ยังจะทำเป็นไม่รู้จักหินแร่พวกนี้อยู่อีก ผายลม!”หลี่หลิงเฟิ่งทำหน้าไม่ถูกไปชั่วขณะ ตาเฒ่าผู้นี้อยู่ดีๆ ก็อารมณ์ขุ่นมัวใส่นาง“เจ้ามีของเช่นนี้อยู่ตั้งแต่แรก ไยจึงไม่รีบนำมันออกมา” ตำหนิหญิงสาวก่อนกล่าวต่อ “แต่แค่สองก้อนก็พอ ที่เหลือเจ้าเก็บไว้เถอะ” หูซานหยิบออกจากถุงเพียงสองก้อนจริงๆ มองที่เหลืออย่างอาลัย สุดท้ายตัดใจส่งมันคืนให้นางหลี่หลิงเฟิ่งย่นคิ้วเข้าหากัน นัยน์ตาฉายแววงุนงงมากกว่าเดิม “แค่สองก้อนพอแน่หรือ ท่านหยิบมันไปเพิ่มอีกดีหรือไม่” ถึงจะไม่รู้ว่าคืออะไร หากแต่ช่วยรักษาได้ย่อมเป็นเรื่องดีได้ยินดังนั้น หูซานฉุนขึ้นมาทันที “ข้าเป็นหมอมาสามสิบกว่าปี อาการของโรคเป็นอย่างไร ปริมาณยาหรือพลังที่ใช้ย่อมรู้แน่ชัดอยู่แล้ว บอกว่าพอก็คือพอ เด็กอย่างเจ้าสงสัยคำวินิจฉัยของข้าอย่างนั้นหรือ” หญิงผู้นี้อะไรก็ดีไปหมด เหตุใดวันนี้ริทำตัวน่ารังเกียจ เขาเป็นถึงนักห

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   กลับสู่จุดเริ่มต้น 1

    ผ่านไปสิบวันอาการบาดเจ็บของหลี่เฟยหยางดีขึ้นมาก หูซานได้กลายเป็นแพทย์ประจำตัวของเขาไปแล้ว ทุกวันจะต้องมาจับชีพจร สอบถามความคืบหน้าระหว่างรักษาเสมอ ทั้งที่ชายชราไม่มีความจำเป็นต้องมาด้วยตนเอง เนื่องด้วยผู้ป่วยทั้งสองอยู่ในระยะปลอดภัยนานแล้วหลักๆ ที่วนเวียนอยู่อย่างนี้ เพราะต้องการเอาใจ ‘ศิษย์น้อง’ ที่เพิ่มมาอีกหนึ่งคน สร้างความรู้สึกประทับใจ เกาะติดหลี่หลิงเฟิ่งไม่ยอมห่างบอกตามตรง ตอนนั้นหลี่หลิงเฟิ่งเดือดดาลจนไร้คำพูดโต้กลับ นางแสดงเจตจำนงชัดเจนด้วยการปฏิเสธการเป็นศิษย์ของเขา นางไหนเลยจะคิดว่าเฒ่าทารกดันยกลำดับอาวุโสของนางให้สูงขึ้น ยังไม่ทันจะกล่าวอันใด หูซานก็ยกเตาหลอมโอสถให้นางพร้อมกับตำราสมุนไพรหนึ่งร้อยแขนงให้นางไว้ท่องจำทุกเช้าหลังจากตรวจอาการหลี่เฟยหยางและเสี่ยวเฉินเรียบร้อย หูซานจะขลุกอยู่กับนางตลอดช่วงบ่าย บางครั้งยังลากนางไปโรงหมอเพื่อดูอาการคนไข้ เดิมทีหลังจากหลี่เฟยหยางฟื้นขึ้นมา นางคิดจะปฏิเสธหูซานอย่างจริงจัง เมื่อนำไปปรึกษากับชายหนุ่ม กลับเป็นหลี่เฟยหยางโน้มน้าวให้นางรับข้อเสนอนี้ไว้เสียเองหลี่หลิงเฟิ่งจึงผงกศีรษะรับอย่างจำใจ กลายมาเป็นศิษย์น้องของหูซานด้วยประการฉะ

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   กลับสู่จุดเริ่มต้น 2

    ช่วงนี้แคว้นหลิวอวิ๋นมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเรื่องสนุกปากในโรงเตี๊ยมและตามตรอกซอกซอยมีเพิ่มขึ้นทุกวัน เรื่องเล่าที่เป็นที่กล่าวขานมากสุดคงหนีไม่พ้นเรื่องคู่หมั้นขยะขององค์ชายรองผู้เป็นเลิศในทุกด้าน ได้รับความนิยมจนโรงละครนำมาทำเป็นเรื่องเล่าหลายต่อหลายบท เหตุการณ์สำคัญในเรื่องพูดถึงความอาภัพอับโชคขององค์ชายรอง หน้าตาอัปลักษณ์ของคู่หมั้น รวมไปถึงเสนาบดีหลี่ใช้อำนาจบาตรใหญ่บังคับเหล่าองค์ชายแต่งงานกับหลานสาวอันเป็นที่รัก ฮ่องเต้เห็นแก่คุณงามความดีของเจ้าเมืองหลี่จึงได้ยกองค์ชายรองให้หมั้นหมายกับบุตรสาวตระกูลหลี่ ที่ได้ชื่อว่าตัวไร้ค่าชาวบ้านต่างพากันเห็นใจสงสารองค์ชายรอง สาปแช่งก่นด่าหลี่หลิงเฟิ่งและเจ้าเมืองหลี่เรื่องราวอัปยศอดสูทำเอาเจ้าเมืองหลี่โกรธจนแทบจะกระอักเลือด ขุนนางทั้งหลายพากันประณามเขา ฎีกาหลายฉบับส่งตรงไปหาฮ่องเต้ให้ยุติการหมั้นหมายนี้ลง ตัวเขาเองที่เป็นบิดาก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ไหนเลยจะมีใครคิด ไม่เพียงฮ่องเต้ไม่เอ่ยปากทัดทาน หากแต่ทรงกริ้วเหล่าขุนนางที่ร้องเรียนหน้าท้องพระโรง ออกว่าราชการยังไม่เสร็จก็สะบัดแขนเสื้อจากไปชายวัยกลางคนรู้สึกเหมือนตนเองเป็นคนใบ้ที่กินหว

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   กลับสู่จุดเริ่มต้น 3

    พลังเช่นนี้...ความรู้สึกกดดันเช่นนี้...ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหลอมรวม ซ้ำยังสูงกว่าเขาอีกหนึ่งขั้น เมื่อครู่ผู้ลอบเล่นงานเขาไม่ใช่สองพี่น้องคู่นั้้น เป็นชายชราผู้นี้แน่นอน เป็นเขาที่กดข่มพลังคนทั้งหมดไว้ เป็นเขาที่บังคับให้ข้าคุกเข่า...หลี่เชาสูดหายใจลึก รู้สึกได้ถึงความตายที่กำลังมาเยือนถึงหน้าประตู“ท่าน...ท่านกับข้า...พวกเราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน เหตุใดจึงตั้งตนเป็นปรปักษ์ ลอบทำร้ายกันเล่า” ความเงียบปกคลุมทั่วบริเวณ ไม่มีเสียงตอบรับเล็ดลอดออกมา มีเพียงเสียงดังอั่กทีหนึ่ง เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดเลอะพื้นกระเด็นมาจนถึงจุดที่หลี่หลิงเฟิ่งยืนอยู่พลั่ก พลั่ก พลั่กท่ามกลางการชะงักค้างของทุกคน พลังสีแดงพุ่งไปรอบด้านไม่ขาดสาย เหล่าผู้คุ้มกันเหมือนเป็นง่อยเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงตอบโต้ ได้แต่นอนโอดโอยบนพื้นโถงรับรองอันเย็นเฉียบ เพลิงพิโรธของหูซานยังคงไม่มอดดับลงง่ายๆ หันไปเล่นงานหลี่เชาที่นอนพะงาบๆ อยู่บนพื้นไร้เสียงตอบโต้“ช้าก่อน” หลี่หลิงเฟิ่งรีบร้องปรามเมื่อเห็นท่าไม่ดี“ท่านจะฆ่าใครข้าไม่สน แต่อย่าให้คนพวกนี้มาตายในบ้านของข้าเป็นอันขาด” หลูหมิ่นซึ่งเวลานี้ปากชาไปหมดเพิ่งได้สติคืนมา มองทั้งส

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   กลับสู่จุดเริ่มต้น 4

    เนื่องจากในวังมีการเลื่อนวันเข้าเฝ้า จากกำหนดเดิมคือสิบห้าวันหลังเสร็จพิธีปักปิ่นของนาง ไม่รู้เพราะเหตุอันใดจึงร่นระยะเวลาให้เหลือเพียงสามวันเป็นเหตุให้พวกนางต้องเร่งกลับบ้านทันทีเพื่อเข้าร่วมงานปักปิ่นที่จะจัดขึ้นก่อนกำหนดสิบห้าวัน หากว่ากันตามจริงแล้ว ถ้านางไม่ได้รับความสำคัญในครั้งนี้ขึ้นมา หลี่หลิงเฟิ่งไม่ถูกจัดให้เข้าร่วมและเป็นหนึ่งในตัวเอกของงานแน่นอน ไม่รู้ว่าตอนนี้คนพวกนั้นจะเคียดแค้นใจมากแค่ไหนที่ต้องแบ่งพื้นที่ในจวนแก่น้องห้าอย่างนางได้ใช้สอย“พร้อมหรือยัง”“เจ้าค่ะ”หลี่เฟยหยางลูบหัวนาง “ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก” หลี่หลิงเฟิ่งยิ้มรับ ผงกศีรษะน้อยๆ ก่อนก้าวขึ้นไปนั่งในรถม้าที่จัดเตรียมไว้ใครบอกว่านางกลัวกัน นางเฝ้ารอให้วันนี้มาถึงที่สุดต่างหากด้านนอกมีหลี่เฟยหยางกับหวังซีควบม้าขนาบข้างซ้ายขวา เสี่ยวเฉินคอยกุมบังเหียนขับเคลื่อนรถม้า ส่วนนางผู้ที่สบายสุด กึ่งนั่งกึ่งนอนเอกเขนกอยู่ในรถม้า ฟังเรื่องเล่าขบขันจากสาวใช้ตัวน้อยของคนในเมืองหลี่ไปพลาง มือหยิบขนมที่เสี่ยวเซียงเตรียมไว้เข้าปากไปพลาง ส่วนหูซานกับหวังข่ายนั้นจะติดตามมาทีหลัง จำต้องจัดการลู่ทางโรงหมอที่นั่นสักพักใหญ่ขาดก็

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   ศัตรูในที่มืด 1

    หลี่หลิงเฟิ่งคิดไม่ถึงว่าแค่กลับบ้านจะมีคนมารอรุมทุบตีมากมายขนาดนี้ ยังไม่รวมถึงบ่าวไพร่ที่คุกเข่าอยู่ด้านหลัง และที่แอบอยู่ตามทางเดิน พุ่มไม้ บนเรือนอีกนับสิบยี่สิบคน บรรยากาศคึกคักยิ่งไม่เจอกันไม่กี่ปีคนเหล่านี้ยังคิดว่านางเป็นลูกพลับนิ่มให้ขยำเล่นตามใจชอบเหมือนเมื่อก่อนอยู่อีกสินะ เมื่อมีคนอยากลอง นางจะไม่สนองคืนคงผิดต่อความตั้งใจของคนเบื้องหน้าแล้วนางอยากรู้นักใครจะเข้ามาคนแรกหลายวันที่ผ่านมา หลี่หรูอี้นอนกระสับกระส่ายทุกคืน ใช้ชีวิตอย่างตื่นเต้นวาดหวังรอคอยวันที่หลี่หลิงเฟิ่งกลับมาตั้งแต่เล็กหลี่หลิงเฟิ่งแย่งความงามเป็นเอกกับนางมาตลอด หลี่หรูอี้ไม่อยากยอมรับความจริง เพราะเชื้อโสเภณีชั้นต่ำมันแรงเกินไป ใบหน้างดงามไร้ที่ติจึงประดับอยู่บนหน้านังตัวไร้ค่าทุกเมื่อเชื่อวันผู้คนต่างยกย่องนางเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลี่ แต่หากคนพวกนั้นได้เห็นความงามของนังตัวขยะนี่ อันดับหนึ่งยังจะมาถึงนางอีกหรือที่นางเกลียดที่สุดคือใบหน้านั้น!ไปอยู่บ้านนอกมาสามปี หลี่หรูอี้คิดไม่ออกเลยว่าผิวพรรณเมื่อโดนแดดจะหยาบกร้านแค่ไหน ผมแห้งไร้น้ำหนักกระเซอะกระเซิง สีผิวหมองคล้ำ อดอยากจนร่างผอมเหมือนกร

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   ศัตรูในที่มืด 2

    เช้าวันนี้เมืองหลี่ครึกครื้นเป็นพิเศษ โรงเตี๊ยมแน่นขนัดไม่มีที่ว่างแม้แต่น้อย บรรดาชนชั้นสูงจากหลายมุมเมืองต่างเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับคุณหนูทั้งสองของตระกูลหลี่โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลี่หรูอี้ คุณหนูสี่ผู้กำเนิดจากภรรยาเอกของท่านเจ้าเมือง สำหรับหลี่หลิงเฟิ่งพวกเขามีความรู้สึกอันหลากหลาย หลายเดือนก่อนเก้าในสิบส่วนของครอบครัวผู้เข้าร่วมงานเคยยื่นฎีกาเรียกร้องถอดถอนตำแหน่งคู่หมั้น มาวันนี้กลับต้องนำของขวัญมาร่วมแสดงความยินดี บรรยากาศภายในจวนจึงเต็มไปด้วยความแปลกประหลาดในตระกูลใหญ่พิธีปักปิ่นหรือพิธีแสดงความเป็นผู้ใหญ่จัดขึ้นทุกปี เมื่อบุตรีในบ้านอายุครบสิบห้าปีบริบูรณ์ ดังนั้นงานเลี้ยงสกุลหลี่สำหรับแขกเหรื่อที่มาเยือนจึงเป็นเรื่องที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์อันดีกันหรือไม่ ของขวัญที่ควรมอบยังคงต้องมอบออกไป หากบ้านไหนมีความสัมพันธ์อันดีหรือต้องการผูกมิตรกับตระกูลหลี่จะเดินทางมาแสดงความยินดีด้วยตนเอง จากจำนวนที่เข้าร่วมในวันนี้ รากฐานตระกูลหลี่นับว่าไม่ธรรมดา หยั่งรากลึกไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่นไม่เพียงบ่งบอกว่าสตรีสามารถออกเรือนได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ยังแสดงถึงการผูกพ

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-25

Bab terbaru

  • ชายาอสรพิษ   อาการกำเริบ

    ไม่นานหลังจากที่สวีคุนพูดจบ ร่างสูงของอู๋เหยียนก็ก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สายตาของเขากวาดมองหลี่หลิงเฟิ่งทันที"คุณหนูห้า นายท่านแย่แล้วขอรับ" น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความร้อนรนหลี่หลิงเฟิ่งเลิกคิ้วเล็กน้อย "เกิดอะไรขึ้น""อาการของคุณชายใหญ่ทรุดหนักลงกะทันหัน โปรดตามข้ากลับไปที่หอฝึกยุทธ์ดูสักหน่อยเถิดขอรับ"หัวใจของหลี่หลิงเฟิ่งเต้นกระตุก นางไม่ได้ถามต่อให้เสียเวลา รีบหันไปบอกลาทุกคนก่อนจะก้าวตามอู๋เหยียนไปโดยไม่ลังเลที่ห้องพักของหลี่เฟยหยาง กลิ่นจางๆ ของผลไม้คืนชีวิตอบอวลอยู่ในอากาศ ราวกับเพิ่งมีผู้ใช้มันเมื่อไม่นานมานี้ ดวงตาคมของหลี่หลิงเฟิ่งหรี่ลง นางรู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล แต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดหลี่เฟยหยางนอนอยู่บนเตียงสีขาว ใบหน้าซีดเซียวของเขามีหยาดเหงื่อเกาะพราว ดวงตาหลับพริ้มราวกับกำลังฝืนต่อสู้กับความเจ็บปวด มือทั้งสองข้างกำแน่นจนข้อขึ้นสีขาวหลี่หลิงเฟิ่งขยับเข้าไปใกล้ ราวกับทุกอย่างวนกลับไปยังวันเวลาเหล่านั้นอีกหน เขาต้องการเลือดข้านางขบเม้มริมฝีปาก กำมือแน่นก่อนจะใช้ปลายเล็

  • ชายาอสรพิษ   ตำนานเล่าขาน

    ทุกสายตาจับจ้องมายังหลี่หลิงเฟิ่งที่บัดนี้รายล้อมไปด้วยเหล่าคนของสำนักแพทย์โอสถ บางคนถึงกับหันไปมองกันอย่างสับสน"ศิษย์น้องของเจ้าสำนักหรือ หูของข้าเพี้ยนไปแล้วหรือไม่" สีหน้าของทุกคนเบิกโพลง"ใช่แล้ว หลี่หลิงเฟิ่งคืออาจารย์อาที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากเจ้าสำนักของเรา หากข้ารู้ว่าใครยังว่าร้ายนางอีกล่ะก็ อย่าหาว่าหอแพทย์โอสถของพวกเราไม่เตือน"ผู้อาวุโสแปดกล่าวเสียงกร้าว เขารอเวลานี้มานานแล้ว ใครใช้ให้คนเมืองหลวงมีตาหามีแววไม่ ใส่ร้ายบรรพบุรุษน้อยของพวกข้าไม่เว้นแต่ละวันคำพูดนั้นทำให้สีหน้าของทุกคนซีดเผือด ความนับถือที่แฝงด้วยความสั่นสะท้านค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจของทุกคน ผู้ฝึกยุทธ์ที่เคยปรามาสหลี่หลิงเฟิ่งต่างเบื้อใบ้ ไม่มีใครกล้าพูดสิ่งใดออกมาอีกแม้แต่สวีคุนเองก็อดยิ้มบางออกมาไม่ได้ "ศิษย์น้อง ข้าว่าเจ้าทำให้คนทั้งสนามตะลึงจนลืมหายใจได้เลยทีเดียว"รอบตัวหลี่หลิงเฟิ่งที่เคยเต็มไปด้วยเสียงซุบซิบปรามาส บัดนี้กลับกลายเป็นความเงียบงันที่แฝงไปด้วยความเกรงกลัว แม้กระทั่งเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่เคยคิดว่านางเป็นเพียงขยะไร้ค่า

  • ชายาอสรพิษ   เติบโตอีกขั้น

    พลังยุทธ์สีแดงขาวปรากฏรอบตัวหลี่หลิงเฟิ่ง พลังมหาศาลที่แฝงไว้ด้วยความเยือกเย็นแต่แผดเผาไปพร้อมกันแผ่ซ่านออกมา ร่างของหลี่หลิงเฟิ่งที่เคยแยกออกเป็นสิบร่าง ตอนนี้กลับแยกออกมาได้ถึงห้าสิบร่าง จนแม้แต่ชายชุดดำยังต้องเบิกตากว้าง“เป็นไปไม่ได้…วิชาลับตระกูลชิง เจ้ามีมันได้อย่างไร เจ้าเป็นคนของตระกูลชิงรึ” เขาสั่นศีรษะ คัมภีร์ทั้งหลายล้วนสูญสลายไปพร้อมกับคนของตระกูลชิงสายหลักไปหมดแล้ว แต่นางเรียนรู้มาจากใคร ยิ่งไปกว่านั้น ในระยะเวลาอันสั้นสตรีนางนี้เลื่อนขั้นไปกี่ครั้งกันแน่ หากปล่อยไปจะต้องเป็นอันตรายต่อพวกเขาอย่างแน่นอนหลี่หลิงเฟิ่งไม่ตอบ นางเพียงจ้องมองเขาด้วยแววตาแน่วแน่ ก่อนที่ร่างทั้งห้าสิบจะพุ่งเข้าใส่เขาพร้อมกันราวกับคลื่นพายุที่ไม่มีวันหยุดยั้งเสียงปะทะดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เปลวเพลิงและพลังยุทธ์สีดำสาดกระจายกลางอากาศ ชายชุดดำสะบัดมือส่งพลังทำลายล้างออกไป แต่ร่างเงาของหลี่หลิงเฟิ่งกลับเคลื่อนไหวว่องไวยิ่งกว่าปลาได้น้ำ หลบหลีกทุกการโจมตีของเขาได้อย่างแม่นยำ“นังตัวดี!” ชายชุดดำกัดฟันแน่น พลังปราชญ์ของเขาถูกกดดันจนเริ่มสั่นคลอนแต่ในขณะที่เปลวเพลิงนั้นโหมกระหน่ำ หลี่เฟยหยางที่ยืนอยู

  • ชายาอสรพิษ   ชายลึกลับ

    "พวกเจ้าคิดว่าการทำลายวังหลวงแคว้นตงเยว่แล้วจะปัดก้นหนีไปอย่างสง่าผ่าเผยได้รึ" ชายชุดดำที่ยืนหยัดอยู่กลางอากาศมองลงมาด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าคมคายไร้อารมณ์ แต่กลิ่นอายที่แผ่ซ่านกลับเต็มไปด้วยเจตนาสังหารจวินชางหลางแม้ใจจะกลัว แต่ฝีปากนั้นกล้าเกินจะกล่าว "อ้อ ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็สุนัขรับใช้แคว้นตงเยว่นี่เอง ทำไม ต้องการทวงความเป็นธรรมให้พวกมันสินะ เข้ามาเลยสิ กลัวที่ไหนกัน”ดวงตาคมกริบของชายชุดดำจับจ้องมาไปยังเขา "จักรพรรดิแคว้นตงเยว่เป็นศิษย์ของข้า พวกเจ้าสังหารเขายังเท่ากับท้าทายข้า ซ้ำยังทำลายวังหลวง ฆ่าล้างทุกคน ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปง่ายๆ ได้อย่างไร วันนี้ไม่ว่าใครก็อย่าหวังจะมีชีวิตรอด เลือดของพวกเจ้าต้องชำระล้างแผ่นดินตงเยว่ สังเวยวิญญาณให้กับศิษย์ของข้า"คำพูดนั้นทำให้ทุกคนตกตะลึง แม้แต่โม่จื่อหลิงที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็อดขรึมลงไม่ได้ "เจ้าเป็นคนจากดินแดนไร้ขอบจริงด้วยสินะ"ชายชุดดำแค่นหัวเราะ มองโม่จื่อหลิงแวบหนึ่งพลางรู้สึกคุ้นตาอยู่บ้าง ทว่าเวลานี้เขาไหนเลยจะสนใจ "รู้จักข้าก็ดีแล้ว จะได้รู้ว่าพวกเจ้ากำลังจะพบจุดจบแบบใดในไม่ช้า"โม่จื่อหลิงยกกระบี่ขึ้น สายตาคมวาว "จุดจบของเจ้าหรือ

  • ชายาอสรพิษ   ช่วยเหลือ

    ณ เมืองหลวงของแคว้นหลิวอวิ๋นเสียงการต่อสู้ยังคงดังกึกก้อง เปลวเพลิงโหมลุกไหม้ตามแนวกำแพง เสียงคำรามของผู้บุกรุกประสานกับเสียงอาวุธที่กระทบกันอย่างดุเดือดสวีคุนเจ้าสำนักหอแพทย์โอสถ กำลังรักษาผู้บาดเจ็บพลางออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "อย่าปล่อยให้พวกมันทะลวงเข้ามาได้ ต้านไว้สุดกำลัง"ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ และเจ้าหน้าที่ทหารรวมกำลังกันอย่างสุดความสามารถ แต่จำนวนศัตรูที่มีกองกำลังมือสังหารชั้นสูงกลับยังคงท่วมท้นทันใดนั้นเอง แสงสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นกลางสมรภูมิ เสียงลมกรรโชกดังขึ้นพร้อมกับร่างของหลี่หลิงเฟิ่ง โม่จื่อหลิง และจวินชางหลางที่ปรากฏตัวออกมา"พวกเรากลับมาแล้ว!" จวินชางหลางร้องลั่น พลางสะบัดดาบเล่มใหม่ในมืออย่างฮึกเหิม "ใครอยากโดนฟันก่อน มาเลย!""ทุกคนปลอดภัยดีหรือไม่" หลี่หลิงเฟิ่งตะโกนถามพลางฟาดแส้เพลิงออกไป เผาผู้บุกรุกที่พุ่งเข้ามาสวีคุนยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ "พวกเจ้ามาทันเวลาพอดี ฝั่งนั้นมีมากเกินไป พวกเรากำลังต้องการกองกำลังเสริมอย่างยิ่งยวด""ท่านวางใจ ข้าจะทำให้ศัตรูจำชื่อพวกเราไปตลอด" จวินชางหลางหัวเราะเสียงดัง เลือดร้อนไม่ลดละจากการต่อสู้ที่ต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน"งั้นข้าจะช

  • ชายาอสรพิษ   ความเปลี่ยนแปลง

    "อะไรเนี่ย ทำไมรากไม้พวกนี้มันมีชีวิตล่ะ แม่จ๋า ช่วยลูกด้วย" จวินชางหลางตะโกนพลางถอยหลบ ขณะที่รากไม้สีดำเลื้อยมาทางเขาดาบกลืนวิญญาณในมิติมายาของหลี่หลิงเฟิ่งยังคงสั่นสะท้าน ราวกับพยายามเตือนบางสิ่ง นางหอบหายใจ ดวงตาคมกริบจับจ้องไปยังใจกลางห้องโถงที่บัดนี้เต็มไปด้วยพลังมืด แท่นบูชาที่พังครึ่งหนึ่งพลันแตกออก เผยให้เห็นโลงศพสีดำสนิทที่ถูกพันธนาการไว้ด้วยรากไม้หนาทึบ นางเดินเข้าไปใกล้โลงศพที่ยังคงปล่อยไอสังหารออกมา"ระวังนะ!" จวินชางหลางร้องเตือน แต่หลี่หลิงเฟิ่งยื่นมือออกไปแตะรากไม้ที่พันรอบโลงศพ ถึงกับเป็นโลกศพฮ่องเต้รุ่นที่หนึ่งทันใดนั้น เส้นแสงสีดำพุ่งออกมาจากรากไม้ เสียงคำรามต่ำสะท้อนก้อง รากไม้ราวกับมีชีวิตฉุดกระชากไปทั่วโลงศพเปิดออกอย่างช้าๆ กลิ่นเน่าเหม็นโชยกระจายไปทั่วห้องโถง ร่างของฮ่องเต้ตงเยว่ที่เคยหลับใหลปรากฏให้เห็น ผิวหนังซีดเผือด ดวงตาที่ควรปิดสนิทพลันเปิดออก เผยให้เห็นแสงสีดำวาววับ"มันตื่นขึ้นแล้ว!" โม่จื่อหลิงกล่าวเสียงหนัก ขณะกระชับกระบี่ในมือแต่ก่อนที่ใครจะทันได้ขยับ รากไม้สีดำพุ่งขึ้นฟ้า ก่อนจะแตกกระจาย เสียงกระดูกดังลั่น ไม่ใช่แค่จักรพรรดิตงเยว่ แต่ศพของทหารและข

  • ชายาอสรพิษ   ค้นพบ

    จวินชางหลางกระเด็นกลิ้งหลายตลบก่อนจะยันตัวลุกขึ้นมา มองรอบด้านอย่างไม่สบอารมณ์ สถานที่เบื้องหน้านั้นเต็มไปด้วยซากหินและพื้นผนังที่ปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ“ที่นี่มัน...ใต้ดินหรือ” หลี่หลิงเฟิ่งกวาดตามองอย่างระแวดระวัง“ข้าหวังว่ามันจะไม่ใช่กับดักอะไรอีกนะ” จวินชางหลางโอดครวญ “ฟ้าไม่มีตา ไม่เข้าข้างข้าบ้างเลย”ทั้งสามคนเดินลึกเข้าไปในโพรงใต้ดิน เส้นทางทอดยาวราวกับไม่มีที่สิ้นสุด เสี่ยวจูจูที่เกาะอยู่บนบ่าหลี่หลิงเฟิ่งส่งเสียงครางเบาๆ อย่างไม่สบายใจ“มันรู้สึกอะไรบางอย่าง” หลี่หลิงเฟิ่งเอ่ยเบาๆ นางยกมือขึ้นลูบหัวเสี่ยวจูจูเพื่อปลอบ “ระวังตัวไว้”ภายในมิติมายาของนางกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดคิด ดาบกลืนวิญญาณ ที่ปักนิ่งอยู่กลางทุ่งมายาพลันสั่นสะท้าน เสียงหวีดแหลมต่ำ เส้นแสงสีดำปะทุจากคมดาบราวกับมีสิ่งเร้นลับพยายามฉุดกระชากมันให้หลุดจากพันธนาการ“ไม่... ไม่ดีแล้ว!” เสี่ยวมู่ร้อง ดวงตาสีครามของมันเบิกกว้างหลี่หลิงเฟิ่งเม้มปาก มองสภาพแปรปรวนในมิติของนาง ที่พื้นดินซึ่งเคยนิ่งสงบกลับแตกออก เผยให้เห็นแสงสีเทาหม่นที่หมุนวนราวกับวงกตแห่งวิญญาณในจุดนั้นมีวัตถุสีมืดสนิทลอยเด่นอยู่กลางอากาศ มั

  • ชายาอสรพิษ   ทำลายตงเยว่

    บุกแคว้นตงเยว่เปลวไฟลุกโชนสูงตระหง่าน วังหลวงของแคว้นตงเยว่ที่เคยโอ่อ่ากลายเป็นสนามรบ เปลวเพลิงจากของหลี่หลิงเฟิ่งเผาผนังไม้สักทองคำจนแตกเปรี๊ยะ เสียงกรีดร้องของทหารแคว้นตงเยว่ดังระงมจวินชางหลางหัวเราะเสียงดัง ขณะฟาดฟันศัตรูที่ขวางหน้า "นี่แหละที่ข้ารอคอยมานาน วังนี้ข้าเห็นแล้วยังอยากเผาเล่น"ทหารของแคว้นตงเยว่ล้มตายลงทีละคน ซากศพกองเรียงรายจนแทบไม่มีทางเดิน หลี่หลิงเฟิ่งมองซากปรักหักพังอย่างเยือกเย็น "วังโอ่อ่าขนาดนี้ วันนี้ก็ถึงคราวต้องมอดไหม้ไปพร้อมกับบาปของมันแล้ว""เจ้าคิดจะทำลายทุกอย่างจริงๆ หรือ ง่ายไปหน่อยกระมัง" เสียงหนึ่งดังขึ้นจากเบื้องบน ร่างสูงสง่างามในชุดมังกรสีทองปรากฏตัวท่ามกลางเงาเปลวเพลิง ฮ่องเต้แห่งแคว้นตงเยว่ ดวงหน้าคมคายที่เปี่ยมด้วยอำนาจแฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม"ข้ารู้จักสมญานามของพวกเจ้ามาบ้าง หญิงชั่วร้ายกับชายคู่หมั้นหน้าโง่ แต่กลับถูกยกย่องให้เป็นความภาคภูมิของแคว้นหลิวอวิ๋น"หลี่หลิงเฟิ่งเลิกคิ้วแปลกใจ ไม่คิดว่าพวกนางจะมีฉายาเช่นนี้ด้วย โด่งดังไม่เบาเลยหนา ฮ่องเต้ตงเยว่หัวเราะ "เจ้าคิดว่าการเผาวังหลวงของข้าจะทำให้แคว้นหลิวอวิ๋นพ้นภัยหรือ ช่างเป็นความคิดตื

  • ชายาอสรพิษ   ตั้งรับ

    กองกำลังขันทีผู้ซื่อสัตย์ของฮ่องเต้ ซึ่งได้รับการฝึกฝนให้ปกป้องวังหลวงมาตั้งแต่เยาว์วัย ยืนหยัดต้านทานคนชุดดำอย่างสุดชีวิต ถึงแม้พลังยุทธ์ของพวกเขาจะด้อยกว่าศัตรูมากนัก แต่ด้วยความภักดีที่ฝังแน่นในหัวใจ พวกเขาไม่มีวันปล่อยให้ราชวงศ์หลิวอวิ๋นล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา"ถ้าจะตาย ก็ให้ตายเพื่อฝ่าบาท!" หัวหน้าขันทีตะโกนลั่น เสียงของเขาแฝงด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมพ่ายแพ้เสียงดาบกระทบกันดังสนั่น ขันทีผู้หนึ่งฟาดดาบเข้าใส่คนชุดดำ แต่กลับถูกพลังยุทธ์มหาศาลกระแทกจนล้มลง เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นหิน"อย่าปล่อยให้พวกมันเข้าใกล้ฝ่าบาท!" หัวหน้าขันทีตะโกนอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งตัวไปขวางคนชุดดำที่พยายามบุกเข้ามาฮ่องเต้ที่ยังทรงยืนอยู่ด้วยพระวรกายที่บาดเจ็บสาหัส ดวงเนตรของพระองค์เคร่งขรึมแต่เปี่ยมด้วยความเด็ดเดี่ยว แม้พระโลหิตจะไหลซึมจากบาดแผลที่พระอุระ แต่พระองค์ไม่คิดจะล่าถอยหยวนกุ้ยเฟยยืนมองภาพนั้นด้วยความสะใจ ใบหน้าของนางฉายแววบ้าคลั่ง "ฝ่าบาทยังดื้อรั้นเช่นเคย... แต่ครั้งนี้ข้าจะทำให้ท่านสิ้นสิ้นลมหายใจไปพร้อมกับบัลลังก์ที่ท่านหวงแหนนัก!"ดวงตาของนางเรืองแสงด้วยพลังพิษสีดำที่แผ่ออกมาจากปลายนิ้ว นางสะ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status