Home / รักโบราณ / ชายาอสรพิษ / กลับสู่จุดเริ่มต้น 1

Share

กลับสู่จุดเริ่มต้น 1

last update Last Updated: 2024-12-25 19:24:18

ผ่านไปสิบวัน

อาการบาดเจ็บของหลี่เฟยหยางดีขึ้นมาก หูซานได้กลายเป็นแพทย์ประจำตัวของเขาไปแล้ว ทุกวันจะต้องมาจับชีพจร สอบถามความคืบหน้าระหว่างรักษาเสมอ ทั้งที่ชายชราไม่มีความจำเป็นต้องมาด้วยตนเอง เนื่องด้วยผู้ป่วยทั้งสองอยู่ในระยะปลอดภัยนานแล้ว

หลักๆ ที่วนเวียนอยู่อย่างนี้ เพราะต้องการเอาใจ ‘ศิษย์น้อง’ ที่เพิ่มมาอีกหนึ่งคน สร้างความรู้สึกประทับใจ เกาะติดหลี่หลิงเฟิ่งไม่ยอมห่าง

บอกตามตรง ตอนนั้นหลี่หลิงเฟิ่งเดือดดาลจนไร้คำพูดโต้กลับ นางแสดงเจตจำนงชัดเจนด้วยการปฏิเสธการเป็นศิษย์ของเขา นางไหนเลยจะคิดว่าเฒ่าทารกดันยกลำดับอาวุโสของนางให้สูงขึ้น ยังไม่ทันจะกล่าวอันใด หูซานก็ยกเตาหลอมโอสถให้นางพร้อมกับตำราสมุนไพรหนึ่งร้อยแขนงให้นางไว้ท่องจำ

ทุกเช้าหลังจากตรวจอาการหลี่เฟยหยางและเสี่ยวเฉินเรียบร้อย หูซานจะขลุกอยู่กับนางตลอดช่วงบ่าย บางครั้งยังลากนางไปโรงหมอเพื่อดูอาการคนไข้ เดิมทีหลังจากหลี่เฟยหยางฟื้นขึ้นมา นางคิดจะปฏิเสธหูซานอย่างจริงจัง เมื่อนำไปปรึกษากับชายหนุ่ม กลับเป็นหลี่เฟยหยางโน้มน้าวให้นางรับข้อเสนอนี้ไว้เสียเอง

หลี่หลิงเฟิ่งจึงผงกศีรษะรับอย่างจำใจ กลายมาเป็นศิษย์น้องของหูซานด้วยประการฉะนี้

“ร่างกายของคุณชายหายเป็นปกติแล้ว เพียงแต่พละกำลังภายในยังอ่อนแออยู่มาก ต้องเสริมสร้างอยู่เป็นประจำ หาไม่แล้วจะส่งผลต่อการเลื่อนขั้นพลังยุทธ์ของท่านในอนาคตได้” หูซานตรวจอาการของหลี่เฟยหยางอย่างเช่นทุกวัน ใบหน้าเป็นมิตรคลี่ยิ้มอบอุ่นส่งให้ มือผ่ายผอมจดเทียบยาส่งให้หวังซีจัดการต่อ

“ระหว่างนี้ข้าจะจัดให้ท่านดื่มวันละเทียบควบคู่กับการฝึกฝนซ่อมแซมร่างกายให้กลับคืนดังเดิม” หลี่เฟยหยางพยักหน้ารับรู้ ดื่มโอสถที่หวังซียื่นมาให้เงียบๆ แม้เขาจะไม่ค่อยพอใจที่คนอื่นมายุ่มย่ามใกล้ตัว แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเหมือนทุกครั้ง ด้วยรู้จุดประสงค์ของหูซานเป็นอย่างดี

หลี่หลิงเฟิ่งจ้องมองคนในห้องด้วยความเบื่อหน่าย นางคร้านจะเอ่ยปากไล่ ถึงอย่างไรก็ไม่เข้าหูชายชราหน้าทนผู้นี้หรอก เรื่องง่ายๆ แค่นี้ มีนางอยู่ทั้งคน ไม่ถึงกับต้องให้คนพวกนี้มาทำแทนก็ได้

“นอกจากอาการบาดเจ็บของพี่ใหญ่ ท่านยังตรวจพบอะไรอีกหรือไม่” หลี่หลิงเฟิ่งเลือกถามสิ่งที่นางสงสัยอยู่หลายวันออกไปแทน นางจำเหตุการณ์วันนั้นถนัดชัดเจน ความเย็นของร่างกายที่ลดต่ำอย่างรวดเร็ว เกล็ดน้ำแข็งเกาะขึ้นตามกาย ความเจ็บปวดทรมานสุดขีดที่แสดงออกมา รวมถึงปฏิกิริยาตอบสนองต่อเลือดของนางนั่นอีก ไม่มีสิ่งใดที่ไม่เป็นปัญหา

หลี่หลิงเฟิ่งรอคอยมาหลายวัน วาดหวังให้หูซานตรวจพบอาการแปลกประหลาดเหล่านั้น ผ่านมาหลายวัน การเฝ้าสังเกตของนางกลับว่างเปล่า นางกระวนกระวายใจ หลับไม่สนิททุกวันคืน แม้แต่คัมภีร์โอสถสวรรค์ที่รวบรวมโรคพิสดารต่างๆ บนโลกใบนี้ยังไม่สามารถไขความกระจ่างแจ้งแก่นางได้ หญิงสาวพลันรู้สึกมืดแปดด้านขึ้นมาทันที

“ร่างกายของพี่ชายเจ้าถือว่าแข็งแรงกว่าคนอื่นมากนัก ขอแค่บำรุงให้ดี หลีกเลี่ยงการใช้พลังยุทธ์ในช่วงนี้ก็ไม่มีปัญหาอันใดแล้ว” คำตอบของหูซานไม่เหนือความคาดหมายของนางมากนัก หลี่หลิงเฟิ่งผงกศีรษะรับรู้อย่างขอไปที

“หรือเจ้าเจอความผิดปกติอะไรเข้า” หูซานตาเป็นประกาย ที่เขาคิดเช่นนี้ได้ เหตุเพราะอยู่กับนางมาหลายวัน สาวน้อยนางนี้มักทำในสิ่งที่เหนือความคาดหมายอยู่บ่อยครั้ง หลายครั้งที่เขาให้นางศึกษาวินิจฉัยโรคให้คนป่วยร่วมกัน หลายโรคที่รักษานานกว่าจะหาย นางมักเสนอวิธีรักษาหรือการปรุงโอสถที่แปลกใหม่ให้กับเขา เขาไม่คุ้นเคยตำรับยาและวิธีรักษาของนาง แต่ไม่อาจโต้เถียงถึงผลลัพธ์ที่ดีกว่าสูตรเดิมที่เขามี

หลี่หลิงเฟิ่งมองหลี่เฟยหยางแวบหนึ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงติดเย็นชาขึ้นหลายส่วน “ไม่มี ข้าแค่ถามเพื่อความมั่นใจ” ขนาดระดับขั้นปฐมาจารย์ยังไม่รู้ ผู้อื่นจะรู้ได้อย่างไร

“จริงสิ เกือบลืมไป กำไลเงินที่ท่านใส่อยู่มันเก็บของได้หรือ วันนั้นข้าเห็นท่านหยิบพวกเตาหลอม สมุนไพรต่างๆ ออกมา” หญิงสาวโพล่งออกไปอย่างใคร่รู้ นางลืมไปได้อย่างไร นี่ถือเป็นศาสตราวุธที่ช่วยซ่อนเร้นมิติมายาของนางได้เชียวนะ ของดีแบบนี้ ทำไมสมองนางถึงลืมเลือนไปได้

“สายตาแหลมคมจริงๆ” หูซานหัวเราะร่า “นี่เป็นกำไลสำริดติดตัวข้าตั้งแต่กราบอาจารย์เข้าสำนักแพทย์โอสถ มีเพียงผู้ที่เป็นศิษย์สายตรงของผู้ก่อตั้งสำนักเท่านั้นถึงจะครอบครองมันได้”

สายตาเอ็นดูจ้องมองศิษย์น้องที่นานๆ จะแสดงความอยากรู้อยากเห็นอย่างชัดเจนถึงเพียงนี้ ใจของเขาพองโตอย่างมีความสุข นั่นเท่ากับว่าหลี่หลิงเฟิ่งเริ่มยอมรับเขาเป็นศิษย์พี่บ้างแล้ว ให้เอาวัตถุหรือความลับของสำนักมาขาย เขาก็ไม่ใส่ใจสักนิด

“ศิษย์น้อง ไม่เพียงแค่เป็นสัญลักษณ์ผู้มีอำนาจในสำนักแพทย์โอสถ กำไลวงนี้ยังสามารถเก็บสิ่งของได้อีกด้วย ยามใดที่เจ้าเดินทางไม่จำเป็นต้องแบกสิ่งของให้เหนื่อย จับพวกกมันโยนเข้าไปในกำไลสำริดเป็นอันสิ้นเรื่อง” ใจหลี่หลิงเฟิ่งฟูฟ่อง นางเดาไม่ผิดจริงๆ อนาคตภายภาคหน้าก็ไม่ต้องกังลเรื่องพลังธาตุมิติมายาของนางจะถูกพบเห็นได้ง่ายๆ อีกต่อไป

นอกจากหลี่เฟยหยางและผู้ติดตามทั้งสามของพวกนางแล้ว คนอื่นๆ ที่รู้เรื่องนี้ล้วนตายตกหมดสิ้น ความกังวลในตลอดหลายเดือนได้รับการปลดปล่อยเสียที แววตาที่มองหูซานดูสบายตาขึ้นไปอีกขึ้น

“นอกจากข้าแล้วยังมีศิษย์พี่ของเจ้าอีกสองคนที่ยึดครองไว้ หากเจ้าต้องการ เช่นนั้นก็เดินทางไปยังสำนักแพทย์โอสถ ข้าได้แจ้งข่าวให้ศิษย์พี่ทั้งสองรับรู้ก่อนแล้ว สิ่งที่ผู้อาวุโสในสำนักแพทย์โอสถจะได้รับ เจ้าย่อมมีครบไม่ขาดตกบกพร่องไปแม้แต่เพียงนิด” หลี่หลิงเฟิ่งมุมปากกระตุก นางรู้แค่ว่าอาจารย์ของหูซานลาโลกไปนานแล้ว นางถึงทำใจยอมรับข้อเสนอนี้ได้ แต่ศิษย์พี่อีกสองคนโผล่มาจากไหน ยิ่งไปกว่านั้นเกรงว่าตำแหน่งหูซานในสำนักแพทย์โอสถจะไม่ธรรมดาอย่างที่นางคิด เป็นไปได้มากว่า...

“ท่านจะบอกว่าตนเองเป็นศิษย์ของอดีตเจ้าสำนักหรือ” หลี่หลิงเฟิ่งถามออกไปอย่างระแวดระวัง ใจนางเริ่มกระตุกรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หวังซีที่ยืนหลบอยู่ปลายเตียงมองหลี่หลิงเฟิ่งราวกับมองตัวประหลาด

‘นี่นางไม่รู้แม้กระทั่งประวัติของอาจารย์หูเลยงั้นรึ มิน่าล่ะ ตอนแรกนางถึงได้ปฏิเสธไม่อยากเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์’ สายตาที่มักจะเก็บรายละเอียดรอบด้าน ถูกแบ่งความสนใจไปมองหูซานอย่างสงสาร

หูซานไม่ได้รับรู้ถึงบรรยากาศแปลกประหลาดรอบตัว หัวเราะเสียงดังลั่นห้อง “ฮ่าๆ เสี่ยวยาโถว ถ้าข้าไม่ใช่ ในแผ่นดินนี้จะมีใครใช่อีกเล่า ศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดในรุ่นนั้นก็มีเพียงหูซานคนนี้ เจ้าสำนักจะอดใจไม่รั้งตัวข้าไว้เป็นศิษย์ได้รึ เหล่าผู้อาวุโสสมัยนั้นไม่อยู่ในสายตาของข้าเลยสักนิด ฟังอย่างนี้แล้ว เจ้ารู้สึกถึงความร้ายกาจของข้าบ้างรึยัง รู้สึกว่าศิษย์พี่ของเจ้าดียิ่งใช่หรือไม่”

หวังซีนึกอยากให้หลี่หลิงเฟิ่งเป็นอาจารย์อาของเขาขึ้นมาจริงๆ หากเป็นอย่างนี้ต่อไป เขาที่เป็นศิษย์ของหูซานคงอับอายจนไม่มีหน้าเหลือไปพบผู้ใดได้อีกต่อไปแล้ว

หลี่หลิงเฟิ่งยิ้มแหย หัวเราะเหอะๆ ในลำคอ “หากพูดกันตามจริง ท่านอาศัยอะไรรับข้าเป็นศิษย์แทนอดีตเจ้าสำนัก” อีกอย่าง ต่อให้หูซานยอมรับนาง ใช่ว่าอีกสองท่านนั้นจะเห็นด้วยไปกับเขา

“เรื่องนี้ไม่ยาก ท่านอาจารย์ชอบคนมีพรสวรรค์ ถ้าได้เจอเจ้าจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรั้งตัวไว้เป็นแน่” นิ่งไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงกระตือรือร้นดังขึ้นอีกครั้ง “ใช่แล้ว พวกข้าฝันมาเสมอว่าอยากได้ศิษย์น้องหญิงสักคนหนึ่ง แต่เมื่อหมดจากรุ่นของข้าก็ไม่มีศิษย์ใหม่คนไหนมีความสามารถโดดเด่นอีกเลย ข้าจึงเป็นศิษย์คนสุดท้าย”

“นี่นับเป็นเหตุผลหรือ” ออกจะไร้สาระเกินไปหน่อยกระมัง หรือนักหลอมโอสถฝีมือดีทุกคนสมองมักจะไม่ปกติ เมื่อพบหญิงสาวตีสีหน้าพิลึกพิลั่น แววตาเย็นชาของหลี่เฟยหยางพลันปรากฏรอยยิ้ม

หูซานถลึงตา ส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ “แน่น่ะสิ ผ่านการรับรองจากข้าแล้ว เจ้าก็เป็นศิษย์น้องเต็มตัว สบายใจได้ ไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้านต่อสายตาข้าผู้นี้หรอก”

หลี่หลิงเฟิ่งไม่ได้กลัวผู้คนไม่ยอมรับ ไม่ได้สนใจสักนิด นางแค่ไม่อยากมีศิษย์พี่ที่อายุรุ่นราวคราวปู่ หลี่เฟยหยางเคยเล่ารายละเอียดสำนักแพทย์โอสถให้นางฟังคร่าวๆ มาบ้าง เจ้าสำนักคนปัจจุบันอายุน่าจะไม่น้อยแล้ว

หลี่หลิงเฟิ่งเวทนาตนเองอยู่ในใจ ก่นด่าความใจอ่อนในตอนนั้นของตนเองเป็นพันครั้ง

“คุณหนูเจ้าขา นายท่านสามกับคนของฮูหยินใหญ่มาเจ้าค่ะ บอกว่าต้องการพบคุณชายใหญ่และคุณหนูเจ้าค่ะ” ขณะที่ภายในห้องนอนของหลี่เฟยหยางเต็มไปด้วยเสียงของหูซานนั้น เสี่ยวเซียง สาวใช้ตัวน้อยของหลี่หลิงเฟิ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน ท่าทางทำความเคารพที่ต้องปฏิบัติลืมไปจนหมด พูดรัวเร็วระคนตกใจ

“พวกเขามาทำอะไร”

“คงมาเร่งให้เจ้ารีบกลับจวนกระมัง” หลี่เฟยหยางพูดออกมาอย่างเย็นชา ใบหน้าหล่อเหลาเย็นเยียบ

“ดูท่าเจ้าเมืองตระกูลหลี่ใจร้อนเกินไปหน่อยกระมัง” หูซานได้ฟังอดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้ ข่าวสารเรื่องการหมั้นหมายของนังหนูนี่เขาได้ยินมาบ้างเหมือนกัน มีเวลาอีกร่วมเดือนกว่าจะถึงวันส่งตัวเข้าวัง เหตุใดจึงเร่งรัดอยากให้ศิษย์น้องกลับไปนัก เมื่อก่อนไม่เห็นมาดูดำดูดีพวกนาง ตอนนี้กลับกระตือรือร้นมารับคน

หากว่าไม่มีจุดประสงค์ใดแอบแฝง ให้ตายเขาก็ไม่เชื่อ

มุมปากหลี่หลิงเฟิ่งยกยิ้ม ฮ่องเต้ไม่ร้อนใจ ขันทีกลับร้อนใจไปก่อน* หญิงสาวหมุนกายออกไปตามหลังเสี่ยวเซียง มือจับบานประตูค้างไว้ เหมือนคิดอะไรได้ หันหน้ากลับมาพูดกับคนในห้อง “พี่ใหญ่ท่านพักผ่อนเถอะ ข้าออกไปต้อนรับคนเดียวก็พอแล้ว ส่วนพวกท่าน เชิญตามอัธยาศัย ขอตัวก่อน”

ชายหนุ่มเผยสีหน้ายุ่งยากใจ มองเงาหลังหลี่หลิงเฟิ่งด้วยความเป็นห่วง ขยับตัวเตรียมจะลงจากเตียง แต่สุดท้ายก็รั้งตัวเองไว้ ถอนใจเฮือกใหญ่ หลับตาเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงดังเดิม

คาดไม่ถึงเมื่อหลี่เฟยหยางสงบใจลงได้ กลายเป็นหูซานที่เป็นเดือดเป็นร้อนขึ้นมาแทน

หากเป็นเมื่อก่อนหูซานไม่อาจช่วยเหลือหลี่หลิงเฟิ่งได้มากนัก เขาไม่อาจก้าวก่ายเรื่องของครอบครัวคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ชอบเอาตนเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนัก

แต่วันนี้ไม่เหมือนวันวาน นางเป็นศิษย์น้องของเขา แล้วเขาเป็นใคร ผู้อาวุโสสำนักแพทย์โอสถของดินแดนแห่งนี้ แค่จวนเจ้าเมืองเล็กๆ ไม่อยู่ในสายตาเขาเลยสักนิด!

“ฮ่าๆ ศิษย์น้องเจ้ารอข้าก่อน” ใบหน้าเจ้าเล่ห์เต็มไปด้วยความสนุกสนานฉาบขึ้นมา กวักมือเรียกหวังซีพร้อมกับผงกหัวอำลาหลี่เฟยหยาง “หวังซี อย่าลืมรายงานเรื่องนี้ให้อาจารย์ลุงของเจ้ารู้ด้วยเล่า อย่าได้ตกหล่นแม้แต่คำพูดเดียว”

“ขอรับ” หวังซีขานตอบเสียงเบา ฟังดูอ่อนอกอ่อนใจ เดินตามหลังหูซานออกไปเงียบๆ

เมื่อเหลือเพียงหลี่เฟยหยางทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบ สายตาของบุรุษเย็นชาราวน้ำแข็ง น้ำเสียงเฉียบขาดดังขึ้น “อู๋เหยียน ไปสืบมา”

ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ตอบกลับมา มีเพียงต้นไม้ข้างห้องนอนสั่นไหวครั้งหนึ่งก่อนรอบบริเวณจะตกสู่ความเงียบสงัดอีกครั้ง

*ฮ่องเต้ไม่ร้อนใจ ขันทีกลับร้อนใจไปก่อน หมายถึง เดือดเนื้อร้อนใจเรื่องของคนอื่น ในขณะที่เจ้าตัวไม่สนใจเลยสักนิด

Related chapters

  • ชายาอสรพิษ   กลับสู่จุดเริ่มต้น 2

    ช่วงนี้แคว้นหลิวอวิ๋นมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเรื่องสนุกปากในโรงเตี๊ยมและตามตรอกซอกซอยมีเพิ่มขึ้นทุกวัน เรื่องเล่าที่เป็นที่กล่าวขานมากสุดคงหนีไม่พ้นเรื่องคู่หมั้นขยะขององค์ชายรองผู้เป็นเลิศในทุกด้าน ได้รับความนิยมจนโรงละครนำมาทำเป็นเรื่องเล่าหลายต่อหลายบท เหตุการณ์สำคัญในเรื่องพูดถึงความอาภัพอับโชคขององค์ชายรอง หน้าตาอัปลักษณ์ของคู่หมั้น รวมไปถึงเสนาบดีหลี่ใช้อำนาจบาตรใหญ่บังคับเหล่าองค์ชายแต่งงานกับหลานสาวอันเป็นที่รัก ฮ่องเต้เห็นแก่คุณงามความดีของเจ้าเมืองหลี่จึงได้ยกองค์ชายรองให้หมั้นหมายกับบุตรสาวตระกูลหลี่ ที่ได้ชื่อว่าตัวไร้ค่าชาวบ้านต่างพากันเห็นใจสงสารองค์ชายรอง สาปแช่งก่นด่าหลี่หลิงเฟิ่งและเจ้าเมืองหลี่เรื่องราวอัปยศอดสูทำเอาเจ้าเมืองหลี่โกรธจนแทบจะกระอักเลือด ขุนนางทั้งหลายพากันประณามเขา ฎีกาหลายฉบับส่งตรงไปหาฮ่องเต้ให้ยุติการหมั้นหมายนี้ลง ตัวเขาเองที่เป็นบิดาก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ไหนเลยจะมีใครคิด ไม่เพียงฮ่องเต้ไม่เอ่ยปากทัดทาน หากแต่ทรงกริ้วเหล่าขุนนางที่ร้องเรียนหน้าท้องพระโรง ออกว่าราชการยังไม่เสร็จก็สะบัดแขนเสื้อจากไปชายวัยกลางคนรู้สึกเหมือนตนเองเป็นคนใบ้ที่กินหว

    Last Updated : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   กลับสู่จุดเริ่มต้น 3

    พลังเช่นนี้...ความรู้สึกกดดันเช่นนี้...ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหลอมรวม ซ้ำยังสูงกว่าเขาอีกหนึ่งขั้น เมื่อครู่ผู้ลอบเล่นงานเขาไม่ใช่สองพี่น้องคู่นั้้น เป็นชายชราผู้นี้แน่นอน เป็นเขาที่กดข่มพลังคนทั้งหมดไว้ เป็นเขาที่บังคับให้ข้าคุกเข่า...หลี่เชาสูดหายใจลึก รู้สึกได้ถึงความตายที่กำลังมาเยือนถึงหน้าประตู“ท่าน...ท่านกับข้า...พวกเราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน เหตุใดจึงตั้งตนเป็นปรปักษ์ ลอบทำร้ายกันเล่า” ความเงียบปกคลุมทั่วบริเวณ ไม่มีเสียงตอบรับเล็ดลอดออกมา มีเพียงเสียงดังอั่กทีหนึ่ง เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดเลอะพื้นกระเด็นมาจนถึงจุดที่หลี่หลิงเฟิ่งยืนอยู่พลั่ก พลั่ก พลั่กท่ามกลางการชะงักค้างของทุกคน พลังสีแดงพุ่งไปรอบด้านไม่ขาดสาย เหล่าผู้คุ้มกันเหมือนเป็นง่อยเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงตอบโต้ ได้แต่นอนโอดโอยบนพื้นโถงรับรองอันเย็นเฉียบ เพลิงพิโรธของหูซานยังคงไม่มอดดับลงง่ายๆ หันไปเล่นงานหลี่เชาที่นอนพะงาบๆ อยู่บนพื้นไร้เสียงตอบโต้“ช้าก่อน” หลี่หลิงเฟิ่งรีบร้องปรามเมื่อเห็นท่าไม่ดี“ท่านจะฆ่าใครข้าไม่สน แต่อย่าให้คนพวกนี้มาตายในบ้านของข้าเป็นอันขาด” หลูหมิ่นซึ่งเวลานี้ปากชาไปหมดเพิ่งได้สติคืนมา มองทั้งส

    Last Updated : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   กลับสู่จุดเริ่มต้น 4

    เนื่องจากในวังมีการเลื่อนวันเข้าเฝ้า จากกำหนดเดิมคือสิบห้าวันหลังเสร็จพิธีปักปิ่นของนาง ไม่รู้เพราะเหตุอันใดจึงร่นระยะเวลาให้เหลือเพียงสามวันเป็นเหตุให้พวกนางต้องเร่งกลับบ้านทันทีเพื่อเข้าร่วมงานปักปิ่นที่จะจัดขึ้นก่อนกำหนดสิบห้าวัน หากว่ากันตามจริงแล้ว ถ้านางไม่ได้รับความสำคัญในครั้งนี้ขึ้นมา หลี่หลิงเฟิ่งไม่ถูกจัดให้เข้าร่วมและเป็นหนึ่งในตัวเอกของงานแน่นอน ไม่รู้ว่าตอนนี้คนพวกนั้นจะเคียดแค้นใจมากแค่ไหนที่ต้องแบ่งพื้นที่ในจวนแก่น้องห้าอย่างนางได้ใช้สอย“พร้อมหรือยัง”“เจ้าค่ะ”หลี่เฟยหยางลูบหัวนาง “ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก” หลี่หลิงเฟิ่งยิ้มรับ ผงกศีรษะน้อยๆ ก่อนก้าวขึ้นไปนั่งในรถม้าที่จัดเตรียมไว้ใครบอกว่านางกลัวกัน นางเฝ้ารอให้วันนี้มาถึงที่สุดต่างหากด้านนอกมีหลี่เฟยหยางกับหวังซีควบม้าขนาบข้างซ้ายขวา เสี่ยวเฉินคอยกุมบังเหียนขับเคลื่อนรถม้า ส่วนนางผู้ที่สบายสุด กึ่งนั่งกึ่งนอนเอกเขนกอยู่ในรถม้า ฟังเรื่องเล่าขบขันจากสาวใช้ตัวน้อยของคนในเมืองหลี่ไปพลาง มือหยิบขนมที่เสี่ยวเซียงเตรียมไว้เข้าปากไปพลาง ส่วนหูซานกับหวังข่ายนั้นจะติดตามมาทีหลัง จำต้องจัดการลู่ทางโรงหมอที่นั่นสักพักใหญ่ขาดก็

    Last Updated : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   ศัตรูในที่มืด 1

    หลี่หลิงเฟิ่งคิดไม่ถึงว่าแค่กลับบ้านจะมีคนมารอรุมทุบตีมากมายขนาดนี้ ยังไม่รวมถึงบ่าวไพร่ที่คุกเข่าอยู่ด้านหลัง และที่แอบอยู่ตามทางเดิน พุ่มไม้ บนเรือนอีกนับสิบยี่สิบคน บรรยากาศคึกคักยิ่งไม่เจอกันไม่กี่ปีคนเหล่านี้ยังคิดว่านางเป็นลูกพลับนิ่มให้ขยำเล่นตามใจชอบเหมือนเมื่อก่อนอยู่อีกสินะ เมื่อมีคนอยากลอง นางจะไม่สนองคืนคงผิดต่อความตั้งใจของคนเบื้องหน้าแล้วนางอยากรู้นักใครจะเข้ามาคนแรกหลายวันที่ผ่านมา หลี่หรูอี้นอนกระสับกระส่ายทุกคืน ใช้ชีวิตอย่างตื่นเต้นวาดหวังรอคอยวันที่หลี่หลิงเฟิ่งกลับมาตั้งแต่เล็กหลี่หลิงเฟิ่งแย่งความงามเป็นเอกกับนางมาตลอด หลี่หรูอี้ไม่อยากยอมรับความจริง เพราะเชื้อโสเภณีชั้นต่ำมันแรงเกินไป ใบหน้างดงามไร้ที่ติจึงประดับอยู่บนหน้านังตัวไร้ค่าทุกเมื่อเชื่อวันผู้คนต่างยกย่องนางเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลี่ แต่หากคนพวกนั้นได้เห็นความงามของนังตัวขยะนี่ อันดับหนึ่งยังจะมาถึงนางอีกหรือที่นางเกลียดที่สุดคือใบหน้านั้น!ไปอยู่บ้านนอกมาสามปี หลี่หรูอี้คิดไม่ออกเลยว่าผิวพรรณเมื่อโดนแดดจะหยาบกร้านแค่ไหน ผมแห้งไร้น้ำหนักกระเซอะกระเซิง สีผิวหมองคล้ำ อดอยากจนร่างผอมเหมือนกร

    Last Updated : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   ศัตรูในที่มืด 2

    เช้าวันนี้เมืองหลี่ครึกครื้นเป็นพิเศษ โรงเตี๊ยมแน่นขนัดไม่มีที่ว่างแม้แต่น้อย บรรดาชนชั้นสูงจากหลายมุมเมืองต่างเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับคุณหนูทั้งสองของตระกูลหลี่โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลี่หรูอี้ คุณหนูสี่ผู้กำเนิดจากภรรยาเอกของท่านเจ้าเมือง สำหรับหลี่หลิงเฟิ่งพวกเขามีความรู้สึกอันหลากหลาย หลายเดือนก่อนเก้าในสิบส่วนของครอบครัวผู้เข้าร่วมงานเคยยื่นฎีกาเรียกร้องถอดถอนตำแหน่งคู่หมั้น มาวันนี้กลับต้องนำของขวัญมาร่วมแสดงความยินดี บรรยากาศภายในจวนจึงเต็มไปด้วยความแปลกประหลาดในตระกูลใหญ่พิธีปักปิ่นหรือพิธีแสดงความเป็นผู้ใหญ่จัดขึ้นทุกปี เมื่อบุตรีในบ้านอายุครบสิบห้าปีบริบูรณ์ ดังนั้นงานเลี้ยงสกุลหลี่สำหรับแขกเหรื่อที่มาเยือนจึงเป็นเรื่องที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์อันดีกันหรือไม่ ของขวัญที่ควรมอบยังคงต้องมอบออกไป หากบ้านไหนมีความสัมพันธ์อันดีหรือต้องการผูกมิตรกับตระกูลหลี่จะเดินทางมาแสดงความยินดีด้วยตนเอง จากจำนวนที่เข้าร่วมในวันนี้ รากฐานตระกูลหลี่นับว่าไม่ธรรมดา หยั่งรากลึกไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่นไม่เพียงบ่งบอกว่าสตรีสามารถออกเรือนได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ยังแสดงถึงการผูกพ

    Last Updated : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   ศัตรูในที่มืด 3

    โลหิตสดๆ ไหลออกมาจากไหล่ซ้ายของสตรีชุดแดง รอยกรีดลึกเป็นทางยาวประมาณเจ็ดชุ่น* หลี่หลิงเฟิ่งหน้าตาบิดเบี้ยวข่มความเจ็บปวด รับพลังโจมตีทั้งหมดผ่านมือขวา ลำตัวถอยร่นจนสุดขอบเรือน สมกับเป็นสัตว์อสูรหายาก พละกำลังของมันแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นกำเนิดใหม่ระดับสูงหลูหวั่นชิง ลืมตาขึ้น มองหลี่หลิงเฟิ่งที่ยืนสู้กับหมูป่าหางทองอย่างตะลึงงัน ลืมความเจ็บปวดจากการโดนพลังยุทธ์ที่กันนางออกมานอนกองอยู่บนพื้น นางหมายจะเข้าไปช่วยหลี่หลิงเฟิ่ง ใครเลยจะคิดว่า...“นาง...นางเป็นพลังยุทธ์” นี่...คำเล่าลือหลายสิบปีเป็นเรื่องหลอกลวงหรือ นางหาใช่ตัวไร้ค่า แต่เป็นผู้มากด้วยพรสวรรค์ต่างหาก!เสียงเซ็งแซ่ดังกระหึ่มทั่วห้องโถง ในที่นี้ไม่มีใครใจคอสงบสักคน เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเหนือความคาดหมายเกินไปแล้วหมูป่าหางทองคำรามดังขึ้น เจ้าพวกมนุษย์น่าตาย กล้าลอบกัดข้า กระแสไฟฟ้าปลายหางแผ่ลามทั่วทิศ ทั่วทั้งห้องโกลาหลหนีตายกันถ้วนหน้า ห้องโถงที่เคยวิจิตรงดงามพังลงไม่เหลือซาก เสาหลักยึดโครงหลังคาหักลงทีละต้น เวลานี้บริเวณใกล้หลี่หลิงเฟิ่งเหลือเพียงแม่ลูกตระกูลหลู และหลี่เหวินเหยาเท่านั้น ส่วนสองแม่ลูกตัวต้นเรื

    Last Updated : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   ศัตรูในที่มืด 4

    เสียงตึงตังบริเวณทางเดินชั้นสองดังสนั่นไปถึงชั้นล่าง จะโทษก็โทษที่หอแพทย์โอสถแห่งนี้วัสดุทำขึ้นจากไม้ บุรุษทั้งสามวิ่งมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูบานหนึ่ง หายใจหอบถี่ หวังซีจัดเครื่องแต่งกาย ผมเผ้า และปรับสีหน้าให้สงบนิ่งเหมือนยามปกติ เคาะประตูสองครั้งจากนั้นค่อยๆ ผลักเข้าไปเหยาจี้เห็นท่าทางของหวังซีพลันยิ้มกรุ้มกริ่ม เดินตามหลังเข้าไป มีเพียงถงลี่ยืนเฝ้าสถานการณ์อยู่ด้านนอก ช่างใจจะเข้าไปดีหรือไม่ หลังจากความคิดตีกันในหัวอยู่นาน สุดท้ายตัดสินใจเดินคอตกเข้าไป“ผู้อาวุโสหวัง” เมื่อเห็นชายทั้งสามเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นยังมีชายหนุ่มที่ต้องการอยากพบจึงส่งเสียงกระเช้าเย้าแหย่ไปให้ หัวเราะเบาๆ อย่างคนอารมณ์ดีเมื่อได้ยินเสียงหลี่หลิงเฟิ่ง เขาถึงกับขนลุกซู่ มุมปากหวังซีกระตุกครั้งหนึ่ง ยกยิ้มพิลึกพิลั่น พลางเดินเข้าไปหาทั้งสองคนที่นั่งอยู่กลางห้อง“คารวะผู้อาวุโสหวัง” หลี่เจี้ยนลุกขึ้นยืนคำนับ ใคร่นึกสงสัยถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ดวงตาคมมองสลับระหว่างหวังซีและหลี่หลิงเฟิ่งไปมาหวังซีพยักหน้าน้อยๆ ตอบกลับหลี่เจี้ยน ทว่า ตัวกลับคำนับหลี่หลิงเฟิ่งแทน ทำเอาทุกคนภายในห้องงุนงงกันถ้วนหน้า “แม่นางหลี่

    Last Updated : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   นักคว้าจับมือฉมัง 1

    กว่าจะออกจากหอแพทย์โอสถก็ล่วงเลยเข้ายามซวี* ด้านนอกมืดสนิท หลี่หลิงเฟิ่งอ่อนเพลียจนผลอยหลับในรถม้าตลอดทาง ตอนแรกหวังซีเสนอให้นางพักอยู่ที่หอแพทย์เพื่อดูอาการสักหนึ่งคืน รุ่งสางค่อยกลับไปพักฟื้นที่จวนทว่า คนร้ายยังคงแฝงตัวอยู่ในหอแพทย์โอสถ ทำให้หลี่เจี้ยนปฏิเสธเสียงแข็ง เป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอม หลี่หลิงเฟิ่งเองก็อยากกลับจวนเช่นเดียวกัน จึงได้ปฏิเสธออกไป ก่อนจากมายังได้กำชับหวังซีส่งสมุนไพรบางส่วนสำหรับหลอมยาลูกกลอนมาให้นางจำนวนหนึ่งเวลาสามปีแห่งการเก็บตัวของนางผ่านพ้นไปแล้ว ยอดฝีมือแข็งแกร่งมีมากเหลือเกิน หากนางไม่เร่งฝึกพลังยุทธ์ เพิ่มความแข็งแกร่ง ไม่นานนางคงเพลี่ยงพล้ำเข้าสักวัน ไม่เพียงปกป้องคนรอบข้างไม่ได้ ยังไม่มีแม้แต่กำลังจะป้องกันตนเองให้อยู่รอดปลอดภัยเสียด้วยซ้ำเมื่อกลับถึงจวนยังไม่วายถูกหลี่เจี้ยนซักถามเรื่องราวความเป็นมาระหว่างศิษย์พี่ศิษย์น้องของนางกับหูซาน จวบจนเห็นว่าดึกมากแล้วหลี่เจี้ยนจึงยอมล่าถอยกลับไป กว่าหลี่หลิงเฟิ่งจะทำกิจธุระเตรียมตัวเข้านอนเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบยามจื่อ*หลี่หลิงเฟิ่งถอนหายใจเบาๆ กล่าวกับเสี่ยวเซียงที่กำลังจัดที่นอนให้นาง“เรื่องนั้นคืบหน้าไปถึงไห

    Last Updated : 2024-12-25

Latest chapter

  • ชายาอสรพิษ   ช่วยเหลือ

    ณ เมืองหลวงของแคว้นหลิวอวิ๋นเสียงการต่อสู้ยังคงดังกึกก้อง เปลวเพลิงโหมลุกไหม้ตามแนวกำแพง เสียงคำรามของผู้บุกรุกประสานกับเสียงอาวุธที่กระทบกันอย่างดุเดือดสวีคุนเจ้าสำนักหอแพทย์โอสถ กำลังรักษาผู้บาดเจ็บพลางออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "อย่าปล่อยให้พวกมันทะลวงเข้ามาได้ ต้านไว้สุดกำลัง"ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ และเจ้าหน้าที่ทหารรวมกำลังกันอย่างสุดความสามารถ แต่จำนวนศัตรูที่มีกองกำลังมือสังหารชั้นสูงกลับยังคงท่วมท้นทันใดนั้นเอง แสงสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นกลางสมรภูมิ เสียงลมกรรโชกดังขึ้นพร้อมกับร่างของหลี่หลิงเฟิ่ง โม่จื่อหลิง และจวินชางหลางที่ปรากฏตัวออกมา"พวกเรากลับมาแล้ว!" จวินชางหลางร้องลั่น พลางสะบัดดาบเล่มใหม่ในมืออย่างฮึกเหิม "ใครอยากโดนฟันก่อน มาเลย!""ทุกคนปลอดภัยดีหรือไม่" หลี่หลิงเฟิ่งตะโกนถามพลางฟาดแส้เพลิงออกไป เผาผู้บุกรุกที่พุ่งเข้ามาสวีคุนยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ "พวกเจ้ามาทันเวลาพอดี ฝั่งนั้นมีมากเกินไป พวกเรากำลังต้องการกองกำลังเสริมอย่างยิ่งยวด""ท่านวางใจ ข้าจะทำให้ศัตรูจำชื่อพวกเราไปตลอด" จวินชางหลางหัวเราะเสียงดัง เลือดร้อนไม่ลดละจากการต่อสู้ที่ต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน"งั้นข้าจะช

  • ชายาอสรพิษ   ความเปลี่ยนแปลง

    "อะไรเนี่ย ทำไมรากไม้พวกนี้มันมีชีวิตล่ะ แม่จ๋า ช่วยลูกด้วย" จวินชางหลางตะโกนพลางถอยหลบ ขณะที่รากไม้สีดำเลื้อยมาทางเขาดาบกลืนวิญญาณในมิติมายาของหลี่หลิงเฟิ่งยังคงสั่นสะท้าน ราวกับพยายามเตือนบางสิ่ง นางหอบหายใจ ดวงตาคมกริบจับจ้องไปยังใจกลางห้องโถงที่บัดนี้เต็มไปด้วยพลังมืด แท่นบูชาที่พังครึ่งหนึ่งพลันแตกออก เผยให้เห็นโลงศพสีดำสนิทที่ถูกพันธนาการไว้ด้วยรากไม้หนาทึบ นางเดินเข้าไปใกล้โลงศพที่ยังคงปล่อยไอสังหารออกมา"ระวังนะ!" จวินชางหลางร้องเตือน แต่หลี่หลิงเฟิ่งยื่นมือออกไปแตะรากไม้ที่พันรอบโลงศพ ถึงกับเป็นโลกศพฮ่องเต้รุ่นที่หนึ่งทันใดนั้น เส้นแสงสีดำพุ่งออกมาจากรากไม้ เสียงคำรามต่ำสะท้อนก้อง รากไม้ราวกับมีชีวิตฉุดกระชากไปทั่วโลงศพเปิดออกอย่างช้าๆ กลิ่นเน่าเหม็นโชยกระจายไปทั่วห้องโถง ร่างของฮ่องเต้ตงเยว่ที่เคยหลับใหลปรากฏให้เห็น ผิวหนังซีดเผือด ดวงตาที่ควรปิดสนิทพลันเปิดออก เผยให้เห็นแสงสีดำวาววับ"มันตื่นขึ้นแล้ว!" โม่จื่อหลิงกล่าวเสียงหนัก ขณะกระชับกระบี่ในมือแต่ก่อนที่ใครจะทันได้ขยับ รากไม้สีดำพุ่งขึ้นฟ้า ก่อนจะแตกกระจาย เสียงกระดูกดังลั่น ไม่ใช่แค่จักรพรรดิตงเยว่ แต่ศพของทหารและข

  • ชายาอสรพิษ   ค้นพบ

    จวินชางหลางกระเด็นกลิ้งหลายตลบก่อนจะยันตัวลุกขึ้นมา มองรอบด้านอย่างไม่สบอารมณ์ สถานที่เบื้องหน้านั้นเต็มไปด้วยซากหินและพื้นผนังที่ปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ“ที่นี่มัน...ใต้ดินหรือ” หลี่หลิงเฟิ่งกวาดตามองอย่างระแวดระวัง“ข้าหวังว่ามันจะไม่ใช่กับดักอะไรอีกนะ” จวินชางหลางโอดครวญ “ฟ้าไม่มีตา ไม่เข้าข้างข้าบ้างเลย”ทั้งสามคนเดินลึกเข้าไปในโพรงใต้ดิน เส้นทางทอดยาวราวกับไม่มีที่สิ้นสุด เสี่ยวจูจูที่เกาะอยู่บนบ่าหลี่หลิงเฟิ่งส่งเสียงครางเบาๆ อย่างไม่สบายใจ“มันรู้สึกอะไรบางอย่าง” หลี่หลิงเฟิ่งเอ่ยเบาๆ นางยกมือขึ้นลูบหัวเสี่ยวจูจูเพื่อปลอบ “ระวังตัวไว้”ภายในมิติมายาของนางกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดคิด ดาบกลืนวิญญาณ ที่ปักนิ่งอยู่กลางทุ่งมายาพลันสั่นสะท้าน เสียงหวีดแหลมต่ำ เส้นแสงสีดำปะทุจากคมดาบราวกับมีสิ่งเร้นลับพยายามฉุดกระชากมันให้หลุดจากพันธนาการ“ไม่... ไม่ดีแล้ว!” เสี่ยวมู่ร้อง ดวงตาสีครามของมันเบิกกว้างหลี่หลิงเฟิ่งเม้มปาก มองสภาพแปรปรวนในมิติของนาง ที่พื้นดินซึ่งเคยนิ่งสงบกลับแตกออก เผยให้เห็นแสงสีเทาหม่นที่หมุนวนราวกับวงกตแห่งวิญญาณในจุดนั้นมีวัตถุสีมืดสนิทลอยเด่นอยู่กลางอากาศ มั

  • ชายาอสรพิษ   ทำลายตงเยว่

    บุกแคว้นตงเยว่เปลวไฟลุกโชนสูงตระหง่าน วังหลวงของแคว้นตงเยว่ที่เคยโอ่อ่ากลายเป็นสนามรบ เปลวเพลิงจากของหลี่หลิงเฟิ่งเผาผนังไม้สักทองคำจนแตกเปรี๊ยะ เสียงกรีดร้องของทหารแคว้นตงเยว่ดังระงมจวินชางหลางหัวเราะเสียงดัง ขณะฟาดฟันศัตรูที่ขวางหน้า "นี่แหละที่ข้ารอคอยมานาน วังนี้ข้าเห็นแล้วยังอยากเผาเล่น"ทหารของแคว้นตงเยว่ล้มตายลงทีละคน ซากศพกองเรียงรายจนแทบไม่มีทางเดิน หลี่หลิงเฟิ่งมองซากปรักหักพังอย่างเยือกเย็น "วังโอ่อ่าขนาดนี้ วันนี้ก็ถึงคราวต้องมอดไหม้ไปพร้อมกับบาปของมันแล้ว""เจ้าคิดจะทำลายทุกอย่างจริงๆ หรือ ง่ายไปหน่อยกระมัง" เสียงหนึ่งดังขึ้นจากเบื้องบน ร่างสูงสง่างามในชุดมังกรสีทองปรากฏตัวท่ามกลางเงาเปลวเพลิง ฮ่องเต้แห่งแคว้นตงเยว่ ดวงหน้าคมคายที่เปี่ยมด้วยอำนาจแฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม"ข้ารู้จักสมญานามของพวกเจ้ามาบ้าง หญิงชั่วร้ายกับชายคู่หมั้นหน้าโง่ แต่กลับถูกยกย่องให้เป็นความภาคภูมิของแคว้นหลิวอวิ๋น"หลี่หลิงเฟิ่งเลิกคิ้วแปลกใจ ไม่คิดว่าพวกนางจะมีฉายาเช่นนี้ด้วย โด่งดังไม่เบาเลยหนา ฮ่องเต้ตงเยว่หัวเราะ "เจ้าคิดว่าการเผาวังหลวงของข้าจะทำให้แคว้นหลิวอวิ๋นพ้นภัยหรือ ช่างเป็นความคิดตื

  • ชายาอสรพิษ   ตั้งรับ

    กองกำลังขันทีผู้ซื่อสัตย์ของฮ่องเต้ ซึ่งได้รับการฝึกฝนให้ปกป้องวังหลวงมาตั้งแต่เยาว์วัย ยืนหยัดต้านทานคนชุดดำอย่างสุดชีวิต ถึงแม้พลังยุทธ์ของพวกเขาจะด้อยกว่าศัตรูมากนัก แต่ด้วยความภักดีที่ฝังแน่นในหัวใจ พวกเขาไม่มีวันปล่อยให้ราชวงศ์หลิวอวิ๋นล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา"ถ้าจะตาย ก็ให้ตายเพื่อฝ่าบาท!" หัวหน้าขันทีตะโกนลั่น เสียงของเขาแฝงด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมพ่ายแพ้เสียงดาบกระทบกันดังสนั่น ขันทีผู้หนึ่งฟาดดาบเข้าใส่คนชุดดำ แต่กลับถูกพลังยุทธ์มหาศาลกระแทกจนล้มลง เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นหิน"อย่าปล่อยให้พวกมันเข้าใกล้ฝ่าบาท!" หัวหน้าขันทีตะโกนอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งตัวไปขวางคนชุดดำที่พยายามบุกเข้ามาฮ่องเต้ที่ยังทรงยืนอยู่ด้วยพระวรกายที่บาดเจ็บสาหัส ดวงเนตรของพระองค์เคร่งขรึมแต่เปี่ยมด้วยความเด็ดเดี่ยว แม้พระโลหิตจะไหลซึมจากบาดแผลที่พระอุระ แต่พระองค์ไม่คิดจะล่าถอยหยวนกุ้ยเฟยยืนมองภาพนั้นด้วยความสะใจ ใบหน้าของนางฉายแววบ้าคลั่ง "ฝ่าบาทยังดื้อรั้นเช่นเคย... แต่ครั้งนี้ข้าจะทำให้ท่านสิ้นสิ้นลมหายใจไปพร้อมกับบัลลังก์ที่ท่านหวงแหนนัก!"ดวงตาของนางเรืองแสงด้วยพลังพิษสีดำที่แผ่ออกมาจากปลายนิ้ว นางสะ

  • ชายาอสรพิษ   เมล็ดพันธ์ุแห่งความสงสัย

    "โจมตีที่แก่นพลังในกะโหลก พวกมันจะฟื้นตัวไม่ได้ถ้าแก่นนั้นถูกทำลาย" เสียงสั่งการของหลี่เฟยหยางดังขึ้นท่ามกลางเสียงคำรามของสัตว์อสูรเน่าเปื่อยที่น่าสะอิดสะเอียน หลี่หลิงเฟิ่งที่กำลังฟาดแส้เพลิงใส่สัตว์อสูรตนหนึ่งถึงกับชะงัก นางหรี่ตาจ้องมองหลี่เฟยหยางที่ดูมั่นใจในการโจมตีราวกับรู้จุดอ่อนของพวกมันดีราวกับฝ่ามือตัวเอง"ทำลายแก่นพลังงั้นหรือ" หลี่หลิงเฟิ่งพึมพำเบาๆ ก่อนจะหันไปสบตาโม่จื่อหลิง "ลองทำดู!"โม่จื่อหลิงไม่รีรอ เขาพุ่งเข้าใส่สัตว์อสูรตัวหนึ่งราวกับพายุ กระบี่ในมือเปล่งประกายสีเงินวาววับ ปลายกระบี่พุ่งตรงเข้าหากะโหลกของมันอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เสียงแตกดังลั่นเมื่อแก่นพลังถูกทำลาย ร่างของมันล้มลงกับพื้นและสลายกลายเป็นผุยผงในชั่วพริบตา"ได้ผลจริงๆ ด้วย!" หลูหวั่นชิงตะโกนขึ้นด้วยความดีใจ นางกวัดแกว่งพัดเหล็กในมือ สร้างกระแสลมเพลิงพุ่งตรงเข้าใส่กะโหลกของสัตว์อสูรอีกตัว เผาไหม้แก่นพลังจนแตกละเอียดแต่หลี่หลิงเฟิ่งกลับไม่ได้รู้สึกโล่งใจ ดวงตาคู่งามของนางจับจ้องหลี่เฟยหยางที่ยังคงต่อสู้อย่างดุดัน ร่างสูงสง่างามของเขาขยับอย่างแม่นยำและมั่นใจราวกับนักล่าที่ชำนาญ สายตาของนางแฝงไว้ด้วยความส

  • ชายาอสรพิษ   ทางรอด

    การต่อสู้ในสุสานสัตว์อสูรยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด พลังยุทธ์และอาวุธหลากชนิดพุ่งเข้าใส่ร่างสัตว์อสูรเน่าเปื่อยเหล่านั้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับไม่ได้ผลเท่าที่ควร ทุกครั้งที่พวกมันล้มลง มันกลับลุกขึ้นมาใหม่ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด“พวกมันมีแต่มากไม่มีลดลงเลย ขืนแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ เราต้องออกจากที่นี่โดยด่วน” หลูหวั่นชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน นางใช้พัดเหล็กในมือกวาดเปลวไฟออกไป เผาสัตว์อสูรตัวหนึ่งจนมอดไหม้ แต่เพียงครู่เดียว ร่างที่ไหม้เกรียมนั้นก็กลับมาฟื้นคืนและกระโจนเข้ามาอีกครั้ง“ทางออกอยู่ไหนกันล่ะ สู้มาจะค่อนวันแล้วข้ายังไม่เห็นว่าจะมีสักแม้เงา” จวินชางหลางตะโกนกลับ เสียงของเขาแฝงด้วยความเหนื่อยล้า กระบี่ของเขาเปื้อนเลือดสัตว์อสูรจนไม่เหลือเค้าเดิมหลี่หลิงเฟิ่งเบี่ยงตัวหลบกรงเล็บของสัตว์อสูรตัวหนึ่งที่ฟาดลงมา นางสะบัดแส้เพลิงในมือออกไป เปลวไฟสีแดงฉานลุกโชนขึ้น เผาร่างของมันจนแตกสลาย แต่ในเวลาเดียวกัน นางก็ใช้สายตาสำรวจพื้นที่รอบตัว“ถ้าค่ายกลนี้ถูกทำลายแล้ว พวกมันไม่ควรถูกยึดติดกับพื้นที่นี้อีก ล่อพวกมันกระจายตัวออกไปก็สิ้นเรื่อง พวกมันถูกดึงดูดจากต้นไม้แห่งชีวิต ตอนนี้ไม่มีเหลือแ

  • ชายาอสรพิษ   กับดักใจกลางป่า

    กลุ่มของหลี่หลิงเฟิ่งติดตามคำบอกเล่าของนุ่มนิ่มมาตลอดทางจนกระทั่งมาถึงจุดหมายเบื้องหน้า สิ่งที่พวกเขาเห็นคือปากถ้ำขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนซ่อนตัวอยู่ภายในเงาไม้หนาทึบ ถ้ำนี้ดูไม่ต่างจากที่หลี่หลิงเฟิ่งได้ยินจากคำรายงานของนุ่มนิ่มเหลียนฉือกงและเหลียนฉู่ฉู่นั่งพิงกันอยู่หน้าถ้ำ ดวงหน้าซีดเซียวและเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผลของการต่อสู้ เหลียนฉือกงมีบาดแผลใหญ่ที่สีข้าง ขณะที่เหลียนฉู่ฉู่กุมป้ายหยกแน่นราวกับไม่อาจปล่อยจากมือ“ข้าเจอพวกเขาแล้ว” หลูหวั่นชิงชี้ไปยังสองพี่น้องแคว้นเหลียน นางรีบจะก้าวเข้าไปหา แต่หลี่หลิงเฟิ่งยกมือขึ้นห้ามไว้ทันที“อย่าเพิ่งเข้าไป” หลี่หลิงเฟิ่งบอกเสียงเฉียบพลัน ดวงตาของนางหรี่ลงมองภาพเบื้องหน้า ในขณะที่ทุกคนเห็นเพียงถ้ำที่ดูปลอดภัย แต่สิ่งที่นางเห็นกลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิงภาพเบื้องหน้าของหลี่หลิงเฟิ่งไม่ได้เป็นเพียงปากถ้ำ แต่เป็นสุสานสัตว์อสูรที่เต็มไปด้วยซากศพของสัตว์อสูรนานาชนิด กองกระดูกที่เรียงรายอยู่ทุกหนแห่งส่งกลิ่นคาวเลือดจางๆ ที่ดูเหมือนจะยังไม่แห้งสนิท ราวกับพวกมันเพิ่งล้มตายไม่นานนางหันมองรอบตัวอย่างระแวดระวัง เสียงของถิงถิงดังขึ้น“นายท่านที่นี่ถูกสร้างค่า

  • ชายาอสรพิษ   ถิงถิงออกโรง

    เสียงหอบหายใจของหลี่หลิงเฟิ่งและคนอื่นๆ ดังขึ้นท่ามกลางเสียงคำรามอันต่ำของฝูงอสูรที่ล้อมรอบพวกเขาไว้ มันไม่ได้เป็นเพียงสัตว์อสูรธรรมดา หากแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้วและถูกปลุกขึ้นมาด้วยพลังลึกลับ เนื้อหนังที่เน่าเปื่อยของพวกมันเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคาวและความสยดสยองที่แผ่กระจายไปทั่ว“เจ้าพวกนี้มันไม่มีวันตายจริงๆ สินะ” หลูหวั่นชิงพึมพำ น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยความตื่นตระหนกยิ่งยวด“แต่พวกเราตายได้นะ” จวินชางหลางตะโกนพลางหมุนตัวฟาดดาบในมือผ่านร่างอสูรตัวหนึ่งจนขาดเป็นสองท่อน แต่ในเสี้ยววินาทีต่อมา เศษเนื้อและกระดูกที่แตกกระจายกลับเริ่มเคลื่อนไหวและประกอบร่างอีกแล้ว เป็นอย่างนี้ทุกครั้งไป“ไม่ว่าเจ้าจะฟันอีกกี่ครั้ง มันก็ยังรวมร่างได้ เสียเวลาเปล่า” หลี่หลิงเฟิ่งกล่าวเสียงเรียบ นางสะบัดมือข้างหนึ่ง ผ้าสีแดงสิบเส้นพลันพุ่งออกไปพร้อมเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วง แส้เพลิงฟาดลงบนร่างของสัตว์อสูรตัวหนึ่งเสี่ยวจูจูที่ยืนอยู่ข้างหลี่หลิงเฟิ่งส่งเสียงร้องคำรามอันทรงพลัง ร่างเล็กของมันกระโจนออกจากที่มั่น ลวดลายสีดำสลับทองบนตัวส่องประกายระยับ ขณะที่กรงเล็บของมันตวัดฉีกกระชากอสูรตัวหนึ่งจนกระเด็นไปไกล

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status