แชร์

ศัตรูในที่มืด 1

ผู้เขียน: เสี่ยวหลันฮวา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-25 19:27:02

หลี่หลิงเฟิ่งคิดไม่ถึงว่าแค่กลับบ้านจะมีคนมารอรุมทุบตีมากมายขนาดนี้ ยังไม่รวมถึงบ่าวไพร่ที่คุกเข่าอยู่ด้านหลัง และที่แอบอยู่ตามทางเดิน พุ่มไม้ บนเรือนอีกนับสิบยี่สิบคน บรรยากาศคึกคักยิ่ง

ไม่เจอกันไม่กี่ปีคนเหล่านี้ยังคิดว่านางเป็นลูกพลับนิ่มให้ขยำเล่นตามใจชอบเหมือนเมื่อก่อนอยู่อีกสินะ เมื่อมีคนอยากลอง นางจะไม่สนองคืนคงผิดต่อความตั้งใจของคนเบื้องหน้าแล้ว

นางอยากรู้นักใครจะเข้ามาคนแรก

หลายวันที่ผ่านมา หลี่หรูอี้นอนกระสับกระส่ายทุกคืน ใช้ชีวิตอย่างตื่นเต้นวาดหวังรอคอยวันที่หลี่หลิงเฟิ่งกลับมา

ตั้งแต่เล็กหลี่หลิงเฟิ่งแย่งความงามเป็นเอกกับนางมาตลอด หลี่หรูอี้ไม่อยากยอมรับความจริง เพราะเชื้อโสเภณีชั้นต่ำมันแรงเกินไป ใบหน้างดงามไร้ที่ติจึงประดับอยู่บนหน้านังตัวไร้ค่าทุกเมื่อเชื่อวัน

ผู้คนต่างยกย่องนางเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลี่ แต่หากคนพวกนั้นได้เห็นความงามของนังตัวขยะนี่ อันดับหนึ่งยังจะมาถึงนางอีกหรือ

ที่นางเกลียดที่สุดคือใบหน้านั้น!

ไปอยู่บ้านนอกมาสามปี หลี่หรูอี้คิดไม่ออกเลยว่าผิวพรรณเมื่อโดนแดดจะหยาบกร้านแค่ไหน ผมแห้งไร้น้ำหนักกระเซอะกระเซิง สีผิวหมองคล้ำ อดอยากจนร่างผอมเหมือนกระดูกเดินได้แน่ๆ แล้วหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้านางคือผู้ใด ใช่หลี่หลิงเฟิ่งในจินตนาการของนางแน่หรือ!

มือทั้งสองกำเข้าหากันแน่น จ้องมองหลี่หลิงเฟิ่งดั่งศัตรูคู่อาฆาต นางเกลียด! เดียดฉันท์สตรีที่อาศัยแค่ความงามก็ครอบครองบุรุษให้ลุ่มหลงมัวเมาได้แล้ว

ต่อให้เป็นไม้ประดับแล้วอย่างไร สุดท้ายผู้ชายเหล่านั้นก็อดเหลือบมองหลายครั้งหลายคราไม่ได้อยู่ดี

“สตรีชุดแดงนางนั้นเป็นใคร ราวกับเทพธิดาลงมาจุติบนโลกมนุษย์” เหล่าข้ารับใช้กระซิบกระซาบอยู่ละแวกใกล้ๆ ไม่หยุด บ้างมองหลี่หลิงเฟิ่งด้วยประกายตาชื่นชม หลงใหล บ้างอิจฉา ไม่ต่างจากพวกคนนอกประตูจวน

“หุบปากให้หมด!” เป็นไปไม่ได้ หลี่หลิงเฟิ่งงดงามขนาดนี้ได้อย่างไร หลี่หรูอี้แทบอยากจะกรีดร้อง รอบด้านต่างก้มหน้างุดหุบปากด้วยความหวาดกลัว

ข้ารับใช้สองคนแอบอยู่ไม่ไกลยังวิพากษ์วิจารณ์ต่อ เสียงเบาๆ ดังขึ้นชัดเจนท่ามกลางความเงียบ “ดูๆ ไปแล้วนางดูคล้ายคลึงคุณหนูห้ามากเลยนะ”

“จะเป็นไปได้อย่างไร ตัวไร้ค่านางนั้นอยู่บ้านนอกมานาน หากมีรูปโฉมเยี่ยงนี้ ข้าก็เป็นเทพธิดาแห่งแว่นแคว้นแล้ว”

“ฮ่าๆ ก็จริง แต่นางงดงามเป็นเอก ยากที่จะหาใครเทียมได้เช่นนี้ ข้าว่ายังงามกว่าคุณหนูสี่มากนัก”

“ชู่ว เบาๆ หน่อย ไม่เห็นหรือว่านางมากับใคร เห็นได้ชัดว่านางเป็นสตรีของคุณชายใหญ่แน่ๆ”

“ใครอยู่ตรงนั้น ลากสองคนนั้นออกไปโบยให้ตาย” หลี่หรูอี้ทนไม่ไหว มือสะบัดแขนเสื้ออย่างไม่สบอารมณ์

“คุณหนูสี่โปรดไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วย” เสียงร้องขอความเมตตาของสองบ่าวที่ถูกลากตัวออกไปเบาลงเรื่อยๆ จนลับสายตาไป

หลี่หลิงเฟิ่งนึกเวทนาหลี่หรูอี้ในใจ แม่นางน้อยเอ๋ย เจ้ายังเล็กนักถึงได้อิจฉาแค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ งดงามแล้วมีประโยชน์อันใด ทำให้แข็งแกร่งขึ้นหรือไม่ มีแต่จะนำภัยมาสู่ตัว

ครู่หนึ่งหญิงสาวพลันรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กไร้สมองนางหนึ่ง

โจวชิงหรานยิ้มกระด้างออกมาแวบหนึ่ง เหลือบสายตาปรามหลี่หรูอี้ครั้งหนึ่ง แล้วปรับสีหน้าอ่อนโยนยามพูดออกมา “กลับมาก็ดีแล้ว เข้าไปข้างในกันเถิด แม่สั่งพ่อครัวทำอาหารไว้รอพวกเจ้าอยู่บนเรือน”

“ข้าขอโทษแทนน้องสี่ด้วย นางไม่รู้เลยทำตัวเสียมารยาทต่อหน้าเจ้า เด็กคนนี้อะไรก็ดีไปหมด เว้นเสียแต่ขี้อิจฉาไปหน่อย ใครใช้ให้พี่ใหญ่พาหญิงงามกลับมาด้วยเล่า” น้ำเสียงอ่อนหวานดังขึ้นจากสตรีชุดสีฟ้าท่าทางสุขุม หลี่เหวินเหยา คุณหนูใหญ่ของตระกูล ลูกสาวคนเดียวของหลี่หมิง นายท่านรองตระกูลหลี่

หลี่หลิงเฟิ่งเพียงยิ้มตอบรับ สำหรับหญิงสาวที่มาจากต่างแดนอย่างนาง อายุสิบห้าปียังไม่บรรลุนิติภาวะเลยด้วยซ้ำ

“อย่าว่าแต่นางเลย เจ้าเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ใครก็ไม่คิดว่าเจ้าโตขึ้นมาจะเป็นโฉมสะคราญหาตัวจับยากในใต้หล้า แม้แต่ข้าเห็นเจ้าครั้งแรกยังอดใจเต้นไม่ได้” สายตาหลี่เหวินเหยาอ่อนโยนอย่างยิ่ง ประโยคนี้ทางหนึ่งชื่นชมนาง อีกทางหนึ่งสร้างความอิจฉาริษยาให้หลี่หรูอี้แค้นเคืองนางมากขึ้น

คำพูดสวยหรู รอยยิ้มอ่อนหวาน แต่ข้างในรู้สึกอย่างไร คงมีแต่เจ้าตัวที่รู้ชัดแจ้ง

ดังคาด หลี่หรูอี้สุดจะทานทน แผดเสียงร้องลั่น “ท่านพี่พูดอันใด หญิงงามอะไรกัน ใครต่างก็รู้ว่านางเป็นแค่ตัวไร้ค่า!”

บรรยากาศรอบกายเงียบสนิท โจวชิงหรานจิตใจกระอักกระอ่วน รีบทักท้วงขึ้นมาทันที “อี้อี้! อย่าเสียมารยาท ต่อให้ฝึกพลังยุทธ์ไม่ได้ นางก็ยังเป็นน้องสาวของเจ้า”

ว่าแล้วก็หันมาส่งยิ้มอย่างช่วยไม่ได้มอบให้หลี่หลิงเฟิ่ง “พี่สาวของเจ้าเป็นคนวู่วาม พูดไม่คิด เจ้าเป็นน้องก็อย่าได้ถือสานางเลย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่หลิงเฟิ่งถึงกับไปไม่เป็น เสียงกลั้วหัวเราะของนางพาบรรยากาศอึมครึมเปลี่ยนเป็นมีชีวิตชีวา ตั้งแต่เกิดมาหญิงสาวไม่เคยเห็นใครเสแสร้งเก่งเท่าฮูหยินใหญ่เลยสักครั้ง “ท่านไม่เหนื่อยบ้างหรือ”

รอบข้างถึงกับงุนงงเมื่อเจอประโยคนี้เข้าไป หลี่เฟยหยางที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกขบขัน หญิงสาวผู้นี้จะเล่นอันใดอีก สุดท้ายเป็นหลี่หรูอี้ทนสงสัยไม่ไหว โพล่งถามเสียงดัง “เหตุใดท่านแม่ของข้าต้องเหนื่อยเล่า หากนางเหนื่อยจริงก็เพราะมีคนอย่างเจ้ายืนอยู่รกหูรกตา” ยังอยากจะกลับมา ทำไมไม่ตายๆไปซะ  ประโยคหลังถึงแม้ไม่ได้เอ่ยออกมา แต่ก็แสดงออกบนสีหน้าจนหมด

“จะไม่ให้นางเหนื่อยได้อย่างไร” หญิงสาวรู้สึกเอือมระอาเด็กคนนี้ยิ่งนัก มีสตรีอย่างนี้เป็นบุตรสาว หากในอนาคตหวังพึ่งพิง ชีวิตคงจบเห่ "เสแสร้งทุกเวลาขนาดนี้ ระวังหน้าจะเหี่ยวก่อนวัยนะเจ้าคะ”

“แค่ก” บุรุษชุดเทาหนึ่งเดียวในที่นี้ยืนเงียบอยู่นาน สายตาที่มีเพียงหลี่หลิงเฟิ่งตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้จึงเปล่งเสียงออกมา “ขออภัย” ก่อนปรับสีหน้านิ่งดังเดิม นัยน์ตาคมคู่นั้นไม่รู้คิดสิ่งใดอยู่

โจวชิงหรานสีหน้าดูไม่ได้ ประกายเย็นเยียบแผ่ซ่านเต็มดวงตา “เจ้าเป็นเพียงลูกอนุภรรยา ถึงกับพูดกับข้าอย่างนี้ เสียแรงที่ข้าหวังเอ็นดูเจ้าให้มากหน่อย แต่เจ้ามันเด็กเนรคุณ เลี้ยงไม่เชื่อง”

“เดิมทีพวกเราไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกัน ท่านเองก็ไม่ใช่แม่แท้ๆ ของข้า จะเอ่ยถึงมิตรไมตรีอะไร ไม่คิดว่ามันน่าขันไปหน่อยหรือ” หลี่หลิงเฟิ่งเอ่ยเสียงเข้ม ขาเรียวก้าวไปหยุดอยู่เบื้องหน้าหลี่หรูอี้

“ขยะอย่างแก ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรทั้งนั้น! จะอยู่หรือตายต้องดูว่าพวกข้าพยักหน้าหรือไม่!” ใบหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ของหลี่หรูอี้ปรากฏริ้วคลื่นโมโห หน้าตายับย่นไม่น่ามอง กระแทกเสียงไม่พอใจ

“อดีต ปัจจุบัน รวมถึงอนาคต มีตอนไหนบ้างที่พวกเจ้าหวังดีกับข้า แค่ปล่อยให้ข้าเกิดมาก็นับเป็นบุญคุณงั้นรึ” หญิงสาวเชิดหน้าเอ่ยเสียงเยาะ หัวเราะออกมาน้อยๆ “อย่ามาอ้างเรื่องมโนธรรม กตัญญูหน่อยเลย หากตัวเจ้าเองก็ยังไม่มี”

“เจ้านับเป็นตัวอะไร ตัวไร้ค่าอย่างเจ้าแม้แต่หมาแมวยังสำคัญกว่า ถือดีอันใดมาอวดเบ่งแถวนี้!” หลี่หรูอี้เต้นเร่าๆ อยากจะฆ่านางขยะปากเสียให้ตายไปเสีย

“อวดดีอย่างนี้ไงล่ะ” พลังสีแดงขุมหนึ่งตรงเข้ารัดคอหลี่หรูอี้ รวดเร็ว แม่นยำ กระทั่งคนทั้งหมดตั้งตัวไม่ทัน ไม่คาดคิดว่าอยู่ๆ หลี่หลิงเฟิ่งจะมีพลังยุทธ์ ไม่เพียงเท่านั้นนางยังกล้าลงมือทำร้ายหลี่หรูอี้ต่อหน้าทุกคน

"เพราะมีดีให้อวดอ้าง ข้าถึงได้อวดดี" น้ำเสียงเย้ยหยันส่งผลให้เลือดร้อนๆของหลี่หรูอี้เย็บเฉียบทันที นางถึงกลับตอบโต้กลับไปไม่ได้ นี่มันอะไรกัน

“อี้อี้!” โจวฮูหยินได้สติคนแรก แผดเสียงร้องตื่นตระหนก ปล่อยพลังยุทธ์สายสีเทาหมายสังหารหลี่หลิงเฟิ่ง

โครม!

“ใครกล้าลงมือ!” บุรุษชุดเทาที่สายตาติดตรึงอยู่บนร่างหลี่หลิงเฟิ่งมาตลอดขัดขวางการโจมตีโจวชิงหรานได้ทันท่วงที “หากอยากลองดี ท่านจะขยับอีกทีก็ย่อมได้”

หลี่หลิงเฟิ่งเลิกคิ้วมองบุรุษชุดเทา บุรุษผู้นี้ช่วยนางหรือ เพราะเหตุใดเล่า

“เจ้าเป็นผู้ฝึกพลังยุทธ์ขั้นกำเนิดใหม่ระดับกลางรึ ทำไมข้าถึงไม่รู้มาก่อน” โจวชิงหรานตื่นตระหนกกับความจริงที่พุ่งเข้ามาฉับพลัน ดวงหน้าซีดเผือด อี้อี้ของนางเป็นผู้ฝึกพลังยุทธ์ขั้นกำเนิดใหม่ระดับกลางเช่นกัน แต่ความแข็งแกร่งของพวกนางสองคนเทียบกันไม่ติดเลยแม้แต่น้อย

“ท่านป้า ท่านนี่ไม่ทันข่าวสารเอาเสียเลย เสี่ยวเฟิ่งของข้าเก่งกาจขนาดนี้ ไยลูกสาวของท่านถึงยังว่าร้ายนางอีก” น้ำเสียงเนิบนาบเบาสบายดังขัดความคิดโจวชิงหราน นางมองหลี่เจี้ยนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ น่าตายนัก! หลูหมิ่น เจ้าถึงกับกล้าปิดบังข้า

แปะ แปะ แปะ

“ช่างเป็นภาพครอบครัวสุขสันต์เสียจริง” หลี่เหวินเหยาส่งยิ้มเย้ยหยันไปทางหลี่เฟยหยาง “พี่ใหญ่ ท่านจะยืนอยู่วงนอกให้น้องรองเป็นบุรุษผู้กล้าช่วยสามงามจริงๆ น่ะหรือ”

น้องรอง? หลี่เจี้ยนน่ะรึ น้องชายหลี่เฟยหยาง หรือก็คือพี่ชายรองของนางที่เกิดจากอดีตฮูหยินคนก่อน หลี่เจี้ยน ไม่ใช่เสี่ยวเซียงบอกว่าเขาป่วยกระเสาะกระแสะใกล้ตายมาตั้งแต่เด็กหรอกรึ ไฉนชายที่ยืนอยู่ตรงนี้ถึงได้หล่อเหล่า รูปร่างเป็นล่ำเป็นสันต่างจากที่ได้ยินมานักเล่า

“ไม่ใช่กงการของข้า” หลี่เฟยหยางยักไหล่ขอไปที

หลี่หลิงเฟิ่งเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจนัก “พี่รอง?”

“แฮ่ม น้องเล็ก จากไปแค่สามปีถึงกับจำพี่ชายคนนี้ไม่ได้เชียวรึ” ท่าทางสุขุมนุ่มลึก เก๊กหล่อนั่นคืออะไร ทำให้นางดูหรือ หน้าตางดงามพลันเหลอหลา

“เจ้า...อึก...เป็นพลังยุทธ์” หลี่หรูอี้ตาเบิกโพลงราวกับเห็นผี เป็นไปไม่ได้! ตัวไร้ค่าจะฝึกพลังยุทธ์ได้อย่างไร น้ำเสียงไม่ยิมยอมดังขึ้น “แพศยา! เจ้าแอบฝึกวิชานอกรีตมาใช่หรือไม่ ไม่อย่างนั้นด้วยสมองของเจ้าหรือจะมีปัญญาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้ ไม่มีทาง!”

“มีหรือไม่มี ข้าไม่รู้ แต่ที่รู้...” เสียงหัวเราะของหลี่หลิงเฟิ่งปั่นประสาทศัตรูได้ง่ายยิ่งนัก “ข้ามีปัญญาฆ่าเจ้าได้ก็แล้วกัน” ว่าแล้วแรงบีบคอพลันรัดแน่นจนหลี่หรูอี้หายใจติดขัด ดิ้นพล่านเหมือนหนูติดจั่น

“ตัวไร้ค่าหรือ” หลี่หลิงเฟิ่งแค่นหัวเราะ “มาดูกันว่าตัวไร้ค่าจะทรมานเจ้าอย่างไรบ้าง”

“ช่วย...ด้วย...ข้า...” ไม่อยากตาย เท้าทั้งสองข้างลอยขึ้นเหนือพื้นดิน เสียงตะกุกตะกักปนหวาดผวาพยายามเอื้อมมือไขว่คว้าหาที่ยึดสุดกำลัง

“หลี่หลิงเฟิ่ง! ปล่อยลูกข้าเดี๋ยวนี้” โจวชิงหรานแทบเสียสติเมื่อเห็นสภาพของหลี่หรูอี้ ลมหายใจลูกสาวเพียงคนเดียวแผ่วลงเรื่อยๆ ใบหน้าเริ่มเขียวคล้ำ นางสาดพลังยุทธ์ไปทั่วบริเวณไม่สนใจบ่าวรับใช้รอบข้าง เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นไม่ขาดสาย ทว่าคนทั้งสี่ที่ยืนอยู่กลับไม่เป็นอะไรเลย เกราะป้องกันสีฟ้าอ่อนๆ ล้อมรอบสองสาวเอาไว้ ขวางกั้นทุกคนไม่ให้ย่างกรายเข้ามา

“เป็นเพียงการละเล่นของพี่น้องที่ไม่ได้พบหน้ากันนาน ฮูหยินใหญ่ไม่จำเป็นต้องโมโห” น้ำเสียงเย็นชาไม่บ่งบอกอารมณ์ด้านหลังหญิงสาวดังขึ้น ในที่สุดหลี่เฟยหยางก็ไม่ทำตัวเป็นผู้ชมอีกต่อไป

“สารเลว หลี่หลิงเฟิ่งเป็นน้องของพวกเจ้า แล้วอี้อี้ไม่ใช่งั้นหรือ” โจวชิงหรานจ้องมองบุรุษทั้งสองอย่างโกรธแค้น ถ้าเกิดนางเข้มแข็งกว่านี้ รับรองได้ว่าหลี่เฟยหยางจะเป็นคนที่นางกำจัดคนแรกอย่างแน่นอน!

“ไม่อาจเทียบกันได้” บนโลกนี้ใครก็เทียบน้องสาวของเขาไม่ได้!

พลังยุทธ์สีน้ำเงินพุ่งมาสกัดพลังของหลี่หลิงเฟิ่งเอาไว้ หลี่หรูอี้ร่วงหล่นลงพื้น นั่งสูดเอาอากาศแรงๆ เข้าปอดหลายที หมดเรี่ยวแรงแม้กระทั่งเอ่ยวาจา น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความหวาดกลัว

หลี่หลิงเฟิ่งหยุดมือ หันหน้าไปมองที่มาของพลังดังกล่าว สายตาไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใด “เหอะ ทักทายกันพอแล้วกระมัง อย่าลืมว่าพรุ่งนี้พวกเจ้ายังต้องเข้าพิธีปักปิ่น” หลี่เหวินเหยาเอ่ยขึ้นมาอย่างราบเรียบ

นางหัวเราะออกมาคำหนึ่ง “หลี่หลิงเฟิ่ง ต่อให้เจ้าโกรธแค้นนางขนาดนั้น ก็ไม่อาจลงมือทำร้ายพี่สาวตนเองได้ เพียงแค่เจ้ามีพลังยุทธ์เท่าหางอึ่ง ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะไร้เทียมทาน หากนับตามจริงเจ้ามันก็แค่ปลายแถว มีพลังนิดหน่อย ตระกูลหลี่ยังไม่ถึงขั้นให้เจ้ามาถือดีได้”

“อย่าคิดว่ามีพี่ชายให้ท้าย แล้วจะไม่มีใครทำอันใดเจ้าได้ ตระกูลหลี่หาได้ขาดผู้เก่งกาจไม่ ขาดเจ้าไปคนหนึ่ง ก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับพวกเราตระกูลหลี่” คำกล่าวนี้ไม่เพียงแค่ข่มขู่ แต่เป็นการเตือน หลี่หลิงเฟิ่งมองหลี่เหวินเหยาที่เดินห่างออกไปหลังจากกล่าวจบ นางหัวเราะเสียงเย็น หาได้ใส่ใจคำขู่พวกนี้ไม่

หญิงสาวรู้ขีดจำกัดพลังของตนเองดี นางรู้ว่าเวลาใดสามารถโอหัง อวดดีได้ ต่อให้เผชิญหน้าต่อพละกำลังที่แข็งแกร่งกว่านางก็จะยังทำอยู่ดี นั่นเพราะการมีอยู่ของหลี่เฟยหยาง นางรู้ว่าเขาย่อมไม่ให้นางเป็นอันตรายเด็ดขาด

เพราะนั่นคือความไว้ใจและรู้ใจ ไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา

หลี่หลิงเฟิ่งก้าวมายืนตรงหน้าหลี่หรูอี้ ก้มหน้างดงามลงสบตากับใบหน้าที่เคยใสซื่อ หน้าพริ้มเพราเผยรอยยิ้มเยี่ยงโพธิสัตว์ลงมาโปรด หากแต่คล้ายนางมารในสายตาของหลี่หรูอี้ จนร่างทั้งร่างของหญิงสาวสั่นสะท้านขดตัวกลมเข้าหากันแน่น

หลี่หลิงเฟิ่งกระซิบแผ่วเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน “รู้หรือไม่อะไรที่เรียกว่ารนหาที่ตาย”

มือสวยลูบไล้เบาๆ บนหน้าหลี่หรูอี้ “นี่แหละที่เรียกว่ารนหาที่ตาย”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายาอสรพิษ   ศัตรูในที่มืด 2

    เช้าวันนี้เมืองหลี่ครึกครื้นเป็นพิเศษ โรงเตี๊ยมแน่นขนัดไม่มีที่ว่างแม้แต่น้อย บรรดาชนชั้นสูงจากหลายมุมเมืองต่างเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับคุณหนูทั้งสองของตระกูลหลี่โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลี่หรูอี้ คุณหนูสี่ผู้กำเนิดจากภรรยาเอกของท่านเจ้าเมือง สำหรับหลี่หลิงเฟิ่งพวกเขามีความรู้สึกอันหลากหลาย หลายเดือนก่อนเก้าในสิบส่วนของครอบครัวผู้เข้าร่วมงานเคยยื่นฎีกาเรียกร้องถอดถอนตำแหน่งคู่หมั้น มาวันนี้กลับต้องนำของขวัญมาร่วมแสดงความยินดี บรรยากาศภายในจวนจึงเต็มไปด้วยความแปลกประหลาดในตระกูลใหญ่พิธีปักปิ่นหรือพิธีแสดงความเป็นผู้ใหญ่จัดขึ้นทุกปี เมื่อบุตรีในบ้านอายุครบสิบห้าปีบริบูรณ์ ดังนั้นงานเลี้ยงสกุลหลี่สำหรับแขกเหรื่อที่มาเยือนจึงเป็นเรื่องที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์อันดีกันหรือไม่ ของขวัญที่ควรมอบยังคงต้องมอบออกไป หากบ้านไหนมีความสัมพันธ์อันดีหรือต้องการผูกมิตรกับตระกูลหลี่จะเดินทางมาแสดงความยินดีด้วยตนเอง จากจำนวนที่เข้าร่วมในวันนี้ รากฐานตระกูลหลี่นับว่าไม่ธรรมดา หยั่งรากลึกไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่นไม่เพียงบ่งบอกว่าสตรีสามารถออกเรือนได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ยังแสดงถึงการผูกพ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   ศัตรูในที่มืด 3

    โลหิตสดๆ ไหลออกมาจากไหล่ซ้ายของสตรีชุดแดง รอยกรีดลึกเป็นทางยาวประมาณเจ็ดชุ่น* หลี่หลิงเฟิ่งหน้าตาบิดเบี้ยวข่มความเจ็บปวด รับพลังโจมตีทั้งหมดผ่านมือขวา ลำตัวถอยร่นจนสุดขอบเรือน สมกับเป็นสัตว์อสูรหายาก พละกำลังของมันแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นกำเนิดใหม่ระดับสูงหลูหวั่นชิง ลืมตาขึ้น มองหลี่หลิงเฟิ่งที่ยืนสู้กับหมูป่าหางทองอย่างตะลึงงัน ลืมความเจ็บปวดจากการโดนพลังยุทธ์ที่กันนางออกมานอนกองอยู่บนพื้น นางหมายจะเข้าไปช่วยหลี่หลิงเฟิ่ง ใครเลยจะคิดว่า...“นาง...นางเป็นพลังยุทธ์” นี่...คำเล่าลือหลายสิบปีเป็นเรื่องหลอกลวงหรือ นางหาใช่ตัวไร้ค่า แต่เป็นผู้มากด้วยพรสวรรค์ต่างหาก!เสียงเซ็งแซ่ดังกระหึ่มทั่วห้องโถง ในที่นี้ไม่มีใครใจคอสงบสักคน เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเหนือความคาดหมายเกินไปแล้วหมูป่าหางทองคำรามดังขึ้น เจ้าพวกมนุษย์น่าตาย กล้าลอบกัดข้า กระแสไฟฟ้าปลายหางแผ่ลามทั่วทิศ ทั่วทั้งห้องโกลาหลหนีตายกันถ้วนหน้า ห้องโถงที่เคยวิจิตรงดงามพังลงไม่เหลือซาก เสาหลักยึดโครงหลังคาหักลงทีละต้น เวลานี้บริเวณใกล้หลี่หลิงเฟิ่งเหลือเพียงแม่ลูกตระกูลหลู และหลี่เหวินเหยาเท่านั้น ส่วนสองแม่ลูกตัวต้นเรื

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   ศัตรูในที่มืด 4

    เสียงตึงตังบริเวณทางเดินชั้นสองดังสนั่นไปถึงชั้นล่าง จะโทษก็โทษที่หอแพทย์โอสถแห่งนี้วัสดุทำขึ้นจากไม้ บุรุษทั้งสามวิ่งมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูบานหนึ่ง หายใจหอบถี่ หวังซีจัดเครื่องแต่งกาย ผมเผ้า และปรับสีหน้าให้สงบนิ่งเหมือนยามปกติ เคาะประตูสองครั้งจากนั้นค่อยๆ ผลักเข้าไปเหยาจี้เห็นท่าทางของหวังซีพลันยิ้มกรุ้มกริ่ม เดินตามหลังเข้าไป มีเพียงถงลี่ยืนเฝ้าสถานการณ์อยู่ด้านนอก ช่างใจจะเข้าไปดีหรือไม่ หลังจากความคิดตีกันในหัวอยู่นาน สุดท้ายตัดสินใจเดินคอตกเข้าไป“ผู้อาวุโสหวัง” เมื่อเห็นชายทั้งสามเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นยังมีชายหนุ่มที่ต้องการอยากพบจึงส่งเสียงกระเช้าเย้าแหย่ไปให้ หัวเราะเบาๆ อย่างคนอารมณ์ดีเมื่อได้ยินเสียงหลี่หลิงเฟิ่ง เขาถึงกับขนลุกซู่ มุมปากหวังซีกระตุกครั้งหนึ่ง ยกยิ้มพิลึกพิลั่น พลางเดินเข้าไปหาทั้งสองคนที่นั่งอยู่กลางห้อง“คารวะผู้อาวุโสหวัง” หลี่เจี้ยนลุกขึ้นยืนคำนับ ใคร่นึกสงสัยถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ดวงตาคมมองสลับระหว่างหวังซีและหลี่หลิงเฟิ่งไปมาหวังซีพยักหน้าน้อยๆ ตอบกลับหลี่เจี้ยน ทว่า ตัวกลับคำนับหลี่หลิงเฟิ่งแทน ทำเอาทุกคนภายในห้องงุนงงกันถ้วนหน้า “แม่นางหลี่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   นักคว้าจับมือฉมัง 1

    กว่าจะออกจากหอแพทย์โอสถก็ล่วงเลยเข้ายามซวี* ด้านนอกมืดสนิท หลี่หลิงเฟิ่งอ่อนเพลียจนผลอยหลับในรถม้าตลอดทาง ตอนแรกหวังซีเสนอให้นางพักอยู่ที่หอแพทย์เพื่อดูอาการสักหนึ่งคืน รุ่งสางค่อยกลับไปพักฟื้นที่จวนทว่า คนร้ายยังคงแฝงตัวอยู่ในหอแพทย์โอสถ ทำให้หลี่เจี้ยนปฏิเสธเสียงแข็ง เป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอม หลี่หลิงเฟิ่งเองก็อยากกลับจวนเช่นเดียวกัน จึงได้ปฏิเสธออกไป ก่อนจากมายังได้กำชับหวังซีส่งสมุนไพรบางส่วนสำหรับหลอมยาลูกกลอนมาให้นางจำนวนหนึ่งเวลาสามปีแห่งการเก็บตัวของนางผ่านพ้นไปแล้ว ยอดฝีมือแข็งแกร่งมีมากเหลือเกิน หากนางไม่เร่งฝึกพลังยุทธ์ เพิ่มความแข็งแกร่ง ไม่นานนางคงเพลี่ยงพล้ำเข้าสักวัน ไม่เพียงปกป้องคนรอบข้างไม่ได้ ยังไม่มีแม้แต่กำลังจะป้องกันตนเองให้อยู่รอดปลอดภัยเสียด้วยซ้ำเมื่อกลับถึงจวนยังไม่วายถูกหลี่เจี้ยนซักถามเรื่องราวความเป็นมาระหว่างศิษย์พี่ศิษย์น้องของนางกับหูซาน จวบจนเห็นว่าดึกมากแล้วหลี่เจี้ยนจึงยอมล่าถอยกลับไป กว่าหลี่หลิงเฟิ่งจะทำกิจธุระเตรียมตัวเข้านอนเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบยามจื่อ*หลี่หลิงเฟิ่งถอนหายใจเบาๆ กล่าวกับเสี่ยวเซียงที่กำลังจัดที่นอนให้นาง“เรื่องนั้นคืบหน้าไปถึงไห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   นักคว้าจับมือฉมัง 2

    หลี่เจี้ยนชะงักงัน น้องเล็กดีใจที่ได้เจอเขาหรือ ความน้อยใจที่สั่งสมมาตลอดหลายวันพลันจางหายเพียงแค่ประโยคเดียวของนาง ริมฝีปากยกยิ้มอบอุ่น กล่าวอย่างอารมณ์ดี “ไป พี่จะพาเจ้าไปเปิดหูเปิดตา”มือเรียวคล้องแขนผู้เป็นพี่ชาย ส่ายหน้าปฏิเสธ “ข้ามีของขวัญจะให้ท่าน เดิมทีตั้งใจจะมอบให้ตั้งแต่เมื่อวาน แต่เกิดเรื่องขึ้นมากมาย จึงไม่มีโอกาสสักครั้ง” นางกะพริบตากลมโตจ้องมองหลี่เจี้ยนตาแป๋ว น้ำเสียงใสพูดออกจากปากช่างไหลลื่น ไม่ติดขัดสักนิด“สิ่งใดรึ” หลี่เจี้ยนตาเป็นประกาย กล่าวอย่างตื่นเต้น นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้รับความสำคัญจากน้องเล็ก ตั้งแต่นางกลับมาก็ทำตัวเหินห่างกับเขาราวกับคนแปลกหน้าตอนเด็กก็ยังชอบเกาะติดกับหลี่เฟยหยาง เขาเป็นเพียงพี่ชายที่เดินตามพวกนางอยู่ข้างหลัง นางระลึกถึงเขา จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไรรอยยิ้มหวานไปจนถึงดวงตาถูกส่งไปให้อีกครา ชายหนุ่มมองอย่างเคลิบเคลิ้ม “สิ่งนี้มีเพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้า ท่านเป็นคนแรกที่ได้รับมันเชียวนะเจ้าคะ”นางปล่อยมือทั้งสองข้างที่คล้องแขนหลี่เจี้ยนออก จากนั้นหยิบเอาตลับยาในอกเสื้อออกมาก่อนยื่นให้ “ท่านเปิดดูสิ”“น้องเล็ก” หลี่เจี้ยนซาบซึ้งใจยิ่งนัก ก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   นักคว้าจับมือฉมัง 3

    สามชั่วยามถัดมา หลี่เจี้ยนและหลี่หลิงเฟิ่งขอตัวกลับ หวังซีเดินมาส่งทั้งสองถึงชั้นล่างด้วยตนเอง ผู้คนที่เคยเนืองแน่นขนัดอย่างสามวันก่อนไม่มีอีกต่อไป มีเพียงศิษย์สองสามคนเท่านั้น ผู้ไม่เกี่ยวข้องมิอาจเข้ามาด้านในได้ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์มีผู้บุกรุกขึ้น หอแพทย์โอสถจึงเปิดทำการเพียงส่วนขายยาสมุนไพรและยาลูกกลอนเท่านั้น นั่นคือโถงหน้าสุดของหอ“แม่นางหลี่ สมุนไพรส่วนที่เหลือข้าจะส่งให้ท่านถึงจวนพรุ่งนี้เช้าตามเดิม ไม่คิดเงินแต่อย่างใด ขอบคุณท่านที่ช่วยเหลือหอแพทย์ของเรา บุญคุณครั้งนี้สำนักแพทย์โอสถต้องตอบแทนท่านอย่างแน่นอน” หวังซีคำนับขอบคุณนางครั้งหนึ่ง“ไม่ต้องเกรงใจ เมื่อครั้งอยู่ชนบทพวกท่านได้ช่วยเหลือข้าหลายเรื่อง สหายช่วยเหลือกันไม่นับว่าเป็นบุญคุณอันใดหรอก หากช่วยได้หนึ่งชีวิตก็ถือเป็นการทำกุศลเพิ่มไม่ใช่หรือ” หลี่หลิงเฟิ่งโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ“หากห่อยาหลัวนั้นจะช่วยผู้อาวุโสในสำนักท่านได้ ก็ถือเป็นโชคดีของมันแล้ว ท่านไม่ต้องทำเช่นนี้ ข้าจะอายุสั้นได้นะ” หลี่หลิงเฟิ่งกล่าวอย่างติดตลก พลันสายตาเหลือบไปเห็นถงลี่เดินไวๆ มาทางพวกเขา“อย่างไรก็ต้องขอบคุณท่านมากจริงๆ น้ำใจของท่านในครั้งนี้พวก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   พลิกผันร้อยแปด 1

    ราตรีกาลมืดมิด ดวงจันทร์เอียงอายหลบหายไม่เห็นเงา สายลมพัดแผ่วเบา คลื่นน้ำสงบนิ่ง กลิ่นอายรอบด้านสดชื่นปะทะเข้าใบหน้าหนึ่งบุรุษสองสตรี เรือลำเล็กลำหนึ่งแล่นอยู่กลางผืนน้ำด้านหน้าคือหุบเขาขนาดใหญ่ตั้งอยู่หลังหออวิ๋นหลิ่วกั้นกลางด้วยแม่น้ำสายเล็กๆ คาดว่าแหล่งกำเนิดหินแร่คงอยู่ในนั้น หลี่หลิงเฟิ่งหลับตาพริ้มตั้งแต่เริ่มนั่งอยู่บนเรือ ภายนอกดูเหมือนผ่อนคลายสบายใจ ทว่า พลังจิตของนางคอยสังเกตสิ่งผิดปกติมาตลอดทางความเงียบสงบเกินกว่าเหตุมักผิดวิสัยของธรรมชาติ ที่ใดมีแม่น้ำ มีภูเขา ที่นั่นย่อมมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ เพราะเหตุใดระหว่างทางนางไม่ได้ยินเสียงสัตว์ป่ายามค่ำคืนเลยแม้แต่น้อย สัญชาตญาณส่งเสียงร้องเตือนให้นางระวังภัยจากที่มืดผิดปกติเกินไปแล้ว“เสี่ยวเฟิ่ง พวกเราถึงแหล่งกำเนิดหินแร่แล้ว ไปกันเถอะ” ในขณะที่หลี่หลิงเฟิ่งตกอยู่ในภวังค์นั้น เสียงหวานของสตรีด้านข้างปลุกนางตื่นขึ้นมา หลี่หลิงเฟิ่งส่งเสียงอืมออกมาคำหนึ่ง ก้าวลงจากเรือตามหลังทั้งสองคนอย่างไม่รีบร้อน“ที่นี่ออกจะเงียบไปสักหน่อยหรือไม่” หลี่เจี้ยนสำรวจรอบๆ เขารู้สึกใจคอไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก มีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่ไม่รู้ว่าไม่ถูกต้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   พลิกผันร้อยแปด 2

    “หึ คิดว่าแค่นี้จะขู่พวกข้าได้อย่างนั้นรึ โชคไม่ดีที่พวกเจ้าเลือกมาคืนนี้ จงทิ้งชีวิตไว้ที่นี่เสียเถอะ” ชายชุดดำทั้งห้าหน้าตาถมึงทึง ไม่ลังเลอีก บุกโจมตีอย่างดุดัน ทว่า สะเปะสะปะจับตำแหน่งทั้งสามคนไม่ได้ ทำให้พวกหลี่หลิงเฟิ่งหลบการปะทะครั้งนี้ได้อย่างง่ายดายหลี่เจี้ยนสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาหลายส่วน พลังยุทธ์ของคนพวกนี้ไม่ด้อยไปกว่าพวกเขาแม้แต่น้อย หากยืดเวลาออกไป จะส่งผลเสียมากกว่าผลดี ศึกครั้งนี้เขาต้องรีบรบรีบจบ เริ่มต้นด้วยการประกบฝ่ามือทั้งสองข้าง พลังสีฟ้าก่อตัวเป็นคลื่นยักษ์สูงสามจั้ง หมุนคว้างรอบตัวเขาก่อนจะสะบัดไปยังทิศทางที่มีลำแสงโจมตีของฝ่ายตรงข้ามเมื่อสักครู่คลื่นยักษ์เคลื่อนที่เป็นวงกลมครอบคลุมขอบเขตหนึ่งส่วนสาม ที่น่ากลัวที่สุดคือความเร็วในการเคลื่อนไหวรวดเร็วเพียงกะพริบตาเท่านั้น หากถูกเงาคลื่นยักษ์ซัดโดนตัว การเคลื่อนไหวทั่วทั้งร่างจะเชื่องช้าลงชั่วขณะ ไม่อาจหลบหนี ไม่อาจโต้กลับหลี่หลิงเฟิ่งผู้เห็นเหตุการณ์ชัดแจ้งแต่เพียงผู้เดียวอดอุทานออกมาเบาๆ ไม่ได้ “คลื่นยักษ์สลาตัน ร้ายกาจยิ่งนัก!”อวิ๋นหลิ่วเหยียดยิ้ม นี่คือเวลาที่นางรอคอย พลังยุทธ์สีส้มก่อตัวขึ้นบนฝ่ามือในพริ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25

บทล่าสุด

  • ชายาอสรพิษ   ทุกการทรยศมักเจ็บปวด

    “เจ้าโกหก!” ถงหนิงซีตะโกน มองหน้าหลี่หลิงเฟิ่งเขม็งหลี่หลิงเฟิ่งเลิกคิ้ว หัวเราะทีหนึ่ง เป่าน้ำชาร้อนในถ้วย ไม่สนใจถงหนิงซีอีกต่อไปนางไม่อยากคุยกับคนสมองหมู“บัดซบ! เป็นเจ้านั่นล่ะไม่ยอมรับความจริง” หรงอู่คำรามอย่างเหลืออด “ผู้อาวุโสสามถูกขังอยู่ในคุกตั้งแต่ก่อนงานประลองจะเริ่มแล้ว จะเอาเวลาที่ไหนไปทำตัวมีพิรุธให้เจ้าจับได้กัน เจ้าคิดว่าคนในสำนักแพทย์โอสถโง่เง่าขนาดนั้นรึ! โดนหลอกใช้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก”“ไม่จริง ก็คนผู้นั้นบอกว่า...” ถงหนิงซีอึกอักอยู่นาน สุดท้ายก็หุบปากไม่กล่าวอันใด“บอกอะไร เจ้าพูดออกมาสักทีสิ” ผู้อาวุโสแปดฟังอยู่นานก็ยังจับคนร้ายไม่ได้ เมื่อเห็นถงหนิงซีมัวแต่อ้ำอึ้งก็ร้อนใจขึ้นมาอีกรอบ“รู้อะไรมั้ย เพื่อพวกเจ้าแล้ว ถงลี่เลือกทรยศสำนักที่เขารับใช้มาหลายสิบปี เพราะพวกเขาเอาชีวิตของคนในครอบครัวมาข่มขู่ น่าเสียดายที่เขาเลือกเจ้านายผิดคน สุดท้ายเมื่อทำงานล้มเหลวถึงได้โดยฆ่าปิดปาก คนใกล้ชิดก็ไม่เหลือทางรอดเช่นเดียวกัน” สวีคุนเอ่ยขึ้นเบาๆ เขา

  • ชายาอสรพิษ   เหนือการควบคุม

    ภายในคุกใต้ดินของสำนักแพทย์โอสถแฝงไปด้วยบรรยากาศอันน่ากลัว เสียงน้ำหยดจากผนังดังเป็นจังหวะในความเงียบสงัด ร่องรอยความมืดเกือบจะครอบคลุมทุกพื้นที่ มีเพียงเงาของคนกลุ่มหนึ่งที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในเงามืดนั่นคือกลุ่มของหลี่หลิงเฟิ่ง ซึ่งกำลังเดินเข้าไปยังห้องขังที่กักขังผู้อาวุโสสามเอาไว้พวกเขาเดินไปตามทางเดินหินที่แคบและมืด อากาศเยือกเย็นที่ออกมาจากหินในร่องทางเดินทำให้ทั้งกลุ่มรู้สึกหนาวเหน็บอยู่บ้าง แม้แต่ลมหายใจยังคงเป็นไอเย็นกรุ่นออกมาเสียงฝีเท้าของทั้งกลุ่มค่อยๆ ดังขึ้นขณะที่เดินผ่านห้องขังหลายห้อง จนกระทั่งถึงประตูไม้เก่าแก่บานหนึ่ง ประตูนี้มีรอยขีดข่วนและความเสื่อมโทรมของมัน เห็นได้ชัดว่าถูกเปิดและปิดบ่อยครั้งสวีคุนหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตู ก่อนจะหันไปมองหลี่หลิงเฟิ่ง “คนร้ายคงต้องการฆ่าตัดตอนเพื่อปกปิดความจริงกระมัง ทุกครั้งที่พวกเราเข้าใกล้ความจริง มักจะมีเท้าคู่หนึ่งก้าวนำหน้าพวกเราไปก่อนเสมอ ถ้าผู้อาวุโสสามยังมีชีวิตอยู่ เราคงจะรู้คำตอบในไม่ช้า”“พวกเราอยู่ในที่แจ้ง ศัตรูอยู่ในที่มืด เรื่องมันไม่ง่ายดายอย

  • ชายาอสรพิษ   เปิดเผยทีละนิด

    ท้องฟ้านอกหน้าต่างอาบแสงแดดจางๆ ผสมกับสายหมอกยามเช้าที่ยังปกคลุมยอดเขา ก่อนจะค่อยๆ จางหายไปเมื่อตะวันเริ่มตั้งสูงขึ้น สถานที่เงียบสงัดภายในห้องนอนของเจ้าสำนักมีเพียงสามชีวิตที่กำลังนั่งจิบชาหันหน้าเข้าหากัน อารมณ์ตึงเครียดของแต่ละคนลอยคละคลุ้งไปทั่วห้อง ยกเว้นหลี่หลิงเฟิ่งที่นั่งเอนตัวพิงกับเก้าอี้ดื่มด่ำกับชาชั้นยอดอยู่ในห้วงฝันส่วนตัวความเงียบดำเนินไปหลายชั่วยาม คนในห้องต่างรอคอยศิษย์ในสำนักบางส่วนที่ออกไปทำภารกิจของค่ำคืนที่ผ่านมา เนื่องจากเมื่อคืนนี้มีผู้บุกรุกเข้าไปในเขตหวงห้ามของสำนัก เจ้าสำนักและอาจารย์อาเล็กจับสิ่งผิดสังเกตได้จึงสั่งให้พวกเขาออกไปค้นหาคนร้ายอย่างลับๆเจ้าสำนักที่ตอนนี้กลับมาเป็นชายหนุ่มรูปงามดังเดิมนั่งนิ่ง แผ่นหลังเหยียดตรงทว่ากลับให้ความรู้สึกผ่อนคลาย แฝงความเย็นชา แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความวิตกกังวลเพราะรู้ดีว่ามีผู้ไม่ประสงค์ดีแฝงตัวอยู่ในสำนัก อย่าว่าแต่จับคนร้ายเลย ตัวเขาก็เกือบตายด้วยน้ำมือของคนผู้นั้นด้วยซ้ำต่างจากหรงอู่ที่ภายในใจคิดอย่างไรก็แสดงออกมาทางสีหน้าทั้งหมด หยาดเหงื่อผุดขึ้นเต็มสองขยับ เขายกมือขึ้นปาดมันอ

  • ชายาอสรพิษ   เสี้ยวหนึ่งของชาติกำเนิด

    สวีคุนเริ่มสำรวจภายในห้องโถงอย่างตื่นเต้นโดยมีหลี่หลิงเฟิ่งเดินตามอยู่ด้านหลัง เนื่องจากนางเข้าออกโถงแห่งนี้เป็นประจำ จึงรู้สึกเฉยชาอยู่มาก แต่เมื่อเดินเข้ามายังใจกลางห้อง สีหน้าของนางกลับแปรเปลี่ยนจากปกติโดยสิ้นเชิง หันไปมอบรอบ ๆ อย่างน่าประหลาดใจหลี่หลิงเฟิ่งเริ่มสำรวจอีกรอบ จากที่เคยเป็นโถงไม้ธรรมดา เวลานี้กลับแวววาวระยิบระยับดั่งประสาททอง สะท้อนเข้าสู่ดวงตาจนปวดแสบ“โดยปกติแล้วสำนักของเราก็ไม่ขาดแคลนเงินทอง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ก่อตั้งจะเป็นบุคคลร่ำรวยผู้หนึ่ง ขนาดที่พำนักยังสร้างมาจากทองคำ!” สวีคุนเก็บอาการไม่ไหวอุทานออกมา ท่ามกลางของมีค่ามากมายเรียงรายอยู่ตรงหน้า ทำให้เขาตาลายอย่างช่วยไม่ได้เมื่อมองไปรอบตัวนอกจากจะเห็นทองคำและเพชรนิลจินดาแล้ว บนผนังห้องยังมีรูปภาพของผู้ก่อตั้งแขวนไว้หลายรูป ช่างน่าเหลือเชื่อ หรือคนผู้นี้ชอบชื่นชมรูปโฉมของตัวเอง ท่วงท่าแต่ละภาพออกจะพิสดารอยู่บ้าง แต่ไม่อาจบดบังความงามของนางได้ปัง! ขณะที่ทั้งสองตกอยู่ในภวังค์ความคิด ประตูที่เคยเปิดอยู่กลับปิดกะทันหัน ตัวอักษรสีแดงตัวโตแสดงอยู่บนผนังห้อง‘บทเพลงเพลิงพิรุณลืมเลือนสยบใต้หล้า ’“ที่แท้ก็ไม่ใช่ภาพวา

  • ชายาอสรพิษ   ความลับของสำนัก

    พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเป็นเวลานานมากแล้ว ภาพยามค่ำคืนควรปรากฏอยู่ในสายตา ทว่าที่แห่งนี้กลับเต็มไปด้วยแสงแดดอ่อนสว่างนวลราวแดดยามเช้า ลมหนาวเย็นยะเยือกถึงกระดูกพัดผ่านตัวนางที่นอนเหยียดแขนขาบนเก้าอี้หวายใต้ต้นท้อเป็นครั้งคราว ด้านข้างของนางเป็นสระหยกเย็นที่อบอวลไปด้วยพลังไอปราณบริสุทธิ์เข้มข้น หากแต่ไอน้ำที่ลอยอยู่เหนือสระเต็มไปด้วยหมอกพิษที่พร้อมคร่าชีวิตของผู้ที่เผลอสูดดมเข้าไปในเสี้ยววินาที หากเหลือบมองไปยังด้านหลังสระจะเห็นว่ายังมีโถงไม้หลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกลเดิมทีไม่ควรเรียกว่าโถงด้วยซ้ำ ลักษณะของมันพิเศษอยู่สักหน่อยเพราะมีห้องแยกเรียงกันอยู่สามห้อง คล้ายกับเรือนชั้นเดียวมากกว่า เหมาะกับพักอาศัยอย่างยิ่ง น่าแปลก...ที่แห่งนี้ราวกับอยู่คนละโลก ทิวทัศน์สวยงามเหมือนไม่มีอยู่จริง ใครจะรู้ว่ามันซ่อนอยู่ในพื้นที่สีแดงของสำนักแพทย์โอสถ หลี่หลิงเฟิ่งค้นพบที่นี่โดยบังเอิญหลังจากแอบเข้ามาสำรวจเขตลับด้วยตนเองอยู่หลายครั้งเสียงน้ำกระเพื่อมเบา ๆ ดังลอดเข้ามาในหูขัดขวางความดื่มด่ำกับธรรมชาติของหลี่หลิงเฟิ่ง นางเลิกคิ้วเล็กน้อย ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ หันศีรษะม

  • ชายาอสรพิษ   จุดเริ่มต้นของหายนะ

    พรึ่บ !เปลวเพลิงไม่รู้ที่มาแผดเผาบริเวณโดยรอบโดยที่ทุกคนไม่ทันได้ตั้งตัว แผดเผาทุกสรรพสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าให้มอดไหม้“เจ้าฉวยโอกาส” ผู้บุกรุกกัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้น ทว่าเมื่อเทียบกับคนอื่นกลับดูดีกว่ามาก เขาป้องกันการลอบโจมตีของนางครั้งนี้ได้ทัน“ฆ่ากันต้องมีกฎด้วยหรือ ก็แค่เจ้าตาย ข้ารอด” หลี่หลิงเฟิ่งมองไปอย่างเสียดาย นางรึอุตส่าห์เปิดด้วยกระบวนท่าใหญ่ แต่ต้องคว้าน้ำเหลวเสียนี่ แต่ไม่เป็นไร ลองอีกครั้งก็ได้เปิดก่อนได้เปรียบ!“ดูซิว่าเจ้าจะรับมือได้นานแค่ไหน” ไม่รอให้ศัตรูได้ทันหายใจ นางส่งมอบการโจมตีอันหนักหน่วงออกไปให้เขาไม่ขาดสาย ต่อให้รับกระบวนท่าของนางได้ทุกครั้ง แต่ร่างกายคนฝึกยุทธ์ที่ไม่ได้มีระดับสูงมากนักก็มีขีดจำกัดอยู่ดี ซึ่งต่างจากนางที่มีน้ำทิพย์ให้ดื่มฟื้นฟูพละกำลังอยู่ตลอดเวลานางทนได้ แต่คนทั่วไปย่อมแตกต่าง“เหอะ คิดว่าเจ้าทำอย่างนี้แล้วมีความหมายหรือ เป็นข้าที่ประเมินเจ้าสูงเกินไป” เห็นได้ชัดว่าผู้พูดกำลังดูถูก หลี่หลิงเฟิ่งก็ยังไม่สะทกสะท้าน สมควรทำยังไงก็ทำต่อไปผู้บุกรุกขมวดคิ้วเล็กน้อย คล้ายสงสัยถึงบางอย่างที่ผิดปกติ แต่ก็บอกไม่ถูกว่าผิดปกติที่ตรงไหน นิ่งอย

  • ชายาอสรพิษ   เงื่อนงำ 2

    ด้วยความไม่รู้เหนือใต้ออกตก ทุกคนได้ย่างเข้ามาในพื้นที่อันตรายที่สุดในเขตหวงห้ามเสียแล้ว รวมทั้งหลี่หลิงเฟิ่งเองด้วย หญิงสาวพบว่าบรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด แม้แต่เสียงใบไม้กระทบกับลมก็ยังไม่มีให้ได้ยิน ราวกับไร้จุดหมาย ดูเหมือนว่านางเพียงแค่เดินเตร็ดเตร่มาหลายเค่อเท่านั้น หากแต่หลี่หลิงเฟิ่งระวังตัวมากขึ้นเนื่องจากพื้นที่ที่เคยมีหมอกหนา ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม กลายเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ผืนดินแตกแขนง ร้อนระอุจากการแผดเผาของดวงอาทิตย์ ราวกับอยู่คนละโลกกับเมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิงทางนั้น!เสียงของถิงถิงดังขึ้นจากในหัวของนาง หลี่หลิงเฟิ่งเดินตามทางที่ถิงถิงบอก สุดท้ายหยุดยืนใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งใกล้บึงน้ำขนาดเล็กที่แห้งขอดไปแล้ว น่าแปลกที่ต้นไม้ต้นนี้เป็นเพียงต้นเดียวที่ยังคงแตกกิ่งก้าน อยู่รอดท่ามกลางบรรดาต้นอื่นที่หลือเพียงซากและใบไม้แห้งกรอบราวกับต้นไม้มีชีวิตหรี่ หรี่เสียงปริศนาดังขึ้น ครั้งนี้เสียงของมันชัดเจนกว่าครั้งไหน ๆ ใกล้จนหลี่หลิงเฟิ่งหวาดระแวง ประเดี๋ยวมองซ้าย ประเดี๋ยวมองขวา กลับไม่พบสิ่งผิดปกติ เสียงนั้นยังคงดังต่อเนื่อง จิตสังหารรอบตัวของหลี่หลิงเฟิ่งแผ่ขยายออกอย่างรวดเร็ว แสงสีข

  • ชายาอสรพิษ   เงื่อนงำ 1

    “อะ…อาจารย์อา ขออภัยที่ล่วงเกินเพียงแต่ข้าขอทราบชื่อของท่านได้หรือไม่ขอรับ” โจวอวี๋ถามขึ้นมาอีกครั้ง นางยังเด็กยิ่งนักเป็นไปได้หรือไม่ว่าอาจจะแปลงรูปโฉมให้คงความเยาว์วัยไว้เสมอ บางทีหากได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของนาง เขาน่าจะรู้จัก คนมีความสามารถระดับนี้ เขาจะพลาดได้อย่างไร“ข้ามีนามว่าหลี่หลิงเฟิ่ง” หญิงสาวตอบเสียงเรียบ ยามนี้นางกำลังเพ่งจิตเข้าไปสำรวจด้านในเขตหวงห้าม จึงไม่ได้สังเกตท่าทางตกใจของคนที่อยู่ในนี้ทั้งหมด ทันทีที่นางพูดจบพลังจิตขอนางจับสิ่งผิดปกติอันใดไม่ได้เลย จนกระทั่งสำรวจเข้าไปในส่วนลึกของเขตหวงห้ามนางถึงค้นพบควันสีดำขุมหนึ่ง หลี่หลิงเฟิ่งเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ แต่ว่าเหมือนมีอะไรมาขวางกั้นนางเอาไว้ทำให้ไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในได้ ซ้ำร้ายยังถูกผลักออกมาหลี่หลิงเฟิ่งหลุบตาลงครุ่นคิดอยู่คนเดียวเป็นเวลานาน เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าทุกคนกำลังมองมาที่นางเป็นตาเดียว“ไม่จริงน่า จะเป็นเจ้าไปได้อย่างไร” เหลียนฉู่ฉู่เอ่ยออกมาเป็นคนแรก อย่างไม่เชื่อสายตา“ข้าคาดเดาตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้าคือหลี่หลิงเฟิ่ง คู่หมั้นขององค์ชายรองโม่ เพียงแต่รู้สึกแปลกใจ ทำไมแม่นางหลี่ถึง

  • ชายาอสรพิษ   เขตลับ 2

    เจ้านาย ทางนี้!เสียงนี้อีกแล้ว เรียกหาตั้งแต่นางเดินเข้ามาในอุโมงค์นี้เสียงก็ดังก้องในหูนางไม่ต่ำกว่าห้าครั้ง นางเดินออกมาห่างไกลจากคนในกลุ่มเรื่อย ๆ สมบัติตรงนี้น้อยกว่าที่อื่นมาก ชั้นวางสมบัติเป็นเพียงหินที่ทำเป็นชั้น ๆ เรียงกันขึ้นมาเท่านั้น แตกต่างจากก่อนหน้าที่ทำขึ้นด้วยทองคำและหยก คนเข้าละโมบและลุ่มหลงได้ง่ายหลี่หลิงเฟิ่งหยิบเศษผ้าขาวที่เขรอะไปด้วยฝุ่นที่อยู่ท่ามกลางบรรดาสมบัติชิ้นอื่นขึ้นมา นางพินิจถึงความพิเศษที่ควรจะมี ทว่ากลับเป็นเพียงผ้าธรรมดาเท่านั้น นางตัดสินใจวางลงที่เดิม เพียงแต่มือของนางกลับหนักอึ้งอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อนางหยิบขึ้นมาอีกรอบความรู้สึกหนักอึ้งที่มือกลับหายไปฟุบ!“อ๊ะ” ลมที่ไม่รู้มาจากที่ใดปะทะเข้ากับหน้าของนางอย่างจัง เศษผ้าปลิวมาติดที่ตาทั้งสองข้างปิดกั้นการมองเห็นไปชั่วขณะ จากนั้นก็ผสานเข้ากับนางเป็นหนึ่งเดียว หลี่หลิงเฟิ่งตกใจไม่น้อยเมื่อรู้สึกตัว แค่เพียงแวบเดียวเท่านั้น ผ้าผืนนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย นางมองซ้ายขวาอย่างร้อนรนอยู่บ้าง นางรีบปรับตัวให้เป็นปกติ ด้วยกลัวคนทั้งหมดในนี้จะเห็นการกระทำอันแปลกประหลาดนี้ของนางหญิงสาวลองทดสอบพลังยุทธ์และ

DMCA.com Protection Status