หน้าหลัก / รักโบราณ / ชายาอสรพิษ / นักคว้าจับมือฉมัง 2

แชร์

นักคว้าจับมือฉมัง 2

ผู้เขียน: เสี่ยวหลันฮวา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-25 19:29:42

หลี่เจี้ยนชะงักงัน น้องเล็กดีใจที่ได้เจอเขาหรือ ความน้อยใจที่สั่งสมมาตลอดหลายวันพลันจางหายเพียงแค่ประโยคเดียวของนาง ริมฝีปากยกยิ้มอบอุ่น กล่าวอย่างอารมณ์ดี “ไป พี่จะพาเจ้าไปเปิดหูเปิดตา”

มือเรียวคล้องแขนผู้เป็นพี่ชาย ส่ายหน้าปฏิเสธ “ข้ามีของขวัญจะให้ท่าน เดิมทีตั้งใจจะมอบให้ตั้งแต่เมื่อวาน แต่เกิดเรื่องขึ้นมากมาย จึงไม่มีโอกาสสักครั้ง” นางกะพริบตากลมโตจ้องมองหลี่เจี้ยนตาแป๋ว น้ำเสียงใสพูดออกจากปากช่างไหลลื่น ไม่ติดขัดสักนิด

“สิ่งใดรึ” หลี่เจี้ยนตาเป็นประกาย กล่าวอย่างตื่นเต้น นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้รับความสำคัญจากน้องเล็ก ตั้งแต่นางกลับมาก็ทำตัวเหินห่างกับเขาราวกับคนแปลกหน้า

ตอนเด็กก็ยังชอบเกาะติดกับหลี่เฟยหยาง เขาเป็นเพียงพี่ชายที่เดินตามพวกนางอยู่ข้างหลัง นางระลึกถึงเขา จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไร

รอยยิ้มหวานไปจนถึงดวงตาถูกส่งไปให้อีกครา ชายหนุ่มมองอย่างเคลิบเคลิ้ม “สิ่งนี้มีเพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้า ท่านเป็นคนแรกที่ได้รับมันเชียวนะเจ้าคะ”

นางปล่อยมือทั้งสองข้างที่คล้องแขนหลี่เจี้ยนออก จากนั้นหยิบเอาตลับยาในอกเสื้อออกมาก่อนยื่นให้ “ท่านเปิดดูสิ”

“น้องเล็ก” หลี่เจี้ยนซาบซึ้งใจยิ่งนัก กำตลับยาไว้แน่น ค่อยๆ เปิดมันออกมา สีหน้าที่กำลังดีใจพลันแข็งค้าง เขาถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

“เอ่อ...น้องเล็ก สิ่งนี้คืออันใดหรือ” สมองของเขาเหมือนจะพิการไปชั่วขณะ ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่อยู่ในนี้เป็นยาลูกกลอนหรือไม่หนอ "ยาลูกกลอน?"

มันช่าง....หาคำใดมาเปรียบเทียบไม่ได้เลย

“ก็ใช่น่ะสิ” รอยยิ้มนางยังคงไม่จางหาย น้ำเสียงเบาสบายดังขึ้นอีกหน “เป็นยาลูกกลอนที่ข้าทำขึ้นมาเอง เก็บมันไว้ให้ท่านคนเดียวเลยนะ แม้แต่พี่ใหญ่ขอ ข้าก็ยังไม่ยอมให้”

“ยานี่...มันออกจะแตกต่างจากที่เคยพบเห็นอยู่สักหน่อย เจ้าแน่ใจนะว่ามันกินได้” กลิ่นเหม็นไหม้ตลบอบอวนรอบบริเวณล้านกว้าง หลี่เจี้ยนมุมปากกระตุก หยิบเจ้าก้อนกลมๆ ดำๆ จากตลับขึ้นมา รอยไหม้ติดมือของเขาเป็นจุดกระดำกระด่าง ไม่มีกลิ่นหอมของสมุนไพรหลงเหลืออยู่เลยสักนิด

ครั้นเห็นน้องสาวก้มหน้างุด ก็คิดว่านางกำลังเศร้าสร้อย ในใจเขาพลันอ่อนยวบ  แม้ใจจะคิดไปอีกทางแต่ปากกลับกล่าววาจาเชิงปลอบ น้ำเสียงที่เปล่งออกมานุ่มนวลกว่าทุกครั้ง  “อืม แม้จะแตกต่างไปบ้าง รสชาติอาจจะไม่ถูกปาก แต่ก็ดูเหมือนจะมีสรรพคุณล้นหลาม ยาลูกกลอนที่น้องเล็กทำ จะเหมือนผู้อื่นได้อย่างไร จริงไหม”

คราวนี้เป็นเสี่ยวเซียงที่ตามหลี่หลิงเฟิ่งออกมา สีหน้าฉายแววซับซ้อนที่สุด มองหลี่เจี้ยนด้วยแววตาประหลาด คิดอย่างสงสัย อย่างนี้ก็เรียกว่ายาลูกกลอนได้แล้วหรือ เห็นอยู่ว่ายาลูกกลอนของคุณหนูน่าเกลียดเพียงใด คุณชายรองยังหาจุดชื่นชมปลอบใจคุณหนูออกมาได้ สมแล้วที่เป็นคุณชายรอง หากเป็นคนอื่นเกรงว่าคงไม่แม้แต่จะแตะมันด้วยซ้ำ

ครั้นเห็นหลี่หลิงเฟิ่งเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสีหน้าคาดหวัง รอยยิ้มประดับบนใบหน้ายามปลุกปลอบน้องสาวเมื่อสักครู่บิดเบี้ยวเล็กน้อย เขารู้สึกสงสารตนเองอยู่บ้าง พลันอยากให้ที่ตรงนี้เป็นหลี่เฟยหยางแทน

หลี่เจี้ยนหลับตาลง สูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะกลืนยาลูกกลอนเข้าปากอย่างรวดเร็ว นี่เป็นความตั้งใจของน้องเล็กที่ทำเพื่อเขา เขาต้องรักถนอมน้ำใจของนาง ถึงอย่างไรก็คงไม่ถึงตาย

ความรู้สึกแรกช่างขมปร่าติดลิ้น แทบอยากจะคายทิ้งเสียเดี๋ยวนั้น ทว่า ครู่ต่อมา ร่างสูงพลันเบิกตาโพลง ความเย็นสบาย สดชื่นราวอยู่ที่น้ำตกบนยอดเขาสูงเช่นนี้ ปลายจมูกสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมเย็นดั่งดอกไม้ป่า ใสสะอาด บริสุทธิ์ ตามมาด้วยอาการเมื่อยล้าจากการต่อสู้ค่อยๆถูกชะล้างลงในเวลาอันรวดเร็ว ความกระปรี้กระเปร่าเข้ามาแทนที่

“น้องเล็ก นี่...ยาลูกกลอนสะกดสำนึกรึ” หลี้เจี้ยนตกใจจนร่างกายแข็งทื่อ ไม่อยากเชื่อสายตา ณ เวลาที่เขากลืนยามันลงไปนั้น เขาเพียงกล้ำกลืนฝืนกินมันเพื่อน้องเล็ก ไม่คาดคิดว่า... “ไม่ถูก คล้ายคลึงแต่กลับไม่ใช่”

หลี่เจี้ยนขบคิดอยู่นานก็คิดไม่ออก เขาเคยศึกษายาลูกกลอนมาบ้าง แต่ที่เคยเห็นกลับนับนิ้วได้ เพราะยาลูกกลอนที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมมักไม่ปรากฏตามท้องตลาด และเขาก็เองไม่ใช่แพทย์โอสถ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้จักของสิ่งนี้

“ท่านเข้าใจถูกต้องแล้ว มันคือลูกกลอนสะกดสำนึก” หลี่หลิงเฟิ่งยกมือกอดอก หน้างดงามเชิดขึ้น “แต่ดีกว่าลูกกลอนสะกดสำนึก”

สองนายบ่าวมองหลี่หลิงเฟิ่งอย่างงุนงง ทำไมพอฟังนางพูดถึงได้สับสนยิ่งกว่าเดิม เสี่ยวเซียงรู้สึกตนเองโง่เขลาในบัลดล “คุณหนูเจ้าขา แล้วมันใช่ลูกกลอนสะกดสำนึกหรือไม่เจ้าคะ”

“ลูกกลอนสะกดสำนึกทั่วไปเพียงรักษาอาการบาดเจ็บภายใน แต่ลูกกลอนที่ข้าหลอมขึ้นมายังช่วยฟื้นฟูพละกำลังให้กลับมาแข็งแรงดังเดิมได้” โดยทั่วไปลูกกลอนสะกดสำนึกเป็นยาลูกกลอนขั้นพื้นฐานที่สุด นักหลอมโอสถทุกคนเพียงหลับตาก็หลอมออกมาได้แล้ว เพียงแต่นางเปลี่ยนวัตถุดิบหลอมยา ใช้น้ำทิพย์ต่างน้ำแร่ คุณสมบัติจึงก้าวกระโดดขึ้นอีกขั้น

“ฮ่าๆ พี่คิดอยู่แล้วว่าต้องเป็นของดีอย่างแน่นอน” หลี่เจี้ยนหัวเราะร่า ขยี้ผมนางเบาๆ แม้รสชาติจะย่ำแย่อย่างมาก แต่สรรพคุณชนะเลิศ “มีหรือจะเอาของชั้นเลวพวกนั้นมาให้พี่”

หลี่หลิงเฟิ่งยิ้มตอบ ไม่เปิดโปงความคิดของเขา จากนั้นหันไปกล่าวกับเสี่ยวเซียงเสียงเรียบ “นี่ก็สายมากแล้ว ข้าจะไปดูหอแพทย์โอสถสักหน่อย เจ้าเฝ้าเรือนให้ดี อย่าให้ใครเข้ามาวุ่นวาย”

“เจ้าค่ะ” เสี่ยวเซียงรับคำ เดินคอตกล่าถอยกลับไป

“ท่านจะไปด้วยกันหรือไม่” ไม่จำเป็นต้องตอบรับ มือหนาคว้ามือหลี่หลิงเฟิ่งเดินออกไปทันที หัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีตลอดทาง

ณ ห้องด้านใน

“จนป่านนี้ยังสืบอะไรเพิ่มเติมไม่ได้เลย” เหยาจี้ตบโต๊ะอย่างแรง สีหน้าโกรธเกรี้ยว “ศิษย์ทั้งหมดในหอแพย์ไม่มีอันใดผิดปกติ ทุกคนต่างก็มีพู่ติดกายด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งยังมีพยานยืนยันที่อยู่กันหมด”

หวังซีหน้าตาสงบนิ่งกว่ามาก นิ้วชี้เคาะโต๊ะเป็นจังหวะเบาๆ “เพราะปกติเกินไปนี่ล่ะ ถึงไม่ปกติ”

เหยาจี้เผยสีหน้าอับจนปัญญา “เป็นไปได้หรือไม่ พวกเราอาจเดาผิดตั้งแต่แรก บางทีคนร้ายอาจเป็นคนนอก แต่เพราะต้องการใส่ความให้พวกเราหอแพทย์โอสถแตกคอกันเอง จึงตั้งใจทิ้งหลักฐานไว้ให้ดูต่างหน้า”

การดำรงอยู่ของพู่มาลา ทำให้เกิดความหวาดระแวงกันเองภายในหอแพทย์โอสถ กลายเป็นหนอนร้ายชอนไชกัดกินหัวใจทุกคนทีละนิด หากปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วต้องเกิดรอยร้าวขึ้นสักวัน

“หากเป็นอย่างที่เจ้าว่า จะอธิบายเรื่องพู่มาลาอย่างไร บุคคลภายนอกที่ไม่ใช่สมาชิกของหอแพทย์ไม่มีทางจะมีมันได้” หลายวันที่ผ่านมา พวกเขาเอาแต่ครุ่นคิด หาตัวคนทรยศ ไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันตลอดทั้งวันทั้งคืน

“จะคนในก็ดี คนนอกก็ช่าง ไม่ว่ายากเย็นเพียงไร จำต้องลากตัวมันออกมาให้จงได้” หวังซีคลึงขมับอย่างเหนื่อยล้า “ใครก็ตามที่ต้องการทำลายหอแพทย์โอสถ ข้าไม่ยอมให้มันอยู่อย่างสบายใจแน่”

คนที่มีเรื่องกับสำนักแพทย์โอสถ ไม่เคยมีใครได้กลับมาพูดถึงความร้ายกาจของพวกเขาเลยสักครั้ง เพราะคนพวกนั้นล้วนหมดลมหายใจกันไปก่อนแล้วอย่างไรล่ะ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก บุรุษทั้งสองหันหน้าไปมอง พลันพบศิษย์หอแพทย์คนหนึ่งเดินนำพี่น้องตระกูลหลี่เข้ามา คำนับอย่างนอบน้อมครั้งหนึ่งก่อนจะถอยออกไป

“อาจารย์อา” เหยาจี้ลุกพรวดออกจากเก้าอี้ กูลีกุจอเข้ามาคำนับหลี่หลิงเฟิ่ง เชื้อเชิญนางมานั่งยังตำแหน่งเดิมของตน ส่วนเจ้าตัวนั่งลงบนเก้าอี้ว่างข้างตัวหวังซีแทน พลางหันไปพยักหน้าให้หลี่เจี้ยนเป็นเชิงทักทาย

“เหตุใดท่านไม่แจ้งก่อน พวกข้าจะได้ลงไปต้อนรับ” ตื่นเต้นดีใจจนมือที่กำลังรินน้ำชาให้หลี่หลิงเฟิ่งสั่นเทาไม่หยุด น้ำชากระฉอก หกกระเด็นเต็มพื้น

“ข้าทำเองดีกว่า” หลี่หลิงเฟิ่งเห็นแล้วให้เวทนาหมายจะแย่งกาน้ำชามาจากเหยาจี้ หากแต่ถูกหวังซีชิงตัดหน้าไปก่อนหนึ่งก้าว

ชายหนุ่มรินน้ำชาให้นางด้วยท่าทีสงบนิ่ง พลางเอ่ย “ท่านหายดีแล้วหรือ”

หลี่หลิงเฟิ่งเพียงหยักหน้าตอบ รับถ้วยชาจากหวังซีมาดื่ม “ของที่เจ้าให้ข้าดูเมื่อครั้งก่อน ตอนนี้ยังอยู่หรือไม่”

“ท่านรอสักครู่” ชายหนุ่มครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นเดินหายเข้าไปในห้องนอนไม่นานก็กลับมาพร้อมหลอดเลือดหลอดหนึ่งยื่นมาตรงหน้าหลี่หลิงเฟิ่ง

หญิงสาวเพ่งพินิจครู่ใหญ่ คิ้วเรียวยาวเลิกขึ้นเล็กน้อย ยิ้มอย่างเกียจคร้าน “เลือดใครรึ” ดูเหมือนว่าเลือดก้อนนี้จะสำคัญอย่างยิ่ง หากไม่ใช่เจ้าของเลือดสำคัญ ก็แสดงว่าเลือดไม่กี่หยดนี้มีสิ่งสำคัญซุกซ่อนอยู่

“เป็นเลือดของเจ้าสำนักแพทย์โอสถขอรับ เจ้าสำนักเดินทางไปร่วมงานชุมนุมที่แคว้นจวินเมื่อหกเดือนก่อน หลังจากกลับมาก็ไม่มีสิ่งผิดปกติอันใด ทว่า ผ่านไปสองเดือนอาการป่วยก็เริ่มปรากฏให้เห็นทีละน้อย ไม่มีใครคาดคิดว่าเพียงไม่กี่วัน เจ้าสำนักก็อาการทรุดหนัก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้สติ ร่างกายผ่ายผอมลงเรื่อยๆ ขอรับ”

มู่เจียง ศิษย์พี่ผู้กุมอำนาจทั้งหมดของสำนักแพทย์โอสถน่ะหรือ หลี่หลิงเฟิ่งคลึงหลอดเลือดในมือเล่น ใช้น้ำเสียงเฉื่อยเนือยเอ่ยถาม “นอกจากนั้นเล่า”

“ไม่ทราบขอรับ ข้าเองก็เพิ่งได้รับข่าวเมื่อไม่นานมานี้ เป็นข่าวล่าสุดเมื่อสองเดือนก่อน ท่านอาจารย์เองก็เร่งเดินทางกลับสำนักแพทย์โอสถ เกรงว่าคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะมาเจออาจารย์อาได้ขอรับ”

หลี่เจี้ยนที่นั่งเงียบอยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นมา “การส่งข่าวของสำนักพวกเจ้าล่าช้าไปมากทีเดียว” เหยาจี้พลันหน้าเปลี่ยนสี ก้มหน้าสำนึกผิด

สายตาคมมองสบตากับหลี่หลิงเฟิ่ง “เสี่ยวเฟิ่ง ดูเหมือนเรื่องนี้จะไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว”

“อืม เป็นไปได้มากว่า สิ่งที่คนร้ายต้องการเป็นของสิ่งนี้” ชายทั้งสองตื่นตระหนกทันที ร่างสองร่างสั่นท้าน ข่าวการป่วยของท่านเจ้าสำนักเก็บเงียบเป็นความลับ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป สำนักพวกเขาต้องเกิดการสั่นคลอนแน่!

“ก่อนหน้านี้ข้าส่งคนไปแจ้งข่าวกับอาจารย์หูรอบหนึ่ง ไม่คาดคิดว่าข่าวจะไปไม่ถึง” เหยาจี้เป็นกังวลเหลือแสน หากเรื่องนี้หลุดรอดออกไปก็ถือเป็นความผิดของเขาด้วยส่วนหนึ่ง นอกเหนือจากนั้นอาการเจ็บป่วยของเจ้าสำนักทรุดลงทุกวัน ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดอีกนานเท่าใด

“อาจารย์อา ท่านบอกว่ารักษาได้ไม่ใช่หรือขอรับ” หวังซีเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของหลี่หลิงเฟิ่ง ในใจเขาเริ่มวิตกกังวลขึ้นมาบ้างแล้ว

“อาจารย์อา ท่านรักษาได้จริงรึ” เหยาจี้ตะลึงงัน มองหลี่หลิงเฟิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ เรื่องนี้ออกจะเหลือเชื่อเกินไปหน่อยกระมัง เด็กสาวอายุสิบสี่สิบห้าปีนางนี้มีความสามารถล้ำหน้านักหลอมโอสถในสำนักแพทย์โอสถทุกคน!

โอ้! หากเขาไม่เห็นกับตาว่านางรู้จักการใช้พิษ ตอนนี้นางคงถูกเขาหัวเราะเยาะไปแล้วเป็นแน่ เหยาจี้ยิ่งคิดยิ่งคับแค้นใจต่อโชคชะตา เขาอายุปูนนี้ยังเป็นแค่แพทย์โอสถ ฝึกฝนอยู่หลายปีก็ยังไม่ผ่านการคัดเลือกเป็นนักหลอมโอสถ

แต่สตรีนางนี้เป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่ง กลับก้าวข้ามพวกเขาทุกคนไปแล้ว!

หลี่หลิงเฟิ่งถอนหายใจอย่างหนักหน่วง สีหน้าปรากฏความลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด “ล่วงเลยมานานขนาดนี้ พิษคงกระจายตัวเข้าสู่ร่างกายไปหมดแล้ว หวังว่าพิษจะยังไม่ลามไปถึงหัวใจ” หากพิษอยู่ระดับเดียวกันกับเลือดในหลอดนี้ นางมั่นใจว่ารักษาได้ แต่ปล่อยไว้นานถึงขนาดนี้ ความมั่นใจของนางก็ลดลงหลายส่วน คงมีแค่หนทางเดียว นางต้องเดินทางไปดูด้วยตนเองสักครา

“พิษ!” เหยาจี้ตื่นตระหนกตกใจยิ่งกว่าเดิม นี่เจ้าสำนักถูกวางยาพิษรึ เหตุใดถึงไม่มีผู้อาวุโสท่านใดกล่าวถึงเลยสักครั้ง

“อาจารย์อา ท่านหมายความว่า...” หวังซีหน้าซีดเผือด สามวันก่อนเขามาพร้อมความหวังเต็มเปี่ยม พอมาวันนี้กลับเหมือนมีคนขยี้มันทิ้งไปต่อหน้าต่อตา

“ตอนนี้ข้ายังตอบไม่ได้ จนกว่าจะได้เห็นอาการคนป่วย” หลี่หลิงเฟิ่งขมวดคิ้ว “แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น ข้าจะปรุงยาระงับพิษชั่วคราวให้ก่อน สามารถยืดการลุกลามของพิษเข้าสู่หัวใจช้าลงได้”

นางเงียบนิ่งครู่หนึ่ง เงยหน้ามองหวังซี ก่อนเอ่ยต่อ “ทางที่ดี เจ้านำมันไปส่งด้วยตนเองเถิด ระหว่างทางก็คิดหาเหตุผลดีๆ สักข้อบอกกล่าวตาเฒ่าหูซานสักหน่อย เรื่องที่เจ้าจะมาติดตามข้านับต่อแต่นี้”

ครั้นเห็นสายตาอยากจะร้องไห้ของอีกฝ่าย ก็ให้ไม่พอใจขึ้นมา ส่งสายตาค้อนขวับกลับไป “อันใด เจ้าคงไม่คิดว่าข้าว่างมากมีเวลาสอนเจ้าอยู่ที่นี่หรอกนะ สำคัญตัวผิดไปหรือไม่ หากไม่ติดตามข้าแล้ว จะเรียนรู้วิชาจากจินตนาการอย่างนั้นรึ ถ้าเจ้าเก่งกาจขนาดนั้น ไฉนไม่เป็นอัจริยะไปแล้วเล่า มาตามก้นหูซานอยู่หลายปีเพื่ออะไร”

“อาจารย์อา ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นขอรับ” หวังซีอยากจะร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ แล้ว ความไม่ยินยอมพร้อมใจหายไปฉับพลัน อย่าเห็นว่าสตรีนางนี้จะใจดีเหมือนหน้าตาเชียว นางน่ะเป็นนางมารชัดๆ

ชายหนุ่มนึกไว้อาลัยให้กับชีวิตในอนาคตของตนเอง ไม่รู้จะพบกับหายนะอันใดบ้าง

“อาจารย์อา แล้วเรื่องคนร้ายล่ะขอรับ ข้ากลัวว่าหากไม่จับเขาเสียแต่เนิ่นๆ เกิดเรื่องเจ้าสำนักถูกพิษแพร่งพรายออกไป จะไม่เป็นการดีนะขอรับ” เหยาจี้เอ่ยแย้งออกมาในที่สุด หากหวังซีจากไปแล้ว เขาคนเดียวไม่มีทางจับคนทรยศผู้นี้ได้แน่

“จับโจรน่ะหรือ” หลี่หลิงเฟิ่งยิ้มอย่างเกียจคร้าน ประกายตาเจ้าเล่ห์พลันผุดขึ้นมา  “งานถนัดของข้าเลยล่ะ”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายาอสรพิษ   นักคว้าจับมือฉมัง 3

    สามชั่วยามถัดมา หลี่เจี้ยนและหลี่หลิงเฟิ่งขอตัวกลับ หวังซีเดินมาส่งทั้งสองถึงชั้นล่างด้วยตนเอง ผู้คนที่เคยเนืองแน่นขนัดอย่างสามวันก่อนไม่มีอีกต่อไป มีเพียงศิษย์สองสามคนเท่านั้น ผู้ไม่เกี่ยวข้องมิอาจเข้ามาด้านในได้ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์มีผู้บุกรุกขึ้น หอแพทย์โอสถจึงเปิดทำการเพียงส่วนขายยาสมุนไพรและยาลูกกลอนเท่านั้น นั่นคือโถงหน้าสุดของหอ“แม่นางหลี่ สมุนไพรส่วนที่เหลือข้าจะส่งให้ท่านถึงจวนพรุ่งนี้เช้าตามเดิม ไม่คิดเงินแต่อย่างใด ขอบคุณท่านที่ช่วยเหลือหอแพทย์ของเรา บุญคุณครั้งนี้สำนักแพทย์โอสถต้องตอบแทนท่านอย่างแน่นอน” หวังซีคำนับขอบคุณนางครั้งหนึ่ง“ไม่ต้องเกรงใจ เมื่อครั้งอยู่ชนบทพวกท่านได้ช่วยเหลือข้าหลายเรื่อง สหายช่วยเหลือกันไม่นับว่าเป็นบุญคุณอันใดหรอก หากช่วยได้หนึ่งชีวิตก็ถือเป็นการทำกุศลเพิ่มไม่ใช่หรือ” หลี่หลิงเฟิ่งโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ“หากห่อยาหลัวนั้นจะช่วยผู้อาวุโสในสำนักท่านได้ ก็ถือเป็นโชคดีของมันแล้ว ท่านไม่ต้องทำเช่นนี้ ข้าจะอายุสั้นได้นะ” หลี่หลิงเฟิ่งกล่าวอย่างติดตลก พลันสายตาเหลือบไปเห็นถงลี่เดินไวๆ มาทางพวกเขา“อย่างไรก็ต้องขอบคุณท่านมากจริงๆ น้ำใจของท่านในครั้งนี้พวก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   พลิกผันร้อยแปด 1

    ราตรีกาลมืดมิด ดวงจันทร์เอียงอายหลบหายไม่เห็นเงา สายลมพัดแผ่วเบา คลื่นน้ำสงบนิ่ง กลิ่นอายรอบด้านสดชื่นปะทะเข้าใบหน้าหนึ่งบุรุษสองสตรี เรือลำเล็กลำหนึ่งแล่นอยู่กลางผืนน้ำด้านหน้าคือหุบเขาขนาดใหญ่ตั้งอยู่หลังหออวิ๋นหลิ่วกั้นกลางด้วยแม่น้ำสายเล็กๆ คาดว่าแหล่งกำเนิดหินแร่คงอยู่ในนั้น หลี่หลิงเฟิ่งหลับตาพริ้มตั้งแต่เริ่มนั่งอยู่บนเรือ ภายนอกดูเหมือนผ่อนคลายสบายใจ ทว่า พลังจิตของนางคอยสังเกตสิ่งผิดปกติมาตลอดทางความเงียบสงบเกินกว่าเหตุมักผิดวิสัยของธรรมชาติ ที่ใดมีแม่น้ำ มีภูเขา ที่นั่นย่อมมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ เพราะเหตุใดระหว่างทางนางไม่ได้ยินเสียงสัตว์ป่ายามค่ำคืนเลยแม้แต่น้อย สัญชาตญาณส่งเสียงร้องเตือนให้นางระวังภัยจากที่มืดผิดปกติเกินไปแล้ว“เสี่ยวเฟิ่ง พวกเราถึงแหล่งกำเนิดหินแร่แล้ว ไปกันเถอะ” ในขณะที่หลี่หลิงเฟิ่งตกอยู่ในภวังค์นั้น เสียงหวานของสตรีด้านข้างปลุกนางตื่นขึ้นมา หลี่หลิงเฟิ่งส่งเสียงอืมออกมาคำหนึ่ง ก้าวลงจากเรือตามหลังทั้งสองคนอย่างไม่รีบร้อน“ที่นี่ออกจะเงียบไปสักหน่อยหรือไม่” หลี่เจี้ยนสำรวจรอบๆ เขารู้สึกใจคอไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก มีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่ไม่รู้ว่าไม่ถูกต้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   พลิกผันร้อยแปด 2

    “หึ คิดว่าแค่นี้จะขู่พวกข้าได้อย่างนั้นรึ โชคไม่ดีที่พวกเจ้าเลือกมาคืนนี้ จงทิ้งชีวิตไว้ที่นี่เสียเถอะ” ชายชุดดำทั้งห้าหน้าตาถมึงทึง ไม่ลังเลอีก บุกโจมตีอย่างดุดัน ทว่า สะเปะสะปะจับตำแหน่งทั้งสามคนไม่ได้ ทำให้พวกหลี่หลิงเฟิ่งหลบการปะทะครั้งนี้ได้อย่างง่ายดายหลี่เจี้ยนสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาหลายส่วน พลังยุทธ์ของคนพวกนี้ไม่ด้อยไปกว่าพวกเขาแม้แต่น้อย หากยืดเวลาออกไป จะส่งผลเสียมากกว่าผลดี ศึกครั้งนี้เขาต้องรีบรบรีบจบ เริ่มต้นด้วยการประกบฝ่ามือทั้งสองข้าง พลังสีฟ้าก่อตัวเป็นคลื่นยักษ์สูงสามจั้ง หมุนคว้างรอบตัวเขาก่อนจะสะบัดไปยังทิศทางที่มีลำแสงโจมตีของฝ่ายตรงข้ามเมื่อสักครู่คลื่นยักษ์เคลื่อนที่เป็นวงกลมครอบคลุมขอบเขตหนึ่งส่วนสาม ที่น่ากลัวที่สุดคือความเร็วในการเคลื่อนไหวรวดเร็วเพียงกะพริบตาเท่านั้น หากถูกเงาคลื่นยักษ์ซัดโดนตัว การเคลื่อนไหวทั่วทั้งร่างจะเชื่องช้าลงชั่วขณะ ไม่อาจหลบหนี ไม่อาจโต้กลับหลี่หลิงเฟิ่งผู้เห็นเหตุการณ์ชัดแจ้งแต่เพียงผู้เดียวอดอุทานออกมาเบาๆ ไม่ได้ “คลื่นยักษ์สลาตัน ร้ายกาจยิ่งนัก!”อวิ๋นหลิ่วเหยียดยิ้ม นี่คือเวลาที่นางรอคอย พลังยุทธ์สีส้มก่อตัวขึ้นบนฝ่ามือในพริ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   พลิกผันร้อยแปด 3

    “โอหังนัก! นังเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เจ้าไม่มีสิทธิ์กล่าวล่วงเกินท่านหัวหน้า” หนึ่งในชายชุดดำผินหน้าขุ่นเคืองจ้องมองเด็กสาวชุดแดงมิวางตา ร่างทั้งร่างสั่นเทา เพลิงโทสะพร้อมระเบิดออกมา“อย่างนั้นรึ”หลี่หลิงเฟิ่งได้ยินก็เลิกคิ้วสะกดใจจ้องมองใบหน้าบิดเบี้ยวของชายชุดดำ เอ่ยเสียงอ่อนนุ่ม “เป็นศิษย์อาจารย์หนึ่งวันเปรียบเสมือนบิดามารดาตลอดชีวิต ไม่เคยได้ยินหรือ อีกอย่างเจ้ามีสิทธิ์อันใดมาชี้หน้าด่าข้า บิดาข้ารึ ก็ไม่ใช่ ข้าไม่มีบิดาโง่เง่าเช่นเจ้า” หากไร้สมองจริง บิดาของนางคงไม่ได้เป็นถึงท่านเจ้าเมืองมาหลายปีเช่นนี้หลี่เจี้ยนหลุดขำ ไพล่แขนทั้งสองข้างไว้ด้านหลังเดินมาหยุดข้างหลี่หลิงเฟิ่ง “น้องเล็กพูดถูก ท่านพ่อของพวกเราหน้าตาไม่ใช่อย่างนี้แน่นอน”“เจ้า!” ชายชุดดำโกรธขึ้ง มือที่ชี้หน้าหลี่หลิงเฟิ่งสั่นเทาอย่างรุนแรง สายตาเคียดแค้นจ้องมองพวกนางไม่วางตา เขาอยากจะเผาร่างพวกมันให้ไหม้เป็นจุณ กลบฝังอยู่ในถ้ำไม่ให้เหลือซาก แม้แต่เศษชิ้นส่วนเดียวก็ไม่อาจหลุดรอดออกไปจากที่นี่ได้!ชายวัยกลางคนยกมือห้าม ใบหน้าซีดเซียวเรียบนิ่งไม่อาจคาดเดาความรู้สึกได้ เสียงแหบแห้งดังขึ้นมาอีกครั้ง “วิธีการใช้พลังยุท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   พลิกผันร้อยแปด 4

    เสียงก้อนหินถล่มดังสนั่นทุกคนเกิดความงงงวย สายตาทุกคู่มองไปยังทิศทางของเสียงเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้สถานการณ์กลับตาลปัตรเช่นนี้มีเพียงหลี่หลิงเฟิ่งที่รู้เหตุการณ์ทุกอย่าง หากนางไม่ช่วงชิงโอกาสที่ศัตรูไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเป็นช่องโหว่ในการหลบหนี สุดท้ายพวกนางทั้งสามต้องสังเวยชีวิตตนเองจริงๆ แน่ทั้งสามคนมุ่งหน้าไปยังปากทางออกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง หายตัวไปจากทัศนวิสัยของฝ่ายตรงข้าม“ควันพิษ ห้ามเผลอสูดดมเข้าไปเด็ดขาด” หลี่หลิงเฟิ่งฉีกชายแขนเสื้อมาปิดครึ่งหน้า ทั้งสองเห็นดังนั้นจึงรีบทำตามนางทันที มวลฝุ่นทั้งหลายค่อยๆ จางลง เปิดเผยภาพตรงหน้าอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง“แมงมุมระฆังเงินขั้นสี่!” หลี่เจี้ยนหลุดอุทานออกมาเบาๆ เหลือบมองอวิ๋นหลิ่วโดยไม่รู้ตัว“แปลก” สตรีชุดเขียวมรกตขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าฉายแววหนักใจ ทำไมนางสัมผัสไม่ได้ สัตว์อสูรตนนี้อยู่ในอาณัติของนาง ตกทอดมาจากบรรพบุรุษรุ่นต่อรุ่น มีหน้าที่เฝ้าเหมืองของตระกูล อายุหลายร้อยปี มันไม่เคยเกิดอาการคลุ้มคลั่งมาก่อนนางซึ่งเป็นรุ่นปัจจุบันไม่อาจควบคุมมันได้ ทว่ามันจดจำกลิ่นนางได้ดีเสมอ เพ่งจิตเรียกหายามใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   เคราะห์ซ้ำกรรมซัด

    ความเปียกชื้นปนความสากเหมือนโดนกระดาษทรายถูบนใบหน้าปลุกหลี่หลิงเฟิ่งที่กำลังนอนหลับใหลตื่นขึ้นมา ดวงตาเรียวสวยลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า กะพริบตาถี่ปรับสายตาให้ชินกับแสงที่เริ่มสลัวสัมผัสแรกที่หลี่หลิงเฟิ่งได้รับคือความหนักอึ้งบนหน้าอก ขนสีเงินยวงสะบัดวนบนหน้าของนาง อุ้งเท้าน้อยๆ ข้างหนึ่งเหยียบลงบนแก้มซ้าย ลิ้นเล็กๆ กำลังเลียจมูกของนางอย่างเมามัน“ฮัดชิ่ว!” หลี่หลิงเฟิ่งนิ่วหน้า จมูกคันยุบยิบด้วยความระคายเคือง จามออกมาสุดแรง มือข้างหนึ่งเผลอปัดสิ่งน่ารำคาญออกไปให้พ้นตัว“โอ๊ย!” ชั่วพริบตานั้นหลังมือของหลี่หลิงเฟิ่งถูกมันงับเข้าหนึ่งแผล ด้วยบาดแผลที่ลึกจมเขี้ยวทำให้นางมีสติครบถ้วนขึ้นมาทันที รีบดึงมือกลับมาเพื่อเลี่ยงให้ตนบาดเจ็บอีกแทบไม่ทันสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ตัวหนึ่งเบิกตากลมโตสีแดงฉานจ้องมองนาง หลี่หลิงเฟิ่งลูบหน้าเปียกชุ่มขณะพิจารณาเจ้าตัวน้อยอย่างละเอียด ขนสีเงินยวงทั้งร่าง ตัวเล็กกระจิริดขนาดสองฝ่ามือของนาง รูปร่างหน้าตาบางมุมคล้ายลูกสุนัขจิ้งจอก ทว่าบางมุมกลับคล้ายกระรอกแต่หลี่หลิงเฟิ่งมั่นใจว่ามันไม่ใช่ทั้งสุนัขจิ้งจอกและกระรอก มันเป็นสัตว์อสูรประเภทหนึ่งที่ไม่มีในตำราใด แน่นอนว่าน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   จังหวะของการล่อลวง

    “หึหึ มาดูกันว่าพวกเจ้าจะรอดพ้นเงื้อมมือข้าไปได้หรือไม่” มือขวาของชายวัยกลางคนทำท่าขีดเขียนบนอากาศ กระบี่อ่อนในมือตวัดซ้ายขวา ยันต์สีแดงเพลิงลุกพรึ่บตรงหน้า กระบี่ปลิวออกจากมือ ปักตรึงยันต์เหวี่ยงออกไปยังใจกลางกลุ่มนักฆ่าทั้งห้าคน“ยันต์มรณะ! หลบเร็วเข้า!”คนชุดดำที่ยืนอยู่หน้าสุดตาเหลือกตะโกนบอกเสียงหลง กลุ่มนักฆ่าแยกย้ายไปคนทิศคนละทาง กระบี่ปักตรึงอยู่บนพื้นกลางขบวน รอบด้านฟุ้งไปด้วยเศษดินตลบอบอวลทั่วบริเวณ เปลวไฟมรณะลอยคว้างร้อนระอุราวไฟนรกปิดทางถอยของฝ่ายตรงข้าม ความร้อนรุนแรงนี้แทบจะแผดเผาคนทั้งหมดลงสู่ห้วงอเวจีภายในเวลาไม่กี่เสี้ยววินาที ขนาดพวกนางที่ยืนหลบมุมอยู่ที่ไกลๆ ยังสัมผัสถึงความร้อนระอุของมันได้อย่างชัดเจน ไม่อยากจะคิดต่อว่าคนที่โดนพลังนี้เข้าไปจะมีสภาพเป็นอย่างไรปางตายหรือตายสถานเดียวกันแน่...หลี่หลิงเฟิ่งเห็นการใช้ยันต์ของชายผู้นั้นถึงกับสะดุ้ง ชายผู้นี้เก่งถึงระดับไหนกันแน่ ถึงกับสามารถสร้างยันต์ที่มีอานุภาพรุนแรง ปิดทางถอยศัตรู ระเบิดอีกฝ่ายจนวงแตกในกระบวนท่าเดียวนี่...“หลีกไปอย่ามาขวางทาง วันนี้พวกข้าไม่อยากสู้กับพวกเจ้า” หัวหน้านักฆ่าร้องขึ้นอย่างไม่พอใจ โชคไม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   ช้าไปแล้ว 1

    หลี่หลิงเฟิ่งวิ่งมาถึงทางแยกสี่สาย ยืนนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ก็ยังไม่สามารถตัดสินใจเลือกเดินต่อทางไหนได้ เวลาไม่คอยท่า ช้าลงอีกนิดหมายถึงชีวิตของนางสั้นลงทุกขณะ หากแต่นางไม่อยากวกกลับไปที่เดิมอีกแล้ว นางต้องหาพวกหลี่เจี้ยนให้พบโดยเร็ว จากนั้นทำลายเหมืองแห่งนี้ทิ้งเสีย อย่างไรเสีย ก็ไม่มีทางรักษาไว้ได้อยู่แล้ว“ทางซ้ายหรือทางขวา” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ตัดสินใจเดิมพันอีกครั้ง “ทางขวาแล้วกัน” เขาว่ากันว่าไปทางขวามักจะโชคดี ขณะที่กำลังก้าวขาเดินหน้าต่อนั้น เสี่่ยวไป๋ก็ส่งเสียงบอกให้มุ่งไปทางซ้ายกะทันหัน หลี่หลิงเฟิ่งผู้ไม่มีจุดหมายปลายทางอยู่แล้วจึงหมุนตัวก้าวไปอีกทางโดยไม่ลังเลสัญชาตญาณนางบอกว่า เจ้าสัตว์ตัวน้อยเข้ามาได้ ย่อมต้องรู้หนทางหลบหนีเป็นที่สุดระหว่างที่วิ่งในใจก็นึกเป็นห่วงโม่จื่อหลิงขึ้นมาเล็กน้อย อย่างไรเสียก็เป็นนางที่นำพาหายนะไปให้ ได้แต่หวังว่าบุรุษมากความสามารถผู้นั้นจะเอาชีวิตรอดออกมาได้โดยที่อวัยวะทุกสัดส่วนยังอยู่ครบ แต่นางไม่ใจอ่อนกลับไปช่วยหรอกนะ ถือเสียว่าระบายความแค้นเมื่อครั้งก่อนที่ทำให้นางเกือบสังเวยชีวิตตนเองอยู่ในป่าอัศดงก็แล้วกันใช่แล้ว โม่จื่อหลิงคือบุรุษน่าตาย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25

บทล่าสุด

  • ชายาอสรพิษ   ทุกการทรยศมักเจ็บปวด

    “เจ้าโกหก!” ถงหนิงซีตะโกน มองหน้าหลี่หลิงเฟิ่งเขม็งหลี่หลิงเฟิ่งเลิกคิ้ว หัวเราะทีหนึ่ง เป่าน้ำชาร้อนในถ้วย ไม่สนใจถงหนิงซีอีกต่อไปนางไม่อยากคุยกับคนสมองหมู“บัดซบ! เป็นเจ้านั่นล่ะไม่ยอมรับความจริง” หรงอู่คำรามอย่างเหลืออด “ผู้อาวุโสสามถูกขังอยู่ในคุกตั้งแต่ก่อนงานประลองจะเริ่มแล้ว จะเอาเวลาที่ไหนไปทำตัวมีพิรุธให้เจ้าจับได้กัน เจ้าคิดว่าคนในสำนักแพทย์โอสถโง่เง่าขนาดนั้นรึ! โดนหลอกใช้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก”“ไม่จริง ก็คนผู้นั้นบอกว่า...” ถงหนิงซีอึกอักอยู่นาน สุดท้ายก็หุบปากไม่กล่าวอันใด“บอกอะไร เจ้าพูดออกมาสักทีสิ” ผู้อาวุโสแปดฟังอยู่นานก็ยังจับคนร้ายไม่ได้ เมื่อเห็นถงหนิงซีมัวแต่อ้ำอึ้งก็ร้อนใจขึ้นมาอีกรอบ“รู้อะไรมั้ย เพื่อพวกเจ้าแล้ว ถงลี่เลือกทรยศสำนักที่เขารับใช้มาหลายสิบปี เพราะพวกเขาเอาชีวิตของคนในครอบครัวมาข่มขู่ น่าเสียดายที่เขาเลือกเจ้านายผิดคน สุดท้ายเมื่อทำงานล้มเหลวถึงได้โดยฆ่าปิดปาก คนใกล้ชิดก็ไม่เหลือทางรอดเช่นเดียวกัน” สวีคุนเอ่ยขึ้นเบาๆ เขา

  • ชายาอสรพิษ   เหนือการควบคุม

    ภายในคุกใต้ดินของสำนักแพทย์โอสถแฝงไปด้วยบรรยากาศอันน่ากลัว เสียงน้ำหยดจากผนังดังเป็นจังหวะในความเงียบสงัด ร่องรอยความมืดเกือบจะครอบคลุมทุกพื้นที่ มีเพียงเงาของคนกลุ่มหนึ่งที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในเงามืดนั่นคือกลุ่มของหลี่หลิงเฟิ่ง ซึ่งกำลังเดินเข้าไปยังห้องขังที่กักขังผู้อาวุโสสามเอาไว้พวกเขาเดินไปตามทางเดินหินที่แคบและมืด อากาศเยือกเย็นที่ออกมาจากหินในร่องทางเดินทำให้ทั้งกลุ่มรู้สึกหนาวเหน็บอยู่บ้าง แม้แต่ลมหายใจยังคงเป็นไอเย็นกรุ่นออกมาเสียงฝีเท้าของทั้งกลุ่มค่อยๆ ดังขึ้นขณะที่เดินผ่านห้องขังหลายห้อง จนกระทั่งถึงประตูไม้เก่าแก่บานหนึ่ง ประตูนี้มีรอยขีดข่วนและความเสื่อมโทรมของมัน เห็นได้ชัดว่าถูกเปิดและปิดบ่อยครั้งสวีคุนหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตู ก่อนจะหันไปมองหลี่หลิงเฟิ่ง “คนร้ายคงต้องการฆ่าตัดตอนเพื่อปกปิดความจริงกระมัง ทุกครั้งที่พวกเราเข้าใกล้ความจริง มักจะมีเท้าคู่หนึ่งก้าวนำหน้าพวกเราไปก่อนเสมอ ถ้าผู้อาวุโสสามยังมีชีวิตอยู่ เราคงจะรู้คำตอบในไม่ช้า”“พวกเราอยู่ในที่แจ้ง ศัตรูอยู่ในที่มืด เรื่องมันไม่ง่ายดายอย

  • ชายาอสรพิษ   เปิดเผยทีละนิด

    ท้องฟ้านอกหน้าต่างอาบแสงแดดจางๆ ผสมกับสายหมอกยามเช้าที่ยังปกคลุมยอดเขา ก่อนจะค่อยๆ จางหายไปเมื่อตะวันเริ่มตั้งสูงขึ้น สถานที่เงียบสงัดภายในห้องนอนของเจ้าสำนักมีเพียงสามชีวิตที่กำลังนั่งจิบชาหันหน้าเข้าหากัน อารมณ์ตึงเครียดของแต่ละคนลอยคละคลุ้งไปทั่วห้อง ยกเว้นหลี่หลิงเฟิ่งที่นั่งเอนตัวพิงกับเก้าอี้ดื่มด่ำกับชาชั้นยอดอยู่ในห้วงฝันส่วนตัวความเงียบดำเนินไปหลายชั่วยาม คนในห้องต่างรอคอยศิษย์ในสำนักบางส่วนที่ออกไปทำภารกิจของค่ำคืนที่ผ่านมา เนื่องจากเมื่อคืนนี้มีผู้บุกรุกเข้าไปในเขตหวงห้ามของสำนัก เจ้าสำนักและอาจารย์อาเล็กจับสิ่งผิดสังเกตได้จึงสั่งให้พวกเขาออกไปค้นหาคนร้ายอย่างลับๆเจ้าสำนักที่ตอนนี้กลับมาเป็นชายหนุ่มรูปงามดังเดิมนั่งนิ่ง แผ่นหลังเหยียดตรงทว่ากลับให้ความรู้สึกผ่อนคลาย แฝงความเย็นชา แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความวิตกกังวลเพราะรู้ดีว่ามีผู้ไม่ประสงค์ดีแฝงตัวอยู่ในสำนัก อย่าว่าแต่จับคนร้ายเลย ตัวเขาก็เกือบตายด้วยน้ำมือของคนผู้นั้นด้วยซ้ำต่างจากหรงอู่ที่ภายในใจคิดอย่างไรก็แสดงออกมาทางสีหน้าทั้งหมด หยาดเหงื่อผุดขึ้นเต็มสองขยับ เขายกมือขึ้นปาดมันอ

  • ชายาอสรพิษ   เสี้ยวหนึ่งของชาติกำเนิด

    สวีคุนเริ่มสำรวจภายในห้องโถงอย่างตื่นเต้นโดยมีหลี่หลิงเฟิ่งเดินตามอยู่ด้านหลัง เนื่องจากนางเข้าออกโถงแห่งนี้เป็นประจำ จึงรู้สึกเฉยชาอยู่มาก แต่เมื่อเดินเข้ามายังใจกลางห้อง สีหน้าของนางกลับแปรเปลี่ยนจากปกติโดยสิ้นเชิง หันไปมอบรอบ ๆ อย่างน่าประหลาดใจหลี่หลิงเฟิ่งเริ่มสำรวจอีกรอบ จากที่เคยเป็นโถงไม้ธรรมดา เวลานี้กลับแวววาวระยิบระยับดั่งประสาททอง สะท้อนเข้าสู่ดวงตาจนปวดแสบ“โดยปกติแล้วสำนักของเราก็ไม่ขาดแคลนเงินทอง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ก่อตั้งจะเป็นบุคคลร่ำรวยผู้หนึ่ง ขนาดที่พำนักยังสร้างมาจากทองคำ!” สวีคุนเก็บอาการไม่ไหวอุทานออกมา ท่ามกลางของมีค่ามากมายเรียงรายอยู่ตรงหน้า ทำให้เขาตาลายอย่างช่วยไม่ได้เมื่อมองไปรอบตัวนอกจากจะเห็นทองคำและเพชรนิลจินดาแล้ว บนผนังห้องยังมีรูปภาพของผู้ก่อตั้งแขวนไว้หลายรูป ช่างน่าเหลือเชื่อ หรือคนผู้นี้ชอบชื่นชมรูปโฉมของตัวเอง ท่วงท่าแต่ละภาพออกจะพิสดารอยู่บ้าง แต่ไม่อาจบดบังความงามของนางได้ปัง! ขณะที่ทั้งสองตกอยู่ในภวังค์ความคิด ประตูที่เคยเปิดอยู่กลับปิดกะทันหัน ตัวอักษรสีแดงตัวโตแสดงอยู่บนผนังห้อง‘บทเพลงเพลิงพิรุณลืมเลือนสยบใต้หล้า ’“ที่แท้ก็ไม่ใช่ภาพวา

  • ชายาอสรพิษ   ความลับของสำนัก

    พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเป็นเวลานานมากแล้ว ภาพยามค่ำคืนควรปรากฏอยู่ในสายตา ทว่าที่แห่งนี้กลับเต็มไปด้วยแสงแดดอ่อนสว่างนวลราวแดดยามเช้า ลมหนาวเย็นยะเยือกถึงกระดูกพัดผ่านตัวนางที่นอนเหยียดแขนขาบนเก้าอี้หวายใต้ต้นท้อเป็นครั้งคราว ด้านข้างของนางเป็นสระหยกเย็นที่อบอวลไปด้วยพลังไอปราณบริสุทธิ์เข้มข้น หากแต่ไอน้ำที่ลอยอยู่เหนือสระเต็มไปด้วยหมอกพิษที่พร้อมคร่าชีวิตของผู้ที่เผลอสูดดมเข้าไปในเสี้ยววินาที หากเหลือบมองไปยังด้านหลังสระจะเห็นว่ายังมีโถงไม้หลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกลเดิมทีไม่ควรเรียกว่าโถงด้วยซ้ำ ลักษณะของมันพิเศษอยู่สักหน่อยเพราะมีห้องแยกเรียงกันอยู่สามห้อง คล้ายกับเรือนชั้นเดียวมากกว่า เหมาะกับพักอาศัยอย่างยิ่ง น่าแปลก...ที่แห่งนี้ราวกับอยู่คนละโลก ทิวทัศน์สวยงามเหมือนไม่มีอยู่จริง ใครจะรู้ว่ามันซ่อนอยู่ในพื้นที่สีแดงของสำนักแพทย์โอสถ หลี่หลิงเฟิ่งค้นพบที่นี่โดยบังเอิญหลังจากแอบเข้ามาสำรวจเขตลับด้วยตนเองอยู่หลายครั้งเสียงน้ำกระเพื่อมเบา ๆ ดังลอดเข้ามาในหูขัดขวางความดื่มด่ำกับธรรมชาติของหลี่หลิงเฟิ่ง นางเลิกคิ้วเล็กน้อย ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ หันศีรษะม

  • ชายาอสรพิษ   จุดเริ่มต้นของหายนะ

    พรึ่บ !เปลวเพลิงไม่รู้ที่มาแผดเผาบริเวณโดยรอบโดยที่ทุกคนไม่ทันได้ตั้งตัว แผดเผาทุกสรรพสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าให้มอดไหม้“เจ้าฉวยโอกาส” ผู้บุกรุกกัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้น ทว่าเมื่อเทียบกับคนอื่นกลับดูดีกว่ามาก เขาป้องกันการลอบโจมตีของนางครั้งนี้ได้ทัน“ฆ่ากันต้องมีกฎด้วยหรือ ก็แค่เจ้าตาย ข้ารอด” หลี่หลิงเฟิ่งมองไปอย่างเสียดาย นางรึอุตส่าห์เปิดด้วยกระบวนท่าใหญ่ แต่ต้องคว้าน้ำเหลวเสียนี่ แต่ไม่เป็นไร ลองอีกครั้งก็ได้เปิดก่อนได้เปรียบ!“ดูซิว่าเจ้าจะรับมือได้นานแค่ไหน” ไม่รอให้ศัตรูได้ทันหายใจ นางส่งมอบการโจมตีอันหนักหน่วงออกไปให้เขาไม่ขาดสาย ต่อให้รับกระบวนท่าของนางได้ทุกครั้ง แต่ร่างกายคนฝึกยุทธ์ที่ไม่ได้มีระดับสูงมากนักก็มีขีดจำกัดอยู่ดี ซึ่งต่างจากนางที่มีน้ำทิพย์ให้ดื่มฟื้นฟูพละกำลังอยู่ตลอดเวลานางทนได้ แต่คนทั่วไปย่อมแตกต่าง“เหอะ คิดว่าเจ้าทำอย่างนี้แล้วมีความหมายหรือ เป็นข้าที่ประเมินเจ้าสูงเกินไป” เห็นได้ชัดว่าผู้พูดกำลังดูถูก หลี่หลิงเฟิ่งก็ยังไม่สะทกสะท้าน สมควรทำยังไงก็ทำต่อไปผู้บุกรุกขมวดคิ้วเล็กน้อย คล้ายสงสัยถึงบางอย่างที่ผิดปกติ แต่ก็บอกไม่ถูกว่าผิดปกติที่ตรงไหน นิ่งอย

  • ชายาอสรพิษ   เงื่อนงำ 2

    ด้วยความไม่รู้เหนือใต้ออกตก ทุกคนได้ย่างเข้ามาในพื้นที่อันตรายที่สุดในเขตหวงห้ามเสียแล้ว รวมทั้งหลี่หลิงเฟิ่งเองด้วย หญิงสาวพบว่าบรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด แม้แต่เสียงใบไม้กระทบกับลมก็ยังไม่มีให้ได้ยิน ราวกับไร้จุดหมาย ดูเหมือนว่านางเพียงแค่เดินเตร็ดเตร่มาหลายเค่อเท่านั้น หากแต่หลี่หลิงเฟิ่งระวังตัวมากขึ้นเนื่องจากพื้นที่ที่เคยมีหมอกหนา ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม กลายเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ผืนดินแตกแขนง ร้อนระอุจากการแผดเผาของดวงอาทิตย์ ราวกับอยู่คนละโลกกับเมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิงทางนั้น!เสียงของถิงถิงดังขึ้นจากในหัวของนาง หลี่หลิงเฟิ่งเดินตามทางที่ถิงถิงบอก สุดท้ายหยุดยืนใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งใกล้บึงน้ำขนาดเล็กที่แห้งขอดไปแล้ว น่าแปลกที่ต้นไม้ต้นนี้เป็นเพียงต้นเดียวที่ยังคงแตกกิ่งก้าน อยู่รอดท่ามกลางบรรดาต้นอื่นที่หลือเพียงซากและใบไม้แห้งกรอบราวกับต้นไม้มีชีวิตหรี่ หรี่เสียงปริศนาดังขึ้น ครั้งนี้เสียงของมันชัดเจนกว่าครั้งไหน ๆ ใกล้จนหลี่หลิงเฟิ่งหวาดระแวง ประเดี๋ยวมองซ้าย ประเดี๋ยวมองขวา กลับไม่พบสิ่งผิดปกติ เสียงนั้นยังคงดังต่อเนื่อง จิตสังหารรอบตัวของหลี่หลิงเฟิ่งแผ่ขยายออกอย่างรวดเร็ว แสงสีข

  • ชายาอสรพิษ   เงื่อนงำ 1

    “อะ…อาจารย์อา ขออภัยที่ล่วงเกินเพียงแต่ข้าขอทราบชื่อของท่านได้หรือไม่ขอรับ” โจวอวี๋ถามขึ้นมาอีกครั้ง นางยังเด็กยิ่งนักเป็นไปได้หรือไม่ว่าอาจจะแปลงรูปโฉมให้คงความเยาว์วัยไว้เสมอ บางทีหากได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของนาง เขาน่าจะรู้จัก คนมีความสามารถระดับนี้ เขาจะพลาดได้อย่างไร“ข้ามีนามว่าหลี่หลิงเฟิ่ง” หญิงสาวตอบเสียงเรียบ ยามนี้นางกำลังเพ่งจิตเข้าไปสำรวจด้านในเขตหวงห้าม จึงไม่ได้สังเกตท่าทางตกใจของคนที่อยู่ในนี้ทั้งหมด ทันทีที่นางพูดจบพลังจิตขอนางจับสิ่งผิดปกติอันใดไม่ได้เลย จนกระทั่งสำรวจเข้าไปในส่วนลึกของเขตหวงห้ามนางถึงค้นพบควันสีดำขุมหนึ่ง หลี่หลิงเฟิ่งเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ แต่ว่าเหมือนมีอะไรมาขวางกั้นนางเอาไว้ทำให้ไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในได้ ซ้ำร้ายยังถูกผลักออกมาหลี่หลิงเฟิ่งหลุบตาลงครุ่นคิดอยู่คนเดียวเป็นเวลานาน เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าทุกคนกำลังมองมาที่นางเป็นตาเดียว“ไม่จริงน่า จะเป็นเจ้าไปได้อย่างไร” เหลียนฉู่ฉู่เอ่ยออกมาเป็นคนแรก อย่างไม่เชื่อสายตา“ข้าคาดเดาตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้าคือหลี่หลิงเฟิ่ง คู่หมั้นขององค์ชายรองโม่ เพียงแต่รู้สึกแปลกใจ ทำไมแม่นางหลี่ถึง

  • ชายาอสรพิษ   เขตลับ 2

    เจ้านาย ทางนี้!เสียงนี้อีกแล้ว เรียกหาตั้งแต่นางเดินเข้ามาในอุโมงค์นี้เสียงก็ดังก้องในหูนางไม่ต่ำกว่าห้าครั้ง นางเดินออกมาห่างไกลจากคนในกลุ่มเรื่อย ๆ สมบัติตรงนี้น้อยกว่าที่อื่นมาก ชั้นวางสมบัติเป็นเพียงหินที่ทำเป็นชั้น ๆ เรียงกันขึ้นมาเท่านั้น แตกต่างจากก่อนหน้าที่ทำขึ้นด้วยทองคำและหยก คนเข้าละโมบและลุ่มหลงได้ง่ายหลี่หลิงเฟิ่งหยิบเศษผ้าขาวที่เขรอะไปด้วยฝุ่นที่อยู่ท่ามกลางบรรดาสมบัติชิ้นอื่นขึ้นมา นางพินิจถึงความพิเศษที่ควรจะมี ทว่ากลับเป็นเพียงผ้าธรรมดาเท่านั้น นางตัดสินใจวางลงที่เดิม เพียงแต่มือของนางกลับหนักอึ้งอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อนางหยิบขึ้นมาอีกรอบความรู้สึกหนักอึ้งที่มือกลับหายไปฟุบ!“อ๊ะ” ลมที่ไม่รู้มาจากที่ใดปะทะเข้ากับหน้าของนางอย่างจัง เศษผ้าปลิวมาติดที่ตาทั้งสองข้างปิดกั้นการมองเห็นไปชั่วขณะ จากนั้นก็ผสานเข้ากับนางเป็นหนึ่งเดียว หลี่หลิงเฟิ่งตกใจไม่น้อยเมื่อรู้สึกตัว แค่เพียงแวบเดียวเท่านั้น ผ้าผืนนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย นางมองซ้ายขวาอย่างร้อนรนอยู่บ้าง นางรีบปรับตัวให้เป็นปกติ ด้วยกลัวคนทั้งหมดในนี้จะเห็นการกระทำอันแปลกประหลาดนี้ของนางหญิงสาวลองทดสอบพลังยุทธ์และ

DMCA.com Protection Status