หน้าหลัก / รักโบราณ / ชายาอสรพิษ / จังหวะของการล่อลวง

แชร์

จังหวะของการล่อลวง

ผู้เขียน: เสี่ยวหลันฮวา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-25 19:32:58

“หึหึ มาดูกันว่าพวกเจ้าจะรอดพ้นเงื้อมมือข้าไปได้หรือไม่” มือขวาของชายวัยกลางคนทำท่าขีดเขียนบนอากาศ กระบี่อ่อนในมือตวัดซ้ายขวา ยันต์สีแดงเพลิงลุกพรึ่บตรงหน้า กระบี่ปลิวออกจากมือ ปักตรึงยันต์เหวี่ยงออกไปยังใจกลางกลุ่มนักฆ่าทั้งห้าคน

“ยันต์มรณะ! หลบเร็วเข้า!”

คนชุดดำที่ยืนอยู่หน้าสุดตาเหลือกตะโกนบอกเสียงหลง กลุ่มนักฆ่าแยกย้ายไปคนทิศคนละทาง กระบี่ปักตรึงอยู่บนพื้นกลางขบวน รอบด้านฟุ้งไปด้วยเศษดินตลบอบอวลทั่วบริเวณ เปลวไฟมรณะลอยคว้างร้อนระอุราวไฟนรกปิดทางถอยของฝ่ายตรงข้าม ความร้อนรุนแรงนี้แทบจะแผดเผาคนทั้งหมดลงสู่ห้วงอเวจีภายในเวลาไม่กี่เสี้ยววินาที ขนาดพวกนางที่ยืนหลบมุมอยู่ที่ไกลๆ ยังสัมผัสถึงความร้อนระอุของมันได้อย่างชัดเจน ไม่อยากจะคิดต่อว่าคนที่โดนพลังนี้เข้าไปจะมีสภาพเป็นอย่างไร

ปางตายหรือตายสถานเดียวกันแน่...

หลี่หลิงเฟิ่งเห็นการใช้ยันต์ของชายผู้นั้นถึงกับสะดุ้ง ชายผู้นี้เก่งถึงระดับไหนกันแน่ ถึงกับสามารถสร้างยันต์ที่มีอานุภาพรุนแรง ปิดทางถอยศัตรู ระเบิดอีกฝ่ายจนวงแตกในกระบวนท่าเดียว

นี่...

“หลีกไปอย่ามาขวางทาง วันนี้พวกข้าไม่อยากสู้กับพวกเจ้า” หัวหน้านักฆ่าร้องขึ้นอย่างไม่พอใจ โชคไม
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายาอสรพิษ   ช้าไปแล้ว 1

    หลี่หลิงเฟิ่งวิ่งมาถึงทางแยกสี่สาย ยืนนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ก็ยังไม่สามารถตัดสินใจเลือกเดินต่อทางไหนได้ เวลาไม่คอยท่า ช้าลงอีกนิดหมายถึงชีวิตของนางสั้นลงทุกขณะ หากแต่นางไม่อยากวกกลับไปที่เดิมอีกแล้ว นางต้องหาพวกหลี่เจี้ยนให้พบโดยเร็ว จากนั้นทำลายเหมืองแห่งนี้ทิ้งเสีย อย่างไรเสีย ก็ไม่มีทางรักษาไว้ได้อยู่แล้ว“ทางซ้ายหรือทางขวา” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ตัดสินใจเดิมพันอีกครั้ง “ทางขวาแล้วกัน” เขาว่ากันว่าไปทางขวามักจะโชคดี ขณะที่กำลังก้าวขาเดินหน้าต่อนั้น เสี่่ยวไป๋ก็ส่งเสียงบอกให้มุ่งไปทางซ้ายกะทันหัน หลี่หลิงเฟิ่งผู้ไม่มีจุดหมายปลายทางอยู่แล้วจึงหมุนตัวก้าวไปอีกทางโดยไม่ลังเลสัญชาตญาณนางบอกว่า เจ้าสัตว์ตัวน้อยเข้ามาได้ ย่อมต้องรู้หนทางหลบหนีเป็นที่สุดระหว่างที่วิ่งในใจก็นึกเป็นห่วงโม่จื่อหลิงขึ้นมาเล็กน้อย อย่างไรเสียก็เป็นนางที่นำพาหายนะไปให้ ได้แต่หวังว่าบุรุษมากความสามารถผู้นั้นจะเอาชีวิตรอดออกมาได้โดยที่อวัยวะทุกสัดส่วนยังอยู่ครบ แต่นางไม่ใจอ่อนกลับไปช่วยหรอกนะ ถือเสียว่าระบายความแค้นเมื่อครั้งก่อนที่ทำให้นางเกือบสังเวยชีวิตตนเองอยู่ในป่าอัศดงก็แล้วกันใช่แล้ว โม่จื่อหลิงคือบุรุษน่าตาย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   ช้าไปแล้ว 2

    จ้าวหมิงเฉียนรุดหน้ามาจากทางหนึ่ง พบว่าทั้งสามคนกำลังนั่งพักผ่อนอย่างสบายใจ ความโกรธแค้นยิ่งทวีสูงขึ้นเป็นเท่าตัว โดยเฉพาะกับนางเด็กปีศาจนั่น ทำกับเขาไว้แสบจริงๆ ไม่เพียงโกหกหลอกลวง ยังทำให้แมงมุมระฆังเงินสัตว์อสูรที่กำลังจะเลื่อนขั้นตามติดเขาไปทั่วทั้งเหมือง จะไม่ให้เขาโกรธเกลียดนางมากได้อย่างไรกัน“หึ คราวนี้พวกเจ้าจะหนีความตายไปที่ไหนได้อีก” จ้าวหมิงเฉียนยิ้มชั่วร้าย คราวนี้แหละเขาจะสนองดาบเล่นนั้นคืนให้แก่ยายเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนางนี้ได้สัมผัสถึงความโหดร้ายของการโดนสัตว์อสูรขั้นสี่ตามติดเสียบ้างทั้งสามสีหน้าเคร่งขรึมโดยพลัน ลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นพิภพระดับกลางโดยไม่เกรงกลัว จับจ้องการเคลื่อนที่ของฝ่ายตรงข้ามอย่างระมัดระวัง พวกเขาในที่นี้ไม่มีใครคิดจะถอยอยู่แล้ว สามรุมหนึ่งสู้กับกับยอดฝีมือที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ตรงหน้า มีหรือจะเอาชนะไม่ได้“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะค่อยคิดกำจัดพวกข้า” อวิ๋นหลิ่วอดพูดขึ้นมาไม่ได้ พวกโจรขโมยริอ่านบุกรุกพื้นที่หวงห้ามของตระกูลนางจนทำลายเขตหวงห้ามที่สืบต่อกันมาจากบรรพบุรุษ สิ่งที่ปกปักรักษาต้องมาจบสิ้นที่รุ่นของนางก็เพราะพวกไม่รักตั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   ล่อเสือออกจากถ้ำ 1

    ปัง!เสียงพลังอันมหาศาลดังก้องกังวานสะท้อนไม่มีที่สิ้นสุด เหล่าพื้นดิน ก้อนหิน ผนังถ้ำ พร้อมใจกันสั่นสะเทือน บ้างแตกออกเป็นเสี่ยงๆ บ้างทลายลงมาโดยไม่หยุดยั้ง ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยฝุ่นดินที่ฟุ้งตลบกลบพวกเขาจนไม่อาจมองเห็นเหตุการณ์ภายในได้อย่างชัดแจ้งท่ามกลางความมืดสลัวบวกกับฝุ่นดินที่ฟุ้งกระจาย ปรากฏแสงสว่างเจิดจ้าสีขาวสลับแดงอยู่กลางอากาศล้อมรอบสตรีชุดแดงนางหนึ่งเอาไว้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง ประกายตาของนางว่างเปล่าไร้แวว เหลือบมองแมงมุมระฆังเงินขั้นห้าราวกับมดปลวก ปากสวยได้รูปเปล่งเสียงพูดออกมาอย่างเย็นชาคำหนึ่ง “รนหาที่ตาย”สิ้นเสียงพลังยุทธ์ทรงอานุภาพสีขาวแดงไม่อาจระบุขั้นได้ปะทุออกมาจากร่างของนาง พุ่งเข้าใส่แมงมุมระฆังเงินขั้นห้าอย่างไม่ปรานี ประกายแสงจากพลังยุทธ์ของนางเจิดจ้าจนโม่จื่อหลิงที่รุดหน้ามาถึงตรงทางแยกจำต้องหรี่ตามองโม่จื่อหลิงยืนมองภาพตรงหน้าด้วยร่างกายอันแข็งทื่อ พึมพำเรียกชื่อหญิงสาวออกมาเสียงเบา ที่แท้เด็กสาวที่เขานึกห่วงถึงกับเป็นคนเดียวกับสตรีที่เขาคะนึงหามาตลอดสิบปีเต็มท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนครั้งสุดท้ายของสัตว์อสูรขั้นห้า ร่างของมันค่อยๆ ถูกเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   ล่อเสือออกจากถ้ำ 2

    วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ย่างเข้าสู่วันที่ห้าของการฝึกพลังยุทธ์เสียแล้ว เสี่ยวไป๋ที่วันๆ ไม่มีอะไรทำนอกจากเฝ้าหลี่หลิงเฟิ่งที่นั่งฝึกพลังยุทธ์ ก็ทำได้แต่นั่งแทะนอนแทะหินแร่ที่เหลือที่กอบโกยมาจากหออวี้หลิ่วจนเกลี้ยง ในระหว่างที่มันกำลังนอนหมอบอยู่ข้างหญิงสาวนั้น ในที่สุดหลี่หลิงเฟิ่งก็ลืมตาขึ้นมา พร้อมกันนั้นมิติมายาพลันเกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย ส่งเสียง ‘ครืด’ สองสามครั้งก่อนจะหยุดลง“แอ๊ว แอ๊ว” เสียงเล็กๆ ของเสี่ยวไป๋ร้องขึ้นด้วยความดีใจ โถมตัวเข้าสู่อ้อมกอดของหลี่หลิงเฟิ่งทันที ศีรษะกลมๆ ถูไถหน้าท้องของนางอย่างร่าเริง“เติบโตขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว” หลี่หลิงเฟิ่งลูบหัวเจ้าสัตว์อสูรที่นับวันยิ่งเหมือนสุนัขตัวน้อยเข้าไปทุกทีด้วยความเอ็นดู รอยยิ้มตรงมุมปากของนางเด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ แทบจะสะกดความดีใจเอาไว้ไม่อยู่ เพราะอานิสงส์ของปราณบริสุทธิ์ทำให้นางรวบรวมพลังยุทธ์ที่ไหลทะลักภายในกายไม่ขาดสายนี้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว และเพราะเวลาในห้วงมิติมายาของนางที่เร็วกว่าปกติสองเท่าจึงทำให้ได้เปรียบกว่าผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นอย่างมาก เท่ากับว่านางอยู่ในมิติมายาสิบวัน แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นเพียงผ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   หลุมพราง 1

    หลี่หลิงเฟิ่งสองพี่น้องเดินทางมาถึงหอแพทย์โอสถก็ไม่รอช้ารีบขอพบเหยาจี้ทันที เจ้าหน้าที่หอแพทย์โอสถคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลพาพวกนางไปพบเหยาจี้ที่กำลังตรวจคนไข้อยู่บนชั้นสอง เนื่องด้วยพวกเขาสองพี่น้องไม่ต้องการรบกวนเหยาจี้ขณะกำลังรักษาคนเจ็บอยู่จึงขอให้เจ้าหน้าที่ท่านนั้นพาพวกเขาไปนั่งรอที่ห้องรับแขก จากนั้นค่อยแจ้งแก่เหยาจี้ว่าพวกเขามาขอพบก็พอเจ้าหน้าที่พยักหน้ารับคำอย่างเห็นด้วยว่าควรจะเป็นเช่นนี้ถึงจะถูกต้อง จึงรีบทำตามคำแนะนำของหลี่หลิงเฟิ่งสองพี่น้อง โดยปกติแล้วหน้าที่ดูแลแขกเหรื่อที่เข้ามาใช้บริการในหอแพทย์โอสถก็ไม่ได้เป็นหน้าที่ของเขาแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะหลายวันมานี้ผู้ดูแลถงสุขภาพร่างกายไม่ค่อยดีจึงได้ขอลาหยุดไปหลายวัน เด็กห้องจัดยาอย่างเขาจึงต้องมาทำหน้านี้แทนเป็นครั้งคราวหากแขกผู้มาเยือนเป็นคนอื่นก็แล้วไป แต่สองท่านนี้เป็นแขกพิเศษที่ผู้อาวุโสหวังและท่านหมอเหยาให้ความสำคัญและกำชับเป็นพิเศษว่าต้องต้อนรับพวกนางให้ดี โดยเฉพาะคุณหนูห้าหลี่หลิงเฟิ่ง หากนางต้องการขอพบก็ให้รีบแจ้งแก่เขาทันทีอย่าได้ชักช้าอืดอาด ให้แม่นางน้อยต้องรอนานหลังจากเจ้าหน้าที่คนนั้นออกไปไม่นาน เหยาจี้ที่กำล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   หลุมพราง 2

    “เสี่ยวไป๋ อย่าซน!” ขณะที่พวกนางกำลังกลัดกลุ้มอยู่นั้น เสี่ยวไป๋ที่ทำตัวเชื่องเชื่ออยู่ในอ้อมอกของหลี่หลิงเฟิ่งมาตลอด พลันดิ้นออกจากอ้อมกอดของนาง กระโดดลงพื้นอย่างรวดเร็ว วิ่งไปหาบุรุษคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกนางมากนัก ไม่เพียงเท่านี้สัตว์อสูรน่าตายของนางยังปีนขึ้นไปอยู่บนหัวไหล่ของชายผู้นั้น พลางซุกหน้าลงบนคอแกร่ง ออดอ้อนอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด สองพี่น้องผู้เห็นเหตุการณ์ไม่คาดคิดนี้ได้แต่นิ่งอึ้ง ถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ“เสี่ยวไป๋เป็นมิตรกับคนตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ” หลี่เจี้ยนมองภาพตรงหน้าปากอ้าตาค้างไปนานแล้ว แม้เขาจะรู้จักมันเพียงไม่กี่วัน แต่ก็รู้ว่าสัตว์อสูรของน้องเล็กตนนั้นเย่อหยิ่งแค่ไหน นอกจากจะยอมให้น้องเล็กจับเพียงคนเดียวเท่านั้น คนอื่นที่ไม่ใช่นางอย่าแม้แต่จะคิดเข้าใกล้มันได้เลย เหตุไฉนถึงได้ไปเกาะอยู่บนไหล่คนอื่นอย่างนั้นเล่าเสี่ยวไป๋ กลับมานี่ หลี่หลิงส่งกระแสจิตเรียกมันในใจ ทว่ากลับถูกเจ้าตัวแสบเมินใส่ ใบหน้าที่เคยกลัดกลุ้มก่อนหน้าเปลี่ยนเป็นดำทะมึนทันที นางส่งเสียง ฮึ่ม ในใจอย่างหัวเสียคนผู้นั้นดูเหมือนจะประหลาดใจมากเช่นกันที่จู่ๆ ก็โดนสัตว์อสูรตัวหนึ่งหน้าตาราว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   ความจริงในคำลวง

    เมื่อจับตัวคนร้ายได้แล้ว เหยาจี้ก็เริ่มสอบสวนทันทีด้วยประสบการณ์ของหลี่หลิงเฟิ่งที่สั่งสมมาจากชาติก่อน หากคนร้ายเป็นคนใกล้ชิด พื้นเพเบื้องหลังขาวสะอาด เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานและรักในอาชีพที่ทำ หากจะเป็นสายลับทำลายองค์กรได้นั้นย่อมมีเหตุจูงใจบางอย่าง ทว่าฟังจากคำสารภาพของผู้ดูแลถงแล้วช่างน่าขันสิ้นดีชายผู้นี้สารภาพออกมาเต็มปากเต็มคำว่าตนเองเป็นสายลับ ได้รับมอบหมายให้มาชิงยารักษาของหลี่หลิงเฟิ่ง ทว่าพอเหยาจี้ถามถึงครั้งก่อนที่เขาบุกเข้ามาก็เพราะยาขวดนั้นของนางเช่นกันหรือ ถงลี่กลับตอบไม่ได้แค่ฟังเพียงประโยคเดียว หลี่หลิงเฟิ่งก็รู้แล้วว่าถงลี่ผู้นี้ไม่ใช่คนร้ายตัวจริง จะบอกว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ไม่ผิด เป้าหมายที่แท้จริงมีเพียงพวกนางสามคนกับคนร้ายเท่านั้นที่รู้ แน่นอนว่าผู้ดูแลถงอาจจะตบตาพวกตนอยู่ก็เป็นได้ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ออกจะแนบเนียนเกินไปหน่อยแล้ว หลี่หลิงเฟิ่งจะยอมยกให้เขาเป็นตัวอันตรายคนหนึ่งเลยล่ะจากคำสารภาพที่คลุมเครือ ไร้แก่นสาร แถมยังรวดเร็ว เหมาะเจาะอะไรเช่นนี้ เมื่อเขาถูกจับ ก็ถือเป็นอันสิ้นสุด จงใจเกินไปหน่อยหรือไม่แต่ว่าจำเป็นต้องทำอย่างนี้ด้วยหรือ หากนางเป็น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   การพบเจอที่คาดไม่ถึง 1

    สองวันสองคืนอันแสนรันทดของหลี่หลิงเฟิ่ง ในที่สุดก็ผ่านพ้นไปอย่างทุลักทุเล อากาศหนาวเย็นอันเกิดจากฤดูหนาวตลอดทั้งปีกระทบผิวของนางจนซีดขาว ใบไม้ร่วงหล่น ต้นไม้ใบหญ้าแห้งเหี่ยวเหลือเพียงกิ่งก้านเกาะอยู่บนลำต้นเท่านั้น พวกมันล้วนถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เนื่องจากแคว้นนี้ตั้งอยู่เหนือสุดของแผ่นดิน ตลอดทั้งปีจึงมีเพียงฤดูหนาวฤดูเดียว“เฟิ่งเอ๋อร์ พวกเราเข้าเขตลุ่มน้ำเมืองจวินมาแล้ว อีกไม่กี่สิบลี้ก็จะถึงเมืองหลวง” หลายวันมานี้ที่อยู่ด้วยกันเขาเอาที่เรียกนางว่าเฟิ่งเอ๋อร์ ห้ามปรามอย่างไรก็ไม่ฟัง นางคร้านจะถือสาหาความกับโม่จื่อหลิงแล้ว อยากจะเรียกอย่างไรก็เชิญตามสบาย“ท่านมีธุระต้องทำไม่ใช่หรือ เช่นนั้นเราแยกกันตรงนี้เลยดีกว่า” ในใจหลี่หลิงเฟิ่งยังคงต้องการขีดเส้นแบ่งกับโม่จื่อหลิงตลอดเวลา หากมีช่องทางสลัดหลุดจากเขาได้นั่นย่อมเป็นเรื่องดี“ไม่รีบร้อนอันใด ข้าเพียงผ่านมามอบของขวัญเล็กน้อยให้กษัตริย์แค้นจวินเท่านั้น ยังคงมีเวลาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าจัดการธุระได้อีกหลายวัน” โม่จื่อหลิงยักไหล่เล็กน้อย เดิมทีเขาไม่จำเป็นต้องเดินทางมาด้วยตนเอง เพียงเพราะนาง เขาจึงได้อยากมาได้ยินคำตอบเช่นนี้จากโม่จื่อหลิง น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25

บทล่าสุด

  • ชายาอสรพิษ   ช่วยเหลือ

    ณ เมืองหลวงของแคว้นหลิวอวิ๋นเสียงการต่อสู้ยังคงดังกึกก้อง เปลวเพลิงโหมลุกไหม้ตามแนวกำแพง เสียงคำรามของผู้บุกรุกประสานกับเสียงอาวุธที่กระทบกันอย่างดุเดือดสวีคุนเจ้าสำนักหอแพทย์โอสถ กำลังรักษาผู้บาดเจ็บพลางออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "อย่าปล่อยให้พวกมันทะลวงเข้ามาได้ ต้านไว้สุดกำลัง"ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ และเจ้าหน้าที่ทหารรวมกำลังกันอย่างสุดความสามารถ แต่จำนวนศัตรูที่มีกองกำลังมือสังหารชั้นสูงกลับยังคงท่วมท้นทันใดนั้นเอง แสงสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นกลางสมรภูมิ เสียงลมกรรโชกดังขึ้นพร้อมกับร่างของหลี่หลิงเฟิ่ง โม่จื่อหลิง และจวินชางหลางที่ปรากฏตัวออกมา"พวกเรากลับมาแล้ว!" จวินชางหลางร้องลั่น พลางสะบัดดาบเล่มใหม่ในมืออย่างฮึกเหิม "ใครอยากโดนฟันก่อน มาเลย!""ทุกคนปลอดภัยดีหรือไม่" หลี่หลิงเฟิ่งตะโกนถามพลางฟาดแส้เพลิงออกไป เผาผู้บุกรุกที่พุ่งเข้ามาสวีคุนยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ "พวกเจ้ามาทันเวลาพอดี ฝั่งนั้นมีมากเกินไป พวกเรากำลังต้องการกองกำลังเสริมอย่างยิ่งยวด""ท่านวางใจ ข้าจะทำให้ศัตรูจำชื่อพวกเราไปตลอด" จวินชางหลางหัวเราะเสียงดัง เลือดร้อนไม่ลดละจากการต่อสู้ที่ต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน"งั้นข้าจะช

  • ชายาอสรพิษ   ความเปลี่ยนแปลง

    "อะไรเนี่ย ทำไมรากไม้พวกนี้มันมีชีวิตล่ะ แม่จ๋า ช่วยลูกด้วย" จวินชางหลางตะโกนพลางถอยหลบ ขณะที่รากไม้สีดำเลื้อยมาทางเขาดาบกลืนวิญญาณในมิติมายาของหลี่หลิงเฟิ่งยังคงสั่นสะท้าน ราวกับพยายามเตือนบางสิ่ง นางหอบหายใจ ดวงตาคมกริบจับจ้องไปยังใจกลางห้องโถงที่บัดนี้เต็มไปด้วยพลังมืด แท่นบูชาที่พังครึ่งหนึ่งพลันแตกออก เผยให้เห็นโลงศพสีดำสนิทที่ถูกพันธนาการไว้ด้วยรากไม้หนาทึบ นางเดินเข้าไปใกล้โลงศพที่ยังคงปล่อยไอสังหารออกมา"ระวังนะ!" จวินชางหลางร้องเตือน แต่หลี่หลิงเฟิ่งยื่นมือออกไปแตะรากไม้ที่พันรอบโลงศพ ถึงกับเป็นโลกศพฮ่องเต้รุ่นที่หนึ่งทันใดนั้น เส้นแสงสีดำพุ่งออกมาจากรากไม้ เสียงคำรามต่ำสะท้อนก้อง รากไม้ราวกับมีชีวิตฉุดกระชากไปทั่วโลงศพเปิดออกอย่างช้าๆ กลิ่นเน่าเหม็นโชยกระจายไปทั่วห้องโถง ร่างของฮ่องเต้ตงเยว่ที่เคยหลับใหลปรากฏให้เห็น ผิวหนังซีดเผือด ดวงตาที่ควรปิดสนิทพลันเปิดออก เผยให้เห็นแสงสีดำวาววับ"มันตื่นขึ้นแล้ว!" โม่จื่อหลิงกล่าวเสียงหนัก ขณะกระชับกระบี่ในมือแต่ก่อนที่ใครจะทันได้ขยับ รากไม้สีดำพุ่งขึ้นฟ้า ก่อนจะแตกกระจาย เสียงกระดูกดังลั่น ไม่ใช่แค่จักรพรรดิตงเยว่ แต่ศพของทหารและข

  • ชายาอสรพิษ   ค้นพบ

    จวินชางหลางกระเด็นกลิ้งหลายตลบก่อนจะยันตัวลุกขึ้นมา มองรอบด้านอย่างไม่สบอารมณ์ สถานที่เบื้องหน้านั้นเต็มไปด้วยซากหินและพื้นผนังที่ปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ“ที่นี่มัน...ใต้ดินหรือ” หลี่หลิงเฟิ่งกวาดตามองอย่างระแวดระวัง“ข้าหวังว่ามันจะไม่ใช่กับดักอะไรอีกนะ” จวินชางหลางโอดครวญ “ฟ้าไม่มีตา ไม่เข้าข้างข้าบ้างเลย”ทั้งสามคนเดินลึกเข้าไปในโพรงใต้ดิน เส้นทางทอดยาวราวกับไม่มีที่สิ้นสุด เสี่ยวจูจูที่เกาะอยู่บนบ่าหลี่หลิงเฟิ่งส่งเสียงครางเบาๆ อย่างไม่สบายใจ“มันรู้สึกอะไรบางอย่าง” หลี่หลิงเฟิ่งเอ่ยเบาๆ นางยกมือขึ้นลูบหัวเสี่ยวจูจูเพื่อปลอบ “ระวังตัวไว้”ภายในมิติมายาของนางกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดคิด ดาบกลืนวิญญาณ ที่ปักนิ่งอยู่กลางทุ่งมายาพลันสั่นสะท้าน เสียงหวีดแหลมต่ำ เส้นแสงสีดำปะทุจากคมดาบราวกับมีสิ่งเร้นลับพยายามฉุดกระชากมันให้หลุดจากพันธนาการ“ไม่... ไม่ดีแล้ว!” เสี่ยวมู่ร้อง ดวงตาสีครามของมันเบิกกว้างหลี่หลิงเฟิ่งเม้มปาก มองสภาพแปรปรวนในมิติของนาง ที่พื้นดินซึ่งเคยนิ่งสงบกลับแตกออก เผยให้เห็นแสงสีเทาหม่นที่หมุนวนราวกับวงกตแห่งวิญญาณในจุดนั้นมีวัตถุสีมืดสนิทลอยเด่นอยู่กลางอากาศ มั

  • ชายาอสรพิษ   ทำลายตงเยว่

    บุกแคว้นตงเยว่เปลวไฟลุกโชนสูงตระหง่าน วังหลวงของแคว้นตงเยว่ที่เคยโอ่อ่ากลายเป็นสนามรบ เปลวเพลิงจากของหลี่หลิงเฟิ่งเผาผนังไม้สักทองคำจนแตกเปรี๊ยะ เสียงกรีดร้องของทหารแคว้นตงเยว่ดังระงมจวินชางหลางหัวเราะเสียงดัง ขณะฟาดฟันศัตรูที่ขวางหน้า "นี่แหละที่ข้ารอคอยมานาน วังนี้ข้าเห็นแล้วยังอยากเผาเล่น"ทหารของแคว้นตงเยว่ล้มตายลงทีละคน ซากศพกองเรียงรายจนแทบไม่มีทางเดิน หลี่หลิงเฟิ่งมองซากปรักหักพังอย่างเยือกเย็น "วังโอ่อ่าขนาดนี้ วันนี้ก็ถึงคราวต้องมอดไหม้ไปพร้อมกับบาปของมันแล้ว""เจ้าคิดจะทำลายทุกอย่างจริงๆ หรือ ง่ายไปหน่อยกระมัง" เสียงหนึ่งดังขึ้นจากเบื้องบน ร่างสูงสง่างามในชุดมังกรสีทองปรากฏตัวท่ามกลางเงาเปลวเพลิง ฮ่องเต้แห่งแคว้นตงเยว่ ดวงหน้าคมคายที่เปี่ยมด้วยอำนาจแฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม"ข้ารู้จักสมญานามของพวกเจ้ามาบ้าง หญิงชั่วร้ายกับชายคู่หมั้นหน้าโง่ แต่กลับถูกยกย่องให้เป็นความภาคภูมิของแคว้นหลิวอวิ๋น"หลี่หลิงเฟิ่งเลิกคิ้วแปลกใจ ไม่คิดว่าพวกนางจะมีฉายาเช่นนี้ด้วย โด่งดังไม่เบาเลยหนา ฮ่องเต้ตงเยว่หัวเราะ "เจ้าคิดว่าการเผาวังหลวงของข้าจะทำให้แคว้นหลิวอวิ๋นพ้นภัยหรือ ช่างเป็นความคิดตื

  • ชายาอสรพิษ   ตั้งรับ

    กองกำลังขันทีผู้ซื่อสัตย์ของฮ่องเต้ ซึ่งได้รับการฝึกฝนให้ปกป้องวังหลวงมาตั้งแต่เยาว์วัย ยืนหยัดต้านทานคนชุดดำอย่างสุดชีวิต ถึงแม้พลังยุทธ์ของพวกเขาจะด้อยกว่าศัตรูมากนัก แต่ด้วยความภักดีที่ฝังแน่นในหัวใจ พวกเขาไม่มีวันปล่อยให้ราชวงศ์หลิวอวิ๋นล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา"ถ้าจะตาย ก็ให้ตายเพื่อฝ่าบาท!" หัวหน้าขันทีตะโกนลั่น เสียงของเขาแฝงด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมพ่ายแพ้เสียงดาบกระทบกันดังสนั่น ขันทีผู้หนึ่งฟาดดาบเข้าใส่คนชุดดำ แต่กลับถูกพลังยุทธ์มหาศาลกระแทกจนล้มลง เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นหิน"อย่าปล่อยให้พวกมันเข้าใกล้ฝ่าบาท!" หัวหน้าขันทีตะโกนอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งตัวไปขวางคนชุดดำที่พยายามบุกเข้ามาฮ่องเต้ที่ยังทรงยืนอยู่ด้วยพระวรกายที่บาดเจ็บสาหัส ดวงเนตรของพระองค์เคร่งขรึมแต่เปี่ยมด้วยความเด็ดเดี่ยว แม้พระโลหิตจะไหลซึมจากบาดแผลที่พระอุระ แต่พระองค์ไม่คิดจะล่าถอยหยวนกุ้ยเฟยยืนมองภาพนั้นด้วยความสะใจ ใบหน้าของนางฉายแววบ้าคลั่ง "ฝ่าบาทยังดื้อรั้นเช่นเคย... แต่ครั้งนี้ข้าจะทำให้ท่านสิ้นสิ้นลมหายใจไปพร้อมกับบัลลังก์ที่ท่านหวงแหนนัก!"ดวงตาของนางเรืองแสงด้วยพลังพิษสีดำที่แผ่ออกมาจากปลายนิ้ว นางสะ

  • ชายาอสรพิษ   เมล็ดพันธ์ุแห่งความสงสัย

    "โจมตีที่แก่นพลังในกะโหลก พวกมันจะฟื้นตัวไม่ได้ถ้าแก่นนั้นถูกทำลาย" เสียงสั่งการของหลี่เฟยหยางดังขึ้นท่ามกลางเสียงคำรามของสัตว์อสูรเน่าเปื่อยที่น่าสะอิดสะเอียน หลี่หลิงเฟิ่งที่กำลังฟาดแส้เพลิงใส่สัตว์อสูรตนหนึ่งถึงกับชะงัก นางหรี่ตาจ้องมองหลี่เฟยหยางที่ดูมั่นใจในการโจมตีราวกับรู้จุดอ่อนของพวกมันดีราวกับฝ่ามือตัวเอง"ทำลายแก่นพลังงั้นหรือ" หลี่หลิงเฟิ่งพึมพำเบาๆ ก่อนจะหันไปสบตาโม่จื่อหลิง "ลองทำดู!"โม่จื่อหลิงไม่รีรอ เขาพุ่งเข้าใส่สัตว์อสูรตัวหนึ่งราวกับพายุ กระบี่ในมือเปล่งประกายสีเงินวาววับ ปลายกระบี่พุ่งตรงเข้าหากะโหลกของมันอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เสียงแตกดังลั่นเมื่อแก่นพลังถูกทำลาย ร่างของมันล้มลงกับพื้นและสลายกลายเป็นผุยผงในชั่วพริบตา"ได้ผลจริงๆ ด้วย!" หลูหวั่นชิงตะโกนขึ้นด้วยความดีใจ นางกวัดแกว่งพัดเหล็กในมือ สร้างกระแสลมเพลิงพุ่งตรงเข้าใส่กะโหลกของสัตว์อสูรอีกตัว เผาไหม้แก่นพลังจนแตกละเอียดแต่หลี่หลิงเฟิ่งกลับไม่ได้รู้สึกโล่งใจ ดวงตาคู่งามของนางจับจ้องหลี่เฟยหยางที่ยังคงต่อสู้อย่างดุดัน ร่างสูงสง่างามของเขาขยับอย่างแม่นยำและมั่นใจราวกับนักล่าที่ชำนาญ สายตาของนางแฝงไว้ด้วยความส

  • ชายาอสรพิษ   ทางรอด

    การต่อสู้ในสุสานสัตว์อสูรยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด พลังยุทธ์และอาวุธหลากชนิดพุ่งเข้าใส่ร่างสัตว์อสูรเน่าเปื่อยเหล่านั้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับไม่ได้ผลเท่าที่ควร ทุกครั้งที่พวกมันล้มลง มันกลับลุกขึ้นมาใหม่ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด“พวกมันมีแต่มากไม่มีลดลงเลย ขืนแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ เราต้องออกจากที่นี่โดยด่วน” หลูหวั่นชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน นางใช้พัดเหล็กในมือกวาดเปลวไฟออกไป เผาสัตว์อสูรตัวหนึ่งจนมอดไหม้ แต่เพียงครู่เดียว ร่างที่ไหม้เกรียมนั้นก็กลับมาฟื้นคืนและกระโจนเข้ามาอีกครั้ง“ทางออกอยู่ไหนกันล่ะ สู้มาจะค่อนวันแล้วข้ายังไม่เห็นว่าจะมีสักแม้เงา” จวินชางหลางตะโกนกลับ เสียงของเขาแฝงด้วยความเหนื่อยล้า กระบี่ของเขาเปื้อนเลือดสัตว์อสูรจนไม่เหลือเค้าเดิมหลี่หลิงเฟิ่งเบี่ยงตัวหลบกรงเล็บของสัตว์อสูรตัวหนึ่งที่ฟาดลงมา นางสะบัดแส้เพลิงในมือออกไป เปลวไฟสีแดงฉานลุกโชนขึ้น เผาร่างของมันจนแตกสลาย แต่ในเวลาเดียวกัน นางก็ใช้สายตาสำรวจพื้นที่รอบตัว“ถ้าค่ายกลนี้ถูกทำลายแล้ว พวกมันไม่ควรถูกยึดติดกับพื้นที่นี้อีก ล่อพวกมันกระจายตัวออกไปก็สิ้นเรื่อง พวกมันถูกดึงดูดจากต้นไม้แห่งชีวิต ตอนนี้ไม่มีเหลือแ

  • ชายาอสรพิษ   กับดักใจกลางป่า

    กลุ่มของหลี่หลิงเฟิ่งติดตามคำบอกเล่าของนุ่มนิ่มมาตลอดทางจนกระทั่งมาถึงจุดหมายเบื้องหน้า สิ่งที่พวกเขาเห็นคือปากถ้ำขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนซ่อนตัวอยู่ภายในเงาไม้หนาทึบ ถ้ำนี้ดูไม่ต่างจากที่หลี่หลิงเฟิ่งได้ยินจากคำรายงานของนุ่มนิ่มเหลียนฉือกงและเหลียนฉู่ฉู่นั่งพิงกันอยู่หน้าถ้ำ ดวงหน้าซีดเซียวและเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผลของการต่อสู้ เหลียนฉือกงมีบาดแผลใหญ่ที่สีข้าง ขณะที่เหลียนฉู่ฉู่กุมป้ายหยกแน่นราวกับไม่อาจปล่อยจากมือ“ข้าเจอพวกเขาแล้ว” หลูหวั่นชิงชี้ไปยังสองพี่น้องแคว้นเหลียน นางรีบจะก้าวเข้าไปหา แต่หลี่หลิงเฟิ่งยกมือขึ้นห้ามไว้ทันที“อย่าเพิ่งเข้าไป” หลี่หลิงเฟิ่งบอกเสียงเฉียบพลัน ดวงตาของนางหรี่ลงมองภาพเบื้องหน้า ในขณะที่ทุกคนเห็นเพียงถ้ำที่ดูปลอดภัย แต่สิ่งที่นางเห็นกลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิงภาพเบื้องหน้าของหลี่หลิงเฟิ่งไม่ได้เป็นเพียงปากถ้ำ แต่เป็นสุสานสัตว์อสูรที่เต็มไปด้วยซากศพของสัตว์อสูรนานาชนิด กองกระดูกที่เรียงรายอยู่ทุกหนแห่งส่งกลิ่นคาวเลือดจางๆ ที่ดูเหมือนจะยังไม่แห้งสนิท ราวกับพวกมันเพิ่งล้มตายไม่นานนางหันมองรอบตัวอย่างระแวดระวัง เสียงของถิงถิงดังขึ้น“นายท่านที่นี่ถูกสร้างค่า

  • ชายาอสรพิษ   ถิงถิงออกโรง

    เสียงหอบหายใจของหลี่หลิงเฟิ่งและคนอื่นๆ ดังขึ้นท่ามกลางเสียงคำรามอันต่ำของฝูงอสูรที่ล้อมรอบพวกเขาไว้ มันไม่ได้เป็นเพียงสัตว์อสูรธรรมดา หากแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้วและถูกปลุกขึ้นมาด้วยพลังลึกลับ เนื้อหนังที่เน่าเปื่อยของพวกมันเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคาวและความสยดสยองที่แผ่กระจายไปทั่ว“เจ้าพวกนี้มันไม่มีวันตายจริงๆ สินะ” หลูหวั่นชิงพึมพำ น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยความตื่นตระหนกยิ่งยวด“แต่พวกเราตายได้นะ” จวินชางหลางตะโกนพลางหมุนตัวฟาดดาบในมือผ่านร่างอสูรตัวหนึ่งจนขาดเป็นสองท่อน แต่ในเสี้ยววินาทีต่อมา เศษเนื้อและกระดูกที่แตกกระจายกลับเริ่มเคลื่อนไหวและประกอบร่างอีกแล้ว เป็นอย่างนี้ทุกครั้งไป“ไม่ว่าเจ้าจะฟันอีกกี่ครั้ง มันก็ยังรวมร่างได้ เสียเวลาเปล่า” หลี่หลิงเฟิ่งกล่าวเสียงเรียบ นางสะบัดมือข้างหนึ่ง ผ้าสีแดงสิบเส้นพลันพุ่งออกไปพร้อมเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วง แส้เพลิงฟาดลงบนร่างของสัตว์อสูรตัวหนึ่งเสี่ยวจูจูที่ยืนอยู่ข้างหลี่หลิงเฟิ่งส่งเสียงร้องคำรามอันทรงพลัง ร่างเล็กของมันกระโจนออกจากที่มั่น ลวดลายสีดำสลับทองบนตัวส่องประกายระยับ ขณะที่กรงเล็บของมันตวัดฉีกกระชากอสูรตัวหนึ่งจนกระเด็นไปไกล

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status