แชร์

หลุมพราง 2

ผู้เขียน: เสี่ยวหลันฮวา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-25 19:35:07

“เสี่ยวไป๋ อย่าซน!” ขณะที่พวกนางกำลังกลัดกลุ้มอยู่นั้น เสี่ยวไป๋ที่ทำตัวเชื่องเชื่ออยู่ในอ้อมอกของหลี่หลิงเฟิ่งมาตลอด พลันดิ้นออกจากอ้อมกอดของนาง กระโดดลงพื้นอย่างรวดเร็ว วิ่งไปหาบุรุษคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกนางมากนัก ไม่เพียงเท่านี้สัตว์อสูรน่าตายของนางยังปีนขึ้นไปอยู่บนหัวไหล่ของชายผู้นั้น พลางซุกหน้าลงบนคอแกร่ง ออดอ้อนอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด สองพี่น้องผู้เห็นเหตุการณ์ไม่คาดคิดนี้ได้แต่นิ่งอึ้ง ถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ

“เสี่ยวไป๋เป็นมิตรกับคนตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ” หลี่เจี้ยนมองภาพตรงหน้าปากอ้าตาค้างไปนานแล้ว แม้เขาจะรู้จักมันเพียงไม่กี่วัน แต่ก็รู้ว่าสัตว์อสูรของน้องเล็กตนนั้นเย่อหยิ่งแค่ไหน นอกจากจะยอมให้น้องเล็กจับเพียงคนเดียวเท่านั้น คนอื่นที่ไม่ใช่นางอย่าแม้แต่จะคิดเข้าใกล้มันได้เลย เหตุไฉนถึงได้ไปเกาะอยู่บนไหล่คนอื่นอย่างนั้นเล่า

เสี่ยวไป๋ กลับมานี่ หลี่หลิงส่งกระแสจิตเรียกมันในใจ ทว่ากลับถูกเจ้าตัวแสบเมินใส่ ใบหน้าที่เคยกลัดกลุ้มก่อนหน้าเปลี่ยนเป็นดำทะมึนทันที นางส่งเสียง ฮึ่ม ในใจอย่างหัวเสีย

คนผู้นั้นดูเหมือนจะประหลาดใจมากเช่นกันที่จู่ๆ ก็โดนสัตว์อสูรตัวหนึ่งหน้าตาราว
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายาอสรพิษ   ความจริงในคำลวง

    เมื่อจับตัวคนร้ายได้แล้ว เหยาจี้ก็เริ่มสอบสวนทันทีด้วยประสบการณ์ของหลี่หลิงเฟิ่งที่สั่งสมมาจากชาติก่อน หากคนร้ายเป็นคนใกล้ชิด พื้นเพเบื้องหลังขาวสะอาด เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานและรักในอาชีพที่ทำ หากจะเป็นสายลับทำลายองค์กรได้นั้นย่อมมีเหตุจูงใจบางอย่าง ทว่าฟังจากคำสารภาพของผู้ดูแลถงแล้วช่างน่าขันสิ้นดีชายผู้นี้สารภาพออกมาเต็มปากเต็มคำว่าตนเองเป็นสายลับ ได้รับมอบหมายให้มาชิงยารักษาของหลี่หลิงเฟิ่ง ทว่าพอเหยาจี้ถามถึงครั้งก่อนที่เขาบุกเข้ามาก็เพราะยาขวดนั้นของนางเช่นกันหรือ ถงลี่กลับตอบไม่ได้แค่ฟังเพียงประโยคเดียว หลี่หลิงเฟิ่งก็รู้แล้วว่าถงลี่ผู้นี้ไม่ใช่คนร้ายตัวจริง จะบอกว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ไม่ผิด เป้าหมายที่แท้จริงมีเพียงพวกนางสามคนกับคนร้ายเท่านั้นที่รู้ แน่นอนว่าผู้ดูแลถงอาจจะตบตาพวกตนอยู่ก็เป็นได้ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ออกจะแนบเนียนเกินไปหน่อยแล้ว หลี่หลิงเฟิ่งจะยอมยกให้เขาเป็นตัวอันตรายคนหนึ่งเลยล่ะจากคำสารภาพที่คลุมเครือ ไร้แก่นสาร แถมยังรวดเร็ว เหมาะเจาะอะไรเช่นนี้ เมื่อเขาถูกจับ ก็ถือเป็นอันสิ้นสุด จงใจเกินไปหน่อยหรือไม่แต่ว่าจำเป็นต้องทำอย่างนี้ด้วยหรือ หากนางเป็น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   การพบเจอที่คาดไม่ถึง 1

    สองวันสองคืนอันแสนรันทดของหลี่หลิงเฟิ่ง ในที่สุดก็ผ่านพ้นไปอย่างทุลักทุเล อากาศหนาวเย็นอันเกิดจากฤดูหนาวตลอดทั้งปีกระทบผิวของนางจนซีดขาว ใบไม้ร่วงหล่น ต้นไม้ใบหญ้าแห้งเหี่ยวเหลือเพียงกิ่งก้านเกาะอยู่บนลำต้นเท่านั้น พวกมันล้วนถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เนื่องจากแคว้นนี้ตั้งอยู่เหนือสุดของแผ่นดิน ตลอดทั้งปีจึงมีเพียงฤดูหนาวฤดูเดียว“เฟิ่งเอ๋อร์ พวกเราเข้าเขตลุ่มน้ำเมืองจวินมาแล้ว อีกไม่กี่สิบลี้ก็จะถึงเมืองหลวง” หลายวันมานี้ที่อยู่ด้วยกันเขาเอาที่เรียกนางว่าเฟิ่งเอ๋อร์ ห้ามปรามอย่างไรก็ไม่ฟัง นางคร้านจะถือสาหาความกับโม่จื่อหลิงแล้ว อยากจะเรียกอย่างไรก็เชิญตามสบาย“ท่านมีธุระต้องทำไม่ใช่หรือ เช่นนั้นเราแยกกันตรงนี้เลยดีกว่า” ในใจหลี่หลิงเฟิ่งยังคงต้องการขีดเส้นแบ่งกับโม่จื่อหลิงตลอดเวลา หากมีช่องทางสลัดหลุดจากเขาได้นั่นย่อมเป็นเรื่องดี“ไม่รีบร้อนอันใด ข้าเพียงผ่านมามอบของขวัญเล็กน้อยให้กษัตริย์แค้นจวินเท่านั้น ยังคงมีเวลาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าจัดการธุระได้อีกหลายวัน” โม่จื่อหลิงยักไหล่เล็กน้อย เดิมทีเขาไม่จำเป็นต้องเดินทางมาด้วยตนเอง เพียงเพราะนาง เขาจึงได้อยากมาได้ยินคำตอบเช่นนี้จากโม่จื่อหลิง น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   การพบเจอที่คาดไม่ถึง 2

    ที่ใดที่หนึ่ง ณ ตีนเขาทมิฬกาล หลี่หลิงเฟิ่งและโม่จื่อหลิงยังไม่ได้พักผ่อนเลยแม้แต่น้อย เป็นเวลาหลายชั่วยามที่พวกนางติดอยู่วังวนนี้ แรกเริ่มตอนย่างเท้าเข้ามาพวกนางยังไม่พบสิ่งผิดปกติใด สัตว์เล็กๆ ที่อาศัยอยู่บริเวณตีนเขายังมีให้เห็นประปรายจนเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อนหน้านี้ที่พวกนางรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง สัตว์น้อยใหญ่ที่เคยมีพลันไม่ปรากฏให้เห็นสักตัว แม้กระทั่งส่งเสียงยังคร้านจะทำ ขณะที่พวกนางเดินลึกเข้ามาเรื่อย ๆ พลันพบว่าทิวทัศน์รอบด้านไม่มีความแตกต่างเลยสักนิดยิ่งลึกเท่าไหร่ยิ่งไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ หลี่หลิงเฟิ่งอาศัยความรู้ในอดีตทำร่องรอยไว้บนลำต้นไม้ใหญ่ทุกต้นที่พวกนางเดินผ่าน เมื่อเดินไปได้ร่วมชั่วยามหญิงสาวพลันพบสัญลักษณ์กากบาทที่ตนเคยทำไว้ ใบหน้าสวยพลันเคร่งขรึมลงทันใด “ไม่ผิดจากที่คาด พวกเราติดอยู่ในค่ายกลกักกัน”“น่าแปลก ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าสำนักแพทย์โอสถจะสร้างค่ายกลบริเวณรอบหุบเขา” ทุกครั้งที่โม่จื่อหลิงเยือนก็ไม่เคยปรากฏเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นเลย ทำไมครั้งนี้ถึงได้ต่างออกไปโม่จื่อหลิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ “พวกเราคงต้องรอถึงฟ้าสางถึงจะหาทางออกไปจากที่นี่ได้” ถึงเขาจะไม่รู้จุดป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   การพบเจอที่คาดไม่ถึง 3

    กว่าที่หลี่หลิงเฟิ่งจะหลุดออกจากภวังค์ได้ก็ผ่านมาราว ๆ หนึ่งเค่อ*แล้ว นางเริ่มรับรู้ถึงความเจ็บปวดบนร่างกายที่บอบช้ำ แต่นางกลับทนได้ มิหนำซ้ำยังมีความสบายแทรกซึมเข้ามาอีกต่างหาก ความเจ็บทุเลาลง บาดแผลภายนอกและภายในค่อยๆ สมานกัน ทั่วทั้งร่างกลับมาเป็นปกติ หัวใจของนางกระตุกอีกครั้งหรือว่ามังกรตนนั้นจะเป็นมังกรบรรพกาล เทพเจ้าแห่งมังกรที่ผู้คนกราบไหว้ สุดท้ายแล้วท่านก็อวยพรให้นางสินะ หลี่หลิงเฟิ่งนึกขอบคุณอยู่ในใจ“มีอะไรหรือ” เมื่อนางหันกลับมา เห็นโม่จื่อหลิงเอาแต่จ้องนางไม่วางตา จึงถามออกไป“เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” มือหนายกขึ้นคล้ายอยากลูบผมปลอบประโลมชะงักกลางอากาศ ไม่นานก็ชักกลับไปข้างลำตัวเหมือนเดิม เผยรอยยิ้มบางที่ไม่ได้เห็นบ่อยนักออกมาหลี่หลิงเฟิ่งยักไหล่ พลางอุ้มเสี่ยวไป๋ที่ออกมาจากมิติไปนั่งอยู่มุมหนึ่งของถ้ำ “พระองค์ควรจะซึมซับพลังงานบริสุทธิ์ในนี้ให้ได้มากที่สุดดีกว่านะเพคะ”“ถูกของเจ้า ที่นี่เหมาะแก่การฝึกพลังยุทธ์ยิ่งนัก” น้ำเสียงยียวนกลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มเดินมานั่งถัดจากนาง พลางหลับตาซึมซับไอปราณอยู่ข้างหลี่หลิงเฟิ่งหลี่หลิงเฟิ่งอ้าปากจะพูดบางอย่าง ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้เอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   ทดสอบ 1

    ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ หลี่หลิงเฟิ่งค่อย ๆ รู้สึกตัว รู้สึกเหมือนร่างกายของนางเบาหวิวราวกับปุยนุ่น เบาสบายจนไม่อยากลืมตาตื่นขึ้นมาอีกเลยเพียงแต่ว่าร่างกายของนางไม่ยอมทำตามจิตใจ นิ้วมือเรียวขยับแผ่วเบา ในที่สุดก็ลืมตาอย่างช่วยไม่ได้หือ?หลี่หลิงเฟิ่งกะพริบตาปรับทัศนียภาพรอบ ๆ ตัว ภาพที่เข้าในม่านตาคือความสว่างไสวของดวงดาวบนท้องฟ้าและขนสีเงินของสัตว์อสูรที่นอนอยู่ข้าง ๆ นาง“ท่านนี่ช่างไม่กลัวตายเสียนี่กระไร คิดว่าตัวเองมีกี่ชีวิตกัน ข้าเก็บชีวิตท่านกลับมาไม่ได้ทุกครั้งหรอกนะ ลองคิดดูหากข้าไม่ปลุกท่าน ท่านคงออกมาไม่ได้ไปตลอดชีวิตแล้ว” เสียงที่คุ้นเคยที่นางไม่ได้ยินมานานดังชัดในโสตประสาทของหลี่หลิงเฟิ่ง“เสี่ยว...มู่ แค่กๆๆ” หลี่หลิงเฟิ่งยิ้มรับเบา ๆ พลางตอบกลับ เพียงแต่พูดไม่กี่คำก็พบว่าตัวเองคอแห้งจากอาการขาดน้ำขั้นสุด “เจ็บคอสุด ๆ ไปเลย”“ไม่เจ็บสิแปลก ใครใช้ให้ท่านกรีดร้องขนาดนั้นเล่า เชื่อหรือไม่ว่าข้าตื่นขึ้นมาเพราะทนฟังเสียงโหยหวนของท่านไม่ไหวจริง ๆ หากข้าเป็นเจ้าหนุ่มนั่นคงทุบท่านสลบไปนานแล้ว” เสียงอ้อแอ้ดังข้างหูของนางไม่หยุด เด็กทารกในชุดขาวตัวอวบอ้วน ผิวขาวนวลดั่งหยก สองแก้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   ทดสอบ 2

    หลี่หลิงเฟิ่งไม่คิดเลยว่าการเข้ามาในถ้ำ หยิบอาวุธชิ้นหนึ่งขึ้นมาจะทำให้ชีวิตของนางเปลี่ยนแปลงไปขนาดนี้ การบังเอิญครั้งนี้เป็นประโยชน์กับนางอย่างมหาศาลเรื่องราวภายนอกมิติมายานั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง นางเพ่งจิตออกไปข้างนอกสำรวจดูก็พบว่าตนเองอยู่บนตัวของวิหคเพลิงที่กำลังบินว่อนอยู่กลางอากาศ โดยมีโม่จื่อหลิงโอบกอดนางไว้ หลี่หลิงเฟิ่งที่สลบไสลไปนานไม่อาจรู้เลยว่าค่ายกลกักกันสลายไปตั้งแต่ตอนไหน อาจจะตั้งแต่ที่นางหยิบดาบแห่งจิตวิญญาณเล่มนั้นขึ้นมาก็เป็นได้หลี่หลิงเฟิ่งสังเกตตนเอง ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ข้าเลื่อนขั้นอีกแล้วหรือ”ยอมรับว่านางตกใจเล็กน้อย เพียงฝึกพลังยุทธ์ไม่กี่เดือนแต่นางกลับคืบหน้ากว่าคนอื่นที่ฝึกมาเป็นสิบปีเสียอีก แน่นอนว่าเป็นเรื่องดีสำหรับตัวหลี่หลิงเฟิ่ง การฝึกพลังยุทธ์เป็นสิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด แข็งแกร่งขึ้นใคร ๆ ก็ชอบทั้งนั้นแหละหลังจากที่หลี่หลิงเฟิ่งรู้สึกกระปรี้กระเปร่าจากการพักผ่อนมาหลายชั่วยามในมิติมายา นางจึงสามารถวางเรื่องต่าง ๆ ที่น่าปวดหัวในอนาคตไว้ก่อนได้ หันไปยิ้มน้อย ๆ ให้เสี่ยวมู่ หยิกแก้มนุ่มนิ่มนั่นอย่างอดใจไม่ไหว “ข้าอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว สมควรแก่เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   ทดสอบ 3

    อีกทางด้านหนึ่ง ในห้องใต้ดินเย็นเยียบและชื้นแฉะ รอบด้านมืดมิด ร่างหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงไม้เขรอะฝุ่นหลังหนึ่ง มือขาวซีดยื่นออกไปทางประตู บุรุษผู้หนึ่งพยายามดิ้นรนลงจากเตียง เขาค่อย ๆ คลานไปยังแสงสว่างหนึ่งเดียวในห้องอันมืดมิดแห่งนี้ ฉับพลันแสงสว่างจากด้านนอกที่เล็ดลอดเข้ามาพลันหายไป เงาดำทะมึนสายหนึ่งบดบังแสงนั้นโดยสิ้นเชิงถงลี่พบว่าทั่วทั้งร่างของเขาชุ่มไปด้วยของเหลวหนืดเข้มข้น ตามมาด้วยกลิ่นคาวคละคลุ้ง ความเจ็บปวดไม่กี่เค่อที่ผ่านมากลายเป็นความชาหนึบไปทั้งตัว ร่างกายของเขาเริ่มอ่อนแรงลงตามลำดับ“หวาดกลัวใช่หรือไม่” เสียงหัวเราะแว่วมาให้ได้ยินเบา ๆ “ไม่ต้องห่วง หลังจากเจ้าไปแล้ว ข้าจะส่งลูกเมียของเจ้าติดตามไปด้วย”หัวใจของถงลี่จมดิ่งลงไม่หยุด “ขอร้องท่าน ปล่อยพวกเขาไปเถอะ ทุกอย่างเป็นความผิดพลาดของข้าเอง”“เจ้าไปรอพวกเขาที่ปรโลกก่อนก้าวหนึ่ง อย่างไรเสียพวกเจ้าก็ไม่แยกจากกันแน่นอน” คนผู้นั้นแสยะยิ้มทีหนึ่ง เหลือบมองถงลี่ที่นอนจมกองเลือดครั้งหนึ่งก่อนหันหลังเดินออกไปปึง!เมื่อประตูปิดลง ความมืดมิดเข้าครอบคลุมทั่วทั้งห้องอีกครั้ง พร้อมกับพรากลมหายใจสุดท้ายของถงลี่ไป หลังจากนั้นไม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   ทดสอบ 4

    “เร็ว รีบไปแจ้งผู้อาวุโสสามให้มาที่นี่โดยเร็ว” ศิษย์สำนักแพทย์โอสถที่เห็นเหตุการณ์รีบไปแจ้งทันที ไม่นานนักพลังยุทธ์อันแข็งแกร่งขุมหนึ่งหยุดยั้งฝ่ามือหลี่หลิงเฟิ่งที่กำลังจะทำร้ายคนอีกรอบ“องค์ชายรองโม่ แม่นางท่านนี้โปรดยั้งมือ ทำเช่นนี้ไม่ดีต่อแคว้นหลิวอวิ๋นเอาเสียเลย ท่านคงไม่อยากเป็นศัตรูกับสำนักแพทย์โอสถของเรากระมัง”“แต่คนของท่านคิดจะทำร้ายใครก็ได้อย่างนั้นหรือ ตลกสิ้นดี” หลี่หลิงเฟิ่งโมโหจนหัวเราะออกมาแล้ว“พวกเจ้าต่างหากที่ลงมือกับข้าก่อน อึก!” ยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งลอยเข้าปากจวินโหยวหนาน แม่นยำราวกับจับวาง รอบด้านพลันเงียบสงบ“เจ้าหุบปาก ถึงคราวให้เจ้าพูดได้แล้วรึ” หลี่หลิงเฟิ่งไม่เคยยั้งมือกับศัตรูอยู่แล้ว ต่อให้ตรงหน้าของนางจะมีท่านเทพองค์ใดขวางอยู่ก็ตาม “เป็นองค์ชายเหมือนกัน แต่สมองและความสามารถต่างกันเกินไป”คราวนี้โม่จื่อหลิงยิ้มแล้ว สายตาที่เคยมืดครึ้มพลันเปลี่ยนมาเจ้าเล่ห์ดังเดิม “นางมารน้อย อย่าโมโหไปเลย ไม่ดีต่อสุขภาพ”“ในเมื่อพวกเจ้าไม่เห็นสำนักแพทย์โอสถอยู่ในสายตา ถึงกับกล้าลงมือทำร้ายคนต่อหน้าข้า” พลังขุมหนึ่งก่อตัวขึ้นรอบตัวของผู้อาวุโสสาม ทว่าโม่จื่อหลิงกับหลี่หลิงเฟิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25

บทล่าสุด

  • ชายาอสรพิษ   ช่วยเหลือ

    ณ เมืองหลวงของแคว้นหลิวอวิ๋นเสียงการต่อสู้ยังคงดังกึกก้อง เปลวเพลิงโหมลุกไหม้ตามแนวกำแพง เสียงคำรามของผู้บุกรุกประสานกับเสียงอาวุธที่กระทบกันอย่างดุเดือดสวีคุนเจ้าสำนักหอแพทย์โอสถ กำลังรักษาผู้บาดเจ็บพลางออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "อย่าปล่อยให้พวกมันทะลวงเข้ามาได้ ต้านไว้สุดกำลัง"ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ และเจ้าหน้าที่ทหารรวมกำลังกันอย่างสุดความสามารถ แต่จำนวนศัตรูที่มีกองกำลังมือสังหารชั้นสูงกลับยังคงท่วมท้นทันใดนั้นเอง แสงสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นกลางสมรภูมิ เสียงลมกรรโชกดังขึ้นพร้อมกับร่างของหลี่หลิงเฟิ่ง โม่จื่อหลิง และจวินชางหลางที่ปรากฏตัวออกมา"พวกเรากลับมาแล้ว!" จวินชางหลางร้องลั่น พลางสะบัดดาบเล่มใหม่ในมืออย่างฮึกเหิม "ใครอยากโดนฟันก่อน มาเลย!""ทุกคนปลอดภัยดีหรือไม่" หลี่หลิงเฟิ่งตะโกนถามพลางฟาดแส้เพลิงออกไป เผาผู้บุกรุกที่พุ่งเข้ามาสวีคุนยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ "พวกเจ้ามาทันเวลาพอดี ฝั่งนั้นมีมากเกินไป พวกเรากำลังต้องการกองกำลังเสริมอย่างยิ่งยวด""ท่านวางใจ ข้าจะทำให้ศัตรูจำชื่อพวกเราไปตลอด" จวินชางหลางหัวเราะเสียงดัง เลือดร้อนไม่ลดละจากการต่อสู้ที่ต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน"งั้นข้าจะช

  • ชายาอสรพิษ   ความเปลี่ยนแปลง

    "อะไรเนี่ย ทำไมรากไม้พวกนี้มันมีชีวิตล่ะ แม่จ๋า ช่วยลูกด้วย" จวินชางหลางตะโกนพลางถอยหลบ ขณะที่รากไม้สีดำเลื้อยมาทางเขาดาบกลืนวิญญาณในมิติมายาของหลี่หลิงเฟิ่งยังคงสั่นสะท้าน ราวกับพยายามเตือนบางสิ่ง นางหอบหายใจ ดวงตาคมกริบจับจ้องไปยังใจกลางห้องโถงที่บัดนี้เต็มไปด้วยพลังมืด แท่นบูชาที่พังครึ่งหนึ่งพลันแตกออก เผยให้เห็นโลงศพสีดำสนิทที่ถูกพันธนาการไว้ด้วยรากไม้หนาทึบ นางเดินเข้าไปใกล้โลงศพที่ยังคงปล่อยไอสังหารออกมา"ระวังนะ!" จวินชางหลางร้องเตือน แต่หลี่หลิงเฟิ่งยื่นมือออกไปแตะรากไม้ที่พันรอบโลงศพ ถึงกับเป็นโลกศพฮ่องเต้รุ่นที่หนึ่งทันใดนั้น เส้นแสงสีดำพุ่งออกมาจากรากไม้ เสียงคำรามต่ำสะท้อนก้อง รากไม้ราวกับมีชีวิตฉุดกระชากไปทั่วโลงศพเปิดออกอย่างช้าๆ กลิ่นเน่าเหม็นโชยกระจายไปทั่วห้องโถง ร่างของฮ่องเต้ตงเยว่ที่เคยหลับใหลปรากฏให้เห็น ผิวหนังซีดเผือด ดวงตาที่ควรปิดสนิทพลันเปิดออก เผยให้เห็นแสงสีดำวาววับ"มันตื่นขึ้นแล้ว!" โม่จื่อหลิงกล่าวเสียงหนัก ขณะกระชับกระบี่ในมือแต่ก่อนที่ใครจะทันได้ขยับ รากไม้สีดำพุ่งขึ้นฟ้า ก่อนจะแตกกระจาย เสียงกระดูกดังลั่น ไม่ใช่แค่จักรพรรดิตงเยว่ แต่ศพของทหารและข

  • ชายาอสรพิษ   ค้นพบ

    จวินชางหลางกระเด็นกลิ้งหลายตลบก่อนจะยันตัวลุกขึ้นมา มองรอบด้านอย่างไม่สบอารมณ์ สถานที่เบื้องหน้านั้นเต็มไปด้วยซากหินและพื้นผนังที่ปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ“ที่นี่มัน...ใต้ดินหรือ” หลี่หลิงเฟิ่งกวาดตามองอย่างระแวดระวัง“ข้าหวังว่ามันจะไม่ใช่กับดักอะไรอีกนะ” จวินชางหลางโอดครวญ “ฟ้าไม่มีตา ไม่เข้าข้างข้าบ้างเลย”ทั้งสามคนเดินลึกเข้าไปในโพรงใต้ดิน เส้นทางทอดยาวราวกับไม่มีที่สิ้นสุด เสี่ยวจูจูที่เกาะอยู่บนบ่าหลี่หลิงเฟิ่งส่งเสียงครางเบาๆ อย่างไม่สบายใจ“มันรู้สึกอะไรบางอย่าง” หลี่หลิงเฟิ่งเอ่ยเบาๆ นางยกมือขึ้นลูบหัวเสี่ยวจูจูเพื่อปลอบ “ระวังตัวไว้”ภายในมิติมายาของนางกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดคิด ดาบกลืนวิญญาณ ที่ปักนิ่งอยู่กลางทุ่งมายาพลันสั่นสะท้าน เสียงหวีดแหลมต่ำ เส้นแสงสีดำปะทุจากคมดาบราวกับมีสิ่งเร้นลับพยายามฉุดกระชากมันให้หลุดจากพันธนาการ“ไม่... ไม่ดีแล้ว!” เสี่ยวมู่ร้อง ดวงตาสีครามของมันเบิกกว้างหลี่หลิงเฟิ่งเม้มปาก มองสภาพแปรปรวนในมิติของนาง ที่พื้นดินซึ่งเคยนิ่งสงบกลับแตกออก เผยให้เห็นแสงสีเทาหม่นที่หมุนวนราวกับวงกตแห่งวิญญาณในจุดนั้นมีวัตถุสีมืดสนิทลอยเด่นอยู่กลางอากาศ มั

  • ชายาอสรพิษ   ทำลายตงเยว่

    บุกแคว้นตงเยว่เปลวไฟลุกโชนสูงตระหง่าน วังหลวงของแคว้นตงเยว่ที่เคยโอ่อ่ากลายเป็นสนามรบ เปลวเพลิงจากของหลี่หลิงเฟิ่งเผาผนังไม้สักทองคำจนแตกเปรี๊ยะ เสียงกรีดร้องของทหารแคว้นตงเยว่ดังระงมจวินชางหลางหัวเราะเสียงดัง ขณะฟาดฟันศัตรูที่ขวางหน้า "นี่แหละที่ข้ารอคอยมานาน วังนี้ข้าเห็นแล้วยังอยากเผาเล่น"ทหารของแคว้นตงเยว่ล้มตายลงทีละคน ซากศพกองเรียงรายจนแทบไม่มีทางเดิน หลี่หลิงเฟิ่งมองซากปรักหักพังอย่างเยือกเย็น "วังโอ่อ่าขนาดนี้ วันนี้ก็ถึงคราวต้องมอดไหม้ไปพร้อมกับบาปของมันแล้ว""เจ้าคิดจะทำลายทุกอย่างจริงๆ หรือ ง่ายไปหน่อยกระมัง" เสียงหนึ่งดังขึ้นจากเบื้องบน ร่างสูงสง่างามในชุดมังกรสีทองปรากฏตัวท่ามกลางเงาเปลวเพลิง ฮ่องเต้แห่งแคว้นตงเยว่ ดวงหน้าคมคายที่เปี่ยมด้วยอำนาจแฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม"ข้ารู้จักสมญานามของพวกเจ้ามาบ้าง หญิงชั่วร้ายกับชายคู่หมั้นหน้าโง่ แต่กลับถูกยกย่องให้เป็นความภาคภูมิของแคว้นหลิวอวิ๋น"หลี่หลิงเฟิ่งเลิกคิ้วแปลกใจ ไม่คิดว่าพวกนางจะมีฉายาเช่นนี้ด้วย โด่งดังไม่เบาเลยหนา ฮ่องเต้ตงเยว่หัวเราะ "เจ้าคิดว่าการเผาวังหลวงของข้าจะทำให้แคว้นหลิวอวิ๋นพ้นภัยหรือ ช่างเป็นความคิดตื

  • ชายาอสรพิษ   ตั้งรับ

    กองกำลังขันทีผู้ซื่อสัตย์ของฮ่องเต้ ซึ่งได้รับการฝึกฝนให้ปกป้องวังหลวงมาตั้งแต่เยาว์วัย ยืนหยัดต้านทานคนชุดดำอย่างสุดชีวิต ถึงแม้พลังยุทธ์ของพวกเขาจะด้อยกว่าศัตรูมากนัก แต่ด้วยความภักดีที่ฝังแน่นในหัวใจ พวกเขาไม่มีวันปล่อยให้ราชวงศ์หลิวอวิ๋นล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา"ถ้าจะตาย ก็ให้ตายเพื่อฝ่าบาท!" หัวหน้าขันทีตะโกนลั่น เสียงของเขาแฝงด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมพ่ายแพ้เสียงดาบกระทบกันดังสนั่น ขันทีผู้หนึ่งฟาดดาบเข้าใส่คนชุดดำ แต่กลับถูกพลังยุทธ์มหาศาลกระแทกจนล้มลง เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นหิน"อย่าปล่อยให้พวกมันเข้าใกล้ฝ่าบาท!" หัวหน้าขันทีตะโกนอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งตัวไปขวางคนชุดดำที่พยายามบุกเข้ามาฮ่องเต้ที่ยังทรงยืนอยู่ด้วยพระวรกายที่บาดเจ็บสาหัส ดวงเนตรของพระองค์เคร่งขรึมแต่เปี่ยมด้วยความเด็ดเดี่ยว แม้พระโลหิตจะไหลซึมจากบาดแผลที่พระอุระ แต่พระองค์ไม่คิดจะล่าถอยหยวนกุ้ยเฟยยืนมองภาพนั้นด้วยความสะใจ ใบหน้าของนางฉายแววบ้าคลั่ง "ฝ่าบาทยังดื้อรั้นเช่นเคย... แต่ครั้งนี้ข้าจะทำให้ท่านสิ้นสิ้นลมหายใจไปพร้อมกับบัลลังก์ที่ท่านหวงแหนนัก!"ดวงตาของนางเรืองแสงด้วยพลังพิษสีดำที่แผ่ออกมาจากปลายนิ้ว นางสะ

  • ชายาอสรพิษ   เมล็ดพันธ์ุแห่งความสงสัย

    "โจมตีที่แก่นพลังในกะโหลก พวกมันจะฟื้นตัวไม่ได้ถ้าแก่นนั้นถูกทำลาย" เสียงสั่งการของหลี่เฟยหยางดังขึ้นท่ามกลางเสียงคำรามของสัตว์อสูรเน่าเปื่อยที่น่าสะอิดสะเอียน หลี่หลิงเฟิ่งที่กำลังฟาดแส้เพลิงใส่สัตว์อสูรตนหนึ่งถึงกับชะงัก นางหรี่ตาจ้องมองหลี่เฟยหยางที่ดูมั่นใจในการโจมตีราวกับรู้จุดอ่อนของพวกมันดีราวกับฝ่ามือตัวเอง"ทำลายแก่นพลังงั้นหรือ" หลี่หลิงเฟิ่งพึมพำเบาๆ ก่อนจะหันไปสบตาโม่จื่อหลิง "ลองทำดู!"โม่จื่อหลิงไม่รีรอ เขาพุ่งเข้าใส่สัตว์อสูรตัวหนึ่งราวกับพายุ กระบี่ในมือเปล่งประกายสีเงินวาววับ ปลายกระบี่พุ่งตรงเข้าหากะโหลกของมันอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เสียงแตกดังลั่นเมื่อแก่นพลังถูกทำลาย ร่างของมันล้มลงกับพื้นและสลายกลายเป็นผุยผงในชั่วพริบตา"ได้ผลจริงๆ ด้วย!" หลูหวั่นชิงตะโกนขึ้นด้วยความดีใจ นางกวัดแกว่งพัดเหล็กในมือ สร้างกระแสลมเพลิงพุ่งตรงเข้าใส่กะโหลกของสัตว์อสูรอีกตัว เผาไหม้แก่นพลังจนแตกละเอียดแต่หลี่หลิงเฟิ่งกลับไม่ได้รู้สึกโล่งใจ ดวงตาคู่งามของนางจับจ้องหลี่เฟยหยางที่ยังคงต่อสู้อย่างดุดัน ร่างสูงสง่างามของเขาขยับอย่างแม่นยำและมั่นใจราวกับนักล่าที่ชำนาญ สายตาของนางแฝงไว้ด้วยความส

  • ชายาอสรพิษ   ทางรอด

    การต่อสู้ในสุสานสัตว์อสูรยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด พลังยุทธ์และอาวุธหลากชนิดพุ่งเข้าใส่ร่างสัตว์อสูรเน่าเปื่อยเหล่านั้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับไม่ได้ผลเท่าที่ควร ทุกครั้งที่พวกมันล้มลง มันกลับลุกขึ้นมาใหม่ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด“พวกมันมีแต่มากไม่มีลดลงเลย ขืนแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ เราต้องออกจากที่นี่โดยด่วน” หลูหวั่นชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน นางใช้พัดเหล็กในมือกวาดเปลวไฟออกไป เผาสัตว์อสูรตัวหนึ่งจนมอดไหม้ แต่เพียงครู่เดียว ร่างที่ไหม้เกรียมนั้นก็กลับมาฟื้นคืนและกระโจนเข้ามาอีกครั้ง“ทางออกอยู่ไหนกันล่ะ สู้มาจะค่อนวันแล้วข้ายังไม่เห็นว่าจะมีสักแม้เงา” จวินชางหลางตะโกนกลับ เสียงของเขาแฝงด้วยความเหนื่อยล้า กระบี่ของเขาเปื้อนเลือดสัตว์อสูรจนไม่เหลือเค้าเดิมหลี่หลิงเฟิ่งเบี่ยงตัวหลบกรงเล็บของสัตว์อสูรตัวหนึ่งที่ฟาดลงมา นางสะบัดแส้เพลิงในมือออกไป เปลวไฟสีแดงฉานลุกโชนขึ้น เผาร่างของมันจนแตกสลาย แต่ในเวลาเดียวกัน นางก็ใช้สายตาสำรวจพื้นที่รอบตัว“ถ้าค่ายกลนี้ถูกทำลายแล้ว พวกมันไม่ควรถูกยึดติดกับพื้นที่นี้อีก ล่อพวกมันกระจายตัวออกไปก็สิ้นเรื่อง พวกมันถูกดึงดูดจากต้นไม้แห่งชีวิต ตอนนี้ไม่มีเหลือแ

  • ชายาอสรพิษ   กับดักใจกลางป่า

    กลุ่มของหลี่หลิงเฟิ่งติดตามคำบอกเล่าของนุ่มนิ่มมาตลอดทางจนกระทั่งมาถึงจุดหมายเบื้องหน้า สิ่งที่พวกเขาเห็นคือปากถ้ำขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนซ่อนตัวอยู่ภายในเงาไม้หนาทึบ ถ้ำนี้ดูไม่ต่างจากที่หลี่หลิงเฟิ่งได้ยินจากคำรายงานของนุ่มนิ่มเหลียนฉือกงและเหลียนฉู่ฉู่นั่งพิงกันอยู่หน้าถ้ำ ดวงหน้าซีดเซียวและเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผลของการต่อสู้ เหลียนฉือกงมีบาดแผลใหญ่ที่สีข้าง ขณะที่เหลียนฉู่ฉู่กุมป้ายหยกแน่นราวกับไม่อาจปล่อยจากมือ“ข้าเจอพวกเขาแล้ว” หลูหวั่นชิงชี้ไปยังสองพี่น้องแคว้นเหลียน นางรีบจะก้าวเข้าไปหา แต่หลี่หลิงเฟิ่งยกมือขึ้นห้ามไว้ทันที“อย่าเพิ่งเข้าไป” หลี่หลิงเฟิ่งบอกเสียงเฉียบพลัน ดวงตาของนางหรี่ลงมองภาพเบื้องหน้า ในขณะที่ทุกคนเห็นเพียงถ้ำที่ดูปลอดภัย แต่สิ่งที่นางเห็นกลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิงภาพเบื้องหน้าของหลี่หลิงเฟิ่งไม่ได้เป็นเพียงปากถ้ำ แต่เป็นสุสานสัตว์อสูรที่เต็มไปด้วยซากศพของสัตว์อสูรนานาชนิด กองกระดูกที่เรียงรายอยู่ทุกหนแห่งส่งกลิ่นคาวเลือดจางๆ ที่ดูเหมือนจะยังไม่แห้งสนิท ราวกับพวกมันเพิ่งล้มตายไม่นานนางหันมองรอบตัวอย่างระแวดระวัง เสียงของถิงถิงดังขึ้น“นายท่านที่นี่ถูกสร้างค่า

  • ชายาอสรพิษ   ถิงถิงออกโรง

    เสียงหอบหายใจของหลี่หลิงเฟิ่งและคนอื่นๆ ดังขึ้นท่ามกลางเสียงคำรามอันต่ำของฝูงอสูรที่ล้อมรอบพวกเขาไว้ มันไม่ได้เป็นเพียงสัตว์อสูรธรรมดา หากแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้วและถูกปลุกขึ้นมาด้วยพลังลึกลับ เนื้อหนังที่เน่าเปื่อยของพวกมันเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคาวและความสยดสยองที่แผ่กระจายไปทั่ว“เจ้าพวกนี้มันไม่มีวันตายจริงๆ สินะ” หลูหวั่นชิงพึมพำ น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยความตื่นตระหนกยิ่งยวด“แต่พวกเราตายได้นะ” จวินชางหลางตะโกนพลางหมุนตัวฟาดดาบในมือผ่านร่างอสูรตัวหนึ่งจนขาดเป็นสองท่อน แต่ในเสี้ยววินาทีต่อมา เศษเนื้อและกระดูกที่แตกกระจายกลับเริ่มเคลื่อนไหวและประกอบร่างอีกแล้ว เป็นอย่างนี้ทุกครั้งไป“ไม่ว่าเจ้าจะฟันอีกกี่ครั้ง มันก็ยังรวมร่างได้ เสียเวลาเปล่า” หลี่หลิงเฟิ่งกล่าวเสียงเรียบ นางสะบัดมือข้างหนึ่ง ผ้าสีแดงสิบเส้นพลันพุ่งออกไปพร้อมเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วง แส้เพลิงฟาดลงบนร่างของสัตว์อสูรตัวหนึ่งเสี่ยวจูจูที่ยืนอยู่ข้างหลี่หลิงเฟิ่งส่งเสียงร้องคำรามอันทรงพลัง ร่างเล็กของมันกระโจนออกจากที่มั่น ลวดลายสีดำสลับทองบนตัวส่องประกายระยับ ขณะที่กรงเล็บของมันตวัดฉีกกระชากอสูรตัวหนึ่งจนกระเด็นไปไกล

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status