หน้าหลัก / รักโบราณ / ชายาอสรพิษ / นักคว้าจับมือฉมัง 3

แชร์

นักคว้าจับมือฉมัง 3

ผู้เขียน: เสี่ยวหลันฮวา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-25 19:30:31

สามชั่วยามถัดมา หลี่เจี้ยนและหลี่หลิงเฟิ่งขอตัวกลับ หวังซีเดินมาส่งทั้งสองถึงชั้นล่างด้วยตนเอง ผู้คนที่เคยเนืองแน่นขนัดอย่างสามวันก่อนไม่มีอีกต่อไป มีเพียงศิษย์สองสามคนเท่านั้น ผู้ไม่เกี่ยวข้องมิอาจเข้ามาด้านในได้ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์มีผู้บุกรุกขึ้น หอแพทย์โอสถจึงเปิดทำการเพียงส่วนขายยาสมุนไพรและยาลูกกลอนเท่านั้น นั่นคือโถงหน้าสุดของหอ

“แม่นางหลี่ สมุนไพรส่วนที่เหลือข้าจะส่งให้ท่านถึงจวนพรุ่งนี้เช้าตามเดิม ไม่คิดเงินแต่อย่างใด ขอบคุณท่านที่ช่วยเหลือหอแพทย์ของเรา บุญคุณครั้งนี้สำนักแพทย์โอสถต้องตอบแทนท่านอย่างแน่นอน” หวังซีคำนับขอบคุณนางครั้งหนึ่ง

“ไม่ต้องเกรงใจ เมื่อครั้งอยู่ชนบทพวกท่านได้ช่วยเหลือข้าหลายเรื่อง สหายช่วยเหลือกันไม่นับว่าเป็นบุญคุณอันใดหรอก หากช่วยได้หนึ่งชีวิตก็ถือเป็นการทำกุศลเพิ่มไม่ใช่หรือ” หลี่หลิงเฟิ่งโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ

“หากห่อยาหลัวนั้นจะช่วยผู้อาวุโสในสำนักท่านได้ ก็ถือเป็นโชคดีของมันแล้ว ท่านไม่ต้องทำเช่นนี้ ข้าจะอายุสั้นได้นะ” หลี่หลิงเฟิ่งกล่าวอย่างติดตลก พลันสายตาเหลือบไปเห็นถงลี่เดินไวๆ มาทางพวกเขา

“อย่างไรก็ต้องขอบคุณท่านมากจริงๆ น้ำใจของท่านในครั้งนี้พวกเราจดจำไว้แล้ว” หวังซียังคงกล่าวอย่างนอบน้อมตามเดิม สลัดคราบบุรุษผู้เงียบขรึมออกไปจนหมด ใบหน้าซาบซึ้งของเขาทำเอานางแทบจะสำลัก

“แฮ่ม แค่ของต่างหน้าที่ท่านแม่ของข้าทิ้งไว้ให้เท่านั้น ข้าเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์อันใด วันนี้ถือเสียว่ามันเจอเจ้าของแล้ว” หลี่หลิงเฟิ่งกลั้นขำจนหน้าแดง ยกแขนเสื้อตัวยาวปิดบังใบหน้าตนเองเอาไว้ นางเคยรู้สึกรำคาญชุดรุ่มร่ามของผู้คนยุคนี้ แต่ตอนนี้นางอยากขอบคุณนักออกแบบชุดยิ่งนัก

“คารวะผู้อาวุโสหวัง คุณชายรอง คุณหนูห้า” ถงลี่เดินเข้ามา คำนับหวังซีอย่างผู้อาวุโส ก่อนหันไปทักทายพี่น้องตระกูลหลี่ “ท่านทั้งสองจะกลับแล้วหรือ ผู้น้อยขอรับหน้าที่เดินไปส่งทุกท่านเองขอรับ”

หลี่หลิงเฟิ่งผงกศีรษะ กล่าวลาหวังซีสองสามประโยคก่อนเดินตามทั้งสองออกไป นางเร่งฝีเท้าเดินเคียงข้างหลี่เจี้ยน สีหน้าติดจะกังวลเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงไม่หนักไม่เบาว่า “พี่รอง ท่านว่าหลัวยาห่อนั้นจะช่วยคนผู้นั้นได้จริงหรือ”

“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่นั่นเป็นของท่านน้าชิงเชียวนะ ต้องได้ผลอยู่แล้ว อย่าคิดมากไปเลย กลับไปรอฟังข่าวดีที่จวนกันดีกว่า” ภายนอกต่างรู้กันว่ามารดาของหลี่หลิงเฟิ่งเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของหอนางโลมที่เจ้าเมืองหลี่ซื้อตัวมา หากแต่น้อยคนที่จะรู้ว่าแท้จริงแล้วนางเข้าจวนตระกูลหลี่ได้เพราะยาลูกกลอนสามเม็ด หนึ่งในผู้ที่รู้เรื่องนี้ก็คือหอแพทย์โอสถ เพราะยาลูกกลอนสามเม็ดนั้นผ่านการรับรองและประเมินราคาจากหอแพทย์นั่นเอง

หลี่หลิงเฟิ่งไม่พูดอันใดต่อ เดินตามหลังมาอย่างเงียบๆ ขณะที่นางเดินมาถึงหน้าโถงชั้นหนึ่ง กลิ่นฉุนผสมกลิ่นคาวลอยมาแตะจมูกของนางจางๆ หญิงสาวหยุดชะงัก หันมองไปรอบๆกาย โถงหน้าเต็มไปด้วยผู้คนเนืองแน่นเช่นเคย มิอาจระบุเจ้าของกลิ่นประหลาดนี้ได้อย่างชัดเจน

“มีอันใดหรือ” หลี่เจี้ยนเห็นนางหยุดเดิน จึงหันหลังกลับมาถามอย่างสงสัย

“เปล่าเจ้าค่ะ ข้าแค่รู้สึกว่าหอแพทย์โอสถดูเหมือนจะคึกคักเป็นพิเศษ” หลี่หลิงเฟิ่งส่ายหน้า “พวกเราไปกันเถอะ”

ถงลี่เห็นว่าหญิงสาวขมวดคิ้ว มองสำรวจไปรอบด้าน จึงเอ่ยคลายความสงสัยให้แก่นาง “นั่นเพราะหอแพทย์ของเราเปิดแค่ส่วนด้านหน้านี้เท่านั้น คุณหนูห้าถึงได้รู้สึกว่าผู้คนละลานตามากกว่าเดิม” เขาสำทับอีกว่า “หากเป็นในยามปกติ ผู้คนจะอยู่ในห้องรับรองที่ท่านผ่านมาเมื่อสักครู่ขอรับ”

หญิงสาวยิ้มตอบถงลี่ วันนี้ชายร่างท้วมดูต่างจากวันวานเล็กน้อย เดินแค่ไม่กี่ก้าวกลับมีเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากเสียแล้ว สงสัยว่าอากาศจะร้อนไปหน่อยกระมัง หลี่หลิงเฟิ่งพูดออกมาอย่างห่วงใย “ผู้ดูแลถง สีหน้าท่านดูไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายตรงไหนหรือไม่”

“ทำให้คุณหนูห้าต้องเป็นห่วงแล้ว หลายวันมานี้หอแพทย์มีเรื่องวุ่นวายไม่หยุดหย่อน อาจเพราะนอนไม่พอจึงเหนื่อยล้าขอรับ” ถงลี่สีหน้าซีดเซียว เสียงที่ตอบกลับหลี่หลิงเฟิ่งก็ไร้ชีวิตชีวา

“เช่นนั้นท่านส่งพวกข้าแค่นี้เถิด โปรดรักษาสุขภาพด้วย” เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่เจี้ยนจึงตัดบท ผู้ดูแลถงอายุไม่น้อยแล้ว ช่วงนี้หอแพทย์โอสถอยู่ในความไม่สงบ เกรงว่าคงเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก สุขภาพร่างกายอ่อนแอลงก็เป็นเรื่องปกติ

“ข้าน้อยต้องขออภัยพวกท่านทั้งสอง เดินทางปลอดภัยนะขอรับ” ถงลี่คำนับครั้งหนึ่ง ก่อนผายมือซ้ายไปทางประตู เมื่อเห็นทั้งสองขึ้นรถม้าเรียบร้อยแล้ว จึงหมุนตัวกลับ

“พี่รอง วันนั้นนอกจากพู่ชิ้นนั้นแล้ว ท่านไม่เจอสิ่งใดอีกเลยหรือ” บนรถม้า หลี่หลิงเฟิ่งนั่งหยิบของว่างที่ซื้อมาระหว่างทางขึ้นมากิน เคี้ยวไปเอ่ยถามหลี่เจี้ยนไป

“ค่อยๆ กิน เดี๋ยวก็สำลักกันพอดี” หลี่เจี้ยนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเห็นดังนั้นก็รีบรินชาส่งให้หญิงสาวทันที “นอกจากพู่อันนั้น ก็ไม่เจออะไรอีกนะ”

หลี่เจี้ยนยกมือขึ้้นลูบคางพลางครุ่นคิด “จะว่าไปโจรชั่วนั่นโดนฝ่ามือพี่ครั้งหนึ่งก่อนจะหลบหนีออกไปได้ ข้าว่าช่วงนี้มันคงไม่กล้าเคลื่อนไหวอันใดหรอก”

หลี่หลิงเฟิ่งกำลังจิบชาอยู่พลันชะงัก บาดเจ็บงั้นรึ ประกายตาของนางเย็นชาขึ้นหลายส่วน หญิงสาวเลิกผ้าม่านขึ้นเล็กน้อย เทน้ำชาในถ้วยที่เหลือทิ้งลงบนถนน พลางเอ่ย “ชาดี แต่ไม่ควรดื่มสุ่มสี่สุ่มห้า”

“หืม" หลี่เจี้ยนยกกาน้ำชาขึ้นมาดม สีหน้าพลันฉงน ก็ปกติดีนี่นา

“ดื่มชายามค่ำจะทำให้นอนหลับยากเจ้าค่ะ” หลี่หลิงเฟิ่งหยิบน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มแทน คนยุคนี้ไม่รู้จักคาเฟอีน ชาที่ยังไม่ได้สกัดคาเฟอีนออก ดื่มมากไปก็ไม่ดีต่อร่างกาย

หลี่เจี้ยนส่งเสียง “อ้อ” ออกมาคำหนึ่ง จึงเอ่ยต่อ “แต่ว่าน้องเล็ก แผนการนี้ของเจ้าจะจับตัวคนทรยศได้จริงหรือ หากว่ามันไม่ยอมออกมาเล่า ไม่เท่ากับว่าแหวกหญ้าให้งูตื่นซะเองรึ”

“มันต้องโผล่หัวออกมาแน่” หลังจากรู้ต้นสายปลายเหตุ พวกเขาตั้งใจปล่อยข่าวออกไปว่าหายารักษาเจ้าสำนักแพทย์โอสถได้แล้ว เพื่อล่อคนร้ายออกมาติดกับ มีเพียงพวกเขาและคนร้ายเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ หากข่าวโคมลอยไปถึงหูมันล่ะก็ มีหรือจะยอมนิ่งเฉยได้ ไม่นานต้องลงมืออีกครั้งแน่นอน “ท่านคอยดูแล้วกัน”

“คุณชายรอง คุณหนูห้า ถึงแล้วขอรับ” หลี่เจี้ยนยังคงไม่วางใจ ขณะที่กำลังจะถามต่อนั้น คนขับรถม้าก็เอ่ยเรียกเสียงดังขัดจังหวะความคิดของเขา รถม้ามาหยุดที่หน้าสถานที่แห่งหนึ่ง ด้านหน้าเต็มไปด้วยรถม้าจอดเรียงกันหลายสิบคัน บริเวณรอบๆ เต็มไปด้วยผู้คนเดินขวักไขว่ แต่งกายแตกต่างกันออกไป มีทั้งบรรดาพ่อค้าแม่ค้า ผู้คนต่างเมือง รวมไปถึงต่างแคว้น หลี่หลิงเฟิ่งสำรวจสถานที่แปลกตาแห่งใหม่จนเหลือบไปเห็นป้ายบนประตูสลักคำว่าหออวี้หลิ่ว

หลี่เจี้ยนพาหลี่หลิงเฟิ่งเดินเข้ามาด้านในหออวี้หลิ่วอย่างคล่องแคล่ว ราวกับเคยมาเยือนที่แห่งนี้นับครั้งไม่ถ้วน ด้านในตัวเรือนหรูหราโอ่อ่ากว่าที่นางเห็นด้านนอกมากนัก ตัวหอมีเพียงชั้นเดียวแต่กินพื้นที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ใหญ่กว่าจวนเจ้าเมืองไม่รู้กี่เท่า ทว่ากลับมีห้องหับอยู่เพียงไม่กี่ห้อง ส่วนใหญ่จะเป็นโถงโล่งซะมากกว่า

ที่นี่เป็นแหล่งซื้อขายหินต้นกำเนิดขนาดใหญ่ที่สุด นอกจากหินต้นกำเนิดแล้ว ทุกๆ ครึ่งเดือนยังมีการจัดงานประมูลของล้ำค่าหายากมากมาย ดูจากผู้คนล้นหลาม คืนนี้คงมีงานประมูลเป็นแน่ แต่หลี่หลิงเฟิ่งไม่สนใจมากนัก นางเพียงต้องการหินแร่ขั้นต้นไม่กี่ก้อนเท่านั้น

พูดแล้วก็เหนื่อยใจ นางเหมือนกับผู้ดีเก่าที่มีของล้ำค่าเก็บสะสมแต่ไม่อาจนำมาใช้ได้ หินแร่ในมิติของนางมีเยอะก็จริง แต่กลับไม่มีขั้นต้นเลยสักก้อน

เมื่อเดินมาถึงโถงกลาง หญิงสาวพลันรู้สึกอึดอัด จุดนี้ผู้คนแน่นขนัดจนทำให้นางรู้สึกหายใจไม่สะดวก คิดอยากจะเดินหนีออกไปให้รู้แล้วรู้รอด ทันใดนั้นมีบุรุษชุดม่วงผู้หนึ่งเข้ามาต้อนรับอย่างเร่งรีบ “คุณชายรองหลี่ นายใหญ่เชิญท่านเข้าไปพบด้านในขอรับ”

บุรุษชุดม่วงพาพวกนางเดินหลบมาข้างหลังหออวี้หลิ่ว เดินมาตามระเบียงจนสุดทาง เบื้องหน้ามีโรงไม้หลังเล็กตั้งอยู่ เมื่อเทียบกับส่วนหน้าที่เดินผ่านมา โรงไม้นี้ดูเรียบง่ายไปถนัดตา

“นายใหญ่รอพวกท่านอยู่ด้านในขอรับ” ชายชุดม่วงกล่าวจบก็หมุนตัวเดินกลับไปทิศทางที่เพิ่งจากมา หลี่เจี้ยนไม่ได้เอ่ยอันใด ร่างสูงผลักประตูไม้เข้าไปอย่างถือวิสาสะ ตรงไปนั่งบนโต๊ะตรงข้ามกับสตรีชุดเขียวนางหนึ่งที่กำลังนั่งยิ้มบางๆ ถือถ้วยชาอยู่ในมือ

“หลี่เจี้ยน ไม่ได้พบกันเสียนาน ได้ยินว่าเจ้ากลับมาเมื่อหลายวันก่อน ข้ายังคิดว่าอีกสองสามวันหากเจ้าไม่มาเยี่ยมเยียน ก็จะส่งของไปให้ถึงจวนด้วยตนเองอยู่เลย ไฉนวันนี้ถึงได้มาหาโดยไม่บอกกล่าวกันสักคำล่ะ แล้วเฟยหยาง…เอ๋ นางคือ...” สตรีชุดเขียวกล่าวทักทายหลี่เจี้ยนอย่างเป็นกันเอง บังเอิญสายตากวาดมองไปยังหน้าประตู เห็นหลี่หลิงเฟิ่งผู้มีใบหน้าเรียบนิ่งก็ให้ประหลาดใจ หลี่เจี้ยนพาสตรีมาด้วย? นางเผลอนึกว่าผู้ที่มาด้วยกันจะเป็นบุรุษอีกคนซะอีก

หลี่เจี้ยนกวักมือเรียกน้องสาวที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูไม่ยอมเข้ามา “น้องเล็ก มานี่เร็ว มาคารวะพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้า”

“พี่สะใภ้ใหญ่? ข้าเพิ่งรู้ว่าพี่ใหญ่แต่งงานแล้วก็วันนี้นี่เอง คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ” ใบหน้าที่เคยราบเรียบส่งยิ้มบางๆ ออกมา หลี่หลิงเฟิ่งเลิกคิ้วในใจ พิจารณาสตรีอีกคนอย่างละเอียด สตรีนางนี้อายุราว ๆ ยี่สิบปี มีรูปโฉมโดดเด่น ภายนอกดูสุภาพนุ่มนวล รอยยิ้มงดงามประดับอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา นิสัยน่าจะเข้ากันได้ดีกับหลี่เฟยหยาง

“เหอะๆ เจ้าไม่รู้อะไร ไม่ช้าก็เร็วนางต้องแต่งให้หลี่เฟยหยางอย่างแน่นอน เพราะเจ้าอยู่แต่ในจวน ไม่ค่อยได้ออกไปไหน จึงไม่รู้เรื่องราวของพวกพี่” ใบหน้าหลี่เจี้ยนเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม “น้องเล็ก เจ้าไม่รู้หรอกว่านอกจากเจ้าแล้วก็มีเพียงอวิ๋นหลิ่วนี่ล่ะที่ทำให้รู้สึกว่าเขามีความเป็นคนขึ้นมาบ้าง”

“พูดจาเหลวไหล” อวิ๋นหลิ่วตวัดสายตามองเขาทีหนึ่ง ทว่า ใบหน้าขึ้นสีเรื่อจาง ๆ เอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะกล่าวกับหลี่หลิงเฟิ่งที่เดินมานั่งข้างหลี่เจี้ยน “คุณหนูท่านนี้คงเป็นคุณหนูห้า หลี่หลิงเฟิ่งสินะ ได้ยินชื่อของเจ้ามานานแล้ว วันนี้ได้พบหน้ากันเสียที อย่าไปฟังคำพูดไร้แก่นสารของเขาให้มากนัก พวกเราเป็นเพียงสหายที่ดีต่อกันเท่านั้น”

“จะวันนี้หรือวันหน้า ตำแหน่งพี่สะใภ้ก็หนีท่านไม่พ้น” หลี่เจี้ยนส่งสายตายั่วเย้า แลดูสนุกสนาน

“เจ้าปรักปรำข้าเช่นนี้จะเกิดความเข้าใจผิดเอาได้ สตรีในอนาคตของหลี่เฟยหยางจะเป็นใครนั้น ไม่เกี่ยวอันใดกับข้า ที่พวกท่านมาวันนี้คงไม่ใช่เพราะเรื่องนี้กระมัง”

หลี่หลิงเฟิ่งมองถ้วยน้ำชาในมือ แววตาทอประกายล้ำลึก เอ่ยถามเสียงเรียบแม้ว่านางจะมั่นใจถึงแปดเก้าส่วนก็ตาม “แม่นางอวิ๋นหลิ่ว ท่านคือนายใหญ่ของหออวี้หลิ่วหรือ”

อวิ๋นหลิ่วไม่ตอบรับ เพียงยกชาขึ้นมาจิบคำหนึ่ง “เรียกข้าว่าอวิ๋นหลิ่วก็พอ น้องสาวของเฟยหยางก็เหมือนน้องสาวของข้า” อวิ๋นหลิ่วชะงักเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวถามอย่างใคร่รู้ “ได้ยินมาว่าเจ้าฝึกพลังยุทธ์ได้แล้ว ที่มาวันนี้เพราะต้องการหินแร่สินะ”

“ไม่ผิด” หลี่หลิงเฟิ่งกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ท่านพอจะขายให้ข้าสักสิบยี่สิบก้อนได้หรือไม่”

อวิ๋นหลิ่วยิ้มอย่างปลงตก “ไม่ใช่ไม่ได้ เพียงแต่คืนนี้จัดงานประมูลขึ้น หินแร่ทุกก้อนที่หาได้ถูกส่งไปประมูลจนไม่เหลือ หากเจ้าอยากได้ต้องเข้าร่วมการประมูลเท่านั้น” หินแร่แต่ละก้อนไม่ได้หากันง่าย ๆ กว่าจะได้มาต้องเสียหินต้นกำเนิดไปหลายก้อน ดูจากหลี่หลิงเฟิ่งที่เริ่มฝึกพลังยุทธ์คงต้องการหินแร่ขั้นต้นมากพอสมควร

หินแร่สีเทานับว่ามีเยอะที่สุด แต่ก็เป็นที่ต้องการมากที่สุดเช่นกัน ผู้ฝึกพลังยุทธ์บนแผ่นดินนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ขั้นกำเนิดใหม่และขั้นหลอมรวม หินแร่ขั้นต้นใช้กับขั้นพลังยุทธ์ของนางไม่ได้ ที่นางเก็บไว้จึงมีเพียงหินแร่ขั้นสอง

“เหตุใดเจ้าไม่บอกให้เร็วกว่านี้ ถ้ารู้แต่แรกข้าคงเก็บไว้ให้บางส่วน” อวิ๋นหลิ่วถลึงตามองหลี่เจี้ยน ถอนหายใจอย่างเสียดาย หลี่เจี้ยนถูกนางขึงตาใส่ได้แต่อึกอักพูดไม่ออก

หลี่หลิงเฟิ่งเองก็ผิดหวังเล็กน้อยเช่นกัน หินแร่ที่ควรจะได้มาง่าย ๆ กลับหลุดลอยจากมือนางไปเสียนี่ แต่นางก็ยังไม่หมดหวัง “หากเป็นหินต้นกำเนิด หออวี้หลิ่วคงไม่ขาดแคลนกระมัง”

“เจ้าอยากดูหรือ ได้สิ ตามข้ามา แต่บอกไว้ก่อนว่าอาจทำให้คุณหนูห้าเสียเวลาเปล่า การจะค้นพบหินแร่นั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่ท่านคิด โดยเฉพาะคุณหนูห้าที่ยังไม่เคยดูหินต้นกำเนิดมาก่อน หากขาดนักคว้าจับด้วยแล้วยิ่งเป็นเรื่องยากเข้าไปใหญ่” อวิ๋นหลิ่วพยักหน้า ลุกจากเก้าอี้เดินนำพี่น้องสกุลหลี่เข้าไปส่วนด้านหลังของโรงไม้ เมื่อผลักประตูเข้าไปพลันเจอกับหีบไม้นับร้อยซ้อนทับกัน อวิ๋นหลิ่วสุ่มเปิดหีบใกล้มือ พลางอธิบายให้หลี่หลิงเฟิ่งฟังอย่างใจเย็น

“หินต้นกำเนิดทั้งหมดที่ข้ามีเก็บอยู่ในนี้ทั้งหมด หากคุณหนูห้าชอบชิ้นไหนก็สามารถหยิบติดมือกลับไปเท่าที่เจ้าต้องการได้เลย ในฐานะสหายข้าลดราคาให้พวกท่านครึ่งหนึ่งละกัน แต่ก็กลัวว่าจะเสียเวลาเปล่า ต่อให้กะเทาะทั้งหมดคงได้แค่หินแร่ขั้นต้นเพียงไม่กี่ก้อนเท่านั้น”

“หินเหล่านี้ผ่านมือเจ้าหมดแล้วสินะ อวิ๋นหลิ่วแห่งหออวี้หลิ่วไม่เพียงแต่เป็นเถ้าแก่ แต่ยังเป็นนักคว้าจับที่หาตัวจับยากผู้หนึ่ง ข้าพูดถูกหรือไม่” หลี่หลิงเฟิ่งสัมผัสแร่ธาตุได้เพียงบางเบาเท่านั้น เป็นอย่างที่อวิ๋นหลิ่วกล่าวไว้ ต่อให้ผ่าก้อนหินพวกนี้ออกมาทุกก้อน ก็ไม่เพียงพอกับความต้องการของนาง สตรีจมูกไวเช่นอวิ๋นหลิ่วจะเป็นเพียงเจ้าของหอได้อย่างไร

“ปิดบังคุณหนูไม่ได้จริงๆ” อวิ๋นหลิ่วตกใจ คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคทำให้นางจับพิรุธได้แล้ว สมแล้วที่เป็นสตรีที่บุรุษผู้นั้นเอ็นดู อวิ๋นหลิ่วปรับสีหน้าให้เป็นปกติ กล่าวอย่างถ่อมตน “ข้าแค่พอมีความรู้อยู่บ้าง ไม่ถึงกับเก่งกาจอะไร”

“แม้กระทั่งตัวเจ้าเองยังบอกว่าไม่เก่ง ในเมืองนี้คงไม่มีใครกล้าเรียกตนเองว่าเป็นนักคว้าจับอีกต่อไปแล้ว” หลี่เจี้ยนประกายตาร้อนแรงมองอวิ๋นหลิ่ว น้ำเสียงฟังดูเกียจคร้านกว่าทุกครั้ง เขาได้ยินคำนี้มาจนชิน แต่ก็อดค่อนแคะนางสักสองสามประโยคไม่ได้

ยามนี้ใบหน้าของหลี่หลิงเฟิ่งฉายแววเคร่งเครียดขึ้นมาทันที ไฉนถึงมีคนบอกนางว่าหินแร่สีเทาหาง่ายเดินไปทางไหนก็เจออย่างไรเล่า คนพวกนั้นหลอกลวงนางหรือ

ไม่ถูกสิ หากอวิ๋นหลิ่วมีหินต้นกำเนิดไว้ครอบครองมากมายขนาดนี้ นางย่อมรู้แหล่งกำเนิดของพวกมันอย่างแน่นอน

“อย่าเพิ่งร้อนใจไป” ครั้นเห็นหญิงสาววิตกกังวล อวิ๋นหลิ่วจึงรีบเอ่ยปลอบหลี่หลิงเฟิ่ง “หินพวกนี้เป็นแค่ของเก่าเก็บไว้รอขายให้พ่อค้าต่างแดนเท่านั้น ของดีๆ มีหรือคนเป็นเถ้าแก่อย่างข้าจะเอาออกมาขายโดยง่าย เพียงแต่ว่าพวกเจ้าต้องเปลืองแรงกันสักหน่อย”

“ไม่ได้!” หลี่เจี้ยนที่เริ่มรู้เป้าหมายของอวิ๋นหลิ่ว ปฏิเสธเสียงแข็ง มองอวิ๋นหลิ่วอย่างไม่พอใจ

“เช่นนั้นก็ช่วยไม่ได้” อวิ๋นหลิ่วแบมือย่างจนใจ “คุณหนูห้า พี่ชายของเจ้าไม่อนุญาต ข้าเองก็จนปัญญา”

“ข้าไปเอง! แค่เจ้ากับข้า” หลี่เจี้ยนโพล่งออกมาดังลั่น รั้นหัวชนฝา ให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่ยอมให้น้องเล็กไปเสี่ยงอันตรายเด็ดขาด

“เจ้าทะนุถนอมนางเกินไปแล้ว แค่ไปแหล่งกำเนิดหินแร่ เจ้าต้องกังวลถึงเพียงนี้เชียวหรือ นางเป็นน้องของเจ้าหรือเป็นลูกของเจ้ากันแน่ อีกอย่างมีเจ้ากับข้าอยู่ นางจะเป็นอันใดได้” อวิ๋นหลิ่วไม่คาดคิดว่าหลี่เจี้ยนจะมีปฏิกิริยารุนแรงถึงเพียงนี้ นี่เขายังฝังใจกับเรื่องครั้งนั้นอยู่อีกหรือ ใช่ว่าเรื่องในครั้งนั้นจะเกิดขึ้นอีกซ้ำสอง หลายปีมานี้นางเข้าออกที่แห่งนั้นนับครั้งไม่ถ้วนยังไม่มีอันใดเกิดขึ้น เขากังวลเกินเหตุไปหรือไม่

“ใครก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าเรื่องผิดพลาดจะไม่เกิดขึ้นอีก หากมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งในร้อยส่วน ข้าก็ไม่ยอมให้น้องของข้าเข้าไปเสี่ยงแน่” หลี่เจี้ยนเคร่งเครียดจนหลี่หลิงเฟิ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกได้ แม้ในใจจะรู้สึกสงสัยใคร่รู้อย่างมาก แต่นางก็ยังเลือกที่จะเงียบ มือเรียวลูบแขนเขาเบาๆ

อวิ๋นหลิ่วก็เริ่มมีน้ำโหขึ้นมาแล้ว นางไม่มีพี่น้องจึงไม่อาจเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ แต่หากนางหวังดีกับคนผู้หนึ่งจริง ๆ นางจะไม่เก็บซ่อนคนผู้นั้นเอาไว้ แต่จะให้เขาได้ออกไปโลดโผนข้างนอกอย่างสบายใจ “หลี่เจี้ยน เจ้าอยากให้นางอ่อนแออย่างนี้ไปตลอดชีวิตหรือ เจ้ามั่นใจมากแค่ไหนว่าจะปกป้องนางได้ตลอดไป สักวันนางก็ต้องกางปีกออกจากอ้อมอกของเจ้า วันหน้าหากนางตกอยู่ในอันตรายจะทำเช่นไร ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงนาง แต่สิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่ตอนนี้มันไม่ถูกต้อง แทนที่จะให้นางเผชิญหน้าด้วยตนเอง แต่เจ้าคอยเอาตัวมาเป็นเกราะกำบังให้นางทุกครั้ง แล้วนางจะเติบโตขึ้นได้อย่างไร”

“เจ้าควรเอาเวลาที่เถียงกับข้ามาคิดหาวิธีว่าจะระวังภัยข้างหลังนางให้ปลอดภัยดีกว่าหรือไม่” อวิ๋นหลิ่วกลอกตา นางรู้มาตลอดว่าสหายทั้งสองของนางเป็นโรคคลั่งน้องสาว แต่ไม่คิดว่าจะเป็นถึงขนาดไม่ลืมหูลืมตาขนาดนี้ “อีกอย่าง เจ้าอย่าลืมว่าอีกไม่นานน้องสาวเจ้าจะต้องเดินทางไปเมืองหลวง เข้าร่ำเรียนที่สำนักศึกษาหลวง เจ้ากล้าพูดเต็มปากหรือไม่ว่าสามารถดูแลนางได้อย่างทั่วถึง”

คราวนี้เป็นหลี่เจี้ยนพูดไม่ออกบ้าง สีหน้าซีดเผือดลงเรื่อย ๆ เขารู้ดีหากหลี่หลิงเฟิ่งเข้าสำนักศึกษาหลวงต้องโดนกลั่นแกล้งไม่มากก็น้อย แต่เขาก็ไม่อยากเห็นนางได้รับบาดเจ็บ แค่วันนั้นที่เห็นนางเลือดท่วมตัว เขาก็เสียใจโทษตนเองอยู่หลายวันที่ดูแลนางได้ไม่ดีพอ

“พี่รอง ข้าเห็นด้วยกับคำพูดของอวิ๋นหลิ่วนะเจ้าคะ” ความรู้สึกอบอุ่นที่มีคนเป็นห่วงมันช่างดีเหลือเกิน แม้นางเพียงรู้จักกับเขาไม่กี่วัน แต่ชายผู้นี้ก็รักและห่วงใยนางจากใจจริง น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาจึงอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ข้ารู้ว่าพี่เป็นห่วง แต่ข้าไม่ต้องการหลบอยู่ข้างหลังพวกท่าน สิ่งที่ข้าต้องการคือการเดินไปข้างหน้าพร้อมกับพวกท่าน เคียงข้างพวกท่าน พี่เข้าใจหรือไม่” หลี่เจี้ยนมองหน้าหลี่หลิงเฟิ่งอยู่เป็นนาน สุดท้ายจึงพยักหน้าตกลงอย่างยากลำบาก

ใช่แล้ว นางไม่ต้องการเป็นตัวถ่วงของใคร แรกเริ่มนางมาที่นี่เพียงคนเดียว เก็บตัวเงียบเชียบ เอาชีวิตรอดไปวัน ๆ ไม่สนใจใคร ไม่ผูกพันกับใคร จนนางได้พบกับเสี่ยวเซียงเสี่ยวเฉินที่ยืนอยู่ข้างนางมาเสมอ หลี่เฟยหยางที่ยอมตายแทนนางได้ และบัดนี้ยังมีหลี่เจี้ยนที่ปกป้องนางทุกทาง

หลี่หลิงเฟิ่งไม่ชอบเป็นตัวถ่วงของใคร ไม่ชอบให้ใครมาปกป้อง นางชอบยืนอยู่เบื้องหน้า สร้างทุกอย่างด้วยสองมือตนเอง แต่ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่ซาบซึ้งใจหากมีคนทำเพื่อนางเช่นนี้

“คุณหนูห้าไม่ต้องคิดมาก แหล่งกำเนิดหินแร่ไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้นหรอก เพียงแค่หลายปีก่อนระหว่างข้ามฟากเกิดกระแสน้ำเชี่ยวขึ้นมาครั้งหนึ่ง ทำให้พวกเราเกือบเอาชีวิตไม่รอด นับแต่นั้นมาหลี่เจี้ยนจึงไม่ยอมไปเหยียบย่างที่นั่นอีก แต่มันก็เกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เจ้าวางใจได้ พวกเราจะต้องปลอดภัยกลับมาทั้งหมดทุกคนอย่างแน่นอน” อวิ๋นหลิ่วถอนหายใจโล่งอก ในที่สุดเจ้าคนดื้อรั้นหลี่เจี้ยนก็สงบลงได้ นางส่งยิ้มให้หลี่หลิงเฟิ่งอย่างขอโทษขอโพย

“เรียกข้าว่าเสี่ยวเฟิ่งเหมือนพวกพี่ ๆ ของข้าเถอะ สหายของพี่ข้าก็เหมือนสหายของข้า” นางส่งยิ้มกว้างให้อย่างน่ารักจนแก้มทั้งสองข้างบุ๋มลง อวิ๋นหลิ่วชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นหัวเราะออกมาเบาๆ บรรยากาศตึงเครียดภายในห้องสลายหายไปในพริบตา

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายาอสรพิษ   พลิกผันร้อยแปด 1

    ราตรีกาลมืดมิด ดวงจันทร์เอียงอายหลบหายไม่เห็นเงา สายลมพัดแผ่วเบา คลื่นน้ำสงบนิ่ง กลิ่นอายรอบด้านสดชื่นปะทะเข้าใบหน้าหนึ่งบุรุษสองสตรี เรือลำเล็กลำหนึ่งแล่นอยู่กลางผืนน้ำด้านหน้าคือหุบเขาขนาดใหญ่ตั้งอยู่หลังหออวิ๋นหลิ่วกั้นกลางด้วยแม่น้ำสายเล็กๆ คาดว่าแหล่งกำเนิดหินแร่คงอยู่ในนั้น หลี่หลิงเฟิ่งหลับตาพริ้มตั้งแต่เริ่มนั่งอยู่บนเรือ ภายนอกดูเหมือนผ่อนคลายสบายใจ ทว่า พลังจิตของนางคอยสังเกตสิ่งผิดปกติมาตลอดทางความเงียบสงบเกินกว่าเหตุมักผิดวิสัยของธรรมชาติ ที่ใดมีแม่น้ำ มีภูเขา ที่นั่นย่อมมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ เพราะเหตุใดระหว่างทางนางไม่ได้ยินเสียงสัตว์ป่ายามค่ำคืนเลยแม้แต่น้อย สัญชาตญาณส่งเสียงร้องเตือนให้นางระวังภัยจากที่มืดผิดปกติเกินไปแล้ว“เสี่ยวเฟิ่ง พวกเราถึงแหล่งกำเนิดหินแร่แล้ว ไปกันเถอะ” ในขณะที่หลี่หลิงเฟิ่งตกอยู่ในภวังค์นั้น เสียงหวานของสตรีด้านข้างปลุกนางตื่นขึ้นมา หลี่หลิงเฟิ่งส่งเสียงอืมออกมาคำหนึ่ง ก้าวลงจากเรือตามหลังทั้งสองคนอย่างไม่รีบร้อน“ที่นี่ออกจะเงียบไปสักหน่อยหรือไม่” หลี่เจี้ยนสำรวจรอบๆ เขารู้สึกใจคอไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก มีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่ไม่รู้ว่าไม่ถูกต้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   พลิกผันร้อยแปด 2

    “หึ คิดว่าแค่นี้จะขู่พวกข้าได้อย่างนั้นรึ โชคไม่ดีที่พวกเจ้าเลือกมาคืนนี้ จงทิ้งชีวิตไว้ที่นี่เสียเถอะ” ชายชุดดำทั้งห้าหน้าตาถมึงทึง ไม่ลังเลอีก บุกโจมตีอย่างดุดัน ทว่า สะเปะสะปะจับตำแหน่งทั้งสามคนไม่ได้ ทำให้พวกหลี่หลิงเฟิ่งหลบการปะทะครั้งนี้ได้อย่างง่ายดายหลี่เจี้ยนสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาหลายส่วน พลังยุทธ์ของคนพวกนี้ไม่ด้อยไปกว่าพวกเขาแม้แต่น้อย หากยืดเวลาออกไป จะส่งผลเสียมากกว่าผลดี ศึกครั้งนี้เขาต้องรีบรบรีบจบ เริ่มต้นด้วยการประกบฝ่ามือทั้งสองข้าง พลังสีฟ้าก่อตัวเป็นคลื่นยักษ์สูงสามจั้ง หมุนคว้างรอบตัวเขาก่อนจะสะบัดไปยังทิศทางที่มีลำแสงโจมตีของฝ่ายตรงข้ามเมื่อสักครู่คลื่นยักษ์เคลื่อนที่เป็นวงกลมครอบคลุมขอบเขตหนึ่งส่วนสาม ที่น่ากลัวที่สุดคือความเร็วในการเคลื่อนไหวรวดเร็วเพียงกะพริบตาเท่านั้น หากถูกเงาคลื่นยักษ์ซัดโดนตัว การเคลื่อนไหวทั่วทั้งร่างจะเชื่องช้าลงชั่วขณะ ไม่อาจหลบหนี ไม่อาจโต้กลับหลี่หลิงเฟิ่งผู้เห็นเหตุการณ์ชัดแจ้งแต่เพียงผู้เดียวอดอุทานออกมาเบาๆ ไม่ได้ “คลื่นยักษ์สลาตัน ร้ายกาจยิ่งนัก!”อวิ๋นหลิ่วเหยียดยิ้ม นี่คือเวลาที่นางรอคอย พลังยุทธ์สีส้มก่อตัวขึ้นบนฝ่ามือในพริ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   พลิกผันร้อยแปด 3

    “โอหังนัก! นังเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เจ้าไม่มีสิทธิ์กล่าวล่วงเกินท่านหัวหน้า” หนึ่งในชายชุดดำผินหน้าขุ่นเคืองจ้องมองเด็กสาวชุดแดงมิวางตา ร่างทั้งร่างสั่นเทา เพลิงโทสะพร้อมระเบิดออกมา“อย่างนั้นรึ”หลี่หลิงเฟิ่งได้ยินก็เลิกคิ้วสะกดใจจ้องมองใบหน้าบิดเบี้ยวของชายชุดดำ เอ่ยเสียงอ่อนนุ่ม “เป็นศิษย์อาจารย์หนึ่งวันเปรียบเสมือนบิดามารดาตลอดชีวิต ไม่เคยได้ยินหรือ อีกอย่างเจ้ามีสิทธิ์อันใดมาชี้หน้าด่าข้า บิดาข้ารึ ก็ไม่ใช่ ข้าไม่มีบิดาโง่เง่าเช่นเจ้า” หากไร้สมองจริง บิดาของนางคงไม่ได้เป็นถึงท่านเจ้าเมืองมาหลายปีเช่นนี้หลี่เจี้ยนหลุดขำ ไพล่แขนทั้งสองข้างไว้ด้านหลังเดินมาหยุดข้างหลี่หลิงเฟิ่ง “น้องเล็กพูดถูก ท่านพ่อของพวกเราหน้าตาไม่ใช่อย่างนี้แน่นอน”“เจ้า!” ชายชุดดำโกรธขึ้ง มือที่ชี้หน้าหลี่หลิงเฟิ่งสั่นเทาอย่างรุนแรง สายตาเคียดแค้นจ้องมองพวกนางไม่วางตา เขาอยากจะเผาร่างพวกมันให้ไหม้เป็นจุณ กลบฝังอยู่ในถ้ำไม่ให้เหลือซาก แม้แต่เศษชิ้นส่วนเดียวก็ไม่อาจหลุดรอดออกไปจากที่นี่ได้!ชายวัยกลางคนยกมือห้าม ใบหน้าซีดเซียวเรียบนิ่งไม่อาจคาดเดาความรู้สึกได้ เสียงแหบแห้งดังขึ้นมาอีกครั้ง “วิธีการใช้พลังยุท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   พลิกผันร้อยแปด 4

    เสียงก้อนหินถล่มดังสนั่นทุกคนเกิดความงงงวย สายตาทุกคู่มองไปยังทิศทางของเสียงเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้สถานการณ์กลับตาลปัตรเช่นนี้มีเพียงหลี่หลิงเฟิ่งที่รู้เหตุการณ์ทุกอย่าง หากนางไม่ช่วงชิงโอกาสที่ศัตรูไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเป็นช่องโหว่ในการหลบหนี สุดท้ายพวกนางทั้งสามต้องสังเวยชีวิตตนเองจริงๆ แน่ทั้งสามคนมุ่งหน้าไปยังปากทางออกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง หายตัวไปจากทัศนวิสัยของฝ่ายตรงข้าม“ควันพิษ ห้ามเผลอสูดดมเข้าไปเด็ดขาด” หลี่หลิงเฟิ่งฉีกชายแขนเสื้อมาปิดครึ่งหน้า ทั้งสองเห็นดังนั้นจึงรีบทำตามนางทันที มวลฝุ่นทั้งหลายค่อยๆ จางลง เปิดเผยภาพตรงหน้าอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง“แมงมุมระฆังเงินขั้นสี่!” หลี่เจี้ยนหลุดอุทานออกมาเบาๆ เหลือบมองอวิ๋นหลิ่วโดยไม่รู้ตัว“แปลก” สตรีชุดเขียวมรกตขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าฉายแววหนักใจ ทำไมนางสัมผัสไม่ได้ สัตว์อสูรตนนี้อยู่ในอาณัติของนาง ตกทอดมาจากบรรพบุรุษรุ่นต่อรุ่น มีหน้าที่เฝ้าเหมืองของตระกูล อายุหลายร้อยปี มันไม่เคยเกิดอาการคลุ้มคลั่งมาก่อนนางซึ่งเป็นรุ่นปัจจุบันไม่อาจควบคุมมันได้ ทว่ามันจดจำกลิ่นนางได้ดีเสมอ เพ่งจิตเรียกหายามใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   เคราะห์ซ้ำกรรมซัด

    ความเปียกชื้นปนความสากเหมือนโดนกระดาษทรายถูบนใบหน้าปลุกหลี่หลิงเฟิ่งที่กำลังนอนหลับใหลตื่นขึ้นมา ดวงตาเรียวสวยลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า กะพริบตาถี่ปรับสายตาให้ชินกับแสงที่เริ่มสลัวสัมผัสแรกที่หลี่หลิงเฟิ่งได้รับคือความหนักอึ้งบนหน้าอก ขนสีเงินยวงสะบัดวนบนหน้าของนาง อุ้งเท้าน้อยๆ ข้างหนึ่งเหยียบลงบนแก้มซ้าย ลิ้นเล็กๆ กำลังเลียจมูกของนางอย่างเมามัน“ฮัดชิ่ว!” หลี่หลิงเฟิ่งนิ่วหน้า จมูกคันยุบยิบด้วยความระคายเคือง จามออกมาสุดแรง มือข้างหนึ่งเผลอปัดสิ่งน่ารำคาญออกไปให้พ้นตัว“โอ๊ย!” ชั่วพริบตานั้นหลังมือของหลี่หลิงเฟิ่งถูกมันงับเข้าหนึ่งแผล ด้วยบาดแผลที่ลึกจมเขี้ยวทำให้นางมีสติครบถ้วนขึ้นมาทันที รีบดึงมือกลับมาเพื่อเลี่ยงให้ตนบาดเจ็บอีกแทบไม่ทันสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ตัวหนึ่งเบิกตากลมโตสีแดงฉานจ้องมองนาง หลี่หลิงเฟิ่งลูบหน้าเปียกชุ่มขณะพิจารณาเจ้าตัวน้อยอย่างละเอียด ขนสีเงินยวงทั้งร่าง ตัวเล็กกระจิริดขนาดสองฝ่ามือของนาง รูปร่างหน้าตาบางมุมคล้ายลูกสุนัขจิ้งจอก ทว่าบางมุมกลับคล้ายกระรอกแต่หลี่หลิงเฟิ่งมั่นใจว่ามันไม่ใช่ทั้งสุนัขจิ้งจอกและกระรอก มันเป็นสัตว์อสูรประเภทหนึ่งที่ไม่มีในตำราใด แน่นอนว่าน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   จังหวะของการล่อลวง

    “หึหึ มาดูกันว่าพวกเจ้าจะรอดพ้นเงื้อมมือข้าไปได้หรือไม่” มือขวาของชายวัยกลางคนทำท่าขีดเขียนบนอากาศ กระบี่อ่อนในมือตวัดซ้ายขวา ยันต์สีแดงเพลิงลุกพรึ่บตรงหน้า กระบี่ปลิวออกจากมือ ปักตรึงยันต์เหวี่ยงออกไปยังใจกลางกลุ่มนักฆ่าทั้งห้าคน“ยันต์มรณะ! หลบเร็วเข้า!”คนชุดดำที่ยืนอยู่หน้าสุดตาเหลือกตะโกนบอกเสียงหลง กลุ่มนักฆ่าแยกย้ายไปคนทิศคนละทาง กระบี่ปักตรึงอยู่บนพื้นกลางขบวน รอบด้านฟุ้งไปด้วยเศษดินตลบอบอวลทั่วบริเวณ เปลวไฟมรณะลอยคว้างร้อนระอุราวไฟนรกปิดทางถอยของฝ่ายตรงข้าม ความร้อนรุนแรงนี้แทบจะแผดเผาคนทั้งหมดลงสู่ห้วงอเวจีภายในเวลาไม่กี่เสี้ยววินาที ขนาดพวกนางที่ยืนหลบมุมอยู่ที่ไกลๆ ยังสัมผัสถึงความร้อนระอุของมันได้อย่างชัดเจน ไม่อยากจะคิดต่อว่าคนที่โดนพลังนี้เข้าไปจะมีสภาพเป็นอย่างไรปางตายหรือตายสถานเดียวกันแน่...หลี่หลิงเฟิ่งเห็นการใช้ยันต์ของชายผู้นั้นถึงกับสะดุ้ง ชายผู้นี้เก่งถึงระดับไหนกันแน่ ถึงกับสามารถสร้างยันต์ที่มีอานุภาพรุนแรง ปิดทางถอยศัตรู ระเบิดอีกฝ่ายจนวงแตกในกระบวนท่าเดียวนี่...“หลีกไปอย่ามาขวางทาง วันนี้พวกข้าไม่อยากสู้กับพวกเจ้า” หัวหน้านักฆ่าร้องขึ้นอย่างไม่พอใจ โชคไม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   ช้าไปแล้ว 1

    หลี่หลิงเฟิ่งวิ่งมาถึงทางแยกสี่สาย ยืนนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ก็ยังไม่สามารถตัดสินใจเลือกเดินต่อทางไหนได้ เวลาไม่คอยท่า ช้าลงอีกนิดหมายถึงชีวิตของนางสั้นลงทุกขณะ หากแต่นางไม่อยากวกกลับไปที่เดิมอีกแล้ว นางต้องหาพวกหลี่เจี้ยนให้พบโดยเร็ว จากนั้นทำลายเหมืองแห่งนี้ทิ้งเสีย อย่างไรเสีย ก็ไม่มีทางรักษาไว้ได้อยู่แล้ว“ทางซ้ายหรือทางขวา” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ตัดสินใจเดิมพันอีกครั้ง “ทางขวาแล้วกัน” เขาว่ากันว่าไปทางขวามักจะโชคดี ขณะที่กำลังก้าวขาเดินหน้าต่อนั้น เสี่่ยวไป๋ก็ส่งเสียงบอกให้มุ่งไปทางซ้ายกะทันหัน หลี่หลิงเฟิ่งผู้ไม่มีจุดหมายปลายทางอยู่แล้วจึงหมุนตัวก้าวไปอีกทางโดยไม่ลังเลสัญชาตญาณนางบอกว่า เจ้าสัตว์ตัวน้อยเข้ามาได้ ย่อมต้องรู้หนทางหลบหนีเป็นที่สุดระหว่างที่วิ่งในใจก็นึกเป็นห่วงโม่จื่อหลิงขึ้นมาเล็กน้อย อย่างไรเสียก็เป็นนางที่นำพาหายนะไปให้ ได้แต่หวังว่าบุรุษมากความสามารถผู้นั้นจะเอาชีวิตรอดออกมาได้โดยที่อวัยวะทุกสัดส่วนยังอยู่ครบ แต่นางไม่ใจอ่อนกลับไปช่วยหรอกนะ ถือเสียว่าระบายความแค้นเมื่อครั้งก่อนที่ทำให้นางเกือบสังเวยชีวิตตนเองอยู่ในป่าอัศดงก็แล้วกันใช่แล้ว โม่จื่อหลิงคือบุรุษน่าตาย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • ชายาอสรพิษ   ช้าไปแล้ว 2

    จ้าวหมิงเฉียนรุดหน้ามาจากทางหนึ่ง พบว่าทั้งสามคนกำลังนั่งพักผ่อนอย่างสบายใจ ความโกรธแค้นยิ่งทวีสูงขึ้นเป็นเท่าตัว โดยเฉพาะกับนางเด็กปีศาจนั่น ทำกับเขาไว้แสบจริงๆ ไม่เพียงโกหกหลอกลวง ยังทำให้แมงมุมระฆังเงินสัตว์อสูรที่กำลังจะเลื่อนขั้นตามติดเขาไปทั่วทั้งเหมือง จะไม่ให้เขาโกรธเกลียดนางมากได้อย่างไรกัน“หึ คราวนี้พวกเจ้าจะหนีความตายไปที่ไหนได้อีก” จ้าวหมิงเฉียนยิ้มชั่วร้าย คราวนี้แหละเขาจะสนองดาบเล่นนั้นคืนให้แก่ยายเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนางนี้ได้สัมผัสถึงความโหดร้ายของการโดนสัตว์อสูรขั้นสี่ตามติดเสียบ้างทั้งสามสีหน้าเคร่งขรึมโดยพลัน ลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นพิภพระดับกลางโดยไม่เกรงกลัว จับจ้องการเคลื่อนที่ของฝ่ายตรงข้ามอย่างระมัดระวัง พวกเขาในที่นี้ไม่มีใครคิดจะถอยอยู่แล้ว สามรุมหนึ่งสู้กับกับยอดฝีมือที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ตรงหน้า มีหรือจะเอาชนะไม่ได้“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะค่อยคิดกำจัดพวกข้า” อวิ๋นหลิ่วอดพูดขึ้นมาไม่ได้ พวกโจรขโมยริอ่านบุกรุกพื้นที่หวงห้ามของตระกูลนางจนทำลายเขตหวงห้ามที่สืบต่อกันมาจากบรรพบุรุษ สิ่งที่ปกปักรักษาต้องมาจบสิ้นที่รุ่นของนางก็เพราะพวกไม่รักตั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25

บทล่าสุด

  • ชายาอสรพิษ   ทุกการทรยศมักเจ็บปวด

    “เจ้าโกหก!” ถงหนิงซีตะโกน มองหน้าหลี่หลิงเฟิ่งเขม็งหลี่หลิงเฟิ่งเลิกคิ้ว หัวเราะทีหนึ่ง เป่าน้ำชาร้อนในถ้วย ไม่สนใจถงหนิงซีอีกต่อไปนางไม่อยากคุยกับคนสมองหมู“บัดซบ! เป็นเจ้านั่นล่ะไม่ยอมรับความจริง” หรงอู่คำรามอย่างเหลืออด “ผู้อาวุโสสามถูกขังอยู่ในคุกตั้งแต่ก่อนงานประลองจะเริ่มแล้ว จะเอาเวลาที่ไหนไปทำตัวมีพิรุธให้เจ้าจับได้กัน เจ้าคิดว่าคนในสำนักแพทย์โอสถโง่เง่าขนาดนั้นรึ! โดนหลอกใช้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก”“ไม่จริง ก็คนผู้นั้นบอกว่า...” ถงหนิงซีอึกอักอยู่นาน สุดท้ายก็หุบปากไม่กล่าวอันใด“บอกอะไร เจ้าพูดออกมาสักทีสิ” ผู้อาวุโสแปดฟังอยู่นานก็ยังจับคนร้ายไม่ได้ เมื่อเห็นถงหนิงซีมัวแต่อ้ำอึ้งก็ร้อนใจขึ้นมาอีกรอบ“รู้อะไรมั้ย เพื่อพวกเจ้าแล้ว ถงลี่เลือกทรยศสำนักที่เขารับใช้มาหลายสิบปี เพราะพวกเขาเอาชีวิตของคนในครอบครัวมาข่มขู่ น่าเสียดายที่เขาเลือกเจ้านายผิดคน สุดท้ายเมื่อทำงานล้มเหลวถึงได้โดยฆ่าปิดปาก คนใกล้ชิดก็ไม่เหลือทางรอดเช่นเดียวกัน” สวีคุนเอ่ยขึ้นเบาๆ เขา

  • ชายาอสรพิษ   เหนือการควบคุม

    ภายในคุกใต้ดินของสำนักแพทย์โอสถแฝงไปด้วยบรรยากาศอันน่ากลัว เสียงน้ำหยดจากผนังดังเป็นจังหวะในความเงียบสงัด ร่องรอยความมืดเกือบจะครอบคลุมทุกพื้นที่ มีเพียงเงาของคนกลุ่มหนึ่งที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในเงามืดนั่นคือกลุ่มของหลี่หลิงเฟิ่ง ซึ่งกำลังเดินเข้าไปยังห้องขังที่กักขังผู้อาวุโสสามเอาไว้พวกเขาเดินไปตามทางเดินหินที่แคบและมืด อากาศเยือกเย็นที่ออกมาจากหินในร่องทางเดินทำให้ทั้งกลุ่มรู้สึกหนาวเหน็บอยู่บ้าง แม้แต่ลมหายใจยังคงเป็นไอเย็นกรุ่นออกมาเสียงฝีเท้าของทั้งกลุ่มค่อยๆ ดังขึ้นขณะที่เดินผ่านห้องขังหลายห้อง จนกระทั่งถึงประตูไม้เก่าแก่บานหนึ่ง ประตูนี้มีรอยขีดข่วนและความเสื่อมโทรมของมัน เห็นได้ชัดว่าถูกเปิดและปิดบ่อยครั้งสวีคุนหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตู ก่อนจะหันไปมองหลี่หลิงเฟิ่ง “คนร้ายคงต้องการฆ่าตัดตอนเพื่อปกปิดความจริงกระมัง ทุกครั้งที่พวกเราเข้าใกล้ความจริง มักจะมีเท้าคู่หนึ่งก้าวนำหน้าพวกเราไปก่อนเสมอ ถ้าผู้อาวุโสสามยังมีชีวิตอยู่ เราคงจะรู้คำตอบในไม่ช้า”“พวกเราอยู่ในที่แจ้ง ศัตรูอยู่ในที่มืด เรื่องมันไม่ง่ายดายอย

  • ชายาอสรพิษ   เปิดเผยทีละนิด

    ท้องฟ้านอกหน้าต่างอาบแสงแดดจางๆ ผสมกับสายหมอกยามเช้าที่ยังปกคลุมยอดเขา ก่อนจะค่อยๆ จางหายไปเมื่อตะวันเริ่มตั้งสูงขึ้น สถานที่เงียบสงัดภายในห้องนอนของเจ้าสำนักมีเพียงสามชีวิตที่กำลังนั่งจิบชาหันหน้าเข้าหากัน อารมณ์ตึงเครียดของแต่ละคนลอยคละคลุ้งไปทั่วห้อง ยกเว้นหลี่หลิงเฟิ่งที่นั่งเอนตัวพิงกับเก้าอี้ดื่มด่ำกับชาชั้นยอดอยู่ในห้วงฝันส่วนตัวความเงียบดำเนินไปหลายชั่วยาม คนในห้องต่างรอคอยศิษย์ในสำนักบางส่วนที่ออกไปทำภารกิจของค่ำคืนที่ผ่านมา เนื่องจากเมื่อคืนนี้มีผู้บุกรุกเข้าไปในเขตหวงห้ามของสำนัก เจ้าสำนักและอาจารย์อาเล็กจับสิ่งผิดสังเกตได้จึงสั่งให้พวกเขาออกไปค้นหาคนร้ายอย่างลับๆเจ้าสำนักที่ตอนนี้กลับมาเป็นชายหนุ่มรูปงามดังเดิมนั่งนิ่ง แผ่นหลังเหยียดตรงทว่ากลับให้ความรู้สึกผ่อนคลาย แฝงความเย็นชา แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความวิตกกังวลเพราะรู้ดีว่ามีผู้ไม่ประสงค์ดีแฝงตัวอยู่ในสำนัก อย่าว่าแต่จับคนร้ายเลย ตัวเขาก็เกือบตายด้วยน้ำมือของคนผู้นั้นด้วยซ้ำต่างจากหรงอู่ที่ภายในใจคิดอย่างไรก็แสดงออกมาทางสีหน้าทั้งหมด หยาดเหงื่อผุดขึ้นเต็มสองขยับ เขายกมือขึ้นปาดมันอ

  • ชายาอสรพิษ   เสี้ยวหนึ่งของชาติกำเนิด

    สวีคุนเริ่มสำรวจภายในห้องโถงอย่างตื่นเต้นโดยมีหลี่หลิงเฟิ่งเดินตามอยู่ด้านหลัง เนื่องจากนางเข้าออกโถงแห่งนี้เป็นประจำ จึงรู้สึกเฉยชาอยู่มาก แต่เมื่อเดินเข้ามายังใจกลางห้อง สีหน้าของนางกลับแปรเปลี่ยนจากปกติโดยสิ้นเชิง หันไปมอบรอบ ๆ อย่างน่าประหลาดใจหลี่หลิงเฟิ่งเริ่มสำรวจอีกรอบ จากที่เคยเป็นโถงไม้ธรรมดา เวลานี้กลับแวววาวระยิบระยับดั่งประสาททอง สะท้อนเข้าสู่ดวงตาจนปวดแสบ“โดยปกติแล้วสำนักของเราก็ไม่ขาดแคลนเงินทอง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ก่อตั้งจะเป็นบุคคลร่ำรวยผู้หนึ่ง ขนาดที่พำนักยังสร้างมาจากทองคำ!” สวีคุนเก็บอาการไม่ไหวอุทานออกมา ท่ามกลางของมีค่ามากมายเรียงรายอยู่ตรงหน้า ทำให้เขาตาลายอย่างช่วยไม่ได้เมื่อมองไปรอบตัวนอกจากจะเห็นทองคำและเพชรนิลจินดาแล้ว บนผนังห้องยังมีรูปภาพของผู้ก่อตั้งแขวนไว้หลายรูป ช่างน่าเหลือเชื่อ หรือคนผู้นี้ชอบชื่นชมรูปโฉมของตัวเอง ท่วงท่าแต่ละภาพออกจะพิสดารอยู่บ้าง แต่ไม่อาจบดบังความงามของนางได้ปัง! ขณะที่ทั้งสองตกอยู่ในภวังค์ความคิด ประตูที่เคยเปิดอยู่กลับปิดกะทันหัน ตัวอักษรสีแดงตัวโตแสดงอยู่บนผนังห้อง‘บทเพลงเพลิงพิรุณลืมเลือนสยบใต้หล้า ’“ที่แท้ก็ไม่ใช่ภาพวา

  • ชายาอสรพิษ   ความลับของสำนัก

    พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเป็นเวลานานมากแล้ว ภาพยามค่ำคืนควรปรากฏอยู่ในสายตา ทว่าที่แห่งนี้กลับเต็มไปด้วยแสงแดดอ่อนสว่างนวลราวแดดยามเช้า ลมหนาวเย็นยะเยือกถึงกระดูกพัดผ่านตัวนางที่นอนเหยียดแขนขาบนเก้าอี้หวายใต้ต้นท้อเป็นครั้งคราว ด้านข้างของนางเป็นสระหยกเย็นที่อบอวลไปด้วยพลังไอปราณบริสุทธิ์เข้มข้น หากแต่ไอน้ำที่ลอยอยู่เหนือสระเต็มไปด้วยหมอกพิษที่พร้อมคร่าชีวิตของผู้ที่เผลอสูดดมเข้าไปในเสี้ยววินาที หากเหลือบมองไปยังด้านหลังสระจะเห็นว่ายังมีโถงไม้หลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกลเดิมทีไม่ควรเรียกว่าโถงด้วยซ้ำ ลักษณะของมันพิเศษอยู่สักหน่อยเพราะมีห้องแยกเรียงกันอยู่สามห้อง คล้ายกับเรือนชั้นเดียวมากกว่า เหมาะกับพักอาศัยอย่างยิ่ง น่าแปลก...ที่แห่งนี้ราวกับอยู่คนละโลก ทิวทัศน์สวยงามเหมือนไม่มีอยู่จริง ใครจะรู้ว่ามันซ่อนอยู่ในพื้นที่สีแดงของสำนักแพทย์โอสถ หลี่หลิงเฟิ่งค้นพบที่นี่โดยบังเอิญหลังจากแอบเข้ามาสำรวจเขตลับด้วยตนเองอยู่หลายครั้งเสียงน้ำกระเพื่อมเบา ๆ ดังลอดเข้ามาในหูขัดขวางความดื่มด่ำกับธรรมชาติของหลี่หลิงเฟิ่ง นางเลิกคิ้วเล็กน้อย ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ หันศีรษะม

  • ชายาอสรพิษ   จุดเริ่มต้นของหายนะ

    พรึ่บ !เปลวเพลิงไม่รู้ที่มาแผดเผาบริเวณโดยรอบโดยที่ทุกคนไม่ทันได้ตั้งตัว แผดเผาทุกสรรพสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าให้มอดไหม้“เจ้าฉวยโอกาส” ผู้บุกรุกกัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้น ทว่าเมื่อเทียบกับคนอื่นกลับดูดีกว่ามาก เขาป้องกันการลอบโจมตีของนางครั้งนี้ได้ทัน“ฆ่ากันต้องมีกฎด้วยหรือ ก็แค่เจ้าตาย ข้ารอด” หลี่หลิงเฟิ่งมองไปอย่างเสียดาย นางรึอุตส่าห์เปิดด้วยกระบวนท่าใหญ่ แต่ต้องคว้าน้ำเหลวเสียนี่ แต่ไม่เป็นไร ลองอีกครั้งก็ได้เปิดก่อนได้เปรียบ!“ดูซิว่าเจ้าจะรับมือได้นานแค่ไหน” ไม่รอให้ศัตรูได้ทันหายใจ นางส่งมอบการโจมตีอันหนักหน่วงออกไปให้เขาไม่ขาดสาย ต่อให้รับกระบวนท่าของนางได้ทุกครั้ง แต่ร่างกายคนฝึกยุทธ์ที่ไม่ได้มีระดับสูงมากนักก็มีขีดจำกัดอยู่ดี ซึ่งต่างจากนางที่มีน้ำทิพย์ให้ดื่มฟื้นฟูพละกำลังอยู่ตลอดเวลานางทนได้ แต่คนทั่วไปย่อมแตกต่าง“เหอะ คิดว่าเจ้าทำอย่างนี้แล้วมีความหมายหรือ เป็นข้าที่ประเมินเจ้าสูงเกินไป” เห็นได้ชัดว่าผู้พูดกำลังดูถูก หลี่หลิงเฟิ่งก็ยังไม่สะทกสะท้าน สมควรทำยังไงก็ทำต่อไปผู้บุกรุกขมวดคิ้วเล็กน้อย คล้ายสงสัยถึงบางอย่างที่ผิดปกติ แต่ก็บอกไม่ถูกว่าผิดปกติที่ตรงไหน นิ่งอย

  • ชายาอสรพิษ   เงื่อนงำ 2

    ด้วยความไม่รู้เหนือใต้ออกตก ทุกคนได้ย่างเข้ามาในพื้นที่อันตรายที่สุดในเขตหวงห้ามเสียแล้ว รวมทั้งหลี่หลิงเฟิ่งเองด้วย หญิงสาวพบว่าบรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด แม้แต่เสียงใบไม้กระทบกับลมก็ยังไม่มีให้ได้ยิน ราวกับไร้จุดหมาย ดูเหมือนว่านางเพียงแค่เดินเตร็ดเตร่มาหลายเค่อเท่านั้น หากแต่หลี่หลิงเฟิ่งระวังตัวมากขึ้นเนื่องจากพื้นที่ที่เคยมีหมอกหนา ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม กลายเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ผืนดินแตกแขนง ร้อนระอุจากการแผดเผาของดวงอาทิตย์ ราวกับอยู่คนละโลกกับเมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิงทางนั้น!เสียงของถิงถิงดังขึ้นจากในหัวของนาง หลี่หลิงเฟิ่งเดินตามทางที่ถิงถิงบอก สุดท้ายหยุดยืนใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งใกล้บึงน้ำขนาดเล็กที่แห้งขอดไปแล้ว น่าแปลกที่ต้นไม้ต้นนี้เป็นเพียงต้นเดียวที่ยังคงแตกกิ่งก้าน อยู่รอดท่ามกลางบรรดาต้นอื่นที่หลือเพียงซากและใบไม้แห้งกรอบราวกับต้นไม้มีชีวิตหรี่ หรี่เสียงปริศนาดังขึ้น ครั้งนี้เสียงของมันชัดเจนกว่าครั้งไหน ๆ ใกล้จนหลี่หลิงเฟิ่งหวาดระแวง ประเดี๋ยวมองซ้าย ประเดี๋ยวมองขวา กลับไม่พบสิ่งผิดปกติ เสียงนั้นยังคงดังต่อเนื่อง จิตสังหารรอบตัวของหลี่หลิงเฟิ่งแผ่ขยายออกอย่างรวดเร็ว แสงสีข

  • ชายาอสรพิษ   เงื่อนงำ 1

    “อะ…อาจารย์อา ขออภัยที่ล่วงเกินเพียงแต่ข้าขอทราบชื่อของท่านได้หรือไม่ขอรับ” โจวอวี๋ถามขึ้นมาอีกครั้ง นางยังเด็กยิ่งนักเป็นไปได้หรือไม่ว่าอาจจะแปลงรูปโฉมให้คงความเยาว์วัยไว้เสมอ บางทีหากได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของนาง เขาน่าจะรู้จัก คนมีความสามารถระดับนี้ เขาจะพลาดได้อย่างไร“ข้ามีนามว่าหลี่หลิงเฟิ่ง” หญิงสาวตอบเสียงเรียบ ยามนี้นางกำลังเพ่งจิตเข้าไปสำรวจด้านในเขตหวงห้าม จึงไม่ได้สังเกตท่าทางตกใจของคนที่อยู่ในนี้ทั้งหมด ทันทีที่นางพูดจบพลังจิตขอนางจับสิ่งผิดปกติอันใดไม่ได้เลย จนกระทั่งสำรวจเข้าไปในส่วนลึกของเขตหวงห้ามนางถึงค้นพบควันสีดำขุมหนึ่ง หลี่หลิงเฟิ่งเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ แต่ว่าเหมือนมีอะไรมาขวางกั้นนางเอาไว้ทำให้ไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในได้ ซ้ำร้ายยังถูกผลักออกมาหลี่หลิงเฟิ่งหลุบตาลงครุ่นคิดอยู่คนเดียวเป็นเวลานาน เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าทุกคนกำลังมองมาที่นางเป็นตาเดียว“ไม่จริงน่า จะเป็นเจ้าไปได้อย่างไร” เหลียนฉู่ฉู่เอ่ยออกมาเป็นคนแรก อย่างไม่เชื่อสายตา“ข้าคาดเดาตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้าคือหลี่หลิงเฟิ่ง คู่หมั้นขององค์ชายรองโม่ เพียงแต่รู้สึกแปลกใจ ทำไมแม่นางหลี่ถึง

  • ชายาอสรพิษ   เขตลับ 2

    เจ้านาย ทางนี้!เสียงนี้อีกแล้ว เรียกหาตั้งแต่นางเดินเข้ามาในอุโมงค์นี้เสียงก็ดังก้องในหูนางไม่ต่ำกว่าห้าครั้ง นางเดินออกมาห่างไกลจากคนในกลุ่มเรื่อย ๆ สมบัติตรงนี้น้อยกว่าที่อื่นมาก ชั้นวางสมบัติเป็นเพียงหินที่ทำเป็นชั้น ๆ เรียงกันขึ้นมาเท่านั้น แตกต่างจากก่อนหน้าที่ทำขึ้นด้วยทองคำและหยก คนเข้าละโมบและลุ่มหลงได้ง่ายหลี่หลิงเฟิ่งหยิบเศษผ้าขาวที่เขรอะไปด้วยฝุ่นที่อยู่ท่ามกลางบรรดาสมบัติชิ้นอื่นขึ้นมา นางพินิจถึงความพิเศษที่ควรจะมี ทว่ากลับเป็นเพียงผ้าธรรมดาเท่านั้น นางตัดสินใจวางลงที่เดิม เพียงแต่มือของนางกลับหนักอึ้งอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อนางหยิบขึ้นมาอีกรอบความรู้สึกหนักอึ้งที่มือกลับหายไปฟุบ!“อ๊ะ” ลมที่ไม่รู้มาจากที่ใดปะทะเข้ากับหน้าของนางอย่างจัง เศษผ้าปลิวมาติดที่ตาทั้งสองข้างปิดกั้นการมองเห็นไปชั่วขณะ จากนั้นก็ผสานเข้ากับนางเป็นหนึ่งเดียว หลี่หลิงเฟิ่งตกใจไม่น้อยเมื่อรู้สึกตัว แค่เพียงแวบเดียวเท่านั้น ผ้าผืนนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย นางมองซ้ายขวาอย่างร้อนรนอยู่บ้าง นางรีบปรับตัวให้เป็นปกติ ด้วยกลัวคนทั้งหมดในนี้จะเห็นการกระทำอันแปลกประหลาดนี้ของนางหญิงสาวลองทดสอบพลังยุทธ์และ

DMCA.com Protection Status