Home / LGBTQ+ / ชายาข้าน่ารักเกินใคร / บทที่ 1 หนี้แค้นตระกูลหลี่

Share

บทที่ 1 หนี้แค้นตระกูลหลี่

last update Last Updated: 2024-11-12 19:22:53

              

“เกอเกอ... ท่านอย่าตายนะ... เกอเกอ...”

       ภายในตำหนักอี้ชิ่งอันกว้างใหญ่ ท่ามกลางผ้าม่านสีขาวโปร่งบางเป็นชั้นๆ ปลิวล้อสายลมยามย่ำรุ่ง ปรากฏเงาร่างกลมป้อมของ 'เฉินซือหยาง' นอนกระสับกระส่ายพลิกไปพลิกมาบนแท่นบรรทม มือเล็กกำผ้าห่มแน่น เหงื่อกาฬแตกพลั่กไหลโทรมกายเปียกชุ่มฟูกนอน เสียงละเมอของเด็กน้อยครางเครือในลำคอดังขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาจางเสี่ยวเหล่ยหรือจางกงกงที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูตำหนักตื่นตระหนกตกใจจนต้องรีบเข้าไปดู

       “องค์รัชทายาท องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”

       “เกอเกอ!”

       เฮือก!!

       เฉินซือหยางสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย ผุดลุกขึ้นนั่งหายใจหอบหนัก ในห้วงความคิดภาพเหตุการณ์ในฝันยังคงวนเวียนอยู่ในหัว มันชัดเจนราวกับว่าเหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้นจริงที่ไหนสักแห่ง ไม่ใช่เพียงแค่ความฝัน

       ‘แล้วมันคือที่ใดกันเล่า เกอเกอที่ข้าเรียกหานั้นคือผู้ใดกัน’

       เฉินซือหยางยิ่งคิดยิ่งสับสนมึนงง ใบหน้างามสง่าในห้วงฝันเริ่มเลือนรางห่างไกลราวกับคนผู้นี้ไม่มีอยู่จริง เหตุใดทุกครั้งที่เขาลืมตาตื่นพอนึกถึงภาพใบหน้าของคนผู้นั้นทีไรถึงนึกไม่ออกเล่า

       “เป็นอะไรไปพ่ะย่ะค่ะ ทรงพระสุบินร้ายอีกแล้วหรือ” จางกงกงห่วงใย เห็นองค์รัชทายาทน้อยคลึงขมับเล็กๆ ไม่หยุด เหงื่อยังผุดซึมเต็มดวงหน้า จึงกวักมือเรียกขันทีให้เอาผ้ามาซับเหงื่อให้นายเหนือหัว

       เฉินซือหยางส่ายศีรษะให้หายมึน ปล่อยให้ข้ารับใช้คนสนิทเช็ดหน้าเช็ดมือให้จนรู้สึกสบายตัวขึ้นเล็กน้อย

       “อืม ตอนนี้ยามใดแล้ว”

       “ยามอิ๋นสามเค่อ[1] แล้ว จะทรงบรรทมต่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

       เฉินซือหยางโบกมือปฏิเสธกงกงคนสนิท “ไปเตรียมน้ำเถอะ ข้าอยากอาบน้ำเสียหน่อย”

       “พ่ะย่ะค่ะ” จางกงกงออกไปสั่งการให้ขันทีจัดเตรียมห้องสรงน้ำเพียงครู่ แล้วกลับเข้ามาปรนนิบัติองค์รัชทายาทเช็ดหน้าบ้วนปาก ถอดฉลองพระองค์ให้แล้วพาองค์รัชทายาทตัวน้อยไปสรงน้ำ แต่เฉินซือหยางกลับโบกมือไล่ข้ารับใช้เหล่านั้นออกไป เหล่านางกำนัลขันทีต่างค้อมกายรับคำสั่ง ถอยห่างจากตำหนักหลักเงียบๆ เหลือเพียงจางกงกงที่ยืนรออยู่หลังฉากบังลมไม้หวงฮวาหลี[2] ฉลุลายกิเลนทองเหยียบเมฆมงคล

       “วันนี้ฝ่าบาทมีรับสั่งให้พระองค์เข้าเฝ้าหลังเลิกเรียนนะพ่ะย่ะค่ะ” จางกงกงแจ้งพระประสงค์ของฝ่าบาทซึ่งกำชับเขาเมื่อคืนหลังจากทรงกล่อมองค์รัชทายาทเข้าบรรทมแล้ว

       “เสด็จพ่อได้ตรัสหรือไม่ว่าเรื่องใด”

       “ไม่ได้ทรงตรัสไว้พ่ะย่ะค่ะ”

       “ข้าเข้าใจแล้ว” เฉินซือหยางแช่น้ำอีกครู่ พอน้ำเริ่มเย็นจึงลุกออกจากถังน้ำ จางกงกงรอท่าอยู่แล้วถือผ้ามาช่วยซับหยดน้ำจากร่างเล็กนุ่มนิ่ม ขันทีคอยเงี่ยหูฟังการเคลื่อนไหวในตำหนักต่างรีบเข้ามาปรนนิบัติองค์รัชทายาทแต่งกายอย่างรู้หน้าที่ เหล่านางกำนัลเองก็ยกเครื่องเสวยร้อนๆ จากห้องเครื่องตั้งสำรับไว้พร้อมสรรพ

       เฉินซือหยางยืนนิ่งปล่อยให้เหล่าข้ารับใช้ปรนนิบัติด้วยสีหน้าเรียบเฉย คันฉ่องทองแดงสะท้อนภาพใบหน้าอวบอิ่มของเขา คิ้วคมเข้มปาดเฉียงรับกับดวงตาสีดำดุจรัตติกาลลึกล้ำเกินหยั่งถึงเป็นประกายกล้า ริมฝีปากบางเม้มแน่นปราศจากรอยยิ้มดูเคร่งขรึมเกินวัย ไม่เข้ากับวัยเพียง 9 ชันษาของเขาเอาเสียเลย แต่เฉินซือหยางหาได้สนใจสายตาของผู้ใด เขายังคงปฏิบัติราชกิจประจำวันของตนเองด้วยอาการเฉยชา ร่างเล็กสาวเท้าออกจากตำหนักอี้ชิ่งท่ามกลางหิมะแรกที่โปรยปรายในฤดูเหมันต์

     

[1] เป็นนับโมงยามของจีน ยามอิ๋นคือเวลา 3.00 น. ถึง 05.00 น. หนึ่งเค่อประมาณ 15 นาที ฉะนั้น ‘ยามอิ๋นสามเค่อ’ คือเวลา 03.45  น.

[2] หวงฮวาหลี ( 黄花梨 ) เป็นต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ในป่าบนเกาะไหหลำ เนื้อไม้แน่น มีลวดลายสวยงาม นิยมนำมาใช้ทำเป็นเครื่องเรือน มีราคาสูง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 2

    แคว้นต้าเฉินสถาปนาขึ้นหลังจากพระเจ้าเฉินไท่จูซึ่งในสมัยนั้นดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ฝูกั๋ว[1] จับดาบต่อต้านจักรพรรดิราชวงศ์ก่อนที่ไม่สนใจบริหารราชกิจบ้านเมือง มัวเมาสุรานารี ปล่อยให้เหล่าขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง แบ่งพรรคแบ่งพวกกันรีดนาทาเร้นประชาชนจนราชสำนักฟอนเฟะ ราษฎรอดอยากยากแค้น ชนเผ่าต่างแคว้นรุกราน เกิดภัยแล้งและภัยสงครามขึ้นทุกหย่อมหญ้า ประชาชนจึงลุกฮือขึ้นต่อต้านเหล่าขุนนางกังฉินจนแผ่นดินลุกเป็นไฟ ตอนนั้นพระเจ้าเฉินไท่จูได้รับคำสั่งให้ไปปราบจลาจลชาวบ้าน เพราะทนเห็นความอยุติธรรมไม่ไหวจึงรวบรวมไพร่พลใต้บังคับบัญชาเข้าร่วมกับชาวบ้านร่วมกันต่อต้านราชวงศ์ มุ่งหน้าทำศึกยึดเมืองต่างๆ จับกุมขุนนางกังฉินทั่วแผ่นดินตัดศีรษะแขวนศพประจานไว้หน้าประตูเมืองให้เป็นเยี่ยงอย่าง รวบอำนาจเบ็ดเสร็จมุ่งหน้ากรำศึกสุดท้ายที่ผิงอานเมืองหลวงของแคว้น จับจักรพรรดิโฉดชั่วผู้นั้นสังหาร แล้วปราบดาภิเษกขึ้นเป็นจักรพรรดิพระองค์ใหม่แห่งแคว้นต้าเฉิน เริ่มรัชสมัยอันรุ่งเรืองเฟื่อ

    Last Updated : 2024-11-13
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 3

    “มาแล้วหรือ มานั่งนี่สิ” เฉินเทียนอี้ตบตักตนเองเบาๆ เรียกให้บุตรชายไปนั่งด้วย เฉินซือหยางเห็นดังนั้นก็ไม่อิดเอื้อนปีนขึ้นไปนั่งบนตักของเสด็จพ่ออย่างคุ้นชิน “เสด็จพ่อทรงทอดพระเนตรอะไรอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ” เฉินซือหยางชะโงกหน้ามองฎีกาที่เสด็จพ่อทรงอ่านค้างไว้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ศีรษะเล็กๆ ส่ายไปมาเล็กน้อยจนแทบไม่เห็นหากไม่สังเกตดูดีๆ ในระหว่างที่เจ้าตัวอ่านฎีกา ทำเอาผู้เป็นพ่อแย้มเยือนเอ็นดูในความใคร่รู้ของบุตรชาย “พ่อกำลังอ่านฎีกาที่เจิ้งกั๋วกง[1] ให้ม้าเร็วส่งมาให้” เฉินเทียนอี้บอกบุตรชายทั้งยังกอดร่างเล็กนุ่มนิ่มไว้ในอ้อมแขนเมื่อเจ้าตัวชะโงกหน้าเข้าไปใกล้โต๊ะมากเกินไป จนผู้เป็นบิดากลัวว่าบุตรชายจะหล่นจากพระที่นั่ง “เจิ้งกั๋วกงรบชนะเซียนเป่ยแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก” “เป็นข่าว

    Last Updated : 2024-11-14
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 4

    หลังจากเฉินซือหยางหารือข้อราชกิจกับเสด็จพ่อจนถึงยามโหย่ว[1] พอเดินออกจากตำหนักเฉียนชิงก็พบกับเหล่านางสนมที่มารอเข้าเฝ้า ทุกคนต่างผัดหน้าทาชาดกันมาแบบจัดหนักจัดเต็มยังกับจะมาเล่นละครงิ้วกันเสียเอง กลิ่นเครื่องหอมกำยานอบร่ำกันมาทั้งเนื้อทั้งตัวต่างคนก็ต่างกลิ่น คนนี้อบกลิ่นโม่ลี่ฮวา[2]คนนั้นอบกลิ่นอิงฮวา[3]คนโน้นเองก็อบกลิ่นเหมยกุ้ยฮวา[4]มีสารพัดกลิ่นราวกับยกหมู่มวลดอกไม้มาทั้งอุทยานหลวง กลิ่นเหม็นฉุนปะทะกันสารพัดกลิ่นแทบจะรมคนให้ตายได้ เฉินซือหยางได้กลิ่นคราแรกถึงกับหน้ามืดตาลาย เริ่มรู้สึกนับถือเสด็จพ่อจากก้นบึ้งของหัวใจที่พระองค์สามารถทนประทับอยู่กับสารพัดกลิ่นฉุนเหล่านี้ได้หลายปีดีดัก “ถวายบังคมองค์รัชทายาทเพคะ / พ่ะย่ะค่ะ” บรรดาสนมนางกำนัล และขันทีแต่ละตำหนัก ซึ่งตอนแรกพูดจาเสียดสีกันต่า

    Last Updated : 2024-11-15
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 5

    เพียงชั่วก้านธูป[1] ผู้เป็นใหญ่แห่งวังหลังทั้งสองพระองค์ก็เสด็จกลับออกมา ภาพที่เฉินเทียนอี้เห็นในสายพระเนตรคือ ภาพของเหล่าสนม นางกำนัลนั่งคุกเข่ากันเรียงรายเป็นทิวแถวท่ามกลางหิมะตกหนัก ทุกคนหน้าซีดปากสั่นมีหิมะเกาะเต็มศีรษะสภาพน่าอเนจอนาถยิ่ง “ฝ่าบาท” “ฝ่าบาทเพคะ” เสียงร้องน่าเวทนาดังระงมดุจจักจั่นในฤดูร้อน ทำเอาเฉินเทียนอี้มุมปากกระตุก คิ้วคมเข้มขมวดฉับ ตวัดสายเย็นเฉียบมองคนต้นเรื่องด้วยความเดือดดาล จิตสังหารแผ่ซ่านจนซูโม่หลันสั่นสะท้านนึกเสียใจภายหลังที่ลงมือโดยพลการเช่นนี้ “หวังกงกง” “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” “ถอนรับสั่งของเต๋อเฟยเดี๋ยวนี้! บอกให้นางกำนัลปรนนิบัติเหล่าสนมรักของเราให้ดีอย่าให้

    Last Updated : 2024-11-18
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 6

    แสงตะวันจับขอบฟ้าขับไล่ความหนาวเหน็บยามค่ำคืนในสารทฤดูให้จางหาย ละอองหิมะโปรยปรายลงมาบางเบาก่อนจะปลิวหายไปกับสายลมเย็นชื่น ผู้คนในเมืองผิงอานเริ่มต้นเช้าวันใหม่กันอย่างคึกคัก ชาวบ้านต่างพากันทำความสะอาดลานเรือนอย่างขะมักเขม้น โรงเตี๊ยมต่างๆ ร้านรวงริมทางเปิดทำการค้าแต่เช้าตรู่ พ่อค้าจากต่างถิ่นหลั่งไหลเข้ามาแลกเปลี่ยนสินค้า แต่วันนี้เมืองหลวงครึกครื้นยิ่งกว่าวันใด ที่นั่งในร้านรวงต่างๆ บนเส้นทางสัญจรสายหลักถูกจับจองจนแน่นขนัด เนื่องจากผู้คนต่างพากันมามุงดูขบวนทัพที่กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ประตูเมือง ชายวัยกลางคนหน้าตาดุดันเหี้ยมหาญในชุดออกศึกสวมเกราะหนักทั้งตัว ควบอาชาสีขาวพ่วงพีนำหน้าทัพหลวงเคลื่อนขบวนเข้ามาในเมืองผิงอานอย่างองอาจห้าวหาญธงรบสะบัดไหวรับกับจังหวะการย่างก้าวของกองทัพ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันน่าเกรงขามจนผู้คนต่างพากันเลื่อมใส ร้องตะโกนแสดงความยินดีกับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่เหล่าทหารหาญแลกมาด้วยแรงกาย แรงใจ และหยาดโลหิต ดอกไม้งามโปรยตามเส้นทางที่ขบวนทัพเคลื่อนผ่านเป็นการต้อนรับเหล่าผู้กล้า หญิงสาวที่ยัง

    Last Updated : 2024-11-19
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 7

    งานเลี้ยงฉลองชัยจัดขึ้น ณ ตำหนักไท่เหอ ภายในงานเต็มไปด้วยสุรา อาหารเลิศรส นักการสังคีตบรรเลงฉินคลอแผ่วท่วงทำนองลื่นไหลผ่อนคลายดุจสายน้ำกระทบหิน ขุนนางบุ๋นบู๊ขั้นสามขึ้นไปต่างพาครอบครัวทยอยมาเข้าร่วมงานเลี้ยง ภายในห้องโถงแบ่งออกเป็นสองฝ่าย บรรดาบุรุษต่างรวมตัวกันอยู่อีกฟากหนึ่งของห้อง จับกลุ่มพูดคุยกันถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นช่วงนี้ บ้างก็ปรึกษาหารือเกี่ยวกับข้อราชการที่ได้รับมอบหมาย ทางฟากฝั่งของสตรีเองก็ไม่น้อยหน้า บรรดาฮูหยินและฮูหยินตราตั้งทั้งหลายต่างจับกลุ่มพูดคุยสร้างเส้นสายเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของสามี บ้างก็พูดจาส่อเสียดเย้ยหยันตีวัวกระทบคราดกันไปมา บ้างก็สอดส่ายสายตาเสาะหาหนุ่มสาวอนาคตไกล ชาติตระกูลสูงส่งเพื่อเกี่ยวดองเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นสูง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีกู้ฟางเหนียงรวมอยู่ด้วย วันนี้กู้ฟางเหนียงจับบุตรสาวแต่งตัวแบบจัดหนักจัดเต็ม เสื้อผ้าสีชมพูสดใส ปิ่นมุก กำไลหยกประโคมใส่ให้บุตรสาวราวกับจะเปิดร้านขายเครื่องประดับเสียเอง แต่ผู้ที่ให้ความร่วมมือดูเหมือนจะมีแค่บุตรคนที่สามอย่างจ้าวลี่เจียเพียงเท่า

    Last Updated : 2024-11-20
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 8

    “ฝ่าบาทเสด็จ ไทเฮาเสด็จ ฮองเฮาเสด็จ องค์รัชทายาทเสด็จ” ขันทีประจำตำหนักขานเสียงดัง เหล่าขุนนางและครอบครัวต่างเข้าประจำที่ ถวายบังคมแสดงความจงรักภักดีพร้อมกันทั้งตำหนักไท่เหอ ต้อนรับการมาเยือนของเหล่าเชื้อพระวงศ์อย่างยิ่งใหญ่ “ถวายพระพรฝ่าบาทขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี ถวายพระพรไทเฮาขอพระองค์ทรงพระเจริญพันปี พันพันปี ถวายพระพรฮองเฮาขอพระองค์ทรงพระเจริญพันปี พันพันปี ถวายพระพรองค์รัชทายาทขอพระองค์ทรงพระเจริญพันปี พันพันปี” “ลุกขึ้นเถอะ” “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ” “สวรรค์คุ้มครองแผ่นดินต้าเฉิน วันนี้เรายินดียิ่งนักที่เห็นทุกท่าน ณ ที่แห่งนี้ จอกนี้เราขอดื่มเพื่อเป็นเกียรติแก่เหล่าทหารกล้าที่เสียสละเพื่อแผ่นดินต้าเฉินของเรา หมดจอก” เฉินเทียนอี้ยกจอกสุราขึ้นดื่ม สุรากู่จิ่ง[1] กลิ่นหอมเย้ายวน รสชาติหวานปานน้ำผึ้งยังซ่านอยู่ในปาก เป็นสุราที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก  

    Last Updated : 2024-11-21
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 9

    เหตุการณ์ลอบสังหารในงานเลี้ยงฉลองชัยราชสำนักสูญเสียขุนนางไปครึ่งค่อน โอรสสวรรค์พิโรธหนักเรียกขุนนางใหญ่ทั้ง 3 กรมเข้าเฝ้าเพื่อสืบคดีให้ถึงที่สุด ลากตัวผู้อยู่เบื้องหลังการลอบปลงพระชนม์ออกมาสำเร็จโทษ หลังการสอบสวนเสนาบดีกรมพิธีการและพรรคพวกถูกลากไปตัดหัวที่ประตูอู่เหมินเซ่นดวงวิญญาณของผู้สูญเสีย เหอต๋าผู้บัญชาการทหารเก้าประตูถูกโบยแปดสิบไม้ และปลดออกจากตำแหน่งโทษฐานเพิกเฉยต่อหน้าที่ เฉินเทียนอี้ถือโอกาสนี้ปรับขั้วอำนาจในราชสำนักครั้งใหญ่ จ้วงหยวน ปั๋งเหยี่ยน และทั่นฮวาฝ่ายบุ๋น[1] ในปีนี้โชคดีราวกับมีขนมเปี๊ยะหล่นลงมาจากฟ้า ล้วนแล้วแต่เข้ารับตำแหน่งสำคัญทั้งสิ้น 'หานจางหมิ่น' จ้วงหยวนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นราชครูในองค์รัชทายาท จินซานปั๋งเหยี่ยนเลื่อนจากขุนนางในกรมอารักษ์เล็กๆ ขึ้นเป็นรองเสนาบดีกรมพิธีการ ส่วนทั่นฮวาผู้ไม่ถูกเอ่ยนามได้รับตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นสี่ในกรมโยธา แน่นอนว่าไทเฮาย่อมเป็นฝ่ายเสียหายหนัก เพราะขุนนางที่ถูกสังหารล้วนแล้วแต่เป็นคนของหลี่ย่าเสียงไทเฮาทั้งสิ้น ตระกูลหลี่ทั้งบนล่างร้อนใ

    Last Updated : 2024-11-22

Latest chapter

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 118

    หญิงชราเดินลากขาตามการโอบประคองของสามี สายตาฝ้าฟางเลื่อนลอยไม่รับรู้สิ่งใด แต่พอได้เห็นดวงหน้าของหลินเสวี่ยเฟิ่งเพียงเท่านั้น ดวงตาพลันเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัวสุดชีวิต หญิงชรากรีดร้องเสียงดังโหยหวนราวกับสุกรถูกเชือด “ปีศาจ! มันคือปีศาจ ช่วยด้วยๆ ใครก็ได้ช่วยข้าที ปีศาจจะมาฆ่าข้า ปีศาจจะมาฆ่าข้าแล้ว” หญิงชราตีอกชกหัว หนีห่างจากเงาร่างของหลินเสวี่ยเฟิ่งอย่างหวาดผวา ใบหน้าถูไถไปกับลานพิธีอยากจะแทรกแผ่นดินหนี จนชายชราต้องรีบฉุดรั้งร่างของภรรยาไว้ “ทุกท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าบุรุษที่อยู่ข้างกายฝ่าบาทผู้นั้น คนที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นถึงมารดาของแผ่นดิน ถูกยกย่องว่ามีคุณธรรมสูงส่ง อวดอ้างตนเองว่ามาจากตระกูลสูงศักดิ์ แต่แท้จริงแล้วเขาคือ ‘เกาต๋า’ บุตรบุญธรรมของสามีภรรยาแซ่เกา ซึ่งเป็นเพียงพ่อค้าวาณิชเล็กๆ ในเมืองเจียงโจว” คำบอกเล่าของหานจางหมิ่นทำเอาทุกคนในที่นี้ตะลึงงัน อย่างที่ทราบโดยทั่วกันว่าพ่อค้านั้นเป็นชนชั้นต่ำศ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 117

    เมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน “ยามซื่อ[1] แล้ว งานเลี้ยงมื้อกลางวันกำลังจะเริ่ม ทุกคนเร่งมือเข้า” ขันทีน้อยนายหนึ่งก้มหน้าก้มตายกจานขนมหวานบรรจุลงในกล่องไม้สำหรับใส่อาหารอย่างขะมักเขม้น รอจนหัวหน้าขันทีผู้คุมห้องเครื่องเดินผ่านไปตรวจงานยังส่วนอื่น มือหยาบหนาก็รวบผ้าผูกเป็นปมเพื่อกักเก็บความร้อน แล้วยกกล่องอาหารในห่อผ้าผืนงามเดินตามกลุ่มขันทีออกไป ขันทีผู้นั้นเดินตามหลังขันทีด้วยกันเงียบๆ ทุกคนต่างเร่งฝีเท้าไปยังลานพิธีหน้าตำหนักไท่เหอ ระหว่างเดินผ่านระเบียงทางเดินขบวนของเขาสวนกับเหล่านางกำนัล และขันทีกลุ่มอื่นเป็นระยะ แต่ขันทีหนุ่มก็ยังใจเย็น รอจนขบวนเดินผ่านเส้นทางร้างไร้ผู้คน เขาก็ชะลอฝีเท้าลง อาศัยจังหวะที่ผู้อื่นไม่ทันสังเกตเห็นปลีกตัวออกจากกลุ่มอย่างเงียบเชียบ เดินหลบหลีกผู้คน แล้วหายลับไปโดยไร้ผู้พบเห็น ขันทีคนดังก

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 116

    แดนบูรพา แคว้นต้าเฉิน เสียงคลื่นสาดซาซัดเข้าหาชายฝั่ง ฟองคลื่นม้วนตัวกระทบหาดทรายกลืนหายไปกับพื้นทรายเนื้อละเอียดไร้สีสันในยามค่ำคืน ลมทะเลพัดโหมริ้วผ้าโบกไสวใบเรือผืนใหญ่ส่ายสะบัดตามคลื่นลม นาวาลำใหญ่จอดนิ่งเรียบชายฝั่งเรียงกันหลายร้อยลำไกลสุดลูกหูลูกตา “เร่งมือเข้า” ชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มคุมลูกน้องใต้สังกัดขนหีบไม้ใบใหญ่ด้านในเต็มไปด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งหอก ดาบ โล่ ธนู และที่ขาดไม่ได้คือเสบียงกรังจำนวนมากถูกยกขึ้นเรือหีบแล้วหีบเล่าอย่างเงียบเชียบท่ามกลางความมืด ถึงแม้จะเบามือเบาเท้ามากเพียงไร แต่การเคลื่อนกำลังพลนับหมื่นย่อมไม่อาจรอดพ้นหูตาของหน่วยสืบราชการลับไปได้ หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับส่งสัญญาณมือให้ลูกน้องใต้สังกัดถอนกำลังออกจากบริเวณนี้เงียบๆ หลังจากล่วง

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 115

    ดินแดนทางเหนือมีหิมะปกคลุมอยู่ชั่วนาตาปี ป้อมปราการสูงตระหง่านท้าลมพายุ ปุยหิมะโปรยปรายพัดพาความเย็นยะเยือกเข้าปกคลุมไปทุกอณูพื้นที่ ถึงภูมิอากาศจะเลวร้าย พืชพรรณธัญญาหารยากเพาะปลูก แต่ชาวบ้านก็ดำรงอยู่อย่างเข้มแข็งไม่คิดจะย้ายถิ่นฐาน เพราะชื่อเสียงของกองทัพตระกูลจ้าวเลื่องลือระบือไกลเป็นที่น่าครั่นคร้ามแก่อริราชศัตรู แม้แม่ทัพใหญ่อย่างจ้าวลี่จิ่นบุตรสาวของจ้าวมู่จะไม่อยู่ประจำการที่กองทัพด่านหน้า แต่แคว้นรอบข้างก็ยังไม่กล้ายกทัพเข้ามารุกราน ชาวบ้านจึงอาศัยอยู่ที่นี่อย่างเป็นสุขและปลอดภัย แต่แล้วความสงบสุขก็อันตรธานหายไป “ช่วยด้วย... กรี๊ดดด” เสียงกรีดร้องดังระงมไปทั่วทุกหนทุกแห่ง หมู่บ้านเป่ยปิงตกอยู่ในฝันร้ายอันน่าหวาดผวา ศพของผู้คนนอนกลาดเกลื่อนอยู่บนพื้นหิมะขาวโพลนทั้งเด็ก คนแก่ และสตรีที่ไร้เรี่ยวแรงหลบหนี แม้แต่บุรุษร่างสูงใหญ่ก็ยากจะต้านทานเมื่อต้องสู้กับสิ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 114

    สัมผัสแผ่วเบาบริเวณปลายนิ้วปลุกจ้าวลี่หมิงให้ตื่นจากนิทรานัยน์ตาสีน้ำตาลซ่อนประกายมรกตคู่งามสะท้อนภาพดวงหน้าคมเข้มเคล้าคลอมือนิ่ม ริมฝีปากหยักจุมพิตนิ้วเรียวทีละนิ้วอย่างละเมียดละไม “ตื่นแล้วหรือ ข้ากวนเจ้า?” เฉินซือหยางเลิกคิ้วถาม นัยน์ตาสีนิลเต็มไปด้วยความหลงใหลคลั่งไคล้แฝงประกายอ่อนโยนอยู่เป็นนิจ “ท่านพึ่งรู้ตัวหรือ” จ้าวลี่หมิงหลบสายตา ชักมือหนีคนตัวโตทั้งใบหูแดงระเรื่อแต่ก็ไม่อาจหลุดพ้น หนำซ้ำยังโดนคนหน้าหนาจูบหลังมือนุ่มหนักๆ ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเขาไปง่ายๆ “อย่าซนสิ! ตอนนี้ยามใดแล้ว” “เพิ่งยามเฉิน[1] เจ้านอนต่ออีกหน่อยเถอะ” เฉินซือหยางนอนทอดหุ่ยสบายอารมณ์ มือหนาลูบไล้แผ่นหลังบางเขาหยุดว่าราชการหลายวันเพื่ออยู่เป็นเพื่อนภรรยาตัวน้อย โยนภาร

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 113

    ตำหนักบูรพาอบอวลไปด้วยความสุข ถึงแม้องค์รัชทายาทผู้เป็นเจ้าของงานจะปลีกตัวออกไปตั้งแต่ต้น แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับการที่ฝ่าบาทยังประทับอยู่ที่นี่ ดังนั้นเป้าหมายในการประจบประแจงจึงเบนเข็มมายังเฉินเทียนอี้ ขุนนางบู๊บุ๋นทั้งหลายต่างดาหน้าเข้ามาคารวะสุราไม่ขาดสาย ทำเอาหลินเสวี่ยเฟิ่งอึดอัดนิดหน่อย “เสี่ยวเทียนข้าออกไปสูดอากาศข้างนอกสักครู่นะ” “ถ้าเจ้าเบื่อเรากลับกันเลยไหม” “อย่าดีกว่า ท่านคอยรับรองแขกแทนหยางเอ๋อร์เถอะ ข้าไปไม่นานหรอก” หลินเสวี่ยเฟิ่งตบหลังมือหนาเบาๆ แล้วปลีกตัวออกมาจากงาน โดยมีหวังกงกงตามรับใช้ใกล้ชิด หลินเสวี่ยเฟิ่งเหม่อมองตำหนักหลักที่ถูกใช้เป็นเรือนหอของบุตรชาย เทียนมงคลสาดแสงสีแดงสลัวราง บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบต่างจากงานพิธี ณ ลานหน้าตำหนักโดยสิ้นเชิง หลินเสวี่ยเฟิ่งยิ้มบาง แ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 112

    “ดีหรือไม่” เฉินซือหยางกระซิบถามเสียงพร่า ร่างหนาล้มตัวลงนอนทาบทับร่างโปร่งบาง กกกอดจ้าวลี่หมิงไว้ในอ้อมแขน ไม่ยอมถอดถอนตัวตนออกจากโพรงเนื้อนุ่มแม้เพียงชั่วขณะอยากจะซุกซบอยู่ในแอ่งอุ่นนี้ตราบนานเท่านาน “ยอดเยี่ยมที่สุด” จ้าวลี่หมิงถอนหายใจอย่างอิ่มเอม มือเรียวลูบไล้อกแกร่งเล่น ก่อนที่มือซุกซนจะเลื่อนไถลลงต่ำวนเวียนแถวๆ มัดกล้ามเป็นลอนงามเหนือหน้าท้องแกร่ง เล่นเอาไฟสวาทของเฉินซือหยางลุกโหมขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ลำกายแข็งชันเหยียดขยายช่องทางรักจนจ้าวลี่หมิงรู้สึกได้ “อีกครั้งนะ” เฉินซือหยางอ้อนเสียงพร่า มือหนาเริ่มยุ่มย่ามกับผิวเนื้อนวลเนียนชื้นเหงื่อให้สัมผัสลื่นมือ ตุ่มไตสีหวานตัดกับผิวขาวบางกระเพื่อมไหวตามการหายใจของจ้าวลี่หมิงยั่วเย้าให้ลมหายใจของคนร่างสูงหอบหนัก กระหายอยากคนร่างบางจนหน้ามืด “ไม่เอา เหนียว

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 111

    จ้าวลี่หมิงถูกอุ้มเข้าห้องหอ หลังจากท่านพ่อท่านแม่ของเขาเข้ามาทำพิธีปูเตียงให้เรียบร้อย เขาก็ได้แต่นั่งรออย่างสงบอยู่ภายในห้อง “ข้าจะออกไปต้อนรับแขกสักครู่ หากเจ้าหิวก็ทานก่อนได้เลยไม่ต้องรอข้า” เฉินซือหยางจูบหน้าผากอิ่มเนิ่นนานค่อยผละจากคนร่างเล็กอย่างอาลัยอาวรณ์ “ดูแลพระชายาให้ดี” “เพคะ” สาวใช้ประจำเรือนช่านไฉ่ทั้งสี่ตามมารับใช้จ้าวลี่หมิงด้วยรับคำโดยพร้อมเพรียง รอจนร่างสูงของเฉินซือหยางเดินจากไป จ้าวลี่หมิงก็โบกมือไล่เหล่าสาวใช้ “พวกเจ้าออกไปเถอะ หากมีอะไรแล้วข้าจะเรียก” “เพคะ” พอได้อยู่คนเดียวภายในห้องจ้าวลี่หมิงก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาพักผ่อนร่างกายให้คลายจากอาการเมื่อยขบ หลังจากยืนเกร็งอยู่เป็นนานในงานพิธี

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 110

    เฉินซือหยางกอดรัดร่างบางแนบแน่น ฝ่ามือลูบไล้แผ่นหลังเล็ก บรรยากาศอ่อนหวานโอบล้อมคนทั้งคู่คงจะดีถ้าไม่มีกลิ่นดอกเหมยหอมกรุ่นก่อกวนจมูกโด่งคม ไหนจะเนื้อตัวนุ่มนิ่มคอยบดเบียดอยู่ในอ้อมแขนนี้อีกเล่า ยั่วเย้าจนอะไรต่อมิอะไรของเขาผงาดกล้า “บ้าเอ๊ย! อยากเข้าหอชะมัด พวกเราข้ามขั้นตอนเลยดีไหม” ฟองอากาศแห่งความสุขลอยละล่องอยู่รอบกายแตกโพละเพราะคำพูดของชายหนุ่ม “บ้า! มันใช่เวลาไหม” จ้าวลี่หมิงทุบบ่าแกร่ง ดิ้นรนหลีกหนีจากอ้อมแขนของคนไม่รู้กาลเทศะ “อย่าดิ้น อยู่นิ่งๆ ก่อน” เฉินซือหยางสูดลมหายใจระงับอารมณ์เร่าร้อน จ้าวลี่หมิงตัวแข็งทื่อ ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดใบหูจนเขารู้สึกวูบไหวไปด้วย คนตัวเล็กเลยหยุดดิ้นนั่งนิ่งไม่กระดุกกระดิก รอจนลมหายใจหอบหนักของเฉินซือหยางกลับมาเป็นปกติ ค่อยผลักชายหนุ่มออกเบาๆ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status