Share

บทที่ 3

last update Dernière mise à jour: 2024-11-14 20:35:21

           

            “มาแล้วหรือ มานั่งนี่สิ” เฉินเทียนอี้ตบตักตนเองเบาๆ เรียกให้บุตรชายไปนั่งด้วย เฉินซือหยางเห็นดังนั้นก็ไม่อิดเอื้อนปีนขึ้นไปนั่งบนตักของเสด็จพ่ออย่างคุ้นชิน

            “เสด็จพ่อทรงทอดพระเนตรอะไรอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ” เฉินซือหยางชะโงกหน้ามองฎีกาที่เสด็จพ่อทรงอ่านค้างไว้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ศีรษะเล็กๆ ส่ายไปมาเล็กน้อยจนแทบไม่เห็นหากไม่สังเกตดูดีๆ ในระหว่างที่เจ้าตัวอ่านฎีกา ทำเอาผู้เป็นพ่อแย้มเยือนเอ็นดูในความใคร่รู้ของบุตรชาย

            “พ่อกำลังอ่านฎีกาที่เจิ้งกั๋วกง[1] ให้ม้าเร็วส่งมาให้” เฉินเทียนอี้บอกบุตรชายทั้งยังกอดร่างเล็กนุ่มนิ่มไว้ในอ้อมแขนเมื่อเจ้าตัวชะโงกหน้าเข้าไปใกล้โต๊ะมากเกินไป จนผู้เป็นบิดากลัวว่าบุตรชายจะหล่นจากพระที่นั่ง

            “เจิ้งกั๋วกงรบชนะเซียนเป่ยแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก”

            “เป็นข่าวดีดังเจ้าว่า เมื่อครู่พ่อเพิ่งออกราชโองการเรียกตัวเจิ้งกั๋วกงเข้าวัง คาดว่าการยกทัพกลับเมืองหลวงในครานี้เจิ้งกั๋วกงน่าจะพาบุตรชายอายุยังไม่ถึงขวบปีอันเกิดจากจ้าวฮูหยินกลับมาด้วย เจ้าคิดเห็นเช่นไร” เฉินเทียนอี้บอกเป็นนัยแก่บุตรชาย สายตาคมเข้มจับจ้องปฏิกิริยาของเฉินซือหยางไม่วางตา เห็นบุตรชายมีท่าทีครุ่นคิดใคร่ครวญ เขาก็ไม่ได้ชี้แนะอะไรเพิ่มเติม เพียงให้เวลาบุตรชายคิดไปเรื่อยๆ โดยที่ตนเองหันไปใส่ใจราชกิจอื่นต่อในระหว่างรอคำตอบ

            “ถ้าลูกจำไม่ผิด นี่คือบุตรชายเพียงคนเดียวที่เจิ้งกั๋วกงเพิ่งให้กำเนิดใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

            “ถูกต้อง”

            “บุตรชายคนเดียวย่อมจะได้รับความสำคัญมากเป็นพิเศษ ยิ่งความรักใคร่เอาใจใส่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง คาดว่าบุตรชายผู้นี้ที่เจิ้งกั๋วกงผู้เฒ่ามีตอนอายุมากแล้วคงรักดุจแก้วตาดวงใจ ไม่เช่นนั้นอายุแค่ไม่กี่เดือนคงไม่พาติดตามทัพหน้ากลับมาเมืองหลวงด้วยเช่นนี้”

            “เจ้าคาดการณ์ได้แม่นยำยิ่ง” เฉินเทียนอี้ผงกศีรษะตรัสชมบุตรชาย มุมปากหยักยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้ ทำเอาตาขวาของเฉินซือหยางกระตุกยิกๆ เห็นเสด็จพ่อยิ้มเช่นนี้ทีไรคงไม่ใช่เรื่องดีแน่แล้ว

            “เสด็จพ่อทรงอยากให้ลูกไปตีสนิทกับเด็กคนนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ” เฉินซือหยางหยั่งเชิง เห็นเสด็จพ่อพยักหน้าทั้งส่ายหน้าไปด้วยหัวคิ้วของเด็กน้อยก็ขมวดฉับ ตกลงใช่หรือไม่ใช่กันแน่เล่า

            “พ่ออยากให้เจ้าสนิทกับเด็กคนนั้นก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง ส่วนสำคัญที่สุดคือ ทำอย่างไรเราถึงจะดึงเจิ้งกั๋วกงมาเป็นฝ่ายเราได้ต่างหาก และไม่ใช่แค่เป็นฝ่ายเราด้วยความเต็มใจเท่านั้น แต่ยังต้องจงรักภักดีจนยอมสละได้แม้ชีพของตน เจ้าว่าควรใช้วิธีใดเล่า” เฉินเทียนอี้วางฎีกาลง โบกมือให้กงกงคนสนิทมาจัดเก็บฎีกาออกไป ซึ่งหวังกงกงก็รู้หน้าที่ดียิ่งไม่เพียงเก็บกองฎีกาให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ยังยกกระดานหมากล้อมขึ้นมาวางบนโต๊ะอย่างรู้งาน จัดวางเครื่องว่างหลายชนิดที่ห้องเครื่องส่งมาให้ขึ้นโต๊ะเสวยแล้วชงชาปี้หลัวชุน[2] จนกลิ่นชาหอมฟุ้งไปทั่วห้อง หลังจากรินชาให้ทั้งสองพระองค์เสร็จก็ถอยกลับไปยืนเงียบๆ ตรงมุมตำหนักดังเดิม โดยการเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่ได้รบกวนเฉินซือหยางเลยแม้แต่น้อย

            เฉินเทียนอี้หยิบถ้วยชาขึ้นมาสูดดมกลิ่นหอมอย่างสบายอารมณ์ จิบชาไปด้วยเริ่มเดินหมากไปด้วย โดยหยิบหมากสีดำวางบนกึ่งกลางจุดตัดของกระดานหมากตรงตำแหน่งดาว[3] เฉินเทียนอี้เล่นหมากล้อมคนเดียวไปเรื่อยๆ ในระหว่างรอคำตอบจากบุตรชาย นิ้วมือเรียวยาวขาวผ่องพลิกเม็ดหมากสีดำไปมาระหว่างข้อนิ้วเกิดเป็นภาพขาวดำตัดกันอย่างงดงามลงตัว ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามฉายแววครุ่นคิดเฉกเช่นเดียวกับเฉินซือหยาง จนใบหน้าของทั้งคู่เหมือนกันราวกับพิมพ์เดียว

            สายตาของเฉินซือหยางจับจ้องกระดานหมากตรงหน้าเงียบๆ มองดูเสด็จพ่อเดินหมากไปด้วยในใจก็ครุ่นคิดเรื่อยเปื่อยว่าจะทำอย่างไรถึงจะสามารถดึงเอาขุมกำลังของเจิ้งกั๋วกงมาเป็นของตนดี

            กึก!

            “คิดออกหรือยัง” เฉินเทียนอี้วางหมากลงบนกระดานเสียงดัง ดึงภวังค์ความคิดที่กระจัดกระจายของเฉินซือหยางให้กลับเข้าที่เข้าทาง

            “ใช้วิธีแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ แต่ลูกว่าวิธีนี้ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะลูกไม่มีน้องหญิงเสียด้วย นอกจากเสด็จพ่อจะเผลอไปไข่ทิ้งไว้ที่ใดโดยที่ลูกไม่รู้” เฉินซือหยางหรี่ตามองเสด็จพ่อของตนเป็นนัยล้อเลียน เลยได้รับพระราชทานฝ่าพระหัตถ์จากองค์เหนือหัวเป็นรางวัล ทำเอาคนหาเรื่องเจ็บตัวถึงกับต้องคลำศีรษะตนเองปรอยๆ ดูว่ามีส่วนใดปูดนูนหรือไม่

            “หาเรื่องให้เสด็จแม่เจ้ามาแหกอกข้าในฝันหรือไรไอ้เจ้าลูกคนนี้ แล้วการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์จำเป็นต้องใช้แต่น้องสาวเจ้าอย่างเดียวเสียเมื่อไหร่”

            “เสด็จพ่อหมายความว่า… เสด็จพ่อจะทรงสมรสใหม่หรือพ่ะย่ะค่ะ ลูกจะกลับไปจุดธูปฟ้องเสด็จแม่ว่าเสด็จพ่อได้ใหม่ลืมเก่า โธ่! เสด็จแม่ของลูกช่างน่าสงสารยิ่งนัก” เฉินซือหยางตัดพ้อต่อว่าแสร้งบีบน้ำตาให้ไหลรินแต่ไม่มีน้ำตาออกมาสักหยด ริมฝีปากบูดบู้จนแก้มอวบพองลมเป็นก้อนแป้ง ดวงตาแดงระเรื่อฉ่ำวาว ท่าทางเสียอกเสียใจจนเกินจริงนั่น ทำเอาเฉินเทียนอี้อดหมั่นไส้ความเล่นใหญ่ของบุตรชายไม่ได้

            “พอเลย! ใครบอกเจ้าว่าพ่อจะรับสนม บุตรสาวของเจิ้งกั๋วกงมีแต่แม่เสือนางพยัคฆ์ทั้งนั้นหรือเจ้าอยากมีแม่ใหม่เป็นนางเสือกัน”

            เฉินซือหยางกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก คิดถึงจ้าวลี่จิ่นแม่ทัพหญิงเพียงหนึ่งเดียวแห่งแผ่นดินต้าเฉินแล้วรู้สึกหนาวยะเยือกบริเวณแผ่นหลังแปลกๆ ดาบปราบพยัคฆ์ที่แม่ทัพจ้าวมักสะพายไว้บนหลังนั้นใหญ่พอจะฟันศีรษะเขาขาดกระเด็นในฉับเดียวเลยล่ะมั้งนั่น

            “ยะ…อย่าดีกว่านะพ่ะย่ะค่ะ ลูกยังรักเสด็จแม่กุ้ยเฟยของลูกม๊ากมาก ยังไม่อยากได้แม่ใหม่ในตอนนี้ ลูกว่าเราลองคิดหาวิธีอื่นดูดีหรือไม่”

            “วิธีนี้แหละดีแล้ว เพียงแต่ผู้เสียสละคงจะต้องเป็นเจ้าแล้วล่ะลูกรัก” เฉินเทียนอี้ตบบ่าให้กำลังใจบุตรชาย ฝ่ายเฉินซือหยางนั้นเหวอไปแล้วเรียบร้อย ไม่รับรู้กำลังใจใดๆ จากเสด็จพ่อทั้งสิ้น

            “หะ… หา! จะให้ลูกเป็นคนแต่ง...” เฉินซือหยางตกตะลึงชี้นิ้วใส่ตนเองเป็นเชิงถามเพื่อให้แน่ใจว่าตนเองไม่ได้หูฟาด สมองน้อยๆ คิดวนเวียนอยู่กับการแต่งงานกับแม่เสือ นางพยัคฆ์ และดาบเล่มใหญ่วาววับที่กำลังจะสับลงมาบนศีรษะเขาแทน วะ… ว๊ากกกก!

            “เสด็จพ่อจะให้ลูกแต่งงานกับหนึ่งในบุตรสาวของเจิ้งกั๋วกงอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ! มะ… ไม่เอา!! ลูกไม่เอาด้วยเด็ดขาด หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรลูกก็ไม่แต่ง!!!” เด็กน้อยโวยวายเสียงดังจนหวังกงกงที่แอบเงี่ยหูฟังสองพ่อลูกพูดคุยกันอยู่เกือบหลุดขำออกมา ดีที่เอามืออุดปากไว้ทันไม่งั้นหัวคงได้หลุดจากบ่าก็คราวนี้

            “ลูกโง่!! ใครจะให้เจ้าแต่งงานกับบุตรสาวกัน บุตรชายต่างหากเล่าบุตรชาย”

            “ลูกไม่… หะ… หา! ไม่ใช่บุตรสาวแต่เป็นบุตรชายหรือพ่ะย่ะค่ะ”

            “ใช่แล้วบุตรชายของเจิ้งกั๋วกง 'จ้าวลี่หมิง' อย่างไรล่ะ”

            “แบบนี้ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ จากแม่เสือกลายเป็นพ่อเสือ! นี่มันหายนะชัดๆ เสด็จพ่อทรงคิดเช่นนี้ได้อย่างไร ให้ลูกแต่งกับผู้ชายนี่นะ คนอื่นเขาไม่ครหาลูกแย่หรือ ไหนจะต้องถูกตาแก่หงำเหงือกหัวโบราณคร่ำครึในราชสำนักพวกนั้นกล่าวหาว่าลูกกลายเป็นต้วนซิ่ว[4] อีก แถมบุตรชายของเจิ้งกั๋วกงยังออกไข่[5] ไม่ได้ด้วย แล้วลูกจะมีทายาทไว้สืบเชื้อสายสกุลเฉินของเราได้อย่างไรกัน นี่หาใช่เรื่องเล็กน้อยเลยนะพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ” เฉินซือหยางโวยวายเสียงดัง แต่เฉินเทียนอี้กลับไม่เป็นเดือดเป็นร้อนไปกับบุตรชายเลยแม้แต่น้อย

            “เอาน่าเจ้ายังพอมีหวัง เพราะพ่อเสือยังตัวเท่าศอกของเจ้า เจ้าอยากได้พ่อเสือหรือพ่อแมวก็ไปอบรมกันเอาเองก็แล้วกัน”

            “ลูกขอไม่ทำตามแผนการนี้ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เฉินซือหยางร้องขอเสียงอ่อย เสด็จพ่อยังจำได้หรือไม่ว่าเขายังอายุแค่ 9 ขวบเองนะ! ทำไมถึงมอบภารกิจอันหนักหนาสาหัสเช่นนี้ให้เขากันเล่า

            “ไม่ได้! ภารกิจนี้สำคัญยิ่ง เจ้าอย่าลืมสิว่าเป้าหมายที่เราทำอยู่นี้เพื่อสิ่งใด” เฉินเทียนอี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบกะทันหัน เม็ดหมากสีดำแตกละเอียดเป็นผุยผงคามือตามแรงอารมณ์ เฉินซือหยางที่ก่อนหน้านี้เอนหลังพิงอกกว้างอย่างผ่อนคลายอารมณ์ยืดตัวตรงทันที รับรู้ได้ว่าเสด็จพ่อมีโทสะแล้ว ส่วนเหตุผลก็น่าจะมาจากคนน่าชิงชังพวกนั้นเป็นแน่แท้

            “แต่ว่าเราไม่จำเป็นต้องเอาตัวเข้าแลกก็ได้นี่พ่ะย่ะค่ะ”

            “หากไม่เข้าถ้ำเสือมีหรือจะได้ลูกเสือ อย่าลืมว่าจ้าวลี่หมิงคือหมากสำคัญที่จะทำให้เจิ้งกั๋วกงยอมภักดีต่อเราด้วยใจจริง และยังเป็นตัวประกันชั้นยอดที่จะทำให้เจิ้งกั๋วกงไม่กล้าคิดคดทรยศต่อเราด้วย เพราะฉะนั้นเบี้ยดีๆ เช่นนี้เราต้องเก็บไว้ใช้นานๆ ถึงจะถูก” เฉินเทียนอี้ปัดเศษซากของเม็ดหมากสีดำออกอย่างเฉยชา มองหมากสีดำรุกกินพื้นที่ของหมากเม็ดขาวจนเหี้ยนด้วยสีหน้าพึงพอใจ เป้าหมายที่เขาวางไว้ใกล้เข้ามาทีละนิดแล้ว

            เฉินซือหยางเห็นพระอารมณ์ของเสด็จพ่อเริ่มดีขึ้นก็ได้แต่ถอนหายใจยอมรับในชะตากรรม “เฮ้อ! หากข้าไม่ลงนรกแล้วไซร้ผู้ใดจะลง[6]  รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อประสงค์สิ่งใดลูกยินดีน้อมรับ”

            “ดี! งานเลี้ยงครบรอบขวบปีของจ้าวลี่หมิงคือเป้าหมายต่อไปของเรา”

            ปึง!

            หมากตัวใหม่บนกระดานเริ่มเคลื่อนไหว เส้นใยเริ่มถักทอแค่รอให้เหยื่อของพวกเขาเข้ามาติดกับเองเท่านั้น

[1] เป็นบรรดาศักดิ์ของขุนนางในสมัยโบราณ มี 5 ขั้น รองจากชั้นอ๋อง คือ กง โหว ป๋อ จื่อ หนาน โดยแต่ละสมัยจะมีคำเรียกและลำดับแยกย่อยที่แตกต่างกัน ซึ่ง ‘กั๋วกง’ เป็นลำดับสูงสุดในขั้นกงและเป็นบรรดาศักดิ์สูงสุดของขุนนาง

[2] ชาปี้หลัวชุน (碧螺春) มีแหล่งกำเนิดในแถบภูเขา ‘ต้งถิง’ ติดทะเลสาบไท่หู ในมณฑลเจียงซู เป็น 1 ใน 10 สุดยอดชาจีน มีกลิ่นหอมคล้ายดอกไม้ และมีรสชาติหวานหอม

[3] ตำแหน่งดาว คือ จุดสีดำบนกระดานหมากล้อม ซึ่งมีทั้งหมด 9 จุดด้วยกัน เป็นศัพท์เฉพาะของการเล่นหมากล้อม

[4] เปรียบเปรยถึงคนรักร่วมเพศ เรื่องราวเกิดขึ้นในสมัยฮั่นตะวันตก ฮั่นอายตี้ฮ่องเต้ตกหลุมรักชายหนุ่มนามว่าต่งเสียน วันหนึ่งอายตี้ตื่นบรรทมหลังจากนอนกลางวัน มองเห็นต่งเสียนนอนทับแขนเสื้ออยู่ ครั้นจะดึงออกก็กลัวชายคนรักจะตื่น พระองค์เลยเอามีดมาตัดแขนเสื้อของพระองค์ให้ต่งเสียนได้นอนต่อ จึงเป็นที่มาของคำว่า 'ตัดแขนเสื้อหรือต้วนซิ่ว' นั่นเอง

[5] ออกไข่ไม่ได้ หมายถึง ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้

[6] มาจากปณิธานอันยิ่งใหญ่ของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ที่ต้องการช่วยสัตว์โลกทั้งปวงให้พ้นจากทุกข์เข็น หากสัตว์นรกในนรกภูมิยังไม่หมดสิ้นก็ไม่ขอตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า จึงเป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่า ‘หากเราไม่เข้าสู่นรกภูมิแล้วไซร้ ผู้ใดเล่าจะเข้าสู่นรกภูมิ’ หมายความว่า หากกระทำการไม่สำเร็จก็จะไม่ละทิ้งไปโดยเด็ดขาด

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Related chapter

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 4

    หลังจากเฉินซือหยางหารือข้อราชกิจกับเสด็จพ่อจนถึงยามโหย่ว[1] พอเดินออกจากตำหนักเฉียนชิงก็พบกับเหล่านางสนมที่มารอเข้าเฝ้า ทุกคนต่างผัดหน้าทาชาดกันมาแบบจัดหนักจัดเต็มยังกับจะมาเล่นละครงิ้วกันเสียเอง กลิ่นเครื่องหอมกำยานอบร่ำกันมาทั้งเนื้อทั้งตัวต่างคนก็ต่างกลิ่น คนนี้อบกลิ่นโม่ลี่ฮวา[2]คนนั้นอบกลิ่นอิงฮวา[3]คนโน้นเองก็อบกลิ่นเหมยกุ้ยฮวา[4]มีสารพัดกลิ่นราวกับยกหมู่มวลดอกไม้มาทั้งอุทยานหลวง กลิ่นเหม็นฉุนปะทะกันสารพัดกลิ่นแทบจะรมคนให้ตายได้ เฉินซือหยางได้กลิ่นคราแรกถึงกับหน้ามืดตาลาย เริ่มรู้สึกนับถือเสด็จพ่อจากก้นบึ้งของหัวใจที่พระองค์สามารถทนประทับอยู่กับสารพัดกลิ่นฉุนเหล่านี้ได้หลายปีดีดัก “ถวายบังคมองค์รัชทายาทเพคะ / พ่ะย่ะค่ะ” บรรดาสนมนางกำนัล และขันทีแต่ละตำหนัก ซึ่งตอนแรกพูดจาเสียดสีกันต่า

    Dernière mise à jour : 2024-11-15
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 5

    เพียงชั่วก้านธูป[1] ผู้เป็นใหญ่แห่งวังหลังทั้งสองพระองค์ก็เสด็จกลับออกมา ภาพที่เฉินเทียนอี้เห็นในสายพระเนตรคือ ภาพของเหล่าสนม นางกำนัลนั่งคุกเข่ากันเรียงรายเป็นทิวแถวท่ามกลางหิมะตกหนัก ทุกคนหน้าซีดปากสั่นมีหิมะเกาะเต็มศีรษะสภาพน่าอเนจอนาถยิ่ง “ฝ่าบาท” “ฝ่าบาทเพคะ” เสียงร้องน่าเวทนาดังระงมดุจจักจั่นในฤดูร้อน ทำเอาเฉินเทียนอี้มุมปากกระตุก คิ้วคมเข้มขมวดฉับ ตวัดสายเย็นเฉียบมองคนต้นเรื่องด้วยความเดือดดาล จิตสังหารแผ่ซ่านจนซูโม่หลันสั่นสะท้านนึกเสียใจภายหลังที่ลงมือโดยพลการเช่นนี้ “หวังกงกง” “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” “ถอนรับสั่งของเต๋อเฟยเดี๋ยวนี้! บอกให้นางกำนัลปรนนิบัติเหล่าสนมรักของเราให้ดีอย่าให้

    Dernière mise à jour : 2024-11-18
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 6

    แสงตะวันจับขอบฟ้าขับไล่ความหนาวเหน็บยามค่ำคืนในสารทฤดูให้จางหาย ละอองหิมะโปรยปรายลงมาบางเบาก่อนจะปลิวหายไปกับสายลมเย็นชื่น ผู้คนในเมืองผิงอานเริ่มต้นเช้าวันใหม่กันอย่างคึกคัก ชาวบ้านต่างพากันทำความสะอาดลานเรือนอย่างขะมักเขม้น โรงเตี๊ยมต่างๆ ร้านรวงริมทางเปิดทำการค้าแต่เช้าตรู่ พ่อค้าจากต่างถิ่นหลั่งไหลเข้ามาแลกเปลี่ยนสินค้า แต่วันนี้เมืองหลวงครึกครื้นยิ่งกว่าวันใด ที่นั่งในร้านรวงต่างๆ บนเส้นทางสัญจรสายหลักถูกจับจองจนแน่นขนัด เนื่องจากผู้คนต่างพากันมามุงดูขบวนทัพที่กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ประตูเมือง ชายวัยกลางคนหน้าตาดุดันเหี้ยมหาญในชุดออกศึกสวมเกราะหนักทั้งตัว ควบอาชาสีขาวพ่วงพีนำหน้าทัพหลวงเคลื่อนขบวนเข้ามาในเมืองผิงอานอย่างองอาจห้าวหาญธงรบสะบัดไหวรับกับจังหวะการย่างก้าวของกองทัพ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันน่าเกรงขามจนผู้คนต่างพากันเลื่อมใส ร้องตะโกนแสดงความยินดีกับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่เหล่าทหารหาญแลกมาด้วยแรงกาย แรงใจ และหยาดโลหิต ดอกไม้งามโปรยตามเส้นทางที่ขบวนทัพเคลื่อนผ่านเป็นการต้อนรับเหล่าผู้กล้า หญิงสาวที่ยัง

    Dernière mise à jour : 2024-11-19
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 7

    งานเลี้ยงฉลองชัยจัดขึ้น ณ ตำหนักไท่เหอ ภายในงานเต็มไปด้วยสุรา อาหารเลิศรส นักการสังคีตบรรเลงฉินคลอแผ่วท่วงทำนองลื่นไหลผ่อนคลายดุจสายน้ำกระทบหิน ขุนนางบุ๋นบู๊ขั้นสามขึ้นไปต่างพาครอบครัวทยอยมาเข้าร่วมงานเลี้ยง ภายในห้องโถงแบ่งออกเป็นสองฝ่าย บรรดาบุรุษต่างรวมตัวกันอยู่อีกฟากหนึ่งของห้อง จับกลุ่มพูดคุยกันถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นช่วงนี้ บ้างก็ปรึกษาหารือเกี่ยวกับข้อราชการที่ได้รับมอบหมาย ทางฟากฝั่งของสตรีเองก็ไม่น้อยหน้า บรรดาฮูหยินและฮูหยินตราตั้งทั้งหลายต่างจับกลุ่มพูดคุยสร้างเส้นสายเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของสามี บ้างก็พูดจาส่อเสียดเย้ยหยันตีวัวกระทบคราดกันไปมา บ้างก็สอดส่ายสายตาเสาะหาหนุ่มสาวอนาคตไกล ชาติตระกูลสูงส่งเพื่อเกี่ยวดองเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นสูง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีกู้ฟางเหนียงรวมอยู่ด้วย วันนี้กู้ฟางเหนียงจับบุตรสาวแต่งตัวแบบจัดหนักจัดเต็ม เสื้อผ้าสีชมพูสดใส ปิ่นมุก กำไลหยกประโคมใส่ให้บุตรสาวราวกับจะเปิดร้านขายเครื่องประดับเสียเอง แต่ผู้ที่ให้ความร่วมมือดูเหมือนจะมีแค่บุตรคนที่สามอย่างจ้าวลี่เจียเพียงเท่า

    Dernière mise à jour : 2024-11-20
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 8

    “ฝ่าบาทเสด็จ ไทเฮาเสด็จ ฮองเฮาเสด็จ องค์รัชทายาทเสด็จ” ขันทีประจำตำหนักขานเสียงดัง เหล่าขุนนางและครอบครัวต่างเข้าประจำที่ ถวายบังคมแสดงความจงรักภักดีพร้อมกันทั้งตำหนักไท่เหอ ต้อนรับการมาเยือนของเหล่าเชื้อพระวงศ์อย่างยิ่งใหญ่ “ถวายพระพรฝ่าบาทขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี ถวายพระพรไทเฮาขอพระองค์ทรงพระเจริญพันปี พันพันปี ถวายพระพรฮองเฮาขอพระองค์ทรงพระเจริญพันปี พันพันปี ถวายพระพรองค์รัชทายาทขอพระองค์ทรงพระเจริญพันปี พันพันปี” “ลุกขึ้นเถอะ” “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ” “สวรรค์คุ้มครองแผ่นดินต้าเฉิน วันนี้เรายินดียิ่งนักที่เห็นทุกท่าน ณ ที่แห่งนี้ จอกนี้เราขอดื่มเพื่อเป็นเกียรติแก่เหล่าทหารกล้าที่เสียสละเพื่อแผ่นดินต้าเฉินของเรา หมดจอก” เฉินเทียนอี้ยกจอกสุราขึ้นดื่ม สุรากู่จิ่ง[1] กลิ่นหอมเย้ายวน รสชาติหวานปานน้ำผึ้งยังซ่านอยู่ในปาก เป็นสุราที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก  

    Dernière mise à jour : 2024-11-21
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 9

    เหตุการณ์ลอบสังหารในงานเลี้ยงฉลองชัยราชสำนักสูญเสียขุนนางไปครึ่งค่อน โอรสสวรรค์พิโรธหนักเรียกขุนนางใหญ่ทั้ง 3 กรมเข้าเฝ้าเพื่อสืบคดีให้ถึงที่สุด ลากตัวผู้อยู่เบื้องหลังการลอบปลงพระชนม์ออกมาสำเร็จโทษ หลังการสอบสวนเสนาบดีกรมพิธีการและพรรคพวกถูกลากไปตัดหัวที่ประตูอู่เหมินเซ่นดวงวิญญาณของผู้สูญเสีย เหอต๋าผู้บัญชาการทหารเก้าประตูถูกโบยแปดสิบไม้ และปลดออกจากตำแหน่งโทษฐานเพิกเฉยต่อหน้าที่ เฉินเทียนอี้ถือโอกาสนี้ปรับขั้วอำนาจในราชสำนักครั้งใหญ่ จ้วงหยวน ปั๋งเหยี่ยน และทั่นฮวาฝ่ายบุ๋น[1] ในปีนี้โชคดีราวกับมีขนมเปี๊ยะหล่นลงมาจากฟ้า ล้วนแล้วแต่เข้ารับตำแหน่งสำคัญทั้งสิ้น 'หานจางหมิ่น' จ้วงหยวนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นราชครูในองค์รัชทายาท จินซานปั๋งเหยี่ยนเลื่อนจากขุนนางในกรมอารักษ์เล็กๆ ขึ้นเป็นรองเสนาบดีกรมพิธีการ ส่วนทั่นฮวาผู้ไม่ถูกเอ่ยนามได้รับตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นสี่ในกรมโยธา แน่นอนว่าไทเฮาย่อมเป็นฝ่ายเสียหายหนัก เพราะขุนนางที่ถูกสังหารล้วนแล้วแต่เป็นคนของหลี่ย่าเสียงไทเฮาทั้งสิ้น ตระกูลหลี่ทั้งบนล่างร้อนใ

    Dernière mise à jour : 2024-11-22
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 10

    วันคืนผ่านพ้น หลังเหตุการณ์การสูญเสียครั้งใหญ่ มีคนโศกเศร้าเสียใจ ย่อมมีคนดีอกดีใจ มีคนกลุ้มอกกลุ้มใจ ย่อมมีคนวางเฉย มีคนบินสูงสู่ยอดไม้ ย่อมมีบางคนตกต่ำไม่อาจผงาดขึ้นมาได้อีก พอเรื่องร้ายผ่านพ้นไป เรื่องดีๆ ก็เข้ามาพร้อมๆ กัน วันนี้จวนไท่เว่ยคึกคักเป็นพิเศษ เนื่องจากทางจวนจัดงานเลี้ยงฉลองเลื่อนตำแหน่งของเจิ้งกั๋วกงจ้าวมู่ อีกทั้งยังเป็นวันครบรอบขวบปีของคุณชายเจ็ดจ้าวลี่หมิง จวนไท่เว่ยจึงจัดพิธีจวาโจว[1] พร้อมกันเสียเลย เรียกว่าเป็นงานมงคลคู่ที่หาได้ยากยิ่ง ผู้คนในจวนทั้งบนล่างต่างวิ่งวุ่นจัดงานแบบหัวไม่วางหางไม่เว้น แน่นอนว่าคนที่ว่างแสนว่างจนไม่มีอะไรให้ทำอย่างพวกสามแฝดตระกูลจ้าวก็มีเรื่องให้ทำเช่นกัน หลังจากสามแสบวุ่นวายอยู่ในห้องครัวอยู่พักใหญ่ ทำเอาห้องครัวของจวนไท่เว่ยอลหม่านจนไก่บินสุนัขกระโดดกำแพง[2] กันไปยกหนึ่ง จึงถูกกู้ฟางเหนียงโยนเข้าห้องไล่ให้ไปเลี้ยงน้องมันเสียเลย “ลี่จูๆ ลี่จิน... ลี่หลินเบื่ออ่ะ” จ้าวลี่หลินกระตุกชายแขนเสื้อของฝาแฝด ใบหน้าเริ่มมีเค้าความงามงอง้ำ บุ้ยปาก

    Dernière mise à jour : 2024-11-23
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 11

    ในขณะที่ทางฝั่งเด็กๆ กำลังเล่นจับนกกันอย่างสนุกสนาน ทางด้านเรือนใหญ่เองก็เริ่มเปิดประตูต้อนรับขุนนางผู้มาร่วมแสดงความยินดีกับเจิ้งกั๋วกงที่ได้เลื่อนตำแหน่ง กู้ฟางเหนียงในฐานะฮูหยินตราตั้งจึงต้องออกมาช่วยสามี และแม่สามีต้อนรับแขกเหรื่อ แน่นอนว่าจ้าวลี่จ้ง และจ้าวลี่เจียเองก็ถูกลากให้มาต้อนรับบรรดาคุณหนู บุตรีผู้สูงศักดิ์ที่มาร่วมงานกับครอบครัวเช่นเดียวกัน “ใกล้จะได้ฤกษ์งามยามดีแล้ว จ้งเอ๋อร์ไปดูสิว่าแม่นมหลิ่วแต่งตัวให้เสี่ยวชีเสร็จหรือยัง” “เจ้าค่ะท่านแม่” จ้าวลี่จ้งรับคำ ผละกายจากไปได้เพียงไม่นาน ก็มีเสียงขานนามดังก้อง “องค์รัชทายาทเสด็จ” เฉินซือหยางมาร่วมงานอย่างเหนือความคาดหมายของทุกคน บรรดาขุนนางทั้งหลายที่มาร่วมงานต่างแตกตื่นตกใจ รีบค้อมกายทำความเคารพ พลางรู้สึกว่าคิดถูกแล้วที่มาร่วมงานในครั้งนี้ นอกจากจะได้ประจบเอาใจจ้าวมู่แล้วยังได้ประจบเอาใจรัชทายาทอีกทาง ซึ่งเป็นผลดีกับตำแหน่งหน้าที่ของตนเองในอนาคต&nbs

    Dernière mise à jour : 2024-11-24

Latest chapter

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 118

    หญิงชราเดินลากขาตามการโอบประคองของสามี สายตาฝ้าฟางเลื่อนลอยไม่รับรู้สิ่งใด แต่พอได้เห็นดวงหน้าของหลินเสวี่ยเฟิ่งเพียงเท่านั้น ดวงตาพลันเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัวสุดชีวิต หญิงชรากรีดร้องเสียงดังโหยหวนราวกับสุกรถูกเชือด “ปีศาจ! มันคือปีศาจ ช่วยด้วยๆ ใครก็ได้ช่วยข้าที ปีศาจจะมาฆ่าข้า ปีศาจจะมาฆ่าข้าแล้ว” หญิงชราตีอกชกหัว หนีห่างจากเงาร่างของหลินเสวี่ยเฟิ่งอย่างหวาดผวา ใบหน้าถูไถไปกับลานพิธีอยากจะแทรกแผ่นดินหนี จนชายชราต้องรีบฉุดรั้งร่างของภรรยาไว้ “ทุกท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าบุรุษที่อยู่ข้างกายฝ่าบาทผู้นั้น คนที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นถึงมารดาของแผ่นดิน ถูกยกย่องว่ามีคุณธรรมสูงส่ง อวดอ้างตนเองว่ามาจากตระกูลสูงศักดิ์ แต่แท้จริงแล้วเขาคือ ‘เกาต๋า’ บุตรบุญธรรมของสามีภรรยาแซ่เกา ซึ่งเป็นเพียงพ่อค้าวาณิชเล็กๆ ในเมืองเจียงโจว” คำบอกเล่าของหานจางหมิ่นทำเอาทุกคนในที่นี้ตะลึงงัน อย่างที่ทราบโดยทั่วกันว่าพ่อค้านั้นเป็นชนชั้นต่ำศ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 117

    เมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน “ยามซื่อ[1] แล้ว งานเลี้ยงมื้อกลางวันกำลังจะเริ่ม ทุกคนเร่งมือเข้า” ขันทีน้อยนายหนึ่งก้มหน้าก้มตายกจานขนมหวานบรรจุลงในกล่องไม้สำหรับใส่อาหารอย่างขะมักเขม้น รอจนหัวหน้าขันทีผู้คุมห้องเครื่องเดินผ่านไปตรวจงานยังส่วนอื่น มือหยาบหนาก็รวบผ้าผูกเป็นปมเพื่อกักเก็บความร้อน แล้วยกกล่องอาหารในห่อผ้าผืนงามเดินตามกลุ่มขันทีออกไป ขันทีผู้นั้นเดินตามหลังขันทีด้วยกันเงียบๆ ทุกคนต่างเร่งฝีเท้าไปยังลานพิธีหน้าตำหนักไท่เหอ ระหว่างเดินผ่านระเบียงทางเดินขบวนของเขาสวนกับเหล่านางกำนัล และขันทีกลุ่มอื่นเป็นระยะ แต่ขันทีหนุ่มก็ยังใจเย็น รอจนขบวนเดินผ่านเส้นทางร้างไร้ผู้คน เขาก็ชะลอฝีเท้าลง อาศัยจังหวะที่ผู้อื่นไม่ทันสังเกตเห็นปลีกตัวออกจากกลุ่มอย่างเงียบเชียบ เดินหลบหลีกผู้คน แล้วหายลับไปโดยไร้ผู้พบเห็น ขันทีคนดังก

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 116

    แดนบูรพา แคว้นต้าเฉิน เสียงคลื่นสาดซาซัดเข้าหาชายฝั่ง ฟองคลื่นม้วนตัวกระทบหาดทรายกลืนหายไปกับพื้นทรายเนื้อละเอียดไร้สีสันในยามค่ำคืน ลมทะเลพัดโหมริ้วผ้าโบกไสวใบเรือผืนใหญ่ส่ายสะบัดตามคลื่นลม นาวาลำใหญ่จอดนิ่งเรียบชายฝั่งเรียงกันหลายร้อยลำไกลสุดลูกหูลูกตา “เร่งมือเข้า” ชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มคุมลูกน้องใต้สังกัดขนหีบไม้ใบใหญ่ด้านในเต็มไปด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งหอก ดาบ โล่ ธนู และที่ขาดไม่ได้คือเสบียงกรังจำนวนมากถูกยกขึ้นเรือหีบแล้วหีบเล่าอย่างเงียบเชียบท่ามกลางความมืด ถึงแม้จะเบามือเบาเท้ามากเพียงไร แต่การเคลื่อนกำลังพลนับหมื่นย่อมไม่อาจรอดพ้นหูตาของหน่วยสืบราชการลับไปได้ หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับส่งสัญญาณมือให้ลูกน้องใต้สังกัดถอนกำลังออกจากบริเวณนี้เงียบๆ หลังจากล่วง

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 115

    ดินแดนทางเหนือมีหิมะปกคลุมอยู่ชั่วนาตาปี ป้อมปราการสูงตระหง่านท้าลมพายุ ปุยหิมะโปรยปรายพัดพาความเย็นยะเยือกเข้าปกคลุมไปทุกอณูพื้นที่ ถึงภูมิอากาศจะเลวร้าย พืชพรรณธัญญาหารยากเพาะปลูก แต่ชาวบ้านก็ดำรงอยู่อย่างเข้มแข็งไม่คิดจะย้ายถิ่นฐาน เพราะชื่อเสียงของกองทัพตระกูลจ้าวเลื่องลือระบือไกลเป็นที่น่าครั่นคร้ามแก่อริราชศัตรู แม้แม่ทัพใหญ่อย่างจ้าวลี่จิ่นบุตรสาวของจ้าวมู่จะไม่อยู่ประจำการที่กองทัพด่านหน้า แต่แคว้นรอบข้างก็ยังไม่กล้ายกทัพเข้ามารุกราน ชาวบ้านจึงอาศัยอยู่ที่นี่อย่างเป็นสุขและปลอดภัย แต่แล้วความสงบสุขก็อันตรธานหายไป “ช่วยด้วย... กรี๊ดดด” เสียงกรีดร้องดังระงมไปทั่วทุกหนทุกแห่ง หมู่บ้านเป่ยปิงตกอยู่ในฝันร้ายอันน่าหวาดผวา ศพของผู้คนนอนกลาดเกลื่อนอยู่บนพื้นหิมะขาวโพลนทั้งเด็ก คนแก่ และสตรีที่ไร้เรี่ยวแรงหลบหนี แม้แต่บุรุษร่างสูงใหญ่ก็ยากจะต้านทานเมื่อต้องสู้กับสิ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 114

    สัมผัสแผ่วเบาบริเวณปลายนิ้วปลุกจ้าวลี่หมิงให้ตื่นจากนิทรานัยน์ตาสีน้ำตาลซ่อนประกายมรกตคู่งามสะท้อนภาพดวงหน้าคมเข้มเคล้าคลอมือนิ่ม ริมฝีปากหยักจุมพิตนิ้วเรียวทีละนิ้วอย่างละเมียดละไม “ตื่นแล้วหรือ ข้ากวนเจ้า?” เฉินซือหยางเลิกคิ้วถาม นัยน์ตาสีนิลเต็มไปด้วยความหลงใหลคลั่งไคล้แฝงประกายอ่อนโยนอยู่เป็นนิจ “ท่านพึ่งรู้ตัวหรือ” จ้าวลี่หมิงหลบสายตา ชักมือหนีคนตัวโตทั้งใบหูแดงระเรื่อแต่ก็ไม่อาจหลุดพ้น หนำซ้ำยังโดนคนหน้าหนาจูบหลังมือนุ่มหนักๆ ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเขาไปง่ายๆ “อย่าซนสิ! ตอนนี้ยามใดแล้ว” “เพิ่งยามเฉิน[1] เจ้านอนต่ออีกหน่อยเถอะ” เฉินซือหยางนอนทอดหุ่ยสบายอารมณ์ มือหนาลูบไล้แผ่นหลังบางเขาหยุดว่าราชการหลายวันเพื่ออยู่เป็นเพื่อนภรรยาตัวน้อย โยนภาร

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 113

    ตำหนักบูรพาอบอวลไปด้วยความสุข ถึงแม้องค์รัชทายาทผู้เป็นเจ้าของงานจะปลีกตัวออกไปตั้งแต่ต้น แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับการที่ฝ่าบาทยังประทับอยู่ที่นี่ ดังนั้นเป้าหมายในการประจบประแจงจึงเบนเข็มมายังเฉินเทียนอี้ ขุนนางบู๊บุ๋นทั้งหลายต่างดาหน้าเข้ามาคารวะสุราไม่ขาดสาย ทำเอาหลินเสวี่ยเฟิ่งอึดอัดนิดหน่อย “เสี่ยวเทียนข้าออกไปสูดอากาศข้างนอกสักครู่นะ” “ถ้าเจ้าเบื่อเรากลับกันเลยไหม” “อย่าดีกว่า ท่านคอยรับรองแขกแทนหยางเอ๋อร์เถอะ ข้าไปไม่นานหรอก” หลินเสวี่ยเฟิ่งตบหลังมือหนาเบาๆ แล้วปลีกตัวออกมาจากงาน โดยมีหวังกงกงตามรับใช้ใกล้ชิด หลินเสวี่ยเฟิ่งเหม่อมองตำหนักหลักที่ถูกใช้เป็นเรือนหอของบุตรชาย เทียนมงคลสาดแสงสีแดงสลัวราง บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบต่างจากงานพิธี ณ ลานหน้าตำหนักโดยสิ้นเชิง หลินเสวี่ยเฟิ่งยิ้มบาง แ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 112

    “ดีหรือไม่” เฉินซือหยางกระซิบถามเสียงพร่า ร่างหนาล้มตัวลงนอนทาบทับร่างโปร่งบาง กกกอดจ้าวลี่หมิงไว้ในอ้อมแขน ไม่ยอมถอดถอนตัวตนออกจากโพรงเนื้อนุ่มแม้เพียงชั่วขณะอยากจะซุกซบอยู่ในแอ่งอุ่นนี้ตราบนานเท่านาน “ยอดเยี่ยมที่สุด” จ้าวลี่หมิงถอนหายใจอย่างอิ่มเอม มือเรียวลูบไล้อกแกร่งเล่น ก่อนที่มือซุกซนจะเลื่อนไถลลงต่ำวนเวียนแถวๆ มัดกล้ามเป็นลอนงามเหนือหน้าท้องแกร่ง เล่นเอาไฟสวาทของเฉินซือหยางลุกโหมขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ลำกายแข็งชันเหยียดขยายช่องทางรักจนจ้าวลี่หมิงรู้สึกได้ “อีกครั้งนะ” เฉินซือหยางอ้อนเสียงพร่า มือหนาเริ่มยุ่มย่ามกับผิวเนื้อนวลเนียนชื้นเหงื่อให้สัมผัสลื่นมือ ตุ่มไตสีหวานตัดกับผิวขาวบางกระเพื่อมไหวตามการหายใจของจ้าวลี่หมิงยั่วเย้าให้ลมหายใจของคนร่างสูงหอบหนัก กระหายอยากคนร่างบางจนหน้ามืด “ไม่เอา เหนียว

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 111

    จ้าวลี่หมิงถูกอุ้มเข้าห้องหอ หลังจากท่านพ่อท่านแม่ของเขาเข้ามาทำพิธีปูเตียงให้เรียบร้อย เขาก็ได้แต่นั่งรออย่างสงบอยู่ภายในห้อง “ข้าจะออกไปต้อนรับแขกสักครู่ หากเจ้าหิวก็ทานก่อนได้เลยไม่ต้องรอข้า” เฉินซือหยางจูบหน้าผากอิ่มเนิ่นนานค่อยผละจากคนร่างเล็กอย่างอาลัยอาวรณ์ “ดูแลพระชายาให้ดี” “เพคะ” สาวใช้ประจำเรือนช่านไฉ่ทั้งสี่ตามมารับใช้จ้าวลี่หมิงด้วยรับคำโดยพร้อมเพรียง รอจนร่างสูงของเฉินซือหยางเดินจากไป จ้าวลี่หมิงก็โบกมือไล่เหล่าสาวใช้ “พวกเจ้าออกไปเถอะ หากมีอะไรแล้วข้าจะเรียก” “เพคะ” พอได้อยู่คนเดียวภายในห้องจ้าวลี่หมิงก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาพักผ่อนร่างกายให้คลายจากอาการเมื่อยขบ หลังจากยืนเกร็งอยู่เป็นนานในงานพิธี

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 110

    เฉินซือหยางกอดรัดร่างบางแนบแน่น ฝ่ามือลูบไล้แผ่นหลังเล็ก บรรยากาศอ่อนหวานโอบล้อมคนทั้งคู่คงจะดีถ้าไม่มีกลิ่นดอกเหมยหอมกรุ่นก่อกวนจมูกโด่งคม ไหนจะเนื้อตัวนุ่มนิ่มคอยบดเบียดอยู่ในอ้อมแขนนี้อีกเล่า ยั่วเย้าจนอะไรต่อมิอะไรของเขาผงาดกล้า “บ้าเอ๊ย! อยากเข้าหอชะมัด พวกเราข้ามขั้นตอนเลยดีไหม” ฟองอากาศแห่งความสุขลอยละล่องอยู่รอบกายแตกโพละเพราะคำพูดของชายหนุ่ม “บ้า! มันใช่เวลาไหม” จ้าวลี่หมิงทุบบ่าแกร่ง ดิ้นรนหลีกหนีจากอ้อมแขนของคนไม่รู้กาลเทศะ “อย่าดิ้น อยู่นิ่งๆ ก่อน” เฉินซือหยางสูดลมหายใจระงับอารมณ์เร่าร้อน จ้าวลี่หมิงตัวแข็งทื่อ ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดใบหูจนเขารู้สึกวูบไหวไปด้วย คนตัวเล็กเลยหยุดดิ้นนั่งนิ่งไม่กระดุกกระดิก รอจนลมหายใจหอบหนักของเฉินซือหยางกลับมาเป็นปกติ ค่อยผลักชายหนุ่มออกเบาๆ

Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status