Share

บทที่ 6

last update Dernière mise à jour: 2024-11-19 20:35:39

แสงตะวันจับขอบฟ้าขับไล่ความหนาวเหน็บยามค่ำคืนในสารทฤดูให้จางหาย ละอองหิมะโปรยปรายลงมาบางเบาก่อนจะปลิวหายไปกับสายลมเย็นชื่น ผู้คนในเมืองผิงอานเริ่มต้นเช้าวันใหม่กันอย่างคึกคัก ชาวบ้านต่างพากันทำความสะอาดลานเรือนอย่างขะมักเขม้น โรงเตี๊ยมต่างๆ ร้านรวงริมทางเปิดทำการค้าแต่เช้าตรู่ พ่อค้าจากต่างถิ่นหลั่งไหลเข้ามาแลกเปลี่ยนสินค้า แต่วันนี้เมืองหลวงครึกครื้นยิ่งกว่าวันใด ที่นั่งในร้านรวงต่างๆ บนเส้นทางสัญจรสายหลักถูกจับจองจนแน่นขนัด เนื่องจากผู้คนต่างพากันมามุงดูขบวนทัพที่กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ประตูเมือง

       ชายวัยกลางคนหน้าตาดุดันเหี้ยมหาญในชุดออกศึกสวมเกราะหนักทั้งตัว ควบอาชาสีขาวพ่วงพีนำหน้าทัพหลวงเคลื่อนขบวนเข้ามาในเมืองผิงอานอย่างองอาจห้าวหาญ ธงรบสะบัดไหวรับกับจังหวะการย่างก้าวของกองทัพ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันน่าเกรงขามจนผู้คนต่างพากันเลื่อมใส ร้องตะโกนแสดงความยินดีกับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่เหล่าทหารหาญแลกมาด้วยแรงกาย แรงใจ และหยาดโลหิต ดอกไม้งามโปรยตามเส้นทางที่ขบวนทัพเคลื่อนผ่านเป็นการต้อนรับเหล่าผู้กล้า หญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนต่างก็โยนถุงผ้าปักลายสลักนามของตนเองให้กับเหล่าแม่ทัพนายกองที่ตนถูกตาต้องใจ ผู้คนบนท้องถนนต่างยิ้มแย้มพูดคุยเกี่ยวกับศึกนี้อย่างคึกคัก บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานครื้นเครง

       เจิ้งกั๋วกง 'จ้าวมู่' แม่ทัพใหญ่สองแผ่นดินแห่งแคว้นต้าเฉิน ผู้นำทัพสยบชาวเซียนเป่ยในคราวนี้ปรายตามองเหล่าผู้คนที่มาต้อนรับด้วยรอยยิ้มในหน้า กวาดสายตามองเรื่อยไปด้านหลังสบเข้ากับรถม้าหรูหราคันหนึ่งเคลื่อนตามขบวนทัพอย่างเชื่องช้า ริมฝีปากใต้หนวดเครารกครึ้มกระดกขึ้นเป็นรอยยิ้มกว้าง ชักม้าวกกลับไปหารถม้าคันดังกล่าว พอมองลอดผ้าม่านสีขาวบางเบาเห็นฮูหยินของเขาเล่นไล่จับกับบุตรชายตัวอวบอ้วนที่กำลังคลานสำรวจไปทั่วรถม้า ดวงตาคมดุฉายประกายอ่อนโยนมองดูบุตรชายดิ้นรนไม่ยอมให้ใครอุ้มจนพุงกระเพื่อม

       “เด็กดื้อคนนี้อยู่นิ่งๆ ไม่ได้เลยใช่หรือไม่” จ้าวมู่หัวเราะชอบอกชอบใจกับความซุกซนของจ้าวลี่หมิง พอเด็กน้อยได้ยินเสียงคุ้นเคยของบิดาก็ส่งเสียงเรียกอ้อแอ้ โบกไม้โบกมือดิ้นรนจะให้บิดาอุ้มให้ได้ จน 'กู้ฟางเหนียง' เกือบรั้งตัวบุตรชายเอาไว้แทบไม่ทัน

       “ซุกซนมาตั้งแต่เช้าเลยเจ้าค่ะท่านพี่ ตอนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะง่วงนอนเลย”

       “ถ้าอย่างนั้นน้องหญิงกับลูกกลับไปพักผ่อนรอที่จวนก่อนดีหรือไม่ ถึงอย่างไรพี่ต้องไปรายงานผลการศึกกับทางกองทัพก่อน”

       “ดีเหมือนกันเจ้าค่ะ สายมากแล้วน้องจะได้กล่อมเสี่ยวชี[1] นอนกลางวัน คงใกล้จะสิ้นฤทธิ์แล้วด้วย” กู้ฟางเหนียงหอมแก้มยุ้ยของบุตรชายคนที่เจ็ดด้วยความเอ็นดู แล้วส่งให้แม่นมรับช่วงต่อ “ท่านพี่จะกลับจวนยามใดเจ้าคะ”

       “ถ้าจัดการงานในกองทัพเรียบร้อยแล้วก็คงกลับเลย น่าจะไม่เกินยามเว่ย[2] น้องหญิงอย่าลืมเตรียมตัวไปงานเลี้ยงในวังช่วงค่ำด้วยล่ะ”

       “น้องทราบแล้ว ท่านพี่โปรดเดินทางดีๆ” 

       “ไปส่งฮูหยินที่จวนแม่ทัพ” จ้าวมู่หันไปกำชับคนขับรถม้า พยักหน้าเป็นเชิงบอกลาภรรยา แล้วควบม้านำขบวนทัพกลับค่ายหงจวินที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองผิงอาน

       ขบวนรถม้าเคลื่อนสู่จวนแม่ทัพใหญ่ที่ตั้งอยู่บนถนนสายหลักทางทิศตะวันออกของเมืองหลวง ป้ายทองพระราชทานชื่อ ‘จวนแม่ทัพปราบทักษิณ’ ลายพระหัตถ์องอาจเฉียบคมลื่นไหลดุจเมฆเคลื่อนคล้อยของฮ่องเต้พระองค์ก่อนถูกขัดถูจนขึ้นเงาดูโดดเด่นเป็นสง่า ประตูจวนเปิดกว้างต้อนรับการกลับมาของท่านแม่ทัพ บ่าวรับใช้ยืนค้อมกายต้อนรับเป็นแถวยาวโดยมีพ่อบ้านจ้าวเป็นผู้นำขบวน

       กู้ฟางเหนียงก้าวลงจากรถม้าตามการประคองของสาวใช้คนสนิท มองดูบุตรสาวทั้ง 5 คน ได้แก่บุตรคนรอง 'จ้าวลี่จ้ง' บุตรคนที่สาม 'จ้าวลี่เจีย' และแฝดสามในวัยกำลังซุกซนอย่าง 'จ้าวลี่จู' 'จ้าวลี่จิน' และ 'จ้าวลี่หลิน' กำลังยื้อแย่งกันลงมาจากรถม้าแบบไม่มีใครยอมใคร ก็รู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนัก ในบรรดาบุตรสาวทั้ง 6 คนของนางหาคนสงบเสงี่ยมสมกับเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ไม่ได้เลยสักคน คนโตที่ไม่ได้เดินทางกลับมาด้วยอย่าง 'จ้าวลี่จิ่น' ก็เอาอย่างบิดาของนาง เข้ารับราชการเป็นแม่ทัพประจำการอยู่ทางเหนือ มีเพียงจ้าวลี่เจียบุตรสาวคนที่สามยังรู้ความอยู่บ้าง พอจะเชิดหน้าชูตาวงศ์ตระกูลได้

       “ท่านแม่ๆ ท่านย่าอยู่ไหนหรือเจ้าคะ ท่านย่ามารับลี่จูด้วยหรือไม่ ลี่จูคิดถึงท่านย่ายิ่งนัก” จ้าวลี่จูวิ่งมาเกาะแขนกู้ฟางเหนียง ตื่นเต้นดีใจที่อีกหน่อยจะได้เจอท่านย่าหลังจากไม่ได้พบหน้ามานานปี ก่อนจะถูกจ้าวลี่จินเบียดออกไปจากวงโคจรแล้วเป็นฝ่ายเกาะแขนท่านแม่เสียเอง

       “ลี่จินก็คิดถึงท่านย่าเจ้าค่ะ ท่านย่าทำเสี่ยวหลงเปาอร้อย อร่อย รสชาติดียิ่ง ท่านแม่ว่าท่านย่าจะทำเสี่ยวหลงเปาไว้ให้ลี่จินหรือไม่” จ้าวลี่จินผู้ ‘สมบูรณ์พูนสุข’ กว่าใครเพื่อน ดึงรั้งชายแขนเสื้อของกู้ฟางเหนียงไปมาเรียกร้องความสนใจกลับถูกจ้าวลี่หลินผลักกระเด็นออกไปอีกรายเช่นกัน

       “เจ้าน่ะหลีกไปเลย ที่เจ้าว่ามาคือคิดถึงขนมของท่านย่าต่างหาก คนที่คิดถึงท่านย่าที่สุดคือข้าผู้นี้ ท่านแม่เราเข้าไปหาท่านย่าเลยดีหรือไม่” จ้าวลี่หลินออดอ้อนเสียงอ่อนเสียงหวานจนน่าหมั่นไส้ มีหรือที่สองแฝดจะยอมให้จ้าวลี่หลินได้หน้าแต่เพียงผู้เดียว กลายเป็นเจ้าผลักข้า ข้าผลักเจ้า ไปๆ มาๆ ก็ทะเลาะกันเองซะแล้ว

       “ข้าต่างหากล่ะที่เป็นคนบอกว่าคิดถึงท่านย่าก่อน” จ้าวลี่จูถลึงตาใส่คู่แฝด

       “เป็นข้าที่จำรสมือของท่านย่าได้ ข้าต่างหากล่ะที่คิดถึงท่านย่าที่สุด พวกเจ้าอย่ามาขี้ตู่นะ” จ้าวลี่จินเท้าเอวไม่ยอมเช่นกัน

       “เอาล่ะเด็กๆ ไม่ต้องทะเลาะกันนะ ทุกคนต่างก็คิดถึงท่านย่ากันหมดนั่นแหละ จ้งเอ๋อร์ เจียเอ๋อร์ พาเจ้าสามแฝดนี่ไปคารวะท่านย่าที่เรือนก่อน แม่สั่งงานพ่อบ้านจ้าวเสร็จแล้วจะรีบตามไป”

       “เจ้าค่ะท่านแม่ / เจ้าค่ะท่านแม่” จ้าวลี่จ้งและจ้าวลี่เจียรับคำ ต้อนเด็กแฝดทั้งสามคนไปพร้อมกับบรรดาสาวใช้ตามหลังอีกเป็นพรวน

       กู้ฟางเหนียงมองก้อนความวุ่นวายที่ค่อยๆ ห่างออกไปแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย สั่งความให้พ่อบ้านจ้าวจัดเก็บข้าวของที่นำกลับมาด้วย เสร็จแล้วจึงอุ้มจ้าวลี่หมิงไปทำความรู้จักกับท่านย่าของเขา

       'เฉาม่าน' หรือฮูหยินผู้เฒ่าแต่งเข้าตระกูลจ้าวซึ่งเป็นตระกูลแม่ทัพมาทุกรุ่น บรรพบุรุษทุกคนต่างพลีชีพในสนามรบเพื่อปกป้องบ้านเมืองจากอริราชศัตรู แต่ไม่รู้ว่าตระกูลจ้าวไปล่วงเกินเทพเจ้าองค์ใดเข้า ไม่เพียงบุรุษทุกคนต้องพลีชีพบนหลังอาชาศึกเท่านั้น ยังให้กำเนิดบุตรชายน้อยลงทุกทีๆ พอมาถึงรุ่นจ้าวมู่ก็มีเพียงจ้าวลี่หมิงเท่านั้นที่เป็นบุตรชาย แต่ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวกลับไม่ได้เร่งรัดให้บุตรชายรับอนุเพิ่ม เพราะการได้จ้าวลี่หมิงมาในวัยไม้ใกล้ฝั่งเช่นนี้ก็ถือเป็นวาสนาของตระกูลจ้าวแล้ว ดีเสียอีกนางจะได้ไม่ต้องทนเห็นบุตรหลานต้องสิ้นชีพบนคมหอกคมดาบอีก แค่นางเสียสามีกับบุตรชายคนรองไปในสนามรบก็เจ็บช้ำมากพอแล้ว นางหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์คนผมขาวเตรียมส่งคนผมดำอีก

       “ไหนเสี่ยวชีของย่าอยู่ไหนเอ่ย” ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวนั่งเอนกายพักผ่อนอยู่บนเตียงเตา[3] ห้อมล้อมไปด้วยหลานสาวร้องทักจ้าวลี่หมิงทันทีที่เห็นกู้ฟางเหนียงอุ้มเขาเข้าประตูมา ซึ่งจ้าวลี่หมิงก็ไม่ทำให้คนแก่อย่างเฉาม่านผิดหวัง ถึงย่าหลานจะไม่เคยพบหน้ากัน เขาก็ยิ้มแป้นรับเสียงทักทายจนเห็นเหงือกสีแดงระเรื่อมีฟันกระต่ายอยู่สองซี่ด้วยกันครบถ้วน เรียกคะแนนความรักใคร่เอ็นดูจากท่านย่าจนบรรดาพี่สาวทั้งหลายมันเขี้ยวน้องชายตัวอ้วนไปตามๆ กัน

       “เสี่ยวชีขี้โกงอย่ามาแย่งท่านย่าของลี่จูนะ”

       “ใช่ๆ ขนมที่ท่านย่าทำทั้งหมดเป็นของลี่จิน ลี่จินไม่แบ่งให้เสี่ยวชีหรอกนะ ลี่จินแบ่งให้แค่ท่านพ่อกับท่านแม่เท่านั้น”

       “ใครบอกล่ะ ท่านย่าเป็นของลี่หลินต่างหาก ท่านพ่อท่านแม่ก็เป็นของลี่หลิน”

       “ใครบอกว่าท่านย่าเป็นของพวกเจ้ากัน ท่านย่าเป็นของทุกคนต่างหากล่ะเจ้าสามแสบ” จ้าวลี่จ้งดีดหน้าผากน้องสาวที่กำลังยื้อแย่งท่านย่ากันเรียงตัว เขย่าตัวท่านย่าจนหัวสั่นหัวคลอนเช่นนี้ได้อย่างไร ช่างไม่รู้ธรรมเนียมเอาเสียเลย คงต้องจับไปฝึกหนักที่ค่ายของท่านพ่อสักหน่อยละมั้ง

       “เอาล่ะๆ จ้งเอ๋อร์ก็อย่าเอ็ดน้องเลย น้องๆ ยังเด็กอยู่ ย่ารักพวกเจ้าทุกคนนั่นแหละ” เฉาม่านพยายามห้ามปรามหลานๆ ที่วิ่งไล่กันบนเตียงของนาง กู้ฟางเหนียงเห็นลูกๆ ซุกซนไม่หยุดก็อดเปรยกับแม่สามีไม่ได้

       “เด็กที่ไหนกันเจ้าคะท่านแม่ ปีนี้อายุตั้ง 12 หนาวแล้วยังไม่รู้ความกันเลย ลูกสู้อุตส่าห์หาหมัวมัว[4] มาสอนมารยาทให้พวกนางแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น ตำราสอนหญิงหรือก็เรียนไปเสียเปล่า ดีดฉิน เขียนอักษร วาดภาพ หรือเล่นหมากล้อมก็เอาดีไม่ได้สักอย่าง ดีแต่รำกระบี่ตีกระบอง จับนกตกปลาไปวันๆ ตอนนี้ลูกก็จนปัญหากับเด็กพวกนี้แล้วเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าจะได้ออกเรือนเหมือนสตรีเรือนอื่นเขาหรือไม่” กู้ฟางเหนียงพร่ำบ่นกับแม่สามีด้วยความอัดอั้นตันใจ เหล่าสตรีที่ยังขายไม่ออกอย่างจ้าวลี่จ้งที่อายุ 18 หนาวกับจ้าวลี่เจียที่ถึงวัยปักปิ่น[5] พยายามทำตัวนิ่งๆ เข้าไว้ เสมือนไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนี้ ท่านแม่จะได้ไม่พาดพิงถึงพวกนาง แต่ก็ยังไม่แคล้วโดนลากเข้าไปเกี่ยวจนได้

       “จ้งเอ๋อร์กับเจียเอ๋อร์ก็เหมือนกัน เจียเอ๋อร์น่ะลูกไม่ค่อยหนักใจเท่าไหร่เพราะถึงอย่างไรก็ยังไม่ได้เข้าพิธีปักปิ่น แต่จ้งเอ๋อร์น่ะสิเจ้าคะ อายุจะเลยวัยออกเรือนอยู่แล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีผู้ใดมาทาบทามสู่ขอเลย”

       “เอาน่า เจ้าอย่าร้อนใจไปนักเลย ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับบุพเพวาสนา หากจ้งเอ๋อร์ถูกใจผู้ใดค่อยว่ากันเถิด เจ้าอย่าไปเจ้ากี้เจ้าการกับนางนักเลย”

       “ท่านแม่ละก็ จะไม่ให้ข้ากะเกณฑ์กับนางได้อย่างไร ดูหน้าตาของนางสิเจ้าคะ เหมือนหญิงสาวเสียที่ไหน หากบอกว่าเป็นคุณชายตระกูลจ้าวคงจะเหมาะกว่า หน้าตาหล่อเหลาเกินชายแบบนี้ จะไม่ให้ลูกหนักใจได้อย่างไร เฮ้อ! แล้วท่านแม่ล่ะเจ้าค่ะ มีคนที่หมายตาไว้บ้างหรือไม่” กู้ฟางเหนียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผิดกับจ้าวลี่จ้งที่พอถูกมองว่าเป็นคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ผู้หล่อเหลาสง่างามก็ยืดอกรับแสนจะภาคภูมิใจ ใบหน้าของนางเหมือนกับท่านพ่อขนาดนี้ จะไม่ถูกชมว่ารูปงามได้อย่างไร

       “งานเลี้ยงฉลองชัยในค่ำคืนนี้ เจ้าก็ลองเรียบๆ เคียงๆ หาให้นางสักคนก็แล้วกัน” เฉาม่านมองท่าทางภูมิอกภูมิใจในรูปโฉมตนเองของหลานสาวคนรองแล้วชักจะปวดเศียรเวียนเกล้าตามลูกสะใภ้ ยังดีที่จ้าวลี่จิ่นผู้มีหน้าตาราวกับเคาะออกมาจากพิมพ์เดียวกันกับจ้าวลี่จ้งสามารถล่อลวงบุตรชายของท่านเจ้าเมืองหานตงมาเป็นหลานเขยให้นางได้ ไม่อย่างนั้นนางคงกลุ้มใจยิ่งกว่านี้

       “คงจะต้องเป็นเช่นนั้นแหละเจ้าค่ะ” ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความหนักใจได้แต่ฝากความหวังในการหาบุตรเขยไว้กับงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้

[1] เสี่ยวชี เสี่ยว แปลว่า เล็ก น้อย ส่วนชี แปลว่า เจ็ด เป็นการเรียก ‘จ้าวลี่หมิง’ บุตรชายคนที่เจ็ดเชิงเอ็นดู

[2] ยามเว่ย คือ เวลา 13.00 – 15.00 น.

[3] เตียงเตา (炕) เป็นเตียงที่ก่อด้วยอิฐด้านล่างมีปล่องเตาจุดให้ความร้อน ด้านบนปูด้วยฟูกหรือเบาะรอง

[4] หมัวมัว คือ คำที่ใช้เรียกแม่นม หญิงรับใช้สูงวัย หรือนางกำนัลที่มีประสบการณ์สูง

[5] วัยปักปิ่น คือ หญิงสาวที่อายุครบ 15 ปี พร้อมที่จะเข้าพิธีปักปิ่นมวยผม เพื่อแสดงว่าได้ก้าวเข้าสู่วัยสาวแล้ว พร้อมออกเรือนหรือแต่งงานแล้ว

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Related chapter

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 7

    งานเลี้ยงฉลองชัยจัดขึ้น ณ ตำหนักไท่เหอ ภายในงานเต็มไปด้วยสุรา อาหารเลิศรส นักการสังคีตบรรเลงฉินคลอแผ่วท่วงทำนองลื่นไหลผ่อนคลายดุจสายน้ำกระทบหิน ขุนนางบุ๋นบู๊ขั้นสามขึ้นไปต่างพาครอบครัวทยอยมาเข้าร่วมงานเลี้ยง ภายในห้องโถงแบ่งออกเป็นสองฝ่าย บรรดาบุรุษต่างรวมตัวกันอยู่อีกฟากหนึ่งของห้อง จับกลุ่มพูดคุยกันถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นช่วงนี้ บ้างก็ปรึกษาหารือเกี่ยวกับข้อราชการที่ได้รับมอบหมาย ทางฟากฝั่งของสตรีเองก็ไม่น้อยหน้า บรรดาฮูหยินและฮูหยินตราตั้งทั้งหลายต่างจับกลุ่มพูดคุยสร้างเส้นสายเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของสามี บ้างก็พูดจาส่อเสียดเย้ยหยันตีวัวกระทบคราดกันไปมา บ้างก็สอดส่ายสายตาเสาะหาหนุ่มสาวอนาคตไกล ชาติตระกูลสูงส่งเพื่อเกี่ยวดองเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นสูง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีกู้ฟางเหนียงรวมอยู่ด้วย วันนี้กู้ฟางเหนียงจับบุตรสาวแต่งตัวแบบจัดหนักจัดเต็ม เสื้อผ้าสีชมพูสดใส ปิ่นมุก กำไลหยกประโคมใส่ให้บุตรสาวราวกับจะเปิดร้านขายเครื่องประดับเสียเอง แต่ผู้ที่ให้ความร่วมมือดูเหมือนจะมีแค่บุตรคนที่สามอย่างจ้าวลี่เจียเพียงเท่า

    Dernière mise à jour : 2024-11-20
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 8

    “ฝ่าบาทเสด็จ ไทเฮาเสด็จ ฮองเฮาเสด็จ องค์รัชทายาทเสด็จ” ขันทีประจำตำหนักขานเสียงดัง เหล่าขุนนางและครอบครัวต่างเข้าประจำที่ ถวายบังคมแสดงความจงรักภักดีพร้อมกันทั้งตำหนักไท่เหอ ต้อนรับการมาเยือนของเหล่าเชื้อพระวงศ์อย่างยิ่งใหญ่ “ถวายพระพรฝ่าบาทขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี ถวายพระพรไทเฮาขอพระองค์ทรงพระเจริญพันปี พันพันปี ถวายพระพรฮองเฮาขอพระองค์ทรงพระเจริญพันปี พันพันปี ถวายพระพรองค์รัชทายาทขอพระองค์ทรงพระเจริญพันปี พันพันปี” “ลุกขึ้นเถอะ” “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ” “สวรรค์คุ้มครองแผ่นดินต้าเฉิน วันนี้เรายินดียิ่งนักที่เห็นทุกท่าน ณ ที่แห่งนี้ จอกนี้เราขอดื่มเพื่อเป็นเกียรติแก่เหล่าทหารกล้าที่เสียสละเพื่อแผ่นดินต้าเฉินของเรา หมดจอก” เฉินเทียนอี้ยกจอกสุราขึ้นดื่ม สุรากู่จิ่ง[1] กลิ่นหอมเย้ายวน รสชาติหวานปานน้ำผึ้งยังซ่านอยู่ในปาก เป็นสุราที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก  

    Dernière mise à jour : 2024-11-21
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 9

    เหตุการณ์ลอบสังหารในงานเลี้ยงฉลองชัยราชสำนักสูญเสียขุนนางไปครึ่งค่อน โอรสสวรรค์พิโรธหนักเรียกขุนนางใหญ่ทั้ง 3 กรมเข้าเฝ้าเพื่อสืบคดีให้ถึงที่สุด ลากตัวผู้อยู่เบื้องหลังการลอบปลงพระชนม์ออกมาสำเร็จโทษ หลังการสอบสวนเสนาบดีกรมพิธีการและพรรคพวกถูกลากไปตัดหัวที่ประตูอู่เหมินเซ่นดวงวิญญาณของผู้สูญเสีย เหอต๋าผู้บัญชาการทหารเก้าประตูถูกโบยแปดสิบไม้ และปลดออกจากตำแหน่งโทษฐานเพิกเฉยต่อหน้าที่ เฉินเทียนอี้ถือโอกาสนี้ปรับขั้วอำนาจในราชสำนักครั้งใหญ่ จ้วงหยวน ปั๋งเหยี่ยน และทั่นฮวาฝ่ายบุ๋น[1] ในปีนี้โชคดีราวกับมีขนมเปี๊ยะหล่นลงมาจากฟ้า ล้วนแล้วแต่เข้ารับตำแหน่งสำคัญทั้งสิ้น 'หานจางหมิ่น' จ้วงหยวนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นราชครูในองค์รัชทายาท จินซานปั๋งเหยี่ยนเลื่อนจากขุนนางในกรมอารักษ์เล็กๆ ขึ้นเป็นรองเสนาบดีกรมพิธีการ ส่วนทั่นฮวาผู้ไม่ถูกเอ่ยนามได้รับตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นสี่ในกรมโยธา แน่นอนว่าไทเฮาย่อมเป็นฝ่ายเสียหายหนัก เพราะขุนนางที่ถูกสังหารล้วนแล้วแต่เป็นคนของหลี่ย่าเสียงไทเฮาทั้งสิ้น ตระกูลหลี่ทั้งบนล่างร้อนใ

    Dernière mise à jour : 2024-11-22
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 10

    วันคืนผ่านพ้น หลังเหตุการณ์การสูญเสียครั้งใหญ่ มีคนโศกเศร้าเสียใจ ย่อมมีคนดีอกดีใจ มีคนกลุ้มอกกลุ้มใจ ย่อมมีคนวางเฉย มีคนบินสูงสู่ยอดไม้ ย่อมมีบางคนตกต่ำไม่อาจผงาดขึ้นมาได้อีก พอเรื่องร้ายผ่านพ้นไป เรื่องดีๆ ก็เข้ามาพร้อมๆ กัน วันนี้จวนไท่เว่ยคึกคักเป็นพิเศษ เนื่องจากทางจวนจัดงานเลี้ยงฉลองเลื่อนตำแหน่งของเจิ้งกั๋วกงจ้าวมู่ อีกทั้งยังเป็นวันครบรอบขวบปีของคุณชายเจ็ดจ้าวลี่หมิง จวนไท่เว่ยจึงจัดพิธีจวาโจว[1] พร้อมกันเสียเลย เรียกว่าเป็นงานมงคลคู่ที่หาได้ยากยิ่ง ผู้คนในจวนทั้งบนล่างต่างวิ่งวุ่นจัดงานแบบหัวไม่วางหางไม่เว้น แน่นอนว่าคนที่ว่างแสนว่างจนไม่มีอะไรให้ทำอย่างพวกสามแฝดตระกูลจ้าวก็มีเรื่องให้ทำเช่นกัน หลังจากสามแสบวุ่นวายอยู่ในห้องครัวอยู่พักใหญ่ ทำเอาห้องครัวของจวนไท่เว่ยอลหม่านจนไก่บินสุนัขกระโดดกำแพง[2] กันไปยกหนึ่ง จึงถูกกู้ฟางเหนียงโยนเข้าห้องไล่ให้ไปเลี้ยงน้องมันเสียเลย “ลี่จูๆ ลี่จิน... ลี่หลินเบื่ออ่ะ” จ้าวลี่หลินกระตุกชายแขนเสื้อของฝาแฝด ใบหน้าเริ่มมีเค้าความงามงอง้ำ บุ้ยปาก

    Dernière mise à jour : 2024-11-23
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 11

    ในขณะที่ทางฝั่งเด็กๆ กำลังเล่นจับนกกันอย่างสนุกสนาน ทางด้านเรือนใหญ่เองก็เริ่มเปิดประตูต้อนรับขุนนางผู้มาร่วมแสดงความยินดีกับเจิ้งกั๋วกงที่ได้เลื่อนตำแหน่ง กู้ฟางเหนียงในฐานะฮูหยินตราตั้งจึงต้องออกมาช่วยสามี และแม่สามีต้อนรับแขกเหรื่อ แน่นอนว่าจ้าวลี่จ้ง และจ้าวลี่เจียเองก็ถูกลากให้มาต้อนรับบรรดาคุณหนู บุตรีผู้สูงศักดิ์ที่มาร่วมงานกับครอบครัวเช่นเดียวกัน “ใกล้จะได้ฤกษ์งามยามดีแล้ว จ้งเอ๋อร์ไปดูสิว่าแม่นมหลิ่วแต่งตัวให้เสี่ยวชีเสร็จหรือยัง” “เจ้าค่ะท่านแม่” จ้าวลี่จ้งรับคำ ผละกายจากไปได้เพียงไม่นาน ก็มีเสียงขานนามดังก้อง “องค์รัชทายาทเสด็จ” เฉินซือหยางมาร่วมงานอย่างเหนือความคาดหมายของทุกคน บรรดาขุนนางทั้งหลายที่มาร่วมงานต่างแตกตื่นตกใจ รีบค้อมกายทำความเคารพ พลางรู้สึกว่าคิดถูกแล้วที่มาร่วมงานในครั้งนี้ นอกจากจะได้ประจบเอาใจจ้าวมู่แล้วยังได้ประจบเอาใจรัชทายาทอีกทาง ซึ่งเป็นผลดีกับตำแหน่งหน้าที่ของตนเองในอนาคต&nbs

    Dernière mise à jour : 2024-11-24
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 12

    ผู้คนต่างทอดถอนใจ นึกถึงตอนนั้นที่ 'หลานซือเยว่' ไต่เต้าจากนางกำนัลข้างกายองค์ชายเก้าหรือเฉินเทียนอี้ฮ่องเต้ จนได้เป็นถึงกุ้ยเฟย ทั้งที่พระนางมีพระชนมายุมากกว่าเฉินเทียนอี้ฮ่องเต้ถึง 7 ชันษา กลับกุมหทัยองค์จักรพรรดิไว้อย่างเหนียวแน่น หากไม่เพราะคนงามอายุสั้น เสียชีวิตหลังคลอดบุตรแล้วละก็คงไม่มีหลี่ฮองเฮาในวันนี้ ถึงกระนั้นตำแหน่งกุ้ยเฟยก็ถูกปล่อยให้ว่างไว้ ไม่มีพระสนมนางใดปีนป่ายถึงตำแหน่งนี้สักคน แม้แต่ซูโม่หลันพระสนมคนโปรดที่หน้าตาเหมือนกับหลานกุ้ยเฟยราวกับแกะยังได้ดำรงตำแหน่งแค่เต๋อเฟย เห็นได้ชัดถึงความรักใคร่ที่เฉินเทียนอี้ฮ่องเต้มีให้กับหลานซือเยว่ “สวรรค์กลั่นแกล้งโฉมสะคราญโดยแท้” ขุนนางผู้เฒ่าคนหนึ่งเปรยขึ้น คนส่วนใหญ่ต่างเออออคล้อยตาม ทอดถอนใจกับชะตาชีวิตอันแสนรัดทนของหญิงงาม ผิดกับเจิ้งกั๋วกงที่มุมปากกระตุกตั้งแต่เฉินซือหยางหยิบปิ่นหงส์ออกมาแล้ว ปิ่นปักผมของหญิงสาวจะเหมาะกับบุตรชายของเขาได้อย่างไร แต่ในเมื่ออีกฝ่ายหวังดี? (ประสงค์ร้าย) เขาเองก็ไม่อยากทำตัวเป็นผู้ใหญ่รังแกเด

    Dernière mise à jour : 2024-11-25
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 13

    หลังองค์รัชทายาทเสด็จกลับ งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไปตลอดทั้งบ่าย วันนั้นเกิดเรื่องราวมากมาย แน่นอนว่าเรื่องใหญ่ล้วนไม่พ้นเรื่องที่องค์รัชทายาทพึงใจในตัวบุตรชายของเจิ้งกั๋วกงจนถึงขั้นมอบของแทนใจให้อีกไม่นานคงมีราชโองการพระราชทานสมรสตามมา แน่นอนว่าเรื่องเหลวไหลไร้สาระพรรค์นี้ล้วนถูกบิดเบือนจากการเล่าลือในหมู่ชาวบ้าน เรื่องราวลุกลามถึงขั้นมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงรูปโฉมของคุณชายตระกูลจ้าวว่างดงามดุจเทพเซียน งามสะท้านสะเทือนถึงสามภพ รูปงามเสียจนมัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทร์หลบโฉมภาดา มวลผกาละอายชาย?[1] เรื่องเหล่านี้เราจะไม่กล่าวถึงเป็นการชั่วคราว เพราะมีเรื่องราวเล็กๆ ที่น่าสนใจหลายเรื่องที่ยังไม่ได้กล่าวถึง แน่นอนว่าเรื่องแรกคงหนีไม่พ้นจ้าวลี่จ้งที่ก่อนหน้านี้ออกตามหาน้องชายให้วุ่น ในระหว่างตามหาน้องชายอยู่นั้น บังเอิญพบกับจินซานปั๋งเหยี่ยนคนใหม่ที่นางเคยช่วยไว้เมื่อคราวก่อน ตอนแรกนางจำเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ จิตใจจดจ่ออยู่กับการตามหาน้องชายด้วยความห่วงใย แต่บุรุษรูปงามดุจหยกยืนอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้นานาพรรณแข่งกันอวดโฉ

    Dernière mise à jour : 2024-11-26
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 14

    เรื่องสุดท้ายคงหนีไม่พ้นแฝดสามตระกูลจ้าว หลังงานเลี้ยงเลิกราไปแล้วสมาชิกตระกูลจ้าวยังคงรวมตัวกันในห้องโถงของเรือนหลัก โดยมีฮูหยินผู้เฒ่านั่งเป็นประธานพิจารณาความผิดของสามแฝดรวมถึงบ่าวรับใช้ผู้มีหน้าที่ดูแลจ้าวลี่หมิง ฮูหยินผู้เฒ่ายกชาขึ้นจิบ บรรยากาศคล้ายถูกแช่แข็ง ทุกคนพร้อมใจกันเงียบเสียง ภายในห้องเงียบฉี่ หากมีเข็มหล่นบนพื้นคงได้ยินกันทั่ว เฉาม่านเหลือบตามองหลานสาวที่นั่งหน้าหงอยอยู่เบื้องหน้าตนแล้วถอนหายใจอย่างหนักอก ความซุกซนของหลานสาวทั้งสามคนเกือบก่อเรื่องใหญ่เข้าให้แล้ว กึก! มือบางที่มีริ้วรอยตามกาลเวลาวางถ้วยชากระทบโต๊ะเสียงดัง ทำเอาสามแฝดสะดุ้งโหยง รู้ว่าคราวนี้ท่านย่าโกรธแล้วจริงๆ “รู้ความผิดของตนเองหรือไม่” “ทราบเจ้าค่ะ” จ้าวลี่จู จ้าวลี่จิน จ้าวลี่หลิน รวมถึงสาวใช้ที่นั่งคุกเ

    Dernière mise à jour : 2024-11-27

Latest chapter

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 118

    หญิงชราเดินลากขาตามการโอบประคองของสามี สายตาฝ้าฟางเลื่อนลอยไม่รับรู้สิ่งใด แต่พอได้เห็นดวงหน้าของหลินเสวี่ยเฟิ่งเพียงเท่านั้น ดวงตาพลันเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัวสุดชีวิต หญิงชรากรีดร้องเสียงดังโหยหวนราวกับสุกรถูกเชือด “ปีศาจ! มันคือปีศาจ ช่วยด้วยๆ ใครก็ได้ช่วยข้าที ปีศาจจะมาฆ่าข้า ปีศาจจะมาฆ่าข้าแล้ว” หญิงชราตีอกชกหัว หนีห่างจากเงาร่างของหลินเสวี่ยเฟิ่งอย่างหวาดผวา ใบหน้าถูไถไปกับลานพิธีอยากจะแทรกแผ่นดินหนี จนชายชราต้องรีบฉุดรั้งร่างของภรรยาไว้ “ทุกท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าบุรุษที่อยู่ข้างกายฝ่าบาทผู้นั้น คนที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นถึงมารดาของแผ่นดิน ถูกยกย่องว่ามีคุณธรรมสูงส่ง อวดอ้างตนเองว่ามาจากตระกูลสูงศักดิ์ แต่แท้จริงแล้วเขาคือ ‘เกาต๋า’ บุตรบุญธรรมของสามีภรรยาแซ่เกา ซึ่งเป็นเพียงพ่อค้าวาณิชเล็กๆ ในเมืองเจียงโจว” คำบอกเล่าของหานจางหมิ่นทำเอาทุกคนในที่นี้ตะลึงงัน อย่างที่ทราบโดยทั่วกันว่าพ่อค้านั้นเป็นชนชั้นต่ำศ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 117

    เมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน “ยามซื่อ[1] แล้ว งานเลี้ยงมื้อกลางวันกำลังจะเริ่ม ทุกคนเร่งมือเข้า” ขันทีน้อยนายหนึ่งก้มหน้าก้มตายกจานขนมหวานบรรจุลงในกล่องไม้สำหรับใส่อาหารอย่างขะมักเขม้น รอจนหัวหน้าขันทีผู้คุมห้องเครื่องเดินผ่านไปตรวจงานยังส่วนอื่น มือหยาบหนาก็รวบผ้าผูกเป็นปมเพื่อกักเก็บความร้อน แล้วยกกล่องอาหารในห่อผ้าผืนงามเดินตามกลุ่มขันทีออกไป ขันทีผู้นั้นเดินตามหลังขันทีด้วยกันเงียบๆ ทุกคนต่างเร่งฝีเท้าไปยังลานพิธีหน้าตำหนักไท่เหอ ระหว่างเดินผ่านระเบียงทางเดินขบวนของเขาสวนกับเหล่านางกำนัล และขันทีกลุ่มอื่นเป็นระยะ แต่ขันทีหนุ่มก็ยังใจเย็น รอจนขบวนเดินผ่านเส้นทางร้างไร้ผู้คน เขาก็ชะลอฝีเท้าลง อาศัยจังหวะที่ผู้อื่นไม่ทันสังเกตเห็นปลีกตัวออกจากกลุ่มอย่างเงียบเชียบ เดินหลบหลีกผู้คน แล้วหายลับไปโดยไร้ผู้พบเห็น ขันทีคนดังก

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 116

    แดนบูรพา แคว้นต้าเฉิน เสียงคลื่นสาดซาซัดเข้าหาชายฝั่ง ฟองคลื่นม้วนตัวกระทบหาดทรายกลืนหายไปกับพื้นทรายเนื้อละเอียดไร้สีสันในยามค่ำคืน ลมทะเลพัดโหมริ้วผ้าโบกไสวใบเรือผืนใหญ่ส่ายสะบัดตามคลื่นลม นาวาลำใหญ่จอดนิ่งเรียบชายฝั่งเรียงกันหลายร้อยลำไกลสุดลูกหูลูกตา “เร่งมือเข้า” ชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มคุมลูกน้องใต้สังกัดขนหีบไม้ใบใหญ่ด้านในเต็มไปด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งหอก ดาบ โล่ ธนู และที่ขาดไม่ได้คือเสบียงกรังจำนวนมากถูกยกขึ้นเรือหีบแล้วหีบเล่าอย่างเงียบเชียบท่ามกลางความมืด ถึงแม้จะเบามือเบาเท้ามากเพียงไร แต่การเคลื่อนกำลังพลนับหมื่นย่อมไม่อาจรอดพ้นหูตาของหน่วยสืบราชการลับไปได้ หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับส่งสัญญาณมือให้ลูกน้องใต้สังกัดถอนกำลังออกจากบริเวณนี้เงียบๆ หลังจากล่วง

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 115

    ดินแดนทางเหนือมีหิมะปกคลุมอยู่ชั่วนาตาปี ป้อมปราการสูงตระหง่านท้าลมพายุ ปุยหิมะโปรยปรายพัดพาความเย็นยะเยือกเข้าปกคลุมไปทุกอณูพื้นที่ ถึงภูมิอากาศจะเลวร้าย พืชพรรณธัญญาหารยากเพาะปลูก แต่ชาวบ้านก็ดำรงอยู่อย่างเข้มแข็งไม่คิดจะย้ายถิ่นฐาน เพราะชื่อเสียงของกองทัพตระกูลจ้าวเลื่องลือระบือไกลเป็นที่น่าครั่นคร้ามแก่อริราชศัตรู แม้แม่ทัพใหญ่อย่างจ้าวลี่จิ่นบุตรสาวของจ้าวมู่จะไม่อยู่ประจำการที่กองทัพด่านหน้า แต่แคว้นรอบข้างก็ยังไม่กล้ายกทัพเข้ามารุกราน ชาวบ้านจึงอาศัยอยู่ที่นี่อย่างเป็นสุขและปลอดภัย แต่แล้วความสงบสุขก็อันตรธานหายไป “ช่วยด้วย... กรี๊ดดด” เสียงกรีดร้องดังระงมไปทั่วทุกหนทุกแห่ง หมู่บ้านเป่ยปิงตกอยู่ในฝันร้ายอันน่าหวาดผวา ศพของผู้คนนอนกลาดเกลื่อนอยู่บนพื้นหิมะขาวโพลนทั้งเด็ก คนแก่ และสตรีที่ไร้เรี่ยวแรงหลบหนี แม้แต่บุรุษร่างสูงใหญ่ก็ยากจะต้านทานเมื่อต้องสู้กับสิ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 114

    สัมผัสแผ่วเบาบริเวณปลายนิ้วปลุกจ้าวลี่หมิงให้ตื่นจากนิทรานัยน์ตาสีน้ำตาลซ่อนประกายมรกตคู่งามสะท้อนภาพดวงหน้าคมเข้มเคล้าคลอมือนิ่ม ริมฝีปากหยักจุมพิตนิ้วเรียวทีละนิ้วอย่างละเมียดละไม “ตื่นแล้วหรือ ข้ากวนเจ้า?” เฉินซือหยางเลิกคิ้วถาม นัยน์ตาสีนิลเต็มไปด้วยความหลงใหลคลั่งไคล้แฝงประกายอ่อนโยนอยู่เป็นนิจ “ท่านพึ่งรู้ตัวหรือ” จ้าวลี่หมิงหลบสายตา ชักมือหนีคนตัวโตทั้งใบหูแดงระเรื่อแต่ก็ไม่อาจหลุดพ้น หนำซ้ำยังโดนคนหน้าหนาจูบหลังมือนุ่มหนักๆ ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเขาไปง่ายๆ “อย่าซนสิ! ตอนนี้ยามใดแล้ว” “เพิ่งยามเฉิน[1] เจ้านอนต่ออีกหน่อยเถอะ” เฉินซือหยางนอนทอดหุ่ยสบายอารมณ์ มือหนาลูบไล้แผ่นหลังบางเขาหยุดว่าราชการหลายวันเพื่ออยู่เป็นเพื่อนภรรยาตัวน้อย โยนภาร

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 113

    ตำหนักบูรพาอบอวลไปด้วยความสุข ถึงแม้องค์รัชทายาทผู้เป็นเจ้าของงานจะปลีกตัวออกไปตั้งแต่ต้น แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับการที่ฝ่าบาทยังประทับอยู่ที่นี่ ดังนั้นเป้าหมายในการประจบประแจงจึงเบนเข็มมายังเฉินเทียนอี้ ขุนนางบู๊บุ๋นทั้งหลายต่างดาหน้าเข้ามาคารวะสุราไม่ขาดสาย ทำเอาหลินเสวี่ยเฟิ่งอึดอัดนิดหน่อย “เสี่ยวเทียนข้าออกไปสูดอากาศข้างนอกสักครู่นะ” “ถ้าเจ้าเบื่อเรากลับกันเลยไหม” “อย่าดีกว่า ท่านคอยรับรองแขกแทนหยางเอ๋อร์เถอะ ข้าไปไม่นานหรอก” หลินเสวี่ยเฟิ่งตบหลังมือหนาเบาๆ แล้วปลีกตัวออกมาจากงาน โดยมีหวังกงกงตามรับใช้ใกล้ชิด หลินเสวี่ยเฟิ่งเหม่อมองตำหนักหลักที่ถูกใช้เป็นเรือนหอของบุตรชาย เทียนมงคลสาดแสงสีแดงสลัวราง บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบต่างจากงานพิธี ณ ลานหน้าตำหนักโดยสิ้นเชิง หลินเสวี่ยเฟิ่งยิ้มบาง แ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 112

    “ดีหรือไม่” เฉินซือหยางกระซิบถามเสียงพร่า ร่างหนาล้มตัวลงนอนทาบทับร่างโปร่งบาง กกกอดจ้าวลี่หมิงไว้ในอ้อมแขน ไม่ยอมถอดถอนตัวตนออกจากโพรงเนื้อนุ่มแม้เพียงชั่วขณะอยากจะซุกซบอยู่ในแอ่งอุ่นนี้ตราบนานเท่านาน “ยอดเยี่ยมที่สุด” จ้าวลี่หมิงถอนหายใจอย่างอิ่มเอม มือเรียวลูบไล้อกแกร่งเล่น ก่อนที่มือซุกซนจะเลื่อนไถลลงต่ำวนเวียนแถวๆ มัดกล้ามเป็นลอนงามเหนือหน้าท้องแกร่ง เล่นเอาไฟสวาทของเฉินซือหยางลุกโหมขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ลำกายแข็งชันเหยียดขยายช่องทางรักจนจ้าวลี่หมิงรู้สึกได้ “อีกครั้งนะ” เฉินซือหยางอ้อนเสียงพร่า มือหนาเริ่มยุ่มย่ามกับผิวเนื้อนวลเนียนชื้นเหงื่อให้สัมผัสลื่นมือ ตุ่มไตสีหวานตัดกับผิวขาวบางกระเพื่อมไหวตามการหายใจของจ้าวลี่หมิงยั่วเย้าให้ลมหายใจของคนร่างสูงหอบหนัก กระหายอยากคนร่างบางจนหน้ามืด “ไม่เอา เหนียว

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 111

    จ้าวลี่หมิงถูกอุ้มเข้าห้องหอ หลังจากท่านพ่อท่านแม่ของเขาเข้ามาทำพิธีปูเตียงให้เรียบร้อย เขาก็ได้แต่นั่งรออย่างสงบอยู่ภายในห้อง “ข้าจะออกไปต้อนรับแขกสักครู่ หากเจ้าหิวก็ทานก่อนได้เลยไม่ต้องรอข้า” เฉินซือหยางจูบหน้าผากอิ่มเนิ่นนานค่อยผละจากคนร่างเล็กอย่างอาลัยอาวรณ์ “ดูแลพระชายาให้ดี” “เพคะ” สาวใช้ประจำเรือนช่านไฉ่ทั้งสี่ตามมารับใช้จ้าวลี่หมิงด้วยรับคำโดยพร้อมเพรียง รอจนร่างสูงของเฉินซือหยางเดินจากไป จ้าวลี่หมิงก็โบกมือไล่เหล่าสาวใช้ “พวกเจ้าออกไปเถอะ หากมีอะไรแล้วข้าจะเรียก” “เพคะ” พอได้อยู่คนเดียวภายในห้องจ้าวลี่หมิงก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาพักผ่อนร่างกายให้คลายจากอาการเมื่อยขบ หลังจากยืนเกร็งอยู่เป็นนานในงานพิธี

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 110

    เฉินซือหยางกอดรัดร่างบางแนบแน่น ฝ่ามือลูบไล้แผ่นหลังเล็ก บรรยากาศอ่อนหวานโอบล้อมคนทั้งคู่คงจะดีถ้าไม่มีกลิ่นดอกเหมยหอมกรุ่นก่อกวนจมูกโด่งคม ไหนจะเนื้อตัวนุ่มนิ่มคอยบดเบียดอยู่ในอ้อมแขนนี้อีกเล่า ยั่วเย้าจนอะไรต่อมิอะไรของเขาผงาดกล้า “บ้าเอ๊ย! อยากเข้าหอชะมัด พวกเราข้ามขั้นตอนเลยดีไหม” ฟองอากาศแห่งความสุขลอยละล่องอยู่รอบกายแตกโพละเพราะคำพูดของชายหนุ่ม “บ้า! มันใช่เวลาไหม” จ้าวลี่หมิงทุบบ่าแกร่ง ดิ้นรนหลีกหนีจากอ้อมแขนของคนไม่รู้กาลเทศะ “อย่าดิ้น อยู่นิ่งๆ ก่อน” เฉินซือหยางสูดลมหายใจระงับอารมณ์เร่าร้อน จ้าวลี่หมิงตัวแข็งทื่อ ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดใบหูจนเขารู้สึกวูบไหวไปด้วย คนตัวเล็กเลยหยุดดิ้นนั่งนิ่งไม่กระดุกกระดิก รอจนลมหายใจหอบหนักของเฉินซือหยางกลับมาเป็นปกติ ค่อยผลักชายหนุ่มออกเบาๆ

Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status