Share

บทที่ 5

last update Last Updated: 2024-11-18 20:35:49

           

            เพียงชั่วก้านธูป[1] ผู้เป็นใหญ่แห่งวังหลังทั้งสองพระองค์ก็เสด็จกลับออกมา ภาพที่เฉินเทียนอี้เห็นในสายพระเนตรคือ ภาพของเหล่าสนม นางกำนัลนั่งคุกเข่ากันเรียงรายเป็นทิวแถวท่ามกลางหิมะตกหนัก ทุกคนหน้าซีดปากสั่นมีหิมะเกาะเต็มศีรษะสภาพน่าอเนจอนาถยิ่ง

            “ฝ่าบาท”

            “ฝ่าบาทเพคะ”

            เสียงร้องน่าเวทนาดังระงมดุจจักจั่นในฤดูร้อน ทำเอาเฉินเทียนอี้มุมปากกระตุก คิ้วคมเข้มขมวดฉับ ตวัดสายเย็นเฉียบมองคนต้นเรื่องด้วยความเดือดดาล จิตสังหารแผ่ซ่านจนซูโม่หลันสั่นสะท้านนึกเสียใจภายหลังที่ลงมือโดยพลการเช่นนี้

            “หวังกงกง”

            “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

            “ถอนรับสั่งของเต๋อเฟยเดี๋ยวนี้! บอกให้นางกำนัลปรนนิบัติเหล่าสนมรักของเราให้ดีอย่าให้จับไข้ลมหนาวได้”

            “รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”

            เหล่าสนมที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมต่างดวงตาเปล่งประกายลุกโชนกับรับสั่งขององค์เหนือหัว ราวกับได้รับโอสถทิพย์จากสรวงสวรรค์จนลืมความหนาวเหน็บไปสิ้น นึกยินดีปรีดาในใจที่พระองค์เป็นห่วงเป็นใยตนมากถึงเพียงนี้ ยิ่งคาดหวังให้พระองค์ปลอบประโลมตนดีๆ โดยการแขวนป้ายที่ตำหนักของตนเองในค่ำคืนนี้ผ่านราตรีวสันต์ไปด้วยกันอย่างสำเริงสำราญใจ ทั้งยังกระหยิ่มยิ้มย่องรอดูสิว่านังสารเลวแซ่ซูจะถูกจัดการอย่างไรด้วยความสาแก่ใจ

            “พวกเจ้าได้รับความยากลำบากถึงเพียงนี้ควรพักผ่อนให้ดีๆ รู้หรือไหม”

            “หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ” สนมชายาทั้งหลายยอบกายรับคำอย่างนอบน้อม แอบเหลือบตามองเงาร่างองค์จักรพรรดิ คาดหวังรอคอยว่าพระองค์จะเรียกขานนามของผู้ใด แต่ก็ต้องผิดหวังไปตามๆ กัน เมื่อเฉินเทียนอี้ตรัสจบก็นั่งเกี้ยวกลับตำหนักหยางซินทันที โดยไม่ได้ตรัสต่อว่าต่อขานหรือลงโทษเต๋อเฟยแม้แต่น้อย ทำเอาเหล่าพระสนมที่โดนเล่นงานแอบบิดผ้าเช็ดหน้าด้วยความแค้นใจ ลอบจดบัญชีแค้นของเต๋อเฟยไว้จนยาวเป็นหางว่าว

            มีเพียงซูโม่หลันเท่านั้นที่รับรู้ได้ถึงสายตาตักเตือนก่อนจากไปของเฉินเทียนอี้ แววตาอำมหิตน่าหวาดหวั่นจนหญิงสาวเหงื่อกาฬแตกพลั่ก ลอบเตือนตัวเองในใจว่าอย่าได้ล้ำเส้นมังกรเกรี้ยวกราดตนนั้นอีกเป็นอันขาด

            พอเฉินซือหยางกลับถึงตำหนักอี้ชิ่งก็ตรงดิ่งไปยังห้องหนังสือทางปีกขวาของตำหนักทันที ก่อนจะคลี่กระดาษเซวียนจื่อ[2] แผ่นเล็กเท่าฝ่ามือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อออกดู แต่กลับพบว่าเป็นเพียงกระดาษเปล่าไม่มีตำหนิแม้แต่น้อย เฉินซือหยางครุ่นคิดเพียงครู่ก็จ่อกระดาษกับเปลวเทียนสีเหลืองนวล ตัวอักษรข่ายซู[3] ลายเส้นงดงามอ่อนช้อยก็ปรากฏขึ้น

            งานเลี้ยงฉลองชัย ยาปลุกกำหนัด!

            “สาส์นลับเขียนว่าอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”

            เฉินซือหยางไม่ตอบ แต่กลับยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้จางเสี่ยวเหล่ยอ่านแทน

            “เสด็จย่าของข้าช่างขยันขันแข็งเสียจริง ฮึ!” เฉินซือหยางแค่นเสียงหัวเราะเยาะในลำคอเหยียดหยัน มิน่าล่ะก่อนหน้านี้ถึงได้ข่าวว่ามีหลานสาวสายรองสกุลหลี่สองนางมาพำนักที่ตำหนักปีกข้างของฮองเฮา อ้างว่ามาปรนนิบัติไทเฮาสวดมนต์คัดพระคัมภีร์ แท้จริงก็เข้าวังมาเพื่อการนี้นี่เอง ยายเฒ่าสารพัดพิษนั่นคงไม่อยากแก่ตายดีๆ สินะ!

            “สั่งการลงไป หากเสด็จพ่อข้าเส้นพระเกศาหลุดแม้แต่เส้นเดียวให้หวังกงกงหิ้วศีรษะมาพบข้า”

            “รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ” จางกงกงค้อมกายรับคำสั่ง ลอบไว้อาลัยให้หวังกงกงล่วงหน้า คาดว่าฝ่าบาทคงทราบเรื่องจากเต๋อเฟยแล้วเป็นแน่แท้ แน่นอนว่าพระองค์คงยินดีกระโจนลงไปร่วมครึกครื้นกับไทเฮา แต่องค์รัชทายาทกลับแอบป้องกันอยู่เบื้องหลังเช่นนี้ ไม่รู้ว่าสองพ่อลูกคู่นี้จะเอาอย่างไรกันแน่

            “แล้วเรื่องที่ให้ไปสืบล่ะ ได้ความว่าอย่างไรบ้าง”

            “เรื่องนี้องครักษ์เว่ยรออยู่ด้านนอกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

            “เรียกเขาเข้ามา”

            “พ่ะย่ะค่ะ”

            เฉินซือหยางนั่งจิบชาอ่านตำราพิชัยยุทธ์รอเพียงครู่ เว่ยอันองครักษ์เงาที่เสด็จพ่อประทานให้เขาไว้ใช้งานก็เข้ามารายงานผลการสืบค้น

            “ว่าอย่างไร”

            “ทางอู๋กั๋วกงผู้เฒ่ายังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ พ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ช่วงนี้คุณชายสามตระกูลหลี่ไปเยือนหอโคมเขียวบ่อยครั้ง ได้ยินว่าแย่งประมูลคืนแรกของยอดบุปผางามแห่งหอผู่เยว่มาได้ แต่เขาไม่ได้ร่วมอภิรมย์กับนางพ่ะย่ะค่ะ เช้าวันรุ่งขึ้นคุณชายสามก็ไถ่ตัวนางจากหอแล้วเลี้ยงดูไว้ในจวน แต่ยังไม่ให้สถานะใดแก่นาง กระหม่อมคิดว่าคุณชายสามคงจะเก็บนางไว้มอบให้แก่ขุนนางท่านอื่นเพื่อเชื่อมสัมพันธ์”

            “ผีเจ้าสำราญอย่างหลี่เหยียนเจ๋อน่ะหรือจะมีความคิดลึกล้ำเช่นนี้ได้ จะต้องเป็นแผนการของตาเฒ่าหลี่เจียงนั่นแน่นอน ช่วงนี้มีขุนนางคนใดไปติดพันนางคณิกาผู้นั้นบ้าง”

            “ต่งเซิน เสนาบดีกรมคลังพ่ะย่ะค่ะ”

            ดวงตาของเฉินซือหยางทอประกายครุ่นคิด ต่งเซินเป็นคนของหลี่เจียง ทำไมหลี่เจียงถึงให้บุตรชายไม่เอาไหนอย่างหลี่เหยียนเจ๋อไปแย่งสิ่งที่ผู้อื่นหมายตาล่ะ ทำเช่นนี้มิเป็นการหักหน้ากันหรอกหรือ หรือว่าจะมีแผนการอื่นซุกซ่อนไว้อยู่กันแน่

            “กระหม่อมคาดว่าสองคนนี้คงเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนเลยเกิดการแย่งชิงตัวหญิงงามกันเกิดขึ้น”

            เฉินซือหยางเคาะนิ้วบนโต๊ะ ครุ่นคิดถึงความไม่ชอบมาพากลของเรื่องนี้จนคิ้วขมวดมุ่น สังหรณ์ใจว่ามันจะไม่ใช่แค่การวิวาทกันธรรมดา แต่เหมือนเป็นการวางกับดักให้เขากระโจนลงไปเองเสียมากกว่า หากเขาผลีผลามวางกับดักให้คนพวกนั้นแตกคอกันจริงๆ แล้วกระทบการใหญ่ของเสด็จพ่อเข้า ถึงเขามีสิบหัวก็คงไม่พอให้เสด็จพ่อบั่นเล่น

            “ทะเลที่สงบเงียบไร้คลื่นลมมักก่อพายุโหมกระหน่ำเสมอ จับตาดูคนพวกนั้นต่อไปหากมีความเคลื่อนไหวรีบแจ้งให้ข้ารู้ทันที”

            “พ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท”​​

[1] ก้านธูป คือหน่วยนับเวลาของจีนแบบโบราณ ชั่วก้านธูปประมาณ 15 นาที หรือ 30 นาที

[2] กระดาษเซวียนจื่อ เป็นกระดาษที่ถูกผลิตขึ้นในสมัยราชวังถัง เป็นกระดาษที่มีคุณภาพสูง เนื้อกระดาษมีความนุ่ม ขาวสะอาด กระจายหมึกได้สม่ำเสมอ เก็บรักษาได้นาน และไม่เปื่อยยุ่ยหรือแห้งกรอบง่าย

[3] อักษรข่ายซู เป็นแบบอักษรจีนมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เริ่มพัฒนามาตั้งแต่สมัยปลายราชวงศ์ฮั่น ลักษณะเส้นออกแบบให้สมดุลอยู่ภายในกรอบสี่เหลี่ยม ลายเส้นบรรจง หลุดพ้นจากอักษรภาพในยุคโบราณอย่างสมบูรณ์

Related chapters

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 6

    แสงตะวันจับขอบฟ้าขับไล่ความหนาวเหน็บยามค่ำคืนในสารทฤดูให้จางหาย ละอองหิมะโปรยปรายลงมาบางเบาก่อนจะปลิวหายไปกับสายลมเย็นชื่น ผู้คนในเมืองผิงอานเริ่มต้นเช้าวันใหม่กันอย่างคึกคัก ชาวบ้านต่างพากันทำความสะอาดลานเรือนอย่างขะมักเขม้น โรงเตี๊ยมต่างๆ ร้านรวงริมทางเปิดทำการค้าแต่เช้าตรู่ พ่อค้าจากต่างถิ่นหลั่งไหลเข้ามาแลกเปลี่ยนสินค้า แต่วันนี้เมืองหลวงครึกครื้นยิ่งกว่าวันใด ที่นั่งในร้านรวงต่างๆ บนเส้นทางสัญจรสายหลักถูกจับจองจนแน่นขนัด เนื่องจากผู้คนต่างพากันมามุงดูขบวนทัพที่กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ประตูเมือง ชายวัยกลางคนหน้าตาดุดันเหี้ยมหาญในชุดออกศึกสวมเกราะหนักทั้งตัว ควบอาชาสีขาวพ่วงพีนำหน้าทัพหลวงเคลื่อนขบวนเข้ามาในเมืองผิงอานอย่างองอาจห้าวหาญธงรบสะบัดไหวรับกับจังหวะการย่างก้าวของกองทัพ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันน่าเกรงขามจนผู้คนต่างพากันเลื่อมใส ร้องตะโกนแสดงความยินดีกับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่เหล่าทหารหาญแลกมาด้วยแรงกาย แรงใจ และหยาดโลหิต ดอกไม้งามโปรยตามเส้นทางที่ขบวนทัพเคลื่อนผ่านเป็นการต้อนรับเหล่าผู้กล้า หญิงสาวที่ยัง

    Last Updated : 2024-11-19
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 7

    งานเลี้ยงฉลองชัยจัดขึ้น ณ ตำหนักไท่เหอ ภายในงานเต็มไปด้วยสุรา อาหารเลิศรส นักการสังคีตบรรเลงฉินคลอแผ่วท่วงทำนองลื่นไหลผ่อนคลายดุจสายน้ำกระทบหิน ขุนนางบุ๋นบู๊ขั้นสามขึ้นไปต่างพาครอบครัวทยอยมาเข้าร่วมงานเลี้ยง ภายในห้องโถงแบ่งออกเป็นสองฝ่าย บรรดาบุรุษต่างรวมตัวกันอยู่อีกฟากหนึ่งของห้อง จับกลุ่มพูดคุยกันถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นช่วงนี้ บ้างก็ปรึกษาหารือเกี่ยวกับข้อราชการที่ได้รับมอบหมาย ทางฟากฝั่งของสตรีเองก็ไม่น้อยหน้า บรรดาฮูหยินและฮูหยินตราตั้งทั้งหลายต่างจับกลุ่มพูดคุยสร้างเส้นสายเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของสามี บ้างก็พูดจาส่อเสียดเย้ยหยันตีวัวกระทบคราดกันไปมา บ้างก็สอดส่ายสายตาเสาะหาหนุ่มสาวอนาคตไกล ชาติตระกูลสูงส่งเพื่อเกี่ยวดองเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นสูง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีกู้ฟางเหนียงรวมอยู่ด้วย วันนี้กู้ฟางเหนียงจับบุตรสาวแต่งตัวแบบจัดหนักจัดเต็ม เสื้อผ้าสีชมพูสดใส ปิ่นมุก กำไลหยกประโคมใส่ให้บุตรสาวราวกับจะเปิดร้านขายเครื่องประดับเสียเอง แต่ผู้ที่ให้ความร่วมมือดูเหมือนจะมีแค่บุตรคนที่สามอย่างจ้าวลี่เจียเพียงเท่า

    Last Updated : 2024-11-20
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 8

    “ฝ่าบาทเสด็จ ไทเฮาเสด็จ ฮองเฮาเสด็จ องค์รัชทายาทเสด็จ” ขันทีประจำตำหนักขานเสียงดัง เหล่าขุนนางและครอบครัวต่างเข้าประจำที่ ถวายบังคมแสดงความจงรักภักดีพร้อมกันทั้งตำหนักไท่เหอ ต้อนรับการมาเยือนของเหล่าเชื้อพระวงศ์อย่างยิ่งใหญ่ “ถวายพระพรฝ่าบาทขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี ถวายพระพรไทเฮาขอพระองค์ทรงพระเจริญพันปี พันพันปี ถวายพระพรฮองเฮาขอพระองค์ทรงพระเจริญพันปี พันพันปี ถวายพระพรองค์รัชทายาทขอพระองค์ทรงพระเจริญพันปี พันพันปี” “ลุกขึ้นเถอะ” “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ” “สวรรค์คุ้มครองแผ่นดินต้าเฉิน วันนี้เรายินดียิ่งนักที่เห็นทุกท่าน ณ ที่แห่งนี้ จอกนี้เราขอดื่มเพื่อเป็นเกียรติแก่เหล่าทหารกล้าที่เสียสละเพื่อแผ่นดินต้าเฉินของเรา หมดจอก” เฉินเทียนอี้ยกจอกสุราขึ้นดื่ม สุรากู่จิ่ง[1] กลิ่นหอมเย้ายวน รสชาติหวานปานน้ำผึ้งยังซ่านอยู่ในปาก เป็นสุราที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก  

    Last Updated : 2024-11-21
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 9

    เหตุการณ์ลอบสังหารในงานเลี้ยงฉลองชัยราชสำนักสูญเสียขุนนางไปครึ่งค่อน โอรสสวรรค์พิโรธหนักเรียกขุนนางใหญ่ทั้ง 3 กรมเข้าเฝ้าเพื่อสืบคดีให้ถึงที่สุด ลากตัวผู้อยู่เบื้องหลังการลอบปลงพระชนม์ออกมาสำเร็จโทษ หลังการสอบสวนเสนาบดีกรมพิธีการและพรรคพวกถูกลากไปตัดหัวที่ประตูอู่เหมินเซ่นดวงวิญญาณของผู้สูญเสีย เหอต๋าผู้บัญชาการทหารเก้าประตูถูกโบยแปดสิบไม้ และปลดออกจากตำแหน่งโทษฐานเพิกเฉยต่อหน้าที่ เฉินเทียนอี้ถือโอกาสนี้ปรับขั้วอำนาจในราชสำนักครั้งใหญ่ จ้วงหยวน ปั๋งเหยี่ยน และทั่นฮวาฝ่ายบุ๋น[1] ในปีนี้โชคดีราวกับมีขนมเปี๊ยะหล่นลงมาจากฟ้า ล้วนแล้วแต่เข้ารับตำแหน่งสำคัญทั้งสิ้น 'หานจางหมิ่น' จ้วงหยวนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นราชครูในองค์รัชทายาท จินซานปั๋งเหยี่ยนเลื่อนจากขุนนางในกรมอารักษ์เล็กๆ ขึ้นเป็นรองเสนาบดีกรมพิธีการ ส่วนทั่นฮวาผู้ไม่ถูกเอ่ยนามได้รับตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นสี่ในกรมโยธา แน่นอนว่าไทเฮาย่อมเป็นฝ่ายเสียหายหนัก เพราะขุนนางที่ถูกสังหารล้วนแล้วแต่เป็นคนของหลี่ย่าเสียงไทเฮาทั้งสิ้น ตระกูลหลี่ทั้งบนล่างร้อนใ

    Last Updated : 2024-11-22
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 10

    วันคืนผ่านพ้น หลังเหตุการณ์การสูญเสียครั้งใหญ่ มีคนโศกเศร้าเสียใจ ย่อมมีคนดีอกดีใจ มีคนกลุ้มอกกลุ้มใจ ย่อมมีคนวางเฉย มีคนบินสูงสู่ยอดไม้ ย่อมมีบางคนตกต่ำไม่อาจผงาดขึ้นมาได้อีก พอเรื่องร้ายผ่านพ้นไป เรื่องดีๆ ก็เข้ามาพร้อมๆ กัน วันนี้จวนไท่เว่ยคึกคักเป็นพิเศษ เนื่องจากทางจวนจัดงานเลี้ยงฉลองเลื่อนตำแหน่งของเจิ้งกั๋วกงจ้าวมู่ อีกทั้งยังเป็นวันครบรอบขวบปีของคุณชายเจ็ดจ้าวลี่หมิง จวนไท่เว่ยจึงจัดพิธีจวาโจว[1] พร้อมกันเสียเลย เรียกว่าเป็นงานมงคลคู่ที่หาได้ยากยิ่ง ผู้คนในจวนทั้งบนล่างต่างวิ่งวุ่นจัดงานแบบหัวไม่วางหางไม่เว้น แน่นอนว่าคนที่ว่างแสนว่างจนไม่มีอะไรให้ทำอย่างพวกสามแฝดตระกูลจ้าวก็มีเรื่องให้ทำเช่นกัน หลังจากสามแสบวุ่นวายอยู่ในห้องครัวอยู่พักใหญ่ ทำเอาห้องครัวของจวนไท่เว่ยอลหม่านจนไก่บินสุนัขกระโดดกำแพง[2] กันไปยกหนึ่ง จึงถูกกู้ฟางเหนียงโยนเข้าห้องไล่ให้ไปเลี้ยงน้องมันเสียเลย “ลี่จูๆ ลี่จิน... ลี่หลินเบื่ออ่ะ” จ้าวลี่หลินกระตุกชายแขนเสื้อของฝาแฝด ใบหน้าเริ่มมีเค้าความงามงอง้ำ บุ้ยปาก

    Last Updated : 2024-11-23
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 11

    ในขณะที่ทางฝั่งเด็กๆ กำลังเล่นจับนกกันอย่างสนุกสนาน ทางด้านเรือนใหญ่เองก็เริ่มเปิดประตูต้อนรับขุนนางผู้มาร่วมแสดงความยินดีกับเจิ้งกั๋วกงที่ได้เลื่อนตำแหน่ง กู้ฟางเหนียงในฐานะฮูหยินตราตั้งจึงต้องออกมาช่วยสามี และแม่สามีต้อนรับแขกเหรื่อ แน่นอนว่าจ้าวลี่จ้ง และจ้าวลี่เจียเองก็ถูกลากให้มาต้อนรับบรรดาคุณหนู บุตรีผู้สูงศักดิ์ที่มาร่วมงานกับครอบครัวเช่นเดียวกัน “ใกล้จะได้ฤกษ์งามยามดีแล้ว จ้งเอ๋อร์ไปดูสิว่าแม่นมหลิ่วแต่งตัวให้เสี่ยวชีเสร็จหรือยัง” “เจ้าค่ะท่านแม่” จ้าวลี่จ้งรับคำ ผละกายจากไปได้เพียงไม่นาน ก็มีเสียงขานนามดังก้อง “องค์รัชทายาทเสด็จ” เฉินซือหยางมาร่วมงานอย่างเหนือความคาดหมายของทุกคน บรรดาขุนนางทั้งหลายที่มาร่วมงานต่างแตกตื่นตกใจ รีบค้อมกายทำความเคารพ พลางรู้สึกว่าคิดถูกแล้วที่มาร่วมงานในครั้งนี้ นอกจากจะได้ประจบเอาใจจ้าวมู่แล้วยังได้ประจบเอาใจรัชทายาทอีกทาง ซึ่งเป็นผลดีกับตำแหน่งหน้าที่ของตนเองในอนาคต&nbs

    Last Updated : 2024-11-24
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 12

    ผู้คนต่างทอดถอนใจ นึกถึงตอนนั้นที่ 'หลานซือเยว่' ไต่เต้าจากนางกำนัลข้างกายองค์ชายเก้าหรือเฉินเทียนอี้ฮ่องเต้ จนได้เป็นถึงกุ้ยเฟย ทั้งที่พระนางมีพระชนมายุมากกว่าเฉินเทียนอี้ฮ่องเต้ถึง 7 ชันษา กลับกุมหทัยองค์จักรพรรดิไว้อย่างเหนียวแน่น หากไม่เพราะคนงามอายุสั้น เสียชีวิตหลังคลอดบุตรแล้วละก็คงไม่มีหลี่ฮองเฮาในวันนี้ ถึงกระนั้นตำแหน่งกุ้ยเฟยก็ถูกปล่อยให้ว่างไว้ ไม่มีพระสนมนางใดปีนป่ายถึงตำแหน่งนี้สักคน แม้แต่ซูโม่หลันพระสนมคนโปรดที่หน้าตาเหมือนกับหลานกุ้ยเฟยราวกับแกะยังได้ดำรงตำแหน่งแค่เต๋อเฟย เห็นได้ชัดถึงความรักใคร่ที่เฉินเทียนอี้ฮ่องเต้มีให้กับหลานซือเยว่ “สวรรค์กลั่นแกล้งโฉมสะคราญโดยแท้” ขุนนางผู้เฒ่าคนหนึ่งเปรยขึ้น คนส่วนใหญ่ต่างเออออคล้อยตาม ทอดถอนใจกับชะตาชีวิตอันแสนรัดทนของหญิงงาม ผิดกับเจิ้งกั๋วกงที่มุมปากกระตุกตั้งแต่เฉินซือหยางหยิบปิ่นหงส์ออกมาแล้ว ปิ่นปักผมของหญิงสาวจะเหมาะกับบุตรชายของเขาได้อย่างไร แต่ในเมื่ออีกฝ่ายหวังดี? (ประสงค์ร้าย) เขาเองก็ไม่อยากทำตัวเป็นผู้ใหญ่รังแกเด

    Last Updated : 2024-11-25
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 13

    หลังองค์รัชทายาทเสด็จกลับ งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไปตลอดทั้งบ่าย วันนั้นเกิดเรื่องราวมากมาย แน่นอนว่าเรื่องใหญ่ล้วนไม่พ้นเรื่องที่องค์รัชทายาทพึงใจในตัวบุตรชายของเจิ้งกั๋วกงจนถึงขั้นมอบของแทนใจให้อีกไม่นานคงมีราชโองการพระราชทานสมรสตามมา แน่นอนว่าเรื่องเหลวไหลไร้สาระพรรค์นี้ล้วนถูกบิดเบือนจากการเล่าลือในหมู่ชาวบ้าน เรื่องราวลุกลามถึงขั้นมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงรูปโฉมของคุณชายตระกูลจ้าวว่างดงามดุจเทพเซียน งามสะท้านสะเทือนถึงสามภพ รูปงามเสียจนมัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทร์หลบโฉมภาดา มวลผกาละอายชาย?[1] เรื่องเหล่านี้เราจะไม่กล่าวถึงเป็นการชั่วคราว เพราะมีเรื่องราวเล็กๆ ที่น่าสนใจหลายเรื่องที่ยังไม่ได้กล่าวถึง แน่นอนว่าเรื่องแรกคงหนีไม่พ้นจ้าวลี่จ้งที่ก่อนหน้านี้ออกตามหาน้องชายให้วุ่น ในระหว่างตามหาน้องชายอยู่นั้น บังเอิญพบกับจินซานปั๋งเหยี่ยนคนใหม่ที่นางเคยช่วยไว้เมื่อคราวก่อน ตอนแรกนางจำเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ จิตใจจดจ่ออยู่กับการตามหาน้องชายด้วยความห่วงใย แต่บุรุษรูปงามดุจหยกยืนอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้นานาพรรณแข่งกันอวดโฉ

    Last Updated : 2024-11-26

Latest chapter

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 33

    สามวันให้หลังทุกอย่างถูกจัดเตรียมพร้อมสรรพ ทัพใหญ่สามสิบหมื่นนำโดยเจิ้งกั๋วกงพร้อมด้วยแม่ทัพซ้ายขวาและรองแม่ทัพผู้ติดตาม เคลื่อนพลออกจากเมืองผิงอานในยามซื่อที่ท้องฟ้าแจ่มใส แต่กลับสร้างความหม่นหมองให้กับใครหลายๆ คนโดยเฉพาะญาติมิตรของพลทหารรวมถึงคนตระกูลจ้าวด้วย “หยางหยาง ท่านพ่อจะกลับมาหาชีชีใช่หรือไม่” จ้าวลี่หมิงถามเสียงเครือ มองส่งจ้าวมู่ในอ้อมแขนของเฉินซือหยางบนกำแพงเมืองหลวงไกลจนลับตา “เจิ้งกั๋วกงแค่ไปปฏิบัติหน้าที่ อีกไม่นานจะต้องกลับมาแน่ เจ้าอย่ากังวลใจไปเลย” เฉินซือหยางกอดปลอบคนในอ้อมแขน มือหนากำตราพยัคฆ์ที่ได้รับมาจากจ้าวมู่แน่น ความเย็นเฉียบของมันช่วยปัดเป่าความหนักอึ้งซึ่งทับถมอยู่ในใจให้เบาบางลง “องค์รัชทายาทจะเสด็จกลับเลยหรือไม่เพคะ” กู้ฟางเหนียงถามเสียงเบา ดวงตายังคงแดงระเรื่อจากการที่ต้องลาจากสามี “เราคงต้องกลับเลย ยังมีเรื่องที่เราต้องทำอีกมากไท่เว่ยฮูหยินมีอะไรอย่างนั้นหรือ”

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 32

    แสงจันทร์สาดส่องลอดผ่านแมกไม้ในป่าทึบเผยให้เห็นชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งควบม้าฝีเท้าจัดตะบึงผ่านเส้นทางลับมุ่งสู่ชายแดนทางเหนือของแผ่นดินต้าเฉินโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพัก คนทั้งกลุ่มเร่งเดินทางทั้งกลางวันกลางคืน เพื่อส่งสาส์นไปยังจุดหมาย ในระหว่างควบม้าเลาะขอบหน้าผาสูงชัน กลับถูกกลุ่มชายชุดดำลึกลับบุกเข้ามาโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน กระบี่แหลมคมฟาดฟันกันแบบถึงเลือดถึงเนื้อ กลุ่มชายฉกรรจ์บนหลังม้าพลาดท่าเสียทีให้กับเหล่าชายชุดดำ ด้วยชัยภูมิที่เสียเปรียบทำให้กลุ่มชายบนหลังม้าล้มตายดุจใบไม้ร่วง สุดท้ายเหลือเพียงชายหนุ่มผู้กุมสาส์นลับอาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีเข้าป่าไปพร้อมกับบาดแผลฉกรรจ์ “ตามไป!” หัวหน้าชายชุดดำสั่งเสียงเข้ม เร่งฝีเท้าไล่ตามไป คนทั้งกลุ่มไล่ล่าชายผู้กุมสาส์นลับจนอีกฝ่ายจนมุมตรงริมหน้าผาสูงชัน เหล่าชายชุดดำตีวงโอบล้อมเพื่อป้องกันอีกฝ่ายหลบหนีไปได้ “ส่งสาส์นลับมาให้ข้า” “เจ้าอย่าหวังเลย

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 31

    กู้ฟางเหนียงกลับเรือนหลักหลังจากปรนนิบัติแม่สามีเข้านอน ขณะเดินผ่านเรือนช่านไฉ่แสงไฟในห้องนอนของบุตรชายยังคงสว่างโร่กู้ฟางเหนียงหัวคิ้วขมวดมุ่น ดึกดื่นป่านนี้เหตุใดเสี่ยวชีถึงยังไม่หลับไม่นอน “เสี่ยวชี แม่เข้าไปได้หรือไม่” กู้ฟางเหนียงเคาะประตูห้องเบาๆ ก่อนจะผลักเข้าไปโดยไม่รอให้บุตรชายอนุญาต “ท่านแม่!” จ้าวลี่หมิงตกใจ เมื่อจู่ๆ มารดาก็เปิดประตูเข้ามา เด็กน้อยรีบซ่อนของไว้ใต้หมอนไม่ให้มารดาเห็นด้วยความอาย “ทำอะไรอยู่หรือ” กู้ฟางเหนียงนั่งลงบนเตียงเล็ก มือบางลูบศีรษะบุตรชายถามไถ่ด้วยน้ำเสียงรักใคร่อ่อนโยน สายตาเหลือบมองหมอนหยกใบเล็กที่บุตรชายใช้ซ่อนของบางสิ่ง แต่ไม่อาจรอดพ้นสายตาแหลมคมของนางไปได้ “ชีชีนั่งเล่น ยังไม่ง่วงเลยขอรับ” “แล้วนั่นซ่อนอะไรไว้ แม่ดูได้หรือไม่” กู้ฟางเหนียงถามยิ้มๆ จ้าวลี่หมิงกระอึกกระอักอยู่เป็นครู่ มือเล็กบิดไปบิดมาค่อยหยิบของสิ่

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 30

    ขณะที่เฉินซือหยางกำลังถกปัญหาเรื่องขาหมูไม่ใช่ผักให้จ้าวลี่หมิงฟังอยู่นั้น เว่ยอันที่ได้รับคำสั่งจากองค์รัชทายาทให้มาตรวจสอบห้องด้านข้างก็ได้รู้อะไรดีๆ เข้าโดยไม่คาดคิด ห้องด้านข้างหอฟู่กุ้ย เสนาบดีกรมคลังต่งเซินกับเสนาบดีกรมกลาโหมกำลังร่ำสุราปรึกษาหารือเรื่องในที่ประชุมเมื่อเช้านี้เสียงเบา “ข่าวการศึกจากทางเหนือที่แม่ทัพจ้าวส่งมาไม่นับว่าร้ายแรงนัก ข้าคิดว่าการจัดเตรียมเสบียงกองทัพในครั้งนี้คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ ท่านเสนาบดีคิดเห็นเช่นไร” “ตอนนี้ไม่ร้ายแรงใช่ว่าต่อไปจะไม่ร้ายแรงเสียเมื่อไหร่” ต่งเซินกระดกสุราไปค่อนข้างมากเผลอหลุดปากบอกอีกฝ่ายเป็นนัย เสนาบดีกรมกลาโหมได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกสนใจทันที เพราะการจัดหาเสบียงอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และอาวุธยุทโธปกรณ์ในการรบย่อมผ่านมือเขาทั้งสิ้น เบี้ยหวัดเล็กๆ เหล่านี้ย่อมมียักย้ายเข้าพกเข้าห่อเป็นธรรมดา ยิ่งสถานการณ์การรบร้ายแรงเท่าไหร่ งบประมาณการจัดหาเ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 29

    เสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่ผสานกับเสียงหัวเราะดังก้องกังวานลอยเข้าหูเฉินซือหยางที่เพิ่งกลับจากประชุมเช้า ณ ตำหนักเฉียนชิง ชายหนุ่มหันไปมองตามเสียงเอะอะมะเทิ่งนั่น ภาพปรากฏชัดในครรลองสายตาคือ เหล่าองค์ชายองค์หญิงซึ่งกำลังเล่นสนุกกันในอุทยานหลวง มีองค์ชายรองบุตรของหลี่ลู่เหม่ย องค์ชายสามบุตรของเสียนเฟย องค์หญิงใหญ่บุตรของหลี่ลู่อิง และองค์ชายสี่บุตรของซูเฟยในวัยไล่เลี่ยกับจ้าวลี่หมิง เฉินซือหยางมองคนเหล่านั้นเพียงหางตาในระหว่างเดินผ่านอุทยานหลวงเพื่อกลับตำหนักอี้ชิ่ง จู่ๆ องค์ชายรองเฉินจวินเฉิงก็เดินนำองค์ชายองค์หญิงทั้งหลายมาขวางทางเดินเขา “พี่ชายเพิ่งกลับจากว่าราชการแทนเสด็จพ่อหรือพ่ะย่ะค่ะ” เฉินจวินเฉิงทักทายด้วยใบหน้าใสซื่อ ไม่คิดจะลดตัวคารวะบุคคลที่เขาเรียกขานว่า 'พี่ชาย' เลยแม้แต่น้อย “ใครคือพี่ชายเจ้า” เฉินซือหยางมองอีกฝ่ายอย่างเฉยชา ดวงหน้าซึ่งถอดเค้ามาจากหลี่ลู่เหม่ยนั่นดูขัดตาเขาชอบกล

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 28

    จางเสี่ยวเหล่ยเดินตามหลังเจ้านายทั้งสองมองดูองค์รัชทายาทผู้สูงส่งถึงกับลดตัวลงไปแย่งถังหูลู่ไม้หนึ่งกับเด็กน้อย ทำเอาเขาแทบทนดูไม่ได้ จะหยอกเย้าคุณชายจ้าวก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท เฉินซือหยางไม่สนสายตาที่มองมาของกงกงคนสนิทเลยแม้แต่น้อย แต่พอเห็นน้ำตาของจ้าวลี่หมิงหยดแหมะ จมูกเล็กแดงเรื่ออย่างน่าสงสาร เขาก็อดใจอ่อนยวบยาบไม่ได้ “ตอนนี้เราหายแล้ว เพื่อตอบแทนถังหูลู่ของเจ้าเราซื้อน้ำตาลปั้นให้ดีหรือไม่” “หยางหยางพูดจริงหรือ” “จริงสิ” เฉินซือหยางพาเด็กน้อยไปที่ร้านขายน้ำตาลปั้นตามสัญญา จ้าวลี่หมิงมองน้ำตาลปั้นรูปสิงสาราสัตว์ต่างๆ มากมายละลานตาก็ยิ่งถูกอกถูกใจ ดวงตาเป็นประกาย ลืมถังหูลู่ไม้นั้นไปจนหมดสิ้น “ชีชีอยากได้รูปอะไรหรือ” “เอาหยางหยาง” จ้าวลี่หมิงบอกเสียงใส เฉินซือหยางยีหั

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 27

    วันนี้จวนไท่เว่ยสาดน้ำล้างประตูจวนแต่เช้าตรู่ ก่อนจุดประทัดเอาฤกษ์เอาชัย ผู้ที่ได้รับเทียบเชิญต่างทยอยมาร่วมดื่มเหล้ามงคลกันอย่างคับคั่ง “ไม่นึกเลยว่าจ้งเอ๋อร์ของเราจะมีวันนี้เช่นกัน” ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับหัวตา ตื้นตันใจเหลือจะกล่าวที่หลานสาวจะมีเหย้ามีเรือน “นั่นสิเจ้าคะ ลูกก็นึกไม่ถึงจริงๆ ว่านางจะมีวันได้ออกเรือนเหมือนคนอื่นเขา ยังนึกว่าจะต้องเลี้ยงนางจนแก่เฒ่าเป็นสาวเทื้อคาจวนเสียอีก” กู้ฟางเหนียงที่วันนี้ลงมือเกล้าผมปักปิ่นให้บุตรสาวด้วยตนเองกล่าวด้วยความตื้นตันใจดุจเดียวกัน “ท่านแม่อย่าห่วงไปเลย ความสามารถด้านนี้ของข้าล้วนได้พี่ใหญ่เป็นผู้ชี้แนะ ไม่มีทางเป็นสาวเทื้อคาจวนอย่างที่ท่านแม่ว่าแน่นอน” จ้าวลี่จ้งยิ้มอวด วันนี้หญิงสาวแลดูสง่างามเป็นพิเศษในชุดแต่งงานสีแดงเรียบง่ายคล้ายชุดแต่งงานของบุรุษ ถึงแม้จวนจะออกเรือนแล้วแต่ก็ยังไม่วายหยอกเย้ามารดาดั่งเด็กน้อยผู้หนึ่งเลยถูกกู้ฟางเหนียงเขกศีรษะเข้าให้

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 26

    “ท่านพ่อนี่มันเรื่องอันใดกัน เหตุใดท่านพี่ถึงถูกปลดจากตำแหน่งเสนาบดีง่ายดายถึงเพียงนี้ สภาขุนนางฝ่ายเราทำอะไรกันอยู่ ตายกันหมดแล้วหรืออย่างไร” หลี่ย่าเสียงซักถามทันทีที่เห็นหลี่เจียงเดินเข้าประตูตำหนักมา “เหนียงเหนียงประทับบนพระที่นั่งก่อนเถิด เรื่องนี้พ่อหารือกับที่ประชุมลับแล้วคงต้องให้อาเจี๋ยลำบากแบกพุ่มหนามไปขอขมาฝ่าบาทกับองค์รัชทายาท ทางสภาขุนนางก็รับปากว่าจะถวายฎีกาขออภัยโทษให้ ต้องรอดูว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร” “ขอโทษ? เหตุใดท่านพี่ถึงต้องลดเกียรติลงไปขอโทษพวกมัน” หลี่ย่าเสียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกรี้ยวโกรธ “เหนียงเหนียงยังไม่รู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้อีกหรือ ข้อหาขัดขวางความเจริญของชาติบ้านเมืองโทษร้ายแรงนัก อาเจี๋ยยังจงใจขัดขวางการแก้ปัญหาบ้านเมืองต่อหน้าขุนนางนับร้อยในท้องพระโรงถึงสองครั้งสองครา ตอนนี้เรื่องที่อาเจี๋ยไม่เห็นความทุกข์ยากของราษฎรอยู่ในสายตาถูกลือออกไปทั่วแคว้น ชาวบ้านที่โกรธแค้นต่างก็มารุมปาข้าวของใส่ประตูจวนจนแทบพังลงมา ต่อให้มีร้อยปากตอนนี้เราก็แก้ต่างอะไรไม่ขึ้นแล้ว” หลี่เจียงปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนัก พอเข้าฤดูหนาวสุ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 25

    บรรยากาศในท้องพระโรงขมุกขมัวเต็มไปด้วยเขม่าดินปืน ไม่นึกว่าแค่คำพูดเพียงไม่กี่คำขององค์รัชทายาทก็สามารถผลักเสนาบดีหลี่ที่เป็นผู้กุมอำนาจในราชสำนักมาช้านานตกลงไปในหุบเหวลึกจนไม่อาจฟื้นตัวขึ้นมาได้อีก ขุนนางฝ่ายสนับสนุนตระกูลหลี่จึงพากันร้อนๆ หนาวๆ หวั่นกลัวองค์รัชทายาทผู้นี้ยิ่งนัก แต่เฉินซือหยางไม่สนใจเห็บหมัดพวกนี้แม้แต่น้อย วันนี้เขาอารมณ์ดียิ่งจึงเอ่ยปากออกทรัพย์สินสมทบโครงการก่อตั้งสำนักป้องกันอัคคีภัยอย่างหาได้ยาก “ในเมื่อไม่มีผู้ใดคัดค้านการก่อตั้งสำนักป้องกันอัคคีภัยอีก ลูกขอบริจาคเงินหนึ่งแสนตำลึงทองเพื่อเป็นต้นทุนในการก่อสร้างพ่ะย่ะค่ะ” “กระหม่อมถึงจะมีเบี้ยหวัดเพียงน้อยนิดแต่ก็มีใจห่วงใยประชาชนดุจเดียวกัน ขอหน้าหนาพึ่งใบบุญองค์รัชทายาทร่วมสมทบหมื่นตำลึงเงินพ่ะย่ะค่ะ” จ้าวมู่หาจังหวะประจบเอาใจเฉินเทียนอี้และเฉินซือหยางได้อย่างประจวบเหมาะเพราะพอเขาออกปากเช่นนั้น ขุนนางน้อยใหญ่ในราชสำนักจะไม่ออกปากร่วมสมทบเลยก็กระไร จึงจำใจกรีดเลือดควักเนื้อออกมาสมทบกันคนละนิดคนละหน่อย

DMCA.com Protection Status