Share

บทที่ 7

last update Dernière mise à jour: 2024-11-20 20:35:29

งานเลี้ยงฉลองชัยจัดขึ้น ณ ตำหนักไท่เหอ ภายในงานเต็มไปด้วยสุรา อาหารเลิศรส นักการสังคีตบรรเลงฉินคลอแผ่วท่วงทำนองลื่นไหลผ่อนคลายดุจสายน้ำกระทบหิน ขุนนางบุ๋นบู๊ขั้นสามขึ้นไปต่างพาครอบครัวทยอยมาเข้าร่วมงานเลี้ยง ภายในห้องโถงแบ่งออกเป็นสองฝ่าย บรรดาบุรุษต่างรวมตัวกันอยู่อีกฟากหนึ่งของห้อง จับกลุ่มพูดคุยกันถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นช่วงนี้ บ้างก็ปรึกษาหารือเกี่ยวกับข้อราชการที่ได้รับมอบหมาย ทางฟากฝั่งของสตรีเองก็ไม่น้อยหน้า บรรดาฮูหยินและฮูหยินตราตั้งทั้งหลายต่างจับกลุ่มพูดคุยสร้างเส้นสายเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของสามี บ้างก็พูดจาส่อเสียดเย้ยหยันตีวัวกระทบคราดกันไปมา บ้างก็สอดส่ายสายตาเสาะหาหนุ่มสาวอนาคตไกล ชาติตระกูลสูงส่งเพื่อเกี่ยวดองเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นสูง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีกู้ฟางเหนียงรวมอยู่ด้วย

       วันนี้กู้ฟางเหนียงจับบุตรสาวแต่งตัวแบบจัดหนักจัดเต็ม เสื้อผ้าสีชมพูสดใส ปิ่นมุก กำไลหยกประโคมใส่ให้บุตรสาวราวกับจะเปิดร้านขายเครื่องประดับเสียเอง แต่ผู้ที่ให้ความร่วมมือดูเหมือนจะมีแค่บุตรคนที่สามอย่างจ้าวลี่เจียเพียงเท่านั้น เพราะแม้ท่านแม่จะประโคมเครื่องประดับให้นางใส่จนเต็มตัว แต่นางก็ยังดูงดงามเฉิดฉันสมกับเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ ผิดกับจ้าวลี่จ้งที่พอเห็นสภาพตนเองในคันฉ่องก็เกิดอาการคันคะเยอขึ้นมาทั้งตัว อาศัยจังหวะที่ทุกคนหันไปใส่ใจน้องสาว ใช้วิชาตัวเบากระโดดหนีออกทางหน้าต่างไปฉวยเอาอาภรณ์สีเรียบของตนเองมาแอบซ่อนไว้ พอขึ้นรถม้าได้ก็จัดการถอดรูปเปลี่ยนร่างตัวเองให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ส่วนชุดที่ท่านแม่จัดหาให้ก็โยนทิ้งไว้ตรอกใดก็สุดรู้ พอกู้ฟางเหนียงเห็นบุตรสาวลงมาจากรถม้าในชุดสตรีสีเรียบก็ถึงกับพูดไม่ออก จะไล่ให้กลับไปเปลี่ยนชุดตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว จึงจำต้องปล่อยเลยตามเลย พาบุตรสาวคนรองที่สภาพเหมือนบัณฑิตหนุ่มยากจนเข้ามาในงานด้วยความคับแค้นใจที่เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้า[1]

       “ยินดีกับจ้าวฮูหยินด้วยที่มีสามีองอาจห้าวหาญอย่างเจิ้งกั๋วกง สร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ให้กับแผ่นดินต้าเฉินของเรา” เกาโยวหยวนฮูหยินของหลี่เหยียนเจี๋ย พระมารดาของหลี่ลู่เหลียนฮองเฮาองค์ปัจจุบันแห่งแคว้นต้าเฉิน ทักทายกู้ฟางเหนียงอย่างเป็นกันเอง ท่าทางสูงส่งถือยศถือศักดิ์ไม่มีให้เห็นแม้แต่เพียงน้อย

       “มิกล้าๆ หลี่ฮูหยินยกย่องเกินไปแล้ว เสนาบดีหลี่เองก็เก่งกล้าสามารถไม่แพ้กัน ถวายงานข้างพระวรกายฝ่าบาทมาช้านาน สร้างคุณงามความดีใหญ่หลวง จะพูดว่ายินดีกับข้าได้อย่างไร” กู้ฟางเหนียงยกย่องอีกฝ่ายกลับตามมารยาท ไม่อยากต่อบทสนทนากับเกาโยวหยวนมากนักเพราะไม่ค่อยสนิทกับอีกฝ่าย เกาโยวหยวนเองก็เหมือนจะรู้จึงเสพูดเรื่องอื่นเพื่อหาเรื่องคุย

       “นี่คือบุตรสาวของท่านหรือ รูปโฉมงดงาม เอ่อ...” เกาโยวหยวนเอ่ยชมจ้าวลี่เจีย ก่อนหยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าของจ้าวลี่จ้ง หลังจากครุ่นคิดหาคำชมที่เหมาะสมกับหญิงสาวอยู่เป็นครู่จึงค่อยเอ่ยออกมา “...สุขุมยิ่ง ดูมีราศีสมกับเป็นบุตรสาวของเจิ้งกั๋วกง”

       “ขอบคุณหลี่ฮูหยินที่เอ่ยชมเจ้าค่ะ” จ้าวลี่เจียยอบกายคารวะเกาโยวหยวนตามมารยาท ทำให้หลี่ฮูหยินเผยแววตาชื่นชมหญิงสาว ผิดกับจ้าวลี่จ้งที่ทำเพียงค้อมกายคารวะง่ายๆ เยี่ยงชายชาตรี ทำเอาดวงตาของเกาโยวหยวนฉายประกายเย็นเยียบวูบหนึ่งรวดเร็วจนไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น

       “เด็กชนบทไม่รู้กาลควรไม่ควรขอหลี่ฮูหยินอย่าได้ถือสา ยังไม่รีบขออภัยหลี่ฮูหยินอีก” กู้ฟางเหนียงเห็นกิริยาไม่สมกับเป็นสตรีในห้องหอของบุตรสาวเลยแอบบิดเอวสั่งสอน หน้าร้อนนิดๆ ด้วยความอับอายกับการกระทำของจ้าวลี่จ้ง นางพยายามแก้ต่างทั้งตำหนิบุตรสาวคนรองที่เสียมารยาทกับหลี่ฮูหยินต่อหน้าธารกำนัลด้วยความร้อนใจ เกาโยวหยวนกลับโบกมือคล้ายไม่ใส่ใจ

       “บุตรสาวของเจ้าเป็นคนห้าวหาญเหมือนกับบิดาของนาง เจ้าก็อย่าได้ตำหนินางนักเลย”

       “ขอบคุณหลี่ฮูหยินที่ไม่ถือสาหาความผู้น้อย” กู้ฟางเหนียงยอบกายคารวะ รู้สึกดีกับหลี่ฮูหยินผู้นี้ขึ้นมาอักโข รอยยิ้มบนหน้ากู้ฟางเหนียงเจือความจริงใจมากขึ้น เป็นฝ่ายชักชวนเกาโยวหยวนสนทนาเรื่องอื่นอย่างสนิทสนมเสียเอง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวตกอยู่ในสายตาเฉียบคมของเฉินซือหยางทั้งหมด

       “หลี่ฮูหยินช่างปั้นหน้าเก่งเสียจริง หึ” เฉินซือหยางปรบมือให้เกาโยวหยวนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ใบหน้าเล็กๆ หลังม่านบังตามองไปทางหลี่เหยียนเจี๋ย เสนาบดีกรมขุนนางที่ทำตัวสง่าผ่าเผยพูดคุยสร้างเส้นสายในราชสำนักเช่นเดียวกับภรรยาก็รู้สึกสะอิดสะเอียนสองผัวเมียคู่นี้ยิ่งนัก “หลี่เจียนเฉิน[2] ก็ใช่จะน้อยหน้าฮูหยินของเขาเสียเมื่อไหร่ ช่างเหมาะสมกันราวผีเน่ากับโลงผุ”

       “องค์รัชทายาทตรัสได้ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ” จางเสี่ยวเหล่ยค้อมกายรับคำ เห็นด้วยกับคำพูดของเฉินซือหยางยิ่ง ขุนนางในราชสำนักต่างพากันประจบเอาใจหลี่เหยียนเจี๋ยจนแทบจะลอยขึ้นฟ้า นี่ยังไม่นับการคบค้าสมาคมในที่ลับอีก ไหนจะเส้นสายของอู๋กั๋วกงหลี่เจียงที่เป็นถึงอัครมหาเสนาบดีสองแผ่นดิน ยังมีหลี่ไทเฮา และหลี่ฮองเฮากุมอำนาจในวังหลังอีก นับวันตระกูลหลี่ยิ่งเรืองอำนาจมากขึ้นทุกทีๆ แล้ว

       “เรื่องลอบวางยาปลุกกำหนัดเสด็จพ่อที่ให้ไปจัดการก่อนหน้านี้ได้ความว่าอย่างไร”

       “หวังกงกงเตรียมการป้องกันเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ รับรองว่าไม่ให้เกิดเรื่องขึ้นอย่างแน่นอน”

       “กำชับเหล่าองครักษ์เงาด้วยว่าให้เฝ้าระวังความปลอดภัยให้จงหนัก หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเสด็จพ่อของข้าละก็ อย่าหาว่าข้าโหดเหี้ยมก็แล้วกัน”

       “รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”

       “เตรียมตัวเถอะ เสด็จพ่อน่าจะใกล้เสด็จแล้ว”

       เฉินซือหยางลุกขึ้นให้จางกงกงจัดเสื้อผ้าให้ แล้วเดินไปรอที่ตำหนักข้าง เพียงชั่วครู่เฉินเทียนอี้ก็เดินเข้ามาพร้อมกับนางสนมกลุ่มใหญ่ หนึ่งในนั้นมีซูโม่หลันรวมอยู่ด้วย เฉินซือหยางส่งสายตาให้ซูโม่หลัน นางเองก็คล้ายจะเข้าใจความนัยที่เขาส่งให้ จึงหลุบตาลงเงียบๆ รีบเร่งฝีเท้าประชิดเฉินเทียนอี้มากยิ่งขึ้น คืนนี้เขาคงวางใจได้เปลาะหนึ่งว่าเสด็จพ่อคงจะไม่ร่ำสุรามากเกินควรจนทำร้ายพระวรกายเข้า

       “เสด็จพ่อ” เฉินซือหยางค้อมกายคารวะ เฉินเทียนอี้พยักหน้ารับ สองพ่อลูกพบหน้ากันยังไม่ทันจะได้โอภาปราศรัย คนที่พวกเขาเกลียดเข้าไส้ก็ย่างกรายเฉิดฉายตามการประคองของหลี่ลู่เหลียนเข้ามาในตำหนักข้าง

       “ถวายบังคมเสด็จแม่ / เสด็จย่าพ่ะย่ะค่ะ”

       หลี่ย่าเสียงไทเฮาปรายตามองสีหน้าไร้อารมณ์ของสองพ่อลูกด้วยสีหน้าหมิ่นแคลน ท่าทางเย่อหยิ่งหยามหยันผู้คนนั้นช่างน่าชิงชังรังเกียจยิ่งนักในสายตาของเฉินซือหยาง เรือนร่างที่เริ่มร่วงโรยตามวัยเดินผ่านหน้าของพวกเขาไปอย่างไม่แยแส

       “เสด็จแม่ทรงพระเกษมสำราญดีนะพ่ะย่ะค่ะ” เฉินเทียนอี้ทักทายตามมารยาท ใบหน้าหล่อเหลาหาผู้ใดเทียบเทียมเย็นชาเฉยเมย ยิ่งขัดลูกนัยน์ตาของหลี่ย่าเสียงไทเฮา

       “ข้าคงจะอยู่ดีมีสุขมากกว่านี้ หากผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าข้าไม่ใช่เจ้า”

       “คงต้องทำให้เสด็จแม่ผิดหวังเสียแล้ว เพราะผู้ที่ท่านอยากจะให้ ‘ยืนอยู่ในตำแหน่งนี้’ สิ้นใจไปนานแล้ว” เฉินเทียนอี้กล่าวเสียงเรียบ แต่ความนัยที่เอ่ยออกมากลับจี้ใจดำหลี่ย่าเสียงเข้าอย่างจัง

       มันกล้าดีอย่างไรถึงได้มาชุบมือเปิบบัลลังก์ทองที่ควรจะเป็นของบุตรชายนาง ของตระกูลนาง! ปลอกเล็บทองคำจิกเข้าไปในเนื้อตรงท่อนแขนของหลี่ลู่เหลียนจนนางอดขมวดคิ้วด้วยความเจ็บไม่ได้ หลี่ฮองเฮาไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมาเพราะรู้ว่าเสด็จอาหญิงของตนเองกำลังอารมณ์ขุ่นมัวอย่างหนัก ทำเพียงลูบแขนปลอบประโลมเบาๆ หลี่ย่าเสียงถึงได้สติพยายามระงับอารมณ์ ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเคียดแค้นนั่นเริ่มสงบลง นางจะถือสาคนใกล้ตายไปทำไม โมโหไปก็เท่านั้น

       “เจ้าเองก็อย่ามัวแต่ตอกย้ำข้า เตือนตนเองไว้บ้างก็ดีว่าใกล้หมดลมหายใจแล้วเช่นกัน” หลี่ย่าเสียงเย้ยเสียงเบา แต่ถึงจะเบาเพียงไรเฉินซือหยางก็ยังได้ยินเต็มสองหูอยู่ดี

       “เสด็จย่าอย่ามัวห่วงเสด็จพ่ออยู่เลยพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อจะมีอายุยืนหมื่นปี หมื่นหมื่นปี แต่เสด็จย่าเนี่ยสิ อายุอานามก็ไม่น้อยแล้ว ต้องดูแลพระวรกายให้ดีนะพ่ะย่ะค่ะ จะได้อยู่ดูหลานขึ้นไป ‘ยืนตรงตำแหน่งนั้น’ เบื้องหน้าเสด็จย่าบ้าง” เฉินซือหยางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยสุดซึ้ง ใบหน้าไร้เดียงสาแต่นัยน์ตากลับคมกริบดุจใบมีด นังเฒ่าสารพัดพิษนี่เขาจะไม่ให้นางได้ตายดีเหมือนกัน สิ่งที่นางทำกับเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของเขา เขาจะเอาคืนจากนางเป็นร้อยเท่าพันทวีแน่นอน

       ข้าขอสาบาน!

       “นี่เจ้า!” หลี่ย่าเสียงเผลอตวาดเสียงดัง จนหลี่ลู่เหลียนต้องออกปากห้ามปราม

       “เสด็จแม่เพคะ” หลี่ฮองเฮากระชับมือหลี่ไทเฮาแน่น พยักพเยิดไปยังเหล่าสนมชายาที่ยืนมองพวกนางด้วยสายตาสอดรู้สอดเห็น

       หลี่ย่าเสียงสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามระงับอกระงับใจไม่ให้สั่งสอนไอ้เด็กเมื่อวานซืน ระวังเถอะสักวันนางจะส่งมันลงนรกตามแม่มันไป คนชั้นต่ำอย่างพ่อมันนางยังจัดการได้ แล้วเด็กอมมืออย่างมันมีหรือนางจะจัดการไม่ได้

       “ขอบใจหยางเอ๋อร์มากที่เป็นห่วงย่า รับรองว่าย่าจะอยู่อีกนานจนหยางเอ๋อร์คาดไม่ถึงเชียวล่ะ ย่าหวังว่าหยางเอ๋อร์เองจะอยู่ได้นานจนถึงวันนั้นเช่นกัน” หลี่ย่าเสียงลูบศีรษะเล็กๆ อย่างอ่อนโยน ผิดกับสีหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเขาลิบลับ

       “หลานจะอยู่จนถึงวันนั้นแน่นอน ขอเสด็จย่าโปรดวางใจ” เฉินซือหยางบอกเสียงหนักแน่น เขาไม่ใช่แค่จะอยู่อีกนาน แต่จะอยู่อย่างมีความสุขบนความทุกข์ทรมานของคนตระกูลหลี่ทั้งตระกูลด้วย!

       “ได้เวลาแล้ว เสด็จแม่เชิญเสด็จเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เฉินเทียนอี้เข้าไปประคองแขนอีกข้างของหลี่ย่าเสียง ถึงนางจะไม่ใคร่พอใจนักแต่ก็ยอมร่วมแสดงละคร ‘ครอบครัวสุขสันต์’ ต่อใต้หล้าด้วยท่าทางเปี่ยมเมตตาผิดกับการเผชิญหน้ากันก่อนหน้านี้ลิบลับ

[1] เป็นสำนวน หมายถึง ขัดใจ หรือไม่ได้ดั่งใจกับความไม่เอาถ่านของคนที่ตนคาดหวังไว้

[2] เจียนเฉิน (奸臣) หรือกังฉิน คือขุนนางที่ทุจริตในหน้าที่การงาน ในที่นี้เฉินซือหยางใช้เรียก ‘หลี่เหยียนเจี๋ย’ เป็นเชิงเสียดสี

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Related chapter

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 8

    “ฝ่าบาทเสด็จ ไทเฮาเสด็จ ฮองเฮาเสด็จ องค์รัชทายาทเสด็จ” ขันทีประจำตำหนักขานเสียงดัง เหล่าขุนนางและครอบครัวต่างเข้าประจำที่ ถวายบังคมแสดงความจงรักภักดีพร้อมกันทั้งตำหนักไท่เหอ ต้อนรับการมาเยือนของเหล่าเชื้อพระวงศ์อย่างยิ่งใหญ่ “ถวายพระพรฝ่าบาทขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี ถวายพระพรไทเฮาขอพระองค์ทรงพระเจริญพันปี พันพันปี ถวายพระพรฮองเฮาขอพระองค์ทรงพระเจริญพันปี พันพันปี ถวายพระพรองค์รัชทายาทขอพระองค์ทรงพระเจริญพันปี พันพันปี” “ลุกขึ้นเถอะ” “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ” “สวรรค์คุ้มครองแผ่นดินต้าเฉิน วันนี้เรายินดียิ่งนักที่เห็นทุกท่าน ณ ที่แห่งนี้ จอกนี้เราขอดื่มเพื่อเป็นเกียรติแก่เหล่าทหารกล้าที่เสียสละเพื่อแผ่นดินต้าเฉินของเรา หมดจอก” เฉินเทียนอี้ยกจอกสุราขึ้นดื่ม สุรากู่จิ่ง[1] กลิ่นหอมเย้ายวน รสชาติหวานปานน้ำผึ้งยังซ่านอยู่ในปาก เป็นสุราที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก  

    Dernière mise à jour : 2024-11-21
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 9

    เหตุการณ์ลอบสังหารในงานเลี้ยงฉลองชัยราชสำนักสูญเสียขุนนางไปครึ่งค่อน โอรสสวรรค์พิโรธหนักเรียกขุนนางใหญ่ทั้ง 3 กรมเข้าเฝ้าเพื่อสืบคดีให้ถึงที่สุด ลากตัวผู้อยู่เบื้องหลังการลอบปลงพระชนม์ออกมาสำเร็จโทษ หลังการสอบสวนเสนาบดีกรมพิธีการและพรรคพวกถูกลากไปตัดหัวที่ประตูอู่เหมินเซ่นดวงวิญญาณของผู้สูญเสีย เหอต๋าผู้บัญชาการทหารเก้าประตูถูกโบยแปดสิบไม้ และปลดออกจากตำแหน่งโทษฐานเพิกเฉยต่อหน้าที่ เฉินเทียนอี้ถือโอกาสนี้ปรับขั้วอำนาจในราชสำนักครั้งใหญ่ จ้วงหยวน ปั๋งเหยี่ยน และทั่นฮวาฝ่ายบุ๋น[1] ในปีนี้โชคดีราวกับมีขนมเปี๊ยะหล่นลงมาจากฟ้า ล้วนแล้วแต่เข้ารับตำแหน่งสำคัญทั้งสิ้น 'หานจางหมิ่น' จ้วงหยวนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นราชครูในองค์รัชทายาท จินซานปั๋งเหยี่ยนเลื่อนจากขุนนางในกรมอารักษ์เล็กๆ ขึ้นเป็นรองเสนาบดีกรมพิธีการ ส่วนทั่นฮวาผู้ไม่ถูกเอ่ยนามได้รับตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นสี่ในกรมโยธา แน่นอนว่าไทเฮาย่อมเป็นฝ่ายเสียหายหนัก เพราะขุนนางที่ถูกสังหารล้วนแล้วแต่เป็นคนของหลี่ย่าเสียงไทเฮาทั้งสิ้น ตระกูลหลี่ทั้งบนล่างร้อนใ

    Dernière mise à jour : 2024-11-22
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 10

    วันคืนผ่านพ้น หลังเหตุการณ์การสูญเสียครั้งใหญ่ มีคนโศกเศร้าเสียใจ ย่อมมีคนดีอกดีใจ มีคนกลุ้มอกกลุ้มใจ ย่อมมีคนวางเฉย มีคนบินสูงสู่ยอดไม้ ย่อมมีบางคนตกต่ำไม่อาจผงาดขึ้นมาได้อีก พอเรื่องร้ายผ่านพ้นไป เรื่องดีๆ ก็เข้ามาพร้อมๆ กัน วันนี้จวนไท่เว่ยคึกคักเป็นพิเศษ เนื่องจากทางจวนจัดงานเลี้ยงฉลองเลื่อนตำแหน่งของเจิ้งกั๋วกงจ้าวมู่ อีกทั้งยังเป็นวันครบรอบขวบปีของคุณชายเจ็ดจ้าวลี่หมิง จวนไท่เว่ยจึงจัดพิธีจวาโจว[1] พร้อมกันเสียเลย เรียกว่าเป็นงานมงคลคู่ที่หาได้ยากยิ่ง ผู้คนในจวนทั้งบนล่างต่างวิ่งวุ่นจัดงานแบบหัวไม่วางหางไม่เว้น แน่นอนว่าคนที่ว่างแสนว่างจนไม่มีอะไรให้ทำอย่างพวกสามแฝดตระกูลจ้าวก็มีเรื่องให้ทำเช่นกัน หลังจากสามแสบวุ่นวายอยู่ในห้องครัวอยู่พักใหญ่ ทำเอาห้องครัวของจวนไท่เว่ยอลหม่านจนไก่บินสุนัขกระโดดกำแพง[2] กันไปยกหนึ่ง จึงถูกกู้ฟางเหนียงโยนเข้าห้องไล่ให้ไปเลี้ยงน้องมันเสียเลย “ลี่จูๆ ลี่จิน... ลี่หลินเบื่ออ่ะ” จ้าวลี่หลินกระตุกชายแขนเสื้อของฝาแฝด ใบหน้าเริ่มมีเค้าความงามงอง้ำ บุ้ยปาก

    Dernière mise à jour : 2024-11-23
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 11

    ในขณะที่ทางฝั่งเด็กๆ กำลังเล่นจับนกกันอย่างสนุกสนาน ทางด้านเรือนใหญ่เองก็เริ่มเปิดประตูต้อนรับขุนนางผู้มาร่วมแสดงความยินดีกับเจิ้งกั๋วกงที่ได้เลื่อนตำแหน่ง กู้ฟางเหนียงในฐานะฮูหยินตราตั้งจึงต้องออกมาช่วยสามี และแม่สามีต้อนรับแขกเหรื่อ แน่นอนว่าจ้าวลี่จ้ง และจ้าวลี่เจียเองก็ถูกลากให้มาต้อนรับบรรดาคุณหนู บุตรีผู้สูงศักดิ์ที่มาร่วมงานกับครอบครัวเช่นเดียวกัน “ใกล้จะได้ฤกษ์งามยามดีแล้ว จ้งเอ๋อร์ไปดูสิว่าแม่นมหลิ่วแต่งตัวให้เสี่ยวชีเสร็จหรือยัง” “เจ้าค่ะท่านแม่” จ้าวลี่จ้งรับคำ ผละกายจากไปได้เพียงไม่นาน ก็มีเสียงขานนามดังก้อง “องค์รัชทายาทเสด็จ” เฉินซือหยางมาร่วมงานอย่างเหนือความคาดหมายของทุกคน บรรดาขุนนางทั้งหลายที่มาร่วมงานต่างแตกตื่นตกใจ รีบค้อมกายทำความเคารพ พลางรู้สึกว่าคิดถูกแล้วที่มาร่วมงานในครั้งนี้ นอกจากจะได้ประจบเอาใจจ้าวมู่แล้วยังได้ประจบเอาใจรัชทายาทอีกทาง ซึ่งเป็นผลดีกับตำแหน่งหน้าที่ของตนเองในอนาคต&nbs

    Dernière mise à jour : 2024-11-24
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 12

    ผู้คนต่างทอดถอนใจ นึกถึงตอนนั้นที่ 'หลานซือเยว่' ไต่เต้าจากนางกำนัลข้างกายองค์ชายเก้าหรือเฉินเทียนอี้ฮ่องเต้ จนได้เป็นถึงกุ้ยเฟย ทั้งที่พระนางมีพระชนมายุมากกว่าเฉินเทียนอี้ฮ่องเต้ถึง 7 ชันษา กลับกุมหทัยองค์จักรพรรดิไว้อย่างเหนียวแน่น หากไม่เพราะคนงามอายุสั้น เสียชีวิตหลังคลอดบุตรแล้วละก็คงไม่มีหลี่ฮองเฮาในวันนี้ ถึงกระนั้นตำแหน่งกุ้ยเฟยก็ถูกปล่อยให้ว่างไว้ ไม่มีพระสนมนางใดปีนป่ายถึงตำแหน่งนี้สักคน แม้แต่ซูโม่หลันพระสนมคนโปรดที่หน้าตาเหมือนกับหลานกุ้ยเฟยราวกับแกะยังได้ดำรงตำแหน่งแค่เต๋อเฟย เห็นได้ชัดถึงความรักใคร่ที่เฉินเทียนอี้ฮ่องเต้มีให้กับหลานซือเยว่ “สวรรค์กลั่นแกล้งโฉมสะคราญโดยแท้” ขุนนางผู้เฒ่าคนหนึ่งเปรยขึ้น คนส่วนใหญ่ต่างเออออคล้อยตาม ทอดถอนใจกับชะตาชีวิตอันแสนรัดทนของหญิงงาม ผิดกับเจิ้งกั๋วกงที่มุมปากกระตุกตั้งแต่เฉินซือหยางหยิบปิ่นหงส์ออกมาแล้ว ปิ่นปักผมของหญิงสาวจะเหมาะกับบุตรชายของเขาได้อย่างไร แต่ในเมื่ออีกฝ่ายหวังดี? (ประสงค์ร้าย) เขาเองก็ไม่อยากทำตัวเป็นผู้ใหญ่รังแกเด

    Dernière mise à jour : 2024-11-25
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 13

    หลังองค์รัชทายาทเสด็จกลับ งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไปตลอดทั้งบ่าย วันนั้นเกิดเรื่องราวมากมาย แน่นอนว่าเรื่องใหญ่ล้วนไม่พ้นเรื่องที่องค์รัชทายาทพึงใจในตัวบุตรชายของเจิ้งกั๋วกงจนถึงขั้นมอบของแทนใจให้อีกไม่นานคงมีราชโองการพระราชทานสมรสตามมา แน่นอนว่าเรื่องเหลวไหลไร้สาระพรรค์นี้ล้วนถูกบิดเบือนจากการเล่าลือในหมู่ชาวบ้าน เรื่องราวลุกลามถึงขั้นมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงรูปโฉมของคุณชายตระกูลจ้าวว่างดงามดุจเทพเซียน งามสะท้านสะเทือนถึงสามภพ รูปงามเสียจนมัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทร์หลบโฉมภาดา มวลผกาละอายชาย?[1] เรื่องเหล่านี้เราจะไม่กล่าวถึงเป็นการชั่วคราว เพราะมีเรื่องราวเล็กๆ ที่น่าสนใจหลายเรื่องที่ยังไม่ได้กล่าวถึง แน่นอนว่าเรื่องแรกคงหนีไม่พ้นจ้าวลี่จ้งที่ก่อนหน้านี้ออกตามหาน้องชายให้วุ่น ในระหว่างตามหาน้องชายอยู่นั้น บังเอิญพบกับจินซานปั๋งเหยี่ยนคนใหม่ที่นางเคยช่วยไว้เมื่อคราวก่อน ตอนแรกนางจำเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ จิตใจจดจ่ออยู่กับการตามหาน้องชายด้วยความห่วงใย แต่บุรุษรูปงามดุจหยกยืนอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้นานาพรรณแข่งกันอวดโฉ

    Dernière mise à jour : 2024-11-26
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 14

    เรื่องสุดท้ายคงหนีไม่พ้นแฝดสามตระกูลจ้าว หลังงานเลี้ยงเลิกราไปแล้วสมาชิกตระกูลจ้าวยังคงรวมตัวกันในห้องโถงของเรือนหลัก โดยมีฮูหยินผู้เฒ่านั่งเป็นประธานพิจารณาความผิดของสามแฝดรวมถึงบ่าวรับใช้ผู้มีหน้าที่ดูแลจ้าวลี่หมิง ฮูหยินผู้เฒ่ายกชาขึ้นจิบ บรรยากาศคล้ายถูกแช่แข็ง ทุกคนพร้อมใจกันเงียบเสียง ภายในห้องเงียบฉี่ หากมีเข็มหล่นบนพื้นคงได้ยินกันทั่ว เฉาม่านเหลือบตามองหลานสาวที่นั่งหน้าหงอยอยู่เบื้องหน้าตนแล้วถอนหายใจอย่างหนักอก ความซุกซนของหลานสาวทั้งสามคนเกือบก่อเรื่องใหญ่เข้าให้แล้ว กึก! มือบางที่มีริ้วรอยตามกาลเวลาวางถ้วยชากระทบโต๊ะเสียงดัง ทำเอาสามแฝดสะดุ้งโหยง รู้ว่าคราวนี้ท่านย่าโกรธแล้วจริงๆ “รู้ความผิดของตนเองหรือไม่” “ทราบเจ้าค่ะ” จ้าวลี่จู จ้าวลี่จิน จ้าวลี่หลิน รวมถึงสาวใช้ที่นั่งคุกเ

    Dernière mise à jour : 2024-11-27
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 15

    “เยว่เอ๋อร์” เฉินเทียนอี้มองเรือนร่างงดงามดุจกิ่งหลิวในชุดฉลองพระองค์สีเหลืองทองลายพญาหงส์ห้าสี ศีรษะสวมมงกุฎหงส์ ติ่งหูบอบบางนุ่มนิ่มประดับกุณฑลไข่มุกเม็ดงาม ลำคอระหงใส่หลิ่งเยวีย[1] เส้นสวย พาดทับด้วยประคำไข่มุกเฉาจูเส้นยาวเต็มพิธีการ สายตาคมเข้มจับจ้องดวงหน้างดงามหมดจด บริสุทธิ์ อ่อนหวานดั่งดวงจันทราในฝากฟ้ายามรัตติกาลที่เขาคะนึงหาทุกวันคืนด้วยสายตารักใคร่หลงใหล ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งบนแท่นหยกน้ำแข็งพันปี โดยไม่สะทกสะท้านต่อความเย็นเยียบจับขั้วหัวใจ มือหนาสั่นเทาขณะเอื้อมไปสัมผัสแก้มนวลเย็นเฉียบของหลานซือเยว่ นิ้วเรียวยาวเขี่ยไล้แก้มอิ่มเบาๆ ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปสัมผัสกับขนตางอนยาว หวังเหลือเกินว่าดวงตาหงส์ที่กำลังหลับพริ้มอยู่จะลืมตาตื่นขึ้นมาสบตากับเขาอีกครา เฉินเทียนอี้รวบมือบางขึ้นมาลูบไล้เล่น ขณะพูดคุยกับหญิงสาวเหมือนเช่นเคย “รู้หรือไม่เยว่เอ๋อร์ คนที่เคยทำร้ายเจ้ากำลังจะได้รับผลกรรมที่พวกมัน

    Dernière mise à jour : 2024-11-28

Latest chapter

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 118

    หญิงชราเดินลากขาตามการโอบประคองของสามี สายตาฝ้าฟางเลื่อนลอยไม่รับรู้สิ่งใด แต่พอได้เห็นดวงหน้าของหลินเสวี่ยเฟิ่งเพียงเท่านั้น ดวงตาพลันเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัวสุดชีวิต หญิงชรากรีดร้องเสียงดังโหยหวนราวกับสุกรถูกเชือด “ปีศาจ! มันคือปีศาจ ช่วยด้วยๆ ใครก็ได้ช่วยข้าที ปีศาจจะมาฆ่าข้า ปีศาจจะมาฆ่าข้าแล้ว” หญิงชราตีอกชกหัว หนีห่างจากเงาร่างของหลินเสวี่ยเฟิ่งอย่างหวาดผวา ใบหน้าถูไถไปกับลานพิธีอยากจะแทรกแผ่นดินหนี จนชายชราต้องรีบฉุดรั้งร่างของภรรยาไว้ “ทุกท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าบุรุษที่อยู่ข้างกายฝ่าบาทผู้นั้น คนที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นถึงมารดาของแผ่นดิน ถูกยกย่องว่ามีคุณธรรมสูงส่ง อวดอ้างตนเองว่ามาจากตระกูลสูงศักดิ์ แต่แท้จริงแล้วเขาคือ ‘เกาต๋า’ บุตรบุญธรรมของสามีภรรยาแซ่เกา ซึ่งเป็นเพียงพ่อค้าวาณิชเล็กๆ ในเมืองเจียงโจว” คำบอกเล่าของหานจางหมิ่นทำเอาทุกคนในที่นี้ตะลึงงัน อย่างที่ทราบโดยทั่วกันว่าพ่อค้านั้นเป็นชนชั้นต่ำศ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 117

    เมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน “ยามซื่อ[1] แล้ว งานเลี้ยงมื้อกลางวันกำลังจะเริ่ม ทุกคนเร่งมือเข้า” ขันทีน้อยนายหนึ่งก้มหน้าก้มตายกจานขนมหวานบรรจุลงในกล่องไม้สำหรับใส่อาหารอย่างขะมักเขม้น รอจนหัวหน้าขันทีผู้คุมห้องเครื่องเดินผ่านไปตรวจงานยังส่วนอื่น มือหยาบหนาก็รวบผ้าผูกเป็นปมเพื่อกักเก็บความร้อน แล้วยกกล่องอาหารในห่อผ้าผืนงามเดินตามกลุ่มขันทีออกไป ขันทีผู้นั้นเดินตามหลังขันทีด้วยกันเงียบๆ ทุกคนต่างเร่งฝีเท้าไปยังลานพิธีหน้าตำหนักไท่เหอ ระหว่างเดินผ่านระเบียงทางเดินขบวนของเขาสวนกับเหล่านางกำนัล และขันทีกลุ่มอื่นเป็นระยะ แต่ขันทีหนุ่มก็ยังใจเย็น รอจนขบวนเดินผ่านเส้นทางร้างไร้ผู้คน เขาก็ชะลอฝีเท้าลง อาศัยจังหวะที่ผู้อื่นไม่ทันสังเกตเห็นปลีกตัวออกจากกลุ่มอย่างเงียบเชียบ เดินหลบหลีกผู้คน แล้วหายลับไปโดยไร้ผู้พบเห็น ขันทีคนดังก

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 116

    แดนบูรพา แคว้นต้าเฉิน เสียงคลื่นสาดซาซัดเข้าหาชายฝั่ง ฟองคลื่นม้วนตัวกระทบหาดทรายกลืนหายไปกับพื้นทรายเนื้อละเอียดไร้สีสันในยามค่ำคืน ลมทะเลพัดโหมริ้วผ้าโบกไสวใบเรือผืนใหญ่ส่ายสะบัดตามคลื่นลม นาวาลำใหญ่จอดนิ่งเรียบชายฝั่งเรียงกันหลายร้อยลำไกลสุดลูกหูลูกตา “เร่งมือเข้า” ชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มคุมลูกน้องใต้สังกัดขนหีบไม้ใบใหญ่ด้านในเต็มไปด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งหอก ดาบ โล่ ธนู และที่ขาดไม่ได้คือเสบียงกรังจำนวนมากถูกยกขึ้นเรือหีบแล้วหีบเล่าอย่างเงียบเชียบท่ามกลางความมืด ถึงแม้จะเบามือเบาเท้ามากเพียงไร แต่การเคลื่อนกำลังพลนับหมื่นย่อมไม่อาจรอดพ้นหูตาของหน่วยสืบราชการลับไปได้ หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับส่งสัญญาณมือให้ลูกน้องใต้สังกัดถอนกำลังออกจากบริเวณนี้เงียบๆ หลังจากล่วง

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 115

    ดินแดนทางเหนือมีหิมะปกคลุมอยู่ชั่วนาตาปี ป้อมปราการสูงตระหง่านท้าลมพายุ ปุยหิมะโปรยปรายพัดพาความเย็นยะเยือกเข้าปกคลุมไปทุกอณูพื้นที่ ถึงภูมิอากาศจะเลวร้าย พืชพรรณธัญญาหารยากเพาะปลูก แต่ชาวบ้านก็ดำรงอยู่อย่างเข้มแข็งไม่คิดจะย้ายถิ่นฐาน เพราะชื่อเสียงของกองทัพตระกูลจ้าวเลื่องลือระบือไกลเป็นที่น่าครั่นคร้ามแก่อริราชศัตรู แม้แม่ทัพใหญ่อย่างจ้าวลี่จิ่นบุตรสาวของจ้าวมู่จะไม่อยู่ประจำการที่กองทัพด่านหน้า แต่แคว้นรอบข้างก็ยังไม่กล้ายกทัพเข้ามารุกราน ชาวบ้านจึงอาศัยอยู่ที่นี่อย่างเป็นสุขและปลอดภัย แต่แล้วความสงบสุขก็อันตรธานหายไป “ช่วยด้วย... กรี๊ดดด” เสียงกรีดร้องดังระงมไปทั่วทุกหนทุกแห่ง หมู่บ้านเป่ยปิงตกอยู่ในฝันร้ายอันน่าหวาดผวา ศพของผู้คนนอนกลาดเกลื่อนอยู่บนพื้นหิมะขาวโพลนทั้งเด็ก คนแก่ และสตรีที่ไร้เรี่ยวแรงหลบหนี แม้แต่บุรุษร่างสูงใหญ่ก็ยากจะต้านทานเมื่อต้องสู้กับสิ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 114

    สัมผัสแผ่วเบาบริเวณปลายนิ้วปลุกจ้าวลี่หมิงให้ตื่นจากนิทรานัยน์ตาสีน้ำตาลซ่อนประกายมรกตคู่งามสะท้อนภาพดวงหน้าคมเข้มเคล้าคลอมือนิ่ม ริมฝีปากหยักจุมพิตนิ้วเรียวทีละนิ้วอย่างละเมียดละไม “ตื่นแล้วหรือ ข้ากวนเจ้า?” เฉินซือหยางเลิกคิ้วถาม นัยน์ตาสีนิลเต็มไปด้วยความหลงใหลคลั่งไคล้แฝงประกายอ่อนโยนอยู่เป็นนิจ “ท่านพึ่งรู้ตัวหรือ” จ้าวลี่หมิงหลบสายตา ชักมือหนีคนตัวโตทั้งใบหูแดงระเรื่อแต่ก็ไม่อาจหลุดพ้น หนำซ้ำยังโดนคนหน้าหนาจูบหลังมือนุ่มหนักๆ ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเขาไปง่ายๆ “อย่าซนสิ! ตอนนี้ยามใดแล้ว” “เพิ่งยามเฉิน[1] เจ้านอนต่ออีกหน่อยเถอะ” เฉินซือหยางนอนทอดหุ่ยสบายอารมณ์ มือหนาลูบไล้แผ่นหลังบางเขาหยุดว่าราชการหลายวันเพื่ออยู่เป็นเพื่อนภรรยาตัวน้อย โยนภาร

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 113

    ตำหนักบูรพาอบอวลไปด้วยความสุข ถึงแม้องค์รัชทายาทผู้เป็นเจ้าของงานจะปลีกตัวออกไปตั้งแต่ต้น แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับการที่ฝ่าบาทยังประทับอยู่ที่นี่ ดังนั้นเป้าหมายในการประจบประแจงจึงเบนเข็มมายังเฉินเทียนอี้ ขุนนางบู๊บุ๋นทั้งหลายต่างดาหน้าเข้ามาคารวะสุราไม่ขาดสาย ทำเอาหลินเสวี่ยเฟิ่งอึดอัดนิดหน่อย “เสี่ยวเทียนข้าออกไปสูดอากาศข้างนอกสักครู่นะ” “ถ้าเจ้าเบื่อเรากลับกันเลยไหม” “อย่าดีกว่า ท่านคอยรับรองแขกแทนหยางเอ๋อร์เถอะ ข้าไปไม่นานหรอก” หลินเสวี่ยเฟิ่งตบหลังมือหนาเบาๆ แล้วปลีกตัวออกมาจากงาน โดยมีหวังกงกงตามรับใช้ใกล้ชิด หลินเสวี่ยเฟิ่งเหม่อมองตำหนักหลักที่ถูกใช้เป็นเรือนหอของบุตรชาย เทียนมงคลสาดแสงสีแดงสลัวราง บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบต่างจากงานพิธี ณ ลานหน้าตำหนักโดยสิ้นเชิง หลินเสวี่ยเฟิ่งยิ้มบาง แ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 112

    “ดีหรือไม่” เฉินซือหยางกระซิบถามเสียงพร่า ร่างหนาล้มตัวลงนอนทาบทับร่างโปร่งบาง กกกอดจ้าวลี่หมิงไว้ในอ้อมแขน ไม่ยอมถอดถอนตัวตนออกจากโพรงเนื้อนุ่มแม้เพียงชั่วขณะอยากจะซุกซบอยู่ในแอ่งอุ่นนี้ตราบนานเท่านาน “ยอดเยี่ยมที่สุด” จ้าวลี่หมิงถอนหายใจอย่างอิ่มเอม มือเรียวลูบไล้อกแกร่งเล่น ก่อนที่มือซุกซนจะเลื่อนไถลลงต่ำวนเวียนแถวๆ มัดกล้ามเป็นลอนงามเหนือหน้าท้องแกร่ง เล่นเอาไฟสวาทของเฉินซือหยางลุกโหมขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ลำกายแข็งชันเหยียดขยายช่องทางรักจนจ้าวลี่หมิงรู้สึกได้ “อีกครั้งนะ” เฉินซือหยางอ้อนเสียงพร่า มือหนาเริ่มยุ่มย่ามกับผิวเนื้อนวลเนียนชื้นเหงื่อให้สัมผัสลื่นมือ ตุ่มไตสีหวานตัดกับผิวขาวบางกระเพื่อมไหวตามการหายใจของจ้าวลี่หมิงยั่วเย้าให้ลมหายใจของคนร่างสูงหอบหนัก กระหายอยากคนร่างบางจนหน้ามืด “ไม่เอา เหนียว

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 111

    จ้าวลี่หมิงถูกอุ้มเข้าห้องหอ หลังจากท่านพ่อท่านแม่ของเขาเข้ามาทำพิธีปูเตียงให้เรียบร้อย เขาก็ได้แต่นั่งรออย่างสงบอยู่ภายในห้อง “ข้าจะออกไปต้อนรับแขกสักครู่ หากเจ้าหิวก็ทานก่อนได้เลยไม่ต้องรอข้า” เฉินซือหยางจูบหน้าผากอิ่มเนิ่นนานค่อยผละจากคนร่างเล็กอย่างอาลัยอาวรณ์ “ดูแลพระชายาให้ดี” “เพคะ” สาวใช้ประจำเรือนช่านไฉ่ทั้งสี่ตามมารับใช้จ้าวลี่หมิงด้วยรับคำโดยพร้อมเพรียง รอจนร่างสูงของเฉินซือหยางเดินจากไป จ้าวลี่หมิงก็โบกมือไล่เหล่าสาวใช้ “พวกเจ้าออกไปเถอะ หากมีอะไรแล้วข้าจะเรียก” “เพคะ” พอได้อยู่คนเดียวภายในห้องจ้าวลี่หมิงก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาพักผ่อนร่างกายให้คลายจากอาการเมื่อยขบ หลังจากยืนเกร็งอยู่เป็นนานในงานพิธี

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 110

    เฉินซือหยางกอดรัดร่างบางแนบแน่น ฝ่ามือลูบไล้แผ่นหลังเล็ก บรรยากาศอ่อนหวานโอบล้อมคนทั้งคู่คงจะดีถ้าไม่มีกลิ่นดอกเหมยหอมกรุ่นก่อกวนจมูกโด่งคม ไหนจะเนื้อตัวนุ่มนิ่มคอยบดเบียดอยู่ในอ้อมแขนนี้อีกเล่า ยั่วเย้าจนอะไรต่อมิอะไรของเขาผงาดกล้า “บ้าเอ๊ย! อยากเข้าหอชะมัด พวกเราข้ามขั้นตอนเลยดีไหม” ฟองอากาศแห่งความสุขลอยละล่องอยู่รอบกายแตกโพละเพราะคำพูดของชายหนุ่ม “บ้า! มันใช่เวลาไหม” จ้าวลี่หมิงทุบบ่าแกร่ง ดิ้นรนหลีกหนีจากอ้อมแขนของคนไม่รู้กาลเทศะ “อย่าดิ้น อยู่นิ่งๆ ก่อน” เฉินซือหยางสูดลมหายใจระงับอารมณ์เร่าร้อน จ้าวลี่หมิงตัวแข็งทื่อ ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดใบหูจนเขารู้สึกวูบไหวไปด้วย คนตัวเล็กเลยหยุดดิ้นนั่งนิ่งไม่กระดุกกระดิก รอจนลมหายใจหอบหนักของเฉินซือหยางกลับมาเป็นปกติ ค่อยผลักชายหนุ่มออกเบาๆ

Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status