Share

บทที่ 5

หลังจากแขกเหรื่อแยกย้ายกลับกันไปหมดแล้ว กู้จิ่งซีก็กลับมาที่เรือนของตัวเอง ภายในเรือนจุดโคมไฟสว่างไสว

วันนี้เขาดื่มไปไม่น้อย เมาได้ห้าหกส่วนแล้ว เขานวดหว่างคิ้ว เหลือบมองไปทางห้องหลัก ตัวเขาเองก็คิดว่าเรื่องมันเหลวไหล เห็นชัดว่าเป็นลูกสะใภ้ สุดท้ายกลับจับพลัดจับผลู กลายเป็นเขาที่แต่งงานกับว่าที่ลูกสะใภ้แทน

นี่เป็นเรื่องที่ออกนอกลู่นอกทางที่สุดที่เขาเคยทำตลอดยี่สิบเก้าปีที่ผ่านมา เมื่อเมิ่งจิ่นเหยาเลือกเขาอย่างแน่วแน่ ดึงดันที่จะแต่งงานกับเขา เมื่อเขาสบสายตาที่เด็ดเดี่ยวของเมิ่งจิ่นเหยา เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดความคิดแบบไหนถึงดลใจให้ตอบตกลงโดยไม่รู้ตัว

ในขณะนั้น เมิ่งจิ่นเหยาลบเครื่องสำอางออกแล้ว หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็นั่งรออยู่ในห้องด้วยความกระสับกระส่าย เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู นางจึงคลายมือที่กำแน่นออก เชยตามองไปก็เห็นบุรุษร่างสูงตระหง่านราวกับต้นสน ก้าวเดินเข้ามาอย่างมั่นคง

เวลานี้ไม่มีผู้ชมรอบข้างคอยชมละคร สภาพจิตใจของนางกลับไม่ได้สงบนิ่งไปกว่าตอนที่มีผู้ชมอยู่เลย นางฝืนเดินเข้ามาโดยแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น พยายามทำหน้าที่ภรรยาอย่างเต็มที่ เอ่ยถามอย่างนอบน้อมว่า “ท่านพี่อยากอาบน้ำก่อนหรือไม่? ข้าจะให้สาวใช้ไปเตรียมน้ำเดี๋ยวนี้”

คำว่าท่านพี่นี้เรียกขานได้อย่างเป็นธรรมชาติ

กู้จิ่งซีเหลือบมองนางด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าเมื่อนางเผชิญหน้ากับตนเพียงลำพัง นางยังรักษาความเยือกเย็นไว้ได้ ไม่มีความขัดเขินเลยสักนิดเดียว ราวกับว่าคนที่นางอยากแต่งงานด้วยตั้งแต่ต้นคือเขา ไม่ใช่ซิวหมิง กลับกลายเป็นว่าบุรุษอย่างเขาเกิดความรู้สึกประดักประเดิดนิดหน่อย จึงเอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “ไม่ต้องลำบากหรอก ข้ากลับมาหยิบชุดไปเปลี่ยน ดึกมากแล้ว เจ้าพักผ่อนก่อนเถิด”

เมิ่งจิ่นเหยาได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว รวบรวมความกล้าเชยตามองเขา เมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉยของเขาจึงถามว่า “ท่านพี่ บุรุษสกุลกู้ไม่มีความรับผิดชอบ ที่แท้เป็นการรับสืบทอดกันมาหรือ?”

กู้จิ่งซีตั้งตัวไม่ทันไปชั่วขณะ ถามกลับว่า “ว่ากระไรนะ?”

เมิ่งจิ่นเหยากำมือที่อยู่ในแขนเสื้อแล้วคลายออก ก่อนจะกล่าวประณามว่า “บุตรชายของท่านหนีตามคนอื่นไปในวันวิวาห์ ส่วนท่านก็ปล่อยให้ภรรยาอยู่เฝ้าห้องเพียงลำพังในคืนส่งตัวเข้าหอ นี่ไม่ใช่ว่าลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น ไม่มีความรับผิดชอบสืบทอดกันมาหรือไร?

นางรู้ว่ามีความเป็นไปสูงที่กู้จิ่งซีไม่พอใจที่ถูกบีบบังคับให้แต่งงานกับนาง ถึงได้คิดจะทิ้งนางไว้ แต่ใครใช้ให้กู้จิ่งซีอบรมสั่งสอนบุตรชายไม่ดีเล่า? หากไม่อยากแต่งงานกับนาง สมควรถอนหมั้นกันตั้งแต่แรก ไม่ใช่ให้นางกลายเป็นที่ขบขันในวันวิวาห์ ทำให้นางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

นางไม่คิดว่าการให้กู้จิ่งซีแต่งงานกับนางเป็นความผิดร้ายแรงเลย ถึงอย่างไรเป็นสกุลกู้ที่ทำผิดกับนางก่อน และเวลานั้นกู้จิ่งซีก็ยินยอมด้วยตนเอง เวลานี้อยากปล่อยให้นางเฝ้าห้องเพียงลำพังในคืนส่งตัวเข้าห้องหอของการแต่งงาน หากเรื่องแพร่ออกไป ภายภาคหน้านางจะตั้งตัวในจวนได้อย่างไร?

ในเมื่อแต่งงานกับนางแล้ว เช่นนั้นก็ต้องรับผิดชอบนางในฐานะสามี มิฉะนั้นก็อย่าแต่งงาน ถึงอย่างไรกู้จิ่งซีก็ใช้การไม่ได้ พวกเขาทำได้เพียงนอนห่มผ้าเท่านั้น นางจึงไม่กลัวการนอนร่วมเตียงเคียงหมอนกับกู้จิ่งซีเลย

กู้จิ่งซีเข้าใจแล้วยิ้มแย้มออกมาทันที ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “ก่อนที่เจ้าจะแต่งงานกับข้า ไม่รู้หรือว่าเหตุใดข้าถึงรับเด็กจากในตระกูลมาเป็นบุตรบุญธรรม?”

เมิ่งจิ่นเหยาเห็นเขาไม่ถือสาเลยสักนิดที่จะเอ่ยถึงเรื่องโรคที่มิกล้าบอกผู้ใด คาดว่าเป็นเพราะนี่คือความลับที่ใคร ๆ ต่างก็รู้ และชื่นชมที่เขาสามารถพูดถึงได้อย่างสงบนิ่งเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นบุรุษอื่นมีความเป็นไปได้สูงว่าคงจะรู้สึกอับอาย หรือถึงขนาดพาลโกรธ

ในเมื่อกู้จิ่งซีไม่ใส่ใจ เช่นนั้นนางก็เอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ท่านพี่แค่มีโรคที่เอ่ยให้ผู้ใดฟังไม่ได้ ไม่ใช่โรคประหลาดที่ไม่อาจนอนร่วมเตียงกับสตรีได้ ยิ่งไปกว่านั้นในเมื่อข้ารู้สภาพของท่าน แต่ยังเลือกแต่งงานกับท่านพี่อย่างแน่วแน่ ข้าจะถือสาเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร?”

กู้จิ่งซีฟังจบก็ปรายตามองนางด้วยแววตาแปลกประหลาด ไม่รู้ว่าตนเองคิดมากไปหรือเปล่า รู้สึกว่านางถูกใจที่ตนใช้การไม่ได้ จึงอยากแต่งงานกับตน

เมื่อคิดถึงตรงนี้ กู้จิ่งซีขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างยากที่จะสังเกตเห็น แต่เมื่อเห็นความน้อยอกน้อยใจที่สังเกตเห็นได้ยากซ่อนอยู่ในแววตาของภรรยาตัวน้อยที่เพิ่งตบแต่ง เขาก็อึ้งไป การอยู่คนเดียวในห้องหอของคืนวันวิวาห์เป็นเรื่องที่สมควรน่าน้อยใจ บวกกับวันนี้ได้ผ่านเรื่องราวเช่นนี้อีก ไม่สติแตกร้องไห้ยกใหญ่ก็มหัศจรรย์แล้ว สุดท้ายเขาจึงพยักหน้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อยว่า “ในเมื่อฮูหยินไม่ถือสา เช่นนั้นก็ให้สาวใช้เตรียมน้ำเถิด”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status