Share

บทที่ 8

เมื่อคำกล่าวนี้ออกมา ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็ปรายตามองนางด้วยสีหน้าไม่คาดฝัน ไม่พอใจที่นางพูดเรื่องที่ไม่สมควรพูด

เมิ่งจิ่นเหยาเองก็รู้ว่านางกำลังยั่วยุ แถมยังบอกเป็นนัยว่ากู้จิ่งซีใช้การไม่ได้ จึงตอบกลับอย่างนุ่มนวลว่า “ขอบคุณพี่สะใภ้ใหญ่ที่เป็นห่วงเจ้าค่ะ เมื่อคืนข้าดีหมดทุกอย่าง”

นางกล่าวพลางชะงักไป จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นทำสีหน้าเหมือนมารดาผู้อ่อนโยนแล้วเอ่ยต่อว่า “เจ้าเด็กซิวหมิงไม่รู้ความจริง ๆ แต่นี่ก็โทษเขาทั้งหมดไม่ได้ เขาไม่มีมารดาอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เล็ก ท่านพี่ก็ยุ่งกับราชกิจ ขาดการดูแลสั่งสอนเขา ส่วนท่านแม่ก็อายุมากแล้ว ไม่มีแรงดูแลสั่งสอน บัดนี้ข้าแต่งงานเข้ามาแล้ว เขาก็มีมารดาแล้ว ต่อไปจะต้องสั่งสอนเขาอย่างเข้มงวดเจ้าค่ะ”

เมื่อสิ้นเสียงพูด กู้จิ่งซีเลิกคิ้วขึ้น เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงอ่อนโยนถึงเพียงนี้ เหตุใดเขาถึงฟังออกว่าเหมือนกัดฟันกล่าว?

ส่วนนางจางก็สำลักในใจ จ้องมองเมิ่งจิ่นเหยาที่มีสีหน้าอบอุ่น รอยยิ้มอ่อนโยน วางท่าเหมือนญาติผู้ใหญ่ได้ดีมาก นางยิ่งรู้ว่าเมิ่งจิ่นเหยาจะต้องเป็นโหดเหี้ยม สามารถยืดได้หดได้ ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ดี คนแบบนี้รับมือได้ยาก

มารดาใหม่ของซื่อจื่อจวนโหวมีความแค้นกับซื่อจื่อ นี่ย่อมมีละครสนุก ๆ ให้ดูแล้ว หากเมิ่งจิ่นเหยาร้ายกาจอีกหน่อยก็สามารถเปลี่ยนคนมานั่งตำแหน่งซื่อจื่อนี้ได้เช่นกัน

สุดท้ายลูกบุญธรรมที่รับมาจากสายรองก็ไม่ดีเท่าลูกของบ้านหลัก หลังจากเหตุการณ์นี้ มารดาสามีกับน้องสามควรจะเข้าใจได้แล้วถึงจะถูก บางทีบุตรชายของนางอาจจะสามารถแย่งชิงมาได้ ถึงอย่างไรซิวหย่วนก็เป็นหลานชายคนโตของจวนโหว

เมื่อคิดได้ดังนั้น นางก็เอ่ยตามคำพูดของเมิ่งจิ่นเหยาว่า “น้องสะใภ้สามกล่าวถูกต้อง วันหน้าซิวหมิงมีมารดาอบรมสั่งสอน ย่อมเปลี่ยนนิสัยได้อย่างแน่นอน” นางกล่าวจบก็หัวเราะเบา ๆ ในใจ เมิ่งจิ่นเหยายังอ่อนวัยกว่ากู้ซิวหมิงสองเดือน กู้ซิวหมิงยอมรับได้ก็แปลกแล้ว นางแทบรอไม่ไหวอยากเห็นฉากมารดาบุตรอย่างพวกเขาต่อสู้กันขึ้นมา

เมิ่งจิ่นเหยาเม้มปากยิ้ม ก้มหน้าดื่มชา ไม่ตอบรับคำกล่าวนี้

ฮูหยินผู้เฒ่ากู้เคยฝากความหวังไว้ที่ตัวกู้ซิวหมิงผู้เป็นหลานชายคนนี้ บัดนี้นางกลับผิดหวังต่อหลานชายผู้นี้อย่างยิ่ง เดิมทีนางเห็นว่ากู้ซิวหมิงเฉลียวฉลาดรู้ความ อีกทั้งหน้าตายังคล้ายคลึงกับบุตรชายเล็กน้อย บิดากับบุตรเหมือนกันนิดหน่อย ดังนั้นถึงได้ทิ้งเด็กที่อายุน้อยกว่าพวกนั้น แล้วให้กู้ซิวหมิงที่อ่อนวัยกว่าบุตรชายสิบสามปีมาเป็นบุตรบุญธรรม เวลานี้ดูเหมือนว่านางคิดผิดแล้ว แต่ตอนนี้นึกเสียใจภายหลังก็ไร้ประโยชน์ ทำได้เพียงอบรมสั่งสอนให้ดีขึ้น หากสั่งสอนแล้วยังไม่สำนึกและแก้ตัวใหม่ เช่นนั้นก็ต้องเปลี่ยนตัวซื่อจื่อของฉางซินโหว

ผ่านไปครู่หนึ่ง นางเฉินผู้เป็นฮูหยินรองก็เปลี่ยนเรื่อง “น้องสะใภ้สาม ได้ยินว่าฝีมือชงชาของเจ้าดีมาก”

เมิ่งจิ่นเหยาตอบกลับด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “ข้าแค่พอรู้อยู่บ้าง ฝีมือชงชาของพี่สะใภ้รองถึงจะเป็นที่ยอมรับว่าดี วันหน้าจะต้องขอคำแนะนำจากพี่สะใภ้รองด้วยนะเจ้าคะ”

นางเฉินกล่าวว่า “ไม่กล้าให้คำแนะนำหรอก น้องสะใภ้สามถ่อมตัวแล้ว”

ทั้งครอบครัวนั่งสนทนากัน หลังจากที่ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ฮูหยินผู้เฒ่ากู้มีสีหน้าอ่อนล้าเล็กน้อย ทุกคนจึงกลับไป

แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากู้กลับบอกให้กู้จิ่งซีอยู่ต่อเพียงลำพัง บอกว่ามีเรื่องต้องกำชับ เมิ่งจิ่นเหยาจึงพาสาวใช้คนสนิทของตัวเองกลับไปที่เรือนเวยหรุยเซวียน

กู้จิ่งซีถามว่า “ไม่ทราบว่าท่านแม่มีเรื่องอันใดอยากกำชับลูกหรือ?”

ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ตั้งใจสังเกตบุตรชายวัยยี่สิบเก้าอย่างละเอียด ขอบตาฉ่ำรื้นอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงสะอื้นว่า “ข้านึกว่าชาตินี้คงรอจนเจ้ามีครอบครัวไม่ได้แล้ว คิดไม่ถึงว่าสวรรค์จะเมตตาข้า ให้ข้ามีชีวิตอยู่รอคอยจนมาถึง”

กู้จิ่งซีเอ่ยขออภัยว่า “ลูกอกตัญญู ทำให้ท่านแม่เป็นห่วงลูกแล้ว”

ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง กล่าวอย่างจริงจังว่า “ในเมื่อรู้ตัวว่าอกตัญญู ต่อไปต้องปฏิบัติต่อลูกสะใภ้ของข้าให้ดี ๆ ภรรยาของเจ้าลำบาก นางแต่งงานกับเจ้าภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น หากเจ้าไม่ปกป้องนาง นางคงจมละอองน้ำลายได้”

เมื่อได้ยินคำกล่าว กู้จิ่งซีนึกถึงท่าทางสุขุมเยือกเย็นของเมิ่งจิ่นเหยายามเผชิญเรื่องราว เขาก็ส่ายหน้าพลางแย้มยิ้ม “ข้าคิดว่าท่านแม่กังวลมากไป ท่าทางเช่นนั้นของนาง ไฉนเลยยังต้องการให้ข้าปกป้องด้วย?”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status