Share

บทที่ 14

หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป สายตาของบ่าวรับใช้ในเรือนเวยหรุยเซวียนที่มีต่อเมิ่งจิ่นเหยาก็เปลี่ยนไป กลายเป็นเคารพขึ้นมาทันที

ใครจะคิดว่าฮูหยินที่ดูหวานหยาดเยิ้มผู้นี้จะมีอุบายอันแยบยลอย่างแท้จริง ลงโทษสาวใช้ชั้นสองสองคนต่อหน้าท่านโหว ส่งพวกนางไปอยู่ที่หมู่บ้านในชนบท แล้วยังได้รับการสนับสนุนจากท่านโหวอีกด้วย

ความเคลื่อนไหวในเรือนเวยหรุยเซวียนใหญ่โตเช่นนี้ ข่าวคราวย่อมแพร่ไปถึงบ้านใหญ่ บ้านรอง รวมถึงฮูหยินผู้เฒ่าเป็นเรื่องธรรมดา

ฮูหยินใหญ่นางจางขมวดคิ้ว ถามสาวใช้ที่มาส่งข่าว “เจ้าแน่ใจหรือว่าตอนนั้นท่านโหวก็อยู่ด้วย?”

สาวใช้พยักหน้าตอบว่า “ได้ยินว่าท่านโหวกลับมาพอดี เห็นสาวใช้ถูกลงโทษ หลังจากสอบถามความเป็นมาของเรื่องราวแล้ว ก็สนับสนุนการตัดสินใจของฮูหยินท่านโหว ตบปากยี่สิบครั้ง ขับไล่ไปอยู่ที่หมู่บ้านในชนบทเจ้าค่ะ”

นางจางโบกมือบอกให้สาวใช้ออกไป หลังจากสาวใช้ออกไปแล้ว นางก็หันหน้าไปมองกู้จิ่งเซิ่งผู้เป็นสามี แล้วพูดว่า “ท่านพี่ เห็นทีน้องสะใภ้สามของเราคนนี้จะไม่ธรรมดา”

กู้จิ่งเซิ่งไม่คิดเช่นนั้น “ก็แค่เด็กสาวไร้เดียงสาวัยสิบหกปีเท่านั้น ยังเด็กกว่าซิวหย่วนของเราตั้งสองปี จะมีอะไรธรรมดาหรือไม่ธรรมดาหรือ?”

เมื่อเห็นว่าสามีไม่รู้สึกถึงภัยอันตรายในเวลานี้ นางจางก็ร้อนรนอยากพร่ำสอนเขา จึงวิเคราะห์ออกไปว่า “นางเพิ่งแต่งเข้ามา ท่านแม่ก็มอบกำไลที่เป็นมรดกตกทอดของครอบครัวให้นางแล้ว น้องสามยังช่วยเสริมสร้างบารมีให้กับนาง อย่างที่รู้กันว่าน้องสามไม่เคยสนใจเรื่องหลังเรือนเลย แต่ด้วยระยะเวลาสั้น ๆ เพียงคืนเดียว ก็ทำให้น้องสามปกป้องนางแล้ว”

กู้จิ่งเซิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนจะเผยเสียงหัวเราะที่ดูมีเลศนัย และอาจเรียกได้ว่าไม่ค่อยจะสุภาพสักเท่าใด พร้อมกับพูดเคล้าเสียงหัวเราะเบา ๆ ว่า “ผู้ชายคนนี้น่ะหรือ แค่ภรรยาเป่าหูนิดหน่อย ก็หูเบาไปถึงไหนต่อไหนแล้ว น้องสามไม่เคยใกล้ชิดกับความงามของอิสตรี แต่จู่ ๆ ก็มีสาวงามเข้ามา ต่อให้อาวุธประจำกาย[1]ใช้การไม่ได้ ก็ยังสามารถหาความสุขในรูปแบบอื่นได้ บางทีน้องสะใภ้สามอาจจะมีฝีมือดีเลิศ ปรนนิบัติน้องสามจนคล้อยตามก็ได้?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางจางก็เหลือบมองสามี พลางเข้าสู่ภวังค์ความคิด ความจริงคำพูดของสามีก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล สามีก็มักจะถูกอนุสาว ๆ โฉมงามล่อลวงจนเสียผู้เสียคน ผู้ชายน่ะ ก็เหมือนกันหมด มีแต่ตัณหา

ครู่ต่อมา นางจางก็ซักถามข้อสงสัยขึ้นมาอีก “สาวใช้ในเรือนของน้องสามแต่ละคนล้วนมีรูปโฉมงดงาม หากเขาต้องการหาความสุข ทำไมเมื่อก่อนถึงไม่ทำอะไรเลย?”

กู้จิ่งเซิ่งครุ่นคิดสักครู่ แล้วตอบว่า “เมื่อก่อนคงจะไม่ได้เปิดหูเปิดตา บวกกับอาวุธประจำกายใช้การไม่ได้ ไม่สามารถทำหน้าที่ลูกผู้ชายได้อย่างแท้จริง ไม่รู้ว่าในใจจะรู้สึกดูถูกตัวเองแค่ไหน ก็เลยไม่เคยคิดไปในทิศทางนั้น ดังนั้น น้องสะใภ้สามของเราก็เก่งมากแล้ว”

ความรู้สึกเป็นภัยในใจของนางจางทวีเพิ่มมากขึ้น พูดอย่างเป็นกังวล “ท่านพี่ เห็นทีอำนาจจัดการภายในจวนคงจะต้องยกให้อยู่ในมือนางในไม่ช้า”

กู้จิ่งเซิ่งกล่าวไปตามเหตุตามผล “น้องสามเป็นทายาทสายตรง นางคือฮูหยินท่านโหว ยกอำนาจจัดการภายในเรือนให้นางก็ไม่ใช่เรื่องปกติหรอกหรือ?”

เมื่อนางจางได้ยินคำพูดของสามี ก็โมโหจนปวดตับ ก็บอกแล้วว่าลูกคนโตโง่เขลาลูกคนรองเฉลียวฉลาด สามีของนางเป็นลูกคนโต เป็นคนโง่ ไม่เฉลียวฉลาดเหมือนลูกคนรอง หนักกว่านั้นคือไม่มีความสามารถเหมือนลูกคนที่สาม

นางวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียด้วยเสียงอันทุ้มต่ำ “ท่านพี่ ข้าถืออำนาจดูแลเรือนมาสิบปีแล้ว น้องสะใภ้รองก็คอยช่วยเหลือ ข้ากับนางคอยดูแลกันและกัน ใครก็มาแสวงหาผลประโยชน์ไม่ได้ แต่หากน้องสะใภ้สามถืออำนาจก็จะไม่เหมือนเดิมแล้ว ท่านแม่จะไม่ให้ข้าและน้องสะใภ้รองช่วยเหลือแน่ แต่จะปล่อยให้นางมีอำนาจผูกขาด ถึงเวลานั้นหากนางคิดจะแสวงหาผลประโยชน์ให้กับบ้านสามมันจะไม่ง่ายดายหรอกหรือ? หลังจากที่นางควบคุมอำนาจแล้ว พวกเราจะยิ่งด้อยค่าลงไปอีก”

ทันทีที่กู้จิ่งเซิ่งได้ฟังก็เหมือนตรัสรู้ในทันที พวกเขาพี่น้องสามคน มีเขาคนเดียวที่ไร้ความสามารถ ต้องอาศัยร่มเงาของครอบครัวถึงจะได้ตำแหน่งงานเบา ๆ มา ลูกคนรองดำรงตำแหน่งจางวางกรมธรรมการ แม้ว่าตำแหน่งทางราชการจะไม่สูงนัก แต่ถึงอย่างไรก็เป็นตำแหน่งขาดแคลน ลูกชายคนที่สามดำรงตำแหน่งเสนาบดีศาลต้าหลี่ อายุยังน้อยแต่กินตำแหน่งเก้าเสนาบดีแล้ว

ขณะนี้อำนาจดูแลเรือนอยู่ในมือของบ้านใหญ่ บ้านรองเพียงแค่คอยช่วยเหลือเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาที่เป็นบ้านใหญ่จึงมีความมั่นใจในการพูดและกระทำสิ่งต่าง ๆ หากไม่มีอำนาจดูแลเรือนแล้ว บ้านใหญ่ของพวกเขาก็จะอ่อนแอที่สุด สู้บ้านรองยังไม่ได้เลย

กู้จิ่งเซิ่งกล่าวเสียงเข้ม “ฮูหยิน จะให้อำนาจอธิปไตยนี้ตกอยู่ในมือของนางไม่ได้”

_________________________________

[1] อาวุธประจำกาย หมายถึงอวัยวะเพศของผู้ชาย

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status