Share

บทที่ 20

บนรถม้า

กู้จิ่งซีมองภรรยาตัวน้อยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เห็นเพียงแม่นางน้อยกำลังอมยิ้ม คิ้วและดวงตาวาดโค้ง ท่าทางอารมณ์ดีมีความสุข อาจเป็นเพราะได้ระบายความขุ่นเคืองออกไปแล้ว เขาจึงถามว่า “อารมณ์ดีมากหรือ?”

รอยยิ้มมุมปากของเมิ่งจิ่นเหยาไม่อาจข่มไว้ได้ จึงสารภาพอย่างตรงไปตรงมา “อารมณ์ดีมาก ๆ บอกแล้วว่าปากของขุนนางบุ๋นเวลาจะประจบประแจงผู้ใด ก็ต้องกล่อมจนผู้นั้นจิตใจเบิกบาน หากคิดจะทำให้ใครโกรธ ก็ต้องโกรธจนตายกันไปข้างหนึ่ง ในที่สุดวันนี้ก็ได้เปิดหูเปิดตาแล้ว”

พอนางพูดจบ รอยยิ้มก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้น นางไม่คาดคิดจริง ๆ ว่ากู้จิ่งซีจะมีกำลังต่อสู้แข็งแกร่งขนาดนี้ และยิ่งนึกไม่ถึงว่ากู้จิ่งซีจะพูดคุยกับคนในบ้านบิดามารดาของนางได้เก่งแบบนี้ เดิมยังนึกว่ากู้จิ่งซีแค่แสร้งทำเป็นนอบน้อมและคล้อยตามเพื่อเอาตัวรอดไปก่อน

กู้จิ่งซีจุกอยู่ในลำคอ เวลาแม่นางน้อยชื่นชมใครสักคน ทำไมถึงดูเหมือนกำลังด่าใครอยู่? เขาหัวเราะพร้อมกับพูดว่า “ฮูหยินเวลาอยู่ต่อหน้าข้าพูดเก่งมากไม่ใช่หรือ? เหตุใดพอกลับถึงบ้านพ่อแม่แล้วเป็นใบ้ไปเสียล่ะ?”

“กำลังต่อสู้ของท่านพี่แข็งแกร่งเกินไป ไม่มีที่ให้ข้าได้แสดงความสามารถเลย” เมิ่งจิ่นเหยาตอบอย่างจริงจัง นางไม่ยอมรับว่านางแค่อยากดูอะไรสนุก ๆ เท่านั้น แล้วพูดอีกว่า “นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เห็นพวกเขาเสียหน้าร่วมกัน ขอบคุณท่านพี่นะเจ้าคะ”

กู้จิ่งซีตอบว่า “คำพูดประโยคนั้นของฮูหยินเตือนสติข้า ถ้าเจ้าขายหน้า ข้าก็ขายหน้าไปด้วย ข้ากำลังช่วยเหลือตัวเองอยู่ ฮูหยินไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรอก”

เมิ่งจิ่นเหยาเม้มริมฝีปาก รู้สึกว่าคนผู้นี้ยอมรับคำขอบคุณไม่ได้ พลางเหลือบมองเขา แล้วอดไม่ได้ที่จะโต้กลับ “ข้าไม่ได้บอกว่าท่านกำลังช่วยข้า แค่ขอบคุณตามมารยาทเท่านั้น”

กู้จิ่งซีสำลัก “...”

ไม่มีความเกรงใจเลยจริง ๆ เด็กคนนี้ไม่ค่อยน่ารักเลยใช่ไหม? ช่างเถอะ แม่นางน้อยนาน ๆ ทีจะร่าเริงบ้าง อย่าไปถือสานางเลย

ครู่ต่อมา กู้จิ่งซีก็ถามอย่างไตร่ตรองไว้ก่อน “ฮูหยิน เจ้าเป็นบุตรสาวคนโตสายตรงของครอบครัว เป็นบุตรคนแรกในบรรดาสกุลเมิ่งรุ่นหลาน สมควรได้รับการเห็นค่าจากคนในครอบครัว ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้?” เมื่อก่อนแม่นางผู้นี้คือว่าที่สะใภ้ เขาเองก็ไม่ได้ตรวจสอบมาก่อน รู้เพียงว่าเป็นแม่นางที่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ ไม่คิดว่าจะเป็นคนที่น่าสงสาร

เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงเล็กน้อย แต่แล้วก็ตอบอย่างสงบ “ข้าเพิ่งเกิดก็สูญเสียแม่แล้ว ท่านย่าคิดว่าข้าเป็นตัวกาลกิณีมาเกิด ท่านพ่อไม่เห็นความสำคัญ แม่เลี้ยงก็หน้าเนื้อใจเสือ ท่านปู่ของข้ากับบิดาของท่านเป็นสหายที่ดีต่อกัน ปู่ของข้ากลัวว่าหลังจากที่เขาตายไปแล้วสกุลเมิ่งจะปฏิบัติต่อข้าไม่ดี จึงขอให้มีการวิวาห์ครั้งนี้ เพื่อเห็นแก่ผลประโยชน์ สกุลเมิ่งจะไม่ทำอะไรที่มากเกินไป”

กู้จิ่งซีรู้สึกว่าสกุลเมิ่งนั้นเหลวไหล จึงขมวดคิ้วบาง ๆ “การให้กำเนิดบุตรย่อมมีความเสี่ยงอยู่แล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งเบาปัญญาแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมิ่งจิ่นเหยาก็หัวเราะเยาะ ท่านย่าของนางโง่เขลามากทีเดียว จึงถามอย่างจริงจังกึ่งติดตลกว่า “ท่านพี่ไม่กลัวว่าข้าจะดวงกินสามีหรือ?”

กู้จิ่งซีเลิกคิ้วขึ้น แล้วพูดเบา ๆ “ต่อให้วันหนึ่งข้าต้องตายโหง มันก็ไม่ใช่เรื่องที่แม่นางน้อยตัวคนเดียวอย่างเจ้าจะควบคุมได้ เว้นแต่ว่าสักวันเจ้าอยากจะลอบฆ่าสามีของตัวเอง”

เมิ่งจิ่นเหยาพูดอย่างตรงไปตรงมา “ซึ่งก็ไม่มีทาง พึ่งพิงต้นไม้ใหญ่เย็นสบายดีออก”

กู้จิ่งซีอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า “ฮูหยินเป็นคนที่เฉลียวฉลาดทีเดียว”

เมิ่งจิ่นเหยากะพริบตาปริบ ๆ ยิ้มอย่างไม่เป็นพิษเป็นภัย โดยไม่ได้ตอบอะไร นางจะลอบฆ่ากู้จิ่งซีก็ต่อเมื่อนางฟั่นเฟือนไปแล้ว หากกู้จิ่งซีตายไป นางก็จะกลายเป็นม่าย เป็นม่ายไร้ลูกติด ตกอยู่ในสภาพเปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง เมื่อมีกู้จิ่งซีอยู่ อย่างน้อยนางก็ไม่ถูกใครรังแกได้ง่าย ๆ

ไม่นานหลังจากนั้น กู้จิ่งซีก็ลงจากรถม้าเพื่อไปทำธุระอย่างอื่น ให้เมิ่งจิ่นเหยากลับไปก่อน

ตอนนี้เวลายังเช้าอยู่มาก เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่นึกว่าจะกลับเร็วขนาดนี้ จึงกินอาหารกลางวันข้างนอกแล้วค่อยมุ่งหน้ากลับจวน

เมิ่งจิ่นเหยาเพิ่งกลับมาถึงเรือนเวยหรุยเซวียน นั่งเก้าอี้ก้นยังไม่ทันร้อน ชุนหลิ่วที่เดิมเป็นสาวใช้ชั้นหนึ่งของเรือนเวยหรุยเซวียนต้องการประจบเอาหน้ากับนาง จึงกระซิบรายงานว่า “ฮูหยิน ท่านซื่อจื่อเพิ่งถูกพาตัวกลับมา รวมถึงแม่นางที่แอบหนีไปกับท่านซื่อจื่อก็ถูกพาตัวกลับมาพร้อมกัน ถูกขังไว้ในห้องหนังสือที่เรือนด้านหน้า”

ทันทีที่เสียงของชุนหลิ่วเงียบลง ดวงตาของเมิ่งจิ่นเหยาก็สว่างขึ้น เริ่มเกิดความสนใจขึ้นมาทันใด ก่อนจะพูดอย่างคลุมเครือ “บุตรชายของข้ากลับมาแล้วหรือ? เช่นนั้นข้าจะไปดูเขาก่อน”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status