Share

บทที่ 19

เมิ่งจิ่นเหยาและกู้จิ่งซีไม่ได้อยู่กินข้าวเที่ยง เมิ่งตงหย่วนแค่รั้งให้อยู่ต่อพอเป็นพิธีและพูดคุยไม่กี่คำก่อนจะปล่อยไป พาพวกเขามาส่งที่ประตูใหญ่ แล้วถึงจะโล่งอก

แม้ว่ากู้จิ่งซีจะเป็นลูกเขย แต่สถานะและตำแหน่งยังคงอยู่ สกุลเมิ่งที่กำลังเสื่อมถอยไม่สามารถเทียบได้กับสกุลกู้ที่ฮ่องเต้กำลังโปรดปราน คับข้องใจก็ต้องทนรับไว้

ด้วยเหตุนี้ เมิ่งตงหย่วนจึงอดไม่ได้ที่จะตำหนิบุตรสาวคนโตที่สร้างความยุ่งยาก กู้จิ่งซีที่ควรจะได้เป็นบิดาของสามีของครอบครัวที่ลูกหลานเกี่ยวดองกันกลับกลายมาเป็นบุตรเขย สร้างความกดดันให้เขาอย่างไม่รู้ตัว ซ้ำร้ายสกุลเมิ่งยังถูกคนอื่นหัวเราะเยาะอีก

แม้ว่ากู้ซิวหมิงจะหนีงานแต่ง แต่สกุลกู้ก็ยังคงจัดงานแต่งตามกำหนดเดิม หากบุตรสาวคนโตไม่โวยวายที่จะเปลี่ยนตัวเจ้าบ่าว ทำแบบนี้สกุลกู้จะผิดต่อสกุลเมิ่ง ติดหนี้สกุลเมิ่ง หนี้ก้อนนี้ยังสามารถนำมาใช้แสวงหาผลประโยชน์บางอย่างได้

โถงหรงฝู

ฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งโมโหจัด ด่าทออย่างโกรธเกรี้ยว “ให้ตายสินังเด็กชั้นต่ำ! ไต่เต้าขึ้นสูงจนลืมกำพืดของตัวเองไปแล้ว!”

นางซุนจะไม่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงได้หรือ?

เหตุการณ์ในวันนี้ ทำให้นางรู้สึกอับอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซ้ำยังถูกบุตรเขยที่สวมตัวกะทันหันคนนี้พูดจากำกวมใส่ด้วย กู้จิ่งซีบอกว่าเมิ่งจิ่นอวี้เป็นคนอ่อนโยน มีความรู้ สง่าภูมิฐาน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทำอะไรแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่มากไม่น้อยพอประมาณเหมือนมารดาผู้ให้กำเนิด นั่นไม่ใช่เป็นการพูดอ้อม ๆ ว่านางไม่อ่อนโยน ไม่มีความรู้ ไม่สง่างาม ไม่มีน้ำใจ ทำอะไรจิตใจคับแคบหรอกหรือ?

เมื่อเห็นมารดาของสามีหน้าเขียวบูดบึ้ง ดวงตาของนางก็มีประกายวูบวาบ พลางปลอบใจด้วยเสียงแผ่วเบา “ท่านแม่อย่าโมโหเลย อาเหยาอาจจะกำลังถือโทษโกรธพวกเราที่ในวันวิวาห์รู้ทั้งรู้ว่ากู้ซิวหมิงไม่ได้ส่งเกี้ยวไปรับเจ้าสาวด้วยตัวเอง แต่กลับบังคับให้นางขึ้นเกี้ยว เฮ้อ เราจะรู้ได้อย่างไรว่ากู้ซิวหมิงหนีการวิวาห์ไปแล้ว?”

โชคดีที่นางไม่ได้ปลอบโยน หากไปปลอบฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งก็จะยิ่งโมโหมากขึ้น “พวกเราบังคับให้นางขึ้นเกี้ยวเพราะหวังดีต่อนาง งานมงคลดี ๆ แบบนี้ของสกุลกู้ ต่อให้จุดโคมก็ตามหาไม่เจอ พลาดไปก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว คนอกตัญญูตัวนี้ได้อำนาจแล้ว จึงกลับไปอวดเบ่งบารมีที่บ้านพ่อแม่ หากรู้แบบนี้แต่แรก ช่วยเหลือนางให้ล่มการวิวาห์ในวันนั้นเสียดีกว่า!”

นางซุนปลอบใจอีกครั้ง ในที่สุดก็ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งสงบลง ก่อนจะออกจากโถงหรงฝู กลับมาถึงเรือนของตัวเอง หลังจากเข้าไปในห้อง สีหน้าของนางก็ควบคุมไม่อยู่ทันที

เมิ่งจิ่นอวี้เห็นดังนั้นก็ยิ่งรู้สึกสงสารมารดา ก่อนจะพูดอย่างหัวเสีย “ท่านแม่ พี่ใหญ่ทำเกินไปจริง ๆ! ร้ายดีอย่างไรท่านก็เป็นแม่ของนาง ตอนนางเด็ก ๆ ท่านก็เคยอุ้มชูนาง แต่มาปฏิบัติกับท่านเช่นนี้”

นางซุนถอนหายใจอย่างไม่ยอมจำนน “คนคนนี้น่ะหรือ หลังจากไต่เต้าขึ้นสูงก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ฉางซินโหวมีตำแหน่งสูงและทรงอำนาจ นางได้เป็นฮูหยินของฉางซินโหวแล้ว แม้แต่คนที่อยู่ในฐานะมารดาอย่างข้า เมื่ออยู่ต่อหน้านางก็ยังต่ำเตี้ยกว่านางอยู่มาก”

นางพูดจบก็มองไปที่บุตรสาวที่งามดั่งบุปผาและหยก ซึ่งมีอายุน้อยกว่าเมิ่งจิ่นเหยาเพียงสองปี ถ้าไม่ใช่เพราะบิดาของสามีป้องกันเอาไว้ การวิวาห์ครั้งนี้ต้องจำกัดอยู่แค่บุตรสาวคนของภรรยาเอกสกุลเมิ่งเท่านั้น หากไม่ใช่บุตรสาวคนโตของภรรยาเอกสกุลเมิ่ง การวิวาห์ก็จะถูกยกเลิกไป นางก็มีทุกวิถีทางที่จะให้บุตรสาวของตัวเองเข้ามาแทนที่ กลายเป็นฮูหยินของซื่อจื่อให้ได้

ท้ายที่สุดแล้ว ในตอนนั้นบิดาของสามีระวังนาง ถึงได้ป้องกันเอาไว้ ก่อนตายก็ได้วางแผนการวิวาห์ดีให้กับเมิ่งจิ่นเหยา เมื่อมีการวิวาห์ครั้งนี้ เมิ่งจิ่นเหยาจึงมีคุณค่าในการใช้สอย ต่อให้พวกเขาจะไม่ชอบเมิ่งจิ่นเหยามากเพียงไร ก็ต้องลองชั่งน้ำหนักดู

เมิ่งจิ่นอวี้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “นางคงไปกุเรื่องจริงเท็จต่อหน้าฉางซินโหวไว้แน่ ฉางซินโหวถึงได้มีท่าทีเช่นนี้ ท่านย่าก็ยังโกรธไม่น้อยเลย”

นางซุนแสยะยิ้มเยาะเย้ย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสุขุม “ปล่อยให้นางดื่มด่ำกับความสำเร็จไปสักพักก่อน นางภูมิใจได้ไม่นานหรอก”

เมิ่งจิ่นอวี้ถามด้วยความสงสัย “ท่านแม่ รู้ได้อย่างไร?”

นางซุนหรี่ตาเล็กน้อย พูดด้วยจังหวะพอดิบพอดี “ฉางซินโหวป่วยด้วยโรคที่ไม่อาจเปิดเผยได้ เมิ่งจิ่นเหยาจะต้องอยู่แบบเป็นม่ายไปตลอดชีวิต จะเป็นสาวพรหมจารีไปจนตาย และไม่สามารถมีลูกของตัวเองได้ ผู้หญิงที่ไม่มีลูก หากสามีจากโลกนี้ไป หรือไม่ได้รับความโปรดปรานอีกต่อไป ก็จะตกอยู่ในสภาพเปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้เมิ่งจิ่นอวี้ก็เผยรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมาเนิ่นนาน ยิ้มแย้มดีใจบนความทุกข์ของผู้อื่น แล้วพูดว่า “อดีตคู่หมั้นของนางก็คือฉางซินโหวซื่อจื่อ นางวิวาห์กับพ่อของอดีตคู่หมั้น ทำให้อดีตคู่หมั้นเสียหน้าเช่นกัน ซื่อจื่อต้องเกลียดชังนางแน่ คงจะไม่ยอมให้นางอยู่ดีมีสุขหรอก”

นางซุนพยักหน้า พลางยิ้มอย่างไม่แยแส “วิวาห์กับกู้จิ่งซีเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ข้าคิดว่านางชอบอวดฉลาดจนถูกความฉลาดนำโทษมาให้ ต่อให้ไปเลือกจากพี่น้องของกู้ซิวหมิง ก็ยังดีกว่าไปแต่งกับกู้จิ่งซี”

พอพูดจบนางก็มองไปที่บุตรสาวอีกครั้ง น้ำเสียงอ่อนโยนลงทันที ราวกับว่ากำลังเล่นไปตามแผน “แต่ว่า การที่นางวิวาห์กับฉางซินโหวก็จะมีประโยชน์กับอาอวี้ของเรา พี่สาวคนโตของเจ้าเป็นฮูหยินของฉางซินโหว เมื่อมีความสัมพันธ์ระดับนี้ ถึงตอนนั้นเมื่อเจ้าเกริ่นเรื่องการวิวาห์มันก็จะง่ายดายขึ้นมาก อาอวี้ของพวกเราเป็นแก้วตาดวงใจของสกุลเมิ่ง ควรค่าแก่การได้สามีที่ดีที่สุด และจะไม่วิวาห์กับใครที่ด้อยไปกว่าของนาง”

แก้มของเมิ่งจิ่นอวี้แดงเรื่อ ก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย ก่อนจะพูดกระเง้ากระงอด “ท่านแม่ ข้ายังเด็กอยู่เลย ยังไม่อยากออกเรือนเสียหน่อย”

นางซุนลูบหัวของบุตรสาวด้วยความเอ็นดู รอยยิ้มอ่อนโยนเปี่ยมด้วยความรัก “อาอวี้ไม่รีบร้อนวิวาห์ แต่ก็ยังต้องมองหาสามีดี ๆ กำหนดเรื่องการวิวาห์ให้เรียบร้อยไว้ก่อน”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status