Share

บทที่ 18

นางซุนเห็นเช่นนี้ ก็นึกสาปแช่งอยู่ในใจ นังแพศยา!

กู้จิ่งซีไม่ได้หาทางลงให้กับพวกเขาสองสามีภรรยา แต่พูดด้วยความตกใจ “อาเหยาเป็นลูกที่ท่านเมิ่งรักที่สุดหรือนี่?”

เขาเหลือบมองเด็กทั้งสามคนที่อยู่ข้างหลังพวกเขาสามีภรรยา แล้วพูดอีกว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ได้โปรดปรานพวกเขาทั้งสามคนเท่าใดนัก แล้วการปฏิบัติไม่ได้ยิ่งแย่ลงไปอีกหรือ? ถึงอย่างไรก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ท่านเมิ่งทำแบบนี้กับลูก ๆ ไม่กลัวว่าในอนาคตลูก ๆ จะอกตัญญูหรือ”

เมิ่งจิ่นเหยาได้ยินแล้วก็แทบจะอดหัวเราะไม่ได้ นางไม่คิดว่ากู้จิ่งซีผู้จริงจังเช่นนั้นจะพูดจาเหน็บแนมเป็นกับเขาเหมือนกัน นางเหลือบมองน้องชายน้องสาวทั้งสาม มองสีหน้าแปลก ๆ ของพวกเขา สุดท้ายสายตาก็หยุดอยู่ที่เมิ่งเฉิงจาง เห็นน้องชายคนรองก็มองมาที่ตนเช่นกัน นางฉีกยิ้มแล้วพยักหน้าเล็กน้อย

เมิ่งตงหย่วนรู้สึกเก้อเขินเป็นอย่างมาก ยิ้มแหยพร้อมกับพูดว่า “ท่านเขย กับลูกก็ต้องเข้มงวด ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่เป็นโล้เป็นพาย” เขาพูดพลางหันไปมองเด็กทั้งสามคน แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที โดยการแนะนำตัวเด็กทั้งสามทีละคน “ท่านเขย นี่คือน้องสาวคนรองของอาเหยาชื่ออาอวี้ น้องชายคนรองชื่อเฉิงจาง น้องชายคนที่สามชื่อเฉิงซิง พวกเจ้าเข้ามาคารวะพี่เขยใหญ่สิ”

สามพี่น้องตอบรับ ก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อคารวะทันที

ช่วงเวลาอึดอัดใจในที่สุดก็ผ่านไปแล้ว เมิ่งตงหย่วนและนางซุนเสียหน้าในวันนี้ รู้สึกถึงใบหน้าอันร้อนผ่าว แต่ก็ไม่กล้าทำอะไร ฝืนฉีกยิ้มไว้ ต้อนรับบุตรสาวและบุตรเขยเข้ามาในจวน

เมื่อมาถึงโถงหรงฝู กู้จิ่งซีและเมิ่งจิ่นเหยาได้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่ง

เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งสังเกตเห็นกู้จิ่งซีเรียกนางว่า ‘ฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่ง’ แทนที่จะเรียกนางว่า ‘ท่านย่า’ เช่นเดียวกับหลานสาวคนโต หัวใจของนางก็เต้นแรง ตรึกตรองดูว่าเป็นเพราะเหตุการณ์ในวันวิวาห์ หรือเป็นเพราะเหตุการณ์ในวันนี้กันแน่ แต่ในที่สุดก็ชั่งน้ำหนักได้ ไม่กล้าแอบอ้างความสัมพันธ์ฉันเครือญาติเรียกชื่อกู้จิ่งซีโดยตรง พลางเอ่ยขึ้นว่า “ท่านโหว อาเหยาเป็นคนหัวแข็ง ไม่ค่อยอยู่ในลู่ในทาง หากทำอะไรผิดไป ท่านโหวก็ลงโทษได้เลย ท้ายที่สุดแล้วลูกชายของข้าเองต่างหากที่สั่งสอนลูกสาวไม่เป็น”

เมื่อได้ยินดังนั้น กู้จิ่งซีก็ขมวดคิ้วบาง ๆ ไม่นึกว่าในฐานะคนในครอบครัวพ่อแม่ ฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งจะดูถูกหลานสาวถึงเพียงนี้ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ฮูหยินผู้เฒ่าเอาที่ไหนมากล่าว? อาเหยาเป็นคนอ่อนโยน มีความรู้ สง่าภูมิฐาน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทำอะไรแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่มากไม่น้อยพอประมาณ ท่านแม่ของข้ายังชื่นชมอาเหยาที่มีบุคลิกลักษณะเหมือนแม่ยายสมัยก่อน”

ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกไป รอยยิ้มบนใบหน้าของนางซุนก็แทบจะฝืนไว้ไม่ได้แล้ว นางรู้อยู่แก่ใจดีกว่า ‘แม่ยาย’ ที่กู้จิ่งซีพูดถึงไม่ใช่นาง แต่เป็นภรรยาคนแรกที่อายุสั้นของสามี

เมิ่งจิ่นอวี้และเมิ่งเฉิงซิงรู้สึกสงสารที่มารดาได้รับความอยุติธรรม ความขุ่นเคืองที่มีต่อพี่สาวคนโตยิ่งทวีมากขึ้น ในขณะที่เมิ่งเฉิงจางกลับแอบดีใจ ในที่สุดพี่สาวคนโตก็มีใครคอยปกป้อง มีที่พึ่งพิง ต่อไปก็ไม่จำเป็นต้องเหน็ดเหนื่อยเช่นนี้

ฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งนึกไม่ถึงว่ากู้จิ่งซีจะพูดจาเช่นนี้ คำพูดเบาหวิวเพียงประโยคเดียวก็ผลักนางให้เข้าสู่สถานการณ์ที่อึดอัด คิดว่าบางทีตัวกาลกิณีคนนี้อาจจะพูดจาใส่ไข่ต่อหน้ากู้จิ่งซี แม้จะรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ตอบไปแบบหน้าเจื่อน ๆ “เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว ข้ายังกังวลว่าอาเหยาจะสร้างปัญหาให้กับสกุลกู้เสียอีก”

กู้จิ่งซีเหลือบมองภรรยาสาวที่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ข้างกายตนเอง นอกจากจะคารวะให้ผู้อาวุโสแล้ว ก็นิ่งเงียบตั้งแต่ต้นจนจบ ดูแปลกไป ทั้ง ๆ ที่เวลาอยู่ในสกุลกู้จะไม่เป็นเช่นนี้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยู่ที่สกุลเมิ่งถูกรังแกจนหวาดกลัว จึงไม่กล้าพูดโดยสัญชาตญาณ

เขาอดรู้สึกสงสารเด็กที่โชคร้ายไม่ได้ เพิ่งเกิดมามารดาก็จากไป เมื่อมีมารดาเลี้ยง บิดาแท้ ๆ ก็กลายเป็นบิดาเลี้ยงด้วย บางทีสาเหตุอาจเป็นเพราะเด็กผู้หญิง ย่าก็ไม่เห็นความสำคัญ เขาเอ่ยตอบเสียงเบา “ฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งกังวลมากเกินไป อาเหยาได้รับการอบรมศึกษามาดี มีสะใภ้อย่างอาเหยา ถือเป็นโชคดีของพวกเราสกุลกู้”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status