Share

บทที่ 17

ผ่านไปไม่นาน ประตูจวนก็เปิดออก เมิ่งตงหย่วน นางซุน รวมถึงเด็กรุ่นหลังอีกสามคนก็มาถึงทางเข้าประตูใหญ่

กู้จิ่งซีก็ลงจากรถม้าเช่นกัน พลางชำเลืองมองภรรยาตัวน้อยที่ยืนอยู่บนรถม้า กำลังเตรียมตัวจะลงมา เขาครุ่นคิดพลางยื่นมือไปหานาง

เห็นดังนั้น สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็ชะงักงัน แต่แล้วก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว วางมือลงบนฝ่ามือของเขาอย่างให้ความร่วมมือ เขาช่วยประคองลงจากรถม้าภายใต้สายตาของคนในบ้านพ่อแม่

เมิ่งตงหย่วนและนางซุนเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไป ไม่นึกว่าบุตรสาวคนนี้ถึงจะทำให้ชื่อเสียงป่นปี้ แต่กลับได้รับความโปรดปรานจากฉางซินโหว ในที่สุดรูปโฉมอันงดงามก็ไม่เสียเปล่า

รอยยิ้มของเมิ่งตงหย่วนสดใส เอาอกเอาใจพอสมควร เอ่ยขึ้นว่า “อาเหยา ท่านเขย พวกเจ้ามากันแล้วหรือ ท่านย่าของพวกเจ้ารออยู่นานแล้ว เมื่อครู่ยังบ่นถึงพวกเจ้าอยู่เลย”

นางซุนมองพิจารณาเมิ่งจิ่นเหยา เห็นสีหน้าของนางเปล่งปลั่ง ไม่เหมือนกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมตรงไหน พลางกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยน “ท่านเขย เห็นอาเหยาของพวกเราสีหน้าดูดี ก็รู้ว่าท่านปฏิบัติต่อนางดีมาก ตั้งแต่นางออกเรือนไป คนเป็นมารดาอย่างข้าก็รู้สึกเป็นห่วง เมื่อเห็นนางสบายดี ก็เหมือนยกภูเขาออกจากอกแล้ว”

เมิ่งจิ่นเหยาได้ยินพวกเขาสองสามีภรรยาพร่ำเรียกแต่ “ท่านเขย” ก็อดชื่นชมไม่ได้ บิดามีอายุมากกว่ากู้จิ่งซีเพียงห้าปี และนางซุนก็เพิ่งมีอายุมากกว่ากู้จิ่งซีเพียงสองปีเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนในวัยเดียวกัน จึงเรียก ‘ท่านเขย’ คนนั้นได้อย่างเต็มปาก

กู้จิ่งซีเหลือบมองพวกเขาอย่างเฉยชา ก่อนจะพูดอย่างใจเย็น “งั้นหรือ? ประตูใหญ่จวนหย่งชางป๋อของพวกท่านปิดสนิท ข้ายังคิดว่าพวกท่านไม่ต้อนรับพวกเราสามีภรรยาเสียอีก”

เมิ่งตงหย่วนยิ้มค้าง โยนความผิดไปให้นางซุนโดยสัญชาตญาณ พร้อมกับซักไซ้ว่า “ฮูหยิน บอกให้เจ้าส่งคนมารอที่หน้าประตูไม่ใช่หรือ? ทำไมประตูใหญ่ถึงปิดสนิท?”

นางซุนสำลัก รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ แต่กลับทำได้เพียงแบกรับความผิดนี้ แล้วอธิบายด้วยรอยยิ้ม “เป็นเพราะความจำของข้าเอง วันนี้ยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวสำหรับการกลับมาของอาเหยา ยุ่งไปยุ่งมาจนลืมเรื่องนี้ไป ท่านเขยอย่าได้ตำหนิเลย”

แต่กู้จิ่งซีกลับไม่ได้ทอดสะพานให้พวกเขาเดินลง ผลักดันพวกเขาเข้าสู่สถานการณ์ที่น่าอึดอัดยิ่งขึ้น “เรื่องแบบนี้ยังลืมได้ แสดงให้เห็นว่าท่านเมิ่งและเมิ่งฮูหยินไม่เห็นพวกเราสองสามีภรรยาอยู่ในสายตา”

เขาเหลือบมองสองสามีภรรยาที่มีสีหน้าแข็งทื่อ แล้วพูดต่อว่า “ต่อให้พวกท่านลืม แต่พวกข้าสองผัวเมียมาถึงหน้าประตูแล้ว กลับถูกพวกท่านทิ้งไว้หน้าประตู ข้าว่าพวกท่านจวนหย่งชางป๋อไม่คิดจะให้อาเหยาเข้าไปมากกว่ากระมัง? หากข้าไม่มาด้วย อาเหยาไม่ต้องกลับไปโดยที่ไม่ได้ดื่มชาสักถ้วยหรือ?”

แววตาของเขาเฉยเมยและห่างเหิน น้ำเสียงค่อย ๆ เย็นชา ท่าทีเหมือนกำลังรุมซักไซ้

นางซุน “...”

เมิ่งตงหย่วน “...”

พูดความจริงอะไรมากมาย?

สองสามีภรรยาสำลักกับคำพูดของเขาจนไม่อาจโต้แย้งได้ สีหน้าแข็งทื่อ ยังเรียกท่านเมิ่ง เมิ่งฮูหยิน ให้ดูห่างเหิกนกันไปอีก เหมือนกู้จิ่งซีไม่เห็นพวกเขาเป็นบิดามารดาของภรรยา”

เด็กรุ่นหลังทั้งสามคนที่อยู่ข้างหลังพวกเขามีท่าทีที่แตกต่างกันไป

ส่วนลึกในดวงตาของเมิ่งจิ่นเหยาฉายแววประหลาดใจ ไม่นึกเลยว่ากู้จิ่งซีจะพูดกับบิดาของนางและนางซุนเช่นนี้ ซ้ำยังพูดในสิ่งที่นางต้องการจะพูด เมื่อเห็นพวกเขาสองสามีภรรยาถูกด่าจนพูดไม่ออก ก็รู้สึกแอบสะใจ

เพียงชั่วครู่ เมิ่งตงหย่วนก็ข่มความเก้อเขิน อธิบายอย่างอึดอัดใจว่า “ท่านเขยเอาที่ไหนมาพูด? อาเหยาเป็นลูกคนโตของข้า ข้ารักนางมากที่สุด วันนี้เป็นวันที่นางกลับบ้าน ต่อให้ท่านเขยมีงานราชการยุ่ง ไม่มีเวลากลับบ้านกับนาง พวกข้าก็ไม่อาจปิดประตูใส่นางหรอก”

นางซุนรีบกล่าวเสริม “ใช่แล้ว ความจริงวันนี้ข้ายุ่งมากจนเลอะเลือน เลยลืมไป” นางพูดพลางส่งสายตาให้เมิ่งจิ่นเหยา หวังว่าเมิ่งจิ่นเหยาจะตามีแวว พูดอะไรดี ๆ เพื่อไกล่เกลี่ยสถานการณ์

แต่เมิ่งจิ่นเหยากลับแสร้งทำเป็นไม่เห็น ยืนก้มหน้างุดอยู่ข้างกายกู้จิ่งซี ดูเป็นภรรยาตัวน้อยที่โอนอ่อนผ่อนตาม

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status