Share

บทที่ 17

Author: มู่อวิ๋นเฉิง
last update Last Updated: 2024-10-29 10:55:32
ผ่านไปไม่นาน ประตูจวนก็เปิดออก เมิ่งตงหย่วน นางซุน รวมถึงเด็กรุ่นหลังอีกสามคนก็มาถึงทางเข้าประตูใหญ่

กู้จิ่งซีก็ลงจากรถม้าเช่นกัน พลางชำเลืองมองภรรยาตัวน้อยที่ยืนอยู่บนรถม้า กำลังเตรียมตัวจะลงมา เขาครุ่นคิดพลางยื่นมือไปหานาง

เห็นดังนั้น สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็ชะงักงัน แต่แล้วก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว วางมือลงบนฝ่ามือของเขาอย่างให้ความร่วมมือ เขาช่วยประคองลงจากรถม้าภายใต้สายตาของคนในบ้านพ่อแม่

เมิ่งตงหย่วนและนางซุนเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไป ไม่นึกว่าบุตรสาวคนนี้ถึงจะทำให้ชื่อเสียงป่นปี้ แต่กลับได้รับความโปรดปรานจากฉางซินโหว ในที่สุดรูปโฉมอันงดงามก็ไม่เสียเปล่า

รอยยิ้มของเมิ่งตงหย่วนสดใส เอาอกเอาใจพอสมควร เอ่ยขึ้นว่า “อาเหยา ท่านเขย พวกเจ้ามากันแล้วหรือ ท่านย่าของพวกเจ้ารออยู่นานแล้ว เมื่อครู่ยังบ่นถึงพวกเจ้าอยู่เลย”

นางซุนมองพิจารณาเมิ่งจิ่นเหยา เห็นสีหน้าของนางเปล่งปลั่ง ไม่เหมือนกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมตรงไหน พลางกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยน “ท่านเขย เห็นอาเหยาของพวกเราสีหน้าดูดี ก็รู้ว่าท่านปฏิบัติต่อนางดีมาก ตั้งแต่นางออกเรือนไป คนเป็นมารดาอย่างข้าก็รู้สึกเป็นห่วง เมื่อเห็นนางสบายดี ก็เหมือนยกภูเขาออกจากอกแล้ว”

เมิ่งจิ่นเหยาได้ยินพวกเขาสองสามีภรรยาพร่ำเรียกแต่ “ท่านเขย” ก็อดชื่นชมไม่ได้ บิดามีอายุมากกว่ากู้จิ่งซีเพียงห้าปี และนางซุนก็เพิ่งมีอายุมากกว่ากู้จิ่งซีเพียงสองปีเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนในวัยเดียวกัน จึงเรียก ‘ท่านเขย’ คนนั้นได้อย่างเต็มปาก

กู้จิ่งซีเหลือบมองพวกเขาอย่างเฉยชา ก่อนจะพูดอย่างใจเย็น “งั้นหรือ? ประตูใหญ่จวนหย่งชางป๋อของพวกท่านปิดสนิท ข้ายังคิดว่าพวกท่านไม่ต้อนรับพวกเราสามีภรรยาเสียอีก”

เมิ่งตงหย่วนยิ้มค้าง โยนความผิดไปให้นางซุนโดยสัญชาตญาณ พร้อมกับซักไซ้ว่า “ฮูหยิน บอกให้เจ้าส่งคนมารอที่หน้าประตูไม่ใช่หรือ? ทำไมประตูใหญ่ถึงปิดสนิท?”

นางซุนสำลัก รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ แต่กลับทำได้เพียงแบกรับความผิดนี้ แล้วอธิบายด้วยรอยยิ้ม “เป็นเพราะความจำของข้าเอง วันนี้ยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวสำหรับการกลับมาของอาเหยา ยุ่งไปยุ่งมาจนลืมเรื่องนี้ไป ท่านเขยอย่าได้ตำหนิเลย”

แต่กู้จิ่งซีกลับไม่ได้ทอดสะพานให้พวกเขาเดินลง ผลักดันพวกเขาเข้าสู่สถานการณ์ที่น่าอึดอัดยิ่งขึ้น “เรื่องแบบนี้ยังลืมได้ แสดงให้เห็นว่าท่านเมิ่งและเมิ่งฮูหยินไม่เห็นพวกเราสองสามีภรรยาอยู่ในสายตา”

เขาเหลือบมองสองสามีภรรยาที่มีสีหน้าแข็งทื่อ แล้วพูดต่อว่า “ต่อให้พวกท่านลืม แต่พวกข้าสองผัวเมียมาถึงหน้าประตูแล้ว กลับถูกพวกท่านทิ้งไว้หน้าประตู ข้าว่าพวกท่านจวนหย่งชางป๋อไม่คิดจะให้อาเหยาเข้าไปมากกว่ากระมัง? หากข้าไม่มาด้วย อาเหยาไม่ต้องกลับไปโดยที่ไม่ได้ดื่มชาสักถ้วยหรือ?”

แววตาของเขาเฉยเมยและห่างเหิน น้ำเสียงค่อย ๆ เย็นชา ท่าทีเหมือนกำลังรุมซักไซ้

นางซุน “...”

เมิ่งตงหย่วน “...”

พูดความจริงอะไรมากมาย?

สองสามีภรรยาสำลักกับคำพูดของเขาจนไม่อาจโต้แย้งได้ สีหน้าแข็งทื่อ ยังเรียกท่านเมิ่ง เมิ่งฮูหยิน ให้ดูห่างเหิกนกันไปอีก เหมือนกู้จิ่งซีไม่เห็นพวกเขาเป็นบิดามารดาของภรรยา”

เด็กรุ่นหลังทั้งสามคนที่อยู่ข้างหลังพวกเขามีท่าทีที่แตกต่างกันไป

ส่วนลึกในดวงตาของเมิ่งจิ่นเหยาฉายแววประหลาดใจ ไม่นึกเลยว่ากู้จิ่งซีจะพูดกับบิดาของนางและนางซุนเช่นนี้ ซ้ำยังพูดในสิ่งที่นางต้องการจะพูด เมื่อเห็นพวกเขาสองสามีภรรยาถูกด่าจนพูดไม่ออก ก็รู้สึกแอบสะใจ

เพียงชั่วครู่ เมิ่งตงหย่วนก็ข่มความเก้อเขิน อธิบายอย่างอึดอัดใจว่า “ท่านเขยเอาที่ไหนมาพูด? อาเหยาเป็นลูกคนโตของข้า ข้ารักนางมากที่สุด วันนี้เป็นวันที่นางกลับบ้าน ต่อให้ท่านเขยมีงานราชการยุ่ง ไม่มีเวลากลับบ้านกับนาง พวกข้าก็ไม่อาจปิดประตูใส่นางหรอก”

นางซุนรีบกล่าวเสริม “ใช่แล้ว ความจริงวันนี้ข้ายุ่งมากจนเลอะเลือน เลยลืมไป” นางพูดพลางส่งสายตาให้เมิ่งจิ่นเหยา หวังว่าเมิ่งจิ่นเหยาจะตามีแวว พูดอะไรดี ๆ เพื่อไกล่เกลี่ยสถานการณ์

แต่เมิ่งจิ่นเหยากลับแสร้งทำเป็นไม่เห็น ยืนก้มหน้างุดอยู่ข้างกายกู้จิ่งซี ดูเป็นภรรยาตัวน้อยที่โอนอ่อนผ่อนตาม

Related chapters

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 18

    นางซุนเห็นเช่นนี้ ก็นึกสาปแช่งอยู่ในใจ นังแพศยา!กู้จิ่งซีไม่ได้หาทางลงให้กับพวกเขาสองสามีภรรยา แต่พูดด้วยความตกใจ “อาเหยาเป็นลูกที่ท่านเมิ่งรักที่สุดหรือนี่?”เขาเหลือบมองเด็กทั้งสามคนที่อยู่ข้างหลังพวกเขาสามีภรรยา แล้วพูดอีกว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ได้โปรดปรานพวกเขาทั้งสามคนเท่าใดนัก แล้วการปฏิบัติไม่ได้ยิ่งแย่ลงไปอีกหรือ? ถึงอย่างไรก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ท่านเมิ่งทำแบบนี้กับลูก ๆ ไม่กลัวว่าในอนาคตลูก ๆ จะอกตัญญูหรือ”เมิ่งจิ่นเหยาได้ยินแล้วก็แทบจะอดหัวเราะไม่ได้ นางไม่คิดว่ากู้จิ่งซีผู้จริงจังเช่นนั้นจะพูดจาเหน็บแนมเป็นกับเขาเหมือนกัน นางเหลือบมองน้องชายน้องสาวทั้งสาม มองสีหน้าแปลก ๆ ของพวกเขา สุดท้ายสายตาก็หยุดอยู่ที่เมิ่งเฉิงจาง เห็นน้องชายคนรองก็มองมาที่ตนเช่นกัน นางฉีกยิ้มแล้วพยักหน้าเล็กน้อยเมิ่งตงหย่วนรู้สึกเก้อเขินเป็นอย่างมาก ยิ้มแหยพร้อมกับพูดว่า “ท่านเขย กับลูกก็ต้องเข้มงวด ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่เป็นโล้เป็นพาย” เขาพูดพลางหันไปมองเด็กทั้งสามคน แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที โดยการแนะนำตัวเด็กทั้งสามทีละคน “ท่านเขย นี่คือน้องสาวคนรองของอาเหยาชื่ออาอวี้ น้องชายคนรองชื่อเฉิงจา

    Last Updated : 2024-10-29
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 19

    เมิ่งจิ่นเหยาและกู้จิ่งซีไม่ได้อยู่กินข้าวเที่ยง เมิ่งตงหย่วนแค่รั้งให้อยู่ต่อพอเป็นพิธีและพูดคุยไม่กี่คำก่อนจะปล่อยไป พาพวกเขามาส่งที่ประตูใหญ่ แล้วถึงจะโล่งอกแม้ว่ากู้จิ่งซีจะเป็นลูกเขย แต่สถานะและตำแหน่งยังคงอยู่ สกุลเมิ่งที่กำลังเสื่อมถอยไม่สามารถเทียบได้กับสกุลกู้ที่ฮ่องเต้กำลังโปรดปราน คับข้องใจก็ต้องทนรับไว้ด้วยเหตุนี้ เมิ่งตงหย่วนจึงอดไม่ได้ที่จะตำหนิบุตรสาวคนโตที่สร้างความยุ่งยาก กู้จิ่งซีที่ควรจะได้เป็นบิดาของสามีของครอบครัวที่ลูกหลานเกี่ยวดองกันกลับกลายมาเป็นบุตรเขย สร้างความกดดันให้เขาอย่างไม่รู้ตัว ซ้ำร้ายสกุลเมิ่งยังถูกคนอื่นหัวเราะเยาะอีกแม้ว่ากู้ซิวหมิงจะหนีงานแต่ง แต่สกุลกู้ก็ยังคงจัดงานแต่งตามกำหนดเดิม หากบุตรสาวคนโตไม่โวยวายที่จะเปลี่ยนตัวเจ้าบ่าว ทำแบบนี้สกุลกู้จะผิดต่อสกุลเมิ่ง ติดหนี้สกุลเมิ่ง หนี้ก้อนนี้ยังสามารถนำมาใช้แสวงหาผลประโยชน์บางอย่างได้โถงหรงฝูฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งโมโหจัด ด่าทออย่างโกรธเกรี้ยว “ให้ตายสินังเด็กชั้นต่ำ! ไต่เต้าขึ้นสูงจนลืมกำพืดของตัวเองไปแล้ว!”นางซุนจะไม่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงได้หรือ?เหตุการณ์ในวันนี้ ทำให้นางรู้สึกอับอายอย่างที่

    Last Updated : 2024-10-29
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 20

    บนรถม้ากู้จิ่งซีมองภรรยาตัวน้อยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เห็นเพียงแม่นางน้อยกำลังอมยิ้ม คิ้วและดวงตาวาดโค้ง ท่าทางอารมณ์ดีมีความสุข อาจเป็นเพราะได้ระบายความขุ่นเคืองออกไปแล้ว เขาจึงถามว่า “อารมณ์ดีมากหรือ?”รอยยิ้มมุมปากของเมิ่งจิ่นเหยาไม่อาจข่มไว้ได้ จึงสารภาพอย่างตรงไปตรงมา “อารมณ์ดีมาก ๆ บอกแล้วว่าปากของขุนนางบุ๋นเวลาจะประจบประแจงผู้ใด ก็ต้องกล่อมจนผู้นั้นจิตใจเบิกบาน หากคิดจะทำให้ใครโกรธ ก็ต้องโกรธจนตายกันไปข้างหนึ่ง ในที่สุดวันนี้ก็ได้เปิดหูเปิดตาแล้ว”พอนางพูดจบ รอยยิ้มก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้น นางไม่คาดคิดจริง ๆ ว่ากู้จิ่งซีจะมีกำลังต่อสู้แข็งแกร่งขนาดนี้ และยิ่งนึกไม่ถึงว่ากู้จิ่งซีจะพูดคุยกับคนในบ้านบิดามารดาของนางได้เก่งแบบนี้ เดิมยังนึกว่ากู้จิ่งซีแค่แสร้งทำเป็นนอบน้อมและคล้อยตามเพื่อเอาตัวรอดไปก่อนกู้จิ่งซีจุกอยู่ในลำคอ เวลาแม่นางน้อยชื่นชมใครสักคน ทำไมถึงดูเหมือนกำลังด่าใครอยู่? เขาหัวเราะพร้อมกับพูดว่า “ฮูหยินเวลาอยู่ต่อหน้าข้าพูดเก่งมากไม่ใช่หรือ? เหตุใดพอกลับถึงบ้านพ่อแม่แล้วเป็นใบ้ไปเสียล่ะ?”“กำลังต่อสู้ของท่านพี่แข็งแกร่งเกินไป ไม่มีที่ให้ข้าได้แสดงความสามารถเลย” เมิ่งจิ

    Last Updated : 2024-10-29
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 21

    ——บุตรชายของข้ากลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นข้าขอไปดูเสียหน่อยทันทีคำพูดเหล่านี้กล่าวออกมา ในใจของชุนหลิ่วก็ราวกับเกิดแรงกระเพื่อมนับพัน นางมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่าง ครั้นจะเสียใจตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว หากรู้ล่วงหน้า นางคงจะไม่บอกเรื่องนี้กับนายหญิงเพียงเพื่อจะเอาใจนางชุนหลิ่วถามออกมาอย่างตะกุกตะกัก “ฮูหยิน ทะ ท่านจะไปหาซื่อจื่อตอนนี้จริง ๆ หรือเจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า ด้วยท่าทีของมารดาผู้มีเมตตา พลางกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล “ใช่แล้ว บุตรชายกลับมา ในฐานะที่ข้าเป็นมารดา ถึงอย่างไรก็ควรจะไปดูเสียหน่อย มิใช่หรือ? ”ชุนหลิ่วสำลักพลางกล่าวในใจ ‘ถึงอย่างไรท่านก็เด็กกว่าซื่อจื่อสองเดือนนะเจ้าคะ หากนับกันตามอายุแล้ว บอกว่าท่านคือน้องสาวก็คงจะไม่ถือว่ามากเกินไป ท่านแน่ใจหรือว่าไม่ได้ไปพบซื่อจื่อเพื่อต้องการแก้แค้น?’เมิ่งจิ่นเหยายกยิ้มมุมปาก “ไปเถิด เจ้าก็ตามข้าไปดูด้วย”ชุนหลิ่วมองเห็นรอยยิ้มที่ประดับอยู่ตรงมุมปากของนาง รู้สึกแต่เพียงว่าน่าขนลุกยิ่งนัก ฮูหยินจะต้องอาศัยสถานะของผู้อาวุโสสร้างความลำบากให้กับซื่อจื่อเป็นแน่ ทว่า นางยังไม่กล้าไม่เห็นด้วย นางรู้ว่าจุดจบของสาวใช้สอ

    Last Updated : 2024-10-29
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 22

    เมื่อกู้ซิวหมิงเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นดวงหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาที่งดงามโดดเด่นปรากฏสู่สายตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นผมที่หวีเป็นมวยของสตรีที่วิวาห์แล้ว เขาก็ยิ่งเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่าเมื่อเขาหนีการวิวาห์แล้ว เมิ่งจิ่นเหยาจะแต่งเข้ามาอย่างไร้ยางอาย กลายเป็นภรรยาของเขา ครอบครองในสิ่งที่ควรจะเป็นของหว่านเอ๋อร์ไม่นาน แววตาของเขาแสดงถึงความรังเกียจ ราวกับว่าดวงตาของเขาคู่นั่นมองเห็นสิ่งที่สกปรกอย่างไรอย่างนั้นเมิ่งจิ่นเหยารับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงในแววตาของเขา ทว่านางไม่ใส่ใจ ยิ้มอย่างไม่แยแสพลางสั่งบ่าวรับใช้ “ เอาผ้าที่อุดปากของพวกเขาออก”บ่าวรับใช้ตอบรับอย่างนอบน้อม พลางก้าวไปข้างหน้าหยิบผ้าหยาบที่อุดปากของทั้งสองคนออกกลั้นเอาไว้นาน ในที่สุดก็สามารถเปิดปากพูดได้เสียที แต่กลับต้องมาเจอกับผู้ที่ตนเองรังเกียจ สายตาของกู้ซิวหมิงจับจ้องเมิ่งจิ่นเหยาอย่างเย็นชา พลางเอ่ยปากพูดก่อน “แม่นางเมิ่ง เจ้าก็เห็นแล้ว ในใจของข้ามีเพียงหว่านเอ๋อร์เท่านั้น และชีวิตนี้ต้องเป็นหว่านเอ๋อร์เพียงผู้เดียว หากแม่นางเมิ่งยินดีหย่า ข้ายินดีรับแม่นางเมิ่งเป็นน้องสาวบุญธรรม หากวันใดแม่นางพบกั

    Last Updated : 2024-10-29
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 23

    หลี่หว่านเอ๋อร์ก็ตกตะลึงราวกับถูกฟ้าผ่าเช่นกัน พลางมองเมิ่งจิ่นเหยาอย่างไม่อยากจะเชื่อ นางเพิ่งจะรู้สึกซาบซึ้งอย่างมากที่ท่านพี่ซิวหมิงจะหย่ากับเมิ่งจิ่นเหยาเพื่อนาง พอตอนนี้ต้องมารู้อย่างกะทันหันว่าเมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้วิวาห์กับท่านพี่ซิวหมิง แต่วิวาห์กับบิดาของท่านพี่ซิวหมิงแทน เช่นนั้นต่อไปจะไม่กลายมาเป็นมารดาของสามีนางหรอกหรือ?เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หัวใจของนางก็เต้นผิดจังหวะอย่างฉับพลันนางกับท่านพี่ซิวหมิงหนีตามกันไป ทำให้เมิ่งจิ่นเหยากลายเป็นตัวตลกในวันวิวาห์ ในอนาคต หากเมิ่งจิ่นเหยากลายเป็นแม่สามีของนาง จะต้องทรมานนางเป็นแน่ วิธีที่แม่สามีใช้ทรมานลูกสะใภ้มีอยู่มากมายนัก เพียงแค่ตั้งกฎเกณฑ์ก็ทรมานนางได้แล้วเมิ่งจิ่นเหยามองดูสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไปของทั้งสองคนด้วยความสนใจ จากความอับอายกลายเป็นโทสะของบุรุษ ราวกับว่า ได้รับความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวง ส่วนสตรีก็จิตใจกระวนกระวาย เมื่อสบตากับนาง ก็หดคอตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว พลางโน้มตัวไปทางกู้ซิวหมิงอย่างไม่รู้ตัว ราวกับว่าหวาดกลัวนางยิ่งนัก กู้ซิวหมิงจับจ้องนางด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยคำเตือน ดวงตาคู่นั้นราวกับจะบอกว่า ‘เจ้าอย่าได้คิด

    Last Updated : 2024-10-29
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 24

    เขามองไปที่เมิ่งจิ่นเหยา มองเห็นสายตาอันเจ้าเล่ห์ของนาง ราวกับในใจกำลังคำนวณอะไรบางอย่าง ใบหน้าเขาเคร่งขรึมในฉับพลัน พลางถาม “เมิ่งจิ่นเหยา หรือเจ้ายังอยากใช้กฎตระกูลกับข้าอยู่หรืออย่างไร? ข้าเป็นถึงซื่อจื่อแห่งจวนโหว ใช่ผู้ที่เจ้าคิดจะลงโทษก็ลงโทษได้กระนั้นหรือ?”เมื่อมองเห็นร่องรอยของความระแวดระวังในดวงตาเขา รอยยิ้มของเมิ่งจิ่นเหยาก็ยิ่งลึกขึ้น กู้ซิวหมิงสามารถบุ่มบ่ามเอาแต่ใจเช่นนี้ได้ ไม่ใช่เพราะสถานะของฉางซินโหวซื่อจื่อหรอกหรือ รู้ว่ากู้จิ่งซีมีอาการป่วยซ่อนเร้น ไม่สามารถมีบุตรเป็นของตนเองได้ และเขาในฐานะที่เป็นบุตรบุญธรรมจะต้องสืบทอดบรรดาศักดิ์อย่างแน่นอน?อย่างไรก็ตาม เขาฝันสวยงามเกินไป ตราบใดที่ฉางซินโหวยังมีชีวิตอยู่ ก็สามารถกราบทูลฝ่าบาทให้แต่งตั้งผู้อื่นเป็นซื่อจื่อได้บุตรบุญธรรมที่ไม่เข้าท่าเช่นเขา ก็ยังสามารถรับบุตรบุญธรรมอีกคนเข้ามาเพื่อสืบทอดบรรดาศักดิ์แทนได้ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เมิ่งจิ่นเหยาก็หัวเราะอย่างเย้ยหยัน เอ่ยอย่างจริงจังกึ่งล้อเล่นว่า “ข้าคือมารดาของเจ้า เจ้าคือบุตรชายของข้า มีอันใดเป็นไปไม่ได้กัน?” ทว่าวันนี้ข้าไม่อยากมือเปรอะเปื้อน ผู้ที่ไร้ศีลธรรม ไม่คู่

    Last Updated : 2024-10-29
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 25

    หลังจากที่หลี่หว่านเอ๋อร์ได้ฟัง ในใจสั่นไหว นางหยุดร่ำไห้แล้วเงยหน้าแอบชำเลืองดูกู้จิ่งซีอย่างขี้ขลาด ชายผู้นั้นรูปร่างสง่างาม ดวงหน้างดงามหมดจด ท่าทางสูงส่ง ดูแล้วเพิ่งจะอายุยี่สิบสามหรือยี่สิบสามปี นางรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าท่านโหวกู้จะดูอ่อนเยาว์ถึงเพียงนี้ใบหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาประดับไปด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน พลางพยักหน้าตอบรับ “ท่านพี่โปรดวางใจ ต่อจากนี้ข้าจะต้องอบรมสั่งสอนซิวหมิงอย่างดีแน่นอน จะปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นลูกของตนเอง”กู้ซิวหมิงมองนาง มีความรู้สึกเหมือนเคยพบกับแม่เลี้ยงชั่วร้ายเช่นนี้มาก่อน ภายนอกดูอ่อนโยน แท้ที่จริงแล้วภายในกำลังวางแผนว่าจะแก้แค้นตนเองอย่างไรดี นางจะต้องเป็นเพราะว่าตนเองหนีการแต่งงาน ไม่สามารถแต่งงานกับตนเองได้ จึงได้แต่งงานกับบิดาอย่างไร้ยางอาย เช่นนี้นางก็จะสามารถใช้สถานะที่ตนเองเป็นผู้อาวุโส มาควบคุมเขา ทั้งยังสามารถเป็นฉางซินโหวฮูหยินที่มีหน้ามีตาอย่างที่สุด ทว่าบิดาที่เฉลียวฉลาดมาตลอดกลับมาเลอะเลือนในช่วงเวลาสำคัญเขาถามด้วยความเดือดดาล “ท่านพ่อ นางเป็นคู่หมั้นของลูกไยท่านถึงแต่งกับนางงั้นหรือขอรับ?”กู้จิ่งซีขมวดคิ้ว มองไปที่เขาด้วยดวงตา

    Last Updated : 2024-10-29

Latest chapter

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 176  

    ท่านพ่อรักเมิ่งจิ่นเหยามากเพียงนั้น ก็ไม่แน่เมิ่งจิ่นเหยาอาจคอยพูดข้างหมอน ท่านพ่อถึงได้ช่วยพาเมิ่งเฉิงจางเข้าสำนักศึกษาหลิงซานด้วย สำนักศึกษาหลิงซาน แม้แต่เขาที่เป็นบุตรชายยังไม่สามารถเข้าเรียนได้เลยด้วยซ้ำ แต่ท่านพ่อกลับพาคนอื่นเข้าไป หนำซ้ำยังช่วยพาเข้าไปถึงสองคน ในใจเขารู้สึกไม่ยินยอม กวาดสายตาประเมินเมิ่งเฉิงจางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าไปหนึ่งที ส่งเสียงฮึ่มออกมาเบาๆ “จริงอย่างที่ว่าหนึ่งคนบรรลุเซียน หมูหมากาไก่ก็พลอยได้ขึ้นสวรรค์ด้วย พอพี่สาวไต่เต้าขึ้นมาจนได้ดี คนเป็นน้องชายก็พลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วย” ถ้อยคำนี้แม้มิได้ชี้ชัด ทว่าความหมายกลับชัดเจนในตัว ว่ากำลังถากถางเมิ่งเฉิงจางที่อาศัยความสัมพันธ์ของพี่สาว เพื่อให้พี่เขยช่วยพาตนเองเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซาน เมิ่งเฉิงจางสีหน้ามืดครึ้มลงในทันใด สีหน้าของกู้ซิวเหวินก็ดูย่ำแย่เช่นกัน พี่สามไม่เข้าใจเรื่องราวอะไร ทว่าเขาเข้าใจกระจ่าง น้องชายของน้าสะใภ้สามท่านนี้แม้อายุยังน้อย แต่ก็เป็นคนที่เก่งกาจมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง พี่สามไม่ทำความเข้าใจให้ดี แต่อาศัยจินตนาการเพ้อเจ้อของตนเองเข้าใจผิดไปว่าอีกฝ่ายต้องใช้เส้นสาย เขาดึงหน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 175  

    แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ช่างอ่อนโยน เหมาะสำหรับเดินเล่นยิ่งนัก กู้ซิวเหวินต้อนรับผู้มาเยือนอย่างกระตือรือร้นและเป็นมิตร พาเมิ่งเฉิงจางเข้ามาเยี่ยมชมภายในจวน ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวนได้ครู่หนึ่ง ระหว่างทางก็ถูกใครบางคนเรียกให้เข้าไปหา ก่อนจะขอปลีกตัวออกไปสักพัก ก็ได้บอกให้เมิ่งเฉิงจางเดินชมสภาพแวดล้อมไปก่อนพลาง ๆ เมิ่งเฉิงจางเห็นทัศนียภาพงดงามโดดเด่น ครู่เดียวก็หลงใหลไปกับความงดงามของทัศนียภาพ คิดไม่ถึงว่าเดินไปเดินมาสุดท้ายจะหลงทาง มีเส้นทางอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าควรเดินเส้นทางใดเพื่อกลับไปจุดเดิม ครั้นกู้ซิวเหวินกลับมาไม่เห็นคน ก็รู้ทันทีว่าเขาน่าจะหลงทางแล้ว จึงรีบออกตามหาทันที ระหว่างทางบังเอิญเจอกู้ซิวหมิงและหลี่อี๋เหนียงเดินเข้ามา สองคนกำลังเดินเล่นอย่างสบายใจ คุยกันบ้าง หัวเราะกันบ้าง ในแววตาเจือความพิสมัยลุ่มลึกหวานชื่น บุรุษเก่งกาจมีความสามารถสตรีโฉมงามเพริศพริ้ง มองปราดเดียวก็เห็นถึงความเหมาะสมอย่างยิ่ง เขาเดินเข้าไปทักท่าน “พี่สาม หลี่อี๋เหนียง” หลายวันที่ผ่านมาหลี่อี๋เหนียงได้เรียนรู้ระเบียบประเพณีแล้ว เข้าใจชัดเจนว่าเมื่อใดที่ตนพบเจ้านายไม่ว่าเป็นท่านใดในจวนล

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 174  

    คล้ายว่าการนอนหงายจะทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย นางจึงพลิกตัวนอนตะแคงข้าง ขดตัว และยังคงร้องไห้ไม่หยุด นี่คงจะกำลังฝันร้ายอยู่สินะ กู้จิ่งซีมองแม่นางน้อยกำลังร้องไห้ และเสียงสะอื้นไห้ยิ่งดังขึ้นทุกเสี้ยวขณะ เขาที่ไม่เคยมีประสบการณ์ปลอบโยนเด็กน้อยมาก่อนค่อนข้างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรก่อนดี หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จนสาวใช้ที่อยู่เฝ้ายามดึกข้างนอกได้ยินเข้า อาจจะคิดไปไกลถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเลื่อนมือไปลูบแผ่นหลังของแม่นางน้อยอย่างประดักประเดิด และปลอบโยนด้วยเสียงอบอุ่นว่า “ฮูหยินอย่าร้องไห้เลย ไม่เป็นอะไรแล้ว อย่าร้องไห้เลย” ไม่รู้ใช่เพราะได้ยินเสียงนี้หรือไม่ เมิ่งจิ่นเหยาเขยิบเข้ามาข้างกายเขาตามสัญชาตญาณ อิงแอบเขาไว้และยังคงร้องไห้ต่อไป กู้จิ่งซีจำต้องยอมรับชะตากรรมไป ได้แต่ภาวนาให้นางรีบหยุดสะอื้น ไม่เช่นนั้นหากคนอื่นได้ยินเข้าจะดูไม่งาม กลางดึกผู้คนเงียบสงัดหากมีเสียงสะอื้นไห้ของนางแว่วดังออกมาจากห้องนอน ต่อให้จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็หนีไม่พ้นต้องถูกเข้าใจผิดแน่ “ฮูหยินอย่าร้องไห้เลย ไม่ต้องร้องแล้ว มันก็แค่ฝันร้าย” กู้จิ่งซีปลอบโยนด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 173  

    คืนนั้น เมิ่งจิ่นเหยาฝัน ในฝันเฉิงอวี่กำลังร้องไห้โยเยไม่ยอมดื่มยา ตู้อี๋เหนียงแม้ใช้เสียงนุ่มนวลปลอบโยนอยู่นานครู่ใหญ่แล้วแต่ก็ยังไม่เป็นผล เห็นเจ้าตัวเล็กร้องไห้จนหน้าแดง แม้กระทั่งลมหายใจก็เริ่มไม่เป็นจังหวะ ตู้อี๋เหนียงกลัวว่าเจ้าเด็กน้อยร้องไห้จนขาดใจ ก็ไม่กล้าบังคับให้เจ้าเด็กน้อยดื่มยาอีก ได้แต่ปลอบโยนด้วยเสียงนุ่มนวล “เฉิงอวี่เด็กดี เฉิงอวี่ไม่อยากกิน เช่นนั้นก็ไม่ต้องกินแล้วนะ” เอ่ยพลางก็หันไปส่งสายตาให้สาวใช้ข้างกาย สาวใช้ผงกศีรษะ รีบออกไปตามหาคนช่วยกู้สถานการณ์ ทว่าสาวใช้แค่คิดจะออกไป เมิ่งจิ่นเหยาตัวน้อยก็เข้ามาพอดี ตู้อี๋เหนียงเห็นนาง ราวกับเห็นดวงดาวช่วยชีวิต เผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมา “คุณหนูใหญ่ท่านมาแล้ว เฉิงอวี่ไม่ยอมดื่มยาอีกแล้ว ท่านช่วยมาปลอบโยนเขาหน่อยเถิด เขาเชื่อฟังท่านที่สุดแล้ว” “พี่…แค่ก…พี่หญิงใหญ่” เฉิงอวี่เห็นนาง ทันใดนั้นก็หยุดร้อง และยื่นมือออกมาขอให้นางกอด เมิ่งจิ่นเหยาตัวน้อยก้าวขาสั้น ๆ วิ่งเข้าไปหา ให้สาวใช้อุ้มขึ้นเตียงแล้ว นางก็ยื่นมือออกไปกอดน้องชายที่ป่วยอยู่ พลางเอ่ยวาจาปลอบโยนด้วยเสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อย “เฉิงอวี่เด็กดี ดื่มยานี่อีกแค่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 172  

    เมิ่งจิ่นเหยาหน้าถอดสี คิดถึงท่าทางหมดอาลัยตายอยากเมื่อสักครู่ของตนเองขึ้นมา ช่างน่าอับอายขายหน้าเสียจริง นางลดมือลงอย่างกระอักกระอ่วน เอ่ยด้วยใบหน้าเหยเก “แล้วอย่างไร คนเราก็ต้องมีช่วงเวลาที่ความคิดเพี้ยนผิดไปบ้าง ฟังถ้อยคำตักเตือนของท่านพี่แล้ว ข้าเองก็คงไม่ทำอะไรเช่นนั้นอีกแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยพลาง ก็ผินใบหน้าไปทางอื่น ขอบตาแดงรื้น รีบกะพริบตารัว ๆ หวังจะไล่น้ำตาให้ไหลย้อนกลับไป ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุมว่า “แม้เฉิงอวี่จะวัยเพียงสองขวบ แต่เขาก็รักทะนุถนอมข้ามาก ๆ ตอนเด็กที่ข้าเคยสะดุดก้อนหิน จนตนเองหกล้มเขายังเจ็บปวดหัวใจอย่างกับอะไรดี เด็กน้อยคนนั้นด่าทอสาปแช่งเจ้าหินก้อนนั้นอยู่นานเชียว ด่าว่ามันนิสัยไม่ดี หากเขาเห็นข้าได้รับบาดเจ็บ เขาต้องเจ็บหัวใจแน่” กู้จิ่งซีฟังอยู่อย่างเงียบเชียบ แม้เขาจะอาศัยในครอบครัวที่พอจะเรียกได้ว่ารักใคร่ปรองดองกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีน้องชายแบบนี้มาก่อน เขากับพี่ชายมิได้มีความผูกพันกันแน่นแฟ้นอะไร พี่ชายทั้งสองคนแม้อาวุโสกว่า แต่ก็ยำเกรงเขา ให้ความเคารพเขามาก ความสนิทสนมใกล้ชิดจึงมีไม่เพียงพอ เขาเอ่ยด้วยเสียงอบอุ่น “เช่นนั้นฮูหยินโปรดจำใส่ใจ อย่าให

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 171  

    ผ่านไปนานครู่ใหญ่ เมิ่งจิ่นเหยาช้อนสายตาขึ้น มองกู้จิ่งซีตาไม่กะพริบ สายตาคู่นั้นเป็นประกายจนน่าตกใจ คล้ายกับมองเห็นหญ้าฟางช่วยชีวิตในยามเข้าตาจน ก็ถามด้วยความตื่นเต้น “สำหรับเรื่องการหาเรื่องให้ผู้อื่นอารมณ์เสีย ท่านพี่มีความคิดเห็นว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” กู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยกลับมาฮึกเหิมมีพลังได้รวดเร็วเพียงนั้น ก็แอบถอนหายใจโล่งอกออกมากับตนเอง มีเรี่ยวแรงกลับมาสู้ต่อนั่นก็ดีแล้ว ท่าทางหมดอาลัยตายอยากเมื่อครู่ ทำให้กลัวว่านางจะคิดสั้นมากเสียจริง ดรุณีน้อยวัยเพียงสิบกว่าขวบ ชีวิตเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น หากต้องจบลงไปแบบนั้นแล้วก็น่าเสียดายเหลือเกิน เขาครุ่นคิดบางอย่าง “ฮูหยินต้องรับความผิดโดยไม่เป็นธรรมเช่นนั้นแล้ว ถึงคราวต้องคืนความผิดนี้กลับสู่คนร้ายตัวจริง” เมิ่งจิ่นเหยามุ่นหัวคิ้วขึ้น พริบตาเดียวก็ห่อเหี่ยวลงมา “เรื่องผ่านไปตั้งสิบเอ็ดปีแล้ว เบาะแสจากเมื่อปีก่อนนั้นคงจะถูกลบเลือนจางหายไปตามเวลาแล้ว อาศัยเพียงลมปากไม่มีหลักฐาน คิดจะจับตัวคนทำผิดกลับมาคงไม่ง่ายแล้วเจ้าค่ะ” กู้จิ่งซีถาม “เรื่องนี้นอกจากเจ้าแล้ว ยังมีผู้ใดรู้อีกบ้าง?” เมิ่งจิ่นเหยาตอบตามความจริง “ท่านปู่รู้

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 170

    นางตอบคำถามที่กู้จิ่งซีถามมาก่อนหน้านี้ “ถูกกระทำเจ้าคะ”เมื่อกล่าวจบ น้ำเสียงของนางก็สะอื้นเล็กน้อย พลางกล่าวต่อว่า “ตอนนั้นไม่มีคนบังคับข้า เป็นเพียงความผิดพลาดที่ให้เกิดขึ้นเท่านั้น ข้าถึงได้รู้ว่าตนเองตกหลุมพรางโดยไม่ได้เตรียมตัวป้องกันเลยแม้แต่น้อย อยากจะแก้ไขแต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว”กู้จิ่งซีตอบกลับ “ผู้ที่ไม่รู้ย่อมไม่มีความผิด นั่นมิใช่ความผิดของเจ้า เป็นความผิดของผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด”“มิใช่งั้นหรือเจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยากระซิบแผ่วเบา แววตาว่างเปล่า ท่าทางเหม่อลอยเล็กน้อย เมื่อนึกถึงร่างเย็นยะเยียบเล็ก ๆ ที่นอนอยู่ภายในโลงศพ ในใจของนางก็บีบรัดจนเจ็บขึ้นมา เดิมทีเฉิงอวี่ไม่จำเป็นต้องตาย“ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว”กู้จิ่งซีให้คำตอบยืนยัน เมื่อเห็นนางจมอยู่ในความโศกเศร้า โทษตนเองและรู้สึกผิด เกลียดชังอย่างถึงที่สุด ก็สามารถคาดเดาได้ว่าคนผู้นั้นจะต้องสำคัญกับนางมากเป็นแน่ จึงถามนางต่อ “มิสู้ฮูหยินลองบอกกับข้าก่อนสักหน่อยได้หรือไม่ ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”เมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามองบุรุษที่อยู่อยู่ตรงหน้า คิดในใจว่าผู้ที่ชอบธรรมและน่าเกรงขามเช่นเสนาบดีกู้คงไม่แพร่เรื่องนี้อ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 169

    แม่นางน้อยนั่งอย่างงงงัน ก็ไม่รู้ว่าภายในใจกำลังคิดอะไรอยู่ ทว่าอารมณ์ค่อนข้างมั่นคงกู้จิ่งซีถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน ตอนนี้สามารถบอกได้แล้วหรือไม่?”บอกอันใดเจ้าคะ?เมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจเหตุผลกู้จิ่งซีตอบกลับไปว่า “บอกว่าวันนี้เจ้าไปที่ไหนและทำอันใดมาบ้าง?”เมิ่งจิ่นเหยาก้มศีรษะลง เงียบงันไปชั่วครู่แล้วตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “กลับไปบ้านมารดามาเจ้าค่ะ”มีคับข้องใจปกคลุมอยู่ในน้ำเสียง รวมถึงความเกลียดชังที่ยากจะดูออกสีหน้าของกู้จิ่งซีชะงักไปชั่วครู่ ดูเหมือนแม่นางน้อยจะไม่เคยรู้สึกน้อยใจเพราะเรื่องของบ้านมารดามาก่อน เพราะว่าไม่ใส่ใจ ดังนั้นจิตใจจึงสงบนิ่งดังสายน้ำ จากนั้นจึงถามต่อว่า “เหตุใดอยู่ ๆ ถึงได้กลับไปบ้านมารดาเล่า?”เมิ่งจิ่นเหยาตอบตามความจริง “พ่อบ้านบอกว่าท่านย่าล้มป่วย จึงกลับไปดูสักหน่อยเจ้าคะ คิดไม่ถึงว่าจะทำเพื่อเรื่องอื่น น้องรองผ่านการประเมินของสำนักศึกษาหลิงซาน และใกล้จะได้ไปร่ำเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซาน เมิ่งเฉิงซิงกลับไม่ผ่านการประเมิน พวกท่านย่าของข้ารู้ว่าท่านกับหัวหน้าสำนักศึกษาหลิงซานเป็นสหายต่างวัยกัน จึงให้ข้ามาพูดกับท่าน ให้ไปห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 168

    ยามที่บุรุษดูแลใครสักคนท่าทางอ่อนโยน พิถีพิถัน การเคลื่อนไหวชำนิชำนาญ ราวกับเคยทำมาแล้วหลายครั้งหลายคราเมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะมองเห็นเงาร่างของท่านปู่ผ่านกู้จิ่งซีได้อย่างเลือนราง ท่านปู่ตามใจเพียงแค่นางเท่านั้น ไม่เพียงแต่ตัดแต่งเล็บให้นาง ยังมัดผมเป็นเปียเล็ก ๆ สองข้างให้นาง และเล่านิทานให้นางฟังด้วยกู้จิ่งซีในเวลานี้ดูคล้ายกับท่านปู่อยู่บ้าง แต่กลับไม่ใช่ท่านปู่ เขาอ่อนโยน ส่วนท่านปู่คือความรักและเมตตาเมิ่งจิ่นเหยาอยากรู้ “ก่อนหน้านี้ท่านพี่เคยดูแลเด็กอยู่บ่อยครั้งหรือเจ้าคะ?”เด็กที่นางพูด หมายถึงกู้ซิวหมิงการเคลื่อนไหวของกู้จิ่งซีหยุดชะงักไปชั่วครู่ มองดูนางพลางยิ้มแล้วกล่าวว่า “เปล่าหรอก นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าดูแลเด็ก โชคดีที่เด็กว่านอนสอนง่าย ไม่ก่อกวนเท่าใดนัก มิเช่นนั้นข้าคงดูแลไม่ไหว” เมื่อเมิ่งจิ่นเหยาได้ฟัง ก็ก้มหน้าลงไม่มองเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ พลางกล่าวเสียงแผ่วเบา “ท่านพี่เป็นท่านโหว จะมาดูแลผู้อื่นได้อย่างไรกัน? ให้สาวใช้มาทำให้ก็พอแล้วเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซียิ้มมุมปาก กล่าวตามเหตุตามผล “หากว่าเจ้าอยากให้สาวใช้มาดูแล จะอยู่ภายในห้องเพียงลำพังได้อย่างไร

DMCA.com Protection Status