Share

บทที่ 22

Author: มู่อวิ๋นเฉิง
last update Last Updated: 2024-10-29 10:55:32
เมื่อกู้ซิวหมิงเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นดวงหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาที่งดงามโดดเด่นปรากฏสู่สายตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นผมที่หวีเป็นมวยของสตรีที่วิวาห์แล้ว เขาก็ยิ่งเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่าเมื่อเขาหนีการวิวาห์แล้ว เมิ่งจิ่นเหยาจะแต่งเข้ามาอย่างไร้ยางอาย กลายเป็นภรรยาของเขา ครอบครองในสิ่งที่ควรจะเป็นของหว่านเอ๋อร์

ไม่นาน แววตาของเขาแสดงถึงความรังเกียจ ราวกับว่าดวงตาของเขาคู่นั่นมองเห็นสิ่งที่สกปรกอย่างไรอย่างนั้น

เมิ่งจิ่นเหยารับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงในแววตาของเขา ทว่านางไม่ใส่ใจ ยิ้มอย่างไม่แยแสพลางสั่งบ่าวรับใช้ “ เอาผ้าที่อุดปากของพวกเขาออก”

บ่าวรับใช้ตอบรับอย่างนอบน้อม พลางก้าวไปข้างหน้าหยิบผ้าหยาบที่อุดปากของทั้งสองคนออก

กลั้นเอาไว้นาน ในที่สุดก็สามารถเปิดปากพูดได้เสียที แต่กลับต้องมาเจอกับผู้ที่ตนเองรังเกียจ สายตาของกู้ซิวหมิงจับจ้องเมิ่งจิ่นเหยาอย่างเย็นชา พลางเอ่ยปากพูดก่อน “แม่นางเมิ่ง เจ้าก็เห็นแล้ว ในใจของข้ามีเพียงหว่านเอ๋อร์เท่านั้น และชีวิตนี้ต้องเป็นหว่านเอ๋อร์เพียงผู้เดียว หากแม่นางเมิ่งยินดีหย่า ข้ายินดีรับแม่นางเมิ่งเป็นน้องสาวบุญธรรม หากวันใดแม่นางพบกั
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 23

    หลี่หว่านเอ๋อร์ก็ตกตะลึงราวกับถูกฟ้าผ่าเช่นกัน พลางมองเมิ่งจิ่นเหยาอย่างไม่อยากจะเชื่อ นางเพิ่งจะรู้สึกซาบซึ้งอย่างมากที่ท่านพี่ซิวหมิงจะหย่ากับเมิ่งจิ่นเหยาเพื่อนาง พอตอนนี้ต้องมารู้อย่างกะทันหันว่าเมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้วิวาห์กับท่านพี่ซิวหมิง แต่วิวาห์กับบิดาของท่านพี่ซิวหมิงแทน เช่นนั้นต่อไปจะไม่กลายมาเป็นมารดาของสามีนางหรอกหรือ?เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หัวใจของนางก็เต้นผิดจังหวะอย่างฉับพลันนางกับท่านพี่ซิวหมิงหนีตามกันไป ทำให้เมิ่งจิ่นเหยากลายเป็นตัวตลกในวันวิวาห์ ในอนาคต หากเมิ่งจิ่นเหยากลายเป็นแม่สามีของนาง จะต้องทรมานนางเป็นแน่ วิธีที่แม่สามีใช้ทรมานลูกสะใภ้มีอยู่มากมายนัก เพียงแค่ตั้งกฎเกณฑ์ก็ทรมานนางได้แล้วเมิ่งจิ่นเหยามองดูสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไปของทั้งสองคนด้วยความสนใจ จากความอับอายกลายเป็นโทสะของบุรุษ ราวกับว่า ได้รับความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวง ส่วนสตรีก็จิตใจกระวนกระวาย เมื่อสบตากับนาง ก็หดคอตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว พลางโน้มตัวไปทางกู้ซิวหมิงอย่างไม่รู้ตัว ราวกับว่าหวาดกลัวนางยิ่งนัก กู้ซิวหมิงจับจ้องนางด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยคำเตือน ดวงตาคู่นั้นราวกับจะบอกว่า ‘เจ้าอย่าได้คิด

    Last Updated : 2024-10-29
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 24

    เขามองไปที่เมิ่งจิ่นเหยา มองเห็นสายตาอันเจ้าเล่ห์ของนาง ราวกับในใจกำลังคำนวณอะไรบางอย่าง ใบหน้าเขาเคร่งขรึมในฉับพลัน พลางถาม “เมิ่งจิ่นเหยา หรือเจ้ายังอยากใช้กฎตระกูลกับข้าอยู่หรืออย่างไร? ข้าเป็นถึงซื่อจื่อแห่งจวนโหว ใช่ผู้ที่เจ้าคิดจะลงโทษก็ลงโทษได้กระนั้นหรือ?”เมื่อมองเห็นร่องรอยของความระแวดระวังในดวงตาเขา รอยยิ้มของเมิ่งจิ่นเหยาก็ยิ่งลึกขึ้น กู้ซิวหมิงสามารถบุ่มบ่ามเอาแต่ใจเช่นนี้ได้ ไม่ใช่เพราะสถานะของฉางซินโหวซื่อจื่อหรอกหรือ รู้ว่ากู้จิ่งซีมีอาการป่วยซ่อนเร้น ไม่สามารถมีบุตรเป็นของตนเองได้ และเขาในฐานะที่เป็นบุตรบุญธรรมจะต้องสืบทอดบรรดาศักดิ์อย่างแน่นอน?อย่างไรก็ตาม เขาฝันสวยงามเกินไป ตราบใดที่ฉางซินโหวยังมีชีวิตอยู่ ก็สามารถกราบทูลฝ่าบาทให้แต่งตั้งผู้อื่นเป็นซื่อจื่อได้บุตรบุญธรรมที่ไม่เข้าท่าเช่นเขา ก็ยังสามารถรับบุตรบุญธรรมอีกคนเข้ามาเพื่อสืบทอดบรรดาศักดิ์แทนได้ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เมิ่งจิ่นเหยาก็หัวเราะอย่างเย้ยหยัน เอ่ยอย่างจริงจังกึ่งล้อเล่นว่า “ข้าคือมารดาของเจ้า เจ้าคือบุตรชายของข้า มีอันใดเป็นไปไม่ได้กัน?” ทว่าวันนี้ข้าไม่อยากมือเปรอะเปื้อน ผู้ที่ไร้ศีลธรรม ไม่คู่

    Last Updated : 2024-10-29
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 25

    หลังจากที่หลี่หว่านเอ๋อร์ได้ฟัง ในใจสั่นไหว นางหยุดร่ำไห้แล้วเงยหน้าแอบชำเลืองดูกู้จิ่งซีอย่างขี้ขลาด ชายผู้นั้นรูปร่างสง่างาม ดวงหน้างดงามหมดจด ท่าทางสูงส่ง ดูแล้วเพิ่งจะอายุยี่สิบสามหรือยี่สิบสามปี นางรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าท่านโหวกู้จะดูอ่อนเยาว์ถึงเพียงนี้ใบหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาประดับไปด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน พลางพยักหน้าตอบรับ “ท่านพี่โปรดวางใจ ต่อจากนี้ข้าจะต้องอบรมสั่งสอนซิวหมิงอย่างดีแน่นอน จะปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นลูกของตนเอง”กู้ซิวหมิงมองนาง มีความรู้สึกเหมือนเคยพบกับแม่เลี้ยงชั่วร้ายเช่นนี้มาก่อน ภายนอกดูอ่อนโยน แท้ที่จริงแล้วภายในกำลังวางแผนว่าจะแก้แค้นตนเองอย่างไรดี นางจะต้องเป็นเพราะว่าตนเองหนีการแต่งงาน ไม่สามารถแต่งงานกับตนเองได้ จึงได้แต่งงานกับบิดาอย่างไร้ยางอาย เช่นนี้นางก็จะสามารถใช้สถานะที่ตนเองเป็นผู้อาวุโส มาควบคุมเขา ทั้งยังสามารถเป็นฉางซินโหวฮูหยินที่มีหน้ามีตาอย่างที่สุด ทว่าบิดาที่เฉลียวฉลาดมาตลอดกลับมาเลอะเลือนในช่วงเวลาสำคัญเขาถามด้วยความเดือดดาล “ท่านพ่อ นางเป็นคู่หมั้นของลูกไยท่านถึงแต่งกับนางงั้นหรือขอรับ?”กู้จิ่งซีขมวดคิ้ว มองไปที่เขาด้วยดวงตา

    Last Updated : 2024-10-29
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 26  

    เมื่อหลี่หว่านเอ๋อร์เห็นคนรักสีหน้าซีดขาว นางก็หวาดหวั่นจนสั่นสะท้านไปทั่วร่าง แม้แต่ซื่อจื่อของจวนโหวก็ถูกปฏิบัติเช่นนี้ แล้วสภาพของนางจะดีไปกว่ากันเท่าใด? ท่านพี่ซิวหมิงแม้แต่ตัวเองก็เอาไม่รอด แล้วจะปกป้องนางได้อย่างไร? เมิ่งจิ่นเหยาเหลือบตามองชายหญิงที่ต่อให้คุกเข่าอยู่บนพื้น ก็ยังอิงแอบอยู่ข้างกันคู่นี้คราหนึ่ง แล้วจึงหันไปถามชายที่อยู่ข้างตนว่า “ท่านพี่ แล้วแม่นางหว่านเอ๋อร์ผู้นี้จะทำเช่นไรดี? ก็ไม่รู้ว่าเป็นบุตรสาวของบ้านใด หากบิดามารดานางรู้ว่านางทำเรื่องเช่นนี้ออกมา เกรงว่าคงโมโหไม่เบา แม้การหนีตามกับจะเป็นเรื่องที่ต่างเต็มใจทั้งสองฝ่าย ทว่าก็ยังคงต้องจัดการให้ดี” วินาทีก่อนหน้า หลี่หว่านเอ๋อร์ยังกังวลกับจุดจบที่นางต้องเผชิญ เวลานี้ เมื่อเมิ่งจิ่นเหยากล่าวถึงนางขึ้นมา หัวใจทั้งดวงของนางก็เครียดเกร็งไปหมด ภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนอีกครั้งไปด้วยหยดน้ำตา นางน้ำตาไหลรินเป็นทาง มองสามีภรรยาคู่นั้นด้วยดวงตาหวาดกลัว กู้จิ่งซีมองสำรวจหลี่หว่านเอ๋อร์ คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แม่นางที่ทำให้บุตรอกตัญญูคนนี้ของเขา หนีตามกันไปโดยไม่สนใจหน้าตาของวงศ์สกุลผู้นี้ รูปลักษณ์จัดได้ว่างาม แม้รู

    Last Updated : 2024-10-29
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 27  

    “สามหาว!” กู้จิ่งซีตำหนิด้วยความโกรธ สีหน้าเคร่งขรึมลงอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า คิดไม่ถึงว่า บุตรบุญธรรมที่ยามปกติรู้ความมีมารยาท ทั้งยังกตัญญูผู้นี้ จะยังมีด้านที่เลวร้ายเช่นนี้ด้วย ตนยังไม่ทันตาย ก็กล้ากล่าววาจาเราะร้ายกับผู้อาวุโสแล้ว หากตนตายไป ยังไม่รู้ว่าแม่นางน้อยผู้นี้จะถูกปฏิบัติอย่างไร เขาโกรธไม่เบา มีความโมโหอยู่ในน้ำเสียง “หากนางเป็นหญิงอสรพิษ ยามนี้ แม่นางหว่านเอ๋อร์ที่พฤติกรรมปล่อยเนื้อปล่อยตัวผู้นี้ ก็คงไม่ได้เหยียบย่างเข้าประตูสกุลกู้แล้ว ไม่ว่าเจ้าจะชอบอย่างไร ก็ได้แต่เลี้ยงไว้ข้างนอก เป็นเพียงสตรีที่ถูกเลี้ยงอย่างหลบๆ ซ่อนๆ อยู่นอกจวนเท่านั้น เจ้าไม่เคารพผู้อาวุโสซ้ำแล้วซ้ำเล่า เห็นได้ว่ายังไม่สำนึก ดูท่าคงเป็นเพราะบทลงโทษเบาเกินไป เช่นนั้นก็เพิ่มอีกห้าแส้แล้วกัน” หากเพิ่มอีกห้าแส้ มิเท่ากับโทษโบยยี่สิบห้าแส้หรือ? ในใจของกู้ซิวหมิงบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา มองผู้เป็นบิดาอย่างไม่อยากเชื่อ ไม่อยากเชื่อว่าท่านบิดาที่เลี้ยงดูเขามาหลายปี คิดจะตีเขาถึงตายเพียงเพราะสตรีนางเดียว ดูท่าความสามารถในการล่อลวงคนของเมิ่งจิ่นเหยาผู้นี้จะมีมากเหลือเกิน ไม่เสียทีที่มีใบหน้าเช่นน

    Last Updated : 2024-10-29
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 28  

    กู้จิ่งซีมองภรรยาตัวน้อยวางมาดผู้อาวุโสอย่างเต็มที่ ทั้งที่อายุน้อยกว่าบุตรอกตัญญูคนนั้นของเขาด้วยซ้ำ  ก็เกิดความรู้สึกไม่สอดคล้องอยู่บ้าง หากไม่สนใจใบหน้าอ่อนเยาว์ดวงนั้นของนาง ก็ออกจะมีท่าทีของผู้เป็นมารดาอยู่บ้างจริงๆ เขาแอบยกมุมปากอย่างยากสังเกต ซิวหมิงเมื่อต้องมาเจอกับสาวน้อยนางนี้ ก็ได้แต่ยอมรับความพ่ายแพ้เท่านั้น หลังเงียบไปเป็นเวลานาน ซิวหมิงก็ก้มหัวให้กับเมิ่งจิ่นเหยาเป็นครั้งแรก ขอร้องว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ หลังโทษกักบริเวณจบลง ลูกอยากหาวันดีรับหว่านเอ๋อร์เข้าจวน ขอท่านพ่อกับท่านแม่โปรดให้ลูกได้สมหวังด้วย” ผู้ฉลาดย่อมปรับตัวตามสถานการณ์ เหตุผลนี้เขารู้ดี เขากับหว่านเอ๋อร์เป็นสามีภรรยาทางพฤตินัยแล้ว หากนางตั้งครรภ์ขึ้นมา แล้วยังไม่สามารถเข้าจวน เด็กก็จะกลายเป็นลูกนอกสมรส หรือมีโอกาสที่ถูกผู้อาวุโสสั่งให้ดื่มยาแท้งบุตร เพื่อรักษาชื่อเสียงของสกุลกู้ไว้ด้วย เมื่อกู้จิ่งซีได้ฟัง คิ้วก็ขมวดเข้าหากันแน่น เขาถามเสียงหนักว่า “ภรรยาเอกยังไม่แต่งเข้ามาก็รับอนุก่อน เรื่องนี้มีเหตุผลหรือ? สกุลที่มีชื่อเสียงทรงอำนาจสกุลใดก็ไม่อาจยอมรับเรื่องเช่นนี้ ยังไม่ทันแต่งภรรยาเอกเข้าบ้านก็จะรับอนุ

    Last Updated : 2024-10-29
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 29  

    เมื่อเรื่องราวได้บทสรุป หลี่หว่านเอ๋อร์ก็ถูกส่งกลับบ้าน ส่วนกู้ซิวหมิงถูกคุมตัวไปที่โถงบรรพชน เตรียมลงโทษตามกฎสกุล กู้จิ่งซีเหลือบตามองชุนหลิ่วและบ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านข้างครั้งหนึ่ง คนทั้งสองก็เข้าใจในทันที รีบกล่าวรับรองว่า “ท่านโหวโปรดวางใจ เรื่องที่เกิดเมื่อครู่ข้าน้อย จะไม่แพร่งพรายออกไปแม้แต่ครึ่งคำเจ้าค่ะ” เมื่อได้ยินดังนั้น กู้จิ่งซีก็พยักหน้าเล็กน้อย แล้วออกจากห้องหนังสือไป เมื่อเมิ่งจิ่นเหยาเห็นดังนั้น ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็สาวเท้าตามไป เจ้านายทั้งสองคนจากไปแล้ว ชุนหลิ่วจึงออกจากห้องหนังสือเช่นกัน บ่าวรับใช้เดินตามมาเป็นคนสุดท้าย เขาปิดประตูลงแต่มิได้ติดตามไป เพราะเขาเป็นข้ารับใช้ชาย ที่ทำงานในเรือนหน้าเท่านั้น ออกจากห้องหนังสือ พึ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าว กู้จิ่งซีก็ชะงักฝีเท้าแล้วสั่งการว่า “ชุนหลิ่ว เจ้าสั่งให้คนไปรายงานเจ้านายแต่ละเรือนว่า ให้พวกเขาไปรวมตัวกันที่โถงบรรพชน ส่วนฮูหยินผู้เฒ่า ท่านอายุมากแล้ว ทำการกระทบกระเทือนไม่ไหว ก็ไม่ต้องแจ้งแล้ว” ชุนหลิ่วพยักหน้ารับคำ จากนั้นก็ไปจัดการทันที หลังชุนหลิ่วจากไป กู้จิ่งซีถึงได้มองไปยังภรรยาตัวน้อยที่อยู่ด้านข้าง เห็นภร

    Last Updated : 2024-10-29
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 30  

    บรรยากาศในโถงบรรพชนเงียบสงัดจนรู้สึกประหลาด ยังคงเป็นนางจางที่เอ่ยปากทำลายความเงียบงันขึ้นก่อน “ซิวหมิง เจ้าเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อเจ้า เขารักเจ้าที่สุดแล้ว อีกครู่ก็ยอมรับผิดกับพ่อของเจ้าดีๆ แล้วขอให้เขาให้อภัยเสียเถอะ” กู้ซิวหมิงมิได้ตอบกลับ เขากำหมัดแน่น คุกเข่าโดยไม่ขยับแม้แต่น้อย หากบิดาของเขารักเขาจริง ก็คงไม่ลงโทษเขาอย่างหนักเพื่อบุตรสาวของครอบครัวตกอับนางหนึ่งแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน กู้จิ่งซีสองสามีภรรยาก็มาถึงแล้ว เมื่อนางจางเห็นพวกเขามาถึง ก็เหลือบมองไปทางกู้ซิวหมิงครั้งหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “น้องสาม ปกติแล้วซิวหมิงเด็กคนนี้เป็นมีมารยาทและรู้ความ ครั้งนี้แม้จะกระทำเรื่องราวอย่างบุ่มบ่ามไปสักหน่อย แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ทำผิด มิสู้ลงโทษเล็กน้อยเป็นการตักเตือน เพื่อไม่ให้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ในอนาคตก็พอแล้ว เหตุใดต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ด้วยเล่า?” ทันทีที่คำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา นางเฉินก็แอบเหลือบมองนางครั้งหนึ่ง แค่นเสียงเย้ยหยันอยู่ในใจ นางดูแคลนต่อความเสแสร้งแกล้งทำเป็นเห็นอกเห็นใจนี้ พี่สะใภ้ใหญ่คนนี้ ภายนอกชอบทำตัวเป็น ‘คนดี’ แต่ภายในกลับแอบสุมฟืนใส่ไฟ

    Last Updated : 2024-10-29

Latest chapter

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 176  

    ท่านพ่อรักเมิ่งจิ่นเหยามากเพียงนั้น ก็ไม่แน่เมิ่งจิ่นเหยาอาจคอยพูดข้างหมอน ท่านพ่อถึงได้ช่วยพาเมิ่งเฉิงจางเข้าสำนักศึกษาหลิงซานด้วย สำนักศึกษาหลิงซาน แม้แต่เขาที่เป็นบุตรชายยังไม่สามารถเข้าเรียนได้เลยด้วยซ้ำ แต่ท่านพ่อกลับพาคนอื่นเข้าไป หนำซ้ำยังช่วยพาเข้าไปถึงสองคน ในใจเขารู้สึกไม่ยินยอม กวาดสายตาประเมินเมิ่งเฉิงจางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าไปหนึ่งที ส่งเสียงฮึ่มออกมาเบาๆ “จริงอย่างที่ว่าหนึ่งคนบรรลุเซียน หมูหมากาไก่ก็พลอยได้ขึ้นสวรรค์ด้วย พอพี่สาวไต่เต้าขึ้นมาจนได้ดี คนเป็นน้องชายก็พลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วย” ถ้อยคำนี้แม้มิได้ชี้ชัด ทว่าความหมายกลับชัดเจนในตัว ว่ากำลังถากถางเมิ่งเฉิงจางที่อาศัยความสัมพันธ์ของพี่สาว เพื่อให้พี่เขยช่วยพาตนเองเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซาน เมิ่งเฉิงจางสีหน้ามืดครึ้มลงในทันใด สีหน้าของกู้ซิวเหวินก็ดูย่ำแย่เช่นกัน พี่สามไม่เข้าใจเรื่องราวอะไร ทว่าเขาเข้าใจกระจ่าง น้องชายของน้าสะใภ้สามท่านนี้แม้อายุยังน้อย แต่ก็เป็นคนที่เก่งกาจมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง พี่สามไม่ทำความเข้าใจให้ดี แต่อาศัยจินตนาการเพ้อเจ้อของตนเองเข้าใจผิดไปว่าอีกฝ่ายต้องใช้เส้นสาย เขาดึงหน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 175  

    แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ช่างอ่อนโยน เหมาะสำหรับเดินเล่นยิ่งนัก กู้ซิวเหวินต้อนรับผู้มาเยือนอย่างกระตือรือร้นและเป็นมิตร พาเมิ่งเฉิงจางเข้ามาเยี่ยมชมภายในจวน ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวนได้ครู่หนึ่ง ระหว่างทางก็ถูกใครบางคนเรียกให้เข้าไปหา ก่อนจะขอปลีกตัวออกไปสักพัก ก็ได้บอกให้เมิ่งเฉิงจางเดินชมสภาพแวดล้อมไปก่อนพลาง ๆ เมิ่งเฉิงจางเห็นทัศนียภาพงดงามโดดเด่น ครู่เดียวก็หลงใหลไปกับความงดงามของทัศนียภาพ คิดไม่ถึงว่าเดินไปเดินมาสุดท้ายจะหลงทาง มีเส้นทางอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าควรเดินเส้นทางใดเพื่อกลับไปจุดเดิม ครั้นกู้ซิวเหวินกลับมาไม่เห็นคน ก็รู้ทันทีว่าเขาน่าจะหลงทางแล้ว จึงรีบออกตามหาทันที ระหว่างทางบังเอิญเจอกู้ซิวหมิงและหลี่อี๋เหนียงเดินเข้ามา สองคนกำลังเดินเล่นอย่างสบายใจ คุยกันบ้าง หัวเราะกันบ้าง ในแววตาเจือความพิสมัยลุ่มลึกหวานชื่น บุรุษเก่งกาจมีความสามารถสตรีโฉมงามเพริศพริ้ง มองปราดเดียวก็เห็นถึงความเหมาะสมอย่างยิ่ง เขาเดินเข้าไปทักท่าน “พี่สาม หลี่อี๋เหนียง” หลายวันที่ผ่านมาหลี่อี๋เหนียงได้เรียนรู้ระเบียบประเพณีแล้ว เข้าใจชัดเจนว่าเมื่อใดที่ตนพบเจ้านายไม่ว่าเป็นท่านใดในจวนล

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 174  

    คล้ายว่าการนอนหงายจะทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย นางจึงพลิกตัวนอนตะแคงข้าง ขดตัว และยังคงร้องไห้ไม่หยุด นี่คงจะกำลังฝันร้ายอยู่สินะ กู้จิ่งซีมองแม่นางน้อยกำลังร้องไห้ และเสียงสะอื้นไห้ยิ่งดังขึ้นทุกเสี้ยวขณะ เขาที่ไม่เคยมีประสบการณ์ปลอบโยนเด็กน้อยมาก่อนค่อนข้างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรก่อนดี หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จนสาวใช้ที่อยู่เฝ้ายามดึกข้างนอกได้ยินเข้า อาจจะคิดไปไกลถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเลื่อนมือไปลูบแผ่นหลังของแม่นางน้อยอย่างประดักประเดิด และปลอบโยนด้วยเสียงอบอุ่นว่า “ฮูหยินอย่าร้องไห้เลย ไม่เป็นอะไรแล้ว อย่าร้องไห้เลย” ไม่รู้ใช่เพราะได้ยินเสียงนี้หรือไม่ เมิ่งจิ่นเหยาเขยิบเข้ามาข้างกายเขาตามสัญชาตญาณ อิงแอบเขาไว้และยังคงร้องไห้ต่อไป กู้จิ่งซีจำต้องยอมรับชะตากรรมไป ได้แต่ภาวนาให้นางรีบหยุดสะอื้น ไม่เช่นนั้นหากคนอื่นได้ยินเข้าจะดูไม่งาม กลางดึกผู้คนเงียบสงัดหากมีเสียงสะอื้นไห้ของนางแว่วดังออกมาจากห้องนอน ต่อให้จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็หนีไม่พ้นต้องถูกเข้าใจผิดแน่ “ฮูหยินอย่าร้องไห้เลย ไม่ต้องร้องแล้ว มันก็แค่ฝันร้าย” กู้จิ่งซีปลอบโยนด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 173  

    คืนนั้น เมิ่งจิ่นเหยาฝัน ในฝันเฉิงอวี่กำลังร้องไห้โยเยไม่ยอมดื่มยา ตู้อี๋เหนียงแม้ใช้เสียงนุ่มนวลปลอบโยนอยู่นานครู่ใหญ่แล้วแต่ก็ยังไม่เป็นผล เห็นเจ้าตัวเล็กร้องไห้จนหน้าแดง แม้กระทั่งลมหายใจก็เริ่มไม่เป็นจังหวะ ตู้อี๋เหนียงกลัวว่าเจ้าเด็กน้อยร้องไห้จนขาดใจ ก็ไม่กล้าบังคับให้เจ้าเด็กน้อยดื่มยาอีก ได้แต่ปลอบโยนด้วยเสียงนุ่มนวล “เฉิงอวี่เด็กดี เฉิงอวี่ไม่อยากกิน เช่นนั้นก็ไม่ต้องกินแล้วนะ” เอ่ยพลางก็หันไปส่งสายตาให้สาวใช้ข้างกาย สาวใช้ผงกศีรษะ รีบออกไปตามหาคนช่วยกู้สถานการณ์ ทว่าสาวใช้แค่คิดจะออกไป เมิ่งจิ่นเหยาตัวน้อยก็เข้ามาพอดี ตู้อี๋เหนียงเห็นนาง ราวกับเห็นดวงดาวช่วยชีวิต เผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมา “คุณหนูใหญ่ท่านมาแล้ว เฉิงอวี่ไม่ยอมดื่มยาอีกแล้ว ท่านช่วยมาปลอบโยนเขาหน่อยเถิด เขาเชื่อฟังท่านที่สุดแล้ว” “พี่…แค่ก…พี่หญิงใหญ่” เฉิงอวี่เห็นนาง ทันใดนั้นก็หยุดร้อง และยื่นมือออกมาขอให้นางกอด เมิ่งจิ่นเหยาตัวน้อยก้าวขาสั้น ๆ วิ่งเข้าไปหา ให้สาวใช้อุ้มขึ้นเตียงแล้ว นางก็ยื่นมือออกไปกอดน้องชายที่ป่วยอยู่ พลางเอ่ยวาจาปลอบโยนด้วยเสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อย “เฉิงอวี่เด็กดี ดื่มยานี่อีกแค่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 172  

    เมิ่งจิ่นเหยาหน้าถอดสี คิดถึงท่าทางหมดอาลัยตายอยากเมื่อสักครู่ของตนเองขึ้นมา ช่างน่าอับอายขายหน้าเสียจริง นางลดมือลงอย่างกระอักกระอ่วน เอ่ยด้วยใบหน้าเหยเก “แล้วอย่างไร คนเราก็ต้องมีช่วงเวลาที่ความคิดเพี้ยนผิดไปบ้าง ฟังถ้อยคำตักเตือนของท่านพี่แล้ว ข้าเองก็คงไม่ทำอะไรเช่นนั้นอีกแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยพลาง ก็ผินใบหน้าไปทางอื่น ขอบตาแดงรื้น รีบกะพริบตารัว ๆ หวังจะไล่น้ำตาให้ไหลย้อนกลับไป ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุมว่า “แม้เฉิงอวี่จะวัยเพียงสองขวบ แต่เขาก็รักทะนุถนอมข้ามาก ๆ ตอนเด็กที่ข้าเคยสะดุดก้อนหิน จนตนเองหกล้มเขายังเจ็บปวดหัวใจอย่างกับอะไรดี เด็กน้อยคนนั้นด่าทอสาปแช่งเจ้าหินก้อนนั้นอยู่นานเชียว ด่าว่ามันนิสัยไม่ดี หากเขาเห็นข้าได้รับบาดเจ็บ เขาต้องเจ็บหัวใจแน่” กู้จิ่งซีฟังอยู่อย่างเงียบเชียบ แม้เขาจะอาศัยในครอบครัวที่พอจะเรียกได้ว่ารักใคร่ปรองดองกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีน้องชายแบบนี้มาก่อน เขากับพี่ชายมิได้มีความผูกพันกันแน่นแฟ้นอะไร พี่ชายทั้งสองคนแม้อาวุโสกว่า แต่ก็ยำเกรงเขา ให้ความเคารพเขามาก ความสนิทสนมใกล้ชิดจึงมีไม่เพียงพอ เขาเอ่ยด้วยเสียงอบอุ่น “เช่นนั้นฮูหยินโปรดจำใส่ใจ อย่าให

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 171  

    ผ่านไปนานครู่ใหญ่ เมิ่งจิ่นเหยาช้อนสายตาขึ้น มองกู้จิ่งซีตาไม่กะพริบ สายตาคู่นั้นเป็นประกายจนน่าตกใจ คล้ายกับมองเห็นหญ้าฟางช่วยชีวิตในยามเข้าตาจน ก็ถามด้วยความตื่นเต้น “สำหรับเรื่องการหาเรื่องให้ผู้อื่นอารมณ์เสีย ท่านพี่มีความคิดเห็นว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” กู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยกลับมาฮึกเหิมมีพลังได้รวดเร็วเพียงนั้น ก็แอบถอนหายใจโล่งอกออกมากับตนเอง มีเรี่ยวแรงกลับมาสู้ต่อนั่นก็ดีแล้ว ท่าทางหมดอาลัยตายอยากเมื่อครู่ ทำให้กลัวว่านางจะคิดสั้นมากเสียจริง ดรุณีน้อยวัยเพียงสิบกว่าขวบ ชีวิตเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น หากต้องจบลงไปแบบนั้นแล้วก็น่าเสียดายเหลือเกิน เขาครุ่นคิดบางอย่าง “ฮูหยินต้องรับความผิดโดยไม่เป็นธรรมเช่นนั้นแล้ว ถึงคราวต้องคืนความผิดนี้กลับสู่คนร้ายตัวจริง” เมิ่งจิ่นเหยามุ่นหัวคิ้วขึ้น พริบตาเดียวก็ห่อเหี่ยวลงมา “เรื่องผ่านไปตั้งสิบเอ็ดปีแล้ว เบาะแสจากเมื่อปีก่อนนั้นคงจะถูกลบเลือนจางหายไปตามเวลาแล้ว อาศัยเพียงลมปากไม่มีหลักฐาน คิดจะจับตัวคนทำผิดกลับมาคงไม่ง่ายแล้วเจ้าค่ะ” กู้จิ่งซีถาม “เรื่องนี้นอกจากเจ้าแล้ว ยังมีผู้ใดรู้อีกบ้าง?” เมิ่งจิ่นเหยาตอบตามความจริง “ท่านปู่รู้

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 170

    นางตอบคำถามที่กู้จิ่งซีถามมาก่อนหน้านี้ “ถูกกระทำเจ้าคะ”เมื่อกล่าวจบ น้ำเสียงของนางก็สะอื้นเล็กน้อย พลางกล่าวต่อว่า “ตอนนั้นไม่มีคนบังคับข้า เป็นเพียงความผิดพลาดที่ให้เกิดขึ้นเท่านั้น ข้าถึงได้รู้ว่าตนเองตกหลุมพรางโดยไม่ได้เตรียมตัวป้องกันเลยแม้แต่น้อย อยากจะแก้ไขแต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว”กู้จิ่งซีตอบกลับ “ผู้ที่ไม่รู้ย่อมไม่มีความผิด นั่นมิใช่ความผิดของเจ้า เป็นความผิดของผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด”“มิใช่งั้นหรือเจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยากระซิบแผ่วเบา แววตาว่างเปล่า ท่าทางเหม่อลอยเล็กน้อย เมื่อนึกถึงร่างเย็นยะเยียบเล็ก ๆ ที่นอนอยู่ภายในโลงศพ ในใจของนางก็บีบรัดจนเจ็บขึ้นมา เดิมทีเฉิงอวี่ไม่จำเป็นต้องตาย“ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว”กู้จิ่งซีให้คำตอบยืนยัน เมื่อเห็นนางจมอยู่ในความโศกเศร้า โทษตนเองและรู้สึกผิด เกลียดชังอย่างถึงที่สุด ก็สามารถคาดเดาได้ว่าคนผู้นั้นจะต้องสำคัญกับนางมากเป็นแน่ จึงถามนางต่อ “มิสู้ฮูหยินลองบอกกับข้าก่อนสักหน่อยได้หรือไม่ ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”เมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามองบุรุษที่อยู่อยู่ตรงหน้า คิดในใจว่าผู้ที่ชอบธรรมและน่าเกรงขามเช่นเสนาบดีกู้คงไม่แพร่เรื่องนี้อ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 169

    แม่นางน้อยนั่งอย่างงงงัน ก็ไม่รู้ว่าภายในใจกำลังคิดอะไรอยู่ ทว่าอารมณ์ค่อนข้างมั่นคงกู้จิ่งซีถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน ตอนนี้สามารถบอกได้แล้วหรือไม่?”บอกอันใดเจ้าคะ?เมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจเหตุผลกู้จิ่งซีตอบกลับไปว่า “บอกว่าวันนี้เจ้าไปที่ไหนและทำอันใดมาบ้าง?”เมิ่งจิ่นเหยาก้มศีรษะลง เงียบงันไปชั่วครู่แล้วตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “กลับไปบ้านมารดามาเจ้าค่ะ”มีคับข้องใจปกคลุมอยู่ในน้ำเสียง รวมถึงความเกลียดชังที่ยากจะดูออกสีหน้าของกู้จิ่งซีชะงักไปชั่วครู่ ดูเหมือนแม่นางน้อยจะไม่เคยรู้สึกน้อยใจเพราะเรื่องของบ้านมารดามาก่อน เพราะว่าไม่ใส่ใจ ดังนั้นจิตใจจึงสงบนิ่งดังสายน้ำ จากนั้นจึงถามต่อว่า “เหตุใดอยู่ ๆ ถึงได้กลับไปบ้านมารดาเล่า?”เมิ่งจิ่นเหยาตอบตามความจริง “พ่อบ้านบอกว่าท่านย่าล้มป่วย จึงกลับไปดูสักหน่อยเจ้าคะ คิดไม่ถึงว่าจะทำเพื่อเรื่องอื่น น้องรองผ่านการประเมินของสำนักศึกษาหลิงซาน และใกล้จะได้ไปร่ำเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซาน เมิ่งเฉิงซิงกลับไม่ผ่านการประเมิน พวกท่านย่าของข้ารู้ว่าท่านกับหัวหน้าสำนักศึกษาหลิงซานเป็นสหายต่างวัยกัน จึงให้ข้ามาพูดกับท่าน ให้ไปห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 168

    ยามที่บุรุษดูแลใครสักคนท่าทางอ่อนโยน พิถีพิถัน การเคลื่อนไหวชำนิชำนาญ ราวกับเคยทำมาแล้วหลายครั้งหลายคราเมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะมองเห็นเงาร่างของท่านปู่ผ่านกู้จิ่งซีได้อย่างเลือนราง ท่านปู่ตามใจเพียงแค่นางเท่านั้น ไม่เพียงแต่ตัดแต่งเล็บให้นาง ยังมัดผมเป็นเปียเล็ก ๆ สองข้างให้นาง และเล่านิทานให้นางฟังด้วยกู้จิ่งซีในเวลานี้ดูคล้ายกับท่านปู่อยู่บ้าง แต่กลับไม่ใช่ท่านปู่ เขาอ่อนโยน ส่วนท่านปู่คือความรักและเมตตาเมิ่งจิ่นเหยาอยากรู้ “ก่อนหน้านี้ท่านพี่เคยดูแลเด็กอยู่บ่อยครั้งหรือเจ้าคะ?”เด็กที่นางพูด หมายถึงกู้ซิวหมิงการเคลื่อนไหวของกู้จิ่งซีหยุดชะงักไปชั่วครู่ มองดูนางพลางยิ้มแล้วกล่าวว่า “เปล่าหรอก นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าดูแลเด็ก โชคดีที่เด็กว่านอนสอนง่าย ไม่ก่อกวนเท่าใดนัก มิเช่นนั้นข้าคงดูแลไม่ไหว” เมื่อเมิ่งจิ่นเหยาได้ฟัง ก็ก้มหน้าลงไม่มองเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ พลางกล่าวเสียงแผ่วเบา “ท่านพี่เป็นท่านโหว จะมาดูแลผู้อื่นได้อย่างไรกัน? ให้สาวใช้มาทำให้ก็พอแล้วเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซียิ้มมุมปาก กล่าวตามเหตุตามผล “หากว่าเจ้าอยากให้สาวใช้มาดูแล จะอยู่ภายในห้องเพียงลำพังได้อย่างไร

DMCA.com Protection Status