Share

บทที่ 11

มุมปากของเมิ่งจิ่นเหยายิ่งโค้งขึ้น รอยยิ้มเอ่อล้นดวงตา แววตาสวยวิจิตร แม้แต่น้ำเสียงก็เปี่ยมไปด้วยความยิ้มแย้ม “นี่ท่านพี่พูดเองนะ”

นางไม่คิดว่ากู้จิ่งซีจะพูดง่ายเช่นนี้ ถึงอย่างไรก็เป็นคนมีอายุ ชายชราอายุใกล้สามสิบ อีกไม่กี่ปีก็จะถึงวัยที่ต้องเป็นปู่คนแล้ว ดังนั้นจึงมีนิสัยใจคอที่ค่อนข้างเป็นกันเอง

อย่างกู้ซิวหมิงนั้นพูดคุยด้วยยาก คอยวางท่าอยู่เสมอ ให้ความรู้สึกว่าอยู่เหนือกว่าผู้อื่น เห็นทีนางคงตัดสินใจถูกแล้วที่แต่งงานกับกู้จิ่งซีเมื่อวานนี้ ต่อให้ต้องเป็นม่ายไปตลอดชีวิตก็ยอมรับได้

กู้จิ่งซีมองท่าทางดีใจของนาง นางผู้มีความสุขุมเยือกเย็นแทบจะไม่เคยแสดงท่าทีปราดเปรียวอย่างที่เด็กสาวควรมีเลย แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเด็กสาวอยู่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่และสุขุมเพียงใด ก็ต้องมีลักษณะท่าทางที่เด็กสาวควรมี

เขาตอบว่า “อืม ข้าพูดเอง”

ทั้งสองคนอายุห่างกันมาก ไม่คุ้นเคยกันก็ไม่เป็นไร จับคลุมถุงชนเอาเสียเลย พูดเรื่องสำคัญจบต่างคนต่างก็มองหน้ากันไม่พูดจา กู้จิ่งซีไม่อยากอยู่กับเด็กน้อย จึงหาข้ออ้างเพื่อออกไปจากที่นี่

เมิ่งจิ่นเหยารีบดำเนินการทันที สั่งให้สาวใช้จัดห้องใหม่ตามความชอบของตัวเอง ภายในห้องมีการตกแต่งคล้ายกับห้องส่วนตัวของบ้านพ่อแม่ที่นางเคยอยู่

สาวใช้ของเวยหรุยเซวียนเห็นดังนั้นก็เผยสีหน้าทนมองไม่ได้ออกมา พลางพึมพำกับตัวเองว่า “ท่านโหวไม่ชอบสีฉูดฉาดแบบนี้ ชอบให้เป็นสีเดียวเหมือนกันหมด ไม่รู้ว่าท่านโหวกลับมาเห็นห้องอยู่ในสภาพนี้แล้วจะพาลโมโหหรือไม่”

สาวใช้อีกคนตอบว่า “ท่านโหวโกรธแน่ แล้วนั่นก็เป็นความผิดของฮูหยินด้วย ฮูหยินเป็นคนสั่ง พวกเราแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น”

ได้ยินดังนั้น ใบหน้าของสาวใช้ก็เผยแววดูถูกออกมา “คิดไปว่าตัวเองได้แต่งงานเข้ามาก็จะได้เป็นโหวฮูหยินอย่างแท้จริงแล้ว ไม่ได้คิดด้วยซ้ำไปว่าตัวเองแต่งงานกับท่านโหวได้อย่างไร เพิ่งเข้าจวนมาได้สองวันก็มายุ่งกับเรือนของท่านโหวเสียแล้ว”

สาวใช้อีกคนบอกว่า “ก็ใช่น่ะสิ พวกเราต้องทำงานให้เร็วขึ้นอีกหน่อย ขาดแต่ม่านเตียงอย่างเดียว ต้องรีบจัดให้เสร็จก่อนที่ท่านโหวจะกลับมา พอท่านโหวกลับมาแล้วจะได้มีอะไรสนุก ๆ ดู”

ดังคำที่กล่าวกันทั่วไปว่า กลางวันอย่านินทาคน กลางคืนอย่านินทาผี มันมีเหตุผลของมัน

พวกนางกำลังนินทาลับหลังกันอยู่ คนที่เกี่ยวข้องก็มาปรากฏตัวขึ้นด้านหลังพวกนาง แล้วถามด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ “มีอะไรสนุก ๆ ดูกันหรือ?”

สาวใช้นางนั้นยังไม่ทันตั้งตัว เลยตอบไปโดยสัญชาตญาณ “ก็ดูอะไรสนุก ๆ ของโหวฮูหยินของพวกเราน่ะสิ ไม่แกร่งพอ แต่กลับวางท่าเสียใหญ่โต”

“อย่างนั้นหรือ?” เมิ่งจิ่นเหยาหัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ยด้วยจังหวะพอเหมาะ “ก่อนที่พวกเจ้าจะได้ดูอะไรสนุก ๆ ของข้า ข้าจะให้พวกเจ้าได้ดูอะไรสนุก ๆ ของพวกเจ้าก่อน พวกเจ้าว่าอย่างไร?”

ทันทีที่พูดออกมา สาวใช้ทั้งสองก็หน้าซีดเผือด ตัวแข็งทื่อไปหมด พอหันกลับมาก็เห็นเมิ่งจิ่นเหยากำลังมองพวกนางอยู่ รอยยิ้มที่ไม่เหมือนรอยยิ้มนั้นมองไม่ออกเลยว่าดีใจหรือโมโห พวกนางใจหายวาบ ไม่คิดว่านางจะกลับมาเร็วขนาดนี้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็คือนาย หากถือสาหาความขึ้นมา พวกนางไม่พ้นต้องถูกลงโทษเป็นแน่

ไม่นาน พวกนางก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง เหลือบมองไปที่สาวใช้อีกสามคนที่ไม่ได้ร่วมวงนินทาด้วยสายตาขุ่นเคือง ราวกับว่ากำลังตำหนิพวกนางที่ไม่ส่งเสียงเตือน จากนั้นก็โค้งคำนับเมิ่งจิ่นเหยา “ข้าน้อยคารวะฮูหยิน”

เมิ่งจิ่นเหยานั่งลง มองพวกนางด้วยแววตาเฉยเมย ไม่เกรี้ยวกราดแต่น่าเกรงขาม “สงสัยท่านพี่จะมัวยุ่งอยู่กับงานราชการ จึงละเลยในการดูแลจัดการคนรับใช้ แม้แต่สาวใช้ยังกล้ากุเรื่องล้อเลียนเจ้านายลับหลังเสียแล้ว”

สาวใช้ทั้งสองคุกเข่าลง รีบยอมรับผิด “ฮูหยินอย่าเพิ่งกริ้ว ข้าน้อยไม่กล้าทำอีกแล้ว!”

“แค่ไม่กล้าเองหรือ?” เมิ่งจิ่นเหยาเลิกคิ้วขึ้น พลางถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ไม่กล้า มันมีความหมายว่าอยากกุเรื่องล้อเลียนเจ้านาย แต่ว่าไม่กล้าเช่นนั้นหรือ? ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำเสียหน่อย?”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status