Share

บทที่ 7

โถงโซ่วอัน

โถงโซ่วอันที่เคยเงียบเหงาเปลี่ยนเป็นคึกคักเพราะสะใภ้ใหม่ที่เพิ่งเข้ามา

เช้าตรู่นี้ บรรดาเด็กรุ่นหลังในตระกูลมาที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่ากู้กันแต่เช้า รอดูว่าวันนี้สะใภ้ใหม่จะรับมือเช่นไร

บ้านใหญ่กับบ้านรองไม่รู้ว่าผ่านข้ามคืนด้วยอารมณ์แบบใด กู้ซิวหมิงหลบหนีการแต่งงาน ในฐานะที่กู้จิ่งซีเป็นว่าที่บิดาสามีจึงแต่งงานกับว่าที่ลูกสะใภ้ เรื่องที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ย่อมแพร่กระจายออกไปแล้ว ตระกูลของพวกเขาก็กลายเป็นที่ขบขันของทั้งเมืองหลวง ระหว่างที่รอ คนของทั้งสองบ้านแอบส่งสายตาให้กันไม่รู้กี่ครั้ง

วันนี้ฮูหยินผู้เฒ่ากู้กลับดูกระปรี้กระเปร่า ดวงหน้ามีรอยยิ้มใจดี เรื่องการแต่งงานของบุตรชายเป็นปัญหาทางใจของนาง บัดนี้บุตรชายมีภรรยาแล้ว นางก็ปีติยินดีในใจ ใช้ชีวิตของตัวเอง นางไม่สนใจว่าคนนอกจะพูดอะไร ขอเพียงบุตรชายมีภรรยา ไม่ต้องอยู่โดดเดี่ยวเพียงลำพังจนแก่เฒ่าก็พอแล้ว

นางจางเห็นแบบนั้นก็เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “คนเราเมื่อพบเจอเรื่องน่ายินดีก็จะเบิกบานใจจริง ๆ ด้วย วันนี้ท่านแม่อารมณ์ดียิ่ง”

ฮูหยินผู้เฒ่ากู้พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “นั่นเป็นเรื่องธรรมดา เจ้าสามมีครอบครัวแล้ว ในที่สุดข้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการแต่งงานของเขาอีกต่อไปแล้ว”

เมื่อได้ยินคำกล่าว คนของบ้านใหญ่กับบ้านรองสบตากันอย่างเงียบเชียบ การแต่งงานครั้งนี้เป็นเรื่องน่าขบขัน แต่ฮูหยินผู้เฒ่ายังสามารถยิ้มออกมาได้ วันหน้าพวกเขาออกจากบ้านจะต้องถูกคนตามหัวเราะเป็นแน่

ฮูหยินผู้เฒ่าสังเกตเห็นพวกเขาลอบเคลื่อนไหวอย่างเงียบ ๆ แต่ก็ไม่สนใจ ถึงอย่างไรบ้านใหญ่กับบ้านรองก็เป็นแค่บุตรที่เกิดจากอนุภรรยา แต่ไหนแต่ไรก็ทนเห็นบุตรชายของนางได้ดีไม่ได้ มีเพียงเวลาที่อยากเอารัดเอาเปรียบเท่านั้นถึงจะเป็นพี่น้องกัน เมื่อเห็นกู้จิ่งซีกับเมิ่งจิ่นเหยาเดินเคียงคู่กันมา ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็ยิ้มกว้างขึ้น สายตาของคนอื่น ๆ ทอดมองไปที่ตัวพวกเขาเช่นกันโดยที่มีความคิดแตกต่างกันไป

เมิ่งจิ่นเหยาไม่สนใจสายตาแปลกประหลาดของคนอื่น ยังคงสงบนิ่งเหมือนเคย ราวกับว่าคนที่นางอยากแต่งงานด้วยคือกู้จิ่งซี ไม่ใช่กู้ซิวหมิง ไม่มีความขัดเขินเลยสักนิดเดียว ยกน้ำชาคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากู้อย่างเปิดเผย “ท่านแม่ เชิญดื่มชาเจ้าค่ะ”

“ดี ๆๆ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากู้เอ่ยคำว่าดีติดต่อกันสามครั้ง ตื่นเต้นจนขอบตาฉ่ำรื้น นางรอคอยน้ำชาจากลูกสะใภ้ถ้วยนี้มาสิบปีแล้ว ในที่สุดก็มาถึง นางรับถ้วยชามาดื่มหนึ่งคำแล้วกล่าวต่อว่า “เด็กดี ลุกขึ้นมาเร็วเข้า”

หลังจากที่เมิ่งจิ่นเหยาลุกขึ้นมาแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็ถอดกำไลหยกบนข้อมือ จับมือของเมิ่งจิ่นเหยาไว้แล้วสวมให้นางโดยไม่ยอมให้ปฏิเสธ

เมิ่งจิ่นเหยาหลุบตามองกำไล กำไลวงนี้มีสีเขียวใสเป็นประกาย มีค่าคู่บ้านคู่เมืองอย่างแน่นอน นางจึงรีบกล่าวว่า “ท่านแม่ นี่มีค่ามากเกินไป ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”

กู้จิ่งซีเห็นกำไลวงนั้น แววตาก็มีความประหลาดใจพาดผ่าน ก่อนจะเอ่ยว่า “ผู้ใหญ่มอบให้ ห้ามปฏิเสธ ท่านแม่มอบให้เจ้า เจ้ารับไว้ก็พอ”

เมื่อได้ยินดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่ปฏิเสธอีก มองด้วยรอยยิ้มพลางเอ่ยขอบคุณว่า “ลูกสะใภ้ขอขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ” หลังจากนั่งลงแล้วก็เห็นนางจางกับนางเฉินมีสีหน้าเปลี่ยนไป สายตายังคงจ้องมองข้อมือของนางอย่างเลือนราง นางก็รู้ว่ากำไลวงนี้คงไม่ธรรมดา ต้องเป็นสิ่งที่พวกนางอยากได้ แต่ไม่ได้มาอย่างแน่นอน

แท้จริงแล้ว ฮูหยินใหญ่กับฮูหยินรองอิจฉามากจริง ๆ กำไลวงนี้เป็นของที่นายหญิงสกุลกู้ส่งต่อกันมารุ่นต่อรุ่น เป็นสัญลักษณ์ของนายหญิง แม้ว่าเดิมทีเมิ่งจิ่นเหยาแต่งงานกับกู้ซิวหมิง กลายเป็นฮูหยินของซื่อจื่อ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องได้รับกำไลวงนี้ แต่พวกนางรู้สึกตลอดว่ามันไม่เหมือนกัน เดิมทีเป็นเด็กรุ่นหลังของพวกนาง บัดนี้กลายเป็นคนรุ่นเดียวกัน แถมสถานะยังสูงศักดิ์กว่าพวกนางอีกด้วย

แววตาของนางจางไหววูบ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “น้องสะใภ้สาม เมื่อคืนเจ้าคุ้นเคยดีหรือยัง? ต้องโทษเจ้าเด็กซิวหมิงที่ทำตัวตามอำเภอใจ เมื่อวานเราส่งคนไปตามหาแล้ว หากไม่ใช่เพราะเขาไม่มีความรับผิดชอบ เจ้าก็คงไม่ต้อง...”

นางกล่าวพลางคล้ายกับตระหนักได้ว่าตนเองพูดเรื่องที่ไม่สมควรพูด จึงเงียบปากทันเวลาแล้วเปลี่ยนเรื่องพูดอีกว่า “เรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้ว น้องสะใภ้สามลืมเรื่องที่ไม่น่าพอใจพวกนั้นไปก็พอ เจ้ากับน้องสามต้องอยู่กันให้ดี ๆ”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status