แชร์

บทที่ 6

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
คู่บ่าวสาวห่มผ้านอนหลับเฉย ๆ อย่างที่คาดไว้ไม่ผิด

หลังจากที่วุ่นวายมาตลอดทั้งวัน อีกทั้งผ่านการแต่งงานที่เหลวไหลเช่นนี้ เมิ่งจิ่นเหยาเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ แม้ว่าตนจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย และยังมีบุรุษที่เป็นผู้ใหญ่นอนอยู่ข้างกาย แต่นางก็ผล็อยหลับไปอย่างสบายใจ

ถึงอย่างไรสามีผู้นี้ของนางก็มีโรคที่มิอาจบอกผู้ใดได้ นางจึงไม่มีความตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย ต่อให้สามีไม่มีโรคที่มิอาจบอกผู้ใดได้ นางก็ไม่ปฏิเสธที่จะใช้ชีวิตครองคู่กันอย่างสมบูรณ์ แต่งงานก็แต่งไปแล้ว ยังอยากรักษาความบริสุทธิ์เป็นหญิงพรหมจรรย์อีกทำไม เช่นนั้นก็ไม่มีความหมายแล้ว

กู้จิ่งซีก็นอนลงโดยที่ไม่รู้เช่นกันว่ารู้สึกอย่างไร เขาใช้ชีวิตมายี่สิบเก้าปี เพิ่งจะเคยนอนหลับร่วมเตียงกับสตรีเป็นครั้งแรก เขานึกว่าอีกฝ่ายเป็นสตรีย่อมตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ แต่คิดไม่ถึงว่าแค่ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอดังมาที่ข้างหู

เขาเบนศีรษะด้วยความประหลาดใจ มองภรรยาที่เพิ่งแต่งงานนอนหลับสนิทโดยไร้ความระแวดระวัง แม่นางน้อยเพิ่งจะอายุสิบห้าสิบหก กลับมีจิตใจที่สงบนิ่งและปรับตัวไปตามสถานการณ์ สุขุมจนไม่เหมือนกับแม่นางน้อยในวัยนี้ และไม่รู้เช่นกันว่าฝึกฝนออกมาได้อย่างไร ไม่รู้ว่าวันข้างหน้านางยังสามารถรักษาจิตใจให้มั่นคงได้หรือเปล่า

วันรุ่งขึ้น

แสงอรุณอ่อน ๆ ส่องผ่านหมู่เมฆ ขับไล่ความมืดมิด เมิ่งจิ่นเหยาตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ หลังจากที่ลืมตาขึ้น สิ่งที่ปรากฏเข้ามาในสายตาคือผ้าม่านที่ไม่คุ้นเคย นางทำสีหน้าเคร่งเครียด และครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อวานอย่างสำนึกได้ในภายหลัง ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที

นางเบนศีรษะมองออกไปทางนอกเตียง สามีที่เพิ่งแต่งงานยังคงหลับตาสนิทไม่ตื่นขึ้นมา

กู้จิ่งซีรูปโฉมงดงามจริง ๆ คิ้วนัยน์ตาราวกับภาพวาด ดวงหน้าดั่งหยกประดับกวน เป็นคนที่รูปโฉมโดดเด่นที่สุดในหมู่ผู้คนของสกุลกู้ ได้ยินว่าปีนั้นคู่หมั้นของเขาเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง แต่น่าเสียดายที่เขามีโรคร้ายที่มิอาจบอกผู้ใดได้ คู่หมั้นจึงถอนหมั้น มิฉะนั้นหากบุรุษรูปงามอันดับหนึ่งกับสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงผูกสัมพันธ์กัน คู่นี้ยืนอยู่ด้วยกันจะน่ามองมากเพียงใด?

ผ่านไปสักพัก กู้จิ่งซีพลันลืมตาขึ้นแล้วถามว่า “มองพอหรือยัง?”

เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เมิ่งจิ่นเหยาตกใจจนสะดุ้ง นางสงบสติอารมณ์แล้วตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ไม่พอ ท่านพี่งดงามมาก ไม่ให้ผู้อื่นมองได้หรือ?”

คำกล่าวนี้ทำเอากู้จิ่งซีสำลัก เมื่อวานคิดว่านางกล้าหาญ จัดการเรื่องราวต่าง ๆ อย่างเยือกเย็น วันนี้กลับพบว่านางยังมีฝีปากไม่ใช่เล่น เขาลุกขึ้นมานั่ง ก้มลงมองนางแล้วเอ่ยถามด้วยเสียงราบเรียบว่า “ทำไมถึงเป็นข้า?”

เมิ่งจิ่นเหยารู้ว่าเขาถามเรื่องใด นางจึงแสร้งยักไหล่อย่างสบายอารมณ์แล้วเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ท่านพี่ไม่คิดว่าท่านเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดหรือ? หลานชายทั้งสองคนของท่าน ไม่ว่าผู้ใดก็ปกป้องข้าไม่ได้ บุตรชายของท่านก็หลบหนีงานแต่งงานในวันวิวาห์ หากข้าแต่งงานกับเขาจะมีจุดจบที่ดีอันใดได้? แต่ท่านเป็นผู้นำตระกูล มีตำแหน่งสูงศักดิ์ที่สุด หากแต่งงานกับท่านก็จะเป็นฮูหยินท่านโหว แล้วใครจะรักแกข้าได้? แม้แต่บุตรชายของท่านก็ต้องเรียกข้าว่ามารดา คารวะข้าด้วยความนอบน้อม แต่งงานเข้ามาก็มีบุตรชายดี ๆ ที่โตถึงเพียงนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีมากหรือ?”

กู้จิ่งซีประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่านางจะไม่สะทกสะท้านถึงเพียงนี้ ส่วนประโยคสุดท้าย นางย่อมพูดประชดอย่างแน่นอน นั่นไม่ใช่บุตรชายที่เติบใหญ่ดี ๆ หรอก นั่นเป็นบุตรเนรคุณที่ไร้ระเบียบและไร้ความรับผิดชอบ ก็จริง การเป็นพี่สะใภ้หรือน้องสะใภ้ของลูกพี่ลูกน้องไม่ดีเท่ากับการเป็นมารดา ครอบครองสถานะญาติผู้ใหญ่สามารถกระทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย

เมื่อเห็นนางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย รัศมีความเจ้าเล่ห์พาดผ่านในแววตาอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็มีท่าทางที่แม่นางน้อยสมควรมีบ้างแล้ว กู้จิ่งซียิ้มขึ้นมาด้วยความรู้สึกสนใจแล้วกล่าวว่า “หลังจากที่รับซิวหมิงมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมก็ไม่มีมารดาอบรมสั่งสอน นิสัยจึงดื้อรั้นซุกซน ต่อไปรบกวนฮูหยินช่วยสั่งสอนให้มาก ๆ ด้วย”

เมิ่งจิ่นเหยาประหลาดใจ “ท่านพี่ไม่กลัวว่าข้าจะใช้สถานะญาติผู้ใหญ่รังแกเขาหรือ?”

กู้จิ่งซีเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “เขาสมควรได้รับการสั่งสอน ฮูหยินจัดการได้ตามสมควร”

เมิ่งจิ่นเหยาได้ยินแล้วก็ตกตะลึง กู้จิ่งซีไม่กลัวนางจิตใจคับแคบ จัดการกู้ซิวหมิงจนไม่เหลือหรือไร? หรือจะบอกว่า เพราะกู้ซิวหมิงไม่ใช่บุตรชายแท้ ๆ ดังนั้นจึงไม่ค่อยรักมากนัก?

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 7

    โถงโซ่วอันโถงโซ่วอันที่เคยเงียบเหงาเปลี่ยนเป็นคึกคักเพราะสะใภ้ใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเช้าตรู่นี้ บรรดาเด็กรุ่นหลังในตระกูลมาที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่ากู้กันแต่เช้า รอดูว่าวันนี้สะใภ้ใหม่จะรับมือเช่นไรบ้านใหญ่กับบ้านรองไม่รู้ว่าผ่านข้ามคืนด้วยอารมณ์แบบใด กู้ซิวหมิงหลบหนีการแต่งงาน ในฐานะที่กู้จิ่งซีเป็นว่าที่บิดาสามีจึงแต่งงานกับว่าที่ลูกสะใภ้ เรื่องที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ย่อมแพร่กระจายออกไปแล้ว ตระกูลของพวกเขาก็กลายเป็นที่ขบขันของทั้งเมืองหลวง ระหว่างที่รอ คนของทั้งสองบ้านแอบส่งสายตาให้กันไม่รู้กี่ครั้งวันนี้ฮูหยินผู้เฒ่ากู้กลับดูกระปรี้กระเปร่า ดวงหน้ามีรอยยิ้มใจดี เรื่องการแต่งงานของบุตรชายเป็นปัญหาทางใจของนาง บัดนี้บุตรชายมีภรรยาแล้ว นางก็ปีติยินดีในใจ ใช้ชีวิตของตัวเอง นางไม่สนใจว่าคนนอกจะพูดอะไร ขอเพียงบุตรชายมีภรรยา ไม่ต้องอยู่โดดเดี่ยวเพียงลำพังจนแก่เฒ่าก็พอแล้ว นางจางเห็นแบบนั้นก็เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “คนเราเมื่อพบเจอเรื่องน่ายินดีก็จะเบิกบานใจจริง ๆ ด้วย วันนี้ท่านแม่อารมณ์ดียิ่ง”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “นั่นเป็นเรื่องธรรมดา เจ้าสามมีครอบครัวแล้ว ในที่สุดข้าก็

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 8

    เมื่อคำกล่าวนี้ออกมา ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็ปรายตามองนางด้วยสีหน้าไม่คาดฝัน ไม่พอใจที่นางพูดเรื่องที่ไม่สมควรพูด เมิ่งจิ่นเหยาเองก็รู้ว่านางกำลังยั่วยุ แถมยังบอกเป็นนัยว่ากู้จิ่งซีใช้การไม่ได้ จึงตอบกลับอย่างนุ่มนวลว่า “ขอบคุณพี่สะใภ้ใหญ่ที่เป็นห่วงเจ้าค่ะ เมื่อคืนข้าดีหมดทุกอย่าง” นางกล่าวพลางชะงักไป จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นทำสีหน้าเหมือนมารดาผู้อ่อนโยนแล้วเอ่ยต่อว่า “เจ้าเด็กซิวหมิงไม่รู้ความจริง ๆ แต่นี่ก็โทษเขาทั้งหมดไม่ได้ เขาไม่มีมารดาอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เล็ก ท่านพี่ก็ยุ่งกับราชกิจ ขาดการดูแลสั่งสอนเขา ส่วนท่านแม่ก็อายุมากแล้ว ไม่มีแรงดูแลสั่งสอน บัดนี้ข้าแต่งงานเข้ามาแล้ว เขาก็มีมารดาแล้ว ต่อไปจะต้องสั่งสอนเขาอย่างเข้มงวดเจ้าค่ะ” เมื่อสิ้นเสียงพูด กู้จิ่งซีเลิกคิ้วขึ้น เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงอ่อนโยนถึงเพียงนี้ เหตุใดเขาถึงฟังออกว่าเหมือนกัดฟันกล่าว?ส่วนนางจางก็สำลักในใจ จ้องมองเมิ่งจิ่นเหยาที่มีสีหน้าอบอุ่น รอยยิ้มอ่อนโยน วางท่าเหมือนญาติผู้ใหญ่ได้ดีมาก นางยิ่งรู้ว่าเมิ่งจิ่นเหยาจะต้องเป็นโหดเหี้ยม สามารถยืดได้หดได้ ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ดี คนแบบนี้รับมือได้ยาก มารดาใหม่ของซื

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 9

    ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้ยินคำกล่าวนี้ สีหน้าพลันเคร่งขรึมขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “นางดูเป็นคนเฉลียวฉลาด สามารถแก้ปัญหาหลายเรื่องด้วยตนเอง แต่ไม่ว่านางจะต้องการหรือไม่ ท่าทีของเจ้าทำให้นางหลบเลี่ยงเรื่องวุ่นวายมากมายได้ ปีนั้นข้าไม่ตั้งครรภ์อยู่นาน อนุภรรยาทั้งสองคนของพ่อเจ้าต่างก็ให้กำเนิดบุตรชาย ข้าโดนมารดาสามีกดดัน อนุภรรยาเยาะเย้ยทั้งต่อหน้าและลับหลัง บิดาของเจ้าเอาแต่นิ่งดูดาย ข้าทนรับความเจ็บช้ำน้ำใจมากมายไม่ไหว” เมื่อเอ่ยถึงเรื่องในวัยสาวของตนเอง ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็หลั่งน้ำตาแห่งความชอกช้ำในใจ โชคดีที่นางให้กำเนิดบุตรชายตอนอายุยี่สิบห้า สถานการณ์ถึงค่อย ๆ ดีขึ้น ความทุกข์ที่ก่อนหน้านี้เคยได้รับ นางไม่อยากให้ลูกสะใภ้ต้องทนรับเช่นกันกู้จิ่งซีตะลึงงัน ก่อนผงกศีรษะ “ท่านแม่โปรดวางใจ ลูกไม่มีทางปล่อยให้นางโดนรังแก นางคือฮูหยินของท่านโหว เป็นตัวแทนศักดิ์ศรีของสกุลกู้ หากคนอื่นดูหมิ่นนาง ลูกก็ไม่มีหน้าแล้วเช่นกัน”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ไม่ค่อยพอใจกับคำตอบนี้จึงเอ่ยว่า “วางเรื่องมีหน้าหรือไม่มีหน้าไว้ข้าง ๆ ก่อน อย่างน้อยเจ้าต้องปฏิบัติต่อนางเหมือนภรรยา เมื่อก่อนนางเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ของเจ้า แต่บัดนี้

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 10

    เรือนเวยหรุยเซวียนบ่าวไพร่ในเรือนเห็นเมิ่งจิ่นเหยากลับมาจากการไปหาฮูหยินผู้เฒ่า โดยมีเพียงสาวใช้คนสนิทของนางอยู่ข้างกาย ท่านโหวไม่ได้มาด้วย สายตาที่มองนางก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยจริงอยู่ที่สุดท้ายนางบีบบังคับให้ท่านโหวแต่งงานกับนาง และทำให้ท่านโหวขายหน้า กลายเป็นที่ขบขันไปด้วย ท่านโหวจะสนใจตัวต้นเหตุอย่างนางได้อย่างไร?นางเป็นเพียงบุตรสาวจากตระกูลตกอับ อาศัยสัญญาหมั้นหมายที่ตกลงกันไว้ในรุ่นท่านโหวผู้เฒ่าแต่งงานกับซื่อจื่อได้ก็เป็นการปีนขึ้นที่สูงแล้ว ซื่อจื่อหลบหนีการแต่งงาน จวนโหวให้จัดพิธีแต่งงานตามที่กำหนดไว้เพื่อรับนางเข้ามา นี่เป็นการไว้หน้านางแล้ว ใครจะรู้ว่านางจะก่อปัญหาสร้างเรื่องราวที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ ไม่แต่งงานกับซื่อจื่อ ทว่าแต่งงานกับท่านโหวอย่างไร้ยางอาย ใครจะรู้ว่านางทำเพื่อแก้แค้นซื่อจื่อหรือเปล่า ถึงได้ไม่เป็นภรรยาของซื่อจื่อ แต่เป็นมารดาของซื่อจื่อแทน ซื่อจื่อย่อมมีความผิด แต่การที่นางแต่งงานกับว่าที่บิดาสามีในตอนแรกก็เป็นเรื่องเหลวไหลอย่างยิ่ง ต่อให้ไม่แต่งงานกับซื่อจื่อ จะแต่งงานกับคุณชายรองหรือคุณชายสี่ก็ได้ทันทีที่เข้ามาในห้อง หนิงตงก็อดกล่าวไม่ได้ว่า “ฮ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 11

    มุมปากของเมิ่งจิ่นเหยายิ่งโค้งขึ้น รอยยิ้มเอ่อล้นดวงตา แววตาสวยวิจิตร แม้แต่น้ำเสียงก็เปี่ยมไปด้วยความยิ้มแย้ม “นี่ท่านพี่พูดเองนะ”นางไม่คิดว่ากู้จิ่งซีจะพูดง่ายเช่นนี้ ถึงอย่างไรก็เป็นคนมีอายุ ชายชราอายุใกล้สามสิบ อีกไม่กี่ปีก็จะถึงวัยที่ต้องเป็นปู่คนแล้ว ดังนั้นจึงมีนิสัยใจคอที่ค่อนข้างเป็นกันเองอย่างกู้ซิวหมิงนั้นพูดคุยด้วยยาก คอยวางท่าอยู่เสมอ ให้ความรู้สึกว่าอยู่เหนือกว่าผู้อื่น เห็นทีนางคงตัดสินใจถูกแล้วที่แต่งงานกับกู้จิ่งซีเมื่อวานนี้ ต่อให้ต้องเป็นม่ายไปตลอดชีวิตก็ยอมรับได้กู้จิ่งซีมองท่าทางดีใจของนาง นางผู้มีความสุขุมเยือกเย็นแทบจะไม่เคยแสดงท่าทีปราดเปรียวอย่างที่เด็กสาวควรมีเลย แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเด็กสาวอยู่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่และสุขุมเพียงใด ก็ต้องมีลักษณะท่าทางที่เด็กสาวควรมีเขาตอบว่า “อืม ข้าพูดเอง”ทั้งสองคนอายุห่างกันมาก ไม่คุ้นเคยกันก็ไม่เป็นไร จับคลุมถุงชนเอาเสียเลย พูดเรื่องสำคัญจบต่างคนต่างก็มองหน้ากันไม่พูดจา กู้จิ่งซีไม่อยากอยู่กับเด็กน้อย จึงหาข้ออ้างเพื่อออกไปจากที่นี่เมิ่งจิ่นเหยารีบดำเนินการทันที สั่งให้สาวใช้จัดห้องใหม่ตามความชอบของตัวเอง ภายในห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 12

    สาวใช้ทั้งสองสั่นศีรษะเป็นกลองสั่น “ข้าน้อยก็ไม่ได้ตั้งใจ ข้าน้อยจะไม่กุเรื่องล้อเลียนฮูหยินอีกแล้ว ฮูหยินโปรดอย่าโกรธเลย”เมิ่งจิ่นเหยาสีหน้าขรึมลงทันที พลางเอ่ยเสียงต่ำ “ไม่ว่าข้าจะแต่งงานกับท่านโหวอย่างไร ตอนนี้ข้าก็เป็นนาย พวกเจ้าเป็นบ่าว กุเรื่องล้อเลียนเจ้านาย สาวใช้ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เรือนเวยหรุยเซวียนจะเก็บไว้ไม่ได้”นางพูดพร้อมกับเลื่อนสายตาไปที่ชิงชิวและหนิงตง “ชิงชิว หนิงตง ตบปากคนละยี่สิบครั้ง จากนั้นมอบพวกนางให้เป็นหน้าที่ของพ่อบ้าน ส่งไปอยู่ที่หมู่บ้านในชนบท”ชิงชิวและหนิงตงตอบรับ “เจ้าค่ะ ฮูหยิน”ทันทีที่สิ้นเสียง สาวใช้อีกสามคนที่ไม่ได้ร่วมวงนินทาก็ถึงกับอึ้งไป สองคนนี้เป็นสาวใช้ชั้นสองในเรือน ฮูหยินบอกจะส่งพวกนางออกไปก็ส่งไปเลยหรือ? จู่ ๆ ก็รู้สึกโชคดีเหลือเกินที่ตัวเองไม่ชอบนินทาใคร ไม่เช่นนั้นพวกนางต้องลำบากเหมือนกันแน่สาวใช้สองนางนั้นใบหน้ายิ่งซีดเผือดราวกับกระดาษ ตัวสั่นระริก โขกหัวอ้อนวอน “ฮูหยิน ข้าน้อยผิดไปแล้ว เป็นเพราะข้าน้อยปากมาก ข้าน้อยปากไม่ดีเอง ฮูหยินได้โปรดยกโทษให้ข้าน้อยสักครั้ง ข้าน้อยทำงานในจวนท่านโหวมาตั้งแต่ยังเล็ก รับใช้นายอย่างสุดความ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 13

    เรื่องราวจบลงแล้ว ภายในห้องกลับมาเงียบสงบอีกครั้งหนึ่ง กู้จิ่งซีสังเกตเห็นแววตาใคร่รู้ของเมิ่งจิ่นเหยา จึงถามขึ้นว่า “ทำไมฮูหยินมองข้าเช่นนี้?”เมิ่งจิ่นเหยาส่ายหัวเล็กน้อย “ไม่มีอะไร ข้ายังนึกว่าท่านพี่จะตัดใจส่งพวกนางไปที่หมู่บ้านในชนบทไม่ได้”กู้จิ่งซีพูดไปตามเหตุตามผล “สาวใช้ขี้นินทาไม่สมควรเก็บไว้ ไม่มีอะไรให้อาลัยอาวรณ์” พูดจบ เขาก็เหลือบมองภรรยาตัวน้อย แม่นางน้อยคนนี้จะได้มาเป็นลูกสะใภ้ของเขาในตอนแรก แต่จับพลัดจับผลูมาเป็นภรรยาของเขา แม้แต่สาวใช้ของเรือนเวยหรุยเซวียนก็ยังกุเรื่องล้อเลียนลับหลัง ต่อไปเรื่องซุบซิบที่ต้องเผชิญคงจะมีไม่น้อยเลย“ด้วยสถานะของท่านพี่ การมีสาวใช้ต้นห้องที่ถูกอกถูกใจหลายคนนั้นเป็นเรื่องปกติ สาวใช้สองคนเมื่อครู่นี้ต่างมีความโดดเด่นเป็นของตัวเอง รูปโฉมเลิศล้ำ” เมิ่งจิ่นเหยาพูดไปก็นึกถึงรูปลักษณ์ของสาวใช้ทั้งสองเมื่อครู่ ช่างงดงามจริง ๆ คนหนึ่งผอมเพรียว คนหนึ่งอ้วนท้วนสมบูรณ์ ต่างมีเอกลักษณ์ของตัวเอง สาวใช้ที่ดูดีเช่นนี้ โดยทั่วไปมักจะไม่ได้เป็นเพียงสาวใช้ธรรมดาเท่านั้นได้ยินดังนั้น กู้จิ่งซีก็ขมวดคิ้วบาง ๆ ก่อนจะถามอย่างคลุมเครือ “ฮูหยินคิดว่าข้ามีสาว

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 14

    หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป สายตาของบ่าวรับใช้ในเรือนเวยหรุยเซวียนที่มีต่อเมิ่งจิ่นเหยาก็เปลี่ยนไป กลายเป็นเคารพขึ้นมาทันทีใครจะคิดว่าฮูหยินที่ดูหวานหยาดเยิ้มผู้นี้จะมีอุบายอันแยบยลอย่างแท้จริง ลงโทษสาวใช้ชั้นสองสองคนต่อหน้าท่านโหว ส่งพวกนางไปอยู่ที่หมู่บ้านในชนบท แล้วยังได้รับการสนับสนุนจากท่านโหวอีกด้วยความเคลื่อนไหวในเรือนเวยหรุยเซวียนใหญ่โตเช่นนี้ ข่าวคราวย่อมแพร่ไปถึงบ้านใหญ่ บ้านรอง รวมถึงฮูหยินผู้เฒ่าเป็นเรื่องธรรมดาฮูหยินใหญ่นางจางขมวดคิ้ว ถามสาวใช้ที่มาส่งข่าว “เจ้าแน่ใจหรือว่าตอนนั้นท่านโหวก็อยู่ด้วย?”สาวใช้พยักหน้าตอบว่า “ได้ยินว่าท่านโหวกลับมาพอดี เห็นสาวใช้ถูกลงโทษ หลังจากสอบถามความเป็นมาของเรื่องราวแล้ว ก็สนับสนุนการตัดสินใจของฮูหยินท่านโหว ตบปากยี่สิบครั้ง ขับไล่ไปอยู่ที่หมู่บ้านในชนบทเจ้าค่ะ”นางจางโบกมือบอกให้สาวใช้ออกไป หลังจากสาวใช้ออกไปแล้ว นางก็หันหน้าไปมองกู้จิ่งเซิ่งผู้เป็นสามี แล้วพูดว่า “ท่านพี่ เห็นทีน้องสะใภ้สามของเราคนนี้จะไม่ธรรมดา”กู้จิ่งเซิ่งไม่คิดเช่นนั้น “ก็แค่เด็กสาวไร้เดียงสาวัยสิบหกปีเท่านั้น ยังเด็กกว่าซิวหย่วนของเราตั้งสองปี จะมีอะไรธรรมดา

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 340

    กู้จิ่งซีค่อนข้างประหลาดใจ “เจ้าใช้วิธีใด ถึงทำให้เขารับสารภาพเร็วขนาดนั้น?”ฉีอวิ้นเหวินหยักไหล่ หัวเราะพลางกล่าว “นั่นไม่ใช่ความดีความชอบของข้า เมื่อวานมีแม่นางคนหนึ่งมาพบเขา ไม่รู้พูดอะไร เขาก็รับสารภาพแล้ว”เมื่อได้ยิน กู้จิ่งซีก็ขมวดคิ้วแน่น และสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง “แม่นางผู้นั้นรู้ได้อย่างไรว่าเขาถูกจับตัว?”ฉีอวิ้นเหวินเหลือบมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ และถามกลับว่า “โจรขโมยหญิงงามที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ และชั่วร้ายถูกจับตัวได้แล้ว เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เมื่อคืนข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว หรือว่าเจ้าไม่รู้หรือ? ก็จริง น้องสะใภ้ป่วยแล้ว เจ้าไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจเรื่องอื่นก็ปกติ”กู้จิ่งซีปรากฏสายตาที่รู้ทันออกมาฉีอวิ้นเหวินกล่าวอีกว่า “ข้าเห็นแม่นางผู้นั้นแต่งกายเป็นสาวชาวยุทธจักร ซึ่งน่าจะเป็นชาวยุทธจักร และคาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่ว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญมากนัก เพราะตอนนี้ไขคดีได้ก็พอแล้ว”......จวนฉางซินโหวกู้ซิวหมิงมาคารวะยามเช้าให้เมิ่งจิ่นเหยา เขามาสายก้าวหนึ่ง กู้จิ่งซีเพิ่งออกไป เขาก็เพิ่งจะมาถึงนับตั้งแต่การกักบริเวณสิ้นสุดลง ตราบใดที

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 339

    เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่ปิดบัง และเล่าเรื่องที่พบหญิงวัยกลางคนในวัดหลินอวิ๋นเมื่อวานตอนบ่ายให้ฟังรอบหนึ่งพูดถึงช่วงสุดท้าย นางก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “สวรรค์มีตาจริง ๆ จู่ ๆ ข้าก็ฉุกคิดอยากจะไปจุดธูปให้ท่านแม่ที่โถงหว่างเซิงของวัดหลิงอวิ๋น จึงได้พบอดีตบ่าวรับใช้ของท่านแม่ ท่านป้าท่านนั้นป่วยหนักมาก และเหลือเวลาไม่มากแล้ว หากเมื่อวานข้าไม่ได้ไปเจอนางที่วัดหลิงอวิ๋น ความลับนั้นคาดว่าข้าจะไม่มีทางรู้ไปตลอดกาลเจ้าค่ะ”กู้จิ้งซีสีหน้ามืดมนลง พลางละอายใจต่อวิธีที่พ่อตานั้นทำอย่างมาก แม้จะแต่งงานตามคำสั่งของบิดามารดาและการจับคู่ของแม่สื่อ พลางไม่มีความรักระหว่างชายหญิงต่อแม่ยายเขา จะปิดบังความจริงเพราะรู้สึกผิดก็ช่าง ยังปล่อยให้มารดาและแม่เลี้ยงปฏิบัติต่อบุตรสาวที่บริสุทธิ์อย่างรุนแรงอีกเขาเห็นแม่นางน้อยที่โกรธแค้นผสมปนเปกัน ก็ตบหลังมือของแม่นางน้อยเหมือนจะปลอบใจ และกล่าวอย่างเป็นนัยว่า “ฮูหยิน วิญญาณของแม่ยายที่อยู่บนสวรรค์จะไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่”เมื่อได้ยิน สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็ชะงักไป พลางสบตาเข้ากับสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งของเขา ก็เข้าใจความหมายของเขา และยกรอยยิ้มที่อันตรายขึ้น “จริงด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 338

    เมิ่งจิ่นเหยาถามเสียงเบาว่า “ท่านหมอ เป็นอย่างไรบ้าง?”หมอประจำจวนเก็บนิ้วมือทั้งสามข้อที่อยู่บนแขนของเมิ่งจิ่นเหยากลับลงไป พลางตอบกลับ “ฮูหยิน ท่านมีปมในใจจนเกิดอาการซึมเศร้า แถมยังได้รับความเย็นเกินไปอีก จึงทำให้จู่ ๆ ก็ไข้ขึ้นสูง และจำเป็นต้องใช้ยาคลายเครียดเสียหน่อยก็จะดีขึ้นขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “รบกวนท่านหมอแล้ว”“ไม่รบกวนขอรับ” หมอประจำจวนรีบส่ายหน้า และกล่าวอีกว่า “แต่ว่า ฮูหยินร่างกายอ่อนแอ ควรจะบำรุงร่างกายให้ดีตั้งแต่ยังสาวถึงจะได้นะขอรับ”มิ่งจิ่นเหยาฟังจบ ก็ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เพราะนางรู้มาโดยตลอดว่าตนเองร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะช่วงที่อากาศเย็น หากไม่ระวังนิดหน่อยก็จะเป็นหวัด เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านมารดา นางไม่มีความพร้อมที่จะดูแลตนเอง ตอนนี้อยู่บ้านสามี นางใส่ใจเรื่องการกินมากขึ้น และได้ดื่มน้ำแกงบำรุงร่างกายอยู่เป็นประจำ ช่วงนี้นางจึงรู้สึกดีมาก สีหน้าก็ดูดีขึ้นแล้วนางกล่าวเสียงอ่อนโยน “ปกติข้าก็ดูแลตนเองอยู่แล้ว รบกวนท่านหมอจัดยาคลายเครียดให้ข้าก็พอ”หมอประจำจวนฟังจบ ก็จ่ายยาคลายเครียดให้นาง และให้สาวใช้ตามเขาไปเอายากลับมาต้มหลังหมอประจำจวนจากไป

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 337

    บนรถม้าชิงชิวกับหนิงตงที่แทบไม่ได้นอนทั้งคืนนั่งพิงกัน และเผลอหลับไปเมิ่งจิ่นเหยาหายป่วยได้ไม่นาน ยังรู้สึกมึนศีรษะ คนทั้งคนก็หมดเรี่ยวแรง จึงเอนหลังพิงผนังรถม้าและหลับตาพักสมองทันใดนั้น รถม้าก็สั่นสะเทือน ท้ายทอยของนางกระแทกเล็กน้อย จึงรีบนั่งตัวตรง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ศีรษะกระแทกอีกกู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยขมวดคิ้ว พยายามฝืนให้มีชีวิตชีวาขึ้น นั่งตัวหลังตรง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงยื่นมือโอบนางเข้ามาในอ้อมแขน และให้นางพิงหน้าอกของตนเอง เมื่อสบตาเข้ากับสายตาที่ตกใจของนาง ก็กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หากฮูหยิน อ่อนเพลีย ก็พิงข้าแล้วนอนเสียเถอะ”ตอนนี้เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกทั้งตัวไม่มีแรง ศีรษะยังมึน ๆ อยู่ จึงไม่เกรงใจเขา และพิงอยู่บนตัวเขาด้วยความสบายใจอย่าดูถูกแม้กู้จิ่งซีดูจะตัวไม่ใหญ่มาก แต่หน้าอกกว้างใหญ่ พิงอยู่บนตัวเขาอบอุ่นสบายตัว แถมได้กลิ่นดอกกล้วยไม้ที่หอมละมุนจากตัวของเขา ก็รู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก แต่กลับไม่มีอาการง่วงเลยบางทีเพราะถูกผู้ชายกอดไว้ในอ้อมแขนเช่นนี้ เลยรู้สึกไม่คุ้นชินหรืออาจเป็นเพราะได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นตึกตักอยู่ข้างหู มันดังก้องอยู่ที่หู

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 336

    ท่าทางที่ดูป่วยเช่นนี้ ดูน่าเป็นห่วงยิ่งนักคนที่มีไข้ขึ้นสูง ไม่ควรห่มผ้าจนอบอ้าว ไม่เช่นนั้นอาการป่วยจะแย่ลง เขาจึงเปิดผ้าห่มบางออกให้แม่นางน้อยผ่านไปไม่นาน หนิงตงก็ยกอ่างน้ำอุ่นมาด้วยความรีบร้อน โชคดีที่วัดหลิงอวิ๋นมีคนเข้ามาสักการะอย่างเนืองแน่น ปกติจะมีผู้แสวงบุญมาค้างคืน และมีผู้แสวงบุญจำนวนไม่น้อยที่มาจากครอบครัวร่ำรวย ดังนั้นเพื่อความสะดวกสบายของแขก ตอนกลางคืนภายในวัดก็มีกักเก็บน้ำร้อนไว้หนิงตงวางอ่างทองแดง พลางถาม “ท่านโหว น้ำอุ่นยกเข้ามาแล้ว ต้องทำอย่างไรหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบกลับ “เช็ดหน้าผาก คอ รักแร้ และแขนขาให้ฮูหยินเพื่อระบายความร้อน”หนิงตงตอบรับ ยกอ่างทองแดงมาข้างหน้าทันที พลางวางอ่างน้ำไว้บนเก้าอี้ที่อยู่หน้าเตียง และเตรียมจะถอดเสื้อผ้าให้นายหญิง ก็มองไปทางกู้จิ่งซีโดยไม่รู้ตัว พบว่าเขาหันหลังให้พวกนาง นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะน้ำชาเมื่อเห็นดังนั้น หนิงตงก็ตกตะลึงเล็กน้อย และแอบพูดในใจว่า ท่านโหวเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ แม้จะเป็นสามีภรรยากับฮูหยิน ก็ไม่ได้ฉวยโอกาสเอาเปรียบหนิงตงไม่คิดอะไรมาก ก็ถอดเสื้อผ้าให้เมิ่งจิ่นเหยาด้วยความเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และเช็ดตั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 335

    ในวินาทีนั้น เมิ่งจิ่นเหยาทำจิตใจให้สงบ ก้มหน้าลงมอง เห็นว่าบาดแผลที่มือซ้ายใช้ผ้าพันแผลพันไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อมองเพียงแวบแรกดูท่าทางเหมือนว่าบาดเจ็บสาหัส จึงกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ตอนนี้เลือดไม่ซึมออกมาแล้ว อันที่จริงไม่พันแผลก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีเหลือบมองนาง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ถึงแม้ไม่ใช่บาดแผลสาหัส แต่หากไม่พันแผล เมื่อชนหรือกระแทกเข้าโดยไม่ระวังแล้วเลือดไหลออกมาอีก ไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัว โดยเฉพาะบาดแผลที่ข้อศอก เนื้อผ้าเสียดสีก็อาจเจ็บได้เช่นกัน”เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงเล็กน้อย แล้วพยักหน้าในทันทีหลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถูกมือของกู้จิ่งซีดึงดูดความสนใจไป มือคู่นั้นเรียวยาวและขาวสะอาด ข้อต่อชัดเจน ราวกับหยกขาวที่แกะสลักอย่างประณีต ดูแล้วสบายตาสบายใจนักเมื่อหลุดออกจากความคิด นางก็ใจลอยอีกครั้งผ่านไปเป็นเวลานาน กู้จิ่งซีช่วยนางพันแผลจนเสร็จ และปล่อยมือของนาง เมื่อเห็นว่ามือขวาของนางยังยกอยู่ ก็กล่าวว่า “ฮูหยิน เสร็จแล้ว”แต่เมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเขา เขาจึงเรียกอีกครั้ง “ฮูหยิน?”เวลานี้ เมิ่งจิ่นเหยาถึงค่อย ๆ ได้สติกลับมา และพบกับส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 334

    เขากำลังเตรียมจะปลอบโยนนางสักหลายประโยค ทำให้อารมณ์ของแม่นางน้อยสงบลง แล้วค่อยถามให้ชัดเจนอีกครั้งว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ทว่าเวลานี้ หนิงตงได้ยกอ่างน้ำสะอาดเข้ามา เขาจึงกลืนคำพูดที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากกลับเข้าไปหนิงตงนำอ่างน้ำมาวางไว้บนโต๊ะ ถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อมว่า “นายท่าน ให้ใช้น้ำในอ่างเช่นไรเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีกล่าวกำชับ “ไปหาผ้าสะอาด ๆ มา”หนิงตงรับคำ ไม่นานก็หาผ้าเช็ดหน้าสะอาดที่อยู่ในสัมภาระมาหนึ่งผืน ผ้านี้เตรียมไว้สำหรับให้นายหญิงของนางใช้ล้างหน้ากู้จิ่งซีเหลือบมองไปที่แม่นางน้อย ลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็รับผ้าเช็ดหน้ามา กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าคนเดียวก็พอแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถิด”หนิงตงเหลือบมองนายหญิง เมื่อเห็นว่านายหญิงไม่ได้เอ่ยปากบอกให้นางอยู่ต่อ ก็รับคำแล้วถอยออกไปกู้จิ่งซีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มาล้างบาดแผลสักหน่อย ตอนที่เจ้าล้มลงไปเนื้อหนังถลอก แล้วบาดแผลก็เปื้อนฝุ่นด้วย”เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้ลังเล ลุกขึ้นแล้วเดินมากู้จิ่งซีดึงมือของนาง ช่วยนางทำความสะอาดบาดแผลที่ฝ่ามือด้วยท่าทีที่อ่อนโยนเมื่อบาดแผลสัมผัสกับน้ำ เมิ่งจิ่นเหยาเจ็บปวดเส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 333

    กู้จิ่งซีจับจ้องนางอย่างไม่วางตา พลางถามด้วยเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นงั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังดังนั้น ใบหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็เต็มไปด้วยความงุนงง พลางถามกลับไปว่า“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ท่านพี่ก็เห็นหมดแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”นางกล้าพูดได้เลยว่า นางโตถึงเพียงนี้แล้ว ยังไม่เคยเจอเรื่องที่ตื่นเต้นระทึกขวัญเช่นนี้มาก่อน เพียงชั่วพริบตาเดียวที่รอดพ้นจากความตาย ชีวิตนี้ไม่คิดจะพบเจออีกเป็นครั้งที่สองกู้จิ่งซีเห็นสีหน้าของนางงุนงง ไม่ได้จงใจแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจ จึงสัมผัสที่ฝ่ามือของนางอย่างแผ่วเบา พลางถามต่อว่า “เกิดอันใดขึ้นกับมือนี้ของเจ้า? ล้มลงไม่สามารถเกิดบาดแผลเช่นนี้ได้”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงไปชั่วขณะ ก้มหน้ามองฝ่ามือของตนเอง บนฝ่ามือยังมีผลงานชิ้นเอกของตนเองเมื่อบ่ายอยู่ เมื่อคิดถึงเรื่องที่พบกับสตรีวัยกลางคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ดวงตาของนางก็หม่นลงในฉับพลัน และอยากจะกำมือของตนเองแน่นอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวกู้จิ่งซีที่สายตาเฉียบคมและมือไว รีบกุมมือทั้งสองข้างของนางไว้แน่น ขัดขวางการกระทำของนาง เล็บของนางจะได้ไม่บาดบาดแผลและมีเลือดไหลซึมออกมาอีกเล็บของแม่นางน้อยไ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 332

    เมื่อกู้จิ่งซีได้ฟังก็รู้สึกใจอ่อน พลางกล่าวอย่างอ่อนโยน “ให้ข้าดูหน่อย” เมื่อกล่าวจบ เขาก็ยอบกายลง ยกชายกระโปรงของนางขึ้น เตรียมจะดูอาการบาดเจ็บของนาง เมิ่งจิ่นเหยาสีหน้าชะงักค้าง กำลังจะเอ่ยปากขัดขวาง ทว่าเมื่อกลับมาคิดดูอีกทีแล้ว ต่างก็เป็นสามีภรรยาที่นอนหลับอยู่บนเตียงเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องรักษาขอบเขตระหว่างชายหญิงอันใดหลังจากกู้จิ่งซียกชายกระโปรงของนางขึ้นแล้ว มือหนึ่งก็จับไปที่ข้อเท้าขวาของนาง ส่วนอีกข้างม้วนขากางเกงของนางขึ้น เมื่อม้วนขากางเกงไปจนถึงเหนือหัวเข่า ก็จะเห็นได้ว่าตรงหัวเข่าที่ถูกกระแทกตอนล้ม เป็นรอยฟกช้ำไปเรียบร้อยแล้ว ทว่าไม่ได้ร้ายแรงนักกู้จิ่งซีเห็นว่าบาดแผลไม่หนักมาก จึงวางขานางลง แล้วไปดูบาดแผลที่ข้อศอกของนางนางล้มลงไปข้างหน้า บาดแผลตรงข้อศอกจึงชัดเจนมากนัก เสื้อผ้าในฤดูร้อนจะค่อนข้างบางเบา เสื้อผ้าบริเวณข้อศอกล้วนมีร่องรอยขีดข่วนอย่างชัดเจนพอพับแขนเสื้อของนาง ก็เผยให้เห็นแขนที่ขาวราวกับหิมะ เมื่อพลิกข้อศอกก็สามารถมองเห็นได้ว่าผิวหนังถลอกและมีเลือดออกที่แขนทั้งสองข้างของนาง ผิวหนังโดยรอบบวมแดงเล็กน้อย บาดแผลนี้เมื่ออยู่บนมือที่เดิมทีขาวสะอาดไร้ที่ติรา

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status