Share

บทที่ 6

คู่บ่าวสาวห่มผ้านอนหลับเฉย ๆ อย่างที่คาดไว้ไม่ผิด

หลังจากที่วุ่นวายมาตลอดทั้งวัน อีกทั้งผ่านการแต่งงานที่เหลวไหลเช่นนี้ เมิ่งจิ่นเหยาเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ แม้ว่าตนจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย และยังมีบุรุษที่เป็นผู้ใหญ่นอนอยู่ข้างกาย แต่นางก็ผล็อยหลับไปอย่างสบายใจ

ถึงอย่างไรสามีผู้นี้ของนางก็มีโรคที่มิอาจบอกผู้ใดได้ นางจึงไม่มีความตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย ต่อให้สามีไม่มีโรคที่มิอาจบอกผู้ใดได้ นางก็ไม่ปฏิเสธที่จะใช้ชีวิตครองคู่กันอย่างสมบูรณ์ แต่งงานก็แต่งไปแล้ว ยังอยากรักษาความบริสุทธิ์เป็นหญิงพรหมจรรย์อีกทำไม เช่นนั้นก็ไม่มีความหมายแล้ว

กู้จิ่งซีก็นอนลงโดยที่ไม่รู้เช่นกันว่ารู้สึกอย่างไร เขาใช้ชีวิตมายี่สิบเก้าปี เพิ่งจะเคยนอนหลับร่วมเตียงกับสตรีเป็นครั้งแรก เขานึกว่าอีกฝ่ายเป็นสตรีย่อมตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ แต่คิดไม่ถึงว่าแค่ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอดังมาที่ข้างหู

เขาเบนศีรษะด้วยความประหลาดใจ มองภรรยาที่เพิ่งแต่งงานนอนหลับสนิทโดยไร้ความระแวดระวัง แม่นางน้อยเพิ่งจะอายุสิบห้าสิบหก กลับมีจิตใจที่สงบนิ่งและปรับตัวไปตามสถานการณ์ สุขุมจนไม่เหมือนกับแม่นางน้อยในวัยนี้ และไม่รู้เช่นกันว่าฝึกฝนออกมาได้อย่างไร ไม่รู้ว่าวันข้างหน้านางยังสามารถรักษาจิตใจให้มั่นคงได้หรือเปล่า

วันรุ่งขึ้น

แสงอรุณอ่อน ๆ ส่องผ่านหมู่เมฆ ขับไล่ความมืดมิด เมิ่งจิ่นเหยาตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ หลังจากที่ลืมตาขึ้น สิ่งที่ปรากฏเข้ามาในสายตาคือผ้าม่านที่ไม่คุ้นเคย นางทำสีหน้าเคร่งเครียด และครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อวานอย่างสำนึกได้ในภายหลัง ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที

นางเบนศีรษะมองออกไปทางนอกเตียง สามีที่เพิ่งแต่งงานยังคงหลับตาสนิทไม่ตื่นขึ้นมา

กู้จิ่งซีรูปโฉมงดงามจริง ๆ คิ้วนัยน์ตาราวกับภาพวาด ดวงหน้าดั่งหยกประดับกวน เป็นคนที่รูปโฉมโดดเด่นที่สุดในหมู่ผู้คนของสกุลกู้ ได้ยินว่าปีนั้นคู่หมั้นของเขาเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง แต่น่าเสียดายที่เขามีโรคร้ายที่มิอาจบอกผู้ใดได้ คู่หมั้นจึงถอนหมั้น มิฉะนั้นหากบุรุษรูปงามอันดับหนึ่งกับสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงผูกสัมพันธ์กัน คู่นี้ยืนอยู่ด้วยกันจะน่ามองมากเพียงใด?

ผ่านไปสักพัก กู้จิ่งซีพลันลืมตาขึ้นแล้วถามว่า “มองพอหรือยัง?”

เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เมิ่งจิ่นเหยาตกใจจนสะดุ้ง นางสงบสติอารมณ์แล้วตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ไม่พอ ท่านพี่งดงามมาก ไม่ให้ผู้อื่นมองได้หรือ?”

คำกล่าวนี้ทำเอากู้จิ่งซีสำลัก เมื่อวานคิดว่านางกล้าหาญ จัดการเรื่องราวต่าง ๆ อย่างเยือกเย็น วันนี้กลับพบว่านางยังมีฝีปากไม่ใช่เล่น เขาลุกขึ้นมานั่ง ก้มลงมองนางแล้วเอ่ยถามด้วยเสียงราบเรียบว่า “ทำไมถึงเป็นข้า?”

เมิ่งจิ่นเหยารู้ว่าเขาถามเรื่องใด นางจึงแสร้งยักไหล่อย่างสบายอารมณ์แล้วเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ท่านพี่ไม่คิดว่าท่านเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดหรือ? หลานชายทั้งสองคนของท่าน ไม่ว่าผู้ใดก็ปกป้องข้าไม่ได้ บุตรชายของท่านก็หลบหนีงานแต่งงานในวันวิวาห์ หากข้าแต่งงานกับเขาจะมีจุดจบที่ดีอันใดได้? แต่ท่านเป็นผู้นำตระกูล มีตำแหน่งสูงศักดิ์ที่สุด หากแต่งงานกับท่านก็จะเป็นฮูหยินท่านโหว แล้วใครจะรักแกข้าได้? แม้แต่บุตรชายของท่านก็ต้องเรียกข้าว่ามารดา คารวะข้าด้วยความนอบน้อม แต่งงานเข้ามาก็มีบุตรชายดี ๆ ที่โตถึงเพียงนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีมากหรือ?”

กู้จิ่งซีประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่านางจะไม่สะทกสะท้านถึงเพียงนี้ ส่วนประโยคสุดท้าย นางย่อมพูดประชดอย่างแน่นอน นั่นไม่ใช่บุตรชายที่เติบใหญ่ดี ๆ หรอก นั่นเป็นบุตรเนรคุณที่ไร้ระเบียบและไร้ความรับผิดชอบ ก็จริง การเป็นพี่สะใภ้หรือน้องสะใภ้ของลูกพี่ลูกน้องไม่ดีเท่ากับการเป็นมารดา ครอบครองสถานะญาติผู้ใหญ่สามารถกระทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย

เมื่อเห็นนางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย รัศมีความเจ้าเล่ห์พาดผ่านในแววตาอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็มีท่าทางที่แม่นางน้อยสมควรมีบ้างแล้ว กู้จิ่งซียิ้มขึ้นมาด้วยความรู้สึกสนใจแล้วกล่าวว่า “หลังจากที่รับซิวหมิงมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมก็ไม่มีมารดาอบรมสั่งสอน นิสัยจึงดื้อรั้นซุกซน ต่อไปรบกวนฮูหยินช่วยสั่งสอนให้มาก ๆ ด้วย”

เมิ่งจิ่นเหยาประหลาดใจ “ท่านพี่ไม่กลัวว่าข้าจะใช้สถานะญาติผู้ใหญ่รังแกเขาหรือ?”

กู้จิ่งซีเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “เขาสมควรได้รับการสั่งสอน ฮูหยินจัดการได้ตามสมควร”

เมิ่งจิ่นเหยาได้ยินแล้วก็ตกตะลึง กู้จิ่งซีไม่กลัวนางจิตใจคับแคบ จัดการกู้ซิวหมิงจนไม่เหลือหรือไร? หรือจะบอกว่า เพราะกู้ซิวหมิงไม่ใช่บุตรชายแท้ ๆ ดังนั้นจึงไม่ค่อยรักมากนัก?

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status