แม้หวังชิงหว่านจะเป็นที่เอ็นดูของบิดาทว่ากลับไร้อิสระอย่างสิ้นเชิง ตอนเช้าต้องไปคารวะฮูหยินที่เรือนใหญ่ ตกบ่ายนั่งปักผ้าอยู่ภายในเรือน ร่างกายของนางอ่อนแอแค่เดินก็เหนื่อยแล้ว อยู่ในจวนใหญ่นางไม่รู้กำลังป้องกันของที่นี่เป็นอย่างไร จึงยังไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม นางทั้งเสแสร้งโง่เขลา เสแสร้างจำใจ เสแสร้งเชื่อฟัง อึดอัดเป็นที่สุด
นางจึงเฝ้ารองานมงคลด้วยใจจดจ่อพร้อมกับบำรุงร่างกายที่บอบบางนี้ไปด้วย
ฉึก!!! ใบมีดถูกเหวี่ยงปักบนต้นไม้ หวังชิงหว่านยิ้มมุมปาก พลังแขนเริ่มฟื้นฟูขึ้นมาได้บ้างแล้ว
และในที่สุด!! ก็มาวันแต่งงานความอดทนนี้ได้สิ้นสุดเสียที
นางเป็นเพียงบุตรอนุ งานแต่งจึงไม่ได้มีพิธีการมากนักทันทีที่นางขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวก็นับว่านางเป็นของตระกูลเซียวแล้ว เสียงประทัดดังขึ้นพร้อมเสียงคนตะโกน “เกี้ยวเจ้าสาวมาถึงแล้ว”
สักพักก็มีคนมาเตะเกี้ยวหลังจากนั้นม่านเกี้ยวก็ปัดออก มือของบุรุษผู้หนึ่งยื่นเข้ามาประครองนางลงจากเกี้ยว หลังพิธีคำนับเสร็จพวกนางก็ถูกพาเข้าไปในห้องหอ ผ้าคลุ่มศีรษะของนางถูกเจ้าบ่าวดึงออกเบื้องหน้าของนางจึงสว่างวาบขึ้นมา มาตอนนี้หวังชิงหว่านพึ่งได้เห็นหน้าเจ้าบ่าวชัด ๆ ครั้งแรก ขณะนั้นก็มีหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งเข้ามาจัดแจงให้นางดื่มสุราคล้องแขน หลังเสร็จพิธีก็เหลือเพียงเจ้าบ่าวกับเจ้าสาว
ชายหนุ่มนั่งเงียบมองหน้านางอยู่ครู่หนึ่งก็ยิ้มพูดเสียงเบา “เจ้าอยากจะล้างหน้าสักหน่อยหรือไม่ หิวหรือเปล่า...”
หวังชิงหว่านก้มหน้าลงกล่าว “ข้ารู้สึกหิวอยู่บ้าง”
เซียวอี้หยางยิ้มกว้าง “เจ้ารอข้าสักครู่” หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ลุกขึ้นพรวดออกไป หวังชิงหว่านหลุดยิ้มกับท่าทีอีกฝ่าย นางยกมือขึ้นปลดเครื่องประดับบนหัวออกขณะนั้นก็ปรายตาสำรวจดูห้องหอ นางอมยิ้มไม่แปลกที่หวังชิงหว่านจะยอมเสี่ยงชีวิตเรียกร้อง เครื่องเรือนห้องนี้ยังเทียบไม่ได้กับเรือนบุตรอนุอย่างนาง หญิงสาวทอดถอนใจ
เซียวอี้หยางกลับมาพร้อมกับโจ๊กถ้วยหนึ่ง เขาวางมันบนโต๊ะแล้วพูดขึ้น “น้องหญิง...เจ้ารีบมาทานเถอะโจ๊กกำลังร้อน ๆ”
หวังชิงหว่านวางของในมือลงแล้วลุกขึ้นเดินมานั่งบนเก้าอี้ พลางชำเลืองมองเซียวอี้หยางที่ดูกำลังประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มเห็นสายตาของอีกฝ่ายจึงเอ่ยพูด
“ข้าเห็นว่าน้องหญิงไม่มีสาวใช้มาด้วย อีกอย่างน้องหญิงก็ยังไม่คุ้นเคยกับที่นี่...ข้าคิดว่าข้าไปเอามาให้น่าจะดีกว่า”
หวังชิงหว่านกลืนโจ๊กคำเล็ก ๆ ลงคอแล้วพูดขึ้น “ท่านพี่ไม่ทานด้วยกันหรือเจ้าคะ” น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความอ่อนหวานแววตาที่จ้องมองมางดงามเปี่ยมเสน่ห์แทบจะกระชากวิญญาณเซียวอี้หยางให้หลุดลอย ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอแล้วพูดขึ้นสั้นๆ “น้องหญิงทานเถอะ...ข้าไม่หิว...”
ภายในใจของหวังชิงหว่านสั่นไหวขึ้นมา นางคลี่ยิ้มบางแล้วทานโจ๊กต่อ คืนนี้เป็นคืนเข้าหอ นางไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสา ย่อมรู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น นางไม่คิดจะขัดขืนหรือดึงดันต่อต้านอะไรเพราะอย่างไรนี่ก็เป็นการแต่งงานที่ถูกต้องตามประเพณี ยิ่งในยุคที่นางจากมาความสัมพันธ์ร่างกายไม่สำคัญเท่าชีวิตนางไม่คิดถือสาเรื่องพวกนี้
ตระกูลเซียวเป็นตระกูลเล็ก ๆ แขกส่วนใหญ่กลับไปแล้วตั้งแต่หัวค่ำ เซียวอี้หยางจึงไม่จำเป็นต้องออกไปรับแขกอีกในขณะที่หวังชิงหว่านทานโจ๊กชายหนุ่มก็เดินไปยังฉากกั้นปรับเปลี่ยนเสื้อผ้า
หลังจากทานโจ๊กจนหมดหวังชิงหว่านก็ลุกขึ้นตั้งใจจะเอาถ้วยไปเก็บ เซียวอี้หยางเดินออกมาจากฉากกั้นพอดีก็เอ่ยขึ้น “น้องหญิงปรับเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียเถอะ ข้าจะไปเก็บเอง”
ความเอาใจใส่เอาใจอย่างกระตือรือร้นของอีกฝ่าย สร้างความประทับใจให้หวังชิงหว่านไม่น้อย นางพยักหน้าขอบคุณด้วยแววตาหวานล้ำทำให้เซียวอี้หยางแทบคลั่งกับฮูหยินคนงามของตนเอง
หวังชิงหว่านมองตามหลังชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ จากนั้นก็ไปจัดการข้าวของและสินเดิมของตนเอง นางไม่ใช้สาวใช้ติดตามมาด้วยเพราะอย่างไรสองคนนั้นก็เป็นคนเองของสวีเพ่ยอีกอย่างนางก็ไม่ใช่หวังชิงหว่านตัวจริงจะต้องมีสักวันที่ถูกจับผิดสังเกต
มาที่นี่ นับว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตของนางจริง ๆ เสียที
เซียวอี้หยางกลับมาก็เห็นหวังชิงหว่านนอนเอนกายพิงขอบเตียงภายใต้ชุดอันเบาบางและท่วงท่านั่งของนางเผยให้เห็นเรือนร่างอรชนส่วนเว้าส่วนโค้งเย้ายวน จนเซียวอี้หยางแทบจะกระโจนใส่ภรรยา เขาพยายามรวบรวมสติที่กำลังเลอะเลือนให้กลับคืนมา เพ่งมองหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้งเห็นว่านางกำลังอ่านรายการสินเดิม ชายหนุ่มจึงเดินไปนั่งตรงขอบเตียงแล้วพูดขึ้น
“น้องหญิง...เดิม...ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะยินยอมแต่งให้กับข้า...ข้าสัญญาว่าข้าจะตั้งใจใฝ่ความก้าวหน้า จะไม่ให้น้องหญิงต้องขายหน้าเด็ดขาด”
หวังชิงหว่านเงยขึ้น นางวางสมุดไว้บนโต๊ะข้างเตียงแล้วหันหน้ามองบุรุษตรงหน้าชัด ๆ อีกครั้ง เป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างอ้วนท้วมทำให้ที่เครื่องหน้าทั้งห้าไม่เด่นชัด แต่ดูสบายตาน่ารักน่าเอ็นดู และยังมีเค้าโครงความหล่อเหลาหากควบคุมน้ำหนักออกกำลังกายสักหน่อย นางมั่นใจว่าสามีจะกลายเป็นบุรุษที่รูปงามไม่น้อยไปกว่าใคร ช่วงนี้ยังไม่จำเป็นต้องตัดสินใจเร่งด่วน ลองใช้ชีวิตกับคนผู้นี้สักระยะเพื่อปรับตัวก็ไม่เสียหาย
ทว่า สำหรับนางตอนนี้สิ่งที่ต้องการคงมีเพียงเรื่องเดียว
“ท่านพี่จะรับอนุหรือไม่”
เซียวอี้หยางเบิกตากว้างรีบตอบ “ไม่!! ไม่มีทาง ข้าจะมีทางรับอนุเด็ดขาด มีฮูหยินที่งดงามและดีเช่นเจ้าข้าจะกล้าทำอย่างนั้นได้อย่างไร”
สิ่งที่เชื่อไม่ได้ที่สุดคือวาจาของบุรุษ หวังชิงหว่านแค่ต้องการคำสัญญาเอาไว้ต่อรองเท่านั้น แต่ว่า คำพูดหวานล้ำเช่นนี้ก็น่าฟังไม่น้อย นางจึงคลี่ยิ้มหวานตอบ “ขอบคุณท่านพี่”
เซียวอี้หยางยิ้มแล้วก็นั่งนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ด้วยอาการประหม่า หวังชิงหว่านจึงเอ่ยขึ้น “เรานอนกันเถอะเจ้าค่ะ...วันนี้ข้าเหนื่อยมากเหลือเกิน”
เซียวอี้หยางลุกขึ้นพยักหน้าแล้วก็พูด “นั่นสิ”
จากนั้นเขาก็เดินไปดับตะเกียงพร้อมกับปลดผ้าม่านเตียงลง เห็นชายหนุ่มโน้มตัวลงนอนเขาเกร็งตัวไม่ขยับ หวังชิงหว่านคิดถึงฮูหยินสวีและกัวฉู่เหอ นางจะต้องกลายเป็นคนของตระกูลเซียวอย่างสมบูรณ์จึงจะวางใจ จึงพลิกกายมาจ้องมองเซียวอี้หยางแล้วเอ่ยขึ้น
“ท่านพี่รังเกียจข้าหรือ”
น้ำเสียงแฝงความน้อยใจทำให้เซียวอี้หยางพลิกกายหันขวับมารีบปฏิเสธ “ไม่นะ ข้าไม่กล้าที่จะรังเกียจน้องหญิง ข้าเคยแอบมองเจ้าหลายครั้ง...ข้าชอบเจ้ามาตลอด วันนี้ได้แต่งเจ้ามาเป็นฮูหยินข้ารู้สึกเหมือนฝันไป ข้าเลยทำอะไรไม่ค่อยถูกน่ะ ทำให้เจ้าขบขันแล้ว”
เซียวอี้หยางพูดพลางใบหน้าของหญิงสาว ในความมืดมิดเซียวอี้หยางกลับมองเห็นดวงตาประกายวาววับของหวังชิงหว่านชัดเจน ชายหนุ่มอดใจไม่ไหวจึงยื่นมือออกไปลูบดวงตากระจ่างใสนั้นเบา ๆ จากนั้นก็ค่อย ๆ ลูบไล้ไปทั่วหน้าของหญิงสาว เขาคล้ายถูกมนต์สะกดเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา
“เจ้างดงามยิ่งนัก...”
ใจของเซียวอี้หยางเต้นโครมครามไม่หยุด แม้จะรู้สึกตื่นเต้นกลัวว่าตนเองจะทำไม่ดีพอ แต่ความต้องการในส่วนลึกดันให้ใจของเซียวอี้หยางฮึกเหิมโน้มตัวไปแนบกายกับหญิงสาวเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า “น้องหญิงไม่ต้องกลัวข้าจะระวังให้มาก”
เซียวอี้หยางโน้มตัวทาบลงบนหญิงสาวมือใหญ่ลูบไล้ผิวเนียนผุดผาดของหญิงสาวด้วยหัวใจเต้นระรัว ส่วนล่างเริ่มก่อแรงปรารถนา ชายหนุ่มสอดมือเข้าไปในใต้ร่มผ้าตามสัญชาติญาณอยากจะสัมผัสความงดงามตรงหน้า มือใหญ่นวดคลึงอกอวบอิ่มปลุกเร้าอารมณ์ให้ร่างกายของทั้งสองสั่นสะท้านไปพร้อม ๆ กัน หวังชิงหว่านสะดุ้งนางมองประกายตาของเซียวอี้หยางที่มองเร่าร้อนด้วยความหวั่นไหวใจเต้นไม่เป็นส่ำ แม้ว่านางจะเคยมีประสบการณ์มาบ้างแต่ก็ไม่ได้อ่อนไหวง่ายเช่นนี้
หญิงสาวครุ่นคิด หรือจะเป็นเพราะสุรามงคลผสมกับร่างกายของเด็กสาวแรกแย้มจึงถูกกระตุ้นเร้าอารมณ์โดยง่าย
นางรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นเรื่อย ๆ ความวาบหวามทำให้ใจของนางเริ่มกระเจิงไม่ต่างจากเซียวอี้หยาง ริมฝีปากที่ละเลียดไล่จากต้นคอระหงเลื่อนลงมายังยอดอกเสียงดูดดื่มของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวเผลอปล่อยเสียงครางออกมา “อ่า”
มันยิ่งไปกระตุ้นให้สติของชายหนุ่มขาดสะบั้น เขามือของเขาเลื่อนต่ำลงไปในซอกระหว่างขา ที่นั้นเต็มไปด้วยความเปียกแฉะ ชายหนุ่มทบทวนบทเรียนที่ได้เรียนรู้จากหญิงสาวในโคมเขียวบอกไว้ “ให้ค่อย ๆ สอดนิ้วเข้าไปหนึ่งนิ้วเสียก่อน จากนั้นก็ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนนิ้วเมื่อทุกอย่างพร้อมค่อยเปลี่ยนเป็นแท่งร้อนของท่าน”
นิ้วมือของชายหนุ่มค่อย ๆ คลี่กลีบกุหลาบออกจากนั้นก็สอดนิ้วมือเข้าไปช่องรัก นิ้วค่อนๆ ขยับถูไถยอดติงน้ำรักไหลเยิ้มออกมากลิ่นหอมรัญจวนฟุ้งกระจายไปทั่วห้องกระตุ้นให้ปากของเขาก็ไม่อาจหยุดยังคงดูดดื่มไปทั่วร่างกายของหญิงสาวด้วยความกระหาย
หวังชิงหว่านเอ่ยปากส่งเสียงอย่างอดใจไม่ไหว ร่างกายบิดตอบรับการกระตุ้น ยิ่งทำให้เซียวอี้หยางรู้สึกปวดหนึบตรงนั้นยิ่งขึ้นร่างกายเต็มไปด้วยไฟร้อนระอุ ไม่รู้ว่าตอนนี้หญิงสาวพร้อมหรือยังแต่เขาต้องการแทบจะคลั่ง เขาดึงนิ้วออกมาเลื่อนมาจับขาทั้งสองข้างกางออกอย่างช้า ๆ เอ่ยเสียงแหบแห้ง
“น้องหญิงอดทนสักครู่ แค่แปบเดียวก็จะไม่เจ็บแล้ว”
ความปวดหนึบระหว่างขาของหวังชิงหว่านเร่าร้อนต้องการการเสียดสี ทันทีที่ส่วนหัวดุ้นหลุบเข้าไปในกลีบดอกไม้ปากช่องรัก สะโพกก็กระเด้งตอบรับอย่างไม่รู้ตัว ชายหนุ่มถูกกระตุ้นอารมณ์ให้พวยพุ่งดันกระแทกเข้าไปจนเกือบสุด
“อ่า...” ทั้งสองร้องครางขึ้นมาพร้อมกัน
ความแข็งขืนอุ่นที่สอดเข้ามาทำให้ร่างอรชนสะดุ้งเฮือกขึ้นทันที ช่องทางที่คับแน่นทำให้ชายหนุ่มหยุดการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ สัญชาตญาณดิบยังกระตุ้นให้เขาค่อย ๆ ขยับเอวความเสียวซ่านแผ่ซานขึ้นมาทำให้ เขาจึงยิ่งเร่งขยับรุนแรง
หวังชิงหว่านบีบแขนชายหนุ่มแน่น เปล่งเสียงครางขึ้นประท้วง “ท่านพี่ข้าเจ็บ”
เสียงแหบหวานล้ำเรียกสติชายหนุ่มคืนมา เขาหยุดการเคลื่อนไหวแล้วโอบกอดหวังชิงหว่านเข้ามา เอ่ยเสียงหวานหยด
“ฮูหยินข้ารักเจ้าเหลือเกิน...ข้าสัญญาจะไม่ผิดต่อเจ้าเด็ดขาด” ด้วยความเป็นห่วงว่าภรรยาตัวน้อยจะเจ็บปวดเขาจึงอดทนค่อย ๆ โยกไหวอย่างเนิบช้า ความเจ็บแปลบค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความเสียวเสียวซ่านแล่นไปทั่วร่างกายของหวังชิงหว่าน
ความแนบแน่นที่พวกเขาใกล้ชิดกันเกิดความหอมรัญจวนขึ้น เซียวอี้หยางดันตัวเองผสานชิดบดเบียดจนสุดทางเข้าออกหลายครั้ง เอวของชายหนุ่มเริ่มเร่งถี่กระชั้นขึ้นเรื่อย ๆ ช่องแคบ ตรงนั้นก็เหมือนมีชีวิตมันกลึงดูดเขาตามจังหวะเกิดเป็นความหฤหรรย์ กระตุ้นความป่าดิบเถือนของชายหนุ่มโหมกระหน่ำขึ้นเกิดเสียงเนื้อกระทบผสานเสียงกับเสียงครางกระเส่าของหญิงสาว
ยิ่งได้ลิ้มลองเสพสุขทำให้เขาสติหลุดลอยกระหน่ำกระแทกไร้ความปราณี ไม่ว่าจะพลิกกายเช่นไรหญิงงามใต้ร่างก็ตอบสนองได้ทุกท่วงท่า
เซียวอี้หยางพลันกระจ่างใจ
คืนเข้าหอมีค่ายิ่งกว่าทองคำหมื่นตำลึง
เป็นเช่นนี้เอง
ตะวันทอแสงอ่อนเข้าผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนหวังชิงหว่านรู้สึกตัว นางลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ ร่างกายเหมือนสูบเรี่ยวแรง เห็นเซียวอี้หยางเปลือยกายนอนอยู่ด้านข้าง เหม่อมองอีกฝ่ายด้วยความเหนื่อยล้าพลางเอือมมือไปสะกิดอีกฝ่าย“ท่านพี่” ด้วยเนื้อเสียงของหญิงสาว เสียงที่เปล่งออกมาดูออดอ้อนด้วยความคำหวานทำให้เซียวอี้หยางได้สติลืมตาขึ้นมาทันที เห็นหวังชิงหว่านนอนเปลือยกายอยู่ข้าง ๆ ก็มองด้วยหลงใหล มือยื่นออกไปตั้งใจลูบไล้กายหญิงสาวอย่างห้ามไม่อยู่ หวังชิงหว่านเบี่ยงกายหลบแล้วพูดขึ้น“ท่านพี่ ตอนนี้ก็สายมากแล้วพวกเราต้องไปยกน้ำชาคารวะผู้อาวุโสนะเจ้าคะ” เซียวอี้หยางพลันระลึกขึ้นได้ รีบเก็บงำความปรารถนาพูดขึ้น “น้องหญิง...ข้าจะเตรียมน้ำมาให้เจ้าล้างหน้าล้างตานะ รอสักครู่” พอลุกออกจากเตียงเขาก็มองเห็นเสื้อผ้าถอดทิ้งอยู่ข้างเตียงก็รีบก้มเก็บจากนั้นก็เดินออกไป หวังชิงหว่านมองตามสามีพลางอมยิ้ม เดิมควรเป็นภรรยาปรนนิบัติสามี ในเมื่อสามีนางไม่ถือ นางก็ไม่ถือ เซียวอี้หยางกลายร่างเป็นบุรุษสุภาพอ่อนโยนเช่นเดิม แต่ว่าความป่าดิบเถือนของตลอดทั้งคืนของอีกฝ่าย ทำให้หวังชิงหว่านสรุ
เส้นทางขึ้นเขาย่อมไม่ใช่เส้นทางที่เดินได้อย่างเรียบง่าย เซียวอี้หยางเดินนำหน้าโดยมีหวังชิงหว่านเดินเคียงข้างไป ส่วนเด็กทั้งสองเดินรั้งท้าย พวกเขามองดูฝีเท้าจังหวะก้าวเดินของพี่สะใภ้ต่างก็ส่งสายตาคำถาม ลี่อินเอนตัวกระซิบ “พี่สะใภ้ดูจะเหมือนไม่ใช่คนขึ้นเขาครั้งแรก” ลู่อินพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นสิ ดูจะคล่องแคล่วยิ่งกว่าพวกเราเสียอีก” การเดินเขาไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหวังชิงหว่าน แต่ด้วยร่างกายอันบอบบางตอนนี้ทำให้นางเริ่มปวดเมื่อย แขนขาเริ่มไร้เรี่ยวแรง เซียวอี้หยางหันมาเห็นสีหน้าเหนื่อยล้าของอีกฝ่ายก็พูดขึ้น “อดทนอีกนิด...ป่าข้างหน้าก็จะเป็นที่ตัดฟืนแล้ว” สีหน้าของเด็กสาวแดงกร่ำ หันยิ้มตอบ “เจ้าค่ะ” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าบอกว่านางกำลังอดทนอย่างหนัก เด็กทั้งสองมองส่งสายตา พลางคิดว่าพวกเขาคงคิดมากเกินไป เห็นหวังชิงหว่านพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายทำให้เซียวอี้หยางรู้สึกชื่นชอบฮูหยินตัวเองขึ้นมากว่าเดิมหลายส่วน เดินมาไม่นานก็ถึงจุดตัดไม้ เซียวอี้หยางวางตระกร้าด้านหลังลงจากนั้นก็จัดแจงหาที่นั่งพักสำหรับวันนี้
“นะ...นางแต่งงานแล้ว..หรือว่า” เกาเวินเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก จางเคอหันมามองสหายขมวดคิ้วเล็กน้อยที่สหายไม่รู้เรื่องราว “นางคือคุณหนูเจ็ดจวนเสนาบดีหวัง”เกาเวินเบิกตากว้างอ้าปากค้างก่อนจะเอ่ย “นับว่านางงามสมควรรำลือ... มิน่าคุณชายรองกัวฉู่เหอจึงได้หลงใหล แต่เพราะนางเป็นบุตรสาวอนุจึงยังไม่ตบแต่ง” จางเคอมองไปยังหญิงสาวแล้วพูดต่อ“ข้าก็ไม่คาดคิดว่า สตรีเช่นนางจะยินยอมแต่งให้บุตรชายตระกูลชาวนา...” แผนการนี้กลับใช้ได้ผลเกาเวินมองตามเห็นหวังชิงหว่านยกหอกขึ้น ด้านปลายแหลมมีปลาตัวใหญ่ดิ้นอยู่ เขาคลี่ยิ้มมุมปากเอ่ย “แต่ดูนางจะปรับตัวได้ดี...รูปร่างอรชนบอบบางเช่นนั้น กลับจวงแทงไม่พลาดสักครั้ง” “นั่นสิ!! ข้ากลับรู้สึกว่าไม่รู้จักคุณหนูเจ็ดผู้นี้”เกาเวินหัวเราะฝืด “ทุกคนล้วนดิ้นรน ไม่แน่ว่าอยู่ตระกูลจวนนางอาจจะลำบากกว่านี้” ในขณะนั้นพวกเขาก็เห็นกลุ่มคนทหารม้ากำลังมาทางนี้ จึงหยุดวาจาแล้วก็กระโดดเข้าไปขวาง หวังชิงหว่านรู้สึกว่าสายตาที่จ้องมองหายไปแล้ว จึงชำเลืองมองเห็นเพียงปลายอาภรณ์สีดำ นางดึงสายตากลับลอบถอนหายใจพลางคิด “คนที่นี่คงมีกำลังภายในที่สามารถเหาะเห
ในเรือนสกุลเซียวมีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าที่อยู่ในเรือน ส่วนบิดาและมารดายังไม่กลับจากทำนา ทั้งลี่อิน ลู่อันและเซียวอี้หยางก็มีหน้าที่ของตนเอง เหลือเพียงหวังชิงหว่านที่นั่งพักเอื่อยเฉื่อยอยู่ในที่นั่งหน้าเรือน นางเงยหน้ามองท้องฟ้าพลางคิดในใจ “สวรรค์ตอนนี้ข้าเริ่มจับปลาขายแล้วนะ...จากนี้ก็คงจะเป็นปลูกผัก ทำนา เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ ... นับว่าเป็นชีวิตเรียบง่ายที่ตามข้าร้องขอ...เฮ้อ! เอาเถอะถือว่าข้าไม่รอบคอบเอง...ที่ไม่ขอเงินด้วย”นางนึกบางอย่างได้กลับเข้าไปในเรือน ดึงหีบสินเดิมที่หวังฮูหยินกล่าวว่าจัดเตรียมให้ ความจริงแล้วทั้งหมดล้วนเป็นของใช้ส่วนตัวของนางที่บิดามอบให้ก่อนหน้า นางเปิดหีบหลายหีบออกมา “ล้วนเป็นเสื้อผ้าที่นำมาใส่ไม่ได้ทั้งนั้น....ของพวกนี้เอาไปขายเปลี่ยนเป็นเงินจะดีกว่า” นางในฐานะฮูหยินขุนนางบางส่วนก็ควรต้องเก็บไว้ จึงจัดแจงแยกของอยู่ครึ่งเค่อก็ได้ยินเสียงเด็กสาว “พี่สะใภ้ พี่สะใภ้” เสียงลี่อินตะโกนเรียกอยู่หน้าเรือน หวังชิงหว่านจึงเอ่ยตอบ “ลี่อินหรือ เข้ามาข้างในสิ” ผ้าม่านถูกเลิกขึ้นปรากฏเด็กสาวใบหน้ายิ้มแย้ม นางปร
ลี่อินลากรถลากตามหลังหวังชิงหว่านที่คล้ายกำลังมองหาบางอย่าง นางจึงเอ่ยถาม “พวกเราจะไปไหนต่อหรือเปล่าเจ้าคะ” “ข้าจำเป็นต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ ไปดูร้านผ้าตรงหน้าเถอะ” เอ่ยเสร็จนางก็เดินนำหน้าไปร้านแพรพรรณ หลงจู้เห็นคนเดินเข้ามาก็รีบออกมาต้อนรับ แต่ก็ต้องชะงักในความงามของหวังชิงหว่านอยู่ครู่ใหญ่ ด้วยเป็นร้านผ้าเล็ก ๆ จึงไม่เคยได้ต้อนรับลูกค้าที่เฉิดฉายเช่นนี้มาก่อน เด็กหนุ่มรีบดึงสติเอ่ยถามด้วยความขัดเขิน “ท่านต้องการผ้าไปตัดหรือเป็นชุดเลยขอรับ” หวังชิงหว่านยิ้มตอบพลางเอ่ย “ข้าอยากได้ชุดเรียบง่ายสักสามสี่ชุดแล้วก็ผ้าสำหรับตัดด้วย” “ถ้าอย่างนั้นท่านเลือกผ้าตรงนี้รอก่อนนะขอรับ ข้าจะไปเลือกชุดที่เหมาะสมกับท่านออกมาให้เลือก” หวังชิงหว่านหันไปลี่อินแล้วพูดขึ้น“เจ้าเย็บเสื้อผ้าได้หรือไม่” ลี่อินพยักหน้าตอบ “แม้ฝีมือข้าจะไม่ละเอียดแต่ก็นับว่าใช้การได้เจ้าค่ะ” “งั้นมาเลือกผ้าด้วยกันสิ...ถ้ายังไงก็เลือกไปเผื่อคนอื่น ๆ ด้วย เลือกไปเยอะๆ ถือว่าเป็นค่าจ้างเจ้าตัดให้ข้าด้วย” ลี่อินกะพริบตามองพี
คนในสกุลเซียวจะรีบทานข้าวเย็นและเข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่อจะได้ตื่นเช้าไปทำนาแตกต่างจากเซียวอี้หยางที่บางวันจะมีสังสรรค์ข้างนอก บางคืนก็จะอ่านหนังสือจนดึก พวกเขาเลยแยกสำรับมาที่เรือนเซียวอี้หยางต่างหากและเซียวฮูหยินก็ไม่เคยจะลืมแยกอาหารดีๆ ไว้สำหรับลูกชายเป็นพิเศษ เรือนหลักสกุลเซียว ในมื้อเย็นวันนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นน่ายินดี แต่สีหน้านายท่านเซียวก็ยังมีความลังเล เขาขมวดคิ้วไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่บุตรชายและบุตรสาวกล่าว “พวกเจ้าแน่ใจนะ ว่านางเป็นคนจับปลาด้วยตัวเอง” ลี่อินเคี้ยวอาหารพลางพยักหน้ามองบิดาด้วยสายตาจริงจัง ลู่อันก็ยืนยันกล่าว “ข้ากับลี่อินเห็นด้วยตาตัวเองเลยขอรับ” ขณะนั้นลี่อินก็ล้วงเงินออกมาเอ่ย “นี่ลู่อัน...25 อีแปะพี่สะใภ้แบ่งค่าขายปลาให้พวกเรา” ลู่อันเบิกตาขึ้นเป็นประกายรีบยื่นมือไปรับ “พี่สะใภ้เป็นคนดีจริง ๆ ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ นางไม่เหมือนที่คนอื่นกล่าวลือเลยนะขอรับ” เซียวฮูหยินมองเงินในมือบุตรชายแล้วหันไปพูดกับสามี “ฟังจากที่อี้หยางเล่า...นางแตกต่างจากที่เขาเล่าลือจริง ๆ เจ้าค่ะ” ลี
หวังชิงหว่านนึกว่าเซียวอี้หยางจะหมดแรง ใกล้รุ่งเขาได้สติก็เสียบดันเข้ามาจากข้างหลัง ความใหญ่และยังเข้ามากระทันหันทำให้นางกระตุ้นเฮือกร้องอ๊ะขึ้น ความเสียวซ่าแล่นปราดขึ้นมาทำให้ชายหนุ่มไม่สนใจอันใด เขาเริ่มขยับบดเบียดส่วนนั้นก็เปียกแฉะอย่างเร็วเอวของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นดุดัน ความซาบซ่านทำให้หวังชิงหว่านรู้สึกพอใจกับการสัมผัสของชายหนุ่มทั้งขนาดและแรงกระแทกนับว่าชาตินี้แค่จุดนี้นางก็คุ้มค่าแล้ว ผ่านไปครู่ใหญ่เซียวอี้หยางก็เกร็งร่างกระตุ้นอย่างสุขสม เขาโอบกอดหญิงสาวอย่างอ้อยอิ่งแล้วพูดเสียงหวาน “ข้าจะไปเตรียมน้ำมาให้เจ้าล้างหน้าล้างตา” หวังชิงหว่านไม่ปฏิเสธนางยังกำชับเพิ่ม “นำผ้ามาด้วยข้าจะเช็ดเนื้อเช็ดตัว เปรอะเปื้อนไปหมดแล้ว” “ได้ ๆ ข้าจะจัดการเดี่ยวนี้” หวังชิงหว่านมองตามหลังสามี สัณชาตญาณบางอย่างบอกว่าชายหนุ่มมีบางอย่างผิดปกติ นางรู้สึกว่าทั้งการพูดคุยกับชายหนุ่มไหลลื่นเป็นธรรมชาติมากเกินไป ไม่มีการโต้แย้งเหมือนนางกำลังถูกควบคุม หวังชิงหว่านสะบัดหน้าทันที น่าจะเป็นเพราะนางอยู่หน่วยสายลับมานานทำให้หวาดระแวงมากเกินไป เซีย
ภารกิจครั้งนี้ไม่สำเร็จ!! เสียงระเบิดดังสนั่นต่อเนื่อง เรือเกิดไฟไหม้อย่างรุนแรง ถังชิงหว่านไม่ทันได้ไตร่ตรองหาวิธีเอาตัวรอด แรงกระแทกทำให้ร่างของเธอตกลงไปท้องทะเล แม้เธอจะว่ายน้ำเก่งแค่ไหนน้ำแต่อาการบาดเจ็บที่ขาทำให้เธอไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้หลังจากประเมินสถานการณ์ ถังชิงหว่านก็ไม่หาคิดวิธีรักษาชีวิต เธอสงบจิตใจได้อย่างรวดเร็วทำงานด้านนี้เธอย่อมไม่เคยหวาดกลัวความตาย ตายไม่เสียดาย แต่เสียดายที่ยังไม่ได้ใช้เงินเก็บเหล่านั้น เดิมคิดว่าอีกสักสี่ห้าปีจะลาออกไปใช้ชีวิต ท่องเที่ยวใช้เงินอย่างซ้อในบาร์โอสต์ซื้อความสุขโดยไม่เสียดายแต่ตอนนี้คงไม่มีโอกาสนั้นแล้วก่อนจะสิ้นสติถังชิงหว่านยังตัดพ้อสวรรค์ เธอทำงานด้านความมั่นคงให้คนอื่นได้อยู่อย่างสงบปลอดภัย ทำความดีมากมายขนาดนี้ แต่เธอกลับไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตแบบนั้นบ้าง หวังว่าชาติหน้าสวรรค์จะชดเชยจุดนี้ให้เธอสักเล็กน้อยจากนั้นความมืดก็จู่โจมเข้ามา ไม่ทันได้เจ็บปวดมากนักถังชิงหว่านก็หมดสติไป ณ จวนเสนาบดีหวัง เรือนเล็ก ๆ แทบจะอยู่ท้ายจวนเด็กสาววัยสิบสี่สิบห้าผู้หนึ่งนอนไร้สติอยู่บนเตียง หมอวัยชราดึง
หวังชิงหว่านนึกว่าเซียวอี้หยางจะหมดแรง ใกล้รุ่งเขาได้สติก็เสียบดันเข้ามาจากข้างหลัง ความใหญ่และยังเข้ามากระทันหันทำให้นางกระตุ้นเฮือกร้องอ๊ะขึ้น ความเสียวซ่าแล่นปราดขึ้นมาทำให้ชายหนุ่มไม่สนใจอันใด เขาเริ่มขยับบดเบียดส่วนนั้นก็เปียกแฉะอย่างเร็วเอวของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นดุดัน ความซาบซ่านทำให้หวังชิงหว่านรู้สึกพอใจกับการสัมผัสของชายหนุ่มทั้งขนาดและแรงกระแทกนับว่าชาตินี้แค่จุดนี้นางก็คุ้มค่าแล้ว ผ่านไปครู่ใหญ่เซียวอี้หยางก็เกร็งร่างกระตุ้นอย่างสุขสม เขาโอบกอดหญิงสาวอย่างอ้อยอิ่งแล้วพูดเสียงหวาน “ข้าจะไปเตรียมน้ำมาให้เจ้าล้างหน้าล้างตา” หวังชิงหว่านไม่ปฏิเสธนางยังกำชับเพิ่ม “นำผ้ามาด้วยข้าจะเช็ดเนื้อเช็ดตัว เปรอะเปื้อนไปหมดแล้ว” “ได้ ๆ ข้าจะจัดการเดี่ยวนี้” หวังชิงหว่านมองตามหลังสามี สัณชาตญาณบางอย่างบอกว่าชายหนุ่มมีบางอย่างผิดปกติ นางรู้สึกว่าทั้งการพูดคุยกับชายหนุ่มไหลลื่นเป็นธรรมชาติมากเกินไป ไม่มีการโต้แย้งเหมือนนางกำลังถูกควบคุม หวังชิงหว่านสะบัดหน้าทันที น่าจะเป็นเพราะนางอยู่หน่วยสายลับมานานทำให้หวาดระแวงมากเกินไป เซีย
คนในสกุลเซียวจะรีบทานข้าวเย็นและเข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่อจะได้ตื่นเช้าไปทำนาแตกต่างจากเซียวอี้หยางที่บางวันจะมีสังสรรค์ข้างนอก บางคืนก็จะอ่านหนังสือจนดึก พวกเขาเลยแยกสำรับมาที่เรือนเซียวอี้หยางต่างหากและเซียวฮูหยินก็ไม่เคยจะลืมแยกอาหารดีๆ ไว้สำหรับลูกชายเป็นพิเศษ เรือนหลักสกุลเซียว ในมื้อเย็นวันนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นน่ายินดี แต่สีหน้านายท่านเซียวก็ยังมีความลังเล เขาขมวดคิ้วไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่บุตรชายและบุตรสาวกล่าว “พวกเจ้าแน่ใจนะ ว่านางเป็นคนจับปลาด้วยตัวเอง” ลี่อินเคี้ยวอาหารพลางพยักหน้ามองบิดาด้วยสายตาจริงจัง ลู่อันก็ยืนยันกล่าว “ข้ากับลี่อินเห็นด้วยตาตัวเองเลยขอรับ” ขณะนั้นลี่อินก็ล้วงเงินออกมาเอ่ย “นี่ลู่อัน...25 อีแปะพี่สะใภ้แบ่งค่าขายปลาให้พวกเรา” ลู่อันเบิกตาขึ้นเป็นประกายรีบยื่นมือไปรับ “พี่สะใภ้เป็นคนดีจริง ๆ ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ นางไม่เหมือนที่คนอื่นกล่าวลือเลยนะขอรับ” เซียวฮูหยินมองเงินในมือบุตรชายแล้วหันไปพูดกับสามี “ฟังจากที่อี้หยางเล่า...นางแตกต่างจากที่เขาเล่าลือจริง ๆ เจ้าค่ะ” ลี
ลี่อินลากรถลากตามหลังหวังชิงหว่านที่คล้ายกำลังมองหาบางอย่าง นางจึงเอ่ยถาม “พวกเราจะไปไหนต่อหรือเปล่าเจ้าคะ” “ข้าจำเป็นต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ ไปดูร้านผ้าตรงหน้าเถอะ” เอ่ยเสร็จนางก็เดินนำหน้าไปร้านแพรพรรณ หลงจู้เห็นคนเดินเข้ามาก็รีบออกมาต้อนรับ แต่ก็ต้องชะงักในความงามของหวังชิงหว่านอยู่ครู่ใหญ่ ด้วยเป็นร้านผ้าเล็ก ๆ จึงไม่เคยได้ต้อนรับลูกค้าที่เฉิดฉายเช่นนี้มาก่อน เด็กหนุ่มรีบดึงสติเอ่ยถามด้วยความขัดเขิน “ท่านต้องการผ้าไปตัดหรือเป็นชุดเลยขอรับ” หวังชิงหว่านยิ้มตอบพลางเอ่ย “ข้าอยากได้ชุดเรียบง่ายสักสามสี่ชุดแล้วก็ผ้าสำหรับตัดด้วย” “ถ้าอย่างนั้นท่านเลือกผ้าตรงนี้รอก่อนนะขอรับ ข้าจะไปเลือกชุดที่เหมาะสมกับท่านออกมาให้เลือก” หวังชิงหว่านหันไปลี่อินแล้วพูดขึ้น“เจ้าเย็บเสื้อผ้าได้หรือไม่” ลี่อินพยักหน้าตอบ “แม้ฝีมือข้าจะไม่ละเอียดแต่ก็นับว่าใช้การได้เจ้าค่ะ” “งั้นมาเลือกผ้าด้วยกันสิ...ถ้ายังไงก็เลือกไปเผื่อคนอื่น ๆ ด้วย เลือกไปเยอะๆ ถือว่าเป็นค่าจ้างเจ้าตัดให้ข้าด้วย” ลี่อินกะพริบตามองพี
ในเรือนสกุลเซียวมีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าที่อยู่ในเรือน ส่วนบิดาและมารดายังไม่กลับจากทำนา ทั้งลี่อิน ลู่อันและเซียวอี้หยางก็มีหน้าที่ของตนเอง เหลือเพียงหวังชิงหว่านที่นั่งพักเอื่อยเฉื่อยอยู่ในที่นั่งหน้าเรือน นางเงยหน้ามองท้องฟ้าพลางคิดในใจ “สวรรค์ตอนนี้ข้าเริ่มจับปลาขายแล้วนะ...จากนี้ก็คงจะเป็นปลูกผัก ทำนา เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ ... นับว่าเป็นชีวิตเรียบง่ายที่ตามข้าร้องขอ...เฮ้อ! เอาเถอะถือว่าข้าไม่รอบคอบเอง...ที่ไม่ขอเงินด้วย”นางนึกบางอย่างได้กลับเข้าไปในเรือน ดึงหีบสินเดิมที่หวังฮูหยินกล่าวว่าจัดเตรียมให้ ความจริงแล้วทั้งหมดล้วนเป็นของใช้ส่วนตัวของนางที่บิดามอบให้ก่อนหน้า นางเปิดหีบหลายหีบออกมา “ล้วนเป็นเสื้อผ้าที่นำมาใส่ไม่ได้ทั้งนั้น....ของพวกนี้เอาไปขายเปลี่ยนเป็นเงินจะดีกว่า” นางในฐานะฮูหยินขุนนางบางส่วนก็ควรต้องเก็บไว้ จึงจัดแจงแยกของอยู่ครึ่งเค่อก็ได้ยินเสียงเด็กสาว “พี่สะใภ้ พี่สะใภ้” เสียงลี่อินตะโกนเรียกอยู่หน้าเรือน หวังชิงหว่านจึงเอ่ยตอบ “ลี่อินหรือ เข้ามาข้างในสิ” ผ้าม่านถูกเลิกขึ้นปรากฏเด็กสาวใบหน้ายิ้มแย้ม นางปร
“นะ...นางแต่งงานแล้ว..หรือว่า” เกาเวินเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก จางเคอหันมามองสหายขมวดคิ้วเล็กน้อยที่สหายไม่รู้เรื่องราว “นางคือคุณหนูเจ็ดจวนเสนาบดีหวัง”เกาเวินเบิกตากว้างอ้าปากค้างก่อนจะเอ่ย “นับว่านางงามสมควรรำลือ... มิน่าคุณชายรองกัวฉู่เหอจึงได้หลงใหล แต่เพราะนางเป็นบุตรสาวอนุจึงยังไม่ตบแต่ง” จางเคอมองไปยังหญิงสาวแล้วพูดต่อ“ข้าก็ไม่คาดคิดว่า สตรีเช่นนางจะยินยอมแต่งให้บุตรชายตระกูลชาวนา...” แผนการนี้กลับใช้ได้ผลเกาเวินมองตามเห็นหวังชิงหว่านยกหอกขึ้น ด้านปลายแหลมมีปลาตัวใหญ่ดิ้นอยู่ เขาคลี่ยิ้มมุมปากเอ่ย “แต่ดูนางจะปรับตัวได้ดี...รูปร่างอรชนบอบบางเช่นนั้น กลับจวงแทงไม่พลาดสักครั้ง” “นั่นสิ!! ข้ากลับรู้สึกว่าไม่รู้จักคุณหนูเจ็ดผู้นี้”เกาเวินหัวเราะฝืด “ทุกคนล้วนดิ้นรน ไม่แน่ว่าอยู่ตระกูลจวนนางอาจจะลำบากกว่านี้” ในขณะนั้นพวกเขาก็เห็นกลุ่มคนทหารม้ากำลังมาทางนี้ จึงหยุดวาจาแล้วก็กระโดดเข้าไปขวาง หวังชิงหว่านรู้สึกว่าสายตาที่จ้องมองหายไปแล้ว จึงชำเลืองมองเห็นเพียงปลายอาภรณ์สีดำ นางดึงสายตากลับลอบถอนหายใจพลางคิด “คนที่นี่คงมีกำลังภายในที่สามารถเหาะเห
เส้นทางขึ้นเขาย่อมไม่ใช่เส้นทางที่เดินได้อย่างเรียบง่าย เซียวอี้หยางเดินนำหน้าโดยมีหวังชิงหว่านเดินเคียงข้างไป ส่วนเด็กทั้งสองเดินรั้งท้าย พวกเขามองดูฝีเท้าจังหวะก้าวเดินของพี่สะใภ้ต่างก็ส่งสายตาคำถาม ลี่อินเอนตัวกระซิบ “พี่สะใภ้ดูจะเหมือนไม่ใช่คนขึ้นเขาครั้งแรก” ลู่อินพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นสิ ดูจะคล่องแคล่วยิ่งกว่าพวกเราเสียอีก” การเดินเขาไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหวังชิงหว่าน แต่ด้วยร่างกายอันบอบบางตอนนี้ทำให้นางเริ่มปวดเมื่อย แขนขาเริ่มไร้เรี่ยวแรง เซียวอี้หยางหันมาเห็นสีหน้าเหนื่อยล้าของอีกฝ่ายก็พูดขึ้น “อดทนอีกนิด...ป่าข้างหน้าก็จะเป็นที่ตัดฟืนแล้ว” สีหน้าของเด็กสาวแดงกร่ำ หันยิ้มตอบ “เจ้าค่ะ” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าบอกว่านางกำลังอดทนอย่างหนัก เด็กทั้งสองมองส่งสายตา พลางคิดว่าพวกเขาคงคิดมากเกินไป เห็นหวังชิงหว่านพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายทำให้เซียวอี้หยางรู้สึกชื่นชอบฮูหยินตัวเองขึ้นมากว่าเดิมหลายส่วน เดินมาไม่นานก็ถึงจุดตัดไม้ เซียวอี้หยางวางตระกร้าด้านหลังลงจากนั้นก็จัดแจงหาที่นั่งพักสำหรับวันนี้
ตะวันทอแสงอ่อนเข้าผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนหวังชิงหว่านรู้สึกตัว นางลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ ร่างกายเหมือนสูบเรี่ยวแรง เห็นเซียวอี้หยางเปลือยกายนอนอยู่ด้านข้าง เหม่อมองอีกฝ่ายด้วยความเหนื่อยล้าพลางเอือมมือไปสะกิดอีกฝ่าย“ท่านพี่” ด้วยเนื้อเสียงของหญิงสาว เสียงที่เปล่งออกมาดูออดอ้อนด้วยความคำหวานทำให้เซียวอี้หยางได้สติลืมตาขึ้นมาทันที เห็นหวังชิงหว่านนอนเปลือยกายอยู่ข้าง ๆ ก็มองด้วยหลงใหล มือยื่นออกไปตั้งใจลูบไล้กายหญิงสาวอย่างห้ามไม่อยู่ หวังชิงหว่านเบี่ยงกายหลบแล้วพูดขึ้น“ท่านพี่ ตอนนี้ก็สายมากแล้วพวกเราต้องไปยกน้ำชาคารวะผู้อาวุโสนะเจ้าคะ” เซียวอี้หยางพลันระลึกขึ้นได้ รีบเก็บงำความปรารถนาพูดขึ้น “น้องหญิง...ข้าจะเตรียมน้ำมาให้เจ้าล้างหน้าล้างตานะ รอสักครู่” พอลุกออกจากเตียงเขาก็มองเห็นเสื้อผ้าถอดทิ้งอยู่ข้างเตียงก็รีบก้มเก็บจากนั้นก็เดินออกไป หวังชิงหว่านมองตามสามีพลางอมยิ้ม เดิมควรเป็นภรรยาปรนนิบัติสามี ในเมื่อสามีนางไม่ถือ นางก็ไม่ถือ เซียวอี้หยางกลายร่างเป็นบุรุษสุภาพอ่อนโยนเช่นเดิม แต่ว่าความป่าดิบเถือนของตลอดทั้งคืนของอีกฝ่าย ทำให้หวังชิงหว่านสรุ
แม้หวังชิงหว่านจะเป็นที่เอ็นดูของบิดาทว่ากลับไร้อิสระอย่างสิ้นเชิง ตอนเช้าต้องไปคารวะฮูหยินที่เรือนใหญ่ ตกบ่ายนั่งปักผ้าอยู่ภายในเรือน ร่างกายของนางอ่อนแอแค่เดินก็เหนื่อยแล้ว อยู่ในจวนใหญ่นางไม่รู้กำลังป้องกันของที่นี่เป็นอย่างไร จึงยังไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม นางทั้งเสแสร้งโง่เขลา เสแสร้างจำใจ เสแสร้งเชื่อฟัง อึดอัดเป็นที่สุด นางจึงเฝ้ารองานมงคลด้วยใจจดจ่อพร้อมกับบำรุงร่างกายที่บอบบางนี้ไปด้วยฉึก!!! ใบมีดถูกเหวี่ยงปักบนต้นไม้ หวังชิงหว่านยิ้มมุมปาก พลังแขนเริ่มฟื้นฟูขึ้นมาได้บ้างแล้วและในที่สุด!! ก็มาวันแต่งงานความอดทนนี้ได้สิ้นสุดเสียที นางเป็นเพียงบุตรอนุ งานแต่งจึงไม่ได้มีพิธีการมากนักทันทีที่นางขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวก็นับว่านางเป็นของตระกูลเซียวแล้ว เสียงประทัดดังขึ้นพร้อมเสียงคนตะโกน “เกี้ยวเจ้าสาวมาถึงแล้ว” สักพักก็มีคนมาเตะเกี้ยวหลังจากนั้นม่านเกี้ยวก็ปัดออก มือของบุรุษผู้หนึ่งยื่นเข้ามาประครองนางลงจากเกี้ยว หลังพิธีคำนับเสร็จพวกนางก็ถูกพาเข้าไปในห้องหอ ผ้าคลุ่มศีรษะของนางถูกเจ้าบ่าวดึงออกเบื้องหน้าของนางจึงสว่างวาบขึ้นมา มาตอนนี้หวังชิงหว่านพึ่งได
ช่วงเวลานี้ที่เรือนหลัก สวีเพ่ยเอนกายพูดคุยกับบุตรสาวที่มาเยี่ยมเยือนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หวังหรูเยว่รินชาให้มารดาแล้วพูดขึ้น “ในเมื่อนางใฝ่ต่ำอยากจะเป็นอนุ...ถึงกลับใช้ความตายเข้าแลก ท่านแม่ก็ควรให้นางสมปราถนา” สวีเพ่ยรู้ว่าบุตรสาวเอ่ยถึงผู้ใดก็แค่นเสียงกล่าวอย่างเย็นชา “แต่งออกไปเป็นอนุ แม้กระทั่งสินเดิมก็ไม่จำเป็นต้องจัดเตรียมแล้วเหตุใดแม่จะไม่ยินดี ทว่าตระกูลหวังเป็นตระกูลเก่าแก่มีรากฐานมาหลายปีหากแม่ยินยอมให้นางแต่งออกเป็นอนุจะถูกผู้อาวุโสตำหนิได้” หวังหรูเยว่หัวเราะร่าขึ้นมา “ท่านแม่ปกครองเรือนด้วยความเมตตา แม้กระทั่งบุตรของอนุก็จัดหาคู่ให้อย่างเหมาะสม แต่ครั้งนี้ก็นับว่าจนใจ...ท่านแม่ไม่มีทางเลือกแล้ว”สวีเพ่ยยิ้มตอบ “พ่อเจ้ากลับมาเย็นนี้ ข้าจะพูดเรื่องการยกเลิกการหมั้นหมายของหวังชิงหว่านที่ได้ตกลงไปก่อนหน้านี้”หวังหรูเยว่กุมมือมารดาขึ้นมา “ท่านแม่อย่าเสียใจไปเลยนะเจ้าค่ะ ยังเหลืองานแต่งของน้องอีกหลายคนที่ยังต้องให้ท่านแม่ไปจัดการ ยิ่งพี่ใหญ่ก็ยิ่งเห็นความหวังดีของท่านแม่อย่างแน่นอน” สวีเพ่ยตบมือบุตรสาวเบา ๆ เพื่อหาคู่ครองที่เหมาะสมจากตระกูลที่ดีให้