แชร์

นั่นคือคุณหนูเจ็ด

ผู้เขียน: ประดับดิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-19 14:39:58

“นะ...นางแต่งงานแล้ว..หรือว่า”   เกาเวินเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก  จางเคอหันมามองสหายขมวดคิ้วเล็กน้อยที่สหายไม่รู้เรื่องราว   

“นางคือคุณหนูเจ็ดจวนเสนาบดีหวัง”

เกาเวินเบิกตากว้างอ้าปากค้างก่อนจะเอ่ย “นับว่านางงามสมควรรำลือ... มิน่าคุณชายรองกัวฉู่เหอจึงได้หลงใหล แต่เพราะนางเป็นบุตรสาวอนุจึงยังไม่ตบแต่ง”   

จางเคอมองไปยังหญิงสาวแล้วพูดต่อ

“ข้าก็ไม่คาดคิดว่า  สตรีเช่นนางจะยินยอมแต่งให้บุตรชายตระกูลชาวนา...”   แผนการนี้กลับใช้ได้ผล

เกาเวินมองตามเห็นหวังชิงหว่านยกหอกขึ้น  ด้านปลายแหลมมีปลาตัวใหญ่ดิ้นอยู่ เขาคลี่ยิ้มมุมปากเอ่ย  “แต่ดูนางจะปรับตัวได้ดี...รูปร่างอรชนบอบบางเช่นนั้น  กลับจวงแทงไม่พลาดสักครั้ง” 

“นั่นสิ!!  ข้ากลับรู้สึกว่าไม่รู้จักคุณหนูเจ็ดผู้นี้”

เกาเวินหัวเราะฝืด  “ทุกคนล้วนดิ้นรน  ไม่แน่ว่าอยู่ตระกูลจวนนางอาจจะลำบากกว่านี้” 

ในขณะนั้นพวกเขาก็เห็นกลุ่มคนทหารม้ากำลังมาทางนี้  จึงหยุดวาจาแล้วก็กระโดดเข้าไปขวาง

          หวังชิงหว่านรู้สึกว่าสายตาที่จ้องมองหายไปแล้ว  จึงชำเลืองมองเห็นเพียงปลายอาภรณ์สีดำ 

นางดึงสายตากลับลอบถอนหายใจพลางคิด  

“คนที่นี่คงมีกำลังภายในที่สามารถเหาะเหินอากาศได้  ข้าจะทำอย่างไรจึงจะได้ฝึกวรยุทธ์”

          จังหวะนั้นลี่อินก็ตะโกนขึ้น

“พี่สะใภ้! ปลาสุกแล้วเจ้าค่ะ...” 

          ชิงหว่านพลันคิดได้ยกมุมปาก

ข้าจะเป็นฮูหยินธรรมดา ๆ จะมีวรยุทธ์ไปทำไมกัน   

นางขึ้นจากน้ำเดินกลับไปนั่งข้างเซียวอี้หยาง  ชายหนุ่มยื่นถุงน้ำดื่มให้พลางพูด 

“ลำบากน้องหญิงแล้ว”

“พี่สะใภ้..นี่ของท่าน....”      ลู่อันยื่นไม้เสียบปลาตัวใหญ่ให้ชิงหว่าน 

นางยิ้มรับแล้วพูดขึ้น  “ที่บ้านที่ปลาเหลือเยอะหรือไม่  พวกเราแบ่งตะกร้ามาใส่ปลาดีไม่”

ลี่อินยิ้มจืดตอบ  “ที่บ้านไม่มีปลาหรอกเจ้าคะ”

ดวงตาชิงหว่านเป็นประกายเอ่ย  “เช่นนั้น...ข้าจะจับปลาเพิ่ม...อืมปลาสดมากๆ เสียดายพวกเราไม่พกเกลือมาด้วย...งั้น..เย็นนี้ข้าอยากจะกินต้มแกงปลา” 

ลู่อันเบิกตากว้างขึ้น  “ข้าก็อยากกินขอรับ!!...ไม่ได้กินน้ำแกงปลามาแล้ว” 

เซียวอี้หยางส่งสายตาเขม็งมองน้องชายแล้วพูดขึ้น  “จะให้เจ้าต้องเหนื่อยอีกทำไม...เอาไว้ข้าจะไปซื้อที่ตลาดมาให้เจ้าเอง”

ลี่อินได้ยินก็พูดน้ำเสียงแผ่วเบา  “พี่ชายเบี้ยหวัดของท่านเดือนนี้...ในส่วนของค่าอาหารหมดแล้วเจ้าค่ะ” 

เซียวอี้หยางรู้สึกอับอายขึ้นมากล่าว  “ไม่เป็นไร  อีกไม่กี่วันก็จะสิ้นเดือนแล้ว  ไว้ข้าได้เบี้ยหวัดข้าจะเอามาให้เจ้าทั้งหมด”

หวังชิงหว่านรับรู้ว่าครอบครัวสกุลเซียวยากจน  แต่เหมือนว่าจะอยากจนกว่าที่นางคิดไว้มาก  นางจึงเอ่ยถามขึ้น   “เบี้ยหวัดของท่านพี่   ไม่ใช่ต้องมอบให้ท่านแม่จัดการหรือเจ้าคะ” 

เซียวอี้หยางรีบตอบ  “แม้จะมอบให้ท่านแม่  แต่เงินก้อนนั้นใช้เพียงในเรือนข้าเท่านั้น” 

หวังชิงหว่านขมวดคิ้วเอ่ย  “แม้กระทั่งค่าอาหารของลี่อินกับลู่อันก็ไม่ได้มาจากเบี้ยหวัดของท่านหรือเจ้าค่ะ” 

เซียวอี้หยางพูดต่อ  “แม้อย่างอื่นจะไม่สะดวกสบายนัก  แต่เรื่องอาหารการกิน  ข้ารับรองว่าจะไม่บกพร่องต่อเจ้า” 

ชิงหว่านมองดูรูปร่างสามีแล้วปรายตามองดูเด็กทั้งสองจึงได้ตระหนักบางอย่าง นางเข้าใจผิดว่าเบี้ยหวัดขุนนางของสามีคงใช้เลี้ยงคนทั้งตระกูล   จึงพูดขึ้น

“พวกเจ้าคงไม่ได้ทานเนื้อมานานแล้วใช่หรือไม่”   ลี่อินและลู่อันพยักหน้าเบา ๆ  หวังชิงหว่านคลี่ยิ้มเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น

“ต่อไปมีข้าอยู่  พวกเจ้าต้องได้กินเนื้อทุกมื้อ” 

เซียวอี้หยางตกใจรีบกล่าว  “น้องหญิง  แต่ว่า เบี้ยหวัดข้าคงไม่พอ...ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีสินเดิมแต่หากกินอย่างสิ้นเปลื้องสักวันย่อมหมดไป...เจ้าไม่ต้องเกรงว่าผู้อื่นจะตำหนิเรื่องนี้ทุกคนล้วนเข้าใจ”  เซียวอี้หยางพูดเสร็จเด็กทั้งสองก็พยักหน้าสนับสนุน

ชิงหว่านจึงยิ้มละมุนเอ่ย   “ข้าไม่ได้คิดจะใช้สินเดิม  ในเมื่อข้าหาปลาได้  พวกเราก็เอาปลาไปขายแลกเป็นเงินซื้อเนื้อมาทานได้...อืม ปลาขนาดเท่านี้ขายได้เท่าไร” 

ลู่อันรีบตอบ    “5 -10  อีแปะขอรับ”

ลี่อินรีบอธิบายต่อ  “หมู 1 ชั่งราคา  20  อีแปะเจ้าคะ”

หวังชิงหว่านยิ้มพูด  “ถ้าอย่างนั้นเราก็หาให้ได้สัก สิบกว่าตัว คงได้เนื้อไว้ทานหลายวันแล้ว” 

พอได้ยินว่าจะเอาปลาไปขาย  ลู่อันก็หันไปมองปลาที่เตรียมเผาอย่างเสียดาย    ชิงหว่านจึงพูดขึ้น  “พวกนี้พวกเรากินให้ท้องอิ่ม  ปลาในแม่น้ำมีมาก  เราไม่ต้องกลัวว่าต้องอด”

ลี่อินและลู่อันพยักหน้าพร้อมกัน   “เจ้าค่ะ/ขอรับ”

ทุกอย่างล้วนดี  แต่เซียวอี้หยางรู้สึกว่าบางอย่างไม่ถูกต้องเขาต้องเป็นคนหาเลี้ยงภรรยาไม่ใช่หรือกำลังจะเอ่ยบางอย่าง 

แต่ชิงหว่านได้ชิงพูดขึ้น  “พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันช่วยกันทำมาหากินท่านพี่คงไม่ตำหนิและไม่ห้ามใช่หรือไม่” 

เซียวอี้หยางอึ้งและจนวาจาอยู่ครู่หนึ่ง เขาขบคิดบางอย่างก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงอบอุ่น “ขอเพียงน้องหญิงพอใจข้าก็ยินดี”

ชิงหว่านยิ้มกว้างดุจแสงตะวันเจิดจรัส   “ท่านรีบกินปลาเถอะเจ้าค่ะ  เย็นแล้วจะไม่อร่อย”    

หลังจากทานเสร็จเซียวอี้หยางนำฟื้นในตะกร้าของลี่อินใส่ให้ลู่อันตอนนี้ก็เหลือเพียงตะกร้าของเขาที่ยังไม่เต็ม 

ชายหนุ่มเอ่ยบอกลู่อัน  “เจ้าไปช่วยพี่สะใภ้จับปลา  ส่วนฟืนที่เหลือข้าจะจัดการเอง” 

ลู่อันหันไปมองลี่อินกับชิงหว่านแล้วพูดขึ้น 

          “ใช้ข้าช่วยพี่ดีกว่า”  อี้หยางหันไปมองก็พยักหน้าเห็นด้วย เมื่อช่วยกันตัด  ในเวลาไม่ถึงเค่อตะกร้าก็เริ่มเต็ม  เซียวอี้หยางเห็นว่าพอแล้วจึงเอ่ยขึ้น “พอแค่นี้เถอะ...เจ้าเดินนำไปก่อนข้ามีเข้าไปทำธุระในป่าสักครู่” 

ลู่อันพยักหน้าเข้าใจความนัยจึงเดินออกมา

แววตาของเซียวอี้หยางวูบไหวเล็กน้อยก่อนหายเข้าไปในพุ่มไม้ใหญ่ ผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงได้ออกมา  ขณะก้าวเดินได้ยินเสียงร้องเชียร์ของลี่อินก็ยกปากยิ้ม

          พอเข้าไปใกล้เห็นปลาเต็มตะกร้าก็เบิกตากว้างอย่างตกใจ

          “นี่!!  ทำไมเยอะขนาดนี้”

          ชิงหว่านตอบตาใส  “ก็ลี่อินบอกว่า  ปลาพวกนี้ไม่เพียงแค่ขายได้ยังสามารถนำไปแลกไข่  แลกไก่ แลกเป็ดกับชาวบ้านได้ด้วยข้าเลยหาให้มากหน่อยเผื่ออีกหลาย ๆ มื้อ”

          ที่เอ่ยถามหาใช่สงสัยว่าทำไมต้องหาเยอะ  เซียวอี้หยางย่อมหมายถึงทำไมหาได้มากมายขนาดนี้   เห็นแววตาประกายของภรรยาเขาก็ยากจะเอ่ยถามอีก  จึงพูดขึ้น

          “เช่นนั้น  พวกเราก็กลับกันเถอะ...จะได้ถึงบ้านไวขึ้น”

          แม้ว่าปลาจะน้ำหนักมากแต่ลี่อินก็แบกขึ้นหลังด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  ขาที่ก้าวเดินก็ดูมั่นคงกว่าเดิมนางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส

          “กลับไปถึงบ้านข้าจะรีบเอาปลาไปขายที่ตลาดนะเจ้าคะ”

          ชิงหว่านพยักหน้า  “ต้องลำบากเจ้าแล้ว”

          ลู่อันรีบเอ่ย  “ข้าจะเอาไปแลกไข่ แลกไก่ นะขอรับ”

          “ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”   ชิงหว่านเอ่ยตอบอย่างอ่อนโยน 

เซียวอี้หยางไม่สามารถเอ่ยฉอเลาะเอาใจแบบน้องได้  เขาทำตัวไม่ถูกชั่วขณะ  ยังไม่ทันได้ตัดสินใจก็ได้ยินเสียงอ่อนโยนหนึ่ง

“ต้องรบกวนท่านพี่เอาปลาบางส่วนไปแบ่งให้ครอบครัวท่านป้า  ท่านลุงที่มาเมื่อเช้าด้วยนะเจ้าค่ะ”

          อี้หยางตกใจคล้ายถูกจับความคิดได้รีบกล่าว 

“ได้ ๆ เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง”   

คล้อยหลังครอบครัวสกุลเซียวที่กำลังเดินทางออกจากเขา  มีบุรุษชุดดำคู่หนึ่งจับจ้องมองตาม  

เกาเวินเหยียดยิ้มมุมปาก 

“นับวันอี้หยางยิ่งทำท่าเงอะงะได้แนบเนียน”

จางเคอหัวเราะเสียงต่ำ   แววตาลุ่มลึกกล่าว

“ข้ากลับคิดว่าครั้งนี้มิใช่การเสแสร้ง” 

เกาเวินผงกศีรษะเห็นด้วย 

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    ไม่รอบคอบ

    ในเรือนสกุลเซียวมีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าที่อยู่ในเรือน ส่วนบิดาและมารดายังไม่กลับจากทำนา ทั้งลี่อิน ลู่อันและเซียวอี้หยางก็มีหน้าที่ของตนเอง เหลือเพียงหวังชิงหว่านที่นั่งพักเอื่อยเฉื่อยอยู่ในที่นั่งหน้าเรือน นางเงยหน้ามองท้องฟ้าพลางคิดในใจ “สวรรค์ตอนนี้ข้าเริ่มจับปลาขายแล้วนะ...จากนี้ก็คงจะเป็นปลูกผัก ทำนา เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ ... นับว่าเป็นชีวิตเรียบง่ายที่ตามข้าร้องขอ...เฮ้อ! เอาเถอะถือว่าข้าไม่รอบคอบเอง...ที่ไม่ขอเงินด้วย”นางนึกบางอย่างได้กลับเข้าไปในเรือน ดึงหีบสินเดิมที่หวังฮูหยินกล่าวว่าจัดเตรียมให้ ความจริงแล้วทั้งหมดล้วนเป็นของใช้ส่วนตัวของนางที่บิดามอบให้ก่อนหน้า นางเปิดหีบหลายหีบออกมา “ล้วนเป็นเสื้อผ้าที่นำมาใส่ไม่ได้ทั้งนั้น....ของพวกนี้เอาไปขายเปลี่ยนเป็นเงินจะดีกว่า” นางในฐานะฮูหยินขุนนางบางส่วนก็ควรต้องเก็บไว้ จึงจัดแจงแยกของอยู่ครึ่งเค่อก็ได้ยินเสียงเด็กสาว “พี่สะใภ้ พี่สะใภ้” เสียงลี่อินตะโกนเรียกอยู่หน้าเรือน หวังชิงหว่านจึงเอ่ยตอบ “ลี่อินหรือ เข้ามาข้างในสิ” ผ้าม่านถูกเลิกขึ้นปรากฏเด็กสาวใบหน้ายิ้มแย้ม นางปร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-19
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    ข่าวลือ

    ลี่อินลากรถลากตามหลังหวังชิงหว่านที่คล้ายกำลังมองหาบางอย่าง นางจึงเอ่ยถาม “พวกเราจะไปไหนต่อหรือเปล่าเจ้าคะ” “ข้าจำเป็นต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ ไปดูร้านผ้าตรงหน้าเถอะ” เอ่ยเสร็จนางก็เดินนำหน้าไปร้านแพรพรรณ หลงจู้เห็นคนเดินเข้ามาก็รีบออกมาต้อนรับ แต่ก็ต้องชะงักในความงามของหวังชิงหว่านอยู่ครู่ใหญ่ ด้วยเป็นร้านผ้าเล็ก ๆ จึงไม่เคยได้ต้อนรับลูกค้าที่เฉิดฉายเช่นนี้มาก่อน เด็กหนุ่มรีบดึงสติเอ่ยถามด้วยความขัดเขิน “ท่านต้องการผ้าไปตัดหรือเป็นชุดเลยขอรับ” หวังชิงหว่านยิ้มตอบพลางเอ่ย “ข้าอยากได้ชุดเรียบง่ายสักสามสี่ชุดแล้วก็ผ้าสำหรับตัดด้วย” “ถ้าอย่างนั้นท่านเลือกผ้าตรงนี้รอก่อนนะขอรับ ข้าจะไปเลือกชุดที่เหมาะสมกับท่านออกมาให้เลือก” หวังชิงหว่านหันไปลี่อินแล้วพูดขึ้น“เจ้าเย็บเสื้อผ้าได้หรือไม่” ลี่อินพยักหน้าตอบ “แม้ฝีมือข้าจะไม่ละเอียดแต่ก็นับว่าใช้การได้เจ้าค่ะ” “งั้นมาเลือกผ้าด้วยกันสิ...ถ้ายังไงก็เลือกไปเผื่อคนอื่น ๆ ด้วย เลือกไปเยอะๆ ถือว่าเป็นค่าจ้างเจ้าตัดให้ข้าด้วย” ลี่อินกะพริบตามองพี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-20
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    เป็นมารดานั่นไม่ง่าย

    คนในสกุลเซียวจะรีบทานข้าวเย็นและเข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่อจะได้ตื่นเช้าไปทำนาแตกต่างจากเซียวอี้หยางที่บางวันจะมีสังสรรค์ข้างนอก บางคืนก็จะอ่านหนังสือจนดึก พวกเขาเลยแยกสำรับมาที่เรือนเซียวอี้หยางต่างหากและเซียวฮูหยินก็ไม่เคยจะลืมแยกอาหารดีๆ ไว้สำหรับลูกชายเป็นพิเศษ เรือนหลักสกุลเซียว ในมื้อเย็นวันนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นน่ายินดี แต่สีหน้านายท่านเซียวก็ยังมีความลังเล เขาขมวดคิ้วไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่บุตรชายและบุตรสาวกล่าว “พวกเจ้าแน่ใจนะ ว่านางเป็นคนจับปลาด้วยตัวเอง” ลี่อินเคี้ยวอาหารพลางพยักหน้ามองบิดาด้วยสายตาจริงจัง ลู่อันก็ยืนยันกล่าว “ข้ากับลี่อินเห็นด้วยตาตัวเองเลยขอรับ” ขณะนั้นลี่อินก็ล้วงเงินออกมาเอ่ย “นี่ลู่อัน...25 อีแปะพี่สะใภ้แบ่งค่าขายปลาให้พวกเรา” ลู่อันเบิกตาขึ้นเป็นประกายรีบยื่นมือไปรับ “พี่สะใภ้เป็นคนดีจริง ๆ ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ นางไม่เหมือนที่คนอื่นกล่าวลือเลยนะขอรับ” เซียวฮูหยินมองเงินในมือบุตรชายแล้วหันไปพูดกับสามี “ฟังจากที่อี้หยางเล่า...นางแตกต่างจากที่เขาเล่าลือจริง ๆ เจ้าค่ะ” ลี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-20
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    ควบคุมง่าย

    หวังชิงหว่านนึกว่าเซียวอี้หยางจะหมดแรง ใกล้รุ่งเขาได้สติก็เสียบดันเข้ามาจากข้างหลัง ความใหญ่และยังเข้ามากระทันหันทำให้นางกระตุ้นเฮือกร้องอ๊ะขึ้น ความเสียวซ่าแล่นปราดขึ้นมาทำให้ชายหนุ่มไม่สนใจอันใด เขาเริ่มขยับบดเบียดส่วนนั้นก็เปียกแฉะอย่างเร็วเอวของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นดุดัน ความซาบซ่านทำให้หวังชิงหว่านรู้สึกพอใจกับการสัมผัสของชายหนุ่มทั้งขนาดและแรงกระแทกนับว่าชาตินี้แค่จุดนี้นางก็คุ้มค่าแล้ว ผ่านไปครู่ใหญ่เซียวอี้หยางก็เกร็งร่างกระตุ้นอย่างสุขสม เขาโอบกอดหญิงสาวอย่างอ้อยอิ่งแล้วพูดเสียงหวาน “ข้าจะไปเตรียมน้ำมาให้เจ้าล้างหน้าล้างตา” หวังชิงหว่านไม่ปฏิเสธนางยังกำชับเพิ่ม “นำผ้ามาด้วยข้าจะเช็ดเนื้อเช็ดตัว เปรอะเปื้อนไปหมดแล้ว” “ได้ ๆ ข้าจะจัดการเดี่ยวนี้” หวังชิงหว่านมองตามหลังสามี สัณชาตญาณบางอย่างบอกว่าชายหนุ่มมีบางอย่างผิดปกติ นางรู้สึกว่าทั้งการพูดคุยกับชายหนุ่มไหลลื่นเป็นธรรมชาติมากเกินไป ไม่มีการโต้แย้งเหมือนนางกำลังถูกควบคุม หวังชิงหว่านสะบัดหน้าทันที น่าจะเป็นเพราะนางอยู่หน่วยสายลับมานานทำให้หวาดระแวงมากเกินไป เซีย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-22
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    เกิดใหม่เป็นคุณหนูเจ็ด

    ภารกิจครั้งนี้ไม่สำเร็จ!! เสียงระเบิดดังสนั่นต่อเนื่อง เรือเกิดไฟไหม้อย่างรุนแรง ถังชิงหว่านไม่ทันได้ไตร่ตรองหาวิธีเอาตัวรอด แรงกระแทกทำให้ร่างของเธอตกลงไปท้องทะเล แม้เธอจะว่ายน้ำเก่งแค่ไหนน้ำแต่อาการบาดเจ็บที่ขาทำให้เธอไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้หลังจากประเมินสถานการณ์ ถังชิงหว่านก็ไม่หาคิดวิธีรักษาชีวิต เธอสงบจิตใจได้อย่างรวดเร็วทำงานด้านนี้เธอย่อมไม่เคยหวาดกลัวความตาย ตายไม่เสียดาย แต่เสียดายที่ยังไม่ได้ใช้เงินเก็บเหล่านั้น เดิมคิดว่าอีกสักสี่ห้าปีจะลาออกไปใช้ชีวิต ท่องเที่ยวใช้เงินอย่างซ้อในบาร์โอสต์ซื้อความสุขโดยไม่เสียดายแต่ตอนนี้คงไม่มีโอกาสนั้นแล้วก่อนจะสิ้นสติถังชิงหว่านยังตัดพ้อสวรรค์ เธอทำงานด้านความมั่นคงให้คนอื่นได้อยู่อย่างสงบปลอดภัย ทำความดีมากมายขนาดนี้ แต่เธอกลับไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตแบบนั้นบ้าง หวังว่าชาติหน้าสวรรค์จะชดเชยจุดนี้ให้เธอสักเล็กน้อยจากนั้นความมืดก็จู่โจมเข้ามา ไม่ทันได้เจ็บปวดมากนักถังชิงหว่านก็หมดสติไป ณ จวนเสนาบดีหวัง เรือนเล็ก ๆ แทบจะอยู่ท้ายจวนเด็กสาววัยสิบสี่สิบห้าผู้หนึ่งนอนไร้สติอยู่บนเตียง หมอวัยชราดึง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    ยอมรับการแต่งงาน

    ช่วงเวลานี้ที่เรือนหลัก สวีเพ่ยเอนกายพูดคุยกับบุตรสาวที่มาเยี่ยมเยือนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หวังหรูเยว่รินชาให้มารดาแล้วพูดขึ้น “ในเมื่อนางใฝ่ต่ำอยากจะเป็นอนุ...ถึงกลับใช้ความตายเข้าแลก ท่านแม่ก็ควรให้นางสมปราถนา” สวีเพ่ยรู้ว่าบุตรสาวเอ่ยถึงผู้ใดก็แค่นเสียงกล่าวอย่างเย็นชา “แต่งออกไปเป็นอนุ แม้กระทั่งสินเดิมก็ไม่จำเป็นต้องจัดเตรียมแล้วเหตุใดแม่จะไม่ยินดี ทว่าตระกูลหวังเป็นตระกูลเก่าแก่มีรากฐานมาหลายปีหากแม่ยินยอมให้นางแต่งออกเป็นอนุจะถูกผู้อาวุโสตำหนิได้” หวังหรูเยว่หัวเราะร่าขึ้นมา “ท่านแม่ปกครองเรือนด้วยความเมตตา แม้กระทั่งบุตรของอนุก็จัดหาคู่ให้อย่างเหมาะสม แต่ครั้งนี้ก็นับว่าจนใจ...ท่านแม่ไม่มีทางเลือกแล้ว”สวีเพ่ยยิ้มตอบ “พ่อเจ้ากลับมาเย็นนี้ ข้าจะพูดเรื่องการยกเลิกการหมั้นหมายของหวังชิงหว่านที่ได้ตกลงไปก่อนหน้านี้”หวังหรูเยว่กุมมือมารดาขึ้นมา “ท่านแม่อย่าเสียใจไปเลยนะเจ้าค่ะ ยังเหลืองานแต่งของน้องอีกหลายคนที่ยังต้องให้ท่านแม่ไปจัดการ ยิ่งพี่ใหญ่ก็ยิ่งเห็นความหวังดีของท่านแม่อย่างแน่นอน” สวีเพ่ยตบมือบุตรสาวเบา ๆ เพื่อหาคู่ครองที่เหมาะสมจากตระกูลที่ดีให้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    ได้ออกจากกรงแล้ว

    แม้หวังชิงหว่านจะเป็นที่เอ็นดูของบิดาทว่ากลับไร้อิสระอย่างสิ้นเชิง ตอนเช้าต้องไปคารวะฮูหยินที่เรือนใหญ่ ตกบ่ายนั่งปักผ้าอยู่ภายในเรือน ร่างกายของนางอ่อนแอแค่เดินก็เหนื่อยแล้ว อยู่ในจวนใหญ่นางไม่รู้กำลังป้องกันของที่นี่เป็นอย่างไร จึงยังไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม นางทั้งเสแสร้งโง่เขลา เสแสร้างจำใจ เสแสร้งเชื่อฟัง อึดอัดเป็นที่สุด นางจึงเฝ้ารองานมงคลด้วยใจจดจ่อพร้อมกับบำรุงร่างกายที่บอบบางนี้ไปด้วยฉึก!!! ใบมีดถูกเหวี่ยงปักบนต้นไม้ หวังชิงหว่านยิ้มมุมปาก พลังแขนเริ่มฟื้นฟูขึ้นมาได้บ้างแล้วและในที่สุด!! ก็มาวันแต่งงานความอดทนนี้ได้สิ้นสุดเสียที นางเป็นเพียงบุตรอนุ งานแต่งจึงไม่ได้มีพิธีการมากนักทันทีที่นางขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวก็นับว่านางเป็นของตระกูลเซียวแล้ว เสียงประทัดดังขึ้นพร้อมเสียงคนตะโกน “เกี้ยวเจ้าสาวมาถึงแล้ว” สักพักก็มีคนมาเตะเกี้ยวหลังจากนั้นม่านเกี้ยวก็ปัดออก มือของบุรุษผู้หนึ่งยื่นเข้ามาประครองนางลงจากเกี้ยว หลังพิธีคำนับเสร็จพวกนางก็ถูกพาเข้าไปในห้องหอ ผ้าคลุ่มศีรษะของนางถูกเจ้าบ่าวดึงออกเบื้องหน้าของนางจึงสว่างวาบขึ้นมา มาตอนนี้หวังชิงหว่านพึ่งได

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    สะใภ้สกุลชาวนา

    ตะวันทอแสงอ่อนเข้าผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนหวังชิงหว่านรู้สึกตัว นางลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ ร่างกายเหมือนสูบเรี่ยวแรง เห็นเซียวอี้หยางเปลือยกายนอนอยู่ด้านข้าง เหม่อมองอีกฝ่ายด้วยความเหนื่อยล้าพลางเอือมมือไปสะกิดอีกฝ่าย“ท่านพี่” ด้วยเนื้อเสียงของหญิงสาว เสียงที่เปล่งออกมาดูออดอ้อนด้วยความคำหวานทำให้เซียวอี้หยางได้สติลืมตาขึ้นมาทันที เห็นหวังชิงหว่านนอนเปลือยกายอยู่ข้าง ๆ ก็มองด้วยหลงใหล มือยื่นออกไปตั้งใจลูบไล้กายหญิงสาวอย่างห้ามไม่อยู่ หวังชิงหว่านเบี่ยงกายหลบแล้วพูดขึ้น“ท่านพี่ ตอนนี้ก็สายมากแล้วพวกเราต้องไปยกน้ำชาคารวะผู้อาวุโสนะเจ้าคะ” เซียวอี้หยางพลันระลึกขึ้นได้ รีบเก็บงำความปรารถนาพูดขึ้น “น้องหญิง...ข้าจะเตรียมน้ำมาให้เจ้าล้างหน้าล้างตานะ รอสักครู่” พอลุกออกจากเตียงเขาก็มองเห็นเสื้อผ้าถอดทิ้งอยู่ข้างเตียงก็รีบก้มเก็บจากนั้นก็เดินออกไป หวังชิงหว่านมองตามสามีพลางอมยิ้ม เดิมควรเป็นภรรยาปรนนิบัติสามี ในเมื่อสามีนางไม่ถือ นางก็ไม่ถือ เซียวอี้หยางกลายร่างเป็นบุรุษสุภาพอ่อนโยนเช่นเดิม แต่ว่าความป่าดิบเถือนของตลอดทั้งคืนของอีกฝ่าย ทำให้หวังชิงหว่านสรุ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17

บทล่าสุด

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    ควบคุมง่าย

    หวังชิงหว่านนึกว่าเซียวอี้หยางจะหมดแรง ใกล้รุ่งเขาได้สติก็เสียบดันเข้ามาจากข้างหลัง ความใหญ่และยังเข้ามากระทันหันทำให้นางกระตุ้นเฮือกร้องอ๊ะขึ้น ความเสียวซ่าแล่นปราดขึ้นมาทำให้ชายหนุ่มไม่สนใจอันใด เขาเริ่มขยับบดเบียดส่วนนั้นก็เปียกแฉะอย่างเร็วเอวของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นดุดัน ความซาบซ่านทำให้หวังชิงหว่านรู้สึกพอใจกับการสัมผัสของชายหนุ่มทั้งขนาดและแรงกระแทกนับว่าชาตินี้แค่จุดนี้นางก็คุ้มค่าแล้ว ผ่านไปครู่ใหญ่เซียวอี้หยางก็เกร็งร่างกระตุ้นอย่างสุขสม เขาโอบกอดหญิงสาวอย่างอ้อยอิ่งแล้วพูดเสียงหวาน “ข้าจะไปเตรียมน้ำมาให้เจ้าล้างหน้าล้างตา” หวังชิงหว่านไม่ปฏิเสธนางยังกำชับเพิ่ม “นำผ้ามาด้วยข้าจะเช็ดเนื้อเช็ดตัว เปรอะเปื้อนไปหมดแล้ว” “ได้ ๆ ข้าจะจัดการเดี่ยวนี้” หวังชิงหว่านมองตามหลังสามี สัณชาตญาณบางอย่างบอกว่าชายหนุ่มมีบางอย่างผิดปกติ นางรู้สึกว่าทั้งการพูดคุยกับชายหนุ่มไหลลื่นเป็นธรรมชาติมากเกินไป ไม่มีการโต้แย้งเหมือนนางกำลังถูกควบคุม หวังชิงหว่านสะบัดหน้าทันที น่าจะเป็นเพราะนางอยู่หน่วยสายลับมานานทำให้หวาดระแวงมากเกินไป เซีย

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    เป็นมารดานั่นไม่ง่าย

    คนในสกุลเซียวจะรีบทานข้าวเย็นและเข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่อจะได้ตื่นเช้าไปทำนาแตกต่างจากเซียวอี้หยางที่บางวันจะมีสังสรรค์ข้างนอก บางคืนก็จะอ่านหนังสือจนดึก พวกเขาเลยแยกสำรับมาที่เรือนเซียวอี้หยางต่างหากและเซียวฮูหยินก็ไม่เคยจะลืมแยกอาหารดีๆ ไว้สำหรับลูกชายเป็นพิเศษ เรือนหลักสกุลเซียว ในมื้อเย็นวันนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นน่ายินดี แต่สีหน้านายท่านเซียวก็ยังมีความลังเล เขาขมวดคิ้วไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่บุตรชายและบุตรสาวกล่าว “พวกเจ้าแน่ใจนะ ว่านางเป็นคนจับปลาด้วยตัวเอง” ลี่อินเคี้ยวอาหารพลางพยักหน้ามองบิดาด้วยสายตาจริงจัง ลู่อันก็ยืนยันกล่าว “ข้ากับลี่อินเห็นด้วยตาตัวเองเลยขอรับ” ขณะนั้นลี่อินก็ล้วงเงินออกมาเอ่ย “นี่ลู่อัน...25 อีแปะพี่สะใภ้แบ่งค่าขายปลาให้พวกเรา” ลู่อันเบิกตาขึ้นเป็นประกายรีบยื่นมือไปรับ “พี่สะใภ้เป็นคนดีจริง ๆ ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ นางไม่เหมือนที่คนอื่นกล่าวลือเลยนะขอรับ” เซียวฮูหยินมองเงินในมือบุตรชายแล้วหันไปพูดกับสามี “ฟังจากที่อี้หยางเล่า...นางแตกต่างจากที่เขาเล่าลือจริง ๆ เจ้าค่ะ” ลี

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    ข่าวลือ

    ลี่อินลากรถลากตามหลังหวังชิงหว่านที่คล้ายกำลังมองหาบางอย่าง นางจึงเอ่ยถาม “พวกเราจะไปไหนต่อหรือเปล่าเจ้าคะ” “ข้าจำเป็นต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ ไปดูร้านผ้าตรงหน้าเถอะ” เอ่ยเสร็จนางก็เดินนำหน้าไปร้านแพรพรรณ หลงจู้เห็นคนเดินเข้ามาก็รีบออกมาต้อนรับ แต่ก็ต้องชะงักในความงามของหวังชิงหว่านอยู่ครู่ใหญ่ ด้วยเป็นร้านผ้าเล็ก ๆ จึงไม่เคยได้ต้อนรับลูกค้าที่เฉิดฉายเช่นนี้มาก่อน เด็กหนุ่มรีบดึงสติเอ่ยถามด้วยความขัดเขิน “ท่านต้องการผ้าไปตัดหรือเป็นชุดเลยขอรับ” หวังชิงหว่านยิ้มตอบพลางเอ่ย “ข้าอยากได้ชุดเรียบง่ายสักสามสี่ชุดแล้วก็ผ้าสำหรับตัดด้วย” “ถ้าอย่างนั้นท่านเลือกผ้าตรงนี้รอก่อนนะขอรับ ข้าจะไปเลือกชุดที่เหมาะสมกับท่านออกมาให้เลือก” หวังชิงหว่านหันไปลี่อินแล้วพูดขึ้น“เจ้าเย็บเสื้อผ้าได้หรือไม่” ลี่อินพยักหน้าตอบ “แม้ฝีมือข้าจะไม่ละเอียดแต่ก็นับว่าใช้การได้เจ้าค่ะ” “งั้นมาเลือกผ้าด้วยกันสิ...ถ้ายังไงก็เลือกไปเผื่อคนอื่น ๆ ด้วย เลือกไปเยอะๆ ถือว่าเป็นค่าจ้างเจ้าตัดให้ข้าด้วย” ลี่อินกะพริบตามองพี

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    ไม่รอบคอบ

    ในเรือนสกุลเซียวมีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าที่อยู่ในเรือน ส่วนบิดาและมารดายังไม่กลับจากทำนา ทั้งลี่อิน ลู่อันและเซียวอี้หยางก็มีหน้าที่ของตนเอง เหลือเพียงหวังชิงหว่านที่นั่งพักเอื่อยเฉื่อยอยู่ในที่นั่งหน้าเรือน นางเงยหน้ามองท้องฟ้าพลางคิดในใจ “สวรรค์ตอนนี้ข้าเริ่มจับปลาขายแล้วนะ...จากนี้ก็คงจะเป็นปลูกผัก ทำนา เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ ... นับว่าเป็นชีวิตเรียบง่ายที่ตามข้าร้องขอ...เฮ้อ! เอาเถอะถือว่าข้าไม่รอบคอบเอง...ที่ไม่ขอเงินด้วย”นางนึกบางอย่างได้กลับเข้าไปในเรือน ดึงหีบสินเดิมที่หวังฮูหยินกล่าวว่าจัดเตรียมให้ ความจริงแล้วทั้งหมดล้วนเป็นของใช้ส่วนตัวของนางที่บิดามอบให้ก่อนหน้า นางเปิดหีบหลายหีบออกมา “ล้วนเป็นเสื้อผ้าที่นำมาใส่ไม่ได้ทั้งนั้น....ของพวกนี้เอาไปขายเปลี่ยนเป็นเงินจะดีกว่า” นางในฐานะฮูหยินขุนนางบางส่วนก็ควรต้องเก็บไว้ จึงจัดแจงแยกของอยู่ครึ่งเค่อก็ได้ยินเสียงเด็กสาว “พี่สะใภ้ พี่สะใภ้” เสียงลี่อินตะโกนเรียกอยู่หน้าเรือน หวังชิงหว่านจึงเอ่ยตอบ “ลี่อินหรือ เข้ามาข้างในสิ” ผ้าม่านถูกเลิกขึ้นปรากฏเด็กสาวใบหน้ายิ้มแย้ม นางปร

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    นั่นคือคุณหนูเจ็ด

    “นะ...นางแต่งงานแล้ว..หรือว่า” เกาเวินเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก จางเคอหันมามองสหายขมวดคิ้วเล็กน้อยที่สหายไม่รู้เรื่องราว “นางคือคุณหนูเจ็ดจวนเสนาบดีหวัง”เกาเวินเบิกตากว้างอ้าปากค้างก่อนจะเอ่ย “นับว่านางงามสมควรรำลือ... มิน่าคุณชายรองกัวฉู่เหอจึงได้หลงใหล แต่เพราะนางเป็นบุตรสาวอนุจึงยังไม่ตบแต่ง” จางเคอมองไปยังหญิงสาวแล้วพูดต่อ“ข้าก็ไม่คาดคิดว่า สตรีเช่นนางจะยินยอมแต่งให้บุตรชายตระกูลชาวนา...” แผนการนี้กลับใช้ได้ผลเกาเวินมองตามเห็นหวังชิงหว่านยกหอกขึ้น ด้านปลายแหลมมีปลาตัวใหญ่ดิ้นอยู่ เขาคลี่ยิ้มมุมปากเอ่ย “แต่ดูนางจะปรับตัวได้ดี...รูปร่างอรชนบอบบางเช่นนั้น กลับจวงแทงไม่พลาดสักครั้ง” “นั่นสิ!! ข้ากลับรู้สึกว่าไม่รู้จักคุณหนูเจ็ดผู้นี้”เกาเวินหัวเราะฝืด “ทุกคนล้วนดิ้นรน ไม่แน่ว่าอยู่ตระกูลจวนนางอาจจะลำบากกว่านี้” ในขณะนั้นพวกเขาก็เห็นกลุ่มคนทหารม้ากำลังมาทางนี้ จึงหยุดวาจาแล้วก็กระโดดเข้าไปขวาง หวังชิงหว่านรู้สึกว่าสายตาที่จ้องมองหายไปแล้ว จึงชำเลืองมองเห็นเพียงปลายอาภรณ์สีดำ นางดึงสายตากลับลอบถอนหายใจพลางคิด “คนที่นี่คงมีกำลังภายในที่สามารถเหาะเห

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    เริ่มต้นด้วยการตัดฟืน

    เส้นทางขึ้นเขาย่อมไม่ใช่เส้นทางที่เดินได้อย่างเรียบง่าย เซียวอี้หยางเดินนำหน้าโดยมีหวังชิงหว่านเดินเคียงข้างไป ส่วนเด็กทั้งสองเดินรั้งท้าย พวกเขามองดูฝีเท้าจังหวะก้าวเดินของพี่สะใภ้ต่างก็ส่งสายตาคำถาม ลี่อินเอนตัวกระซิบ “พี่สะใภ้ดูจะเหมือนไม่ใช่คนขึ้นเขาครั้งแรก” ลู่อินพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นสิ ดูจะคล่องแคล่วยิ่งกว่าพวกเราเสียอีก” การเดินเขาไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหวังชิงหว่าน แต่ด้วยร่างกายอันบอบบางตอนนี้ทำให้นางเริ่มปวดเมื่อย แขนขาเริ่มไร้เรี่ยวแรง เซียวอี้หยางหันมาเห็นสีหน้าเหนื่อยล้าของอีกฝ่ายก็พูดขึ้น “อดทนอีกนิด...ป่าข้างหน้าก็จะเป็นที่ตัดฟืนแล้ว” สีหน้าของเด็กสาวแดงกร่ำ หันยิ้มตอบ “เจ้าค่ะ” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าบอกว่านางกำลังอดทนอย่างหนัก เด็กทั้งสองมองส่งสายตา พลางคิดว่าพวกเขาคงคิดมากเกินไป เห็นหวังชิงหว่านพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายทำให้เซียวอี้หยางรู้สึกชื่นชอบฮูหยินตัวเองขึ้นมากว่าเดิมหลายส่วน เดินมาไม่นานก็ถึงจุดตัดไม้ เซียวอี้หยางวางตระกร้าด้านหลังลงจากนั้นก็จัดแจงหาที่นั่งพักสำหรับวันนี้

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    สะใภ้สกุลชาวนา

    ตะวันทอแสงอ่อนเข้าผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนหวังชิงหว่านรู้สึกตัว นางลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ ร่างกายเหมือนสูบเรี่ยวแรง เห็นเซียวอี้หยางเปลือยกายนอนอยู่ด้านข้าง เหม่อมองอีกฝ่ายด้วยความเหนื่อยล้าพลางเอือมมือไปสะกิดอีกฝ่าย“ท่านพี่” ด้วยเนื้อเสียงของหญิงสาว เสียงที่เปล่งออกมาดูออดอ้อนด้วยความคำหวานทำให้เซียวอี้หยางได้สติลืมตาขึ้นมาทันที เห็นหวังชิงหว่านนอนเปลือยกายอยู่ข้าง ๆ ก็มองด้วยหลงใหล มือยื่นออกไปตั้งใจลูบไล้กายหญิงสาวอย่างห้ามไม่อยู่ หวังชิงหว่านเบี่ยงกายหลบแล้วพูดขึ้น“ท่านพี่ ตอนนี้ก็สายมากแล้วพวกเราต้องไปยกน้ำชาคารวะผู้อาวุโสนะเจ้าคะ” เซียวอี้หยางพลันระลึกขึ้นได้ รีบเก็บงำความปรารถนาพูดขึ้น “น้องหญิง...ข้าจะเตรียมน้ำมาให้เจ้าล้างหน้าล้างตานะ รอสักครู่” พอลุกออกจากเตียงเขาก็มองเห็นเสื้อผ้าถอดทิ้งอยู่ข้างเตียงก็รีบก้มเก็บจากนั้นก็เดินออกไป หวังชิงหว่านมองตามสามีพลางอมยิ้ม เดิมควรเป็นภรรยาปรนนิบัติสามี ในเมื่อสามีนางไม่ถือ นางก็ไม่ถือ เซียวอี้หยางกลายร่างเป็นบุรุษสุภาพอ่อนโยนเช่นเดิม แต่ว่าความป่าดิบเถือนของตลอดทั้งคืนของอีกฝ่าย ทำให้หวังชิงหว่านสรุ

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    ได้ออกจากกรงแล้ว

    แม้หวังชิงหว่านจะเป็นที่เอ็นดูของบิดาทว่ากลับไร้อิสระอย่างสิ้นเชิง ตอนเช้าต้องไปคารวะฮูหยินที่เรือนใหญ่ ตกบ่ายนั่งปักผ้าอยู่ภายในเรือน ร่างกายของนางอ่อนแอแค่เดินก็เหนื่อยแล้ว อยู่ในจวนใหญ่นางไม่รู้กำลังป้องกันของที่นี่เป็นอย่างไร จึงยังไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม นางทั้งเสแสร้งโง่เขลา เสแสร้างจำใจ เสแสร้งเชื่อฟัง อึดอัดเป็นที่สุด นางจึงเฝ้ารองานมงคลด้วยใจจดจ่อพร้อมกับบำรุงร่างกายที่บอบบางนี้ไปด้วยฉึก!!! ใบมีดถูกเหวี่ยงปักบนต้นไม้ หวังชิงหว่านยิ้มมุมปาก พลังแขนเริ่มฟื้นฟูขึ้นมาได้บ้างแล้วและในที่สุด!! ก็มาวันแต่งงานความอดทนนี้ได้สิ้นสุดเสียที นางเป็นเพียงบุตรอนุ งานแต่งจึงไม่ได้มีพิธีการมากนักทันทีที่นางขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวก็นับว่านางเป็นของตระกูลเซียวแล้ว เสียงประทัดดังขึ้นพร้อมเสียงคนตะโกน “เกี้ยวเจ้าสาวมาถึงแล้ว” สักพักก็มีคนมาเตะเกี้ยวหลังจากนั้นม่านเกี้ยวก็ปัดออก มือของบุรุษผู้หนึ่งยื่นเข้ามาประครองนางลงจากเกี้ยว หลังพิธีคำนับเสร็จพวกนางก็ถูกพาเข้าไปในห้องหอ ผ้าคลุ่มศีรษะของนางถูกเจ้าบ่าวดึงออกเบื้องหน้าของนางจึงสว่างวาบขึ้นมา มาตอนนี้หวังชิงหว่านพึ่งได

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    ยอมรับการแต่งงาน

    ช่วงเวลานี้ที่เรือนหลัก สวีเพ่ยเอนกายพูดคุยกับบุตรสาวที่มาเยี่ยมเยือนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หวังหรูเยว่รินชาให้มารดาแล้วพูดขึ้น “ในเมื่อนางใฝ่ต่ำอยากจะเป็นอนุ...ถึงกลับใช้ความตายเข้าแลก ท่านแม่ก็ควรให้นางสมปราถนา” สวีเพ่ยรู้ว่าบุตรสาวเอ่ยถึงผู้ใดก็แค่นเสียงกล่าวอย่างเย็นชา “แต่งออกไปเป็นอนุ แม้กระทั่งสินเดิมก็ไม่จำเป็นต้องจัดเตรียมแล้วเหตุใดแม่จะไม่ยินดี ทว่าตระกูลหวังเป็นตระกูลเก่าแก่มีรากฐานมาหลายปีหากแม่ยินยอมให้นางแต่งออกเป็นอนุจะถูกผู้อาวุโสตำหนิได้” หวังหรูเยว่หัวเราะร่าขึ้นมา “ท่านแม่ปกครองเรือนด้วยความเมตตา แม้กระทั่งบุตรของอนุก็จัดหาคู่ให้อย่างเหมาะสม แต่ครั้งนี้ก็นับว่าจนใจ...ท่านแม่ไม่มีทางเลือกแล้ว”สวีเพ่ยยิ้มตอบ “พ่อเจ้ากลับมาเย็นนี้ ข้าจะพูดเรื่องการยกเลิกการหมั้นหมายของหวังชิงหว่านที่ได้ตกลงไปก่อนหน้านี้”หวังหรูเยว่กุมมือมารดาขึ้นมา “ท่านแม่อย่าเสียใจไปเลยนะเจ้าค่ะ ยังเหลืองานแต่งของน้องอีกหลายคนที่ยังต้องให้ท่านแม่ไปจัดการ ยิ่งพี่ใหญ่ก็ยิ่งเห็นความหวังดีของท่านแม่อย่างแน่นอน” สวีเพ่ยตบมือบุตรสาวเบา ๆ เพื่อหาคู่ครองที่เหมาะสมจากตระกูลที่ดีให้

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status