โถงงานเลี้ยงในคฤหาสน์เต็มไปด้วยแขกมากหน้าหลายตาของเหล่าลูกหลานขุนนางชนชั้นสูง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่หญิงสาวชุดเดรสรัดรูปสีขาวกำลังถูกเจ้าของงานเลี้ยงวันเกิดพูดจาเหน็บแนม
“ข้านึกว่าเลดี้เคียร่าจะออกจากงานไปเสียแล้ว มางานวันเกิดแต่ไม่คิดว่ามีของขวัญให้เจ้าภาพงาน หรือว่าที่เลดี้มาคือจงใจอยากจะเป็นที่หมายตาของบุรุษหรือคะ”
โมอามองต่ำแสดงสายตาดูถูกดูแคลนใส่หญิงสาวใบหน้ายิ้มแย้ม
“นั้นสิคะ อย่างน้อยก็ขึ้นชื่อเป็นคนในตระกูลคราเรนซ์ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีมารยาทเอาเสียเลย”
ลูกสมุนของโมอาช่วยเสริมเติมแต่งหวังว่าจะทำให้เคียร่าหน้าเสียอีกครั้ง
“ของขวัญสำหรับเลดี้โมอามีแน่นอนค่ะ ไหน ๆ แล้วข้าอยากจะมอบความสุนทรีย์บรรเลงเปียโนให้กับทุกคนในงานเลี้ยงได้ฟังกันนะคะ”
“คนอย่างเลดี้เล่นเปียโนก็คงเป็นเพลงเพี้ยน ๆ เหมือนคราก่อน ข้าก็ไม่หวังกับเลดี้เคียร่าหรอกค่ะ”
โมอาแสยะยิ้ม เธอคิดไม่ถึงว่าเคียร่าจะกล้าเล่นดนตรีอีกครั้ง เพราะว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน ในงานออกสังคมครั้งแรกที่เคียร่าไป เธอได้บรรเลงเพลงให้ผู้คนมากมายได้ฟัง จนทั้งงานได้แต่ขนานนามหัวเราะถึงการเล่นดนตรียอดแย่ของเธอ
มือเรียวสวยวางมือลงบนเปียโน หลับตาลงนึกถึงอดีตชาติที่ผ่านมา ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นเด็กสาวเพียบพร้อม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียนหรือดนตรี เธอก็ทำมันได้ดีทุกอย่าง ทว่าระหว่างทางมันก็ช่างแสนสาหัสกว่าจะได้มาในสิ่งที่ต้องการ
เสียงเพลงบรรเลงไม่คุ้นหูดังก้องขึ้นในห้องโถง ทุกๆ คนเริ่มให้ความสนใจกับนักบรรเลงเปียโนหน้าใหม่ทว่าลีลาในขณะเล่นเปียโนนั้นราวกับมีแสงออร่าสว่างไสวอยู่รอบกายของหญิงสาว
เสียงเปียโนยังคงบรรเลงต่อกันเนิ่นนานโดยที่ทุกคนต่างก็เพลิดเพลินที่ได้ฟัง รู้สึกเหมือนได้รับการปลอบประโลมจากเทพธิดา
เมื่อเสียงเปียโนไพเราะเสนาะหูจบลง เสียงตบมือออกนอกหน้านอกตาขององค์ชายอาร์มิสทำให้ผู้คนก็เริ่มคล้อยตามตบมือกัน
“หวังว่าจะชอบนะคะเลดี้โมอา”
“เจ้า!….” โมอากำมือแน่นดวงตาแดงก่ำด้วยความหงุดหงิด เธอไม่คิดเลยว่าเคียร่าจะแย่งความสนใจจากทุกคนได้แบบพลิกจากหลังมือเป็นหน้ามือได้เร็วขนาดนี้ ทว่าไม่ทันได้พูดอะไรมากนักก็มีเลดี้และบุรุษบางคน ที่ไม่ค่อยถูกกับโมอาเริ่มทยอยเข้าหาเคียร่าอย่างล้นหลามจนโมอาถูกดันตัวให้ออกห่างจากเคียร่า กลายเป็นเงาจืดจางจนไม่มีใครสนใจ
“เลดี้เคียร่าเล่นเพลงอะไรคะ เพราะมากเลย”
“ไม่ทราบว่าไปดื่มชากันไหมครับ”
“ข้าอยากให้เลดี้แนะนำครูสอนดนตรีบ้างค่ะ”
คำถามมากมายจากเหล่าเลดี้และบุรุษหนุ่มทำให้เคียร่าเริ่มอึดอัด เธอก็ไม่คิดเหมือนกันกว่าจะได้รับความสนใจมากขนาดนี้ แค่อยากจะหักหน้าโมอานิดหน่อย
คนพวกนี้ช่างน่ารำคาญจริงๆ ทำไมข้าต้องมาตอบคำถามพวกที่ไม่เคยรู้จักกันด้วย
“ข้าขอยืมตัวเลดี้เคียร่าหน่อยนะ” อาร์มิสแทรกตัวเข้ามาจับมือเคียร่าออกจากวงล้อม โดยที่ไม่มีใครกล้าทักท้วงชายผู้สูงศักดิ์ได้แม้แต่น้อย
เขาพาเธอออกมายืนรับลมตรงระเบียงโดยที่มีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่หน้าประตูเพื่อไม่ให้หน้าไหนเข้ามารบกวนเวลาส่วนตัวของเขา
“องค์ชายพาหม่อมฉันออกมาแบบนี้ไม่เป็นอะไรหรือเพคะ แล้วเลดี้แอมเบอร์ล่ะคะ”
“ไม่เป็นไร ข้าเห็นว่าเจ้าดูลำบากใจกับคนพวกนั้น อีกอย่างข้าก็คิดถึงเจ้าด้วย”
“หม่อมฉันขอบคุณเพคะที่องค์ชายทรงคิดถึงหม่อมฉัน” เคียร่าก้มหัวขอบคุณด้วยใบหน้าเรียบเฉย
เป็นการกระทำที่อาร์มิสไม่เคยเห็น ท่าทางห่างเหินไม่สมกับเป็นตัวเอง โดยปกติแล้วเคียร่าต้องยิ้มหวานให้เขาและบอกคิดถึงเขากลับ ทว่าใบหน้าของเธอดูเย็นชาและแววตาก็แข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงดูห่างเหินข้าเพียงนี้ หรือว่าโกรธที่ข้ามากับเลดี้แอมเบอร์งั้นเหรอ ที่ข้ามากับนางมันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ นะ”
“หม่อมฉันไม่ได้โกรธเพคะ หม่อมฉันใช้เวลาคิดมาสักพักแล้วกับเรื่องระหว่างเรา หม่อมฉันอยากให้มันจบเพียงเท่านี้ เราคงไปด้วยกันไม่ได้หรอกเพคะ...”
“เจ้าพูดอะไรข้าไม่เห็นเข้าใจ... ข้าขอแค่ให้เจ้ารอไม่กี่อึดใจ ถ้าเจ้าไม่สบายใจข้าจะไปเรียนท่านพ่อขอถอดหมั้นกับเลดี้แอมเบอร์เดี๋ยวนี้เลย”
สีหน้าอาร์มิสซีดเผือดลงทันที เขาไม่เข้าใจสิ่งที่หญิงสาวพูดแม้แต่น้อย มันไม่มีเหตุผลหรือที่มาที่ไปเลย
“หม่อมฉันไม่ได้รักองค์ชายอาร์มิสแล้วเพคะ...”
เคียร่าเหลือบมองไปยังชายชุดดำที่นั่งอยู่บนต้นไม้ ชายชุดดำยิ้มเยาะออกมาด้วยความพอใจ ดูเหมือนว่าเขาจะคอยจับตาดูเธออยู่
เพื่อเพิ่มความเชื่อใจกับองค์ชายเฮลิออส ข้าต้องบอกเลิกกับอาร์มิสต่อหน้าเขา ถึงแม้การบอกเลิกจะเจ็บปวดต่ออาร์มิสก็ตาม...
ถ้าอยากขจัดความยุ่งยากออกไป เธอต้องตัดขาดกับอาร์มิสให้ได้โดยเร็ว
“เจ้าล้อเล่นใช่ไหมเคียร่า... อย่ามาเล่นตลกหน่อยเลย ข้าไม่เชื่อ” เขาฝืนยิ้มและหัวเราะออกมา มือหนากำแน่น ยกขึ้นทุบราวระเบียงอย่างแรง รู้สึกได้ถึงความเจ็บแล่นผ่าน ยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นตรงนี้ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน
“หม่อมฉันไม่ได้รักองค์ชายแล้วเพคะ อีกอย่างหม่อมฉันก็ไม่ได้อยากถูกเรียกว่าหญิงชู้อีกต่อไปแล้ว”
เคียร่ายังคงน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่สั่นไหว
“งั้นพิสูจน์สิ ถ้าเจ้าหมดรักข้า เจ้าต้องไม่รู้สึกหวั่นไหวกับข้า”
อาร์มิสคว้าเอวเล็กเข้ากอดใบหน้าคมก้มมองลงคนตัวเล็กกว่า
“ถ้าเจ้าไม่หวั่นไหวก็จูบข้า...”
“ไม่เพคะ”
ชายร่างสูงไม่ฟังคำปฏิเสธ ถือโอกาสจับคางเรียวเชยขึ้นพร้อมก้มหน้าลง ละเลงจูบดูดดื่ม ริมฝีปากหนาดูดดึงริมฝีปากบาง ก่อนจะค่อย ๆ ดุนลิ้นเข้าไปในโพรงปากอุ่นไล่เลียตามไรฟันและตวัดลิ้นหยาบโลน รสสัมผัสดุดันที่มากกว่าทุกครั้ง ทำให้เคียร่าเคลิ้มไปชั่วขณะหนึ่ง
มือหนาถกชุดเดรสเลิกขึ้นและล้วงเข้าไปเข้าในกางเกงชั้นในตัวบาง เขาจับแก้มก้นของเธอบีบคลึงไปมาก่อนจะเลื่อนมือมาข้างหน้าสัมผัสระหว่างขา ใช้นิ้วเรียวถูเสียดสีกลีบกุหลาบผ่านผ้าบาง และค่อย ๆ ดันนิ้วเข้าไปในช่องทางคับแคบ
“อื้อ...” เสียงครางอู้อี้ในลำคอ ทำให้อาร์มิสจูบรุนแรงและเร่าร้อนมากขึ้น
ชายหนุ่มบนต้นไม้ยังคงมองดูเหตุการณ์ตรงระเบียง เฮลิออสแสดงสีหน้าถมึงทึง พร้อมกัดฟันกรอดอย่างไม่พอใจ ฝ่ามือใหญ่กำแน่นทุบไปที่ลำต้นไม้จนนกบนรังตื่นตระหนกรีบบินออกมาจากต้นไม้
เศษใบร่วงหล่นออกจากลำต้นพร้อมเสียงนกร้อง
เคียร่าพร่าเบลอไปชั่วขณะก็ได้สติขึ้น เธอใช้แรงผลักอาร์มิสออกพร้อมก้มหน้ามองพื้น รู้สึกถึงความร้อนบนใบหน้า
เธอยังมีความรู้สึกหวั่นไหวกับอาร์มิสและรู้สึกมีอารมณ์กับสิ่งที่เขาทำจนเกือบคล้อยตามกับสัมผัสอันคุ้นเคย
“พอได้แล้วเพคะ! หม่อมฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับองค์ชายแล้ว เลิกกับหม่อมฉันเถอะเพคะ...”
แววตาแน่วแน่จ้องมองอย่างแข็งกร้าวยิ่งทำให้คนตรงหน้ายอมรับไม่ได้
“หมดรักข้าแต่ยังมีอารมณ์อย่างงั้นเหรอ” อาร์มิสชูนิ้วเรียวยาวที่ชุ่มด้วยน้ำเหนียวเหนอะหนะก่อนจะดูดนิ้วชิมน้ำหวานนั่นต่อหน้าเธอ
แววตาตื่นตระหนกพร้อมใบหน้าแดงระเรื่อ เธอรีบคว้าข้อมือของชายหนุ่มเพื่อห้ามปรามไม่ให้เขาทำเรื่องน่าเกลียด
“มันสกปรก...อย่าทำอย่างนั้นเลยเพคะ..”
“เคียร่า เงยหน้ามองข้าแล้วอ้าปากซะ”
น้ำเสียงทุ้มเอ่ยบอกคนตรงหน้า
ด้วยความเคยชินต่อคำสั่งของอาร์มิส ริมฝีปากอวบอิ่มเลยเผยออกเล็กน้อย
อาร์มิสเกลี่ยแก้มนุ่มก่อนจะค่อย ๆ ยัดนิ้วโป้งเข้าไปในโพรงปาก ดวงตาสีอำพันที่เคยอ่อนโยนกลับแปรเปลี่ยนเป็นแววตาคมกริบดุจเสือร้ายที่ตื่นจากการจำศีล
ฟันคมกัดนิ้วอาร์มิสอย่างแรง และผลักร่างสูงให้ห่างจากตัวเอง
“เพราะองค์ชายทำแบบนี้กับหม่อมฉัน บังคับในสิ่งที่ไม่ชอบจนมันอึดอัด มันทำให้หม่อมฉันลืมเลือนความรักที่ให้องค์ชายไปแล้ว...”
“ถ้าเจ้าไม่ชอบแล้วทำไมไม่ปฏิเสธหรือบอกข้า”
“ก็เพราะว่าท่านคือองค์ชายไงเพคะ... หม่อมฉันเหนื่อยแล้วขอหม่อมฉันอยู่คนเดียวเถิดเพคะ”
อาร์มิสยืนนิ่ง เขารู้สึกสับสนและไม่เข้าใจการการะทำของหญิงสาว เธอหมดรักเขาจริงๆ งั้นเหรอ เขาไม่อยากจะยอมรับสิ่งนี้เลย ตลอดที่คบกัน2ปีเราไม่เคยทะเลาะหรือโต้เถียงกันเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะเรื่องใหญ่แค่ไหน หรือแม้กระทั่งเรื่องที่เขาต้องหมั้นกับหญิงอื่น เคียร่าก็พร้อมเข้าใจแล้วยังอยู่เคียงข้างเรื่อยมา เธอที่เคยสดใสตลอดเวลา กลับดูเฉยเมยและเย็นชาไม่เหมือนเมื่อก่อน
“ข้าจะให้เวลาเลดี้กลับไปคิดทบทวน ถ้าตัดสินใจว่าอยากจะเลิกกับข้า ให้มาพบข้าที่วังรองคืนพรุ่งนี้”
อาร์มิสพูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนจะเดินกลับเข้าไปในโถงงานเลี้ยง
“เฮ้อ... ข้าเหนื่อยจริงๆ การบอกเลิกผู้ชายทำไมมันยากขนาดนี้” เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ และยกมือขึ้นกุมขมับ
“ถ้ามันเลิกกันยาก ให้ข้าช่วยไหม” เสียงทุ้มเข้มกระซิบข้างหูหญิงสาว เธอใช้มือดันหน้าเฮลิออสให้ออกห่างจากใบหู
“ท่านจะช่วยยังไงล่ะคะ”
“ก็มาแต่งงานกับข้าไง มาเป็นคนของข้า จะได้เรียกใช้งานได้สะดวก”
“ท่านไม่กลัวโดนหักหลังเหรอคะ ไว้ใจแล้วหรือ? ” เคียร่ายิ้มเยาะ เธอไม่คิดจะอยากจะแต่งงานผูกมัดกับเขาสักนิด เพราะมันอาจทำให้แผนการของเธอผิดพลาดได้
“ถ้าโดนหักหลังก็แค่ฆ่าทิ้ง จะยังไงถ้าเจ้าแต่งกับข้ามันก็ไม่มีอะไรเสียหายถ้าเจ้าอยู่ข้างข้าจริง ๆ”
“หม่อมฉันยังไม่อยากแต่งเพคะ ท่านก็รู้ว่าเป้าหมายของหม่อมฉันคืออะไร ช่างเรื่องนี้เถอะ มีเรื่องให้คิดมากเกินไป แล้วนี่ก็ใกล้เลิกงานเลี้ยงแล้ว เรามีธุระสำคัญในคืนนี้กันนะคะ”
“ก็ได้...ทำตามใจที่ต้องการเลย..เลดี้เคียร่า...”
ทหารนายหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นตระหนกเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของบารอนด์วาเลียอย่างรีบร้อนปัง!“ท่านบารอนด์! มีคนบุกรุกโกดังชั้นใต้ดินมันเผาโกดังมอดไหม้ไปทั่วแล้วขอรับ!! พวกทาสหนีออกหายไปหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียวเลยครับ!”เสียงประตูดังขึ้นทำให้บารอนด์ตื่นจากภวังค์ เขารีบลุกออกจากเตียงนอนเปิดหน้าต่างเพื่อตรวจสอบสิ่งที่ทหารพูด พื้นที่โกดังซึ่งมองเห็นได้ชัดเกิดไฟไหม้ควันฟุ้งลอยเหนือชั้นบรรยากาศ“ใครกันมันกล้ามาหยามข้าขนาดนี้! ดูแลประสาอะไรวะ! รีบไปจับตัวคนบุกรุกมาให้ข้า!!” เสียงโวยวายของชายวัยกลางคนด่ากราดด้วยความโกรธเกรี้ยว“คือว่า...ผู้บุกรุกได้ทำร้ายทหารของเราจนแน่นิ่งไปหมดแล้วครับ...” ทหารตัวใหญ่แสดงความหวาดเกรงมือไม้สั่นปากสั่นเทา“อะไรกัน! มันมีกันเยอะงั้นเหรอ!”“มีผู้ชาย 2 คน คะ ครับ.. มันลอบทำร้ายทหารของเราทีละคน ก่อนจะรู้ตัวพวกทหารก็สลบกันไปหมดแล้วครับ!”ปัก!!! เสียงถีบหลังบารอนด์จากคนชุดดำที่ลอยตัวเข้ามาจากทางหน้าต่าง ตัวบารอนด์ได้กระเด็นตามแรงถีบนอนกลิ้งส่งเสียงโอดครวญอยู่บนพื้นพรมผืนหรู“จะ เจ็บ..” บารอนด์หันไปมองหาความช่วยเหลือจากทหาร ทว่าทหารคนนั้นก็ได้สลบไปแล้ว คนชุดดำสองคนที่บุ
“องค์ชายเฮลิออสมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิอีเมอร์สันชายวัยกลางอายุราว50ปีผู้มีเรือนผมสีบลอนด์สว่างไสวเหมือนกับอาร์มิสและมีนัยน์ตาสีอเมทิสต์เหมือนกับเฮลิออส ใบหน้านิ่งขรึมไร้อารมณ์ถึงแม้ว่าจะทำงานเอกสารกองเท่าภูเขาอยู่แต่ก็ไม่แสดงถึงความเหน็ดเหนื่อยออกมาเลยแม้แต่น้อยอีเมอร์สันวางปากกาพร้อมกวาดตามองต่อคนที่มาเยือน“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท...”“ได้ข่าวว่าเจ้ามาถึงเมืองหลวงแรมเดือน ทำไมถึงพึ่งจะมาเข้าเฝ้าเรา” อีเมอร์สันเอ่ยเสียงเรียบนิ่งนัยน์ตาสีอเมทิสต์จ้องมองราวกับตานกอินทรี ทั้งดุดัน และน่าเกรงขาม“กระหม่อมเหนื่อยล้ากับการเดินทาง เลยต้องการพักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรงดี อีกอย่างกระหม่อมอยากเที่ยวชมเมืองหลวงที่ไม่ได้กลับมาแสนนานด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“เราเข้าใจได้ ขอบใจที่เจ้าชนะสงครามแดนเหนือและกลับมาที่เมืองหลวง ผลงานที่เจ้าสร้างไว้เพื่อจักรวรรดิเราจะตอบแทนให้สมกับที่เจ้าทำไว้”เฮลิออสยกยิ้มราวกับว่าคำพูดของอีเมอร์สันเป็นอย่างที่เขาคาดหวังไว้“กระหม่อมไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ แค่อยากกลับมาอยู่ในที่ที่เคยอยู่ก็เพียงพอแล้ว...”อีเมอร์สันรู้ความต้องการของเฮลิออสลูกชายของตนเป็นอย่างดี การมาเยือนขอ
ตอนที่13ใช่พระเอกในนิยายจริงๆ เหรอตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ ห
ตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ หม่อมฉันหวังว่าองค์ชายจะลืมหม่อมฉันได
“เคียร่า… วันนี้เจ้าก็ยังคงงดงามเช่นเคย ข้าอยากจะป่าวประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าหญิงที่งดงามดุจเทพธิดาเป็นของข้าเพียงผู้เดียว” “องค์ชายอาร์มิสเพคะ ทำไมพระองค์ถึงดีกับข้าเช่นนี้ ข้าไม่อาจคู่ควรยืนข้างกายท่านเลยด้วยซ้ำ ถ้าเลดี้แอมเบอร์ได้ยินที่ท่านพูด เลดี้คงเสียใจเป็นอย่างมาก” ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ในสวนหลังพระราชวัง ลมเย็นพัดผ่านเป็นระลอกทำให้ใบไม้ไหวไปมา เรือนผมสีเงินของเคียร่าพริ้วไสว เผยให้เห็นประกายตาสีแดงมรกตที่แฝงไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน ราวกับดึงดูดทุกสายตาที่จ้องมองอาร์มิสช้อนคางเรียวของเธอขึ้น ใบหน้าคมสันยิ้มละไมก่อนโน้มเข้ามาใกล้ ดวงตาสีอำพันที่เต็มไปด้วยความหลงใหลจับจ้องลึกลงไปในดวงตาของเธอ “เพราะว่าข้ารักเจ้าไง เคียร่า…”เสียงทุ้มต่ำเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะสัมผัสเบาๆ กับริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอแต่เพียงชั่วขณะเดียว เสียงเรียบนิ่งกลับดังขึ้นขัดจังหวะของทั้งคู่ “ถ้าใครมาเห็นเข้า เรื่องซุบซิบนินทาของข้ารับใช้คงเลยเถิดและเสียภาพลักษณ์ขององค์รัชทายาทแน่เลยเพคะ...”อาร์มิสผละออกจากเคียร่าอย่างรวดเร็วแล้วหันไปยังต้นเ
คุณหนูผู้เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและผลการเรียน เติบโตขึ้นในตระกูลที่ร่ำรวย ทว่ากลับถูกกดขี่ให้อยู่ภายใต้กรอบที่พ่อแม่สร้าง ทุกสิ่งต้องสมบูรณ์แบบ ห้ามมีข้อผิดพลาด ต้องทำตามแผนที่พ่อแม่กำหนด ไม่อาจเล่นสนุกได้เหมือนเด็กทั่วไปได้ กิจวัตรประจำวันของเธอคือการอ่านหนังสือ หากวันใดดื้อรั้นไม่ยอมอ่านหนังสือ เธอจะถูกขังในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ไร้หน้าต่างและแสงสว่าง การลงโทษนี้ยิ่งตอกย้ำความอึดอัดที่ต้องเผชิญ ทุกการกระทำถูกควบคุมอย่างเคร่งครัด แม้แต่ความป่วยทางจิตใจที่เกิดขึ้นจากความกดดันนั้น พ่อแม่ก็ยังเพิกเฉยไม่ยอมพาไปรักษาเพราะกลัวจะเสื่อมเสียชื่อเสียงที่ลูกสาวคนเดียว เป็นบ้าเมื่ออายุครบ 20 ปี เธอทำตามความต้องการของพ่อแม่จนสำเร็จทุกอย่าง จนผู้คนต่างเรียกว่าอัจฉริยะเป็นเพียงสิ่งที่พ่อแม่สร้างขึ้นเพื่อประดับบารมีของตระกูล หญิงสาวปรารถนาจะหลุดพ้นจากกรงทองที่กักขังเธอไว้ เมื่อถึงที่สุด เธอเลือกปลดปล่อยตัวเองจากความทุกข์ด้วยการกระโดดตึกเพื่อคืนอิสรภาพให้ตัวเองเด็กสาวคนนั้นคืออดีตชาติที่แล้วของเคียร่า หลังจากตกลงไปในบ่อน้ำก็ตระหนักได้ว่าพลังของนักบุญหญิงตื่นขึ้น และค่อย ๆ ระลึกอดีตชาติได้ถึงจะเป็นภ
จักรวรรดิคอสมอสไซรัส ปกครองโดยจักรพรรดิ อีเมอร์สัน และจักรพรรดินีแคโรลีน ทั้งสองมีพระโอรสด้วยกันหนึ่งพระองค์ คือองค์ชายอาร์มิส ส่วนองค์ชายเฮลิออสเป็นบุตรนอกสมรสของอีเมอร์สันก่อนได้ขึ้นครองราชย์พบรักกับยูเรียนที่เสียชีวิตไปแล้ว องค์ชายเฮลิออสจึงไม่ได้รับความนิยมจากเหล่าขุนนางสักเท่าไหร่เนื่องด้วยเขาถูกส่งตัวไปออกรบทำสงครามอยู่ตลอด ทว่าก็ไม่ได้รับความชื่นชอบอยู่ดี เพราะตระกูลขุนนางส่วนมากจะอยู่ฝ่ายจักรพรรดินี สนับสนุนองค์ชายอาร์มิสเป็นมกุฎราชกุมาร ตระกูลขุนนางหลักมี 6 ตระกูลด้วยกัน ปกครองตามแคว้นต่างๆ และมีอำนาจรองลงมาจากราชวงศ์ เหล่าชนชั้นสูงจะมีเวทมนตร์ประจำตระกูล ได้แก่ เวทแห่งแสง เวทแห่งความมืด เวทไฟ เวทน้ำ เวทลม และเวทดิน อีกทั้งยังมีพลังศักดิ์สิทธิ์ของผู้ที่นับถือในพระเจ้า หรือพลังของนักบุญซึ่งได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์มาตั้งแต่กำเนิด “ถ้าจะดึงองค์ชายเฮลิออสที่หวังจะปองร้ายข้าอยู่แล้ว คงต้องเดินตามเส้นทางเนื้อเรื่องเสียหน่อย” ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์องค์ชายอาร์มิสส่งจดหมายเรียกพบเคียร่าไปที่วัง ร่างกายที่แทบจะไม่มีแรงเดินเพราะขาดสาร
ร่างกายแสนบอบบางฟุบนอนบนเตียง พลางหวนนึกถึงช่วงเวลาที่เจอชายหนุ่มผมสีน้ำเงิน แม้ว่าตอนแรกจะจำไม่ได้ แต่พอเขาลืมตาจ้องมองด้วยแววตาดุร้ายบวกกับสีตาอันเป็นเอกลักษณ์ เขาคือ องค์ชายเฮลิออส ไซรัส ผู้มีใบหน้าหล่อร้าย ฉลาดเป็นกรด แถมจิตใจอำหิต ถ้าตามอนาคตในนิยาย เฮลิออสเป็นคนลอบทำร้ายองค์ชายอาร์มิส เธอต้องการเบี่ยงเบนความสนใจ และหวังว่าเขาจะตกหลุมพรางที่เธอได้วางเหยื่อล่อไว้แล้วโครก โครก เสียงท้องร้องดังกังวาน ความหิวจากการไม่ได้รับสารอาหารครบถ้วนทำให้ร่างกายเริ่มทรมานและหมดแรง เป็นเวลาหลายวันที่ดัชเชสสั่งสาวใช้ไม่ให้ยกอาหารมาเสิร์ฟในตอนเย็นเพื่อต้องการให้เธอมีหุ่นผอมเพรียวเป็นกุลสตรี หรือกลั่นแกล้งกันแน่ก็ไม่อาจเข้าใจได้ตระกูลคราเรนซ์สืบเชื้อสายมาจากนักเวทรักษาผู้มีพลังคล้ายกับพลังศักดิ์สิทธิ์ซึ่งพระสันตะปาปาจะมอบพรเศษเสี้ยวพลังของพระเจ้าให้ แต่ว่าเวทแสงยังด้อยกว่ามากและอยู่รั้งท้ายของตระกูลอื่น ๆ คนในตระกูลคราเรนซ์เหล่าเครือญาติข้าราชบริพารส่วนมากจึงหันไปเอาดีทางด้านนักบวช อัศวิน ตำแหน่งต่าง ๆ ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ส่วนฟานาตอนนี้เป็นนักบุญฝึกหัดอยู่ที่วิหาร และอัลเบิร์ตเป็นอัศวินศักดิ์สิท
ตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ หม่อมฉันหวังว่าองค์ชายจะลืมหม่อมฉันได
ตอนที่13ใช่พระเอกในนิยายจริงๆ เหรอตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ ห
“องค์ชายเฮลิออสมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิอีเมอร์สันชายวัยกลางอายุราว50ปีผู้มีเรือนผมสีบลอนด์สว่างไสวเหมือนกับอาร์มิสและมีนัยน์ตาสีอเมทิสต์เหมือนกับเฮลิออส ใบหน้านิ่งขรึมไร้อารมณ์ถึงแม้ว่าจะทำงานเอกสารกองเท่าภูเขาอยู่แต่ก็ไม่แสดงถึงความเหน็ดเหนื่อยออกมาเลยแม้แต่น้อยอีเมอร์สันวางปากกาพร้อมกวาดตามองต่อคนที่มาเยือน“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท...”“ได้ข่าวว่าเจ้ามาถึงเมืองหลวงแรมเดือน ทำไมถึงพึ่งจะมาเข้าเฝ้าเรา” อีเมอร์สันเอ่ยเสียงเรียบนิ่งนัยน์ตาสีอเมทิสต์จ้องมองราวกับตานกอินทรี ทั้งดุดัน และน่าเกรงขาม“กระหม่อมเหนื่อยล้ากับการเดินทาง เลยต้องการพักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรงดี อีกอย่างกระหม่อมอยากเที่ยวชมเมืองหลวงที่ไม่ได้กลับมาแสนนานด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“เราเข้าใจได้ ขอบใจที่เจ้าชนะสงครามแดนเหนือและกลับมาที่เมืองหลวง ผลงานที่เจ้าสร้างไว้เพื่อจักรวรรดิเราจะตอบแทนให้สมกับที่เจ้าทำไว้”เฮลิออสยกยิ้มราวกับว่าคำพูดของอีเมอร์สันเป็นอย่างที่เขาคาดหวังไว้“กระหม่อมไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ แค่อยากกลับมาอยู่ในที่ที่เคยอยู่ก็เพียงพอแล้ว...”อีเมอร์สันรู้ความต้องการของเฮลิออสลูกชายของตนเป็นอย่างดี การมาเยือนขอ
ทหารนายหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นตระหนกเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของบารอนด์วาเลียอย่างรีบร้อนปัง!“ท่านบารอนด์! มีคนบุกรุกโกดังชั้นใต้ดินมันเผาโกดังมอดไหม้ไปทั่วแล้วขอรับ!! พวกทาสหนีออกหายไปหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียวเลยครับ!”เสียงประตูดังขึ้นทำให้บารอนด์ตื่นจากภวังค์ เขารีบลุกออกจากเตียงนอนเปิดหน้าต่างเพื่อตรวจสอบสิ่งที่ทหารพูด พื้นที่โกดังซึ่งมองเห็นได้ชัดเกิดไฟไหม้ควันฟุ้งลอยเหนือชั้นบรรยากาศ“ใครกันมันกล้ามาหยามข้าขนาดนี้! ดูแลประสาอะไรวะ! รีบไปจับตัวคนบุกรุกมาให้ข้า!!” เสียงโวยวายของชายวัยกลางคนด่ากราดด้วยความโกรธเกรี้ยว“คือว่า...ผู้บุกรุกได้ทำร้ายทหารของเราจนแน่นิ่งไปหมดแล้วครับ...” ทหารตัวใหญ่แสดงความหวาดเกรงมือไม้สั่นปากสั่นเทา“อะไรกัน! มันมีกันเยอะงั้นเหรอ!”“มีผู้ชาย 2 คน คะ ครับ.. มันลอบทำร้ายทหารของเราทีละคน ก่อนจะรู้ตัวพวกทหารก็สลบกันไปหมดแล้วครับ!”ปัก!!! เสียงถีบหลังบารอนด์จากคนชุดดำที่ลอยตัวเข้ามาจากทางหน้าต่าง ตัวบารอนด์ได้กระเด็นตามแรงถีบนอนกลิ้งส่งเสียงโอดครวญอยู่บนพื้นพรมผืนหรู“จะ เจ็บ..” บารอนด์หันไปมองหาความช่วยเหลือจากทหาร ทว่าทหารคนนั้นก็ได้สลบไปแล้ว คนชุดดำสองคนที่บุ
โถงงานเลี้ยงในคฤหาสน์เต็มไปด้วยแขกมากหน้าหลายตาของเหล่าลูกหลานขุนนางชนชั้นสูง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่หญิงสาวชุดเดรสรัดรูปสีขาวกำลังถูกเจ้าของงานเลี้ยงวันเกิดพูดจาเหน็บแนม“ข้านึกว่าเลดี้เคียร่าจะออกจากงานไปเสียแล้ว มางานวันเกิดแต่ไม่คิดว่ามีของขวัญให้เจ้าภาพงาน หรือว่าที่เลดี้มาคือจงใจอยากจะเป็นที่หมายตาของบุรุษหรือคะ”โมอามองต่ำแสดงสายตาดูถูกดูแคลนใส่หญิงสาวใบหน้ายิ้มแย้ม“นั้นสิคะ อย่างน้อยก็ขึ้นชื่อเป็นคนในตระกูลคราเรนซ์ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีมารยาทเอาเสียเลย”ลูกสมุนของโมอาช่วยเสริมเติมแต่งหวังว่าจะทำให้เคียร่าหน้าเสียอีกครั้ง“ของขวัญสำหรับเลดี้โมอามีแน่นอนค่ะ ไหน ๆ แล้วข้าอยากจะมอบความสุนทรีย์บรรเลงเปียโนให้กับทุกคนในงานเลี้ยงได้ฟังกันนะคะ”“คนอย่างเลดี้เล่นเปียโนก็คงเป็นเพลงเพี้ยน ๆ เหมือนคราก่อน ข้าก็ไม่หวังกับเลดี้เคียร่าหรอกค่ะ”โมอาแสยะยิ้ม เธอคิดไม่ถึงว่าเคียร่าจะกล้าเล่นดนตรีอีกครั้ง เพราะว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน ในงานออกสังคมครั้งแรกที่เคียร่าไป เธอได้บรรเลงเพลงให้ผู้คนมากมายได้ฟัง จนทั้งงานได้แต่ขนานนามหัวเราะถึงการเล่นดนตรียอดแย่ของเธอมือเรียวสวยวางมือลงบนเปียโน หลับตาลงนึก
“คุณหนู! ทำไมกลับมาเสียเช้า รู้ไหมข้าเป็นกังวลแทบบ้า!” หญิงสาวแต่งตัวใส่ชุดนอนของผู้เป็นนายดีดตัวลงออกจากเตียงและบ่นกับเคียร่าที่พึ่งกลับมาถึงตอนรุ่งเช้า“เกิดเหตุนิดหน่อยน่ะ ขอบใจนะที่แสดงเป็นข้า”เคียร่ายิ้มหวานพลันลูบหัวโรสอย่างเอ็นดู“ใจข้าว้าวุ่นขนาดไหน...นึกว่าคุณหนูจะไม่กลับมาเสียแล้ว” โรสขมวดคิ้วพร้อมแสดงหน้าน้อยใจ ถ้าเจ้านายไม่กลับมาเธอคงต้องออกตามหาผู้เป็นนายอย่างบ้าคลั่งเป็นแน่“เอาน่า วันนี้เรามีนัดสำคัญข้าจะพลาดไปได้ไง และข้าก็ได้เอกสารหลักฐานมาครบแล้ว คืนนี้เราจะเอาคืนตระกูลวาเลียกัน”ใบหน้าสวยเจ้าเล่ห์แสยะยิ้ม ทำเอาโรสถึงกับใจเต้นแรง เธอรู้สึกชอบบุคลิกนี้ของเจ้านายที่สุด โดยปกติเมื่อคุณหนูอยู่ต่อหน้าคนอื่นการแสดงสีหน้าและท่าทางจะกลายเป็นคนละคนกับตอนนี้เคียร่าต้องแสดงเป็นหญิงสาวใสซื่อ อ่อนแอไม่สู้คนอยู่ตลอด แต่พอได้พ้นสายตาผู้อื่นไป ก็จะแสดงอีกตัวตนหนึ่งออกมาจนตอนนี้โรสเริ่มชินและเข้าใจเจ้านายของตัวเองมากขึ้นแล้วเฮลิออสหยิบโน้ตบนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาอ่านและคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ถ้าเธอรู้ว่าเขาทำอะไรลงไปคงโดนตราหน้าว่าเป็นพวกโรคจิตเป็นแน่ร่างสูงจัดแจงใส่เสื้อผ้าให้เร
ระเบียงห้องนอนเริ่มถูกประดับไปด้วยกระถางดอกลิลลี่สีขาวมองกันเผิน ๆ ก็คงเหมาะกับเคียร่าเพราะมันดูบริสุทธิ์และส่งกลิ่นหอมเย้ายวน ทว่ารากของมันกลับมีพิษร้ายแรงเมื่อเผลอกินก็อาจถึงตายได้โต๊ะน้ำชาซึ่งตั้งอยู่ตรงระเบียงเคียร่าและโรสกำลังนั่งพูดคุยกันถึงตระกูลบารอนด์วาเลีย“คิดไม่ถึงเลยนะคะว่าเลดี้โมอา ส่งบัตรเชิญชวนไปร่วมฉลองงานวันเกิด”โรสขมวดคิ้วเข้าหากัน ไม่คิดเลยว่าจะมีจดหมายเชิญคุณหนูไปร่วมออกงานสังคม เพราะตลอด1เดือนไม่มีจดหมายฉบับอื่นส่งมาหาเลยนอกจากขององค์ชายอาร์มิสถ้าไปก็คงมีเรื่องสนุกๆ เป็นแน่ โรสเคยเจอเลดี้โมอาไหม”“ไม่เคยเจอเลยค่ะ ตอนนั้นที่ข้านำโพชั่นไปขายเจอเพียงแต่บารอนด์วาเลียค่ะ”“ถ้างั้นเราไปตามบัตรเชิญเสียหน่อย เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมบ้าง คราวนี้โรสต้องออกโรงแล้ว”โรสยิ้มดีใจพร้อมพยักหน้าตอบรับ“คุณหนูต้องระวังตัวด้วยนะคะ”“ไม่ต้องห่วงไปหรอก โรสน่ะต้องเสี่ยงไปสืบถึงรังศัตรูเลยเชียวนะ แต่ก่อนที่เราจะเล่นงานบารอนด์วาเลียได้คืนนี้คงต้องไปพบชายผู้นั้นเสียก่อน”“ใครเหรอคะ?”“ก็คนที่ข้าทำสัญญาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ไง เตรียมยาไว้ด้วยเล่า คืนนี้คงต้องใช้ยาของโรสช่วยอีกแรง”“
รถม้าคันหรูประทับตราลวดลายพระอาทิตย์สีทองอร่ามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ราชวงศ์ หญิงสาวสวมผ้าคลุมลงมาจากรถม้าพร้อมชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินท่วงท่าภูมิฐานข้ารับใช้ในตระกูลที่เห็นรถม้าตราพระราชวังต่างตื่นตระหนกตกใจรีบวิ่งไปแจ้งดัชเชสคราเรนซ์โดยเร็ว“องค์ชายอาร์มิสมางั้นรึ!” หญิงสาววัยกลางคนดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาตัวหรู“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เรือนผมของท่านผู้น้ำเป็นสีน้ำเงินเข้มซึ่งไม่เหมือนองค์ชายอาร์มิสเลยค่ะ” หญิงรับใช้กล่าวดัชเชสเดินออกจากประตูห้องนั่งเล่นพร้อมเหล่าข้ารับใช้จำนวนหนึ่งทันทีที่เคียร่าและเฮลิออสเข้ามาในคฤหาสน์ โรสที่ได้เห็นเจ้านายของตนอยู่ในสภาพเสื้อผ้ายับยู่ยี่อีกทั้งยังขาดวิ่น วิ่งกรูเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นห่วงดัชเชสเหลือบตามองชายสูงโปร่งหน้าถมึงทึงที่ยืนข้างหญิงสาวอ้อนแอ้น มือไม้เริ่มสั่นไหวต่อความน่าเกรงขามเมื่อนัยน์ตาอเมทิสต์จ้องมองดุดันอย่างผู้เหนือกว่าและแผ่ออร่ากดดันมหาศาลใส่เธอดัชเชสย่อตัวทำความเคารพ เธอยังคงพยายามฝืนสีหน้าให้ปกติเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา“มะ หม่อมฉันดัชเชสคราเรนซ์ทำความเคารพแด่องค์ชายเฮลิออสเพคะ... นึกไม่ถึงเลยว่าพระองค์จะกลับมาจากแดนเหนือเร็วกว่ากำหนด ไม่ทราบ
เปลือกตายับย่นค่อยๆ หรี่ขึ้น ร่างกายขยับไม่ได้ดั่งใจนึกเพราะถูกมัดมือไขว้หลัง เธอกวาดตามองรอบห้องนอนทรุดโทรม บรรยากาศภายในห้องมืดครึ้มจนแทบเห็นหน้าชายที่ยืนอยู่ตรงปลายเตียงได้ไม่ค่อยชัด“ตื่นเร็วเหมือนกันนิ” เสียงทุ้มเอ่ยพลางเดินมานั่งบนเตียง“จะ จับข้ามาทำไม..” น้ำเสียงใสสั่นเครือ เธอแสดงสีหน้าหวาดกลัวต่อชายลึกลับ ทว่าในใจของหญิงสาวกลับตื่นเต้นว่าโจรลักพาตัวจะทำอะไรกันแน่ ถ้าตามในนิยายแล้วแผนลักพาตัวจะไม่สำเร็จเพราะว่าเธอหนีพวกโจรได้อย่างฉิวเฉียดเคียร่ารู้อยู่แล้วว่าแผนการนี้เป็นขององค์ชายเฮลิออสเธอเลยยอมโดนจับแต่โดยดี“ข้าอยากจะรู้นัก ว่าคนรักของน้องชายข้าเป็นยังไง”“ทะ ท่านที่ช่วยข้าครานั้น คือองค์ชายเฮลิออสหรือเพคะ... ท่านจับข้าแบบนี้เพื่ออะไรกันคะ...”“อืม... ข้าคิดอยู่ว่าจะแกล้งน้องชายตนเองนิดหน่อยน่ะ ถ้าหญิงคนรักตกเป็นของผู้อื่น เจ้านั่นจะแสดงสีหน้าแบบไหนกันนะ”องค์ชายอยากได้ตัวข้าเพื่อให้อาร์มิสทรมานใจเนี่ยนะ?เธอไม่คิดเลยว่าแผนของเขามันจะเรียบง่ายแบบนี้ แต่ก็เข้าทางเธอพอดีร่างกำยำขยับตัวเข้าใกล้เธอมากขึ้น เคียร่าจึงต้องสวมบทบาทเป็นหญิงสาวไร้เดียงสาต่อ“จะทำอะไรเพคะ! อย่ามา