ทหารนายหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นตระหนกเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของบารอนด์วาเลียอย่างรีบร้อน
ปัง!
“ท่านบารอนด์! มีคนบุกรุกโกดังชั้นใต้ดินมันเผาโกดังมอดไหม้ไปทั่วแล้วขอรับ!! พวกทาสหนีออกหายไปหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียวเลยครับ!”
เสียงประตูดังขึ้นทำให้บารอนด์ตื่นจากภวังค์ เขารีบลุกออกจากเตียงนอนเปิดหน้าต่างเพื่อตรวจสอบสิ่งที่ทหารพูด พื้นที่โกดังซึ่งมองเห็นได้ชัดเกิดไฟไหม้ควันฟุ้งลอยเหนือชั้นบรรยากาศ
“ใครกันมันกล้ามาหยามข้าขนาดนี้! ดูแลประสาอะไรวะ! รีบไปจับตัวคนบุกรุกมาให้ข้า!!” เสียงโวยวายของชายวัยกลางคนด่ากราดด้วยความโกรธเกรี้ยว
“คือว่า...ผู้บุกรุกได้ทำร้ายทหารของเราจนแน่นิ่งไปหมดแล้วครับ...” ทหารตัวใหญ่แสดงความหวาดเกรงมือไม้สั่นปากสั่นเทา
“อะไรกัน! มันมีกันเยอะงั้นเหรอ!”
“มีผู้ชาย 2 คน คะ ครับ.. มันลอบทำร้ายทหารของเราทีละคน ก่อนจะรู้ตัวพวกทหารก็สลบกันไปหมดแล้วครับ!”
ปัก!!! เสียงถีบหลังบารอนด์จากคนชุดดำที่ลอยตัวเข้ามาจากทางหน้าต่าง ตัวบารอนด์ได้กระเด็นตามแรงถีบนอนกลิ้งส่งเสียงโอดครวญอยู่บนพื้นพรมผืนหรู
“จะ เจ็บ..” บารอนด์หันไปมองหาความช่วยเหลือจากทหาร ทว่าทหารคนนั้นก็ได้สลบไปแล้ว คนชุดดำสองคนที่บุกรุกเข้ามาได้มัดเชือกบารอนด์ผูกมือไขว้หลังไม่ให้ดิ้นหนี
“พวกเจ้าเป็นใครกัน!”
“อย่ากลัวไปเลยท่านบารอนด์ ข้าไม่ได้อยากจะมาทำร้ายท่านนะ แค่อยากจะมาเจรจานิดหน่อย” หญิงชุดดำสวมหน้ากากเอ่ยกล่าว
“ต้องการอะไร พวกแกมาทำกับข้าแบบนี้ไม่ตายดีแน่!!”
“ยังจะปากเก่งอีก ยังไม่รู้สถานะตัวเองตอนนี้งั้นหรือ ท่านบารอนด์ไม่ห่วงลูกสาวที่ถูกมัดอยู่อีกห้องเลยรึ”
โรสตบหน้าบารอนด์ไปหนึ่งทีด้วยความอดกลั้นมานาน ในที่สุดเธอก็ได้ปลดปล่อยความแค้นคนที่ทำร้ายร่างกายพ่อของเธอจนเกือบตาย
“ตบอีกเลย เอาให้ความโมโหของเจ้าเบาลง” เคียร่าในชุดดำบอกกับโรส ทว่าโรสกับส่ายหัวเบาๆ
“แค่นี้แหละค่ะ ข้าไม่อยากเจ็บมือ”
เคียร่าอมยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหันมาส่งสายตาน่าเกรงขามกับบารอนด์ เธอโยนกระดาษหลักฐานใส่หน้าของชายวัยกลางคนซึ่งใบหน้าของเขาบวมเป่งไปข้างหนึ่งจากแรงตบของโรส
บารอนด์เหลือบมองอ่านเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่ตรงหน้า
“นี่มันอะไรกัน พวกแกไปเอาสิ่งนี้มาได้ไง ต้องการอะไร!”
“ก็หลักฐานคนทรยศต่อวิหารยังไงล่ะ ไหนจะเรื่องผิดกฎหมายจากราชอาณาจักรอีก เรื่องมากมายขนาดนี้ถ้าเอาไปแจ้งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็คงโดนโทษประหารเหมือนกัน อืม...ดูสิ มีทั้งลักลอบค้าทาส จำหน่ายยาผิดกฎหมาย ไหนจะหนีภาษีอีก ถ้าข้าไปแจ้งต่อวิหารท่านบารอนด์และครอบครัวคงล่มสลาย”
“ตะ ต้องการสิ่งใด ขอร้องอย่าไปแจ้งความเลยเถิด..”
เคียร่าชูเอกสารสัญญาให้บารอนด์อ่าน “ถ้าท่านบารอนด์ประทับตราและเซ็นตรงนี้ ท่านก็จะได้อยู่ปกติสุขเหมือนเดิม”
“จ่ายเดือนละหมื่นเหรียญทองจะไม่แพร่งพรายให้กับราชอาณาจักรและวิหารศักดิ์สิทธิ์ จ่ายจนกว่าจะผู้ถือครองสัญญาจะพอใจ และถ้ามีการทำผิดอีกเรื่องทั้งหมดจะถูกป่าวประกาศดำเนินคดีตามกฎหมาย...”
บารอนด์กวาดตาไล่อ่านเอกสารสัญญาก่อนจะตะโกนเสียงดังลั่นกลับไป
“สัญญาบ้าบออะไรวะ! นี่มันปล้นกันชัดๆ!”
“ท่านบารอนด์มีแค่สองทางเลือก เซ็นสัญญาเพื่อให้ไม่ตายกับไม่เซ็นเพื่อไปตายกันทั้งครอบครัว แล้วอีกอย่างนะ ท่านจะถูกริบของทุกอย่างที่มี ยังไงซะตระกูลบารอนด์ก็มีช่องทางทำเงินอีกหลายช่องทางอยู่แล้วนิ ท่านไม่หมดตัวง่ายๆ หรอก ถ้าตั้งสติคิดไม่ได้ข้าจะให้นางคนนี้ตบเจ้าจนกว่าเจ้าจะยอมเซ็น”
เคียร่าแสยะยิ้มพร้อมส่งสัญญาณให้โรสตบหน้าบารอนด์อีกครั้ง
เพียะ! เพียะ! เพียะ!
“พอแล้วๆ ขะ ข้ายอมแล้ว ข้าจะเซ็นแล้วส่งมอบเงินให้ อยากได้อะไรก็เอาไปเลย...แต่ก่อนที่ข้าจะเซ็นข้าอยากทราบนามของทะ ท่าน..”
“นักบุญนอกรีต... ชื่อนี้เจ้าคงรู้ถึงตัวตันของข้าบ้างแล้ว ข้าคงไม่ต้องอธิบายอะไรให้เจ้าฟัง”
“นักบุญหญิงนอกรีตที่รักษาผู้คนมาทำเรื่องแบบนี้เนี่ยนะ!!”
เพี๊ย! “หุบปากแล้วรีบประทับตราซะ!” โรสตบหน้าบารอนด์อีกครั้งพร้อมใช้มีดด้ามเล็กกรีดนิ้วของบารอนด์ประทับตราด้วยเลือด พลันเกิดแสงสีขาวเป็นประกายเคลือบกระดาษสัญญา
“อย่าทำหน้าตกใจไป ก็แค่เวทรักษาสัญญา ถ้าท่านผิดสัญญาหัวใจของท่านจะถูกบีบรัดจนกระอักเลือด แต่ถ้าข้าเห็นความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อเจ้านาย ข้าอาจจะเมตตาก็ได้นะ ทำตัวดี ๆ ไว้ละกันบารอนด์วาเลีย...เพราะข้าจะคอยจับตาดูท่าน อย่าคิดตุกติกเชียว...”
“โหดร้ายที่สุด...อึก...” ชายวัยกลางคนก้มหน้าลงกับพื้นพร้อมหยาดน้ำตาไหลอาบลงแก้มอย่างน่าเวทนา...
เฮลิออสซึ่งคอยมองดูอยู่บนต้นไม้ก็เผลอยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจกับความน่ากลัวของหญิงสาวทั้งสองคน
“นักบุญหรือโจรกันแน่ละเนี่ย ก็พอถูกใจใช่เล่นอยู่นะ”
“นั้นสิครับ ผิดจากภาพลักษณ์เดิมมากเลย”
เออร์วินทหารมือขวาคนสนิทเอ่ยกล่าว
“นี่อาจจะเป็นตัวจริงของนางก็ได้ แล้วคิดไม่ถึงเลยว่านางจะมีคนเก่ง ๆ อยู่ข้างกาย”
“ท่านนักบุญกับนักเล่นแร่แปรธาตุเป็นความเข้ากันที่ดูขัดแย้งกันมากเลยพ่ะย่ะค่ะ เออ...ท่านนักบุญให้กระหม่อมมาบอกกับฝ่าบาทด้วยว่าต้องการบ้านหนึ่งหลังไว้สำหรับให้ทาสอาศัยอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
“จะเลี้ยงทาสไว้งั้นเหรอ...นึกว่าจะปล่อยตัวไปเฉยๆ เสียอีก ก็สมกับเป็นนักบุญอยู่สักนิดนะ... เออร์วินก็ไปคอยคุ้มกันพวกนางส่งนางกลับบ้านด้วย”
“ฝ่าบาทไม่ไปบอกลาท่านนักบุญหรือ?”
“ข้าแค่จับตาดูนาง ข้าไม่จำเป็นต้องสนใจทำอย่างงั้น”
“อ่อ....”
ไม่สนใจแต่ชวนนางแต่งงานเนี่ยนะ องค์ชายเฮลิออสของข้าช่างขัดแย้งกันจริงๆ
3 วันก่อน
หลังจากกลับมาจากแดนเหนือเป็นเวลามากกว่าหนึ่งเดือนแล้ววันนี้เป็นครั้งแรกที่เฮลิออสได้เข้ามาในราชวังหลักเพื่อเข้าพบองค์จักรพรรดิ
ระหว่างทางเดิน เขาได้เจอกับองค์ชายอาร์มิสโดยบังเอิญ ถึงแม้ทั้งคู่ได้เจอกันซึ่งๆ หน้าครั้งแรก ทว่าน้องชายต่างมารดาของเขากลับมีใบหน้าไร้ความกังวลต่อความไม่รู้ร้อนรู้หนาวเอาเสียเลย
“สวัสดีครับ ท่านพี่เฮลิออส คงเป็นครั้งแรกที่ท่านพี่ได้เจอหน้าผม ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวไว้ด้วยนะครับ”
ใบหน้าอาร์มิสเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มมิตรไมตรี แม้วาจาจะสุภาพแต่ท่าทียังคงหยิ่งผยองสมกับเป็นองค์ชายผู้ไม่เคยต้องก้มหัวให้ใคร
เฮลิออสเลิกคิ้วขึ้น เขาไม่ชอบใจรอยยิ้มของอาร์มิส เพราะว่ามันดูเหมือนคนเสแสร้งตลอดเวลา ช่วงระยะเวลาหนึ่งเขาได้แอบเฝ้าดูอาร์มิสเพื่อศึกษานิสัยของเจ้าตัวอยู่ห่างๆ เฮลิออสมองเห็นว่าอาร์มิสนั้นก็แค่คุณหนูผู้เป็นหุ่นเชิดของจักรพรรดินี ถึงจะรู้เช่นนั้นแต่เขาก็ยังไม่ชอบใจอาร์มิสอยู่ดี
“เรียกเราว่าองค์ชายเฮลิออสคงดีกว่าเรียกแบบนับญาติ เราไม่สนิทชิดเชื่อกันถึงขั้นพี่น้อง” เสียงทุ้มเย็นยะเยือกตอบกลับ นัยน์ตาอเมทิสต์กดสายตามองต่ำ ยิ่งเพิ่มระยะห่างจากความเป็นมิตรไมตรีไปมากโข
อาร์มิสกอดอกลูบคางครุ่นคิด
“มันก็จริงนะครับ ถึงแม้ว่าเราจะมีเลือดเนื้อเชื้อพระวงศ์เหมือนกัน แต่ก็แทบไม่เคยเจอหน้ากันเลย...งั้น! …ไว้วันหลังมาสนิทกันไว้นะครับ”
“หึ” เฮลิออสกระตุกยิ้ม คำว่าสนิทมันคงไม่มีวันสำหรับศัตรู "ถ้าให้เราสนิทกับท่าน เราไปคุยกับต้นไม้ยังดีเสียกว่า"
อาร์มิสยังคงสีหน้ายิ้มแย้มไม่สะทกสะท้านแม้จะถูกหลอกด่าจากพี่ชายต่างมารดา
"ผมก็ไม่คิดว่าการตอบรับมิตรไมตรีที่ยื่นให้ของผมมันจะถูกองค์ชายผู้ขึ้นชื่อว่านิสัยแข็งกระด้างปฏิเสธ แบบนี้ผมก็ไม่ต้องพูดสุภาพกับองค์ชายแล้วสิ"
เฮลิออสหัวเราะอย่างขบขันกับการโต้เถียงกลับขององค์ชายที่ภาพลักษณ์ภายนอกเป็นคนอ่อนโยนและใจดี ทว่าคนตรงหน้าก็ถนัดเหน็บแนมเก่งใช่ย่อย
"เราก็ไม่อยากทำตัวสุภาพกับท่านเหมือนกัน เพราะท่านก็ดูไม่น่าเคารพสักเท่าไหร่" เฮลิออสก้าวมาข้างหน้า กวาดตามองสำรวจร่างกายของอาร์มิสพลันก็แสยะยิ้มออกมา "อยู่แต่วังคงสบายจนเคยชิน สภาพแบบนี้คงจะจับดาบไม่ไหว" เขาส่ายหัวไปมาราวกับกำลังดูแคลนชายหนุ่มที่ตัวบางกว่าเขา
คนที่ถูกดูแคลนก็ยังคลี่ยิ้มกวนประสาทกลับ
"ผมเน้นใช้สมอง ไม่เน้นใช้แรงเป็นคนป่าเถื่อนเช่นนั้นหรอก"
สายตาของเฮลิออสจ้องเอาเรื่องกับน้องชายต่างมารดา ทว่าก็ถูกขัดจากองครักษ์ข้างหลัง
"ฝ่าบาท...รีบไปเข้าพบจักรพรรดิได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ" เออร์วินกล่าวเตือนสติเจ้านาย เกรงว่าถ้ายังคุยกันต่อคงได้ชักดาบใส่องค์ชายอาร์มิสเป็นแน่
เฮลิออสผ่อนคลายสีหน้าลง
“เราคงขอตัว อ่า...ก่อนไป...ขอแสดงความยินดีเรื่องคู่หมั้นด้วยนะ หวังว่าองค์ชายอาร์มิสจะทรงดูแลของรักของหวงไว้ให้ดีไปตลอดรอดฝั่ง...”
เฮลิออสเดินสวนอาร์มิส เขารู้สึกว่าอาร์มิสเป็นพวกปากไม่ดีและยั่วโมโหเขาขึ้นได้ง่ายๆ ถ้าเขาคล้อยตามการชักจูง ชื่อเสียงคงแย่ลงกว่าเดิม ทว่าตอนนี้ถ้าเรียงลำดับอำนาจ อาร์มิสผู้เป็นน้องดันมีเสียงมากกว่าเขา เพราะอยู่ในตำแหน่งองค์รัชทายาท แม้จะยังไม่ได้แต่งตั้งเป็นทางการแต่ก็มีสิทธิ์ขึ้นครองบัลลังก์อันชอบธรรม ซึ่งแตกต่างกับเขาเป็นบุตรนอกสมรส แม้จะเกิดก่อนก็ตาม แต่ถึงยังไงเขาก็ยังเป็นองค์ชายและซอร์ดมาสเตอร์ในจักรวรรดิผู้นำทัพชนะสงคราม
ตอนนี้ตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทยังไม่ใช่ของเขา แต่สักวันหนึ่งมันต้องตกเป็นของเขาอย่างแน่นอน
การพลิกกระดานหมากรุกมันพึ่งเริ่มต้นต่างหาก
พอแผ่นหลังกว้างลับสายตาไป...
เจ้าของนัยน์ตาสีอำพันผมสีบลอนด์สง่าก็ผุดยิ้มขึ้นพร้อมเสียงขบขัน
“องค์ชายเฮลิออสมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิอีเมอร์สันชายวัยกลางอายุราว50ปีผู้มีเรือนผมสีบลอนด์สว่างไสวเหมือนกับอาร์มิสและมีนัยน์ตาสีอเมทิสต์เหมือนกับเฮลิออส ใบหน้านิ่งขรึมไร้อารมณ์ถึงแม้ว่าจะทำงานเอกสารกองเท่าภูเขาอยู่แต่ก็ไม่แสดงถึงความเหน็ดเหนื่อยออกมาเลยแม้แต่น้อยอีเมอร์สันวางปากกาพร้อมกวาดตามองต่อคนที่มาเยือน“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท...”“ได้ข่าวว่าเจ้ามาถึงเมืองหลวงแรมเดือน ทำไมถึงพึ่งจะมาเข้าเฝ้าเรา” อีเมอร์สันเอ่ยเสียงเรียบนิ่งนัยน์ตาสีอเมทิสต์จ้องมองราวกับตานกอินทรี ทั้งดุดัน และน่าเกรงขาม“กระหม่อมเหนื่อยล้ากับการเดินทาง เลยต้องการพักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรงดี อีกอย่างกระหม่อมอยากเที่ยวชมเมืองหลวงที่ไม่ได้กลับมาแสนนานด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“เราเข้าใจได้ ขอบใจที่เจ้าชนะสงครามแดนเหนือและกลับมาที่เมืองหลวง ผลงานที่เจ้าสร้างไว้เพื่อจักรวรรดิเราจะตอบแทนให้สมกับที่เจ้าทำไว้”เฮลิออสยกยิ้มราวกับว่าคำพูดของอีเมอร์สันเป็นอย่างที่เขาคาดหวังไว้“กระหม่อมไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ แค่อยากกลับมาอยู่ในที่ที่เคยอยู่ก็เพียงพอแล้ว...”อีเมอร์สันรู้ความต้องการของเฮลิออสลูกชายของตนเป็นอย่างดี การมาเยือนขอ
ตอนที่13ใช่พระเอกในนิยายจริงๆ เหรอตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ ห
ตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ หม่อมฉันหวังว่าองค์ชายจะลืมหม่อมฉันได
“เคียร่า… วันนี้เจ้าก็ยังคงงดงามเช่นเคย ข้าอยากจะป่าวประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าหญิงที่งดงามดุจเทพธิดาเป็นของข้าเพียงผู้เดียว” “องค์ชายอาร์มิสเพคะ ทำไมพระองค์ถึงดีกับข้าเช่นนี้ ข้าไม่อาจคู่ควรยืนข้างกายท่านเลยด้วยซ้ำ ถ้าเลดี้แอมเบอร์ได้ยินที่ท่านพูด เลดี้คงเสียใจเป็นอย่างมาก” ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ในสวนหลังพระราชวัง ลมเย็นพัดผ่านเป็นระลอกทำให้ใบไม้ไหวไปมา เรือนผมสีเงินของเคียร่าพริ้วไสว เผยให้เห็นประกายตาสีแดงมรกตที่แฝงไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน ราวกับดึงดูดทุกสายตาที่จ้องมองอาร์มิสช้อนคางเรียวของเธอขึ้น ใบหน้าคมสันยิ้มละไมก่อนโน้มเข้ามาใกล้ ดวงตาสีอำพันที่เต็มไปด้วยความหลงใหลจับจ้องลึกลงไปในดวงตาของเธอ “เพราะว่าข้ารักเจ้าไง เคียร่า…”เสียงทุ้มต่ำเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะสัมผัสเบาๆ กับริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอแต่เพียงชั่วขณะเดียว เสียงเรียบนิ่งกลับดังขึ้นขัดจังหวะของทั้งคู่ “ถ้าใครมาเห็นเข้า เรื่องซุบซิบนินทาของข้ารับใช้คงเลยเถิดและเสียภาพลักษณ์ขององค์รัชทายาทแน่เลยเพคะ...”อาร์มิสผละออกจากเคียร่าอย่างรวดเร็วแล้วหันไปยังต้นเ
คุณหนูผู้เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและผลการเรียน เติบโตขึ้นในตระกูลที่ร่ำรวย ทว่ากลับถูกกดขี่ให้อยู่ภายใต้กรอบที่พ่อแม่สร้าง ทุกสิ่งต้องสมบูรณ์แบบ ห้ามมีข้อผิดพลาด ต้องทำตามแผนที่พ่อแม่กำหนด ไม่อาจเล่นสนุกได้เหมือนเด็กทั่วไปได้ กิจวัตรประจำวันของเธอคือการอ่านหนังสือ หากวันใดดื้อรั้นไม่ยอมอ่านหนังสือ เธอจะถูกขังในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ไร้หน้าต่างและแสงสว่าง การลงโทษนี้ยิ่งตอกย้ำความอึดอัดที่ต้องเผชิญ ทุกการกระทำถูกควบคุมอย่างเคร่งครัด แม้แต่ความป่วยทางจิตใจที่เกิดขึ้นจากความกดดันนั้น พ่อแม่ก็ยังเพิกเฉยไม่ยอมพาไปรักษาเพราะกลัวจะเสื่อมเสียชื่อเสียงที่ลูกสาวคนเดียว เป็นบ้าเมื่ออายุครบ 20 ปี เธอทำตามความต้องการของพ่อแม่จนสำเร็จทุกอย่าง จนผู้คนต่างเรียกว่าอัจฉริยะเป็นเพียงสิ่งที่พ่อแม่สร้างขึ้นเพื่อประดับบารมีของตระกูล หญิงสาวปรารถนาจะหลุดพ้นจากกรงทองที่กักขังเธอไว้ เมื่อถึงที่สุด เธอเลือกปลดปล่อยตัวเองจากความทุกข์ด้วยการกระโดดตึกเพื่อคืนอิสรภาพให้ตัวเองเด็กสาวคนนั้นคืออดีตชาติที่แล้วของเคียร่า หลังจากตกลงไปในบ่อน้ำก็ตระหนักได้ว่าพลังของนักบุญหญิงตื่นขึ้น และค่อย ๆ ระลึกอดีตชาติได้ถึงจะเป็นภ
จักรวรรดิคอสมอสไซรัส ปกครองโดยจักรพรรดิ อีเมอร์สัน และจักรพรรดินีแคโรลีน ทั้งสองมีพระโอรสด้วยกันหนึ่งพระองค์ คือองค์ชายอาร์มิส ส่วนองค์ชายเฮลิออสเป็นบุตรนอกสมรสของอีเมอร์สันก่อนได้ขึ้นครองราชย์พบรักกับยูเรียนที่เสียชีวิตไปแล้ว องค์ชายเฮลิออสจึงไม่ได้รับความนิยมจากเหล่าขุนนางสักเท่าไหร่เนื่องด้วยเขาถูกส่งตัวไปออกรบทำสงครามอยู่ตลอด ทว่าก็ไม่ได้รับความชื่นชอบอยู่ดี เพราะตระกูลขุนนางส่วนมากจะอยู่ฝ่ายจักรพรรดินี สนับสนุนองค์ชายอาร์มิสเป็นมกุฎราชกุมาร ตระกูลขุนนางหลักมี 6 ตระกูลด้วยกัน ปกครองตามแคว้นต่างๆ และมีอำนาจรองลงมาจากราชวงศ์ เหล่าชนชั้นสูงจะมีเวทมนตร์ประจำตระกูล ได้แก่ เวทแห่งแสง เวทแห่งความมืด เวทไฟ เวทน้ำ เวทลม และเวทดิน อีกทั้งยังมีพลังศักดิ์สิทธิ์ของผู้ที่นับถือในพระเจ้า หรือพลังของนักบุญซึ่งได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์มาตั้งแต่กำเนิด “ถ้าจะดึงองค์ชายเฮลิออสที่หวังจะปองร้ายข้าอยู่แล้ว คงต้องเดินตามเส้นทางเนื้อเรื่องเสียหน่อย” ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์องค์ชายอาร์มิสส่งจดหมายเรียกพบเคียร่าไปที่วัง ร่างกายที่แทบจะไม่มีแรงเดินเพราะขาดสาร
ร่างกายแสนบอบบางฟุบนอนบนเตียง พลางหวนนึกถึงช่วงเวลาที่เจอชายหนุ่มผมสีน้ำเงิน แม้ว่าตอนแรกจะจำไม่ได้ แต่พอเขาลืมตาจ้องมองด้วยแววตาดุร้ายบวกกับสีตาอันเป็นเอกลักษณ์ เขาคือ องค์ชายเฮลิออส ไซรัส ผู้มีใบหน้าหล่อร้าย ฉลาดเป็นกรด แถมจิตใจอำหิต ถ้าตามอนาคตในนิยาย เฮลิออสเป็นคนลอบทำร้ายองค์ชายอาร์มิส เธอต้องการเบี่ยงเบนความสนใจ และหวังว่าเขาจะตกหลุมพรางที่เธอได้วางเหยื่อล่อไว้แล้วโครก โครก เสียงท้องร้องดังกังวาน ความหิวจากการไม่ได้รับสารอาหารครบถ้วนทำให้ร่างกายเริ่มทรมานและหมดแรง เป็นเวลาหลายวันที่ดัชเชสสั่งสาวใช้ไม่ให้ยกอาหารมาเสิร์ฟในตอนเย็นเพื่อต้องการให้เธอมีหุ่นผอมเพรียวเป็นกุลสตรี หรือกลั่นแกล้งกันแน่ก็ไม่อาจเข้าใจได้ตระกูลคราเรนซ์สืบเชื้อสายมาจากนักเวทรักษาผู้มีพลังคล้ายกับพลังศักดิ์สิทธิ์ซึ่งพระสันตะปาปาจะมอบพรเศษเสี้ยวพลังของพระเจ้าให้ แต่ว่าเวทแสงยังด้อยกว่ามากและอยู่รั้งท้ายของตระกูลอื่น ๆ คนในตระกูลคราเรนซ์เหล่าเครือญาติข้าราชบริพารส่วนมากจึงหันไปเอาดีทางด้านนักบวช อัศวิน ตำแหน่งต่าง ๆ ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ส่วนฟานาตอนนี้เป็นนักบุญฝึกหัดอยู่ที่วิหาร และอัลเบิร์ตเป็นอัศวินศักดิ์สิท
“เข้ามา” เสียงทุ้มหนักแน่นเอ่ยกับข้ารับใช้ ประตูบานใหญ่เปิดออกให้หญิงสาวผมสีเงินเข้ามาภายในห้องทำงานของดยุกคราเรนซ์“สวัสดีค่ะ ท่านดยุก เพื่อไม่เป็นการรบกวนเวลาอันมีค่าของท่าน ข้ามีเรื่องแจ้งให้ทราบค่ะ”เคียร่าย่อตัวทำความเคารพกับชายวัยกลางคนผู้มีเรือนผมสีบลอนด์เข้มเหมือนกับอัลเบิร์ตและฟานา“ข้าอยากได้หญิงรับใช้ส่วนตัวค่ะ ข้าเป็นถึงเลดี้ ของตระกูลคราเรนซ์และเป็นคนรักขององค์รัชทายาทแต่กลับไม่มีหญิงรับใช้ส่วนตัว ข้าคิดว่ามันเสียเกียรติของชนชั้นสูงค่ะ ”ดยุกขมวดคิ้ว พลางครุ่นคิดกับคำพูดของเคียร่า แม้ว่าเขาจะไม่ชอบเธอขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้าเพื่อตำแหน่งและอำนาจที่มากขึ้น เขาต้องให้เธอเป็นพระชายาให้ได้เพื่อจะทำให้เธอเป็นหุ่นเชิดให้เขาอยู่ในจุดสูงสุดและเป็นผู้ที่มีอิทธิมากกว่าตระกูลอื่นๆ“ข้าจะบอกหัวหน้าแม่บ้านหาให้แล้วกัน”“ข้าต้องการเลือกเองค่ะ ข้าอยากหาคนที่เด็กกว่าข้าค่ะ ”“งั้นเจ้าก็ไปเลือกเอง จบเรื่องแล้วก็ออกไป”“ขอบคุณค่ะท่านดยุก” เคียร่าย่อตัวเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องไปไม่กี่วันต่อมาหัวหน้าแม่บ้านก็เรียกเคียร่าให้ไปคัดเลือกหญิงรับใช้ ตาคู่สวยกวาดตามองเด็กสาวที่ยืนเรียงกันเป็นแถว พลั
ตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ หม่อมฉันหวังว่าองค์ชายจะลืมหม่อมฉันได
ตอนที่13ใช่พระเอกในนิยายจริงๆ เหรอตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ ห
“องค์ชายเฮลิออสมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิอีเมอร์สันชายวัยกลางอายุราว50ปีผู้มีเรือนผมสีบลอนด์สว่างไสวเหมือนกับอาร์มิสและมีนัยน์ตาสีอเมทิสต์เหมือนกับเฮลิออส ใบหน้านิ่งขรึมไร้อารมณ์ถึงแม้ว่าจะทำงานเอกสารกองเท่าภูเขาอยู่แต่ก็ไม่แสดงถึงความเหน็ดเหนื่อยออกมาเลยแม้แต่น้อยอีเมอร์สันวางปากกาพร้อมกวาดตามองต่อคนที่มาเยือน“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท...”“ได้ข่าวว่าเจ้ามาถึงเมืองหลวงแรมเดือน ทำไมถึงพึ่งจะมาเข้าเฝ้าเรา” อีเมอร์สันเอ่ยเสียงเรียบนิ่งนัยน์ตาสีอเมทิสต์จ้องมองราวกับตานกอินทรี ทั้งดุดัน และน่าเกรงขาม“กระหม่อมเหนื่อยล้ากับการเดินทาง เลยต้องการพักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรงดี อีกอย่างกระหม่อมอยากเที่ยวชมเมืองหลวงที่ไม่ได้กลับมาแสนนานด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“เราเข้าใจได้ ขอบใจที่เจ้าชนะสงครามแดนเหนือและกลับมาที่เมืองหลวง ผลงานที่เจ้าสร้างไว้เพื่อจักรวรรดิเราจะตอบแทนให้สมกับที่เจ้าทำไว้”เฮลิออสยกยิ้มราวกับว่าคำพูดของอีเมอร์สันเป็นอย่างที่เขาคาดหวังไว้“กระหม่อมไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ แค่อยากกลับมาอยู่ในที่ที่เคยอยู่ก็เพียงพอแล้ว...”อีเมอร์สันรู้ความต้องการของเฮลิออสลูกชายของตนเป็นอย่างดี การมาเยือนขอ
ทหารนายหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นตระหนกเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของบารอนด์วาเลียอย่างรีบร้อนปัง!“ท่านบารอนด์! มีคนบุกรุกโกดังชั้นใต้ดินมันเผาโกดังมอดไหม้ไปทั่วแล้วขอรับ!! พวกทาสหนีออกหายไปหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียวเลยครับ!”เสียงประตูดังขึ้นทำให้บารอนด์ตื่นจากภวังค์ เขารีบลุกออกจากเตียงนอนเปิดหน้าต่างเพื่อตรวจสอบสิ่งที่ทหารพูด พื้นที่โกดังซึ่งมองเห็นได้ชัดเกิดไฟไหม้ควันฟุ้งลอยเหนือชั้นบรรยากาศ“ใครกันมันกล้ามาหยามข้าขนาดนี้! ดูแลประสาอะไรวะ! รีบไปจับตัวคนบุกรุกมาให้ข้า!!” เสียงโวยวายของชายวัยกลางคนด่ากราดด้วยความโกรธเกรี้ยว“คือว่า...ผู้บุกรุกได้ทำร้ายทหารของเราจนแน่นิ่งไปหมดแล้วครับ...” ทหารตัวใหญ่แสดงความหวาดเกรงมือไม้สั่นปากสั่นเทา“อะไรกัน! มันมีกันเยอะงั้นเหรอ!”“มีผู้ชาย 2 คน คะ ครับ.. มันลอบทำร้ายทหารของเราทีละคน ก่อนจะรู้ตัวพวกทหารก็สลบกันไปหมดแล้วครับ!”ปัก!!! เสียงถีบหลังบารอนด์จากคนชุดดำที่ลอยตัวเข้ามาจากทางหน้าต่าง ตัวบารอนด์ได้กระเด็นตามแรงถีบนอนกลิ้งส่งเสียงโอดครวญอยู่บนพื้นพรมผืนหรู“จะ เจ็บ..” บารอนด์หันไปมองหาความช่วยเหลือจากทหาร ทว่าทหารคนนั้นก็ได้สลบไปแล้ว คนชุดดำสองคนที่บุ
โถงงานเลี้ยงในคฤหาสน์เต็มไปด้วยแขกมากหน้าหลายตาของเหล่าลูกหลานขุนนางชนชั้นสูง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่หญิงสาวชุดเดรสรัดรูปสีขาวกำลังถูกเจ้าของงานเลี้ยงวันเกิดพูดจาเหน็บแนม“ข้านึกว่าเลดี้เคียร่าจะออกจากงานไปเสียแล้ว มางานวันเกิดแต่ไม่คิดว่ามีของขวัญให้เจ้าภาพงาน หรือว่าที่เลดี้มาคือจงใจอยากจะเป็นที่หมายตาของบุรุษหรือคะ”โมอามองต่ำแสดงสายตาดูถูกดูแคลนใส่หญิงสาวใบหน้ายิ้มแย้ม“นั้นสิคะ อย่างน้อยก็ขึ้นชื่อเป็นคนในตระกูลคราเรนซ์ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีมารยาทเอาเสียเลย”ลูกสมุนของโมอาช่วยเสริมเติมแต่งหวังว่าจะทำให้เคียร่าหน้าเสียอีกครั้ง“ของขวัญสำหรับเลดี้โมอามีแน่นอนค่ะ ไหน ๆ แล้วข้าอยากจะมอบความสุนทรีย์บรรเลงเปียโนให้กับทุกคนในงานเลี้ยงได้ฟังกันนะคะ”“คนอย่างเลดี้เล่นเปียโนก็คงเป็นเพลงเพี้ยน ๆ เหมือนคราก่อน ข้าก็ไม่หวังกับเลดี้เคียร่าหรอกค่ะ”โมอาแสยะยิ้ม เธอคิดไม่ถึงว่าเคียร่าจะกล้าเล่นดนตรีอีกครั้ง เพราะว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน ในงานออกสังคมครั้งแรกที่เคียร่าไป เธอได้บรรเลงเพลงให้ผู้คนมากมายได้ฟัง จนทั้งงานได้แต่ขนานนามหัวเราะถึงการเล่นดนตรียอดแย่ของเธอมือเรียวสวยวางมือลงบนเปียโน หลับตาลงนึก
“คุณหนู! ทำไมกลับมาเสียเช้า รู้ไหมข้าเป็นกังวลแทบบ้า!” หญิงสาวแต่งตัวใส่ชุดนอนของผู้เป็นนายดีดตัวลงออกจากเตียงและบ่นกับเคียร่าที่พึ่งกลับมาถึงตอนรุ่งเช้า“เกิดเหตุนิดหน่อยน่ะ ขอบใจนะที่แสดงเป็นข้า”เคียร่ายิ้มหวานพลันลูบหัวโรสอย่างเอ็นดู“ใจข้าว้าวุ่นขนาดไหน...นึกว่าคุณหนูจะไม่กลับมาเสียแล้ว” โรสขมวดคิ้วพร้อมแสดงหน้าน้อยใจ ถ้าเจ้านายไม่กลับมาเธอคงต้องออกตามหาผู้เป็นนายอย่างบ้าคลั่งเป็นแน่“เอาน่า วันนี้เรามีนัดสำคัญข้าจะพลาดไปได้ไง และข้าก็ได้เอกสารหลักฐานมาครบแล้ว คืนนี้เราจะเอาคืนตระกูลวาเลียกัน”ใบหน้าสวยเจ้าเล่ห์แสยะยิ้ม ทำเอาโรสถึงกับใจเต้นแรง เธอรู้สึกชอบบุคลิกนี้ของเจ้านายที่สุด โดยปกติเมื่อคุณหนูอยู่ต่อหน้าคนอื่นการแสดงสีหน้าและท่าทางจะกลายเป็นคนละคนกับตอนนี้เคียร่าต้องแสดงเป็นหญิงสาวใสซื่อ อ่อนแอไม่สู้คนอยู่ตลอด แต่พอได้พ้นสายตาผู้อื่นไป ก็จะแสดงอีกตัวตนหนึ่งออกมาจนตอนนี้โรสเริ่มชินและเข้าใจเจ้านายของตัวเองมากขึ้นแล้วเฮลิออสหยิบโน้ตบนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาอ่านและคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ถ้าเธอรู้ว่าเขาทำอะไรลงไปคงโดนตราหน้าว่าเป็นพวกโรคจิตเป็นแน่ร่างสูงจัดแจงใส่เสื้อผ้าให้เร
ระเบียงห้องนอนเริ่มถูกประดับไปด้วยกระถางดอกลิลลี่สีขาวมองกันเผิน ๆ ก็คงเหมาะกับเคียร่าเพราะมันดูบริสุทธิ์และส่งกลิ่นหอมเย้ายวน ทว่ารากของมันกลับมีพิษร้ายแรงเมื่อเผลอกินก็อาจถึงตายได้โต๊ะน้ำชาซึ่งตั้งอยู่ตรงระเบียงเคียร่าและโรสกำลังนั่งพูดคุยกันถึงตระกูลบารอนด์วาเลีย“คิดไม่ถึงเลยนะคะว่าเลดี้โมอา ส่งบัตรเชิญชวนไปร่วมฉลองงานวันเกิด”โรสขมวดคิ้วเข้าหากัน ไม่คิดเลยว่าจะมีจดหมายเชิญคุณหนูไปร่วมออกงานสังคม เพราะตลอด1เดือนไม่มีจดหมายฉบับอื่นส่งมาหาเลยนอกจากขององค์ชายอาร์มิสถ้าไปก็คงมีเรื่องสนุกๆ เป็นแน่ โรสเคยเจอเลดี้โมอาไหม”“ไม่เคยเจอเลยค่ะ ตอนนั้นที่ข้านำโพชั่นไปขายเจอเพียงแต่บารอนด์วาเลียค่ะ”“ถ้างั้นเราไปตามบัตรเชิญเสียหน่อย เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมบ้าง คราวนี้โรสต้องออกโรงแล้ว”โรสยิ้มดีใจพร้อมพยักหน้าตอบรับ“คุณหนูต้องระวังตัวด้วยนะคะ”“ไม่ต้องห่วงไปหรอก โรสน่ะต้องเสี่ยงไปสืบถึงรังศัตรูเลยเชียวนะ แต่ก่อนที่เราจะเล่นงานบารอนด์วาเลียได้คืนนี้คงต้องไปพบชายผู้นั้นเสียก่อน”“ใครเหรอคะ?”“ก็คนที่ข้าทำสัญญาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ไง เตรียมยาไว้ด้วยเล่า คืนนี้คงต้องใช้ยาของโรสช่วยอีกแรง”“
รถม้าคันหรูประทับตราลวดลายพระอาทิตย์สีทองอร่ามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ราชวงศ์ หญิงสาวสวมผ้าคลุมลงมาจากรถม้าพร้อมชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินท่วงท่าภูมิฐานข้ารับใช้ในตระกูลที่เห็นรถม้าตราพระราชวังต่างตื่นตระหนกตกใจรีบวิ่งไปแจ้งดัชเชสคราเรนซ์โดยเร็ว“องค์ชายอาร์มิสมางั้นรึ!” หญิงสาววัยกลางคนดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาตัวหรู“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เรือนผมของท่านผู้น้ำเป็นสีน้ำเงินเข้มซึ่งไม่เหมือนองค์ชายอาร์มิสเลยค่ะ” หญิงรับใช้กล่าวดัชเชสเดินออกจากประตูห้องนั่งเล่นพร้อมเหล่าข้ารับใช้จำนวนหนึ่งทันทีที่เคียร่าและเฮลิออสเข้ามาในคฤหาสน์ โรสที่ได้เห็นเจ้านายของตนอยู่ในสภาพเสื้อผ้ายับยู่ยี่อีกทั้งยังขาดวิ่น วิ่งกรูเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นห่วงดัชเชสเหลือบตามองชายสูงโปร่งหน้าถมึงทึงที่ยืนข้างหญิงสาวอ้อนแอ้น มือไม้เริ่มสั่นไหวต่อความน่าเกรงขามเมื่อนัยน์ตาอเมทิสต์จ้องมองดุดันอย่างผู้เหนือกว่าและแผ่ออร่ากดดันมหาศาลใส่เธอดัชเชสย่อตัวทำความเคารพ เธอยังคงพยายามฝืนสีหน้าให้ปกติเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา“มะ หม่อมฉันดัชเชสคราเรนซ์ทำความเคารพแด่องค์ชายเฮลิออสเพคะ... นึกไม่ถึงเลยว่าพระองค์จะกลับมาจากแดนเหนือเร็วกว่ากำหนด ไม่ทราบ
เปลือกตายับย่นค่อยๆ หรี่ขึ้น ร่างกายขยับไม่ได้ดั่งใจนึกเพราะถูกมัดมือไขว้หลัง เธอกวาดตามองรอบห้องนอนทรุดโทรม บรรยากาศภายในห้องมืดครึ้มจนแทบเห็นหน้าชายที่ยืนอยู่ตรงปลายเตียงได้ไม่ค่อยชัด“ตื่นเร็วเหมือนกันนิ” เสียงทุ้มเอ่ยพลางเดินมานั่งบนเตียง“จะ จับข้ามาทำไม..” น้ำเสียงใสสั่นเครือ เธอแสดงสีหน้าหวาดกลัวต่อชายลึกลับ ทว่าในใจของหญิงสาวกลับตื่นเต้นว่าโจรลักพาตัวจะทำอะไรกันแน่ ถ้าตามในนิยายแล้วแผนลักพาตัวจะไม่สำเร็จเพราะว่าเธอหนีพวกโจรได้อย่างฉิวเฉียดเคียร่ารู้อยู่แล้วว่าแผนการนี้เป็นขององค์ชายเฮลิออสเธอเลยยอมโดนจับแต่โดยดี“ข้าอยากจะรู้นัก ว่าคนรักของน้องชายข้าเป็นยังไง”“ทะ ท่านที่ช่วยข้าครานั้น คือองค์ชายเฮลิออสหรือเพคะ... ท่านจับข้าแบบนี้เพื่ออะไรกันคะ...”“อืม... ข้าคิดอยู่ว่าจะแกล้งน้องชายตนเองนิดหน่อยน่ะ ถ้าหญิงคนรักตกเป็นของผู้อื่น เจ้านั่นจะแสดงสีหน้าแบบไหนกันนะ”องค์ชายอยากได้ตัวข้าเพื่อให้อาร์มิสทรมานใจเนี่ยนะ?เธอไม่คิดเลยว่าแผนของเขามันจะเรียบง่ายแบบนี้ แต่ก็เข้าทางเธอพอดีร่างกำยำขยับตัวเข้าใกล้เธอมากขึ้น เคียร่าจึงต้องสวมบทบาทเป็นหญิงสาวไร้เดียงสาต่อ“จะทำอะไรเพคะ! อย่ามา