“เข้ามา”
เสียงทุ้มหนักแน่นเอ่ยกับข้ารับใช้ ประตูบานใหญ่เปิดออกให้หญิงสาวผมสีเงินเข้ามาภายในห้องทำงานของดยุกคราเรนซ์
“สวัสดีค่ะ ท่านดยุก เพื่อไม่เป็นการรบกวนเวลาอันมีค่าของท่าน ข้ามีเรื่องแจ้งให้ทราบค่ะ”
เคียร่าย่อตัวทำความเคารพกับชายวัยกลางคนผู้มีเรือนผมสีบลอนด์เข้มเหมือนกับอัลเบิร์ตและฟานา
“ข้าอยากได้หญิงรับใช้ส่วนตัวค่ะ ข้าเป็นถึงเลดี้ ของตระกูลคราเรนซ์และเป็นคนรักขององค์รัชทายาทแต่กลับไม่มีหญิงรับใช้ส่วนตัว ข้าคิดว่ามันเสียเกียรติของชนชั้นสูงค่ะ ”
ดยุกขมวดคิ้ว พลางครุ่นคิดกับคำพูดของเคียร่า แม้ว่าเขาจะไม่ชอบเธอขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้าเพื่อตำแหน่งและอำนาจที่มากขึ้น เขาต้องให้เธอเป็นพระชายาให้ได้เพื่อจะทำให้เธอเป็นหุ่นเชิดให้เขาอยู่ในจุดสูงสุดและเป็นผู้ที่มีอิทธิมากกว่าตระกูลอื่นๆ
“ข้าจะบอกหัวหน้าแม่บ้านหาให้แล้วกัน”
“ข้าต้องการเลือกเองค่ะ ข้าอยากหาคนที่เด็กกว่าข้าค่ะ ”
“งั้นเจ้าก็ไปเลือกเอง จบเรื่องแล้วก็ออกไป”
“ขอบคุณค่ะท่านดยุก”
เคียร่าย่อตัวเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องไป
ไม่กี่วันต่อมาหัวหน้าแม่บ้านก็เรียกเคียร่าให้ไปคัดเลือกหญิงรับใช้ ตาคู่สวยกวาดตามองเด็กสาวที่ยืนเรียงกันเป็นแถว พลันก็ไปสะดุดกับเด็กสาวเรือนผมสีน้ำตาลซึ่งอยู่ปลายสุดของแถว
เด็กสาวที่ก้มหน้าก้มตาอยู่เงยหน้ามองขึ้นทันทีเมื่อเคียร่าหยุดเดินมาอยู่ตรงหน้า ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ
ท่าทีที่ลุกลี้ลุกลนเหมือนกระต่ายตื่นตูม พอได้เห็นท่าทางน่ารักของเด็กสาวแล้วเคียร่าก็เผลอยิ้มหวานออกมา
“ชื่ออะไรงั้นรึ”
“ช...ชื่อโรส เอวา ค่ะ”
“ข้าเลือกโรสนะ ตามมาที่ห้องข้าด้วย”
“ว่าไงโรส ข้าคิดว่าเจ้าคงจำข้าไม่ได้สินะ”
เคียร่าเอ่ยทักทายหญิงรับใช้คนใหม่พร้อมยกน้ำชาดื่ม
โรสเดินกรู่เข้ามาพร้อมนั่งคุกเข่าลงอยู่เบื้องหน้า สีหน้าดูสดใสมากกว่าเมื่อตอนเจอกันในครั้งแรก
“ท่านนักบุญ… ไม่สิ ! คุณหนูเคียร่า... ข้าตกใจมากเลยนะคะที่เห็นท่านเป็นคุณหนูชนชั้นสูง ตั้งแต่ข้าได้เข้ามาในคฤหาสน์คราเรนซ์ ข้าก็คอยมองหาท่านนักบุญอยู่ตลอด ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้มารับใช้ใกล้ชิดขนาดนี้ ”
“ข้าหวังว่าเจ้าจะจำข้าไม่ได้... เปลี่ยนแค่สีผมมันคงไม่ได้ผลสินะ”
“ไม่หรอกค่ะ ถ้าเป็นคนอื่นคงจำไม่ได้เพราะว่าคุณหนูแตกต่างจากตอนเป็นท่านนักบุญมากๆ แบบว่าตอนเรือนผมสีดำออร่าดูน่าเกรงขาม แต่พอเป็นคนหนูเคียร่าดูสดใสสว่างไสวเหมือนพระอาทิตย์ แต่ข้าน่ะ ไม่มีทางลืมรอยยิ้มของคุณหนูผู้มีพระคุณได้หรอกค่ะ”
“ขอบใจนะโรส ลุกขึ้นมานั่งก่อนเถิด ข้ามีเรื่องจะวานเจ้าน่ะ”
โรสลุกขึ้นนั่งอย่าว่าง่าย พลันแสดงสีหน้าจริงจังมากขึ้น คงจะคิดว่าคุณหนูจะมอบหมายงานอะไรให้ทำ
“เจ้าคงได้ยินมาบ้างแล้วจากสาวใช้ว่าข้าอยู่จุดไหนของตระกูลคราเรนซ์ ข้าเป็นเพียงแค่ลูกสาวบุญธรรมที่ถูกเมินจากดยุกและดัชเชส เลยถูกปฏิบัติไม่ดีสักเท่าไหร่ทว่าตอนนี้สถานการณ์อาจจะดีขึ้นมานิดหน่อยเนื่องจากข้าเป็นคนรักขององค์ชายอาร์มิส เจ้าคิดเห็นอย่างไร ข้าจะให้เจ้าถามคำถามที่ข้าพอตอบให้ได้”
“ข้าพอจะเข้าใจสถานการณ์บ้างแล้ว สิ่งที่ข้าสงสัยคือคุณหนูมีเป้าหมายอะไรคะ ”
“เป้าหมายตอนนี้คือการรวบรวมอำนาจ”
“งั้นทำไมคุณหนูถึงไม่เปิดเผยตนเองล่ะคะว่ามีพลังศักดิ์ศักดิ์ คุณหนูคงได้อำนาจมากขึ้น อีกทั้งอาจได้ความเคารพนับถือมากมายจากวิหารและเหล่าประชาชน”
“ถ้าข้าเปิดเผยตอนนี้ข้าก็ต้องไปอยู่ที่วิหาร ข้ายังไม่อยากไปอยู่ที่นั่น ตอนนี้สิ่งที่ต้องการมันมีมากกว่านั้น ”
“ถ้ามีสิ่งใดต้องการ ที่ข้าพอช่วยได้บอกได้เลยนะคะ”
“สิ่งที่ต้องการตอนนี้คงเป็นหาเงินกระมัง เราคงต้องช่วยกันหาแล้วล่ะ ข้ากับโรสน่ะ”
เคียร่ายิ้มหวานให้โรสก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบขวดน้ำยาโพชั่นสีฟ้าที่ได้มาจากร้านค้าลาลาบู ร้านขายยาของนักบวชเก่าซึ่งขายเฉพาะกับเหล่าขุนนางและพวกเศรษฐี
เคียร่ารู้สึกสงสัยโพชั่นที่โรสนำไปขายกับตระกูลบารอนด์ วาเลีย ตระกูลนี้เป็นที่รู้กันว่าเป็นสาวกของวิหารศักดิ์สิทธิ์ซึ่งไม่น่าจะยุ่งเกี่ยวทำการค้ากับนักเล่นแร่แปรธาตุ เพราะว่าโลกนี้นักเล่นแร่แปรธาตุเป็นสิ่งผิดธรรมชาติจากพระผู้เป็นเจ้า การรักษาควรมาจากนักบวชในวิหารเท่านั้น
มีหลายตระกูลขุนนางที่ยังเป็นปรปักษ์กับวิหารศักดิ์สิทธิ์ จึงหันไปพึ่งพาโพชั่นแทนการเรียกนักบวชของวิหารศักดิ์สิทธิ์ให้ไปรักษา
“โรสลองดูโพชั่นขวดนี้หน่อยสิ”
โรสหยิบขวดขึ้นมาเปิดฝาสูดดมกลิ่น พลันดวงตากลมเบิกกว้าง
“นี่มันเป็นโพชั่นแบบเดียวที่ข้านำไปขายกับบารอนด์วาเลียค่ะ! มันคล้ายคลึงกับของข้ามาก ทั้งที่โพชั่นนั้นเป็นสูตรที่ข้าคิดค้นขึ้นเอง...”
มือเล็กกำขวดแน่น อารมณ์ขุ่นเคืองจนไม่อาจเก็บสีหน้าไว้ได้
“โพชั่นนี้ข้าได้มาจากร้านลาลาบู เป็นธุรกิจลับของบารอนด์วาเลีย ดูเหมือนว่าโรสจะถูกหลอกและถูกลอกสูตรน้ำยาโพชั่นแล้วล่ะ เขาคงมีนักเล่นแร่แปรธาตุที่มีความสามารถอยู่ใกล้ตัว... แต่ไม่ต้องกังวลไปเราจะไปเช็กบิลเอาค่าตอบแทนคืนกัน”
“เช็กบิลคืออะไรหรือคะคุณหนู”โรสเอียงคอทำหน้าตางงงวยกับคำไม่คุ้นหู
“เก็บกวาดพวกคนชั่วไงล่ะ ”
เคียร่าแสยะยิ้มร้ายออกมาจนโรสมองเธอด้วยสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ
……
ยามค่ำคืนเงียบสงบมีเพียงเสียงคร่ำครวญของหญิงรับใช้ที่ยื้อดึงดันกับผู้เป็นนายของตนอยู่ตรงหน้าต่างบานใหญ่ เรือนผมสีดำขลับกระทบแสงจันทร์จนเป็นประกายสีน้ำเงิน หญิงสาวนั่งห้อยขาอยู่ริมหน้าต่าง
“คุณหนูจะไม่ให้ข้าไปด้วยจริงเหรอคะ” เสียงออดอ้อนของโรสก็ไม่มีทีท่าว่าจะช่วยให้เคียร่าใจอ่อนลง
“วันนี้ไม่ได้ ข้าได้งานใหญ่มาจากยายเฒ่า อย่าเศร้าไปเลยโรส...ข้ารู้ว่าเจ้าสนุกที่ได้ออกไปเป็นผู้ช่วยนักบุญ และก็ขอบใจยาที่ช่วยทำให้ข้านะ จะกลับก่อนรุ่งเช้าอย่าได้เป็นห่วงเลย... ”
เคียร่ากระโดดลงออกจากหน้าต่างลงถึงพื้นอย่างปลอดภัย พลังศักดิ์เริ่มปรับตัวเข้ากับร่างกายจนเริ่มสามารถควบคุมให้คล่องตัวได้มากขึ้น แม้จะกระโดดลงมาจากที่สูง ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บมาก
เป็นเวลากว่า 3 สัปดาห์ เธอเตรียมพร้อมทุกอย่าง เพื่อรอคอยที่จะได้พบกับชายผู้นั้นในคราบนักบุญหญิงนอกรีตแคลร์รีน ในช่วง3สัปดาห์เธอได้ออกไปที่ถนนเซียนน่า รับงานจากยายเฒ่าที่หาลูกค้ามาให้แบบไม่ได้พักเหนื่อยจนชื่อเสียนักบุญแคลร์รีนเริ่มโด่งดังไปทั่วตรอกเมืองหลวงในเวลาอันสั้น มีอยู่หลายโรคภัยที่นักบุญฝึกหัดหรือนักบวชระดับสูงไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ จนหลาย ๆ คนต้องหันไปพึ่งโพชั่นหรือถอดใจ ทว่าแล้วพลังนักบุญของเธอมันมีมหาศาลกว่าที่คิด มันสามารถรักษาโรคภัยได้และยังปัดเป่าคำสาปบางประเภทได้อีกด้วย แต่ก็มีบางโรคไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ อย่างเช่นโรคสภาวะทางจิตใจที่อาจจะต้องรักษาร่วมกับการทานยา ซึ่งตัวยาเธอใช้ความรู้จากชาติที่แล้วมาเป็นส่วนช่วยในการสร้างยารักษาร่วมกับโรส
โรงแรมเอลลีน ถนนเซียนน่า
“ห้องพิเศษ 1/1”
หญิงสาวเรือนผมสีดำขลับเป็นที่คุ้นเคยของพนักงานต้อนรับ เคียร่าเอ่ยรหัสลับ รู้เฉพาะพนักงานร้าน สำหรับห้องพิเศษซึ่งมีไว้สำหรับลูกค้าของนักบุญนอกรีตเท่านั้น
เคียร่าก้าวเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบนสุดของโรงแรม เธอหยุดอยู่ตรงหน้าห้องท้ายสุดทางเดิน พร้อมสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ มือยกขึ้นเคาะประตู3ครั้งก่อนประตูจะถูกเปิดขึ้น เผยให้เห็นชายร่างสูงยืนหันหน้าออกไปทางริมหน้าต่าง
ปัง! เสียประตูถูกปิดลงเสียงดังจนทำให้หญิงสาวถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย เธอหันไปมองประตูก็เห็นเงาดำแว็บหนึ่ง ยกมือขึ้นขยี้ตา ทวนภาพเมื่อสักครู่
“นักบุญนอกรีตแคลร์รีน ข้าได้ยินชื่อเสียงของเจ้าว่าเก่งกาจมากกว่านักบวชในวิหารระดับสูง โรคที่ไม่หายก็กลับทำให้หายได้ ข้าอยากจะรู้ว่ามันเป็นเพียงแค่ข่าวโคมลอยหรือเปล่า” เสียงทุ้มนิ่งเอ่ยบอกพร้อมเลื่อนเก้าอี้ไม้หย่อนกายนั่งลงอย่างน่าเกรงขาม รับรู้ถึงออร่ามืดครึ้มแผ่กระจายทั่วภายในห้อง
เคียร่าก้มหัวเล็กน้อยทำความเคารพต่อลูกค้า “เป็นไปตามข่าวลือจริง ๆ ค่ะ ข้าได้ยินมาจากยายเฒ่าแล้วว่าโรคที่ท่านต้องการรักษาคือโรคนอนไม่หลับใช่ไหมคะ”
“ใช่ ข้าก็ไม่ได้หวังอะไรกับเจ้ามากหรอก... ทว่าถอดหน้ากากออกเสีย ข้าไม่ไว้ใจกับคนที่ปิดบังใบหน้าต่อหน้าข้า”
เคียร่าถอดหน้ากากออกพลันก็เกิดรอยยิ้มประหลาดจากชายเบื้องหน้า
เขาลุกขึ้นเดินเข้ามาหาเคียร่า ฝ่ามือหนาเชยคางเรียวสวยให้เชิดหน้าขึ้น ดวงตาอเมทิสต์แสดงความก้าวร้าวจ้องมาที่เธออย่างไม่ลดละก่อนจะแสยะยิ้มออกมา
“แคลร์รีนสินะ จะรักษาข้ายังไงดีล่ะ”
มือเล็กยกขึ้นจับฝ่ามือใหญ่ให้เลิกจับใบหน้าตน ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบนิ่งพร้อมคลี่ยิ้มจาง
“เชิญนอนที่เตียงค่ะ”
โรคที่องค์ชายเฮลิออสประสบเจอเป็นสภาวะซึมเศร้าผลกระทบจิตใจในวัยเด็กจากการโดนคุมขังให้อยู่แต่ในหอคอยเพียงลำพังเนื่องจากต้องปกปิดการมีตัวตนเป็นลูกนอกสมรสขององค์จักรพรรดิอิเมอร์สัน เขาถูกจักรพรรดินีแคโรลีนกักขังตั้งแต่อายุ 8 ขวบจนถึงอายุ 12 ปี จักรพรรดินีก็ได้ให้กำเนิดองค์ชายอาร์มิสผู้มีสิทธิ์ขึ้นครองราชย์อันชอบธรรม
แต่ความหวาดกลัวต่อองค์ชายเฮลิอออสยังไม่จางหาย จักรพรรดินีจึงออกคำสั่งให้องค์ชายไปอยู่ชายแดนเหนือหนาวเหน็บที่มีแต่สงครามหวังว่าจะให้องค์ชายตายในสนามรบ ทว่าองค์ชายกลับมีชีวิตรอดมาได้ทุกครั้งและได้รับชัยชนะจากสงครามยืดเยื้อนานถึง22ปี จนกลายเป็นซอร์ดมาสเตอร์หนึ่งเดียวในจักรวรรดิคอสมอสไซรัส
เนื่องจากชนะสงครามจักรพรรดิอีเมอร์สันจึงเรียกตัวองค์ชายกลับมาพระราชวัง เพื่อตกรางวัลให้กับผู้นำทัพ
“ท่านมีนามว่าอะไรหรือคะ ข้าอยากทราบนามผู้ที่เป็นลูกค้า”
“เอียออส”
ร่างสูงนอนลงบนเตียง เคียร่าจึงใช่มือแตะที่หัวของเขาอย่างเบามือ เธอหลับตาลงพลันก็เกิดออร่าสีดำแผ่ออกมา ชายที่นอนราบเริ่มมีสีหน้าเจ็บปวดทรมานจนเหงื่อเริ่มไหลออกตามขมับ
พลันภาพในอดีตของเฮลิออสก็ผุดขึ้นมา เผยให้เห็นหญิงสาวเรือนผมสีน้ำเงินเปรอะเปื้อนได้ด้วยเลือดสีแดงสด เธออยู่ในท่าคุกเข่าซึ่งมีดาบยาวเสียบไว้กลางหลัง ร่างบอบบางอ่อนแรงกำลังโอบกอดเด็กชายตัวน้อยไว้แนบแน่น
“เฮลิ... จำที่แม่บอกไว้ได้ไหม ถ้าลูกเจอหมีตัวใหญ่ต้องแกล้งตายนะ..” เสียงแผ่วเบาเอ่ยบอกกับลูกชายผู้เป็นแก้วตาดวงใจ แม้ในช่วงชีวิตสุดท้ายเธอก็ยังคงยิ้มให้กับลูกชาย
“ม..แม่..ฮะ.. ” น้ำเสียงเล็กหวาดผวากัดปากกลั้นใจไม่ให้มีเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา
ฉับ! ทันใดนั้นศีรษะของผู้เป็นแม่ก็ขาดสะบัดจากคมดาบยาวของชายร่างใหญ่
ภาพศีรษะผู้เป็นแม่กระเด็นออกจากบ่ายังคงติดตาเฮลิออสอย่างไม่มีวันเลือนหายไป...
“อึก.. นี่เจ้า!จะรักษาข้าหรือทำให้ข้าตายกันแน่ ! ” เฮลิออสเปล่งเสียงดังกังวานด้วยความโมโห เขาผุดลุกขึ้นนั่งพร้อมกระชากแขนของเคียร่าอย่างแรง“ใจเย็นก่อนค่ะ ข้าจะอธิบายเกี่ยวกับโรคของท่านให้ฟังค่ะ” น้ำเสียงหนักแน่นของหญิงสาวทำให้เฮลิออส ค่อย ๆ ปล่อยแขนเล็กลง“ถ้าเจ้าปลด ข้าจะฆ่าเจ้าแน่”“ที่ท่านเป็นอยู่คือโรคจากสภาวะจิตใจบอบช้ำจากอดีตค่ะ มันคือความเครียด วิตกจริต การรักษามี3วิธีค่ะ วิธีแรก ให้ข้าใช้พลังช่วยท่านให้นอนหลับสบายในทุกคืนที่ท่านต้องการนอนแต่จะไม่หายขาด 1ครั้ง ต่อ1คืน วิธีที่ 2 ดื่มยาที่ข้าทำขึ้นมาเฉพาะ มันจะช่วยให้พลังของข้าที่ใช้กับท่านมีผลยาวนานถึง1อาทิตย์ ทว่ามันก็จะมีผลข้างเคียงตามมา และวิธีสุดท้าย การรักษาสภาวะจิตใจให้กลับมาเป็นปกติ ก็คือการเอาชนะเหตุการณ์ในอดีตที่ฝังใจ วิธีนี้ท่านจะหายขาด”“เฮอะ ข้าน่ะไม่ได้บอบช้ำอะไรแบบนั้นสักหน่อย แต่ทำไมถึงต้องดื่มยาด้วย ข้าไม่ยักรู้ว่านักบุญสามารถทำยาได้ ยาที่มีผลข้างเคียงเนี่ยนะ ไม่ใช่ยาพิษหรอกหรือ”“ไม่ใช่ยาพิษแน่นอนค่ะ ข้าจะทำให้ท่านเชื่อเอง ส่วนผลข้างเคียงก็แค่รุ่มร้อนตอนดื่มเฉยๆ”เคียร่าหยิบขวดออกจากกระเป๋าพร้อมเปิดฝาออกยกดื่ม
เปลือกตายับย่นค่อยๆ หรี่ขึ้น ร่างกายขยับไม่ได้ดั่งใจนึกเพราะถูกมัดมือไขว้หลัง เธอกวาดตามองรอบห้องนอนทรุดโทรม บรรยากาศภายในห้องมืดครึ้มจนแทบเห็นหน้าชายที่ยืนอยู่ตรงปลายเตียงได้ไม่ค่อยชัด“ตื่นเร็วเหมือนกันนิ” เสียงทุ้มเอ่ยพลางเดินมานั่งบนเตียง“จะ จับข้ามาทำไม..” น้ำเสียงใสสั่นเครือ เธอแสดงสีหน้าหวาดกลัวต่อชายลึกลับ ทว่าในใจของหญิงสาวกลับตื่นเต้นว่าโจรลักพาตัวจะทำอะไรกันแน่ ถ้าตามในนิยายแล้วแผนลักพาตัวจะไม่สำเร็จเพราะว่าเธอหนีพวกโจรได้อย่างฉิวเฉียดเคียร่ารู้อยู่แล้วว่าแผนการนี้เป็นขององค์ชายเฮลิออสเธอเลยยอมโดนจับแต่โดยดี“ข้าอยากจะรู้นัก ว่าคนรักของน้องชายข้าเป็นยังไง”“ทะ ท่านที่ช่วยข้าครานั้น คือองค์ชายเฮลิออสหรือเพคะ... ท่านจับข้าแบบนี้เพื่ออะไรกันคะ...”“อืม... ข้าคิดอยู่ว่าจะแกล้งน้องชายตนเองนิดหน่อยน่ะ ถ้าหญิงคนรักตกเป็นของผู้อื่น เจ้านั่นจะแสดงสีหน้าแบบไหนกันนะ”องค์ชายอยากได้ตัวข้าเพื่อให้อาร์มิสทรมานใจเนี่ยนะ?เธอไม่คิดเลยว่าแผนของเขามันจะเรียบง่ายแบบนี้ แต่ก็เข้าทางเธอพอดีร่างกำยำขยับตัวเข้าใกล้เธอมากขึ้น เคียร่าจึงต้องสวมบทบาทเป็นหญิงสาวไร้เดียงสาต่อ“จะทำอะไรเพคะ! อย่ามา
รถม้าคันหรูประทับตราลวดลายพระอาทิตย์สีทองอร่ามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ราชวงศ์ หญิงสาวสวมผ้าคลุมลงมาจากรถม้าพร้อมชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินท่วงท่าภูมิฐานข้ารับใช้ในตระกูลที่เห็นรถม้าตราพระราชวังต่างตื่นตระหนกตกใจรีบวิ่งไปแจ้งดัชเชสคราเรนซ์โดยเร็ว“องค์ชายอาร์มิสมางั้นรึ!” หญิงสาววัยกลางคนดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาตัวหรู“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เรือนผมของท่านผู้น้ำเป็นสีน้ำเงินเข้มซึ่งไม่เหมือนองค์ชายอาร์มิสเลยค่ะ” หญิงรับใช้กล่าวดัชเชสเดินออกจากประตูห้องนั่งเล่นพร้อมเหล่าข้ารับใช้จำนวนหนึ่งทันทีที่เคียร่าและเฮลิออสเข้ามาในคฤหาสน์ โรสที่ได้เห็นเจ้านายของตนอยู่ในสภาพเสื้อผ้ายับยู่ยี่อีกทั้งยังขาดวิ่น วิ่งกรูเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นห่วงดัชเชสเหลือบตามองชายสูงโปร่งหน้าถมึงทึงที่ยืนข้างหญิงสาวอ้อนแอ้น มือไม้เริ่มสั่นไหวต่อความน่าเกรงขามเมื่อนัยน์ตาอเมทิสต์จ้องมองดุดันอย่างผู้เหนือกว่าและแผ่ออร่ากดดันมหาศาลใส่เธอดัชเชสย่อตัวทำความเคารพ เธอยังคงพยายามฝืนสีหน้าให้ปกติเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา“มะ หม่อมฉันดัชเชสคราเรนซ์ทำความเคารพแด่องค์ชายเฮลิออสเพคะ... นึกไม่ถึงเลยว่าพระองค์จะกลับมาจากแดนเหนือเร็วกว่ากำหนด ไม่ทราบ
ระเบียงห้องนอนเริ่มถูกประดับไปด้วยกระถางดอกลิลลี่สีขาวมองกันเผิน ๆ ก็คงเหมาะกับเคียร่าเพราะมันดูบริสุทธิ์และส่งกลิ่นหอมเย้ายวน ทว่ารากของมันกลับมีพิษร้ายแรงเมื่อเผลอกินก็อาจถึงตายได้โต๊ะน้ำชาซึ่งตั้งอยู่ตรงระเบียงเคียร่าและโรสกำลังนั่งพูดคุยกันถึงตระกูลบารอนด์วาเลีย“คิดไม่ถึงเลยนะคะว่าเลดี้โมอา ส่งบัตรเชิญชวนไปร่วมฉลองงานวันเกิด”โรสขมวดคิ้วเข้าหากัน ไม่คิดเลยว่าจะมีจดหมายเชิญคุณหนูไปร่วมออกงานสังคม เพราะตลอด1เดือนไม่มีจดหมายฉบับอื่นส่งมาหาเลยนอกจากขององค์ชายอาร์มิสถ้าไปก็คงมีเรื่องสนุกๆ เป็นแน่ โรสเคยเจอเลดี้โมอาไหม”“ไม่เคยเจอเลยค่ะ ตอนนั้นที่ข้านำโพชั่นไปขายเจอเพียงแต่บารอนด์วาเลียค่ะ”“ถ้างั้นเราไปตามบัตรเชิญเสียหน่อย เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมบ้าง คราวนี้โรสต้องออกโรงแล้ว”โรสยิ้มดีใจพร้อมพยักหน้าตอบรับ“คุณหนูต้องระวังตัวด้วยนะคะ”“ไม่ต้องห่วงไปหรอก โรสน่ะต้องเสี่ยงไปสืบถึงรังศัตรูเลยเชียวนะ แต่ก่อนที่เราจะเล่นงานบารอนด์วาเลียได้คืนนี้คงต้องไปพบชายผู้นั้นเสียก่อน”“ใครเหรอคะ?”“ก็คนที่ข้าทำสัญญาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ไง เตรียมยาไว้ด้วยเล่า คืนนี้คงต้องใช้ยาของโรสช่วยอีกแรง”“
“คุณหนู! ทำไมกลับมาเสียเช้า รู้ไหมข้าเป็นกังวลแทบบ้า!” หญิงสาวแต่งตัวใส่ชุดนอนของผู้เป็นนายดีดตัวลงออกจากเตียงและบ่นกับเคียร่าที่พึ่งกลับมาถึงตอนรุ่งเช้า“เกิดเหตุนิดหน่อยน่ะ ขอบใจนะที่แสดงเป็นข้า”เคียร่ายิ้มหวานพลันลูบหัวโรสอย่างเอ็นดู“ใจข้าว้าวุ่นขนาดไหน...นึกว่าคุณหนูจะไม่กลับมาเสียแล้ว” โรสขมวดคิ้วพร้อมแสดงหน้าน้อยใจ ถ้าเจ้านายไม่กลับมาเธอคงต้องออกตามหาผู้เป็นนายอย่างบ้าคลั่งเป็นแน่“เอาน่า วันนี้เรามีนัดสำคัญข้าจะพลาดไปได้ไง และข้าก็ได้เอกสารหลักฐานมาครบแล้ว คืนนี้เราจะเอาคืนตระกูลวาเลียกัน”ใบหน้าสวยเจ้าเล่ห์แสยะยิ้ม ทำเอาโรสถึงกับใจเต้นแรง เธอรู้สึกชอบบุคลิกนี้ของเจ้านายที่สุด โดยปกติเมื่อคุณหนูอยู่ต่อหน้าคนอื่นการแสดงสีหน้าและท่าทางจะกลายเป็นคนละคนกับตอนนี้เคียร่าต้องแสดงเป็นหญิงสาวใสซื่อ อ่อนแอไม่สู้คนอยู่ตลอด แต่พอได้พ้นสายตาผู้อื่นไป ก็จะแสดงอีกตัวตนหนึ่งออกมาจนตอนนี้โรสเริ่มชินและเข้าใจเจ้านายของตัวเองมากขึ้นแล้วเฮลิออสหยิบโน้ตบนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาอ่านและคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ถ้าเธอรู้ว่าเขาทำอะไรลงไปคงโดนตราหน้าว่าเป็นพวกโรคจิตเป็นแน่ร่างสูงจัดแจงใส่เสื้อผ้าให้เร
โถงงานเลี้ยงในคฤหาสน์เต็มไปด้วยแขกมากหน้าหลายตาของเหล่าลูกหลานขุนนางชนชั้นสูง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่หญิงสาวชุดเดรสรัดรูปสีขาวกำลังถูกเจ้าของงานเลี้ยงวันเกิดพูดจาเหน็บแนม“ข้านึกว่าเลดี้เคียร่าจะออกจากงานไปเสียแล้ว มางานวันเกิดแต่ไม่คิดว่ามีของขวัญให้เจ้าภาพงาน หรือว่าที่เลดี้มาคือจงใจอยากจะเป็นที่หมายตาของบุรุษหรือคะ”โมอามองต่ำแสดงสายตาดูถูกดูแคลนใส่หญิงสาวใบหน้ายิ้มแย้ม“นั้นสิคะ อย่างน้อยก็ขึ้นชื่อเป็นคนในตระกูลคราเรนซ์ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีมารยาทเอาเสียเลย”ลูกสมุนของโมอาช่วยเสริมเติมแต่งหวังว่าจะทำให้เคียร่าหน้าเสียอีกครั้ง“ของขวัญสำหรับเลดี้โมอามีแน่นอนค่ะ ไหน ๆ แล้วข้าอยากจะมอบความสุนทรีย์บรรเลงเปียโนให้กับทุกคนในงานเลี้ยงได้ฟังกันนะคะ”“คนอย่างเลดี้เล่นเปียโนก็คงเป็นเพลงเพี้ยน ๆ เหมือนคราก่อน ข้าก็ไม่หวังกับเลดี้เคียร่าหรอกค่ะ”โมอาแสยะยิ้ม เธอคิดไม่ถึงว่าเคียร่าจะกล้าเล่นดนตรีอีกครั้ง เพราะว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน ในงานออกสังคมครั้งแรกที่เคียร่าไป เธอได้บรรเลงเพลงให้ผู้คนมากมายได้ฟัง จนทั้งงานได้แต่ขนานนามหัวเราะถึงการเล่นดนตรียอดแย่ของเธอมือเรียวสวยวางมือลงบนเปียโน หลับตาลงนึก
ทหารนายหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นตระหนกเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของบารอนด์วาเลียอย่างรีบร้อนปัง!“ท่านบารอนด์! มีคนบุกรุกโกดังชั้นใต้ดินมันเผาโกดังมอดไหม้ไปทั่วแล้วขอรับ!! พวกทาสหนีออกหายไปหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียวเลยครับ!”เสียงประตูดังขึ้นทำให้บารอนด์ตื่นจากภวังค์ เขารีบลุกออกจากเตียงนอนเปิดหน้าต่างเพื่อตรวจสอบสิ่งที่ทหารพูด พื้นที่โกดังซึ่งมองเห็นได้ชัดเกิดไฟไหม้ควันฟุ้งลอยเหนือชั้นบรรยากาศ“ใครกันมันกล้ามาหยามข้าขนาดนี้! ดูแลประสาอะไรวะ! รีบไปจับตัวคนบุกรุกมาให้ข้า!!” เสียงโวยวายของชายวัยกลางคนด่ากราดด้วยความโกรธเกรี้ยว“คือว่า...ผู้บุกรุกได้ทำร้ายทหารของเราจนแน่นิ่งไปหมดแล้วครับ...” ทหารตัวใหญ่แสดงความหวาดเกรงมือไม้สั่นปากสั่นเทา“อะไรกัน! มันมีกันเยอะงั้นเหรอ!”“มีผู้ชาย 2 คน คะ ครับ.. มันลอบทำร้ายทหารของเราทีละคน ก่อนจะรู้ตัวพวกทหารก็สลบกันไปหมดแล้วครับ!”ปัก!!! เสียงถีบหลังบารอนด์จากคนชุดดำที่ลอยตัวเข้ามาจากทางหน้าต่าง ตัวบารอนด์ได้กระเด็นตามแรงถีบนอนกลิ้งส่งเสียงโอดครวญอยู่บนพื้นพรมผืนหรู“จะ เจ็บ..” บารอนด์หันไปมองหาความช่วยเหลือจากทหาร ทว่าทหารคนนั้นก็ได้สลบไปแล้ว คนชุดดำสองคนที่บุ
“องค์ชายเฮลิออสมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิอีเมอร์สันชายวัยกลางอายุราว50ปีผู้มีเรือนผมสีบลอนด์สว่างไสวเหมือนกับอาร์มิสและมีนัยน์ตาสีอเมทิสต์เหมือนกับเฮลิออส ใบหน้านิ่งขรึมไร้อารมณ์ถึงแม้ว่าจะทำงานเอกสารกองเท่าภูเขาอยู่แต่ก็ไม่แสดงถึงความเหน็ดเหนื่อยออกมาเลยแม้แต่น้อยอีเมอร์สันวางปากกาพร้อมกวาดตามองต่อคนที่มาเยือน“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท...”“ได้ข่าวว่าเจ้ามาถึงเมืองหลวงแรมเดือน ทำไมถึงพึ่งจะมาเข้าเฝ้าเรา” อีเมอร์สันเอ่ยเสียงเรียบนิ่งนัยน์ตาสีอเมทิสต์จ้องมองราวกับตานกอินทรี ทั้งดุดัน และน่าเกรงขาม“กระหม่อมเหนื่อยล้ากับการเดินทาง เลยต้องการพักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรงดี อีกอย่างกระหม่อมอยากเที่ยวชมเมืองหลวงที่ไม่ได้กลับมาแสนนานด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“เราเข้าใจได้ ขอบใจที่เจ้าชนะสงครามแดนเหนือและกลับมาที่เมืองหลวง ผลงานที่เจ้าสร้างไว้เพื่อจักรวรรดิเราจะตอบแทนให้สมกับที่เจ้าทำไว้”เฮลิออสยกยิ้มราวกับว่าคำพูดของอีเมอร์สันเป็นอย่างที่เขาคาดหวังไว้“กระหม่อมไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ แค่อยากกลับมาอยู่ในที่ที่เคยอยู่ก็เพียงพอแล้ว...”อีเมอร์สันรู้ความต้องการของเฮลิออสลูกชายของตนเป็นอย่างดี การมาเยือนขอ
ตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ หม่อมฉันหวังว่าองค์ชายจะลืมหม่อมฉันได
ตอนที่13ใช่พระเอกในนิยายจริงๆ เหรอตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ ห
“องค์ชายเฮลิออสมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิอีเมอร์สันชายวัยกลางอายุราว50ปีผู้มีเรือนผมสีบลอนด์สว่างไสวเหมือนกับอาร์มิสและมีนัยน์ตาสีอเมทิสต์เหมือนกับเฮลิออส ใบหน้านิ่งขรึมไร้อารมณ์ถึงแม้ว่าจะทำงานเอกสารกองเท่าภูเขาอยู่แต่ก็ไม่แสดงถึงความเหน็ดเหนื่อยออกมาเลยแม้แต่น้อยอีเมอร์สันวางปากกาพร้อมกวาดตามองต่อคนที่มาเยือน“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท...”“ได้ข่าวว่าเจ้ามาถึงเมืองหลวงแรมเดือน ทำไมถึงพึ่งจะมาเข้าเฝ้าเรา” อีเมอร์สันเอ่ยเสียงเรียบนิ่งนัยน์ตาสีอเมทิสต์จ้องมองราวกับตานกอินทรี ทั้งดุดัน และน่าเกรงขาม“กระหม่อมเหนื่อยล้ากับการเดินทาง เลยต้องการพักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรงดี อีกอย่างกระหม่อมอยากเที่ยวชมเมืองหลวงที่ไม่ได้กลับมาแสนนานด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“เราเข้าใจได้ ขอบใจที่เจ้าชนะสงครามแดนเหนือและกลับมาที่เมืองหลวง ผลงานที่เจ้าสร้างไว้เพื่อจักรวรรดิเราจะตอบแทนให้สมกับที่เจ้าทำไว้”เฮลิออสยกยิ้มราวกับว่าคำพูดของอีเมอร์สันเป็นอย่างที่เขาคาดหวังไว้“กระหม่อมไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ แค่อยากกลับมาอยู่ในที่ที่เคยอยู่ก็เพียงพอแล้ว...”อีเมอร์สันรู้ความต้องการของเฮลิออสลูกชายของตนเป็นอย่างดี การมาเยือนขอ
ทหารนายหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นตระหนกเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของบารอนด์วาเลียอย่างรีบร้อนปัง!“ท่านบารอนด์! มีคนบุกรุกโกดังชั้นใต้ดินมันเผาโกดังมอดไหม้ไปทั่วแล้วขอรับ!! พวกทาสหนีออกหายไปหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียวเลยครับ!”เสียงประตูดังขึ้นทำให้บารอนด์ตื่นจากภวังค์ เขารีบลุกออกจากเตียงนอนเปิดหน้าต่างเพื่อตรวจสอบสิ่งที่ทหารพูด พื้นที่โกดังซึ่งมองเห็นได้ชัดเกิดไฟไหม้ควันฟุ้งลอยเหนือชั้นบรรยากาศ“ใครกันมันกล้ามาหยามข้าขนาดนี้! ดูแลประสาอะไรวะ! รีบไปจับตัวคนบุกรุกมาให้ข้า!!” เสียงโวยวายของชายวัยกลางคนด่ากราดด้วยความโกรธเกรี้ยว“คือว่า...ผู้บุกรุกได้ทำร้ายทหารของเราจนแน่นิ่งไปหมดแล้วครับ...” ทหารตัวใหญ่แสดงความหวาดเกรงมือไม้สั่นปากสั่นเทา“อะไรกัน! มันมีกันเยอะงั้นเหรอ!”“มีผู้ชาย 2 คน คะ ครับ.. มันลอบทำร้ายทหารของเราทีละคน ก่อนจะรู้ตัวพวกทหารก็สลบกันไปหมดแล้วครับ!”ปัก!!! เสียงถีบหลังบารอนด์จากคนชุดดำที่ลอยตัวเข้ามาจากทางหน้าต่าง ตัวบารอนด์ได้กระเด็นตามแรงถีบนอนกลิ้งส่งเสียงโอดครวญอยู่บนพื้นพรมผืนหรู“จะ เจ็บ..” บารอนด์หันไปมองหาความช่วยเหลือจากทหาร ทว่าทหารคนนั้นก็ได้สลบไปแล้ว คนชุดดำสองคนที่บุ
โถงงานเลี้ยงในคฤหาสน์เต็มไปด้วยแขกมากหน้าหลายตาของเหล่าลูกหลานขุนนางชนชั้นสูง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่หญิงสาวชุดเดรสรัดรูปสีขาวกำลังถูกเจ้าของงานเลี้ยงวันเกิดพูดจาเหน็บแนม“ข้านึกว่าเลดี้เคียร่าจะออกจากงานไปเสียแล้ว มางานวันเกิดแต่ไม่คิดว่ามีของขวัญให้เจ้าภาพงาน หรือว่าที่เลดี้มาคือจงใจอยากจะเป็นที่หมายตาของบุรุษหรือคะ”โมอามองต่ำแสดงสายตาดูถูกดูแคลนใส่หญิงสาวใบหน้ายิ้มแย้ม“นั้นสิคะ อย่างน้อยก็ขึ้นชื่อเป็นคนในตระกูลคราเรนซ์ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีมารยาทเอาเสียเลย”ลูกสมุนของโมอาช่วยเสริมเติมแต่งหวังว่าจะทำให้เคียร่าหน้าเสียอีกครั้ง“ของขวัญสำหรับเลดี้โมอามีแน่นอนค่ะ ไหน ๆ แล้วข้าอยากจะมอบความสุนทรีย์บรรเลงเปียโนให้กับทุกคนในงานเลี้ยงได้ฟังกันนะคะ”“คนอย่างเลดี้เล่นเปียโนก็คงเป็นเพลงเพี้ยน ๆ เหมือนคราก่อน ข้าก็ไม่หวังกับเลดี้เคียร่าหรอกค่ะ”โมอาแสยะยิ้ม เธอคิดไม่ถึงว่าเคียร่าจะกล้าเล่นดนตรีอีกครั้ง เพราะว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน ในงานออกสังคมครั้งแรกที่เคียร่าไป เธอได้บรรเลงเพลงให้ผู้คนมากมายได้ฟัง จนทั้งงานได้แต่ขนานนามหัวเราะถึงการเล่นดนตรียอดแย่ของเธอมือเรียวสวยวางมือลงบนเปียโน หลับตาลงนึก
“คุณหนู! ทำไมกลับมาเสียเช้า รู้ไหมข้าเป็นกังวลแทบบ้า!” หญิงสาวแต่งตัวใส่ชุดนอนของผู้เป็นนายดีดตัวลงออกจากเตียงและบ่นกับเคียร่าที่พึ่งกลับมาถึงตอนรุ่งเช้า“เกิดเหตุนิดหน่อยน่ะ ขอบใจนะที่แสดงเป็นข้า”เคียร่ายิ้มหวานพลันลูบหัวโรสอย่างเอ็นดู“ใจข้าว้าวุ่นขนาดไหน...นึกว่าคุณหนูจะไม่กลับมาเสียแล้ว” โรสขมวดคิ้วพร้อมแสดงหน้าน้อยใจ ถ้าเจ้านายไม่กลับมาเธอคงต้องออกตามหาผู้เป็นนายอย่างบ้าคลั่งเป็นแน่“เอาน่า วันนี้เรามีนัดสำคัญข้าจะพลาดไปได้ไง และข้าก็ได้เอกสารหลักฐานมาครบแล้ว คืนนี้เราจะเอาคืนตระกูลวาเลียกัน”ใบหน้าสวยเจ้าเล่ห์แสยะยิ้ม ทำเอาโรสถึงกับใจเต้นแรง เธอรู้สึกชอบบุคลิกนี้ของเจ้านายที่สุด โดยปกติเมื่อคุณหนูอยู่ต่อหน้าคนอื่นการแสดงสีหน้าและท่าทางจะกลายเป็นคนละคนกับตอนนี้เคียร่าต้องแสดงเป็นหญิงสาวใสซื่อ อ่อนแอไม่สู้คนอยู่ตลอด แต่พอได้พ้นสายตาผู้อื่นไป ก็จะแสดงอีกตัวตนหนึ่งออกมาจนตอนนี้โรสเริ่มชินและเข้าใจเจ้านายของตัวเองมากขึ้นแล้วเฮลิออสหยิบโน้ตบนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาอ่านและคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ถ้าเธอรู้ว่าเขาทำอะไรลงไปคงโดนตราหน้าว่าเป็นพวกโรคจิตเป็นแน่ร่างสูงจัดแจงใส่เสื้อผ้าให้เร
ระเบียงห้องนอนเริ่มถูกประดับไปด้วยกระถางดอกลิลลี่สีขาวมองกันเผิน ๆ ก็คงเหมาะกับเคียร่าเพราะมันดูบริสุทธิ์และส่งกลิ่นหอมเย้ายวน ทว่ารากของมันกลับมีพิษร้ายแรงเมื่อเผลอกินก็อาจถึงตายได้โต๊ะน้ำชาซึ่งตั้งอยู่ตรงระเบียงเคียร่าและโรสกำลังนั่งพูดคุยกันถึงตระกูลบารอนด์วาเลีย“คิดไม่ถึงเลยนะคะว่าเลดี้โมอา ส่งบัตรเชิญชวนไปร่วมฉลองงานวันเกิด”โรสขมวดคิ้วเข้าหากัน ไม่คิดเลยว่าจะมีจดหมายเชิญคุณหนูไปร่วมออกงานสังคม เพราะตลอด1เดือนไม่มีจดหมายฉบับอื่นส่งมาหาเลยนอกจากขององค์ชายอาร์มิสถ้าไปก็คงมีเรื่องสนุกๆ เป็นแน่ โรสเคยเจอเลดี้โมอาไหม”“ไม่เคยเจอเลยค่ะ ตอนนั้นที่ข้านำโพชั่นไปขายเจอเพียงแต่บารอนด์วาเลียค่ะ”“ถ้างั้นเราไปตามบัตรเชิญเสียหน่อย เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมบ้าง คราวนี้โรสต้องออกโรงแล้ว”โรสยิ้มดีใจพร้อมพยักหน้าตอบรับ“คุณหนูต้องระวังตัวด้วยนะคะ”“ไม่ต้องห่วงไปหรอก โรสน่ะต้องเสี่ยงไปสืบถึงรังศัตรูเลยเชียวนะ แต่ก่อนที่เราจะเล่นงานบารอนด์วาเลียได้คืนนี้คงต้องไปพบชายผู้นั้นเสียก่อน”“ใครเหรอคะ?”“ก็คนที่ข้าทำสัญญาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ไง เตรียมยาไว้ด้วยเล่า คืนนี้คงต้องใช้ยาของโรสช่วยอีกแรง”“
รถม้าคันหรูประทับตราลวดลายพระอาทิตย์สีทองอร่ามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ราชวงศ์ หญิงสาวสวมผ้าคลุมลงมาจากรถม้าพร้อมชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินท่วงท่าภูมิฐานข้ารับใช้ในตระกูลที่เห็นรถม้าตราพระราชวังต่างตื่นตระหนกตกใจรีบวิ่งไปแจ้งดัชเชสคราเรนซ์โดยเร็ว“องค์ชายอาร์มิสมางั้นรึ!” หญิงสาววัยกลางคนดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาตัวหรู“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เรือนผมของท่านผู้น้ำเป็นสีน้ำเงินเข้มซึ่งไม่เหมือนองค์ชายอาร์มิสเลยค่ะ” หญิงรับใช้กล่าวดัชเชสเดินออกจากประตูห้องนั่งเล่นพร้อมเหล่าข้ารับใช้จำนวนหนึ่งทันทีที่เคียร่าและเฮลิออสเข้ามาในคฤหาสน์ โรสที่ได้เห็นเจ้านายของตนอยู่ในสภาพเสื้อผ้ายับยู่ยี่อีกทั้งยังขาดวิ่น วิ่งกรูเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นห่วงดัชเชสเหลือบตามองชายสูงโปร่งหน้าถมึงทึงที่ยืนข้างหญิงสาวอ้อนแอ้น มือไม้เริ่มสั่นไหวต่อความน่าเกรงขามเมื่อนัยน์ตาอเมทิสต์จ้องมองดุดันอย่างผู้เหนือกว่าและแผ่ออร่ากดดันมหาศาลใส่เธอดัชเชสย่อตัวทำความเคารพ เธอยังคงพยายามฝืนสีหน้าให้ปกติเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา“มะ หม่อมฉันดัชเชสคราเรนซ์ทำความเคารพแด่องค์ชายเฮลิออสเพคะ... นึกไม่ถึงเลยว่าพระองค์จะกลับมาจากแดนเหนือเร็วกว่ากำหนด ไม่ทราบ
เปลือกตายับย่นค่อยๆ หรี่ขึ้น ร่างกายขยับไม่ได้ดั่งใจนึกเพราะถูกมัดมือไขว้หลัง เธอกวาดตามองรอบห้องนอนทรุดโทรม บรรยากาศภายในห้องมืดครึ้มจนแทบเห็นหน้าชายที่ยืนอยู่ตรงปลายเตียงได้ไม่ค่อยชัด“ตื่นเร็วเหมือนกันนิ” เสียงทุ้มเอ่ยพลางเดินมานั่งบนเตียง“จะ จับข้ามาทำไม..” น้ำเสียงใสสั่นเครือ เธอแสดงสีหน้าหวาดกลัวต่อชายลึกลับ ทว่าในใจของหญิงสาวกลับตื่นเต้นว่าโจรลักพาตัวจะทำอะไรกันแน่ ถ้าตามในนิยายแล้วแผนลักพาตัวจะไม่สำเร็จเพราะว่าเธอหนีพวกโจรได้อย่างฉิวเฉียดเคียร่ารู้อยู่แล้วว่าแผนการนี้เป็นขององค์ชายเฮลิออสเธอเลยยอมโดนจับแต่โดยดี“ข้าอยากจะรู้นัก ว่าคนรักของน้องชายข้าเป็นยังไง”“ทะ ท่านที่ช่วยข้าครานั้น คือองค์ชายเฮลิออสหรือเพคะ... ท่านจับข้าแบบนี้เพื่ออะไรกันคะ...”“อืม... ข้าคิดอยู่ว่าจะแกล้งน้องชายตนเองนิดหน่อยน่ะ ถ้าหญิงคนรักตกเป็นของผู้อื่น เจ้านั่นจะแสดงสีหน้าแบบไหนกันนะ”องค์ชายอยากได้ตัวข้าเพื่อให้อาร์มิสทรมานใจเนี่ยนะ?เธอไม่คิดเลยว่าแผนของเขามันจะเรียบง่ายแบบนี้ แต่ก็เข้าทางเธอพอดีร่างกำยำขยับตัวเข้าใกล้เธอมากขึ้น เคียร่าจึงต้องสวมบทบาทเป็นหญิงสาวไร้เดียงสาต่อ“จะทำอะไรเพคะ! อย่ามา