“อึก.. นี่เจ้า!จะรักษาข้าหรือทำให้ข้าตายกันแน่ ! ” เฮลิออสเปล่งเสียงดังกังวานด้วยความโมโห เขาผุดลุกขึ้นนั่งพร้อมกระชากแขนของเคียร่าอย่างแรง
“ใจเย็นก่อนค่ะ ข้าจะอธิบายเกี่ยวกับโรคของท่านให้ฟังค่ะ” น้ำเสียงหนักแน่นของหญิงสาวทำให้เฮลิออส ค่อย ๆ ปล่อยแขนเล็กลง
“ถ้าเจ้าปลด ข้าจะฆ่าเจ้าแน่”
“ที่ท่านเป็นอยู่คือโรคจากสภาวะจิตใจบอบช้ำจากอดีตค่ะ มันคือความเครียด วิตกจริต การรักษามี3วิธีค่ะ วิธีแรก ให้ข้าใช้พลังช่วยท่านให้นอนหลับสบายในทุกคืนที่ท่านต้องการนอนแต่จะไม่หายขาด 1ครั้ง ต่อ1คืน วิธีที่ 2 ดื่มยาที่ข้าทำขึ้นมาเฉพาะ มันจะช่วยให้พลังของข้าที่ใช้กับท่านมีผลยาวนานถึง1อาทิตย์ ทว่ามันก็จะมีผลข้างเคียงตามมา และวิธีสุดท้าย การรักษาสภาวะจิตใจให้กลับมาเป็นปกติ ก็คือการเอาชนะเหตุการณ์ในอดีตที่ฝังใจ วิธีนี้ท่านจะหายขาด”
“เฮอะ ข้าน่ะไม่ได้บอบช้ำอะไรแบบนั้นสักหน่อย แต่ทำไมถึงต้องดื่มยาด้วย ข้าไม่ยักรู้ว่านักบุญสามารถทำยาได้ ยาที่มีผลข้างเคียงเนี่ยนะ ไม่ใช่ยาพิษหรอกหรือ”
“ไม่ใช่ยาพิษแน่นอนค่ะ ข้าจะทำให้ท่านเชื่อเอง ส่วนผลข้างเคียงก็แค่รุ่มร้อนตอนดื่มเฉยๆ”
เคียร่าหยิบขวดออกจากกระเป๋าพร้อมเปิดฝาออกยกดื่มขึ้นเพื่อพิสูจน์
“เห็นไหม ข้าดื่มแล้ว ทีนี้ก็ตาท่าน”
“ไม่ ข้าต้องรอดูก่อน”
เคียร่าขมวดคิ้วลง เธอไม่คิดเลยว่าองค์ชายจะขี้ระแวงมากขนาดนี้ จึงตัดสินใจฉับพลันยกขวดยาอมน้ำไว้ในปากก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างประคองหน้าชายหนุ่มที่นั่งอยู่เบื้องหน้า ประกบปากป้อนยาใส่ปากของเฮลิออส
อึก อึก แค่กๆ เฮลิออสผละปากออกพร้อมกับสำลักยารสชาติขมปนหวาน รู้สึกเหมือนได้กลิ่นชาหอมหวานจาง ๆ จากยาที่กลืนลงคอ
“เจ้า ! ทำบ้าอะไรเนี่ย !” มือใหญ่ยกขึ้นป้องปากใบหน้าขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงลามไปถึงใบหู
“ก็ท่านไม่ยอมดื่มเอง ข้าก็เลยใช้วิธีเรียบง่ายและได้ผลดีกว่าไหน ๆ ไม่ต้องร่ายเวทรักษาให้เสียเวลา เพราะข้าร่ายตอนป้อนยาให้ท่านแล้ว ถ้าข้าเสียมารยาทก็ขออภัยด้วยค่ะ”
“ยาอะไรของเจ้า รู้สึกร้อนเป็นบ้า” เฮลิออสเริ่มมีเหงื่อออกตามร่างกายพร้อมรู้สึกร้อนวูบวาบข้างใน เขาจึงปลดกระดุมเสื้อเพื่อคลายร้อน
“เป็นผลข้างเคียงแค่ตอนดื่มยาค่ะ อีกสักพักก็หายแล้ว” เคียร่าเบือนหน้าหนีออกเล็กน้อย ภายในใจของเธอก็เริ่มรู้สึกร้อนรุ่มทันทีที่เห็นกล้ามอกขาวผ่องและร่องซิกแพคเป็นชั้น บ่งบอกถึงร่างกายกำยำที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนัก
“ยุ่งยากจริงๆ แล้วทำไมเจ้ายังดูปกติ นี่...หันไปมองอะไรตรงนั้น มองหน้าข้าตอนข้าพูดด้วยเดี๋ยวนี้”
ฝ่ามือหนาจับใบหน้าเรียวให้หันกลับมามองหน้าตน เผยให้เห็นใบหน้าแดงก่ำของหญิงสาว
ความร้อนรุ่มเหมือนถูกปะทุขึ้นเมื่อทั้งสองสบตากัน ใบหน้าคมปากอมชมพูบวกกับใต้ขอบตาดำคล้ำของชายหนุ่ม เสน่ห์บางอย่างดึงดูดราวต้องมนต์สะกดที่ไม่อาจละสายตาไปได้ไหน
องค์ชายทำไมถึงดูเซ็กซี่จัง... หรือเป็นเพราะผลข้างเคียงของยาที่ทำให้ข้ามีความคิดแปลกๆ ไม่คิดว่าเลยว่าผลข้างเคียงจะรุนแรงต่อความรู้สึกขนาดนี้ ข้าคงต้องให้โรสปรับสูตรยาแล้ว
“ท่านอยากคลายร้อนไหมคะ”
“มีวิธีหรือ ไหนบอกข้ามาสิ”
เคียร่ายื่นหน้าเข้าไปประกบริมฝีปากแดงระเรื่ออย่างแผ่วเบา และถอนจูบออกอย่างเชื่องช้า
เหมือนว่าเธอได้ทำเรื่องบ้าๆไปแล้ว
เฮลิออสตกใจเล็กน้อย แม้จะสัมผัสไม่กี่วิ ก็รู้สึกถึงใจเต้นแรงโครมคราม
“ท่านเอียออส ข้าอยากทำข้อตกลงกับท่านค่ะ”
“อยากนอนกับข้าหรือไง ท่านนักบุญ”
เขาแสยะยิ้มร้ายออกมา รู้สึกชักถูกใจหญิงสาวกล้าหาญคนนี้เสียแล้ว
เคียร่าส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่ใช่ค่ะ ข้าแค่ต้องการข้อแลกเปลี่ยนบางอย่าง”
“ไม่ใช่แล้วจูบข้าก่อนทำไม”
“ก็แก้คลายร้อนไงคะ ท่านคิดไปถึงไหน ไม่น่าจะร้อนแล้วนะคะ ข้าร่ายเวทรักษาให้ท่านไปแล้ว”
“…”
เธอก็สงสัยตัวเองเหมือนกันว่าจูบเขาไปทำไม เหมือนว่าใบหน้าของเขามันดึงดูดแปลก ๆ อีกทั้งเขายังดูดื้อรั้นจนเธอก็นึกอยากแกล้ง เพราะตอนเขาหน้าแดง มันดูน่ารักชอบกล
“อืม... ข้อตกลงอะไรรีบว่ามาสิ ตอนนี้ข้ารู้สึกอยากจะนอนแล้ว”
ร่างบางลุกออกจากเตียงเขยิบไปนั่งเก้าอี้ข้างเตียงนอน
“ข้ารู้ว่าท่านเป็นหัวหน้าหน่วยของทหารรับจ้างจากแดนเหนือ ที่ติดตามองค์ชายเฮลิออสกลับมาเมืองหลวง”
“ยายเฒ่าบอกสินะ”
“เป็นปกติที่ข้าต้องรู้ข้อมูลลูกค้าก่อนอยู่แล้ว ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าตามหาหลักฐานธุรกิจลับของตระกูลวาเลีย เกี่ยวกับน้ำยาโพชั่นซึ่งถูกวางขายกับร้านลาลาบู ท่านพึ่งกลับมาจากแดนเหนืออาจจะยังไม่ทราบเกี่ยวกับธุรกิจผิดกฎหมายของผู้ที่ทรยศต่อวิหารศักดิ์สิทธิ์ แต่สิ่งที่ข้าต้องการจริง ๆ คือการเอาคืนบารอนด์วาเลียที่ลอกเลียนสูตรยากับคนของข้าไป ”
“ก็เลยต้องการหลักฐานไปขู่ว่างั้น เรื่องแค่นี้ทำได้อยู่แล้ว แล้วค่าตอบแทนล่ะ”
“ข้าจะให้ท่านเป็นลูกค้าพิเศษค่ะ เรียกใช้ข้าได้ทุกเมื่อที่ต้องการ มีนักบุญรักษาส่วนตัวท่านคงอายุยืนยาวขึ้นนะคะ ตราบใดที่ท่านยังให้ในสิ่งที่ข้าต้องการ”
“ผลประโยชน์ซึ่งกันและกันสินะ ข้าตกลง สัปดาห์หน้าข้าจะเอาหลักฐานมาให้”
เคียร่าคลี่ยิ้มเมื่อตกลงผลประโยชน์ร่วมกันได้แล้ว เลยไม่ต้องมีเหตุจำเป็นต้องคุยต่อ อีกอย่างเธอก็รู้สึกง่วงมาก ๆ อาจเป็นผลจากการดื่มยานอนหลับไป
“งั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะคะ หวังว่าท่านจะนอนหลับฝันดี...”
หญิงสาวลุกขึ้นยืนพร้อมสวมผ้าคลุมและใส่หน้ากากปกปิดใบหน้า เธอเดินเปิดประตูแล้วออกจากห้องไป
“เออร์วิน เข้ามาได้แล้ว...” เสียงทุ้มต่ำเรียกลูกน้องคนสนิท ทันใดก็มีร่างสูงเข้ามาจากทางหน้าต่าง
“ฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้าง นักบุญหญิงผู้นั้นรักษาให้หายดีได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่น่าจะหายขาดได้แต่นางก็พอช่วยบรรเทาข้าได้บ้าง เจ้าคงได้ยินข้อตกลงของข้ากับนางแล้ว ไปตามสืบแล้วเอาหลักฐานมาให้ข้า ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เฮลิล้มตัวนอนลง นิ้วเรียวลูบไล้ริมฝีปากพลางกระตุกยิ้มมุมปาก
นางชังกล้าจริง ๆ
……
“จดหมายจากองค์ชายอาร์มิสมาแล้วค่ะคุณหนูเคียร่า”
โรสยื่นซองจดหมายตราประทับสีทองให้กับเคียร่าที่นั่งอ่านหนังสืออยู่
มือเรียวเล็กเปิดซองอ่านจดหมายพลันระบายยิ้มออกมา
“ข้าคงต้องไปพระราชวังแล้วล่ะ เลือกชุดที่เรียบง่ายให้ข้าด้วยนะ”
โรสเห็นผู้เป็นนายของตนยิ้มหวานทันทีเมื่อได้อ่านจดหมายของชายผู้เป็นคนรักก็รู้สึกปลื้มใจกับผู้เป็นนายไปด้วย
คุณหนูดูท่าจะคิดถึงองค์ชายมากเป็นแน่ กว่าจะได้รับอนุญาตให้ออกจากคฤหาสน์ก็ต้องรอคำสั่งจากดยุกหรือไม่ก็รอจดหมายขององค์ชายให้ไปพบ ข้าอยากจะเห็นคุณหนูมีความสุขมากกว่านี้จัง
ชุดเดรสเปิดไหล่สีขาวเรียบง่ายทว่ากลับดูสวยสะดุดตา ผมสีเงินถูกรวบขึ้นเผยให้เห็นลำคอระหงผิวขาวนวลราวกับหิมะ เคียร่าขึ้นรถม้าตระกูลคราเรนซ์พร้อมออกเดินทางมุ่งไปยังพระราชวัง
“อารมณ์ไหนเพคะถึงชวนข้ามาปิกนิกในสวนเช่นนี้”
เบื้องหน้าเป็นสวนดอกไม้นานาชนิดบรรยากาศรอบข้างรายล้อมไปด้วยต้นไม้และกอหญ้า มีเพียงแค่หนุ่มสาวสองคนอยู่ตามลำพังไร้คนรับใช้ข้างตัวที่มักจะตามประกบองค์ชายอยู่ตลอดเวลา
“ข้าอยากใช้เวลาร่วมกับเคียร่าน่ะ เป็นไงชอบสวนที่ข้าจัดให้ไหม”
อาร์มิสโอบกอดเคียร่าจากทางด้านหลัง ใบหน้าหล่อเหลาซุกไหล่บางของหญิงคนรัก
“ชอบเพคะ ข้าขอบคุณองค์ชายมาก ๆ นะคะที่ทำเพื่อข้า”
เคียร่าจับแขนอาร์มิสที่กอดเอวไว้แน่น เธอค่อย ๆ ดึงมือเขาออก รู้สึกว่าไม่อยากปล่อยใจให้กับเขาไปมากกว่านี้แล้ว ทว่าเธอเองก็ไม่สามารถปฏิเสธเขาได้ในช่วงนี้
“เจ้าไม่ชอบให้ข้ากอดแล้วเหรอ” เขาเอ่ยเสียอ่อนระทวยเหมือนกับว่ากำลังน้อยใจ
“ข้าว่ามันคงไม่ดีเท่า...” ยังไม่ทันเอ่ยจบประโยค หางตาก็เหลือบมองไปเห็นชายผมสีน้ำเงินยืนกอดอกอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ด้วยใบหน้าเรียบเฉย ถึงจะเหลือบมองไปแวบเดียวก็พอรู้ได้ว่าชายผู้นั้นเป็นใคร อีกทั้งสายตาของชายผู้นั้นก็มองตรงมายังเธอกับอาร์มิส
มือเรียวเล็กลูบใบหน้าคมอย่างอ่อนโยนพร้อมส่งยิ้มหวานปลอบใจเขา
“ข้าอยากให้องค์ชายทำมากกว่านี้เพคะ”
อาร์มิสยิ้มละมุนพลันใบหน้าเริ่มเป็นสีแดงระเรื่อ
“ข้าจะทำตามใจเลยนะเคียร่า...”
อาร์มิสโน้มหน้าลงพรมจูบริมฝีปากบางอย่างนุ่มนวล ลิ้นร้อนดันเข้าไปในโพรงปากอุ่น ตวัดปลายลิ้นเกี่ยวพันลิ้นเล็ก ดูดดึงแลกเปลี่ยนความหวานให้กันและกัน มือหนาเริ่มซุกซนค่อย ๆ เลื่อนขึ้นจับหน้าอกอิ่มฟูพอดีฝ่ามือ ร่างกายหญิงสาวสะดุ้งขึ้นเล็กน้อยจากการรุกล้ำไม่ทันตั้งตัว เลยเผลอถอนจูบออก
“เป็นอะไรไปเคียร่า...” อาร์มิสเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวทำหน้าตกใจ แต่มือก็ยังคงโอบกอดเอวเธอจากทางด้านหลัง ส่วนอีกข้างยังคงจับหน้าอกของเธอไม่ปล่อย
“องค์ชายช่วยเอามือออกไปก่อนได้ไหมคะ”
“ไม่ได้หรอก ข้อชอบเรือนร่างเจ้ามากขนาดไหน สัมผัสเท่านี้เองไม่มีใครเห็นหรอก เมื่อก่อนไม่ว่าจะเป็นบนรถม้า หรือในสวนเจ้าก็ตามใจข้าตลอดไม่ใช่หรือ”
อาร์มิสคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะพรมจูบที่ซอกคอไล่ลงมาจนถึงหัวไหล่ขาวอมชมพู
ภาพครั้นอดีตก็ผุดขึ้นมา นิสัยบางอย่างของอาร์มิสที่เธอลืมไปชั่วขณะ ถึงแม้เขาจะรักเธอมากและเมื่อก่อนเธอก็รักเขามาก แต่พฤติกรรมเอาแต่ใจโดยไม่ถามความสมัครใจ มันทำให้เธอรู้สึกอึดอัด แต่ก็ยอมเขาเรื่อยมา เพราะความไร้เดียงสาที่อยู่แต่ในโลกแคบ ความรักที่เรามีให้กันเปรียบเสมือนคนรักที่ยื่นยาพิษให้โดยที่ก็รู้ว่าถ้าดื่มเข้าไปอาจถึงตายได้ แต่ด้วยความรักอันใสซื่อที่มีต่อเขา เธอก็พร้อมจะรับมันด้วยดี
เคียร่าค่อย ๆ หลับตาลง เธอปล่อยให้อาร์มิสรุกล้ำพื้นที่ส่วนบนตามใจชอบ มือหนาจับใบหน้าเรียวก่อนจะจุมพิตอีกครั้ง เขาเริ่มใช้มือราบละล้วงเข้าไปในชุดเดรส บีบเคล้นหน้าอกแนบเนื้อ นิ้วมือลูบไล้ยอดอกคลึงไปมาจนหญิงสาวร่างบางส่งเสียงครางเล็กน้อยในลำคอ
เครียร่าผละปากกอบโกยอากาศหายใจ เสียงหอบถี่พร้อมดวงตาเริ่มมีน้ำใสคลอเบ้า
อาร์มิสที่เห็นใบหน้าใสซื่ออ่อนแอ ก็หยุดการกระทำทุกอย่างลง มือจับชุดเดรสที่หลุดร่วงลงมาเผยให้เห็นเนินอกขาวเล็กน้อย ดึงแขนเสื้อของเธอขึ้นกลับมาให้เป็นดั้งเดิมก่อนจะยกมือปาดน้ำตาบนใบหน้าสวย
“คงได้เวลากลับแล้ว ไว้วันหลังข้าจะส่งจดหมายไปหาอีก”
อาร์มิสรู้สึกถึงลางสังหรณ์ เหมือนว่ามีใครคนอื่นจับจ้องมาที่เขา นั่นจึงทำให้เขาต้องหยุดการกระทำที่จะเลยเถิดไปมากกว่านี้ลง
……
พอได้ขึ้นรถม้าและได้อยู่คนเดียว เคียร่าก็ได้ทบทวนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ณ เวลานี้ บางอย่างยังคงเป็นไปตามนิยาย แต่ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปทีละนิดละน้อย และหลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ไปคงไม่อาจคาดเดาอนาคตของตัวเองอย่างแม่นยำได้อีกแล้ว หวังว่าเขาคนนั้นจะเดินตามแผนที่เธอวางไว้
เอี๊ยด ! ปึก! เสียงรถม้าหยุดกะทันหันและเสียงร้องของคนขับรถม้าตะโกนร้องเสียงดัง
มาแล้วสินะ โจรลักพาตัว
ปัง! เสียงเปิดประตูรถม้าพร้อมชายสวมฮู้ดปิดบังใบหน้า
“กรี๊ดดดด” ปึก! ชายชุดดำปิดปังหน้าตาได้ตบท้ายทอยของหญิงสาวจนสลบ ก่อนจะพาเธออุ้มออกจากรถม้าไปยังรถม้าอีกคัน...
เปลือกตายับย่นค่อยๆ หรี่ขึ้น ร่างกายขยับไม่ได้ดั่งใจนึกเพราะถูกมัดมือไขว้หลัง เธอกวาดตามองรอบห้องนอนทรุดโทรม บรรยากาศภายในห้องมืดครึ้มจนแทบเห็นหน้าชายที่ยืนอยู่ตรงปลายเตียงได้ไม่ค่อยชัด“ตื่นเร็วเหมือนกันนิ” เสียงทุ้มเอ่ยพลางเดินมานั่งบนเตียง“จะ จับข้ามาทำไม..” น้ำเสียงใสสั่นเครือ เธอแสดงสีหน้าหวาดกลัวต่อชายลึกลับ ทว่าในใจของหญิงสาวกลับตื่นเต้นว่าโจรลักพาตัวจะทำอะไรกันแน่ ถ้าตามในนิยายแล้วแผนลักพาตัวจะไม่สำเร็จเพราะว่าเธอหนีพวกโจรได้อย่างฉิวเฉียดเคียร่ารู้อยู่แล้วว่าแผนการนี้เป็นขององค์ชายเฮลิออสเธอเลยยอมโดนจับแต่โดยดี“ข้าอยากจะรู้นัก ว่าคนรักของน้องชายข้าเป็นยังไง”“ทะ ท่านที่ช่วยข้าครานั้น คือองค์ชายเฮลิออสหรือเพคะ... ท่านจับข้าแบบนี้เพื่ออะไรกันคะ...”“อืม... ข้าคิดอยู่ว่าจะแกล้งน้องชายตนเองนิดหน่อยน่ะ ถ้าหญิงคนรักตกเป็นของผู้อื่น เจ้านั่นจะแสดงสีหน้าแบบไหนกันนะ”องค์ชายอยากได้ตัวข้าเพื่อให้อาร์มิสทรมานใจเนี่ยนะ?เธอไม่คิดเลยว่าแผนของเขามันจะเรียบง่ายแบบนี้ แต่ก็เข้าทางเธอพอดีร่างกำยำขยับตัวเข้าใกล้เธอมากขึ้น เคียร่าจึงต้องสวมบทบาทเป็นหญิงสาวไร้เดียงสาต่อ“จะทำอะไรเพคะ! อย่ามา
รถม้าคันหรูประทับตราลวดลายพระอาทิตย์สีทองอร่ามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ราชวงศ์ หญิงสาวสวมผ้าคลุมลงมาจากรถม้าพร้อมชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินท่วงท่าภูมิฐานข้ารับใช้ในตระกูลที่เห็นรถม้าตราพระราชวังต่างตื่นตระหนกตกใจรีบวิ่งไปแจ้งดัชเชสคราเรนซ์โดยเร็ว“องค์ชายอาร์มิสมางั้นรึ!” หญิงสาววัยกลางคนดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาตัวหรู“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เรือนผมของท่านผู้น้ำเป็นสีน้ำเงินเข้มซึ่งไม่เหมือนองค์ชายอาร์มิสเลยค่ะ” หญิงรับใช้กล่าวดัชเชสเดินออกจากประตูห้องนั่งเล่นพร้อมเหล่าข้ารับใช้จำนวนหนึ่งทันทีที่เคียร่าและเฮลิออสเข้ามาในคฤหาสน์ โรสที่ได้เห็นเจ้านายของตนอยู่ในสภาพเสื้อผ้ายับยู่ยี่อีกทั้งยังขาดวิ่น วิ่งกรูเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นห่วงดัชเชสเหลือบตามองชายสูงโปร่งหน้าถมึงทึงที่ยืนข้างหญิงสาวอ้อนแอ้น มือไม้เริ่มสั่นไหวต่อความน่าเกรงขามเมื่อนัยน์ตาอเมทิสต์จ้องมองดุดันอย่างผู้เหนือกว่าและแผ่ออร่ากดดันมหาศาลใส่เธอดัชเชสย่อตัวทำความเคารพ เธอยังคงพยายามฝืนสีหน้าให้ปกติเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา“มะ หม่อมฉันดัชเชสคราเรนซ์ทำความเคารพแด่องค์ชายเฮลิออสเพคะ... นึกไม่ถึงเลยว่าพระองค์จะกลับมาจากแดนเหนือเร็วกว่ากำหนด ไม่ทราบ
ระเบียงห้องนอนเริ่มถูกประดับไปด้วยกระถางดอกลิลลี่สีขาวมองกันเผิน ๆ ก็คงเหมาะกับเคียร่าเพราะมันดูบริสุทธิ์และส่งกลิ่นหอมเย้ายวน ทว่ารากของมันกลับมีพิษร้ายแรงเมื่อเผลอกินก็อาจถึงตายได้โต๊ะน้ำชาซึ่งตั้งอยู่ตรงระเบียงเคียร่าและโรสกำลังนั่งพูดคุยกันถึงตระกูลบารอนด์วาเลีย“คิดไม่ถึงเลยนะคะว่าเลดี้โมอา ส่งบัตรเชิญชวนไปร่วมฉลองงานวันเกิด”โรสขมวดคิ้วเข้าหากัน ไม่คิดเลยว่าจะมีจดหมายเชิญคุณหนูไปร่วมออกงานสังคม เพราะตลอด1เดือนไม่มีจดหมายฉบับอื่นส่งมาหาเลยนอกจากขององค์ชายอาร์มิสถ้าไปก็คงมีเรื่องสนุกๆ เป็นแน่ โรสเคยเจอเลดี้โมอาไหม”“ไม่เคยเจอเลยค่ะ ตอนนั้นที่ข้านำโพชั่นไปขายเจอเพียงแต่บารอนด์วาเลียค่ะ”“ถ้างั้นเราไปตามบัตรเชิญเสียหน่อย เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมบ้าง คราวนี้โรสต้องออกโรงแล้ว”โรสยิ้มดีใจพร้อมพยักหน้าตอบรับ“คุณหนูต้องระวังตัวด้วยนะคะ”“ไม่ต้องห่วงไปหรอก โรสน่ะต้องเสี่ยงไปสืบถึงรังศัตรูเลยเชียวนะ แต่ก่อนที่เราจะเล่นงานบารอนด์วาเลียได้คืนนี้คงต้องไปพบชายผู้นั้นเสียก่อน”“ใครเหรอคะ?”“ก็คนที่ข้าทำสัญญาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ไง เตรียมยาไว้ด้วยเล่า คืนนี้คงต้องใช้ยาของโรสช่วยอีกแรง”“
“คุณหนู! ทำไมกลับมาเสียเช้า รู้ไหมข้าเป็นกังวลแทบบ้า!” หญิงสาวแต่งตัวใส่ชุดนอนของผู้เป็นนายดีดตัวลงออกจากเตียงและบ่นกับเคียร่าที่พึ่งกลับมาถึงตอนรุ่งเช้า“เกิดเหตุนิดหน่อยน่ะ ขอบใจนะที่แสดงเป็นข้า”เคียร่ายิ้มหวานพลันลูบหัวโรสอย่างเอ็นดู“ใจข้าว้าวุ่นขนาดไหน...นึกว่าคุณหนูจะไม่กลับมาเสียแล้ว” โรสขมวดคิ้วพร้อมแสดงหน้าน้อยใจ ถ้าเจ้านายไม่กลับมาเธอคงต้องออกตามหาผู้เป็นนายอย่างบ้าคลั่งเป็นแน่“เอาน่า วันนี้เรามีนัดสำคัญข้าจะพลาดไปได้ไง และข้าก็ได้เอกสารหลักฐานมาครบแล้ว คืนนี้เราจะเอาคืนตระกูลวาเลียกัน”ใบหน้าสวยเจ้าเล่ห์แสยะยิ้ม ทำเอาโรสถึงกับใจเต้นแรง เธอรู้สึกชอบบุคลิกนี้ของเจ้านายที่สุด โดยปกติเมื่อคุณหนูอยู่ต่อหน้าคนอื่นการแสดงสีหน้าและท่าทางจะกลายเป็นคนละคนกับตอนนี้เคียร่าต้องแสดงเป็นหญิงสาวใสซื่อ อ่อนแอไม่สู้คนอยู่ตลอด แต่พอได้พ้นสายตาผู้อื่นไป ก็จะแสดงอีกตัวตนหนึ่งออกมาจนตอนนี้โรสเริ่มชินและเข้าใจเจ้านายของตัวเองมากขึ้นแล้วเฮลิออสหยิบโน้ตบนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาอ่านและคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ถ้าเธอรู้ว่าเขาทำอะไรลงไปคงโดนตราหน้าว่าเป็นพวกโรคจิตเป็นแน่ร่างสูงจัดแจงใส่เสื้อผ้าให้เร
โถงงานเลี้ยงในคฤหาสน์เต็มไปด้วยแขกมากหน้าหลายตาของเหล่าลูกหลานขุนนางชนชั้นสูง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่หญิงสาวชุดเดรสรัดรูปสีขาวกำลังถูกเจ้าของงานเลี้ยงวันเกิดพูดจาเหน็บแนม“ข้านึกว่าเลดี้เคียร่าจะออกจากงานไปเสียแล้ว มางานวันเกิดแต่ไม่คิดว่ามีของขวัญให้เจ้าภาพงาน หรือว่าที่เลดี้มาคือจงใจอยากจะเป็นที่หมายตาของบุรุษหรือคะ”โมอามองต่ำแสดงสายตาดูถูกดูแคลนใส่หญิงสาวใบหน้ายิ้มแย้ม“นั้นสิคะ อย่างน้อยก็ขึ้นชื่อเป็นคนในตระกูลคราเรนซ์ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีมารยาทเอาเสียเลย”ลูกสมุนของโมอาช่วยเสริมเติมแต่งหวังว่าจะทำให้เคียร่าหน้าเสียอีกครั้ง“ของขวัญสำหรับเลดี้โมอามีแน่นอนค่ะ ไหน ๆ แล้วข้าอยากจะมอบความสุนทรีย์บรรเลงเปียโนให้กับทุกคนในงานเลี้ยงได้ฟังกันนะคะ”“คนอย่างเลดี้เล่นเปียโนก็คงเป็นเพลงเพี้ยน ๆ เหมือนคราก่อน ข้าก็ไม่หวังกับเลดี้เคียร่าหรอกค่ะ”โมอาแสยะยิ้ม เธอคิดไม่ถึงว่าเคียร่าจะกล้าเล่นดนตรีอีกครั้ง เพราะว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน ในงานออกสังคมครั้งแรกที่เคียร่าไป เธอได้บรรเลงเพลงให้ผู้คนมากมายได้ฟัง จนทั้งงานได้แต่ขนานนามหัวเราะถึงการเล่นดนตรียอดแย่ของเธอมือเรียวสวยวางมือลงบนเปียโน หลับตาลงนึก
ทหารนายหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นตระหนกเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของบารอนด์วาเลียอย่างรีบร้อนปัง!“ท่านบารอนด์! มีคนบุกรุกโกดังชั้นใต้ดินมันเผาโกดังมอดไหม้ไปทั่วแล้วขอรับ!! พวกทาสหนีออกหายไปหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียวเลยครับ!”เสียงประตูดังขึ้นทำให้บารอนด์ตื่นจากภวังค์ เขารีบลุกออกจากเตียงนอนเปิดหน้าต่างเพื่อตรวจสอบสิ่งที่ทหารพูด พื้นที่โกดังซึ่งมองเห็นได้ชัดเกิดไฟไหม้ควันฟุ้งลอยเหนือชั้นบรรยากาศ“ใครกันมันกล้ามาหยามข้าขนาดนี้! ดูแลประสาอะไรวะ! รีบไปจับตัวคนบุกรุกมาให้ข้า!!” เสียงโวยวายของชายวัยกลางคนด่ากราดด้วยความโกรธเกรี้ยว“คือว่า...ผู้บุกรุกได้ทำร้ายทหารของเราจนแน่นิ่งไปหมดแล้วครับ...” ทหารตัวใหญ่แสดงความหวาดเกรงมือไม้สั่นปากสั่นเทา“อะไรกัน! มันมีกันเยอะงั้นเหรอ!”“มีผู้ชาย 2 คน คะ ครับ.. มันลอบทำร้ายทหารของเราทีละคน ก่อนจะรู้ตัวพวกทหารก็สลบกันไปหมดแล้วครับ!”ปัก!!! เสียงถีบหลังบารอนด์จากคนชุดดำที่ลอยตัวเข้ามาจากทางหน้าต่าง ตัวบารอนด์ได้กระเด็นตามแรงถีบนอนกลิ้งส่งเสียงโอดครวญอยู่บนพื้นพรมผืนหรู“จะ เจ็บ..” บารอนด์หันไปมองหาความช่วยเหลือจากทหาร ทว่าทหารคนนั้นก็ได้สลบไปแล้ว คนชุดดำสองคนที่บุ
“องค์ชายเฮลิออสมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิอีเมอร์สันชายวัยกลางอายุราว50ปีผู้มีเรือนผมสีบลอนด์สว่างไสวเหมือนกับอาร์มิสและมีนัยน์ตาสีอเมทิสต์เหมือนกับเฮลิออส ใบหน้านิ่งขรึมไร้อารมณ์ถึงแม้ว่าจะทำงานเอกสารกองเท่าภูเขาอยู่แต่ก็ไม่แสดงถึงความเหน็ดเหนื่อยออกมาเลยแม้แต่น้อยอีเมอร์สันวางปากกาพร้อมกวาดตามองต่อคนที่มาเยือน“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท...”“ได้ข่าวว่าเจ้ามาถึงเมืองหลวงแรมเดือน ทำไมถึงพึ่งจะมาเข้าเฝ้าเรา” อีเมอร์สันเอ่ยเสียงเรียบนิ่งนัยน์ตาสีอเมทิสต์จ้องมองราวกับตานกอินทรี ทั้งดุดัน และน่าเกรงขาม“กระหม่อมเหนื่อยล้ากับการเดินทาง เลยต้องการพักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรงดี อีกอย่างกระหม่อมอยากเที่ยวชมเมืองหลวงที่ไม่ได้กลับมาแสนนานด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“เราเข้าใจได้ ขอบใจที่เจ้าชนะสงครามแดนเหนือและกลับมาที่เมืองหลวง ผลงานที่เจ้าสร้างไว้เพื่อจักรวรรดิเราจะตอบแทนให้สมกับที่เจ้าทำไว้”เฮลิออสยกยิ้มราวกับว่าคำพูดของอีเมอร์สันเป็นอย่างที่เขาคาดหวังไว้“กระหม่อมไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ แค่อยากกลับมาอยู่ในที่ที่เคยอยู่ก็เพียงพอแล้ว...”อีเมอร์สันรู้ความต้องการของเฮลิออสลูกชายของตนเป็นอย่างดี การมาเยือนขอ
ตอนที่13ใช่พระเอกในนิยายจริงๆ เหรอตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ ห
ตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ หม่อมฉันหวังว่าองค์ชายจะลืมหม่อมฉันได
ตอนที่13ใช่พระเอกในนิยายจริงๆ เหรอตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ ห
“องค์ชายเฮลิออสมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิอีเมอร์สันชายวัยกลางอายุราว50ปีผู้มีเรือนผมสีบลอนด์สว่างไสวเหมือนกับอาร์มิสและมีนัยน์ตาสีอเมทิสต์เหมือนกับเฮลิออส ใบหน้านิ่งขรึมไร้อารมณ์ถึงแม้ว่าจะทำงานเอกสารกองเท่าภูเขาอยู่แต่ก็ไม่แสดงถึงความเหน็ดเหนื่อยออกมาเลยแม้แต่น้อยอีเมอร์สันวางปากกาพร้อมกวาดตามองต่อคนที่มาเยือน“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท...”“ได้ข่าวว่าเจ้ามาถึงเมืองหลวงแรมเดือน ทำไมถึงพึ่งจะมาเข้าเฝ้าเรา” อีเมอร์สันเอ่ยเสียงเรียบนิ่งนัยน์ตาสีอเมทิสต์จ้องมองราวกับตานกอินทรี ทั้งดุดัน และน่าเกรงขาม“กระหม่อมเหนื่อยล้ากับการเดินทาง เลยต้องการพักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรงดี อีกอย่างกระหม่อมอยากเที่ยวชมเมืองหลวงที่ไม่ได้กลับมาแสนนานด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“เราเข้าใจได้ ขอบใจที่เจ้าชนะสงครามแดนเหนือและกลับมาที่เมืองหลวง ผลงานที่เจ้าสร้างไว้เพื่อจักรวรรดิเราจะตอบแทนให้สมกับที่เจ้าทำไว้”เฮลิออสยกยิ้มราวกับว่าคำพูดของอีเมอร์สันเป็นอย่างที่เขาคาดหวังไว้“กระหม่อมไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ แค่อยากกลับมาอยู่ในที่ที่เคยอยู่ก็เพียงพอแล้ว...”อีเมอร์สันรู้ความต้องการของเฮลิออสลูกชายของตนเป็นอย่างดี การมาเยือนขอ
ทหารนายหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นตระหนกเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของบารอนด์วาเลียอย่างรีบร้อนปัง!“ท่านบารอนด์! มีคนบุกรุกโกดังชั้นใต้ดินมันเผาโกดังมอดไหม้ไปทั่วแล้วขอรับ!! พวกทาสหนีออกหายไปหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียวเลยครับ!”เสียงประตูดังขึ้นทำให้บารอนด์ตื่นจากภวังค์ เขารีบลุกออกจากเตียงนอนเปิดหน้าต่างเพื่อตรวจสอบสิ่งที่ทหารพูด พื้นที่โกดังซึ่งมองเห็นได้ชัดเกิดไฟไหม้ควันฟุ้งลอยเหนือชั้นบรรยากาศ“ใครกันมันกล้ามาหยามข้าขนาดนี้! ดูแลประสาอะไรวะ! รีบไปจับตัวคนบุกรุกมาให้ข้า!!” เสียงโวยวายของชายวัยกลางคนด่ากราดด้วยความโกรธเกรี้ยว“คือว่า...ผู้บุกรุกได้ทำร้ายทหารของเราจนแน่นิ่งไปหมดแล้วครับ...” ทหารตัวใหญ่แสดงความหวาดเกรงมือไม้สั่นปากสั่นเทา“อะไรกัน! มันมีกันเยอะงั้นเหรอ!”“มีผู้ชาย 2 คน คะ ครับ.. มันลอบทำร้ายทหารของเราทีละคน ก่อนจะรู้ตัวพวกทหารก็สลบกันไปหมดแล้วครับ!”ปัก!!! เสียงถีบหลังบารอนด์จากคนชุดดำที่ลอยตัวเข้ามาจากทางหน้าต่าง ตัวบารอนด์ได้กระเด็นตามแรงถีบนอนกลิ้งส่งเสียงโอดครวญอยู่บนพื้นพรมผืนหรู“จะ เจ็บ..” บารอนด์หันไปมองหาความช่วยเหลือจากทหาร ทว่าทหารคนนั้นก็ได้สลบไปแล้ว คนชุดดำสองคนที่บุ
โถงงานเลี้ยงในคฤหาสน์เต็มไปด้วยแขกมากหน้าหลายตาของเหล่าลูกหลานขุนนางชนชั้นสูง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่หญิงสาวชุดเดรสรัดรูปสีขาวกำลังถูกเจ้าของงานเลี้ยงวันเกิดพูดจาเหน็บแนม“ข้านึกว่าเลดี้เคียร่าจะออกจากงานไปเสียแล้ว มางานวันเกิดแต่ไม่คิดว่ามีของขวัญให้เจ้าภาพงาน หรือว่าที่เลดี้มาคือจงใจอยากจะเป็นที่หมายตาของบุรุษหรือคะ”โมอามองต่ำแสดงสายตาดูถูกดูแคลนใส่หญิงสาวใบหน้ายิ้มแย้ม“นั้นสิคะ อย่างน้อยก็ขึ้นชื่อเป็นคนในตระกูลคราเรนซ์ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีมารยาทเอาเสียเลย”ลูกสมุนของโมอาช่วยเสริมเติมแต่งหวังว่าจะทำให้เคียร่าหน้าเสียอีกครั้ง“ของขวัญสำหรับเลดี้โมอามีแน่นอนค่ะ ไหน ๆ แล้วข้าอยากจะมอบความสุนทรีย์บรรเลงเปียโนให้กับทุกคนในงานเลี้ยงได้ฟังกันนะคะ”“คนอย่างเลดี้เล่นเปียโนก็คงเป็นเพลงเพี้ยน ๆ เหมือนคราก่อน ข้าก็ไม่หวังกับเลดี้เคียร่าหรอกค่ะ”โมอาแสยะยิ้ม เธอคิดไม่ถึงว่าเคียร่าจะกล้าเล่นดนตรีอีกครั้ง เพราะว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน ในงานออกสังคมครั้งแรกที่เคียร่าไป เธอได้บรรเลงเพลงให้ผู้คนมากมายได้ฟัง จนทั้งงานได้แต่ขนานนามหัวเราะถึงการเล่นดนตรียอดแย่ของเธอมือเรียวสวยวางมือลงบนเปียโน หลับตาลงนึก
“คุณหนู! ทำไมกลับมาเสียเช้า รู้ไหมข้าเป็นกังวลแทบบ้า!” หญิงสาวแต่งตัวใส่ชุดนอนของผู้เป็นนายดีดตัวลงออกจากเตียงและบ่นกับเคียร่าที่พึ่งกลับมาถึงตอนรุ่งเช้า“เกิดเหตุนิดหน่อยน่ะ ขอบใจนะที่แสดงเป็นข้า”เคียร่ายิ้มหวานพลันลูบหัวโรสอย่างเอ็นดู“ใจข้าว้าวุ่นขนาดไหน...นึกว่าคุณหนูจะไม่กลับมาเสียแล้ว” โรสขมวดคิ้วพร้อมแสดงหน้าน้อยใจ ถ้าเจ้านายไม่กลับมาเธอคงต้องออกตามหาผู้เป็นนายอย่างบ้าคลั่งเป็นแน่“เอาน่า วันนี้เรามีนัดสำคัญข้าจะพลาดไปได้ไง และข้าก็ได้เอกสารหลักฐานมาครบแล้ว คืนนี้เราจะเอาคืนตระกูลวาเลียกัน”ใบหน้าสวยเจ้าเล่ห์แสยะยิ้ม ทำเอาโรสถึงกับใจเต้นแรง เธอรู้สึกชอบบุคลิกนี้ของเจ้านายที่สุด โดยปกติเมื่อคุณหนูอยู่ต่อหน้าคนอื่นการแสดงสีหน้าและท่าทางจะกลายเป็นคนละคนกับตอนนี้เคียร่าต้องแสดงเป็นหญิงสาวใสซื่อ อ่อนแอไม่สู้คนอยู่ตลอด แต่พอได้พ้นสายตาผู้อื่นไป ก็จะแสดงอีกตัวตนหนึ่งออกมาจนตอนนี้โรสเริ่มชินและเข้าใจเจ้านายของตัวเองมากขึ้นแล้วเฮลิออสหยิบโน้ตบนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาอ่านและคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ถ้าเธอรู้ว่าเขาทำอะไรลงไปคงโดนตราหน้าว่าเป็นพวกโรคจิตเป็นแน่ร่างสูงจัดแจงใส่เสื้อผ้าให้เร
ระเบียงห้องนอนเริ่มถูกประดับไปด้วยกระถางดอกลิลลี่สีขาวมองกันเผิน ๆ ก็คงเหมาะกับเคียร่าเพราะมันดูบริสุทธิ์และส่งกลิ่นหอมเย้ายวน ทว่ารากของมันกลับมีพิษร้ายแรงเมื่อเผลอกินก็อาจถึงตายได้โต๊ะน้ำชาซึ่งตั้งอยู่ตรงระเบียงเคียร่าและโรสกำลังนั่งพูดคุยกันถึงตระกูลบารอนด์วาเลีย“คิดไม่ถึงเลยนะคะว่าเลดี้โมอา ส่งบัตรเชิญชวนไปร่วมฉลองงานวันเกิด”โรสขมวดคิ้วเข้าหากัน ไม่คิดเลยว่าจะมีจดหมายเชิญคุณหนูไปร่วมออกงานสังคม เพราะตลอด1เดือนไม่มีจดหมายฉบับอื่นส่งมาหาเลยนอกจากขององค์ชายอาร์มิสถ้าไปก็คงมีเรื่องสนุกๆ เป็นแน่ โรสเคยเจอเลดี้โมอาไหม”“ไม่เคยเจอเลยค่ะ ตอนนั้นที่ข้านำโพชั่นไปขายเจอเพียงแต่บารอนด์วาเลียค่ะ”“ถ้างั้นเราไปตามบัตรเชิญเสียหน่อย เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมบ้าง คราวนี้โรสต้องออกโรงแล้ว”โรสยิ้มดีใจพร้อมพยักหน้าตอบรับ“คุณหนูต้องระวังตัวด้วยนะคะ”“ไม่ต้องห่วงไปหรอก โรสน่ะต้องเสี่ยงไปสืบถึงรังศัตรูเลยเชียวนะ แต่ก่อนที่เราจะเล่นงานบารอนด์วาเลียได้คืนนี้คงต้องไปพบชายผู้นั้นเสียก่อน”“ใครเหรอคะ?”“ก็คนที่ข้าทำสัญญาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ไง เตรียมยาไว้ด้วยเล่า คืนนี้คงต้องใช้ยาของโรสช่วยอีกแรง”“
รถม้าคันหรูประทับตราลวดลายพระอาทิตย์สีทองอร่ามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ราชวงศ์ หญิงสาวสวมผ้าคลุมลงมาจากรถม้าพร้อมชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินท่วงท่าภูมิฐานข้ารับใช้ในตระกูลที่เห็นรถม้าตราพระราชวังต่างตื่นตระหนกตกใจรีบวิ่งไปแจ้งดัชเชสคราเรนซ์โดยเร็ว“องค์ชายอาร์มิสมางั้นรึ!” หญิงสาววัยกลางคนดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาตัวหรู“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เรือนผมของท่านผู้น้ำเป็นสีน้ำเงินเข้มซึ่งไม่เหมือนองค์ชายอาร์มิสเลยค่ะ” หญิงรับใช้กล่าวดัชเชสเดินออกจากประตูห้องนั่งเล่นพร้อมเหล่าข้ารับใช้จำนวนหนึ่งทันทีที่เคียร่าและเฮลิออสเข้ามาในคฤหาสน์ โรสที่ได้เห็นเจ้านายของตนอยู่ในสภาพเสื้อผ้ายับยู่ยี่อีกทั้งยังขาดวิ่น วิ่งกรูเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นห่วงดัชเชสเหลือบตามองชายสูงโปร่งหน้าถมึงทึงที่ยืนข้างหญิงสาวอ้อนแอ้น มือไม้เริ่มสั่นไหวต่อความน่าเกรงขามเมื่อนัยน์ตาอเมทิสต์จ้องมองดุดันอย่างผู้เหนือกว่าและแผ่ออร่ากดดันมหาศาลใส่เธอดัชเชสย่อตัวทำความเคารพ เธอยังคงพยายามฝืนสีหน้าให้ปกติเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา“มะ หม่อมฉันดัชเชสคราเรนซ์ทำความเคารพแด่องค์ชายเฮลิออสเพคะ... นึกไม่ถึงเลยว่าพระองค์จะกลับมาจากแดนเหนือเร็วกว่ากำหนด ไม่ทราบ
เปลือกตายับย่นค่อยๆ หรี่ขึ้น ร่างกายขยับไม่ได้ดั่งใจนึกเพราะถูกมัดมือไขว้หลัง เธอกวาดตามองรอบห้องนอนทรุดโทรม บรรยากาศภายในห้องมืดครึ้มจนแทบเห็นหน้าชายที่ยืนอยู่ตรงปลายเตียงได้ไม่ค่อยชัด“ตื่นเร็วเหมือนกันนิ” เสียงทุ้มเอ่ยพลางเดินมานั่งบนเตียง“จะ จับข้ามาทำไม..” น้ำเสียงใสสั่นเครือ เธอแสดงสีหน้าหวาดกลัวต่อชายลึกลับ ทว่าในใจของหญิงสาวกลับตื่นเต้นว่าโจรลักพาตัวจะทำอะไรกันแน่ ถ้าตามในนิยายแล้วแผนลักพาตัวจะไม่สำเร็จเพราะว่าเธอหนีพวกโจรได้อย่างฉิวเฉียดเคียร่ารู้อยู่แล้วว่าแผนการนี้เป็นขององค์ชายเฮลิออสเธอเลยยอมโดนจับแต่โดยดี“ข้าอยากจะรู้นัก ว่าคนรักของน้องชายข้าเป็นยังไง”“ทะ ท่านที่ช่วยข้าครานั้น คือองค์ชายเฮลิออสหรือเพคะ... ท่านจับข้าแบบนี้เพื่ออะไรกันคะ...”“อืม... ข้าคิดอยู่ว่าจะแกล้งน้องชายตนเองนิดหน่อยน่ะ ถ้าหญิงคนรักตกเป็นของผู้อื่น เจ้านั่นจะแสดงสีหน้าแบบไหนกันนะ”องค์ชายอยากได้ตัวข้าเพื่อให้อาร์มิสทรมานใจเนี่ยนะ?เธอไม่คิดเลยว่าแผนของเขามันจะเรียบง่ายแบบนี้ แต่ก็เข้าทางเธอพอดีร่างกำยำขยับตัวเข้าใกล้เธอมากขึ้น เคียร่าจึงต้องสวมบทบาทเป็นหญิงสาวไร้เดียงสาต่อ“จะทำอะไรเพคะ! อย่ามา