รถม้าคันหรูประทับตราลวดลายพระอาทิตย์สีทองอร่ามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ราชวงศ์ หญิงสาวสวมผ้าคลุมลงมาจากรถม้าพร้อมชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินท่วงท่าภูมิฐาน
ข้ารับใช้ในตระกูลที่เห็นรถม้าตราพระราชวังต่างตื่นตระหนกตกใจรีบวิ่งไปแจ้งดัชเชสคราเรนซ์โดยเร็ว
“องค์ชายอาร์มิสมางั้นรึ!” หญิงสาววัยกลางคนดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาตัวหรู
“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เรือนผมของท่านผู้น้ำเป็นสีน้ำเงินเข้มซึ่งไม่เหมือนองค์ชายอาร์มิสเลยค่ะ” หญิงรับใช้กล่าว
ดัชเชสเดินออกจากประตูห้องนั่งเล่นพร้อมเหล่าข้ารับใช้จำนวนหนึ่ง
ทันทีที่เคียร่าและเฮลิออสเข้ามาในคฤหาสน์ โรสที่ได้เห็นเจ้านายของตนอยู่ในสภาพเสื้อผ้ายับยู่ยี่อีกทั้งยังขาดวิ่น วิ่งกรูเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นห่วง
ดัชเชสเหลือบตามองชายสูงโปร่งหน้าถมึงทึงที่ยืนข้างหญิงสาวอ้อนแอ้น มือไม้เริ่มสั่นไหวต่อความน่าเกรงขามเมื่อนัยน์ตาอเมทิสต์จ้องมองดุดันอย่างผู้เหนือกว่าและแผ่ออร่ากดดันมหาศาลใส่เธอ
ดัชเชสย่อตัวทำความเคารพ เธอยังคงพยายามฝืนสีหน้าให้ปกติเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
“มะ หม่อมฉันดัชเชสคราเรนซ์ทำความเคารพแด่องค์ชายเฮลิออสเพคะ... นึกไม่ถึงเลยว่าพระองค์จะกลับมาจากแดนเหนือเร็วกว่ากำหนด ไม่ทราบว่าพระองค์มากับเคียร่าได้อย่างไรเพคะ”
“ข้าบังเอิญเจอนางในระหว่างที่รถม้าของนางเกิดอุบัติเหตุก็เลยให้ความช่วยเหลือ”
“ขะ ขอบพระทัยเพคะองค์ชายเฮลิออส”
ดัชเชสขอบคุณตามมารยาท โดยที่ไม่กล้าสบหน้าชายสุงศักดิ์แม้แต่นิดเดียว
เฮลิออสหันไปหาเคีร่า เรียวนิ้วเกลี่ยไปที่แก้มนุ่มของเธอ รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของชายผู้น่าเกรงขาม เหล่าทหารและข้ารับใช้ต่างเบิกตากว้างตกใจต่อเหตุการณ์แปลกประหลาดตรงหน้า
องค์ชายเฮลิออสผู้มีชื่อเสียงในด้านความโหดเหี้ยมและเย็นชา กำลังส่งมอบรอยยิ้มเอ็นดูให้กับหญิงคนรักของน้องชายตนเอง
“ไว้พบกันใหม่นะเลดี้เคียร่า”
มีเพียงหญิงรับใช้คนเดียวที่สนใจนางกันเนี่ยนะ ช่างแย่กว่าที่คิดไว้เสียอีก
ตั้งแต่เดินเข้ามาในคฤหาสน์คราเรนซ์เฮลิออสจับสังเกตทุกอย่างถึงปฏิกิริยาต่อเหล่าคนรับใช้ ไม่มีใครสักคนที่สนใจเคียร่านอกใจหญิงรับใช้เพียงคนเดียว เธอถูกเมินเฉยจากดัชเชสและข้าบริวารอย่างที่เขาคาดไม่ถึง
ปรอยผมสีเงินชุ่มน้ำสยายพาดอ่างอาบน้ำ ร่างกายบางนอนแช่น้ำอย่างเหนื่อยล้า ผิวขาวซีดของเธอถูกแต้มไปด้วยรอยแดงทั่วเนินอก
“คุณหนูทำไมร่างกายถึงมีรอยแดงตามตัวเยอะขนาดนี้คะ” โรสที่กำลังนั่งนวดแขนผ่อนคลายให้เคียร่าอยู่เอ่ยถามตรงไปตรงมา
“ถ้าข้าบอกว่า ข้าไปทำเรื่องไม่ดีมาโรสจะโกรธไหม”
โรสส่ายหน้าเบาๆ
“ข้าเชื่อใจคุณหนูค่ะ ทุกอย่างที่คุณหนูทำมันคงมีเหตุผล ข้าจะรอวันที่คุณหนูพร้อม ถ้าเรื่องมันหนักมากอย่าเก็บมันไว้คนเดียวเลยนะคะ”
“ขอบคุณนะที่เข้าใจ”
“ถึงข้าจะไม่โกรธแต่ข้าหวงคุณหนูมากนะคะ”
โรสใช้แก้มแนบลงฝ่ามือเล็กของผู้เป็นนาย
“ฮ่า ฮ่า” เสียงหวานหัวเราะขึ้นเล็กน้อย
“นี่โรสชอบข้าขนาดไหนเนี่ย” เคียร่าเกลี่ยแก้มหยอกล้อพลางใช้นิ้วโป้งลูบริมปากโรสอย่างอ่อนโยนจนใบหน้าโรสเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับลูกมะเขือเทศ
“ยะ...อย่าแกล้งข้าแบบนี้สิคะ” เสียงกระอักกระอ่วนจากความเขินอาย เธอเบือนหน้าหลบสายตา “ถึงแม้ข้าจะรับใช้คุณหนูมาแค่หนึ่งเดือน แต่ข้าก็ชอบคุณหนูตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเลยนะคะ”
“ข้าก็ถูกชะตากับเจ้าเหมือนกัน”
.
.
.
.
หญิงสาวเรือนผมสีแดงสดท่วงท่ายกน้ำชาดื่มอย่างสง่างามสมกับเป็นเลดี้ชนชั้นสูงในแวดวงผู้นำเหล่าเลดี้อีกทีหนึ่ง โต๊ะน้ำชาเต็มไปด้วยเลดี้หลากหลายตระกูล ทุกคนต่างพูดคุยเยินยอให้กับเลดี้ผมสีแดง
ช่วงเวลาหนึ่งที่เหล่าเลดี้หันมองตาพ้องกันเหมือนว่าต้องการจะถามคำถามที่อยากรู้ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครกล้าเอ่ยออกมา จนกระทั่งเลดี้จากตระกูลบารอนด์วาเลียเป็นคนเปิดบทสนทนาขึ้น
“เลดี้แอมเบอร์คะ พวกเราหลาย ๆ คนต่างเห็นองค์ชายอาร์มิสอยู่กับเลดี้ตระกูลคราเรนซ์บ่อยครั้ง เลดี้แอมเบอร์จะทำอย่างไรต่อหรือคะ”
แอมเบอร์วางแก้วน้ำชาลงพร้อมช้อนตาตามองไปยังเหล่าเลดี้ทั้งหลายซึ่งแลดูตั้งอกตั้งใจฟังคำตอบ
“ข้าคงทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ องค์ชายอาร์มิสก็เพียงแค่นอกลู่นอกทางไปกับดอกไม้ริมทางชั่วครู่...”
“เลดี้ใจดีเกินไปแล้วนะคะ พระองค์เป็นคู่หมั้นของเลดี้แอมเบอร์ ทำไมพวกเราไม่ลองตักเตือนนางดูบางล่ะคะ” เลดี้อีกคนเสริมแทรก
“นั้นสิคะ... แต่เลดี้ตระกูลคราเรนซ์ไม่ค่อยจะออกงานสังคมอะไรเลยนะคะ”
“เพราะนางเป็นลูกบุญธรรม ดยุกคราเรนซ์จึงไม่อยากให้นางออกงานให้ขายหน้าหรือเปล่าคะ เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่นางไปร่วมงานเต้นรำแล้วทำเรื่องไร้มารยาทกับเลดี้แอมเบอร์จนเกิดเรื่องขึ้นมากมาย”
“นางดูสวยแค่หน้าแต่ไม่ฉลาดเอาเสียเลยนะคะ”
เสียงพูดคุยกันเจี๊ยวจ๊าวไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แอมเบอร์จึงหยิบช้อนเคาะกับแก้วชาให้ทุกคนเงียบ
“จะเสียบรรยากาศดื่มน้ำชาได้นะคะ ใกล้ถึงวันเกิดเลดี้โมอาแล้วอย่าลืมส่งบัตรเชิญมาให้ข้าด้วยนะ”
แอมเบอร์หันไปมองโมอาพร้อมส่งยิ้มหวาน โมอารู้สึกประหม่าเล็กน้อยเพราะแอมเบอร์โดยปกติจะไม่ค่อยยิ้ม รอยยิ้มของเธอเหมือนเป็นการบอกโดยนัยว่าให้จัดการคนที่ขว้างหูขว้างตานั้นเสีย
“ต้องส่งให้เลดี้แอมเบอร์อยู่แล้วค่ะ! จะเป็นเรื่องยินดีเสียมากกว่าที่เลดี้สละเวลามางานวันเกิด งะ... งั้นเราส่งบัตรเชิญไปให้เลดี้เคียร่า คราเรนซ์ด้วยดีไหมคะ”
โมอารู้สึกเหมือนเหงื่อจะออกตามขมับจากความกดดัน พอได้พูดเรื่องส่งบัตรเชิญให้กับเคียร่า เหล่าเลดี้ทั้งหลายก็เผยยิ้มร้ายออกมากัน
เนื่องด้วยช่วงนี้เป็นช่วงที่ฟานาและอัลเบิร์ตประจำอยู่วิหารศักดิ์สิทธิ์เป็นเวลานาน ดัชเชสคราเรนซ์จึงมักส่งข้าวของจำเป็นและเงินจำนวนมากไปให้ทั้งสองได้ใช้อย่างสุรุ่ยสุร่าย โดยปกติหน้าที่ส่งของจะเป็นของเคียร่า หญิงสาวผู้ไม่มีความละโมบ และว่านอนสอนง่ายจะเป็นคนรับผิดชอบส่งตรงถึงทั้งคู่ อีกทั้งอัลเบิร์ตเป็นคนกำชับให้เคียร่ามาส่ง ดัชเชสจึงไม่อาจโต้เถียงลูกชายคนโตได้
เคียร่าและเหล่าคนรับใช้ 3 คน ถือสัมภาระมายังลานวิหารที่ฝึกซ้อมของอัศวินศักดิ์สิทธิ์ คนที่สามารถเข้าที่นี่ได้ต้องได้รับอนุญาตจากหัวหน้ากองอัศวินศักดิ์สิทธิ์เสียก่อน
เคียร่ากวาดตามองหาอัลเบิร์ตก่อนจะพบว่าเขายืนพูดคุยกับเหล่าอัศวินคนอื่นอยู่ หญิงสาวตัวเล็กเดินไปตรงลานกว้าง สายตาของชายหนุ่มทั้งหลายต่างจับจ้องมาที่เธอ ใบหน้าสวยได้รูป จมูกสันโด่งบวกกับริมฝีปากอมชมพูธรรมชาติ ทรงผมสีเงินบริสุทธิ์ถูกถักเปียกหลวมๆ สองข้างยิ่งทำให้เธอดูน่ารักราวกับนางฟ้าตัวน้อย
“ท่านพี่อัลเบิร์ตคะ”
อัลเบิร์ตหันไปตามเสียงเรียกก็เผยยิ้มขึ้นทันทีเมื่อได้เห็นเคียร่าที่ไม่ได้เจอกันแรมเดือน เขากางแขนขึ้นเล็กน้อย หวังว่าจะให้น้องสาวเข้ามากอด
เคียร่าเดินเข้าไปสวมกอดอัลเบิร์ตด้วยใบหน้ายิ้มสดใส ถึงแม้ในใจจะรังเกียจก็ตาม
“น้องนำของที่จำเป็นมาให้ค่ะ ให้คนรับใช้ขึ้นไปเก็บที่ห้องเลยนะคะ”
“ได้สิ”
“อลันนะครับ เพื่อนอัลเบิร์ต ไม่คิดเลยว่าเลดี้เคียร่าจะเป็นน้องสาวแสนน่ารักของอัลเบิร์ตได้” ชายหนุ่มแทรกแนะนำตัวกับเคียร่า โดยไม่สนใจอัลเบิร์ตที่แผ่ออร่าหึงหวงออกมาอย่างชัดเจน
“สวัสดีค่ะพี่อลัน” เธอส่งยิ้มหวานสดใส ยิ่งทำให้อัศวินทั้งหลาย กรูเข้ามาทำความรู้จัก
“พอได้แล้ว ข้าจะพาน้องไปส่ง”
อัลเบิร์ตดึงแขนเคียร่าแล้วพาเธอออกจากพื้นที่ตรงนั้น เขาลากร่างเล็กจนมาถึงโบสถ์ที่มีรูปปั้นเทพเอสคิวเลเพียซตั้งอยู่ใจกลางโบสถ์
“ท่านพี่ เจ็บนะคะ”
เคียร่าลูบข้อมือตัวเองเบาๆ แรงของอัลเบิร์ตบีบข้อมือเล็กจนขึ้นรอยแดง
“อย่ามาสำออย แค่นี้ยังไม่เท่าที่ท่านพ่อทำเลยด้วยซ้ำ พอไม่ได้โดนเฆี่ยนตีมานานเลยลืมความรู้สึกแบบนั้นไปแล้วเหรอ ทบทวนกันหน่อยไหม เหตุเพราะเจ้ายั่วยวนคนอื่นต่อหน้าข้า”
ใบหน้าแสยะยิ้มชั่วร้ายแววตาหื่นกระหายฉายชัด อัลเบิร์ตปลดเข็มขัดที่ขาดเอวรูดดึงออกมาพร้อมก้าวเดินไปข้างหน้าหญิงสาวซึ่งตัวสั่นเหมือนลูกนก
ขาก้าวถอยหลังเตรียมจะวิ่งหนี ทว่ากลับถูกแขนแกร่งรวบเอวยกตัวเธอจนขาลอยเหนือพื้น
“ท่านพี่! ปล่อยนะ!”
ร่างเล็กพยายามดิ้นสลัดตัวออก อัลเบิร์ตจึงกระซิบข้างหูของเธอแผ่วเบา เมื่อได้ยินคำพูดแสลงหูนั้น สีหน้าเคียร่าก็เผือดซีดลงแววตาเยือกเย็นในชั่วพริบตา ร่างกายหยุดชะงักนิ่งไม่ดิ้นขัดขืน มือหยาบกร้านเลยปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระ
“ถกกระโปรงขึ้น”
เขาแสดงหน้าตาบิดเบี้ยวและแสยะยิ้มด้วยความพึงพอใจกับภาพที่หญิงสาวค่อย ๆ ถกกระโปรงขึ้นเผยให้เห็นน่องขาเรียวยาวขาวเนียนราวปุยฝ้าย ร่างกายบริสุทธิ์ผุดผ่องเมื่อถูกแต้มสีลงไปมันยิ่งทำให้อัลเบิร์ตรู้สึกดีมาก
เขาง้างมือที่จับเข็มขัดหนัง ฟาดลงไปยังเนื้อนุ่มจนน่องขาขึ้นเป็นรอยแดง
เพี๊ยะ!!!
เสียงฟาดตีกระทบผิวหนังดังก้องอยู่ภายในโบสถ์ ชายหนุ่มเรือนผมสีเขียวอมฟ้าราวกับสีน้ำทะเลกำลังนอนหลับใหลอยู่ภายในห้องสารภาพบาปก็สะดุ้งตื่นเพราะเสียงดังก้อง เขาหยัดกายลุกขึ้นเปิดประตูออกด้วยสภาพงัวเงีย มือยกขึ้นขยี้ตาเพื่อเพ่งมองหาเสียงระคายหู เมื่อสายตาทอดตรงไปเห็นภาพเบื้องหน้า ด้วยสัญชาตญาณเขาร่ายเวทลมโจมตีไปยังชายที่ทำร้ายหญิงสาวตัวเล็กโดยทันที
ลมพายุไต้ฝุ่นขนาดกลางพุ่งออกจากฝ่ามือของผู้ร่ายเวทตรงไปยังชายป่าเถื่อนที่กำลังง้างมือตีหญิงสาว
ปึ้ง!
ร่างกายหนากระแทกเข้ากำแพงอย่างแรงจนผนังโบสถ์เกิดร้อยร้าว
“เซอร์อัลเบิร์ต!! นี่แกกล้าทำร้ายหญิงสาวในที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างนี้เชียวหรือ!!”
เสียงทุ้มดังกังวานเปล่งออกด้วยความขุ่นเคือง เขาไม่คิดเลยว่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์จะกล้าลงมือกับผู้หญิง
“อัก... เซอร์เซเฟอร์...เจ้าอย่ามายุ่งเรื่องในครอบครัวของข้า! ข้าเพียงแค่ทำโทษน้องสาว คนนอกอย่างเจ้าอย่ามาแส่...” อัลเบิร์ตนั่งตัวงอแผ่นหลังชิดเข้ากำแพง รู้สึกจุกจนแทบขยับตัวลุกขึ้นไม่ไหว เขาพยายามจะใช้เวทฟื้นฟูร่างกายตนเอง ทว่าชายผู้ยืนเหนือกว่าก็กระชากคอเสื้ออัลเบิร์ตให้ยืนขึ้นมาอย่างทุลักทุเล
“เป็นน้องสาวก็ยิ่งทำร้ายร่างกายไม่ได้!”
เซเฟอร์กัดกรามแน่นจนเส้นเลือดขึ้นปูด มือง้างหมัดต่อยอัลเบิร์ตไม่ยั้งจนชายผู้มีเลือดท่วมปากแน่นิ่งไป
ผลัวะ!!
“พอได้แล้วค่ะเซอร์!” เสียงหวานใสตะโกนเรียกสติชายหนุ่มที่อัดคนสลบไปแล้วไม่ยั้งมือ เคียร่าตัดสินใจรวบแขนแกร่งแนบอกเพื่อให้เขาหยุดลง
เซเฟอร์สัมผัสถึงแขนที่แนบชิดผิวนุ่มนิ่ม ใบหน้าก้มลงมองหญิงสาวส่งสายตาอ้อนวอน แพรขนตายาวสีขาวสะอาดมีน้ำใสคลออยู่ ทันทีเมื่อสบตามองแววตาคู่สวย ดวงใจของชายหนุ่มก็เต้นระรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมา พอทอดสายตาต่ำลง ก็สะดุดกับส่วนนูนขาวอิ่มแนบชิดติดกัน มันกระแทกตาเขาให้อย่างจัง ใบหน้าเซเฟอร์เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ
“ขอโทษด้วยครับเลดี้ ที่ให้เห็นอะไรน่ากลัวเกินไป”
เซเฟอร์เหวี่ยงอัลเบิร์ตที่สลบไปแล้วลงพื้นอย่างไม่ไยดี
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”
“ทะ..ที่ขาค่ะ รู้สึกเหมือนขาจะไม่มีแรงแล้วค่ะ”
“ขอเสียมารยาทหน่อยนะครับ”
ร่างสูงช้อนตัวอุ้มคนตัวเล็กขึ้น ก่อนจะพาเธอไปยังห้องพักในวิหาร
“ขอบคุณมากนะคะ เซอร์...”
“เซเฟอร์ เอลวิสครับ”
ตระกูลเอลวิสหนึ่งใน 6 ตระกูลดยุกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิคอสมอสไซรัส ตระกูลที่ไม่ฝักฝ่ายใดเป็นพิเศษ ด้วยความสามารถของพี่น้องทั้ง3คนผู้มีพลังเวทลมสายตรง ความสามารถทั้งการบริหารธุรกิจและความเก่งกาจด้านเวทของพี่น้องในตระกูล ทำให้ไม่มีใครกล้าขัดแข้งกับตระกูลนี้ได้
เซเฟอร์ น้องชายฝาแฝดของดยุกเอลวิส ชายผู้สีผมเขียวอมฟ้า นัยน์ตาสีเทาสว่างไสว เซเฟอร์เป็นคนรักครอบครัวเหนือกว่าสิ่งใด ไม่อาจทนเฉยกับคนที่ทำร้ายร่างกายครอบครัวอย่างทารุณได้ ไม่แปลกใจที่เขาเหมือนสติหลุดเมื่อรู้ว่าอัลเบิร์ตทำร้ายน้องสาวตัวเอง
“ท่านเซอร์เซเฟอร์ ข้าอยากจะขอให้ท่านเก็บเรื่องที่เห็นเมื่อครู่ได้ไหมคะ ข้าไม่อยากให้ท่านพี่เสื่อมเสีย ไม่อยากให้ชื่อตระกูลคราเรนซ์เป็นที่ติฉันนินทาน่ะค่ะ”
“ชายคนนั้นไม่สมควรเป็นพี่ของเลดี้เลยนะครับ ข้าอยากจะสั่งสอนเจ้านั้นให้สาสมไม่ให้มีพื้นที่ในกองอัศวินศักดิ์สิทธิ์เลยด้วยซ้ำ”
ใบหน้างดงามเงยหน้ามองเซเฟอร์ เธอกอบกุมมือของเขาแนบไปที่แก้ม พลันหยดน้ำตาไหลรินอาบลงมายังพวงแก้ม
เสียงใสสะอื้นเล็กน้อยน้ำเสียงที่เอ่ยออกมาล้วนสั่นเครือ
“ขะ...ขอบคุณเซอร์มากๆ นะคะ ฮื้อ..”
เสียงสะอื้นยิ่งน้ำให้เซเฟอร์ใจอ่อนระทวยแม้เธอจะหลั่งร้องไห้ออกมาฟูมฟาย แต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงงดงามราวกับนางสวรรค์อยู่ร่ำไป
เซเฟอร์ไม่รู้จะปลอบใจหญิงสาวยังไงจึงสวมกอดลูบหลังเบา ๆ เหมือนที่เคยทำกับน้องสาวของตนเมื่อเธองอแงร้องไห้
“ไม่เป็นไรแล้วนะครับ เดี๋ยวข้าเรียกนักบวชมารักษาแผลให้นะครับ”
“ถ้าเรียกนักบวชมา ข้าเกรงว่ารอยแผลแบบนี้จะเป็นที่น่าสงสัยเอาได้ ใช้สมุนไพรทาบรรเทาไปก่อนก็ได้ค่ะ”
เคียร่าผละออกจากอ้อมกอดเซเฟอร์พลางปาดน้ำตา เซเฟอร์จึงหยิบผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาให้เธออย่างนุ่มนวล
“ก็ได้ครับ ถ้าไม่เสียมารยาทเกินไปข้าขอถามได้ไหมครับว่าเลดี้เคียร่าโดนลงโทษเช่นนี้ตลอดไหม?”
“เรื่องนั้น... คงบอกไม่ได้ค่ะ ข้าอยู่แต่ภายในคฤหาสน์คราเรนซ์ ไม่มีแม้กระทั่งเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน น้องสาวของข้าก็ดูจะห่างเหินกันเกินกว่าจะพูดคุยกันได้ พอได้ออกมาข้างนอกเพื่อนำของมาให้ท่านพี่ ข้าที่ดีใจมากเลยไม่ทันระวังตัวจึงทำให้ท่านพี่โกรธเลยโดนลงโทษเช่นนี้”
“ถ้าเลดี้เหงา หรืออยากมีเพื่อนลองมาคฤหาสน์เอลวิสไหมครับ น้องสาวของข้าน่าจะรุ่นเดียวกับเลดี้นะครับ นางอายุ20ปีน่ะ นางมัวแต่ช่วยดูแลธุรกิจของ ดยุกเลยแทบไม่สนใจออกงานสังคมหรือคบหากับเลดี้คนอื่นเลย ทั้งหัวดื้อซุกซนแต่ก็น่ารักน่าเอ็นดูไม่น้อย”
“ท่านเซอร์ดูท่าจะรักน้องสาวมากเลยนะคะ ข้าอยากเป็นเพื่อนกับน้องสาวของท่านเลยค่ะ ขอบคุณเซอร์มาก ๆ เลย ข้าจะใจจดใจจ่อรอจดหมายเชิญนะคะ”
รอยยิ้มหวานสดใสที่เคียร่าแสดงออกมามันยิ่งทำให้คนที่แพ้ความน่ารักนุ่มนิ่มหวั่นไหวมากเป็นเท่าตัว
เหตุใดเลดี้เคียร่าถึงน่ารักขนาดนี้เนี่ย
ระเบียงห้องนอนเริ่มถูกประดับไปด้วยกระถางดอกลิลลี่สีขาวมองกันเผิน ๆ ก็คงเหมาะกับเคียร่าเพราะมันดูบริสุทธิ์และส่งกลิ่นหอมเย้ายวน ทว่ารากของมันกลับมีพิษร้ายแรงเมื่อเผลอกินก็อาจถึงตายได้โต๊ะน้ำชาซึ่งตั้งอยู่ตรงระเบียงเคียร่าและโรสกำลังนั่งพูดคุยกันถึงตระกูลบารอนด์วาเลีย“คิดไม่ถึงเลยนะคะว่าเลดี้โมอา ส่งบัตรเชิญชวนไปร่วมฉลองงานวันเกิด”โรสขมวดคิ้วเข้าหากัน ไม่คิดเลยว่าจะมีจดหมายเชิญคุณหนูไปร่วมออกงานสังคม เพราะตลอด1เดือนไม่มีจดหมายฉบับอื่นส่งมาหาเลยนอกจากขององค์ชายอาร์มิสถ้าไปก็คงมีเรื่องสนุกๆ เป็นแน่ โรสเคยเจอเลดี้โมอาไหม”“ไม่เคยเจอเลยค่ะ ตอนนั้นที่ข้านำโพชั่นไปขายเจอเพียงแต่บารอนด์วาเลียค่ะ”“ถ้างั้นเราไปตามบัตรเชิญเสียหน่อย เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมบ้าง คราวนี้โรสต้องออกโรงแล้ว”โรสยิ้มดีใจพร้อมพยักหน้าตอบรับ“คุณหนูต้องระวังตัวด้วยนะคะ”“ไม่ต้องห่วงไปหรอก โรสน่ะต้องเสี่ยงไปสืบถึงรังศัตรูเลยเชียวนะ แต่ก่อนที่เราจะเล่นงานบารอนด์วาเลียได้คืนนี้คงต้องไปพบชายผู้นั้นเสียก่อน”“ใครเหรอคะ?”“ก็คนที่ข้าทำสัญญาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ไง เตรียมยาไว้ด้วยเล่า คืนนี้คงต้องใช้ยาของโรสช่วยอีกแรง”“
“คุณหนู! ทำไมกลับมาเสียเช้า รู้ไหมข้าเป็นกังวลแทบบ้า!” หญิงสาวแต่งตัวใส่ชุดนอนของผู้เป็นนายดีดตัวลงออกจากเตียงและบ่นกับเคียร่าที่พึ่งกลับมาถึงตอนรุ่งเช้า“เกิดเหตุนิดหน่อยน่ะ ขอบใจนะที่แสดงเป็นข้า”เคียร่ายิ้มหวานพลันลูบหัวโรสอย่างเอ็นดู“ใจข้าว้าวุ่นขนาดไหน...นึกว่าคุณหนูจะไม่กลับมาเสียแล้ว” โรสขมวดคิ้วพร้อมแสดงหน้าน้อยใจ ถ้าเจ้านายไม่กลับมาเธอคงต้องออกตามหาผู้เป็นนายอย่างบ้าคลั่งเป็นแน่“เอาน่า วันนี้เรามีนัดสำคัญข้าจะพลาดไปได้ไง และข้าก็ได้เอกสารหลักฐานมาครบแล้ว คืนนี้เราจะเอาคืนตระกูลวาเลียกัน”ใบหน้าสวยเจ้าเล่ห์แสยะยิ้ม ทำเอาโรสถึงกับใจเต้นแรง เธอรู้สึกชอบบุคลิกนี้ของเจ้านายที่สุด โดยปกติเมื่อคุณหนูอยู่ต่อหน้าคนอื่นการแสดงสีหน้าและท่าทางจะกลายเป็นคนละคนกับตอนนี้เคียร่าต้องแสดงเป็นหญิงสาวใสซื่อ อ่อนแอไม่สู้คนอยู่ตลอด แต่พอได้พ้นสายตาผู้อื่นไป ก็จะแสดงอีกตัวตนหนึ่งออกมาจนตอนนี้โรสเริ่มชินและเข้าใจเจ้านายของตัวเองมากขึ้นแล้วเฮลิออสหยิบโน้ตบนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาอ่านและคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ถ้าเธอรู้ว่าเขาทำอะไรลงไปคงโดนตราหน้าว่าเป็นพวกโรคจิตเป็นแน่ร่างสูงจัดแจงใส่เสื้อผ้าให้เร
โถงงานเลี้ยงในคฤหาสน์เต็มไปด้วยแขกมากหน้าหลายตาของเหล่าลูกหลานขุนนางชนชั้นสูง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่หญิงสาวชุดเดรสรัดรูปสีขาวกำลังถูกเจ้าของงานเลี้ยงวันเกิดพูดจาเหน็บแนม“ข้านึกว่าเลดี้เคียร่าจะออกจากงานไปเสียแล้ว มางานวันเกิดแต่ไม่คิดว่ามีของขวัญให้เจ้าภาพงาน หรือว่าที่เลดี้มาคือจงใจอยากจะเป็นที่หมายตาของบุรุษหรือคะ”โมอามองต่ำแสดงสายตาดูถูกดูแคลนใส่หญิงสาวใบหน้ายิ้มแย้ม“นั้นสิคะ อย่างน้อยก็ขึ้นชื่อเป็นคนในตระกูลคราเรนซ์ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีมารยาทเอาเสียเลย”ลูกสมุนของโมอาช่วยเสริมเติมแต่งหวังว่าจะทำให้เคียร่าหน้าเสียอีกครั้ง“ของขวัญสำหรับเลดี้โมอามีแน่นอนค่ะ ไหน ๆ แล้วข้าอยากจะมอบความสุนทรีย์บรรเลงเปียโนให้กับทุกคนในงานเลี้ยงได้ฟังกันนะคะ”“คนอย่างเลดี้เล่นเปียโนก็คงเป็นเพลงเพี้ยน ๆ เหมือนคราก่อน ข้าก็ไม่หวังกับเลดี้เคียร่าหรอกค่ะ”โมอาแสยะยิ้ม เธอคิดไม่ถึงว่าเคียร่าจะกล้าเล่นดนตรีอีกครั้ง เพราะว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน ในงานออกสังคมครั้งแรกที่เคียร่าไป เธอได้บรรเลงเพลงให้ผู้คนมากมายได้ฟัง จนทั้งงานได้แต่ขนานนามหัวเราะถึงการเล่นดนตรียอดแย่ของเธอมือเรียวสวยวางมือลงบนเปียโน หลับตาลงนึก
ทหารนายหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นตระหนกเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของบารอนด์วาเลียอย่างรีบร้อนปัง!“ท่านบารอนด์! มีคนบุกรุกโกดังชั้นใต้ดินมันเผาโกดังมอดไหม้ไปทั่วแล้วขอรับ!! พวกทาสหนีออกหายไปหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียวเลยครับ!”เสียงประตูดังขึ้นทำให้บารอนด์ตื่นจากภวังค์ เขารีบลุกออกจากเตียงนอนเปิดหน้าต่างเพื่อตรวจสอบสิ่งที่ทหารพูด พื้นที่โกดังซึ่งมองเห็นได้ชัดเกิดไฟไหม้ควันฟุ้งลอยเหนือชั้นบรรยากาศ“ใครกันมันกล้ามาหยามข้าขนาดนี้! ดูแลประสาอะไรวะ! รีบไปจับตัวคนบุกรุกมาให้ข้า!!” เสียงโวยวายของชายวัยกลางคนด่ากราดด้วยความโกรธเกรี้ยว“คือว่า...ผู้บุกรุกได้ทำร้ายทหารของเราจนแน่นิ่งไปหมดแล้วครับ...” ทหารตัวใหญ่แสดงความหวาดเกรงมือไม้สั่นปากสั่นเทา“อะไรกัน! มันมีกันเยอะงั้นเหรอ!”“มีผู้ชาย 2 คน คะ ครับ.. มันลอบทำร้ายทหารของเราทีละคน ก่อนจะรู้ตัวพวกทหารก็สลบกันไปหมดแล้วครับ!”ปัก!!! เสียงถีบหลังบารอนด์จากคนชุดดำที่ลอยตัวเข้ามาจากทางหน้าต่าง ตัวบารอนด์ได้กระเด็นตามแรงถีบนอนกลิ้งส่งเสียงโอดครวญอยู่บนพื้นพรมผืนหรู“จะ เจ็บ..” บารอนด์หันไปมองหาความช่วยเหลือจากทหาร ทว่าทหารคนนั้นก็ได้สลบไปแล้ว คนชุดดำสองคนที่บุ
“องค์ชายเฮลิออสมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิอีเมอร์สันชายวัยกลางอายุราว50ปีผู้มีเรือนผมสีบลอนด์สว่างไสวเหมือนกับอาร์มิสและมีนัยน์ตาสีอเมทิสต์เหมือนกับเฮลิออส ใบหน้านิ่งขรึมไร้อารมณ์ถึงแม้ว่าจะทำงานเอกสารกองเท่าภูเขาอยู่แต่ก็ไม่แสดงถึงความเหน็ดเหนื่อยออกมาเลยแม้แต่น้อยอีเมอร์สันวางปากกาพร้อมกวาดตามองต่อคนที่มาเยือน“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท...”“ได้ข่าวว่าเจ้ามาถึงเมืองหลวงแรมเดือน ทำไมถึงพึ่งจะมาเข้าเฝ้าเรา” อีเมอร์สันเอ่ยเสียงเรียบนิ่งนัยน์ตาสีอเมทิสต์จ้องมองราวกับตานกอินทรี ทั้งดุดัน และน่าเกรงขาม“กระหม่อมเหนื่อยล้ากับการเดินทาง เลยต้องการพักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรงดี อีกอย่างกระหม่อมอยากเที่ยวชมเมืองหลวงที่ไม่ได้กลับมาแสนนานด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“เราเข้าใจได้ ขอบใจที่เจ้าชนะสงครามแดนเหนือและกลับมาที่เมืองหลวง ผลงานที่เจ้าสร้างไว้เพื่อจักรวรรดิเราจะตอบแทนให้สมกับที่เจ้าทำไว้”เฮลิออสยกยิ้มราวกับว่าคำพูดของอีเมอร์สันเป็นอย่างที่เขาคาดหวังไว้“กระหม่อมไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ แค่อยากกลับมาอยู่ในที่ที่เคยอยู่ก็เพียงพอแล้ว...”อีเมอร์สันรู้ความต้องการของเฮลิออสลูกชายของตนเป็นอย่างดี การมาเยือนขอ
ตอนที่13ใช่พระเอกในนิยายจริงๆ เหรอตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ ห
ตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ หม่อมฉันหวังว่าองค์ชายจะลืมหม่อมฉันได
“เคียร่า… วันนี้เจ้าก็ยังคงงดงามเช่นเคย ข้าอยากจะป่าวประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าหญิงที่งดงามดุจเทพธิดาเป็นของข้าเพียงผู้เดียว” “องค์ชายอาร์มิสเพคะ ทำไมพระองค์ถึงดีกับข้าเช่นนี้ ข้าไม่อาจคู่ควรยืนข้างกายท่านเลยด้วยซ้ำ ถ้าเลดี้แอมเบอร์ได้ยินที่ท่านพูด เลดี้คงเสียใจเป็นอย่างมาก” ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ในสวนหลังพระราชวัง ลมเย็นพัดผ่านเป็นระลอกทำให้ใบไม้ไหวไปมา เรือนผมสีเงินของเคียร่าพริ้วไสว เผยให้เห็นประกายตาสีแดงมรกตที่แฝงไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน ราวกับดึงดูดทุกสายตาที่จ้องมองอาร์มิสช้อนคางเรียวของเธอขึ้น ใบหน้าคมสันยิ้มละไมก่อนโน้มเข้ามาใกล้ ดวงตาสีอำพันที่เต็มไปด้วยความหลงใหลจับจ้องลึกลงไปในดวงตาของเธอ “เพราะว่าข้ารักเจ้าไง เคียร่า…”เสียงทุ้มต่ำเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะสัมผัสเบาๆ กับริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอแต่เพียงชั่วขณะเดียว เสียงเรียบนิ่งกลับดังขึ้นขัดจังหวะของทั้งคู่ “ถ้าใครมาเห็นเข้า เรื่องซุบซิบนินทาของข้ารับใช้คงเลยเถิดและเสียภาพลักษณ์ขององค์รัชทายาทแน่เลยเพคะ...”อาร์มิสผละออกจากเคียร่าอย่างรวดเร็วแล้วหันไปยังต้นเ
ตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ หม่อมฉันหวังว่าองค์ชายจะลืมหม่อมฉันได
ตอนที่13ใช่พระเอกในนิยายจริงๆ เหรอตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ ห
“องค์ชายเฮลิออสมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิอีเมอร์สันชายวัยกลางอายุราว50ปีผู้มีเรือนผมสีบลอนด์สว่างไสวเหมือนกับอาร์มิสและมีนัยน์ตาสีอเมทิสต์เหมือนกับเฮลิออส ใบหน้านิ่งขรึมไร้อารมณ์ถึงแม้ว่าจะทำงานเอกสารกองเท่าภูเขาอยู่แต่ก็ไม่แสดงถึงความเหน็ดเหนื่อยออกมาเลยแม้แต่น้อยอีเมอร์สันวางปากกาพร้อมกวาดตามองต่อคนที่มาเยือน“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท...”“ได้ข่าวว่าเจ้ามาถึงเมืองหลวงแรมเดือน ทำไมถึงพึ่งจะมาเข้าเฝ้าเรา” อีเมอร์สันเอ่ยเสียงเรียบนิ่งนัยน์ตาสีอเมทิสต์จ้องมองราวกับตานกอินทรี ทั้งดุดัน และน่าเกรงขาม“กระหม่อมเหนื่อยล้ากับการเดินทาง เลยต้องการพักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรงดี อีกอย่างกระหม่อมอยากเที่ยวชมเมืองหลวงที่ไม่ได้กลับมาแสนนานด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“เราเข้าใจได้ ขอบใจที่เจ้าชนะสงครามแดนเหนือและกลับมาที่เมืองหลวง ผลงานที่เจ้าสร้างไว้เพื่อจักรวรรดิเราจะตอบแทนให้สมกับที่เจ้าทำไว้”เฮลิออสยกยิ้มราวกับว่าคำพูดของอีเมอร์สันเป็นอย่างที่เขาคาดหวังไว้“กระหม่อมไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ แค่อยากกลับมาอยู่ในที่ที่เคยอยู่ก็เพียงพอแล้ว...”อีเมอร์สันรู้ความต้องการของเฮลิออสลูกชายของตนเป็นอย่างดี การมาเยือนขอ
ทหารนายหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นตระหนกเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของบารอนด์วาเลียอย่างรีบร้อนปัง!“ท่านบารอนด์! มีคนบุกรุกโกดังชั้นใต้ดินมันเผาโกดังมอดไหม้ไปทั่วแล้วขอรับ!! พวกทาสหนีออกหายไปหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียวเลยครับ!”เสียงประตูดังขึ้นทำให้บารอนด์ตื่นจากภวังค์ เขารีบลุกออกจากเตียงนอนเปิดหน้าต่างเพื่อตรวจสอบสิ่งที่ทหารพูด พื้นที่โกดังซึ่งมองเห็นได้ชัดเกิดไฟไหม้ควันฟุ้งลอยเหนือชั้นบรรยากาศ“ใครกันมันกล้ามาหยามข้าขนาดนี้! ดูแลประสาอะไรวะ! รีบไปจับตัวคนบุกรุกมาให้ข้า!!” เสียงโวยวายของชายวัยกลางคนด่ากราดด้วยความโกรธเกรี้ยว“คือว่า...ผู้บุกรุกได้ทำร้ายทหารของเราจนแน่นิ่งไปหมดแล้วครับ...” ทหารตัวใหญ่แสดงความหวาดเกรงมือไม้สั่นปากสั่นเทา“อะไรกัน! มันมีกันเยอะงั้นเหรอ!”“มีผู้ชาย 2 คน คะ ครับ.. มันลอบทำร้ายทหารของเราทีละคน ก่อนจะรู้ตัวพวกทหารก็สลบกันไปหมดแล้วครับ!”ปัก!!! เสียงถีบหลังบารอนด์จากคนชุดดำที่ลอยตัวเข้ามาจากทางหน้าต่าง ตัวบารอนด์ได้กระเด็นตามแรงถีบนอนกลิ้งส่งเสียงโอดครวญอยู่บนพื้นพรมผืนหรู“จะ เจ็บ..” บารอนด์หันไปมองหาความช่วยเหลือจากทหาร ทว่าทหารคนนั้นก็ได้สลบไปแล้ว คนชุดดำสองคนที่บุ
โถงงานเลี้ยงในคฤหาสน์เต็มไปด้วยแขกมากหน้าหลายตาของเหล่าลูกหลานขุนนางชนชั้นสูง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่หญิงสาวชุดเดรสรัดรูปสีขาวกำลังถูกเจ้าของงานเลี้ยงวันเกิดพูดจาเหน็บแนม“ข้านึกว่าเลดี้เคียร่าจะออกจากงานไปเสียแล้ว มางานวันเกิดแต่ไม่คิดว่ามีของขวัญให้เจ้าภาพงาน หรือว่าที่เลดี้มาคือจงใจอยากจะเป็นที่หมายตาของบุรุษหรือคะ”โมอามองต่ำแสดงสายตาดูถูกดูแคลนใส่หญิงสาวใบหน้ายิ้มแย้ม“นั้นสิคะ อย่างน้อยก็ขึ้นชื่อเป็นคนในตระกูลคราเรนซ์ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีมารยาทเอาเสียเลย”ลูกสมุนของโมอาช่วยเสริมเติมแต่งหวังว่าจะทำให้เคียร่าหน้าเสียอีกครั้ง“ของขวัญสำหรับเลดี้โมอามีแน่นอนค่ะ ไหน ๆ แล้วข้าอยากจะมอบความสุนทรีย์บรรเลงเปียโนให้กับทุกคนในงานเลี้ยงได้ฟังกันนะคะ”“คนอย่างเลดี้เล่นเปียโนก็คงเป็นเพลงเพี้ยน ๆ เหมือนคราก่อน ข้าก็ไม่หวังกับเลดี้เคียร่าหรอกค่ะ”โมอาแสยะยิ้ม เธอคิดไม่ถึงว่าเคียร่าจะกล้าเล่นดนตรีอีกครั้ง เพราะว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน ในงานออกสังคมครั้งแรกที่เคียร่าไป เธอได้บรรเลงเพลงให้ผู้คนมากมายได้ฟัง จนทั้งงานได้แต่ขนานนามหัวเราะถึงการเล่นดนตรียอดแย่ของเธอมือเรียวสวยวางมือลงบนเปียโน หลับตาลงนึก
“คุณหนู! ทำไมกลับมาเสียเช้า รู้ไหมข้าเป็นกังวลแทบบ้า!” หญิงสาวแต่งตัวใส่ชุดนอนของผู้เป็นนายดีดตัวลงออกจากเตียงและบ่นกับเคียร่าที่พึ่งกลับมาถึงตอนรุ่งเช้า“เกิดเหตุนิดหน่อยน่ะ ขอบใจนะที่แสดงเป็นข้า”เคียร่ายิ้มหวานพลันลูบหัวโรสอย่างเอ็นดู“ใจข้าว้าวุ่นขนาดไหน...นึกว่าคุณหนูจะไม่กลับมาเสียแล้ว” โรสขมวดคิ้วพร้อมแสดงหน้าน้อยใจ ถ้าเจ้านายไม่กลับมาเธอคงต้องออกตามหาผู้เป็นนายอย่างบ้าคลั่งเป็นแน่“เอาน่า วันนี้เรามีนัดสำคัญข้าจะพลาดไปได้ไง และข้าก็ได้เอกสารหลักฐานมาครบแล้ว คืนนี้เราจะเอาคืนตระกูลวาเลียกัน”ใบหน้าสวยเจ้าเล่ห์แสยะยิ้ม ทำเอาโรสถึงกับใจเต้นแรง เธอรู้สึกชอบบุคลิกนี้ของเจ้านายที่สุด โดยปกติเมื่อคุณหนูอยู่ต่อหน้าคนอื่นการแสดงสีหน้าและท่าทางจะกลายเป็นคนละคนกับตอนนี้เคียร่าต้องแสดงเป็นหญิงสาวใสซื่อ อ่อนแอไม่สู้คนอยู่ตลอด แต่พอได้พ้นสายตาผู้อื่นไป ก็จะแสดงอีกตัวตนหนึ่งออกมาจนตอนนี้โรสเริ่มชินและเข้าใจเจ้านายของตัวเองมากขึ้นแล้วเฮลิออสหยิบโน้ตบนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาอ่านและคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ถ้าเธอรู้ว่าเขาทำอะไรลงไปคงโดนตราหน้าว่าเป็นพวกโรคจิตเป็นแน่ร่างสูงจัดแจงใส่เสื้อผ้าให้เร
ระเบียงห้องนอนเริ่มถูกประดับไปด้วยกระถางดอกลิลลี่สีขาวมองกันเผิน ๆ ก็คงเหมาะกับเคียร่าเพราะมันดูบริสุทธิ์และส่งกลิ่นหอมเย้ายวน ทว่ารากของมันกลับมีพิษร้ายแรงเมื่อเผลอกินก็อาจถึงตายได้โต๊ะน้ำชาซึ่งตั้งอยู่ตรงระเบียงเคียร่าและโรสกำลังนั่งพูดคุยกันถึงตระกูลบารอนด์วาเลีย“คิดไม่ถึงเลยนะคะว่าเลดี้โมอา ส่งบัตรเชิญชวนไปร่วมฉลองงานวันเกิด”โรสขมวดคิ้วเข้าหากัน ไม่คิดเลยว่าจะมีจดหมายเชิญคุณหนูไปร่วมออกงานสังคม เพราะตลอด1เดือนไม่มีจดหมายฉบับอื่นส่งมาหาเลยนอกจากขององค์ชายอาร์มิสถ้าไปก็คงมีเรื่องสนุกๆ เป็นแน่ โรสเคยเจอเลดี้โมอาไหม”“ไม่เคยเจอเลยค่ะ ตอนนั้นที่ข้านำโพชั่นไปขายเจอเพียงแต่บารอนด์วาเลียค่ะ”“ถ้างั้นเราไปตามบัตรเชิญเสียหน่อย เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมบ้าง คราวนี้โรสต้องออกโรงแล้ว”โรสยิ้มดีใจพร้อมพยักหน้าตอบรับ“คุณหนูต้องระวังตัวด้วยนะคะ”“ไม่ต้องห่วงไปหรอก โรสน่ะต้องเสี่ยงไปสืบถึงรังศัตรูเลยเชียวนะ แต่ก่อนที่เราจะเล่นงานบารอนด์วาเลียได้คืนนี้คงต้องไปพบชายผู้นั้นเสียก่อน”“ใครเหรอคะ?”“ก็คนที่ข้าทำสัญญาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ไง เตรียมยาไว้ด้วยเล่า คืนนี้คงต้องใช้ยาของโรสช่วยอีกแรง”“
รถม้าคันหรูประทับตราลวดลายพระอาทิตย์สีทองอร่ามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ราชวงศ์ หญิงสาวสวมผ้าคลุมลงมาจากรถม้าพร้อมชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินท่วงท่าภูมิฐานข้ารับใช้ในตระกูลที่เห็นรถม้าตราพระราชวังต่างตื่นตระหนกตกใจรีบวิ่งไปแจ้งดัชเชสคราเรนซ์โดยเร็ว“องค์ชายอาร์มิสมางั้นรึ!” หญิงสาววัยกลางคนดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาตัวหรู“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เรือนผมของท่านผู้น้ำเป็นสีน้ำเงินเข้มซึ่งไม่เหมือนองค์ชายอาร์มิสเลยค่ะ” หญิงรับใช้กล่าวดัชเชสเดินออกจากประตูห้องนั่งเล่นพร้อมเหล่าข้ารับใช้จำนวนหนึ่งทันทีที่เคียร่าและเฮลิออสเข้ามาในคฤหาสน์ โรสที่ได้เห็นเจ้านายของตนอยู่ในสภาพเสื้อผ้ายับยู่ยี่อีกทั้งยังขาดวิ่น วิ่งกรูเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นห่วงดัชเชสเหลือบตามองชายสูงโปร่งหน้าถมึงทึงที่ยืนข้างหญิงสาวอ้อนแอ้น มือไม้เริ่มสั่นไหวต่อความน่าเกรงขามเมื่อนัยน์ตาอเมทิสต์จ้องมองดุดันอย่างผู้เหนือกว่าและแผ่ออร่ากดดันมหาศาลใส่เธอดัชเชสย่อตัวทำความเคารพ เธอยังคงพยายามฝืนสีหน้าให้ปกติเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา“มะ หม่อมฉันดัชเชสคราเรนซ์ทำความเคารพแด่องค์ชายเฮลิออสเพคะ... นึกไม่ถึงเลยว่าพระองค์จะกลับมาจากแดนเหนือเร็วกว่ากำหนด ไม่ทราบ
เปลือกตายับย่นค่อยๆ หรี่ขึ้น ร่างกายขยับไม่ได้ดั่งใจนึกเพราะถูกมัดมือไขว้หลัง เธอกวาดตามองรอบห้องนอนทรุดโทรม บรรยากาศภายในห้องมืดครึ้มจนแทบเห็นหน้าชายที่ยืนอยู่ตรงปลายเตียงได้ไม่ค่อยชัด“ตื่นเร็วเหมือนกันนิ” เสียงทุ้มเอ่ยพลางเดินมานั่งบนเตียง“จะ จับข้ามาทำไม..” น้ำเสียงใสสั่นเครือ เธอแสดงสีหน้าหวาดกลัวต่อชายลึกลับ ทว่าในใจของหญิงสาวกลับตื่นเต้นว่าโจรลักพาตัวจะทำอะไรกันแน่ ถ้าตามในนิยายแล้วแผนลักพาตัวจะไม่สำเร็จเพราะว่าเธอหนีพวกโจรได้อย่างฉิวเฉียดเคียร่ารู้อยู่แล้วว่าแผนการนี้เป็นขององค์ชายเฮลิออสเธอเลยยอมโดนจับแต่โดยดี“ข้าอยากจะรู้นัก ว่าคนรักของน้องชายข้าเป็นยังไง”“ทะ ท่านที่ช่วยข้าครานั้น คือองค์ชายเฮลิออสหรือเพคะ... ท่านจับข้าแบบนี้เพื่ออะไรกันคะ...”“อืม... ข้าคิดอยู่ว่าจะแกล้งน้องชายตนเองนิดหน่อยน่ะ ถ้าหญิงคนรักตกเป็นของผู้อื่น เจ้านั่นจะแสดงสีหน้าแบบไหนกันนะ”องค์ชายอยากได้ตัวข้าเพื่อให้อาร์มิสทรมานใจเนี่ยนะ?เธอไม่คิดเลยว่าแผนของเขามันจะเรียบง่ายแบบนี้ แต่ก็เข้าทางเธอพอดีร่างกำยำขยับตัวเข้าใกล้เธอมากขึ้น เคียร่าจึงต้องสวมบทบาทเป็นหญิงสาวไร้เดียงสาต่อ“จะทำอะไรเพคะ! อย่ามา