ระเบียงห้องนอนเริ่มถูกประดับไปด้วยกระถางดอกลิลลี่สีขาวมองกันเผิน ๆ ก็คงเหมาะกับเคียร่าเพราะมันดูบริสุทธิ์และส่งกลิ่นหอมเย้ายวน ทว่ารากของมันกลับมีพิษร้ายแรงเมื่อเผลอกินก็อาจถึงตายได้
โต๊ะน้ำชาซึ่งตั้งอยู่ตรงระเบียงเคียร่าและโรสกำลังนั่งพูดคุยกันถึงตระกูลบารอนด์วาเลีย
“คิดไม่ถึงเลยนะคะว่าเลดี้โมอา ส่งบัตรเชิญชวนไปร่วมฉลองงานวันเกิด”
โรสขมวดคิ้วเข้าหากัน ไม่คิดเลยว่าจะมีจดหมายเชิญคุณหนูไปร่วมออกงานสังคม เพราะตลอด1เดือนไม่มีจดหมายฉบับอื่นส่งมาหาเลยนอกจากขององค์ชายอาร์มิส
ถ้าไปก็คงมีเรื่องสนุกๆ เป็นแน่ โรสเคยเจอเลดี้โมอาไหม”
“ไม่เคยเจอเลยค่ะ ตอนนั้นที่ข้านำโพชั่นไปขายเจอเพียงแต่บารอนด์วาเลียค่ะ”
“ถ้างั้นเราไปตามบัตรเชิญเสียหน่อย เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมบ้าง คราวนี้โรสต้องออกโรงแล้ว”
โรสยิ้มดีใจพร้อมพยักหน้าตอบรับ
“คุณหนูต้องระวังตัวด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องห่วงไปหรอก โรสน่ะต้องเสี่ยงไปสืบถึงรังศัตรูเลยเชียวนะ แต่ก่อนที่เราจะเล่นงานบารอนด์วาเลียได้คืนนี้คงต้องไปพบชายผู้นั้นเสียก่อน”
“ใครเหรอคะ?”
“ก็คนที่ข้าทำสัญญาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ไง เตรียมยาไว้ด้วยเล่า คืนนี้คงต้องใช้ยาของโรสช่วยอีกแรง”
“ถ้าไม่ได้คุณหนูช่วยค้นคิด ข้าคงทำยาเช่นนั้นไม่ได้หรอกค่ะ”
“แต่ถ้าข้าไม่มีนักเล่นแร่แปรธาตุข้างกาย ข้าก็ทำยาออกมาเองไม่ได้ อีกอย่างข้ามียาตัวหนึ่งที่ต้องการ ไว้วันหลังคงต้องหาเวลาทำเสียแล้ว”
โรงแรมเอลลีน ถนนเซียนน่า
หญิงสาวถอดผ้าคลุมออกพร้อมทิ้งตัวนั่งลงโซฟา ชายหนุ่มตรงข้ามหยิบเอกสารปึกหนึ่งยื่นให้หญิงสาว
“หลักฐานการส่งขายโพชั่นของบารอนด์วาเลียกับร้านลาลาบู หวังว่าจะถูกใจเจ้านะเลดี้เคียร่า”
“โปรดเรียกข้าว่านักบุญด้วยค่ะ ข้าไม่ได้มาในนามเลดี้”
“แข็งกระด้างจริงเชียว ไม่ยักจะเหมือนตอนอยู่บนเตียง”
“บนเตียงมันเป็นยังไงหรือคะ?”
หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย ถ้าหมายถึงเรื่องบนเตียงเมื่อตอนที่โดนจับตัวไป มันก็แค่ละครฉากหนึ่ง
“หึ ลืมแล้วหรือไงที่ทำกับข้า” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงต่ำ พลางเอนหลังพิงโซฟาไขว้ขาขึ้น นัยน์ตาสีม่วงจ้องมองมาที่เธอราวกับกำลังคาดคั้นความทรงจำที่เคยร่วมกันมา
เธอละสายตาจากเขาและก้มมองเอกสารตรงหน้า
ตรวจเช็กเอกสารก่อนจะนำมันเก็บเข้ากระเป๋าแล้วหยิบขวดยาวางไว้บนโต๊ะ
“ยานี้เชิญท่านดื่มได้เลยนะคะ ข้าร่ายเวทให้แล้ว ผลของยาจะอยู่ได้หนึ่งสัปดาห์เช่นเดิม”
เธอไม่คิดสนใจคำพูดชวนให้หวั่นไหว ทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้นมันก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในแผนการที่เธอได้วางไว้และหาประโยชน์จากมันเพียงเท่านั้น
“ไม่ป้อนยาเหมือนครานั้นแล้วหรอกหรือ ข้ายังไม่ไว้ใจเจ้านะ”
“มันคงไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นนั้น แต่ถ้าพระองค์ประสงค์ข้าก็ทำให้ได้”
หญิงสาวลุกขึ้นและเดินอ้อมโต๊ะไปนั่งโซฟาตัวเดียวกับชายหนุ่ม เธอเปิดจุกขวดยาและยกเข้าปากก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขา ซึ่งดูเหมือนว่าเขาทำท่าทีตกใจเล็กน้อย
“เจ้า...นี่มัน ช่างหน้าไม่อายจริงๆ ”
ฝ่ามือหนาดันหน้าผากเธอให้ห่างออกไป จนเธอเผลอกลืนยาลงคอ
อึก…
เคียร่าส่ายหัวเล็กน้อยเพราะเธอเผลอกินยาที่คล้ายกับยานอนหลับ โดยปกติแล้วคนที่นอนหลับเป็นปกติถ้าดื่มยาตัวนี้จะทำให้รู้สึกง่วงในทันที ครั้งก่อนที่ป้อนยาให้กับเฮลิออส เธอจิบมันเพียงเล็กน้อยผลของการออกฤทธิ์เลยช้า ในคืนนั้นพอกลับถึงห้องก็แทบประคองสติไม่อยู่เลยสลบก่อนถึงเตียงนอนด้วยซ้ำ
“เออ...องค์ชายเพคะ ข้าคิดว่าต้องรีบกลับแล้ว ยาตัวนี้ฤทธิ์มันค่อนข้างแรงสำหรับคนไม่ได้ป่วย ขะ ข้าขอตัวก่อน...”
ร่างบางดีดตัวลุก มือยกขึ้นนวดขมับเล็กน้อย ความง่วงทำให้สายตาพร่ามัวและหัวหนักอึ้ง เธอจึงล้มตัวลง
พึ่บ! เฮลิออสรับตัวเธอไว้ได้ทัน มือจับใบหน้าสวยเขย่าเรียกสติให้เธอตื่น แต่ก็ดูเหมือนว่าเธอคงจะไม่ตื่นนอนจนกว่าจะถึงรุ่งเช้า
ชายหนุ่มจึงช้อนตัวร่างเล็กที่หลับสนิทอุ้มไปนอนบนเตียง
“เตียงก็เล็กอยู่แล้วยังจะมาแย่งที่นอนของข้าอีก”
ใบหน้าคมผุดยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะปลดเสื้อตัวนอกและรองเท้าของหญิงสาวออก
การนอนที่ยังสวมเสื้อหลายชั้นมันคงน่าอึดอัด เขาเลยค่อย ๆ ปลดกระดุมออกที่ละเม็ด จนเหลือแต่เพียงเสื้อซับในสีขาวตัวบาง พอได้เห็นร่างกายที่เย้ายวนและเคยสัมผัสมาทั่วทั้งตัว ใบหน้าเขาก็เริ่มแดงขึ้น รู้สึกร้อนรุ่มทั้งที่ยังไม่ได้กินยา กลิ่นหวานอ่อน ๆ ลอยละมุนคล้ายกับดอกลิลลี่โชยออกมาจากตัวหญิงสาว ทำให้เฮลิออสเผลอสูดดมร่างกายของเธอจนเกิดเป็นความถลำลึก
จมูกโด่งเริ่มซุกไซ้ทั่วลำคอระหง ฝ่ามือลูบไล้ช่วงเอวคอดก่อนค่อย ๆ เลื่อนขึ้นสัมผัสกับหน้าอกที่เคยสัมผัส นวดคลึงอย่างเบามือ ริมฝีปากไล่ลงมาช่วงเนินอกและสูดดมกลิ่นกายหอมรัญจวน เขาขบเม้นยอดปทุมที่มันแข็งขึ้นตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ผ่านเสื้อซับในตัวบาง
“กลิ่นหอมอะไรขนาดนี้ ถ้ายังขืนมีสติอยู่คงทำเรื่องหน้าไม่อายกับหญิงสาวไม่รู้ความเป็นแน่”
เฮลิออสดีดตัวขึ้นออกจากเตียงนอน ดึงสติตัวเองกลับมาก่อนเริ่มทำอะไรไปมากกว่านี้ เขาเดินไปหยิบขวดยาดื่ม และถอดเสื้อตัวนอกออกกลับไปนอนบนเตียงเดียวกับหญิงสาว
พระราชวัง
“ดึกดื่นเช่นนี้ท่านแม่มาหาข้ามีเรื่องอะไรเหรอครับ” ชายหนุ่มในชุดคลุมเอ่ยถามกับมารดาที่นั่งอยู่เบาะโซฟาในห้องนอนของเขา
หญิงสาววัยกลางคนผมสีน้ำตาลอมแดง แม้อายุจะเข้าเลยสี่แล้ว แต่เธอก็ยังสวยสง่าดูอ่อนวัยกว่าอายุ
“แม่อยากให้อาร์มิสไปคฤหาสน์เบลซเสียหน่อย นำของขวัญไปให้เลดี้แอมเบอร์ ลูกรู้ไหมว่าไม่ได้ทำหน้าที่เป็นคู่หมั้นที่ดีของเลดี้แอมเบอร์เลย”
“ท่านแม่ก็รู้ว่าข้าคิดกับนางแค่เพื่อน”
“แม่รู้ แต่อย่าลืมสิองค์ชายอาร์มิส ลูกต้องสืบทอดบัลลังก์และคู่หมั้นของลูกต้องเป็นเลดี้แอมเบอร์เท่านั้น จงจำไว้ ผู้มีเชื้อสายเชื้อพระวงศ์หน้าที่ต้องมาก่อนความรัก” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยบอกพร้อมยืดกายลุกขึ้นลูบหัวลูกชายด้วยความรักก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ร่างสูงล้มตัวลงนอนเตียงหรูยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก ใบหน้าละมุนขาวใสทว่าแววตาแฝงไปด้วยความเศร้าหมอง
“เคียร่า...ข้าจะทำอย่างไรดี...”
หญิงสาวลืมตาก็เห็นภาพใบหน้าชายหนุ่มอันคุ้นเคยอยู่เบื้องหน้า เธอสะดุ้งเล็กน้อย ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมานอนเตียงเดียวกับชายผู้นี้ ใบหน้าของเขาตอนนอนหลับดูผ่อนคลายราวกับเด็กน้อย ทั้ง ๆ ที่คนผู้นี้ขึ้นชื่อว่าเป็นองค์ชายตัวร้ายผู้โหดเหี้ยม
มือเล็กยกมือจับปอยผมที่ปรกหน้าทัดหู ก่อนจะค่อย ๆ จับแขนหนักของเขาที่พาดเอวเธอไว้ ราวกับตัวเธอเป็นหมอนข้างให้เขานอนกอด ยกแขนออกอย่างเบามือกลัวว่าจะทำชายหนุ่มตื่น เธอก้มมองสำรวจร่างกายตัวเองก็ถึงกับย่นหัวคิ้วเข้าหากัน
สภาพที่ใส่เพียงแค่เสื้อซับใน นอนบนเตียงเดียวกับชายหนุ่มรูปงาม เธอหรี่ตามองเฮลิออสที่นอนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร พลางคิดว่ามันคงไม่เกิดเรื่องอะไรใช่ไหม
ร่างบางค่อย ๆ คลานข้ามตัวชายหนุ่ม จัดแจงใส่เสื้อผ้าและสวมผ้าคลุมปกปิดเรือนผมสีเงิน ก่อนจะกลับไปยังคฤหาสน์ของตนเอง เธอได้ทิ้งโน้ตไว้บนหัวเตียง
ขออภัยที่แย่งเตียงองค์ชายผู้สูงศักดิ์เพคะ หม่อมฉันจะไม่ถือโทษโกรธที่พระองค์ถอดเสื้อหม่อมฉัน หวังว่าองค์ชายคงไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีกับหม่อมฉันนะเพคะ เพราะพระองค์คือดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงเจิดจรัส คงไม่ทำเรื่องแปลกๆ กับหม่อมฉันใช่ไหมเพคะ!!
“คุณหนู! ทำไมกลับมาเสียเช้า รู้ไหมข้าเป็นกังวลแทบบ้า!” หญิงสาวแต่งตัวใส่ชุดนอนของผู้เป็นนายดีดตัวลงออกจากเตียงและบ่นกับเคียร่าที่พึ่งกลับมาถึงตอนรุ่งเช้า“เกิดเหตุนิดหน่อยน่ะ ขอบใจนะที่แสดงเป็นข้า”เคียร่ายิ้มหวานพลันลูบหัวโรสอย่างเอ็นดู“ใจข้าว้าวุ่นขนาดไหน...นึกว่าคุณหนูจะไม่กลับมาเสียแล้ว” โรสขมวดคิ้วพร้อมแสดงหน้าน้อยใจ ถ้าเจ้านายไม่กลับมาเธอคงต้องออกตามหาผู้เป็นนายอย่างบ้าคลั่งเป็นแน่“เอาน่า วันนี้เรามีนัดสำคัญข้าจะพลาดไปได้ไง และข้าก็ได้เอกสารหลักฐานมาครบแล้ว คืนนี้เราจะเอาคืนตระกูลวาเลียกัน”ใบหน้าสวยเจ้าเล่ห์แสยะยิ้ม ทำเอาโรสถึงกับใจเต้นแรง เธอรู้สึกชอบบุคลิกนี้ของเจ้านายที่สุด โดยปกติเมื่อคุณหนูอยู่ต่อหน้าคนอื่นการแสดงสีหน้าและท่าทางจะกลายเป็นคนละคนกับตอนนี้เคียร่าต้องแสดงเป็นหญิงสาวใสซื่อ อ่อนแอไม่สู้คนอยู่ตลอด แต่พอได้พ้นสายตาผู้อื่นไป ก็จะแสดงอีกตัวตนหนึ่งออกมาจนตอนนี้โรสเริ่มชินและเข้าใจเจ้านายของตัวเองมากขึ้นแล้วเฮลิออสหยิบโน้ตบนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาอ่านและคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ถ้าเธอรู้ว่าเขาทำอะไรลงไปคงโดนตราหน้าว่าเป็นพวกโรคจิตเป็นแน่ร่างสูงจัดแจงใส่เสื้อผ้าให้เร
โถงงานเลี้ยงในคฤหาสน์เต็มไปด้วยแขกมากหน้าหลายตาของเหล่าลูกหลานขุนนางชนชั้นสูง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่หญิงสาวชุดเดรสรัดรูปสีขาวกำลังถูกเจ้าของงานเลี้ยงวันเกิดพูดจาเหน็บแนม“ข้านึกว่าเลดี้เคียร่าจะออกจากงานไปเสียแล้ว มางานวันเกิดแต่ไม่คิดว่ามีของขวัญให้เจ้าภาพงาน หรือว่าที่เลดี้มาคือจงใจอยากจะเป็นที่หมายตาของบุรุษหรือคะ”โมอามองต่ำแสดงสายตาดูถูกดูแคลนใส่หญิงสาวใบหน้ายิ้มแย้ม“นั้นสิคะ อย่างน้อยก็ขึ้นชื่อเป็นคนในตระกูลคราเรนซ์ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีมารยาทเอาเสียเลย”ลูกสมุนของโมอาช่วยเสริมเติมแต่งหวังว่าจะทำให้เคียร่าหน้าเสียอีกครั้ง“ของขวัญสำหรับเลดี้โมอามีแน่นอนค่ะ ไหน ๆ แล้วข้าอยากจะมอบความสุนทรีย์บรรเลงเปียโนให้กับทุกคนในงานเลี้ยงได้ฟังกันนะคะ”“คนอย่างเลดี้เล่นเปียโนก็คงเป็นเพลงเพี้ยน ๆ เหมือนคราก่อน ข้าก็ไม่หวังกับเลดี้เคียร่าหรอกค่ะ”โมอาแสยะยิ้ม เธอคิดไม่ถึงว่าเคียร่าจะกล้าเล่นดนตรีอีกครั้ง เพราะว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน ในงานออกสังคมครั้งแรกที่เคียร่าไป เธอได้บรรเลงเพลงให้ผู้คนมากมายได้ฟัง จนทั้งงานได้แต่ขนานนามหัวเราะถึงการเล่นดนตรียอดแย่ของเธอมือเรียวสวยวางมือลงบนเปียโน หลับตาลงนึก
ทหารนายหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นตระหนกเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของบารอนด์วาเลียอย่างรีบร้อนปัง!“ท่านบารอนด์! มีคนบุกรุกโกดังชั้นใต้ดินมันเผาโกดังมอดไหม้ไปทั่วแล้วขอรับ!! พวกทาสหนีออกหายไปหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียวเลยครับ!”เสียงประตูดังขึ้นทำให้บารอนด์ตื่นจากภวังค์ เขารีบลุกออกจากเตียงนอนเปิดหน้าต่างเพื่อตรวจสอบสิ่งที่ทหารพูด พื้นที่โกดังซึ่งมองเห็นได้ชัดเกิดไฟไหม้ควันฟุ้งลอยเหนือชั้นบรรยากาศ“ใครกันมันกล้ามาหยามข้าขนาดนี้! ดูแลประสาอะไรวะ! รีบไปจับตัวคนบุกรุกมาให้ข้า!!” เสียงโวยวายของชายวัยกลางคนด่ากราดด้วยความโกรธเกรี้ยว“คือว่า...ผู้บุกรุกได้ทำร้ายทหารของเราจนแน่นิ่งไปหมดแล้วครับ...” ทหารตัวใหญ่แสดงความหวาดเกรงมือไม้สั่นปากสั่นเทา“อะไรกัน! มันมีกันเยอะงั้นเหรอ!”“มีผู้ชาย 2 คน คะ ครับ.. มันลอบทำร้ายทหารของเราทีละคน ก่อนจะรู้ตัวพวกทหารก็สลบกันไปหมดแล้วครับ!”ปัก!!! เสียงถีบหลังบารอนด์จากคนชุดดำที่ลอยตัวเข้ามาจากทางหน้าต่าง ตัวบารอนด์ได้กระเด็นตามแรงถีบนอนกลิ้งส่งเสียงโอดครวญอยู่บนพื้นพรมผืนหรู“จะ เจ็บ..” บารอนด์หันไปมองหาความช่วยเหลือจากทหาร ทว่าทหารคนนั้นก็ได้สลบไปแล้ว คนชุดดำสองคนที่บุ
“องค์ชายเฮลิออสมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิอีเมอร์สันชายวัยกลางอายุราว50ปีผู้มีเรือนผมสีบลอนด์สว่างไสวเหมือนกับอาร์มิสและมีนัยน์ตาสีอเมทิสต์เหมือนกับเฮลิออส ใบหน้านิ่งขรึมไร้อารมณ์ถึงแม้ว่าจะทำงานเอกสารกองเท่าภูเขาอยู่แต่ก็ไม่แสดงถึงความเหน็ดเหนื่อยออกมาเลยแม้แต่น้อยอีเมอร์สันวางปากกาพร้อมกวาดตามองต่อคนที่มาเยือน“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท...”“ได้ข่าวว่าเจ้ามาถึงเมืองหลวงแรมเดือน ทำไมถึงพึ่งจะมาเข้าเฝ้าเรา” อีเมอร์สันเอ่ยเสียงเรียบนิ่งนัยน์ตาสีอเมทิสต์จ้องมองราวกับตานกอินทรี ทั้งดุดัน และน่าเกรงขาม“กระหม่อมเหนื่อยล้ากับการเดินทาง เลยต้องการพักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรงดี อีกอย่างกระหม่อมอยากเที่ยวชมเมืองหลวงที่ไม่ได้กลับมาแสนนานด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“เราเข้าใจได้ ขอบใจที่เจ้าชนะสงครามแดนเหนือและกลับมาที่เมืองหลวง ผลงานที่เจ้าสร้างไว้เพื่อจักรวรรดิเราจะตอบแทนให้สมกับที่เจ้าทำไว้”เฮลิออสยกยิ้มราวกับว่าคำพูดของอีเมอร์สันเป็นอย่างที่เขาคาดหวังไว้“กระหม่อมไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ แค่อยากกลับมาอยู่ในที่ที่เคยอยู่ก็เพียงพอแล้ว...”อีเมอร์สันรู้ความต้องการของเฮลิออสลูกชายของตนเป็นอย่างดี การมาเยือนขอ
ตอนที่13ใช่พระเอกในนิยายจริงๆ เหรอตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ ห
ตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ หม่อมฉันหวังว่าองค์ชายจะลืมหม่อมฉันได
“เคียร่า… วันนี้เจ้าก็ยังคงงดงามเช่นเคย ข้าอยากจะป่าวประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าหญิงที่งดงามดุจเทพธิดาเป็นของข้าเพียงผู้เดียว” “องค์ชายอาร์มิสเพคะ ทำไมพระองค์ถึงดีกับข้าเช่นนี้ ข้าไม่อาจคู่ควรยืนข้างกายท่านเลยด้วยซ้ำ ถ้าเลดี้แอมเบอร์ได้ยินที่ท่านพูด เลดี้คงเสียใจเป็นอย่างมาก” ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ในสวนหลังพระราชวัง ลมเย็นพัดผ่านเป็นระลอกทำให้ใบไม้ไหวไปมา เรือนผมสีเงินของเคียร่าพริ้วไสว เผยให้เห็นประกายตาสีแดงมรกตที่แฝงไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน ราวกับดึงดูดทุกสายตาที่จ้องมองอาร์มิสช้อนคางเรียวของเธอขึ้น ใบหน้าคมสันยิ้มละไมก่อนโน้มเข้ามาใกล้ ดวงตาสีอำพันที่เต็มไปด้วยความหลงใหลจับจ้องลึกลงไปในดวงตาของเธอ “เพราะว่าข้ารักเจ้าไง เคียร่า…”เสียงทุ้มต่ำเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะสัมผัสเบาๆ กับริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอแต่เพียงชั่วขณะเดียว เสียงเรียบนิ่งกลับดังขึ้นขัดจังหวะของทั้งคู่ “ถ้าใครมาเห็นเข้า เรื่องซุบซิบนินทาของข้ารับใช้คงเลยเถิดและเสียภาพลักษณ์ขององค์รัชทายาทแน่เลยเพคะ...”อาร์มิสผละออกจากเคียร่าอย่างรวดเร็วแล้วหันไปยังต้นเ
คุณหนูผู้เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและผลการเรียน เติบโตขึ้นในตระกูลที่ร่ำรวย ทว่ากลับถูกกดขี่ให้อยู่ภายใต้กรอบที่พ่อแม่สร้าง ทุกสิ่งต้องสมบูรณ์แบบ ห้ามมีข้อผิดพลาด ต้องทำตามแผนที่พ่อแม่กำหนด ไม่อาจเล่นสนุกได้เหมือนเด็กทั่วไปได้ กิจวัตรประจำวันของเธอคือการอ่านหนังสือ หากวันใดดื้อรั้นไม่ยอมอ่านหนังสือ เธอจะถูกขังในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ไร้หน้าต่างและแสงสว่าง การลงโทษนี้ยิ่งตอกย้ำความอึดอัดที่ต้องเผชิญ ทุกการกระทำถูกควบคุมอย่างเคร่งครัด แม้แต่ความป่วยทางจิตใจที่เกิดขึ้นจากความกดดันนั้น พ่อแม่ก็ยังเพิกเฉยไม่ยอมพาไปรักษาเพราะกลัวจะเสื่อมเสียชื่อเสียงที่ลูกสาวคนเดียว เป็นบ้าเมื่ออายุครบ 20 ปี เธอทำตามความต้องการของพ่อแม่จนสำเร็จทุกอย่าง จนผู้คนต่างเรียกว่าอัจฉริยะเป็นเพียงสิ่งที่พ่อแม่สร้างขึ้นเพื่อประดับบารมีของตระกูล หญิงสาวปรารถนาจะหลุดพ้นจากกรงทองที่กักขังเธอไว้ เมื่อถึงที่สุด เธอเลือกปลดปล่อยตัวเองจากความทุกข์ด้วยการกระโดดตึกเพื่อคืนอิสรภาพให้ตัวเองเด็กสาวคนนั้นคืออดีตชาติที่แล้วของเคียร่า หลังจากตกลงไปในบ่อน้ำก็ตระหนักได้ว่าพลังของนักบุญหญิงตื่นขึ้น และค่อย ๆ ระลึกอดีตชาติได้ถึงจะเป็นภ
ตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ หม่อมฉันหวังว่าองค์ชายจะลืมหม่อมฉันได
ตอนที่13ใช่พระเอกในนิยายจริงๆ เหรอตำหนักองค์ชายอาร์มิสพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หญิงสาวชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายทอดน่องเดินเข้ามาในตำหนักรอง หวังว่าการมาตำหนักนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเคียร่ามาถึงหน้าห้องขององค์ชายอาร์ส องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเปิดประตูให้เธอเข้าไปอย่างง่ายดาย เหมือนว่าได้รับคำสั่งตรงจากองค์ชายว่าให้ต้อนรับหญิงสาวผู้นี้ภายในห้องนอนขนาดใหญ่มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องให้ความสว่างอยู่น้อยนิด ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยังคงกระดกแก้วเหล้าไม่มีทีท่าว่าจะวางแก้วลงเขาเหลือบมองเธอและละทิ้งสายตาไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ“จริงๆ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเลย...สภาพตอนนี้ของข้าคงดูไม่ได้” อาร์มิสหยิบขวดเหล้าเพื่อจะเติมลงแก้วใบหรูทว่าเคียร่ากลับกระชากขวดเหล้ามาไว้ในมือตัวเอง“พอได้แล้วเพคะ องค์ชายไม่ควรดื่มหนักขนาดนี้นะคะ”เคียร่ามองใบหน้าแดงจัดของอาร์มิส เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเอามาก พอเห็นสภาพนี้ก็เกิดรู้สึกผิดเล็กน้อย“เจ้าอยากให้เราเลิกกับจริงๆ เหรอ...” นัยน์ตาสีอำพันมองมาที่หญิงสาว ขอบตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา“ใช่แล้วเพคะ ห
“องค์ชายเฮลิออสมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิอีเมอร์สันชายวัยกลางอายุราว50ปีผู้มีเรือนผมสีบลอนด์สว่างไสวเหมือนกับอาร์มิสและมีนัยน์ตาสีอเมทิสต์เหมือนกับเฮลิออส ใบหน้านิ่งขรึมไร้อารมณ์ถึงแม้ว่าจะทำงานเอกสารกองเท่าภูเขาอยู่แต่ก็ไม่แสดงถึงความเหน็ดเหนื่อยออกมาเลยแม้แต่น้อยอีเมอร์สันวางปากกาพร้อมกวาดตามองต่อคนที่มาเยือน“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท...”“ได้ข่าวว่าเจ้ามาถึงเมืองหลวงแรมเดือน ทำไมถึงพึ่งจะมาเข้าเฝ้าเรา” อีเมอร์สันเอ่ยเสียงเรียบนิ่งนัยน์ตาสีอเมทิสต์จ้องมองราวกับตานกอินทรี ทั้งดุดัน และน่าเกรงขาม“กระหม่อมเหนื่อยล้ากับการเดินทาง เลยต้องการพักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรงดี อีกอย่างกระหม่อมอยากเที่ยวชมเมืองหลวงที่ไม่ได้กลับมาแสนนานด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“เราเข้าใจได้ ขอบใจที่เจ้าชนะสงครามแดนเหนือและกลับมาที่เมืองหลวง ผลงานที่เจ้าสร้างไว้เพื่อจักรวรรดิเราจะตอบแทนให้สมกับที่เจ้าทำไว้”เฮลิออสยกยิ้มราวกับว่าคำพูดของอีเมอร์สันเป็นอย่างที่เขาคาดหวังไว้“กระหม่อมไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ แค่อยากกลับมาอยู่ในที่ที่เคยอยู่ก็เพียงพอแล้ว...”อีเมอร์สันรู้ความต้องการของเฮลิออสลูกชายของตนเป็นอย่างดี การมาเยือนขอ
ทหารนายหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นตระหนกเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของบารอนด์วาเลียอย่างรีบร้อนปัง!“ท่านบารอนด์! มีคนบุกรุกโกดังชั้นใต้ดินมันเผาโกดังมอดไหม้ไปทั่วแล้วขอรับ!! พวกทาสหนีออกหายไปหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียวเลยครับ!”เสียงประตูดังขึ้นทำให้บารอนด์ตื่นจากภวังค์ เขารีบลุกออกจากเตียงนอนเปิดหน้าต่างเพื่อตรวจสอบสิ่งที่ทหารพูด พื้นที่โกดังซึ่งมองเห็นได้ชัดเกิดไฟไหม้ควันฟุ้งลอยเหนือชั้นบรรยากาศ“ใครกันมันกล้ามาหยามข้าขนาดนี้! ดูแลประสาอะไรวะ! รีบไปจับตัวคนบุกรุกมาให้ข้า!!” เสียงโวยวายของชายวัยกลางคนด่ากราดด้วยความโกรธเกรี้ยว“คือว่า...ผู้บุกรุกได้ทำร้ายทหารของเราจนแน่นิ่งไปหมดแล้วครับ...” ทหารตัวใหญ่แสดงความหวาดเกรงมือไม้สั่นปากสั่นเทา“อะไรกัน! มันมีกันเยอะงั้นเหรอ!”“มีผู้ชาย 2 คน คะ ครับ.. มันลอบทำร้ายทหารของเราทีละคน ก่อนจะรู้ตัวพวกทหารก็สลบกันไปหมดแล้วครับ!”ปัก!!! เสียงถีบหลังบารอนด์จากคนชุดดำที่ลอยตัวเข้ามาจากทางหน้าต่าง ตัวบารอนด์ได้กระเด็นตามแรงถีบนอนกลิ้งส่งเสียงโอดครวญอยู่บนพื้นพรมผืนหรู“จะ เจ็บ..” บารอนด์หันไปมองหาความช่วยเหลือจากทหาร ทว่าทหารคนนั้นก็ได้สลบไปแล้ว คนชุดดำสองคนที่บุ
โถงงานเลี้ยงในคฤหาสน์เต็มไปด้วยแขกมากหน้าหลายตาของเหล่าลูกหลานขุนนางชนชั้นสูง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่หญิงสาวชุดเดรสรัดรูปสีขาวกำลังถูกเจ้าของงานเลี้ยงวันเกิดพูดจาเหน็บแนม“ข้านึกว่าเลดี้เคียร่าจะออกจากงานไปเสียแล้ว มางานวันเกิดแต่ไม่คิดว่ามีของขวัญให้เจ้าภาพงาน หรือว่าที่เลดี้มาคือจงใจอยากจะเป็นที่หมายตาของบุรุษหรือคะ”โมอามองต่ำแสดงสายตาดูถูกดูแคลนใส่หญิงสาวใบหน้ายิ้มแย้ม“นั้นสิคะ อย่างน้อยก็ขึ้นชื่อเป็นคนในตระกูลคราเรนซ์ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีมารยาทเอาเสียเลย”ลูกสมุนของโมอาช่วยเสริมเติมแต่งหวังว่าจะทำให้เคียร่าหน้าเสียอีกครั้ง“ของขวัญสำหรับเลดี้โมอามีแน่นอนค่ะ ไหน ๆ แล้วข้าอยากจะมอบความสุนทรีย์บรรเลงเปียโนให้กับทุกคนในงานเลี้ยงได้ฟังกันนะคะ”“คนอย่างเลดี้เล่นเปียโนก็คงเป็นเพลงเพี้ยน ๆ เหมือนคราก่อน ข้าก็ไม่หวังกับเลดี้เคียร่าหรอกค่ะ”โมอาแสยะยิ้ม เธอคิดไม่ถึงว่าเคียร่าจะกล้าเล่นดนตรีอีกครั้ง เพราะว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน ในงานออกสังคมครั้งแรกที่เคียร่าไป เธอได้บรรเลงเพลงให้ผู้คนมากมายได้ฟัง จนทั้งงานได้แต่ขนานนามหัวเราะถึงการเล่นดนตรียอดแย่ของเธอมือเรียวสวยวางมือลงบนเปียโน หลับตาลงนึก
“คุณหนู! ทำไมกลับมาเสียเช้า รู้ไหมข้าเป็นกังวลแทบบ้า!” หญิงสาวแต่งตัวใส่ชุดนอนของผู้เป็นนายดีดตัวลงออกจากเตียงและบ่นกับเคียร่าที่พึ่งกลับมาถึงตอนรุ่งเช้า“เกิดเหตุนิดหน่อยน่ะ ขอบใจนะที่แสดงเป็นข้า”เคียร่ายิ้มหวานพลันลูบหัวโรสอย่างเอ็นดู“ใจข้าว้าวุ่นขนาดไหน...นึกว่าคุณหนูจะไม่กลับมาเสียแล้ว” โรสขมวดคิ้วพร้อมแสดงหน้าน้อยใจ ถ้าเจ้านายไม่กลับมาเธอคงต้องออกตามหาผู้เป็นนายอย่างบ้าคลั่งเป็นแน่“เอาน่า วันนี้เรามีนัดสำคัญข้าจะพลาดไปได้ไง และข้าก็ได้เอกสารหลักฐานมาครบแล้ว คืนนี้เราจะเอาคืนตระกูลวาเลียกัน”ใบหน้าสวยเจ้าเล่ห์แสยะยิ้ม ทำเอาโรสถึงกับใจเต้นแรง เธอรู้สึกชอบบุคลิกนี้ของเจ้านายที่สุด โดยปกติเมื่อคุณหนูอยู่ต่อหน้าคนอื่นการแสดงสีหน้าและท่าทางจะกลายเป็นคนละคนกับตอนนี้เคียร่าต้องแสดงเป็นหญิงสาวใสซื่อ อ่อนแอไม่สู้คนอยู่ตลอด แต่พอได้พ้นสายตาผู้อื่นไป ก็จะแสดงอีกตัวตนหนึ่งออกมาจนตอนนี้โรสเริ่มชินและเข้าใจเจ้านายของตัวเองมากขึ้นแล้วเฮลิออสหยิบโน้ตบนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาอ่านและคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ถ้าเธอรู้ว่าเขาทำอะไรลงไปคงโดนตราหน้าว่าเป็นพวกโรคจิตเป็นแน่ร่างสูงจัดแจงใส่เสื้อผ้าให้เร
ระเบียงห้องนอนเริ่มถูกประดับไปด้วยกระถางดอกลิลลี่สีขาวมองกันเผิน ๆ ก็คงเหมาะกับเคียร่าเพราะมันดูบริสุทธิ์และส่งกลิ่นหอมเย้ายวน ทว่ารากของมันกลับมีพิษร้ายแรงเมื่อเผลอกินก็อาจถึงตายได้โต๊ะน้ำชาซึ่งตั้งอยู่ตรงระเบียงเคียร่าและโรสกำลังนั่งพูดคุยกันถึงตระกูลบารอนด์วาเลีย“คิดไม่ถึงเลยนะคะว่าเลดี้โมอา ส่งบัตรเชิญชวนไปร่วมฉลองงานวันเกิด”โรสขมวดคิ้วเข้าหากัน ไม่คิดเลยว่าจะมีจดหมายเชิญคุณหนูไปร่วมออกงานสังคม เพราะตลอด1เดือนไม่มีจดหมายฉบับอื่นส่งมาหาเลยนอกจากขององค์ชายอาร์มิสถ้าไปก็คงมีเรื่องสนุกๆ เป็นแน่ โรสเคยเจอเลดี้โมอาไหม”“ไม่เคยเจอเลยค่ะ ตอนนั้นที่ข้านำโพชั่นไปขายเจอเพียงแต่บารอนด์วาเลียค่ะ”“ถ้างั้นเราไปตามบัตรเชิญเสียหน่อย เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมบ้าง คราวนี้โรสต้องออกโรงแล้ว”โรสยิ้มดีใจพร้อมพยักหน้าตอบรับ“คุณหนูต้องระวังตัวด้วยนะคะ”“ไม่ต้องห่วงไปหรอก โรสน่ะต้องเสี่ยงไปสืบถึงรังศัตรูเลยเชียวนะ แต่ก่อนที่เราจะเล่นงานบารอนด์วาเลียได้คืนนี้คงต้องไปพบชายผู้นั้นเสียก่อน”“ใครเหรอคะ?”“ก็คนที่ข้าทำสัญญาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ไง เตรียมยาไว้ด้วยเล่า คืนนี้คงต้องใช้ยาของโรสช่วยอีกแรง”“
รถม้าคันหรูประทับตราลวดลายพระอาทิตย์สีทองอร่ามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ราชวงศ์ หญิงสาวสวมผ้าคลุมลงมาจากรถม้าพร้อมชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินท่วงท่าภูมิฐานข้ารับใช้ในตระกูลที่เห็นรถม้าตราพระราชวังต่างตื่นตระหนกตกใจรีบวิ่งไปแจ้งดัชเชสคราเรนซ์โดยเร็ว“องค์ชายอาร์มิสมางั้นรึ!” หญิงสาววัยกลางคนดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาตัวหรู“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เรือนผมของท่านผู้น้ำเป็นสีน้ำเงินเข้มซึ่งไม่เหมือนองค์ชายอาร์มิสเลยค่ะ” หญิงรับใช้กล่าวดัชเชสเดินออกจากประตูห้องนั่งเล่นพร้อมเหล่าข้ารับใช้จำนวนหนึ่งทันทีที่เคียร่าและเฮลิออสเข้ามาในคฤหาสน์ โรสที่ได้เห็นเจ้านายของตนอยู่ในสภาพเสื้อผ้ายับยู่ยี่อีกทั้งยังขาดวิ่น วิ่งกรูเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นห่วงดัชเชสเหลือบตามองชายสูงโปร่งหน้าถมึงทึงที่ยืนข้างหญิงสาวอ้อนแอ้น มือไม้เริ่มสั่นไหวต่อความน่าเกรงขามเมื่อนัยน์ตาอเมทิสต์จ้องมองดุดันอย่างผู้เหนือกว่าและแผ่ออร่ากดดันมหาศาลใส่เธอดัชเชสย่อตัวทำความเคารพ เธอยังคงพยายามฝืนสีหน้าให้ปกติเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา“มะ หม่อมฉันดัชเชสคราเรนซ์ทำความเคารพแด่องค์ชายเฮลิออสเพคะ... นึกไม่ถึงเลยว่าพระองค์จะกลับมาจากแดนเหนือเร็วกว่ากำหนด ไม่ทราบ
เปลือกตายับย่นค่อยๆ หรี่ขึ้น ร่างกายขยับไม่ได้ดั่งใจนึกเพราะถูกมัดมือไขว้หลัง เธอกวาดตามองรอบห้องนอนทรุดโทรม บรรยากาศภายในห้องมืดครึ้มจนแทบเห็นหน้าชายที่ยืนอยู่ตรงปลายเตียงได้ไม่ค่อยชัด“ตื่นเร็วเหมือนกันนิ” เสียงทุ้มเอ่ยพลางเดินมานั่งบนเตียง“จะ จับข้ามาทำไม..” น้ำเสียงใสสั่นเครือ เธอแสดงสีหน้าหวาดกลัวต่อชายลึกลับ ทว่าในใจของหญิงสาวกลับตื่นเต้นว่าโจรลักพาตัวจะทำอะไรกันแน่ ถ้าตามในนิยายแล้วแผนลักพาตัวจะไม่สำเร็จเพราะว่าเธอหนีพวกโจรได้อย่างฉิวเฉียดเคียร่ารู้อยู่แล้วว่าแผนการนี้เป็นขององค์ชายเฮลิออสเธอเลยยอมโดนจับแต่โดยดี“ข้าอยากจะรู้นัก ว่าคนรักของน้องชายข้าเป็นยังไง”“ทะ ท่านที่ช่วยข้าครานั้น คือองค์ชายเฮลิออสหรือเพคะ... ท่านจับข้าแบบนี้เพื่ออะไรกันคะ...”“อืม... ข้าคิดอยู่ว่าจะแกล้งน้องชายตนเองนิดหน่อยน่ะ ถ้าหญิงคนรักตกเป็นของผู้อื่น เจ้านั่นจะแสดงสีหน้าแบบไหนกันนะ”องค์ชายอยากได้ตัวข้าเพื่อให้อาร์มิสทรมานใจเนี่ยนะ?เธอไม่คิดเลยว่าแผนของเขามันจะเรียบง่ายแบบนี้ แต่ก็เข้าทางเธอพอดีร่างกำยำขยับตัวเข้าใกล้เธอมากขึ้น เคียร่าจึงต้องสวมบทบาทเป็นหญิงสาวไร้เดียงสาต่อ“จะทำอะไรเพคะ! อย่ามา