Share

บทที่ 2

เฉินฮั่วเดินออกจากบาร์ แล้วกดหมายเลขโทรศัพท์โทรกลับไป

“เฉินฮั่ว เธอเก็บเงินได้ครบหรือยัง?” เสียงเย็นชาของคุณจางดังมาจากโทรศัพท์

“คุณจาง ฉันรวบรวมเงินได้ครบแล้วค่ะ จะโอนให้เดี๋ยวนี้เลย”

“เยี่ยมเลย!” น้ำเสียงของคุณจางเริ่มเป็นมิตรมากขึ้นทันที “พอมีเงินก้อนนี้ เสี่ยวเวยจะได้ประกันตัวออกมาได้ แต่ค่ารักษาของเธอยังต้องหาทางอีก ฉันไม่อยากบีบบังคับเธอ แต่ฉันไม่มีทางเลือก เธอจะปล่อยให้เสี่ยวเวยตายไม่ได้”

เฉินฮั่วเม้มริมฝีปาก “ฉันรู้ค่ะ ฉันจะหาทางหาเงินเพิ่ม”

เมื่อสองเดือนที่แล้ว บริษัทชื่อดังอย่างเซี่ยกรุ๊ปล้มละลายลง คนในตระกูลเซี่ยกว่าสิบคนถูกจับเข้าคุก

เมื่อสามวันก่อน คุณนายเซี่ยหรือจางเหม่ยจือมาตามหาเฉินฮั่ว และขอให้เฉินฮั่วหาเงินห้าแสนบาทให้เธอ เพราะเธอต้องการประกันตัวลูกสาวของเธอที่ป่วยเป็นโรคหัวใจออกจากคุก

เฉินฮั่วไม่สามารถปฏิเสธได้ เธอเป็นนักเรียนที่ยากจนที่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเซี่ย และตระกูลเซี่ยก็ช่วยฝังศพแม่ของเธอด้วย เธอจึงต้องตอบแทนบุญคุณนี้

หลายปีมานี้ เฉินฮั่วทำงานพาร์ทไทม์ตลอดเวลา หักค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตไปแล้ว เธอมีเงินเก็บไม่มาก เธอยืมจากเพื่อนอีกบ้าง แต่สุดท้ายยังขาดอีกกว่าห้าหมื่นบาท

คุณจางเร่งเร้าเธออย่างหนัก เธอจึงไม่มีทางเลือก สุดท้ายก็ต้องขายตัวเอง

เฉินฮั่วเปิดบันทึกการชำระเงินบนโทรศัพท์มือถือ เมื่อเห็นเงินหนึ่งแสนบาทที่เธอเพิ่งได้รับมาในดวงตาก็มีความรู้สึกขมขื่นประกายออกมา

เธอกดโอนเงินห้าแสนบาทที่รวบรวมได้ไปยังบัญชีรับเงินของคุณจาง

หลังจากโอนเงินแล้วเฉินฮั่วก็มองเหม่อไปยังฝนที่ตกกระหน่ำ

ได้ยินมาว่าโรคหัวใจของคุณหนูเซี่ยจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจ เธอสอบถามเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคนี้เป็นเงินหลายล้านบาททีเดียว

หยาดฝนที่ตกลงมานั้นช่างราวกับภูเขาที่กดทับร่างกายของหญิงสาว

……

ในคืนฝนตกหนักเรียกแท็กซี่ยาก กลับถึงบ้านก็เกือบเช้า เฉินฮั่วหมดแรงจึงทิ้งตัวลงนอนทันที

ในความงุนงง เธอถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือ

“ฮัลโหล?”

เฉินฮั่วลุกขึ้นนั่งอย่างมึนงงพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย ทันทีที่เธอพูดคำหนึ่ง คอของเธอก็เจ็บราวกับถูกมีดบาด เสียงแหบแห้ง

“เลขาเฉิน ประธานคนใหม่มาแล้ว เธออยู่ไหน? รีบมาที่บริษัทเร็วเข้าเลย!”

หลังจากพี่โจวพูดจบ เขาก็วางสายไป

เฉินฮั่วตื่นตัวทันที ก่อนจะเห็นว่าสายแล้วเธอจึงรีบลุกจากเตียงไปล้างหน้าแปรงฟัน

เมื่อสามเดือนก่อน เฉินฮั่วสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย และทดลองงานในแผนกเลขานุการของอวี้กรุ๊ป

เนื่องจากตำแหน่งประธานว่างอยู่ งานหลายอย่างในบริษัทจึงหยุดชะงัก ในช่วงสองเดือนนับตั้งแต่เธอมาเข้ามาทำงานในบริษัท เนื้อหางานของเธอเป็นเพียงการช่วยรับส่งและจัดระเบียบเอกสารง่าย ๆ บางอย่างเท่านั้น ซึ่งเป็นงานที่ค่อนข้างง่าย

“ท่านประธานคนใหม่ชื่ออวี้เส้าถิง เป็นนายน้อยคนที่สามของตระกูลอวี้ เขาอายุ 29 ปี สูง 188 เซนติเมตร เขาดูหล่อมาก แต่เขานิสัยไม่ดีเลยสักนิด! ฉันเคยคิดว่าคนที่มาบริษัทเราคือคนจากตระกูลอวี้ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเขาคนนี้!”

ในแผนกเลขานุการของอวี้กรุ๊ปมีเลขาอยู่สามคน ด้านนอกประตูห้องทำงานของประธาน เฉินฮั่วที่มาสายยืนตัวตรงเคียงข้างกับพี่โจวและเฉียวอันน่า

หลังจากฟังการแนะนำของพี่โจวแล้ว เฉินฮั่วลูบขมับที่ปวดหนึบ ถามอย่างสงสัย “เขาน่ากลัวมากเลยเหรอคะ?”

“หึ เขาเข้ารับตำแหน่งที่บริษัทการเงินอวี้กรุ๊ปมื่อปีที่แล้ว ภายในครึ่งเดือน ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทห้าคนถูกจับกุม สามคนกระโดดตึก และอีกสองคนรมควันฆ่าตัวตาย ผู้บริหารระดับสูงภายในทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยคนของเขา เธอคิดว่าเขาน่ากลัวไหมล่ะ?”

ประธานบริษัทจะทำการสับเปลี่ยนบุคลากรถือเป็นเรื่องปกติ แต่อวี้เส้าถิงถึงกับทำให้คนตาย! นี่ไม่เพียงแต่น่ากลัวเท่านั้น แต่ยังโหดร้ายทารุณอีกด้วย!

พี่โจวมีสีหน้ากังวล ส่วนเฉินฮั่วก็กังวลเล็กน้อยเช่นกัน เธอไม่อยากเสียงานนี้ไป

พี่โจวพูด “ว่าแต่ เมื่อก่อนเธอเคยตรงต่อเวลามากที่สุดไม่ใช่เหรอ? วันนี้ทำไมเธอถึงมาสายได้ล่ะ? เสียงเธอเป็นอะไรไป?"

เฉินฮั่วยิ้มเจื่อน "เอ่อ เมื่อคืนฉันตากฝนเลยเป็นหวัดน่ะค่ะ"

ที่จริงแล้วเธอไม่เพียงแต่เป็นหวัดเท่านั้น เธอยังมีอาการปวดอย่างรุนแรงไปทั่วร่างกาย และไม่สบายตัวอย่างมากด้วย

เฉียวอันน่าพูดด้วยน้ำเสียงถากถาง “ฉันว่าเธอไปนอนกับผู้ชายมามากกว่า”

“อันน่า เธอหยุดพูดคำจาหยาบคายแบบนี้สักทีเถอะ” พี่โจวที่เป็นผู้ชายคนเดียวพูดอย่างกระอักกระอ่วน

เฉียวอันน่าหัวเราะเย็นชา “ฉันหยาบคายตรงไหน ฉันไม่ได้โกหกนี่ ท่าเดินของเธอดูผิดปกติ ใครจะดูไม่ออกล่ะ? ดูก็รู้ว่าเมื่อคืนไปนอนกับผู้ชายมา! เฉินฮั่ว เธอกล้าพูดไหมล่ะว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้ไปนอนกับผู้ชายมาน่ะ?”

เฉินฮั่วรู้สึกไม่สบาย จึงไม่สนใจอีกฝ่าย

เฉียวอันน่าคิดว่าเธอรู้สึกผิด ยิ่งไม่ยอมปล่อยเธอไป เธอคว้าเฉินฮั่วไว้แล้วถามว่า “บอกมาสิ เมื่อคืนเธอไปกับผู้ชายมาใช่ไหม? ไปนอนกับใครมา?”

เฉินฮั่วรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย กำลังจะผลักอีกฝ่ายออกไป ในตอนนั้นเองประตูห้องทำงานของประธานก็เปิดออก ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในชุดสูทเดินออกมาพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว “นอนกับผู้ชายอะไร ทะเลาะอะไรกันอยู่ล่ะนี่?”

จากที่ได้ยินพี่โจวบอก ชายคนนี้ชื่อเฮ่อเฉา เป็นผู้ช่วยคนสนิทของอวี้เส้าถิง

“ผู้ช่วยเฮ่อ เราแค่คุยกันเล่น ๆ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เฉียวอันน่ารีบปล่อยมือพร้อมฉายรอยยิ้มอันแสนหวาน

“ที่นี่คือบริษัท ไม่ใช่ซ่อง คุยเรื่องนอนกับผู้ชายอะไรกัน!” เฮ่อเฉาพูดอย่างเย็นชา

เฉียวอันน่าทำอะไรไม่ถูก จึงเงียบไปอย่างอาย ๆ

เฮ่อเฉา “ประธานอวี้ต้องการพบพวกคุณ กรุณาเข้าไปข้างในด้วย”

……

ภายในห้องประธาน

บนโซฟาตัวใหญ่ มีชายคนหนึ่งสวมชุดสูทสีดำนั่งไขว่ห้างอยู่ ตัวเอนพิงโซฟาเล็กน้อย ก้มหน้าดูเอกสาร ปลายนิ้วกำลังถือปากกาเซ็นเอกสาร...

แสงแดดที่ส่องเข้ามาจากหน้าต่างส่องลงบนเรือนร่างของชายหนุ่ม ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบของชายคนนั้นเย็นชาและเยือกเย็น กลิ่นอายไม่ธรรมดา

เฉินฮั่วเดินตามหลังเลขานุการอีกสองคน และเป็นคนสุดท้ายที่เข้าไปในห้องทำงานของประธาน

ยิ่งเธอเข้าใกล้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าท่านประธานคนใหม่ดูคุ้นตามากขึ้นเท่านั้น

เมื่อเฉินฮั่วเห็นใบหน้าของชายคนนั้นอย่างชัดเจน เฉินฮั่วก็ได้แต่ตกตะลึง!

ทำไมถึงเป็นเขา!

ใบหน้านี้ เธอเพิ่งเห็นมาไม่กี่ชั่วโมงก่อน!

ผู้ชายคนนี้หน้าตาดี มีเสน่ห์มาก เป็นไปตามความเห็นของพี่โจวที่ว่า ‘เขาหล่อมาก’ จริง

คนที่ทุ่มเงินหนึ่งแสนบาทเพื่อซื้อความบริสุทธิ์ของเธอ กลับเป็นท่านประธานคนใหม่!

และ…

ดวงตาของเฉินฮั่วจ้องมองไปที่มือซ้ายของอวี้เส้าถิง ม่านตาของเธอก็หดตัวลงเล็กน้อย

ชายคนนี้ไม่เพียงแค่หล่อ มือของเขายังสวยมาก นิ้วมือยาวและชัดเจน ดูมีพลังสุด ๆ

สิ่งที่ดึงดูดเฉินฮั่วไม่ใช่มือที่สวยงามของชายหนุ่ม แต่เป็นแหวนสองวงบนนิ้วของเขา แหวนทองคำหนึ่งวงบนนิ้วชี้ และอีกวงเป็นแหวนทองคำขาวธรรมดาที่สวมใส่บนนิ้วนาง!

เขาแต่งงานแล้ว!

“ประธานอวี้ เลขาทั้งสามคนอยู่ที่นี่แล้วครับ” เฮ่อเฉาเดินไปที่โซฟาแล้วพูดด้วยความเคารพ

ใบหน้าหล่อเหลาของอวี้เส้าถิงไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ เขาเซ็นเอกสารอย่างช้า ๆ จากนั้นจึงเงยหน้ากวาดตามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา

เมื่อสายตาเย็นชาของเขามาหยุดที่เฉินฮั่วในที่สุด เขาก็ชะงักไปทันที

เห็นได้ชัดว่าอวี้เส้าถิงก็จำเธอได้เช่นกัน

วันนี้เฉินฮั่วสวมชุดทำงานสีดำ ท่อนบนเป็นเสื้อเชิ้ตลูกไม้สีขาวและเสื้อเบลเซอร์เอวลอย ด้านล่างเป็นกระโปรงสั้นถึงเข่า เผยให้เห็นเรียวขาขาวยาวตามแบบฉบับสาวทำงาน

ไม่กี่ชั่วโมงก่อน เธอสวมกระโปรงสีขาวนวล น่ารักอ่อนหวาน ช่างแตกต่างจากชุดทำงานตอนนี้ แต่ยังคงความสวยงามดึงดูดสายตาไม่แพ้กัน

ดวงตาของอวี้เส้าถิงมีประกายเย็นชา “คุณชื่ออะไร?”

น้ำเสียงที่เย็นชาและชัดเจนของชายคนนั้นต่างจากเสียงแหบแห้งก่อนหน้านี้ มีความรู้สึกถูกกดขี่อย่างมาก น้ำเสียงเย็นชาของเขาฟังดูเหมือนว่าเขาไม่รู้จักเฉินฮั่ว และเอ่ยถามตามปกติ

“สวัสดีค่ะ ท่านประธานอวี้ ดิฉันชื่อเฉินฮั่ว เพิ่งทำงานในบริษัทได้เพียงสองเดือน และยังอยู่ในช่วงทดลองงานค่ะ แต่คุณวางใจได้เลยค่ะ ดิฉันคุ้นเคยกับทุกแผนกของบริษัทแล้วและจะทำงานให้ดีที่สุดค่ะ”

เธอรู้สึกผิดเล็กน้อย และรู้สึกผิดอย่างอธิบายไม่ถูก

แม้ว่าเมื่อคืนเธอจะไม่ได้เป็นฝ่ายเข้าหาอวี้เส้าถิงเองแต่ทั้งสองก็มีความสัมพันธ์กัน เธอรู้สึกเหมือนเป็นมือที่สามที่ทำลายชีวิตแต่งงานของคนอื่น

เฉินฮั่วเกิดมาพร้อมกับเสียงนุ่มนวล บวกกับการเจ็บคอเพราะป่วย เสียงนุ่ม ๆ ของเธอจึงเจือไปด้วยความแหบแห้ง ราวกับออดอ้อน ดึงความทรงจำเมื่อคืนที่ผ่านมาของอวี้เส้าถิงได้อย่างง่ายดาย

เธอนั่งอยู่บนตักเขา ร้องไห้อย่างควบคุมไม่ได้จนเสียงแหบแห้ง ด้วยความรู้สึกสงสารเขาจึงอ่อนลงเล็กน้อย...

ผู้ชายก็เป็นแบบนี้ ถ้าทำเรื่องนั้นไม่สมบูรณ์ก็จะรู้สึกค้างคา

“คนอื่น ๆ ออกไปได้แล้ว เฉินฮั่วอยู่ต่อก่อน”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status