Share

บทที่ 6

เฉินฮั่วอดทนต่อความเจ็บปวด ค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปยังลิฟต์โดยยันผนังไว้

เท้าของเธอเจ็บมาก ความเร็วของเธอตอนนี้ไม่ต่างไปจากหอยทากเลย

เวลาอาหารเย็นผ่านไปนานแล้ว และเฉินฮั่วก็หิวมาก เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาเพื่อนสนิท และถามเธอว่าวันนี้เธอจะกลับบ้านไหม และเธอจะกินอะไรเป็นมื้อเย็น

“คุณช้าเกินไปแล้ว!”

ทันใดนั้น เสียงทุ้มต่ำและไร้ความอดทนของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นเหนือศีรษะของเธอ

เฉินฮั่วไม่ทันระวังตัวตอนที่ได้ยินเสียงของเขา และเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเห็นร่างสูงของอวี้เส้าถิงยืนอยู่ตรงหน้าพลางมองเธอด้วยสายตาที่หม่นหมองพร้อมขมวดคิ้ว

“???”

เขาไปแล้วไม่ใช่เหรอ?

“ผมกดปุ่มลิฟต์แล้วรอคุณมาห้านาทีแล้ว แต่คุณเดินไม่ถึงสิบเมตร มันช้าเกินไป!”

อวี้เส้าถิงกล่าวด้วยใบหน้าที่เย็นชา

ที่แท้เขาไม่ได้ไปไหน แต่ไปกดลิฟต์ให้เธอ

จะบอกว่าไม่แปลกใจก็คงโกหก ก่อนที่เฉินฮั่วจะโต้ตอบ จู่ ๆ ก็ถูกคนอุ้มขึ้นมา

ร่างกายของเธอเหมือนไร้น้ำหนัก เธอยื่นมือออกไปกอดคอของชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว หันหน้าไปมองอวี้เส้าถิงด้วยความประหลาดใจ แต่ทั้งสองอยู่ใกล้กันเกินไป ริมฝีปากของสาวน้อยจึงแตะลงบนแก้มอันหล่อเหลาของชายหนุ่ม!

ภาพนี้ดูเหมือนว่าจู่ ๆ เธอก็เป็นฝ่ายจูบอวี้เส้าถิงก่อน!

เฉินฮั่วตกตะลึง!

ริมฝีปากอันอ่อนนุ่มของหญิงสาวสัมผัสเข้ามา ความรู้สึกนุ่มนวลและอบอุ่นทำให้ดวงตาของอวี้เส้าถิงมืดลง เขาจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง

เขาไม่พูดอะไรแต่ดวงตาสีเข้มของเขาทำให้หัวใจหยุดเต้น

เฉินฮั่วชะงักไปหลายวินาที ก่อนจะตอบสนอง เธอรีบออกห่างและพูดอย่างหน้าแดง “ขอโทษค่ะ! ประธานอวี้ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ค่ะ เมื่อกี้ดิฉันไม่ได้…”

เธอรู้สึกอายมาก แน่นอนว่าอวี้เส้าถิงเห็นว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรเลย เขาเพียงพูดว่า 'อืม' แล้วก้าวเข้าไปในลิฟต์พร้อมสาวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขน

เท้าของเธอเจ็บมากจริง เฉินฮั่วไม่อยากทำตัวมากเรื่อง และไม่ได้ขอให้อวี้เส้าถิงวางเธอลง

ครั้งแรกที่ถูกผู้ชายอุ้มในท่าเจ้าหญิง แขนที่แข็งแกร่งของอวี้เส้าถิงนั้นทรงพลังมาก เธอมีส่วนสูง 168 เซนติเมตร และหนัก 50 กิโลกรัม น้ำหนักที่ถูกล้อว่าหนักเกินไปบนอินเทอร์เน็ต เขากลับอุ้มได้อย่างสบาย ๆ ราวกับเธอไม่มีน้ำหนักเลย อุ้มได้อย่างมั่นคง ให้ความรู้สึกปลอดภัยยิ่งนัก

เฉินฮั่วมองดูด้านข้างที่สมบูรณ์แบบของชายหนุ่มอย่างนิ่งงัน จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่า เธอไม่เข้าใจอวี้เส้าถิงเลยแม้แต่น้อย

ชัดเจนว่าเขาเข้าข้างเฉียวอันน่า อีกทั้งยังให้เธอขอโทษเฉียวอันน่าด้วย แต่ตอนนี้เขากลับกำลังช่วยเหลือเธอ เขาเป็นผู้ชายแบบไหนกันแน่?

นอกจากคืนนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาสัมผัสกันใกล้ ๆ อกกว้างของชายหนุ่มมีความอบอุ่นส่งผ่านมาถึงร่างกายของเธอ

เฉินฮั่วค่อย ๆ รู้สึกอึดอัดขึ้นเรื่อย ๆ โชคดีที่ในเวลานี้ทุกคนในบริษัทกลับกันไปหมดแล้ว ไม่อย่างนั้น หากมีคนเห็นอวี้เส้าถิงอุ้มเธอไว้เช่นนี้ ข่าวลือของพวกเขาคงกลายเป็นเรื่องจริง

ไม่นานหลังจากออกจากประตูบริษัท เฉินฮั่วก็รีบพูดว่า “คุณอวี้ ขอบคุณที่ช่วยดิฉันนะคะ คุณปล่อยดิฉันลงได้เลยค่ะ ดิฉันเรียกแท็กซี่กลับเองได้ค่ะ"

อวี้เส้าถิงลดตาลงมองใบหน้าแดงก่ำของเธอ ดวงตาดูเรียบเฉย “อาการบาดเจ็บที่เท้าของคุณหนักมากนะ คุณต้องไปโรงพยาบาล”

เฉินฮั่วไม่ต้องการรบกวนเขา และเธอก็ไม่มีเงินไปโรงพยาบาล “ดิฉันไม่เป็นไรค่ะ พักหนึ่งคืนก็หายแล้ว”

อวี้เส้าถิง “พรุ่งนี้ผมไม่อยากให้มีเลขานุการขาเป๋ มันจะกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน”

“???”

เฉินฮั่วรู้สึกสับสนไปเลย

เธออยากถาม เธอสำคัญถึงขนาดที่สามารถกระทบประสิทธิภาพการทำงานได้เชียวหรือ?

ในบรรดาเลขาทั้งสามคนในแผนกเลขานุการ แค่รับผิดชอบการจัดเรียงเอกสาร ไม่เคยจัดการกับเอกสารงานสำคัญใด ๆ งานของเธอคนอื่นก็ทำได้ เธอเป็นเพียงคนเล็ก ๆ ที่ไม่มีความสำคัญ เมื่อไม่นานมานี้เธอเคยกังวลว่า หลังจากทดลองงานจบแล้วเธออาจจะตกงานเสียด้วยซ้ำ

อวี้เส้าถิงไม่ให้โอกาสเฉินฮั่วได้คัดค้านแล้วพาเธอไปโรงพยาบาลทันที

หลังจากหมอตรวจเฉินฮั่วแล้วก็สรุปว่ามันเป็นเพียงอาการเคล็ดธรรมดา ไม่ได้กระดูกหัก พักสักสองสามวันก็หาย

หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บเสร็จ ก็เป็นเวลาดึกแล้ว เฉินฮั่วนั่งบนม้านั่งยาวในห้องโถง มองไปที่แผ่นหลังสูงใหญ่ของชายหนุ่มที่กำลังรับยาอยู่ไม่ไกล รู้สึกบางอย่างในใจที่บอกไม่ถูก

“คุณทำอะไรอยู่?”

อวี้เส้าถิงหยิบยาแล้วเดินเข้ามา

เฉินฮั่วกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง พลันยิ้มเบา ๆ ให้เขา “ไม่มีอะไรค่ะ”

เธอเคยมาโรงพยาบาลด้วยตัวเองตอนที่เธอป่วย นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนดูแลเธอและช่วยเธอรับยา คนคนนั้นกลับกลายเป็นอวี้เส้าถิง

อวี้เส้าถิงไม่พูดอะไร และอุ้มเธอขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาออกจากโรงพยาบาลและขับรถกลับบ้าน

รถมายบัคกำลังแล่นบนถนนตอนดึก แสงไฟถนนส่องเข้ามาในห้องโดยสารที่มืดสลัว แสงไฟจับใบหน้าหล่อเหลาของอวี้เส้าถิงเป็นระยะ ๆ รูปหน้าของชายหนุ่มหล่อเหลาและมีออร่า

“อยากพูดอะไร?”

เมื่อเฉินฮั่วมองไปที่อวี้เส้าถิงเป็นครั้งที่สาม ชายคนนั้นก็เอ่ยขึ้นทันที

เฉินฮั่วสะดุ้งและเหลือบมองแหวนแต่งงานบนนิ้วนางของเขา “ประธานอวี้ ขอบคุณที่พาดิฉันไปโรงพยาบาลนะคะ เรื่องค่ารักษาดิฉันจะคืนให้คุณแน่ค่ะ”

อันที่จริงแล้ว สิ่งที่เฉินฮั่วกำลังคิดคือ…

ทั้งสองคนยังไม่ได้ทานอาหารเย็น อวี้เส้าถิงช่วยเธอมากขนาดนี้ในคืนนี้ เธอควรจะเลี้ยงข้าวเขาสักมื้อ

แต่เมื่อคิดดูอีกที ก็สายเกินไปแล้ว คุณผู้หญิงอวี้คงรอให้เขากลับบ้าน คงไม่เหมาะที่พวกเขาจะอยู่ด้วยกันตามลำพัง

อวี้เส้าถิงเหลือบมองไปด้านข้าง และมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง

ดวงตาของสาวน้อยอย่างเธอบริสุทธิ์ สะอาดและใสซื่อเกินไป จนเธอไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าผู้ชายที่หยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้นั้นมีจุดประสงค์เสมอ

อวี้เส้าถิงมองไปข้างหน้า และพูดด้วยเสียงต่ำอย่างช้า ๆ “ถ้าคุณต้องไปตีทุกคนที่แพร่ข่าวลือ คุณจะเหนื่อยตาย การใช้กำลังเป็นวิธีที่โง่ที่สุดในการแก้ปัญหา”

เฉินฮั่วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดด้วยความประหลาดใจ “คุณรู้ว่าพวกเธอปล่อยข่าวลือเหรอคะ?”

เธอไม่รู้ว่าอวี้เส้าถิงรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร บางทีอาจได้ยินข่าวลือเหล่านั้นแล้วจู่ ๆ ก็โกรธ "พวกเธอพูดเกินไปแล้ว มาบอกว่าฉันกับคุณทำเรื่องอย่างว่าในห้องทำงาน…”

ทันใดนั้นนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยุดคำพูดที่ออกมาจากปากได้ทันเวลา

อวี้เส้าถิงเหลือบมองเธอ และสงสัยเฉินฮั่วคิดมากไปเองหรือเปล่า ที่เห็นว่าดวงตาสีเข้มของเขาดูขี้เล่นเล็กน้อย

ใบหน้าของเฉินฮั่วแดงขึ้นทันที

ทั้งคู่รู้ว่าเธอจะพูดอะไรต่อไป

ท้ายที่สุด ข่าวลือเป็นเรื่องบนเตียงของพวกเขา ถ้าพวกเขาบริสุทธิ์จริง ๆ ก็ไม่เป็นไร แต่มันมีครั้งหนึ่งที่ไม่ใช่

ทั้งคู่ต่างนึกถึงภาพบางอย่างในคืนนั้นโดยไม่ได้นัดหมาย

ภายในรถเงียบเกินไป มีบางสิ่งที่ไม่สามารถระบุได้แพร่กระจายอย่างละเอียดอ่อน

เฉินฮั่วไม่สามารถทนต่อบรรยากาศได้ เธอสูดลมหายใจลึก ๆ อย่างไม่ให้เห็นท่าทาง พยายามเปลี่ยนเรื่องด้วยท่าทีสงบ “ตอนนั้นดิฉันโกรธมากเลยทนไม่ไหว”

อวี้เส้าถิงเหลือบมองขาของเธอภายใต้ถุงน่องแล้วพูดอย่างใจเย็น “ปากอยู่ที่พวกเธอ ถ้าคุณลงมือจะเป็นการให้เหตุผลแก่คนอื่น ถ้าเฉียวอันน่าฟ้องคุณเรื่องการทำร้ายร่างกายวันนี้ คุณจะมีปัญหาเอาได้”

เฉินฮั่วรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นมีเหตุผล แต่เธอยังคงพึมพำด้วยเสียงต่ำอย่างไม่เต็มใจ “คุณจะให้ฉันแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินไม่ได้หรอกค่ะ”

เธอดูเหมือนจะอ่อนโยน แต่จริง ๆ แล้วนิสัยไม่ใช่ย่อยเลย

อวี้เส้าถิงขมวดคิ้วอย่างเฉยเมย “คราวหน้าทนไว้ล่ะ แล้วค่อยหาโอกาสแอบเอาคืนทีหลัง พวกคุณเป็นเพื่อนร่วมงาน โอกาสลงมือมีเยอะแยะไป”

“…”

เฉินฮั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความไม่เชื่อ คิดว่าตัวเองฟังผิดไป “ประธานอวี้ คุณ... “

“ทำไม เลขาเฉินคิดว่าผมเจ้าเล่ห์เหรอ?” อวี้เส้าถิงเลิกคิ้ว ท่าทางซุกซนเล็กน้อย

เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!

เธอคิดว่าอวี้เส้าถิงไม่ยอมให้เธอมีเรื่องทะเลาะวิวาทเพราะเขากลัวว่าจะส่งผลเสียต่อบริษัท ไม่คาดคิดว่าเขาจะสอนให้เธอใช้กลอุบายเจ้าเล่ห์เช่นนี้!

เจ้านายทุกคนต้องการให้ลูกน้องปฏิบัติตามกฎ ไม่อยากให้บริษัทเกิดปัญหา แต่เขากลับสอนเธอให้แทงข้างหลัง เขาเป็นประธานบริษัทที่หายากในประเทศนี้!

เฉินฮั่วเม้มริมฝีปาก “เปล่าค่ะ ฉันแค่ไม่คิดว่าคุณจะพูดเรื่องแบบนี้”

“จำได้แล้วใช่ไหม?”

“ค่ะ จำได้แล้ว”

วันนี้เธอและเฉียวอันน่าทะเลาะกันแล้ว เฉินฮั่วไม่คิดจะทำอะไรพวกนั้นลับหลัง เว้นแต่ว่าพวกเขาจะมาหาเรื่องเธออีกรอบ

แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าอวี้เส้าถิงพูดถูก เธอหุนหันพลันแล่นเกินไป หากเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในบริษัทอื่น เธอคงถูกไล่ออกไปแล้ว โชคดีที่เขาไม่ถือโทษโกรธเคือง

……

เฉินฮั่วอาศัยอยู่ในย่านชุมชนเก่าแก่ ห่างไกลจากตัวเมือง แต่มีข้อดีคือราคาถูก

รถหรูจอดอยู่ชั้นล่าง เฉินฮั่วปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วพูดอย่างสุภาพ “ประธานอวี้ ข้อเท้าของดิฉันดีขึ้นมากแล้ว ดิฉันเดินเองได้ คงต้องรบกวนคุณแล้วค่ะ”

อวี้เส้าถิงมองมาด้วยสายตาลึกลับ นิ้วมือเรียวบางลูบพวงมาลัยเบา ๆ “คุณมีแฟนแล้ว เลยไม่สะดวกให้ผมจะเข้าไปใช่ไหม?”

คำเหล่านี้มีความคลุมเครืออย่างเห็นได้ชัด และไม่มีผู้ใหญ่คนไหนไม่เข้าใจความหมายนั้น

เฉินฮั่วชะงัก

คืนนี้อวี้เส้าถิงดูแลเธอเป็นอย่างดี เฉินฮั่วไม่ใช่ว่าไม่เคยสงสัยว่าเขาอาจจะมีความหมายอะไรแบบนั้น แต่ก็กลัวว่าเธอจะคิดไปเอง

พอเขาพูดเช่นนี้ออกมา เฉินฮั่วลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจพูดออกไปอย่างตรงไปตรงมา

“ดิฉันไม่มีแฟนหรอกค่ะ”

“ประธานอวี้ สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นจบลงแล้ว หากเราพัวพันกันต่อไปอีกก็มีแต่จะทำร้ายคุณผู้หญิงอวี้ คงไม่ดีหรอกค่ะ

“ดิฉันซาบซึ้งมากสำหรับความช่วยเหลือของคุณ ต่อไปดิฉันจะทำงานอย่างหนักเพื่อตอบแทนคุณแน่นอนค่ะ!”

เขาแต่งงานแล้วและมีภรรยาแล้ว เธอขายตัวไปเพราะเธอไม่รู้ จึงมีสัมพันธ์สวาทกับเขา เธอได้ทำผิดต่อภรรยาของเขาไปครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้เมื่อรู้แล้วแน่นอนว่าเธอต้องรักษาระยะห่างไม่ให้เกิดความขัดแย้งอื่นอีก

คำพูดของเธอปฏิเสธชัดเจนมาก ใช้สำนวนทางการด้วย ขาดแค่การคำนับเท่านั้น

นี่เป็นครั้งแรกที่อวี้เส้าถิงได้รับการปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาจากผู้หญิงคนหนึ่ง เขาไม่ได้แสดงความละอายใด ๆ เขาจ้องมองเธอด้วยดวงตาสีเข้ม เม้มริมฝีปากบาง ๆ ของเขาเล็กน้อย ไม่ตอบอะไรกลับไป

เขาไม่ได้พูด และคงเป็นการไม่เหมาะสมหากเฉินฮั่วจะลงจากรถไปตอนนี้ ดังนั้นเธอจึงได้แต่มองดูเขาอย่างเงียบ ๆ

“ครืด…”

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นอย่างกะทันหันทำลายความเงียบนั้นลง

โทรศัพท์เชื่อมต่อกับบลูทูธของรถ และทันใดนั้นก็เชื่อมต่อโดยอัตโนมัติ เสียงอ่อนโยนและมีความสุขของผู้หญิงดังขึ้นในรถที่เงียบ

“ที่รัก~~”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status