Share

บทที่ 10

อวี้เส้าถิงสูดควันบุหรี่เข้าไปลึก ๆ แล้วใช้มือยาวที่มีข้อนิ้วชัดเจนบีบหน้าของเธอพร้อมโน้มใบหน้าลง

ทั้งกระบวนการใช้เวลาไม่ถึงสามวินาที เฉินฮั่วยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถูกขังอยู่ในอ้อมแขนของอวี้เส้าถิงแล้ว!

กลิ่นบุหรี่อ่อน ๆ ห่อหุ้มเธอไว้ ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มอยู่ห่างจากริมฝีปากของเธอไม่ถึงสองเซนติเมตร

เฉินฮั่วตกตะลึง ตัวสั่นไปทั้งร่างไม่กี่วินาทีก็ฟื้นคืนสติ พอตั้งสติได้ก็เริ่มดิ้น “ประธานอวี้ คุณจะทำอะไร?”

อวี้เส้าถิงล็อกข้อมือทั้งสองของเธอไว้ด้านหลังด้วยมือข้างเดียว เธอดิ้นไม่หลุด แถมยิ่งดิ้นก็ยิ่งทำให้ร่างกายของเธอแนบชิดกับหน้าอกของเขามากขึ้น กลับกลายเป็นคำเชิญที่ไร้คำพูด

ผิวหนังบนหน้าอกของเธอขาวเนียนสะดุดตา อวี้เส้าถิงหรี่ตามองแล้วริมฝีปากบางก็ลงไปที่ลำคอของร่างเล็ก

ทันใดนั้นเฉินฮั่วก็เบิกตากว้าง!

เขากำลังกัดเธอ!

แต่ก็ไม่นับเป็นการกัด เพราะเธอไม่รู้สึกเจ็บ

ฟันของอวี้เส้าถิงขบเนื้ออ่อนที่คอของเธอ และบดเล็กน้อย

เฉินฮั่วสั่นไปทั้งตัว กลัวว่าอีกวินาทีเดียวเธอจะถูกกัดทะลุลำคอและหลอดเลือดแดง!

เธอไม่กล้าแม้แต่จะผลักเขาออกไป

ที่จริงแล้ว อวี้เส้าถิงอยากจะกัดเธอจริง ๆ เขาไม่ได้เมาและก็ไม่ได้มีรสนิยมซาดิสต์ แต่ไม่รู้ว่าแรงกระตุ้นนี้มาจากไหน

การกัดคอของเฉินฮั่วทำให้เขาแอบรู้สึกพึงพอใจ

เขาไม่เพียงต้องการกัดเธอเท่านั้น เขายังต้องการทำลายล้างเธอและทำลายเธอด้วย...

ความบ้าคลั่งที่สะสมอยู่ในเลือดของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

เฉินฮั่วรู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง แต่ที่แปลกกว่านั้นคือแม้จะกลัวมากแต่เธอก็รู้สึกชาวาบอย่างแปลกประหลาด ราวกับมีไฟฟ้าอ่อน ๆ ไหลผ่านทั่วร่าง

เสียงที่มีเสน่ห์ของเธออดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมา “อื้อ…”

เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองปล่อยเสียงแบบไหนออกมา ทันใดนั้น เฉินฮั่วก็รีบกัดริมฝีปาก รวบรวมสติและพูดอย่างเย็นชา “คุณอวี้ ปล่อยดิฉันค่ะ ไม่อย่างนั้นดิฉันจะร้อง…”

“แรงของผู้ชายตัวโต ๆ เธอคิดว่าจะหนีได้เหรอ?”

อวี้เส้าถิงปล่อยคอของเธอ น้ำเสียงต่ำ ๆ มีแววดูถูกเล็กน้อย

ริมฝีปากบางที่เย็นเยียบของเขาเคลื่อนไปตามกระดูกไหปลาร้าของเธอ พยายามยับยั้งตัวเองไม่ให้ทำตามความคิดในหัว

เฉินฮั่ว “...”

อวี้เส้าถิงแสดงให้เห็นด้วยร่างกายว่าเธอประเมินตัวเองสูงเกินไป

ไม่ว่าการต่อสู้ของเธอกับเฉียวอันน่าจะดุเดือดแค่ไหน แต่ถ้าตกอยู่ในมือของผู้ชายตัวโต ๆ เธอก็ไม่มีทางได้เปรียบใด ๆ เลย มีแต่จะถูกเอาเปรียบเสียมากกว่า

อวี้เส้าถิงมีทักษะมาก เฉินฮั่วถูกเขายั่วยุจนร่างกายอ่อนระทวย “ประธานอวี้…”

“หนึ่งแสน” เสียงทุ้มลึกของชายคนหนึ่งดังมาจากข้างคอ

“คะ?”

“เธอเงินไม่พอไม่ใช่เหรอ นอนกับฉัน ครั้งละหนึ่งแสนบาท เธอตั้งราคาเองนี่ หรือเธอจะตั้งราคาใหม่ก็ได้”

“...”

ทันใดนั้นม่านตาของเฉินฮั่วก็หดลงทันที

อวี้เส้าถิงคิดจะเลี้ยงดูเธอหรืออย่างไร?

ในเวลานี้ อวี้เส้าถิงปล่อยเธอแล้ว

ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการทำต่อ ในทางกลับกัน ถ้าทำต่อเขาอาจจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่เขายังไม่มีรสนิยมที่จะทำเรื่องแบบนี้ในที่สาธารณะ

……

“เธอเป็นหนี้คนอื่นไม่ใช่เหรอ เลขาเฉิน มานอนกับฉันสิ แล้วฉันจะให้เงินเท่าที่เธอต้องการ”

เขาแทบจะไม่เคยเรียกชื่อเต็มของเธอเลย เขากำลังล่อลวงเธอ ดวงตาของชายหนุ่มมืดมนคล้ายกับพายุทะเลที่ร้อนแรง ซึ่งทำให้หนังศีรษะของเฉินฮั่วตึง และผิวหนังทั่วร่างกายของเธอรู้สึกร้อนขึ้นเล็กน้อย

ครั้งละหนึ่งแสน แม้ว่าเขาจะนอนกับเธอแค่เดือนละครั้งเท่านั้น แต่ก็ยังมากกว่ารายได้ที่เธอหาได้จากการทำงานในบาร์

ม่านตาของเฉินฮั่วหดตัวลง “ถ้าฉันต้องการห้าสิบล้านล่ะคะจะได้ไหม?”

อวี้เส้าถิงหัวเราะเบา ๆ ไม่กะพริบตา “จะไปที่ของฉัน หรือเธออยากไปห้องเดิมเหมือนครั้งที่แล้วล่ะ?”

เขายอมตกลงจริง ๆ เสียด้วย!

เดิมทีเฉินฮั่วเพียงพูดพล่อย ๆ เพื่อหยั่งเชิงเขา แต่ไม่คาดคิดว่าอวี้เส้าถิงจะตอบรับอย่างไม่ลังเลเลย!

ห้าสิบล้าน ชั่วชีวิตนี้ เฉินฮั่วอาจไม่มีทางหาเงินได้มากขนาดนั้น แต่ในสายตาของคนอย่างอวี้เส้าถิง นี่ไม่ทำให้ขนหน้าแข้งเขาร่วงด้วยซ้ำ

อวี้เส้าถิงแค่ต้องการหาความสนุกเท่านั้น…

เฉินฮั่วคือความสนุกของเขา

แต่เธอไม่ใช่ของเล่น!

และไม่ใช่เครื่องมือในการระบายความต้องการทางเพศของเขา!

ดวงตาของเฉินฮั่วหรี่ลงเล็กน้อย สูดหายใจเข้าลึก ๆ และเตือนเขาอย่างใจเย็น “ประธานอวี้ คุณแต่งงานแล้วนะคะ”

“ทำไม เธอคิดจะแต่งงานกับฉันเหรอ?”

ดวงตาอันสงบนิ่งของอวี้เส้าถิงไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าการไปหาผู้หญิงนอกบ้านจะมีปัญหาอะไร

แน่นอนว่าเฉินฮั่วไม่ได้คิดจะแต่งงานกับเขา เพียงแค่ต้องการเตือนว่า เขาทำแบบนี้ไม่ยุติธรรมกับภรรยาของเขา แต่สำหรับอวี้เส้าถิงไม่ใส่ใจเรื่องแบบนี้เลย

เฉินฮั่วขมวดคิ้วและพูดอย่างจริงจัง “คุณอวี้ ฉันขายเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”

เธอจะไม่มีสัมพันธ์กับเขาอีก

แม้ว่าเธอจะขาดแคลนเงินมากขนาดไหน แต่เธอก็สามารถหาเงินจากการทำงานได้

นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เฉินฮั่วปฏิเสธเขา อวี้เส้าถิงมองเธออย่างเคร่งขรึมและไม่พูดอะไร

“ครืด”

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นอย่างกะทันหันทำลายความเงียบลง

เฉินฮั่วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และเห็นว่าสายนั้นมาจากจางเหม่ยจือ เธอรีบหันไปพูด 'ขอโทษ' แล้วเดินเบี่ยงไปรับโทรศัพท์ “คุณจาง มีอะไรหรือคะ?”

“เฉินฮั่ว ฉันอยู่หน้าประตูบ้านเธอแล้ว กลับมาเดี๋ยวนี้เลย!”

จางเหม่ยจือพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน แล้ววางสายก่อนที่เฉินฮั่วจะได้พูดอะไร

หัวใจของเฉินฮั่วจมลง เกิดอะไรขึ้นกัน?

อวี้เส้าถิงเหลือบมองใบหน้าที่ขมวดมุ่นของเธอแล้วเดินเข้าไปหา “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

ใบหน้าของชายหนุ่มยังคงสงบนิ่ง ดวงตาสีดำล้ำลึกไร้ความเคลื่อนไหว ความปรารถนาทางเพศหายไปหมดแล้ว มีเพียงบรรยากาศที่ดูสง่างามและเยือกเย็น ราวกับว่าเขาไม่ใช่คนเดียวกับที่เพิ่งเสนอเงินเพื่อซื้อเธอไว้ทั้งคืน

เฉินฮั่วดึงสติกลับมาอีกครั้ง เหลือบมองเขาแล้วพยักหน้า “ดิฉันมีธุระค่ะ ต้องของตัวกลับก่อน”

“ไปสิ เดี๋ยวฉันไปส่ง”

อวี้เส้าถิงพูดอย่างแผ่วเบาแล้วหันหลังเดินไปที่บันได

เดิมทีเฉินฮั่วตั้งใจจะปฏิเสธ แต่เธอกำลังรีบกลับดังนั้นจึงไม่ได้คิดมากแล้วรีบก้าวตามเขาไป

เฉินฮั่วไปหาพี่หงเพื่อขอลา พี่หงคิดว่าเธอจะไปกับอวี้เส้าถิง ดังนั้นเธอจึงตอบตกลงโดยไม่พูดอะไรสักคำ ได้แต่ยิ้มให้เธออย่างมีเลศนัย

เฉินฮั่วไม่สนใจจะอธิบาย เธอรีบออกจากหงโหลว เห็นรถมายบัคของอวี้เส้าถิงจอดอยู่ที่ประตู ชายหนุ่มนั่งอยู่ข้างใน มือข้างหนึ่งพาดอยู่ที่ขอบหน้าต่างพร้อมคีบบุหรี่ที่จุดแล้ว

สาวสวยที่เดินผ่านประตูบาร์หันกลับมามองบ่อยครั้งแต่เขาไม่สนใจ

เฉินฮั่วเปิดประตูรถและเข้าไปนั่งข้างคนขับ

อวี้เส้าถิงขับรถไม่พูดอะไร ไฟถนนสีเหลืองอันอบอุ่นส่องผ่านใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเป็นครั้งคราว ทำให้เขาดูดีมาก

รถแล่นไปอย่างเงียบ ๆ จนถึงชั้นล่างของอาคารที่เธออาศัยอยู่

ทันใดนั้นเฉินฮั่วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหยิบเงินพันห้าร้อยออกจากกระเป๋า แล้วยื่นให้อีกฝ่าย “ประธานอวี้ นี่เป็นค่ารักษาพยาบาลที่คุณช่วยจ่ายให้ดิฉันล่วงหน้าเมื่อครั้งที่แล้ว ขอบคุณที่พาดิฉันไปโรงพยาบาลค่ะ”

อวี้เส้าถิงเหลือบมองแวบหนึ่งแล้วพูดอย่างใจเย็น “วางไว้เถอะ”

เฉินฮั่ววางเงินไว้ในช่องใส่ของ “ถ้าอย่างนั้นดิฉันกลับแล้วนะคะ ประธานอวี้ กลับดี ๆ นะคะ"

อวี้เส้าถิงหรี่ตาลง กดบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ “พรุ่งนี้เธอต้องไปเข้าร่วมประชุมการเข้าซื้อกิจการของเอชซีกรุ๊ปกับฉัน เธอต้องคอยจดบันทึกการประชุมและแปลภาษา”

หัวข้อเปลี่ยนเร็วเกินไป เฉินฮั่วอึ้งไปครู่หนึ่ง “ทำไมต้องเป็นดิฉันล่ะคะ?”

เรื่องแบบนี้ เขาไม่ใช่ว่าต้องให้เลขาอีกสองคนหรือผู้ช่วยเฮ่อเฉารับผิดชอบหรอกหรือ?

การแสดงออกของอวี้เส้าถิงเฉยเมยมาก “เธอพูดภาษาเยอรมันได้ไม่ใช่เหรอ? พรุ่งนี้ฉันต้องการล่าม มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

“ไม่มีปัญหาค่ะ!”

ชั่วขณะหนึ่ง เฉินฮั่วคิดถึงกฎเกณฑ์ที่ไม่เป็นธรรมในที่ทำงาน ดูเหมือนเธอจะคิดมากเกินไป

แม้ว่าอวี้เส้าถิงจะมีใจให้เธอ แต่เขาก็เป็นคนที่แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน

แน่นอนว่าเฉินฮั่วหวังว่าจะได้รับโอกาสแสดงฝีมือในงานมากขึ้น เพื่อว่าหลังจากช่วงทดลองงานแล้วเธอจะได้ต่อสัญญาอยู่ต่อได้สำเร็จ

ชายคนนั้นไม่ได้พูดอะไรอีก เฉินฮั่วเปิดประตูรถแล้วลงจากรถไป เธอยืนอยู่ข้างถนนแล้วกล่าวคำอำลา “กลับดี ๆ ค่ะ ประธานอวี้”

อวี้เส้าถิงเหลือบมองเธอด้วยดวงตาสีเข้ม ปิดหน้าต่างรถและขับรถออกไป ไม่นานก็หายไปในความมืด

……

เฉินฮั่วหันกลับเดินไปที่ประตูอาคาร พอเข้าไปก็เห็นผู้หญิงวัยกลางคนนั่งอยู่บนบันไดทางเดิน ทำให้เธอตกใจอย่างไม่ทันตั้งตัว

“คุณจาง คุณมาหาฉันมีเรื่องอะไรหรือคะ?” เฉินฮั่วมองดูเธอสองสามวินาทีก็ยืนยันได้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือจางเหม่ยจือ

ครั้งสุดท้ายที่เธอได้พบจางเหม่ยจื่อคือเมื่อหกปีที่แล้ว ในตอนนั้นเธอเพิ่งเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายชื่อดังในกรุงปักกิ่ง ที่ประตูโรงเรียนมัธยม คุณจางลงจากรถหรูและควักเงินให้เธอสองหมื่นห้าพันบาทเป็นค่าเล่าเรียน และจากไปเงียบ ๆ

หลังจากเผชิญกับสภาวะล้มละลาย อดีตภรรยาเศรษฐีที่ครั้งหนึ่งเคยสง่างามและมั่งคั่งก็ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ใบหน้าของเธอซีดเซียวและผอมลงมาก ราวกับแก่ลงไปสิบกว่าปี

“เฉินฮั่ว เรือนจำไม่ให้ฉันประกันตัวเสี่ยวเวย ฉันควรทำยังไงดี เสี่ยวเวยกำลังจะตายแล้ว!” จางเหม่ยจือเริ่มร้องไห้ทันทีที่เธอเปิดปาก

เฉินฮั่วตกตะลึง “คุณจางอย่าร้องไห้เลยค่ะ คุณหนูเซี่ยสุขภาพไม่ค่อยดี สถานการณ์แบบนั้นทำไมเรือนจำถึงไม่ยอมให้ประกันตัวเธอล่ะคะ?”

“ฉันไม่รู้! ไม่ว่าฉันจะพูดอะไร พวกเขาก็ไม่ยอมปล่อยตัวเธอ เฉินฮั่ว ฉันมาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากเธอ! เธอต้องช่วยฉันนะ!”

เฉินฮั่วตกใจ “คุณจาง ฉันจะพยายามหาเงิน อีกไม่กี่วันเงินเดือนออกแล้วฉันจะรีบโอนให้คุณเลย”

“ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงิน! ตอนนี้มีเงินก็ไม่มีประโยชน์แล้ว! มันเกี่ยวกับเรือนจำ! เฉินฮั่วเธอรู้จักคุณอวี้ เธอขอให้เขาช่วยสิ ตระกูลอวี้เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง ขอแค่เขาพูดเรือนจำจะต้องปล่อยเสี่ยวเวยแน่!”

เฉินฮั่วตกตะลึง พอตั้งสติได้ก็บอกอย่างลำบากใจ “คุณจาง ฉันเป็นเพียงเลขาทดลองงาน ไม่สนิทกับประธานอวี้ ให้เขาช่วยเรื่องนี้.. ”

“ประธานอวี้เพิ่งมาส่งเธอ ฉันเห็นแล้ว! ฉันเคยเจออวี้เส้าถิงแล้ว อย่าบอกนะว่าคนที่อยู่ในรถเมื่อกี้ไม่ใช่เขา!”

ก่อนที่เฉินฮั่วจะพูดจบจางเหม่ยจือก็ขัดเธออย่างเย็นชา

จากนั้นมองเธอด้วยสายตาเต็มไปด้วยข้อกล่าวหาแล้วพูดว่า “เฉินฮั่ว อย่าลืมสิว่า ถ้าเราไม่ให้เงินทุนเธอ เธอจะสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในปักกิ่งได้เหรอ? จะเข้าทำงานในอวี้กรุ๊ปได้ไหม เธอจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับอวี้เส้าถิงไหม? ตอนนี้เธอประสบความสำเร็จมากแล้ว แค่ความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่ยอมช่วยเลยเหรอ?”

เฉินฮั่วขมวดคิ้ว “คุณจาง อวี้เส้าถิงกับฉันไม่ใช่แบบที่คุณคิด”

“ฉันไม่สน! ตอนนี้มีแต่เธอที่ช่วยเสี่ยวเวยได้! เฉินฮั่ว เธอจะนิ่งดูดายไม่ได้นะ! ถ้าเสี่ยวเวยตาย ฉันก็จะไม่อยู่เหมือนกัน แล้วฉันจะตายต่อหน้านี่แหละ! เฉินฮั่ว ฉันขอร้องเธอนะ... อย่าปล่อยให้ลูกสาวฉันตายเลย เห็นแก่ที่พวกเราเคยช่วยเธอด้วย…”

จางเหม่ยจือไม่ฟังคำอธิบายของเธอเลย ทั้งข่มขู่ทั้งร้องไห้อ้อนวอนเฉินฮั่ว อย่างไรก็ต้องให้เธอช่วยให้ได้

เมื่อเห็นว่าจางเหม่ยจือร้องไห้จนเกือบจะเป็นลม เฉินฮั่วจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องตกปากรับคำ

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status