Share

บทที่ 4

ไม่ไกลประตูลิฟต์ก็เปิดออก ชายหนุ่มรูปหล่อสามคนก็เดินออกมา

อวี้เส้าถิงเป็นคนแรกที่ก้าวออกจากลิฟต์ ซ่งซูเหยียนที่ติดตามเขากำลังพูดอะไรบางอย่าง แต่ได้ยินเสียงดังมาจากบริเวณนี้ อวี้เส้าถิงจึงหยุดและหันไปมองดู คิ้วขมวดทันที

“นี่ พี่สาม คนของพี่ถ่ายหนังบู๊กันเหรอ?” ซ่งซูเหยียนเห็นใครบางคนทะเลาะกันก็พูดเยาะเย้ยอย่างสนุกสนาน

เมื่อรู้ว่าอวี้เส้าถิงชอบความสงบเฮ่อเฉาจึงรีบพูดว่า "ประธานอวี้ ผมจะจัดการเดี๋ยวนี้ครับ!"

เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ไม่จำเป็นต้องให้เขาออกหน้า อวี้เส้าถิงไม่ได้พูดอะไร เขามองออกไปอย่างไม่แสดงออกและเดินไปยังห้องทำงานของประธานด้วยเรียวขายาว

เฮ่อเฉาขมวดคิ้ว และถามพนักงานที่อยู่ข้าง ๆ “เกิดอะไรขึ้น?”

“ผู้ช่วยเฮ่อ คือเลขาเฉียวจากแผนกเลขานุการกำลังทะเลาะวิวาทกับเลขาเฉิน”

คำว่า 'เลขาเฉิน' ลอยเข้ามาในหูของอวี้เส้าถิง เขาหยุดฝีเท้าและมองกลับไปที่กลุ่มคน แววตาคมเข้มขึ้นเล็กน้อย

……

“เฉินฮั่ว ยายตัวดี!”

เฉียวอันน่าถูกจิกผมและตบหน้า เจ็บปวดจนกรีดร้องและด่าทออย่างบ้าคลั่ง เธอคว้าถ้วยข้างตัวเธอแล้วฟาดใส่ศีรษะของเฉินฮั่ว!

นั่นเป็นถ้วยกระเบื้องที่มีน้ำหนักไม่น้อย ถ้าฟาดลงไปที่เฉินฮั่วแบบนั้นศีรษะเธอคงแตกแน่นอน!

เฉินฮั่วเห็นจากหางตา ระยะห่างนั้นใกล้เกินไป เธอไม่มีทางหลบพ้น!

เมื่อเห็นว่าถ้วยกระเบื้องนั่นกำลังจะฟาดใส่ศีรษะเธอ จู่ ๆ ก็มีมือยื่นออกมาจากด้านข้างแล้วคว้าข้อมือของเฉียวอันน่าไว้!

ถ้วยกระเบื้องเคลือบหยุดห่างจากศีรษะของเฉินฮั่วเพียงหนึ่งเซนติเมตร!

เฉียวอันน่ากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด "โอ๊ย! ใครกล้ามาห้ามฉัน ปล่อยนะ… ประธานอวี้"

เฉินฮั่วตกใจ หันกลับมาและเห็นอวี้เส้าถิงยืนอยู่ข้าง ๆ ดวงตาของเธอแข็งค้าง

เมื่อคนอื่นเห็นอวี้เส้าถิง ก็ได้แต่ยืนกลั้นหายใจอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าแสดงอารมณ์ออกมา

อวี้เส้าถิงไม่มีการแสดงออกบนสีหน้า เขาปล่อยข้อมือของเฉียวอันน่าและจ้องมองไปที่เฉินฮั่วด้วยสายตาเย็นชา

“มีเรื่องอะไรกัน?”

ทะเลาะกันต่อไม่ได้แล้ว

เฉินฮั่วเม้มริมฝีปากแล้วปล่อยมือ

“ประธานอวี้ ดิฉันอยู่ในห้องน้ำชาดี ๆ ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ เลขาเฉินจึงรีบเข้ามาตบฉัน ฉันไม่รู้ว่าฉันไปทำให้เธอขุ่นเคืองเรื่องอะไร... ฮือฮือฮือ...”

ใบหน้าของเฉียวอันน่าบวมจากการถูกตบ เธอกุมหน้าและร้องไห้ น้ำตาไหลพรากเหมือนไข่มุกสายขาด

ดีจริง โจรป่าร้องก่อน เธอไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เธอปล่อยข่าวลือเลยด้วยซ้ำ

ดวงตาสีเข้มของอวี้เส้าถิงหันไปหาเฉินฮั่ว เธอไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่าเลขาเฉียว แต่ใบหน้าของเธอมีรอยขีดข่วนหลายแห่ง ทำให้ใบหน้าที่งดงามนั้นเสียโฉม

ผมยาวของเธอยุ่งเหยิง แม้จะเสียโฉมไปแต่กลับเพิ่มความงดงามน่าสงสารขึ้น ทำให้คนรู้สึกเห็นใจมากขึ้น

อวี้เส้าถิงพูดอย่างเคร่งขรึม “คุณเริ่มก่อนหรือเปล่า?”

เฉินฮั่วพูดอย่างใจเย็น “ใช่ค่ะ”

“เพราะ?”

เฉินฮั่วเงียบ “...”

เฉินฮั่วกัดริมฝีปากของตัวเอง ทำไมน่ะหรือ? ก็เพราะเฉียวอันน่ากล่าวหาว่าพวกเขามีอะไรกันในห้องทำงานอย่างไรเล่า

แต่ต่อหน้าคนจำนวนมาก เธอไม่สามารถพูดคำที่ไม่พึงประสงค์ที่เฉียวอันน่าพูดออกมาได้

เธอไม่พูด แต่มีคนพูดแทนเธอ…

“ประธานอวี้ เลขาเฉียวไม่ได้พูดอะไรเลยจริง ๆ เลขาเฉินพุ่งเข้ามาตบเธอก่อน เราทุกคนที่นี่เป็นพยานได้”

“ใช่แล้ว เลขาเฉินตบก่อนจริง ๆ เราไม่รู้ว่าทำไม แต่เราเห็นกันหมด”

“ประธานอวี้ เลขาเฉินไม่ชอบเลขาเฉียว เธอคงจงใจทำร้ายเลขาเฉียวอันน่าเพราะเธอไม่ชอบค่ะ”

ในเวลานี้ ผู้หญิงหลายคนเอ่ยปากอยู่ใกล้ ๆ และกล่าวโทษเฉินฮั่วทั้งหมด

เฉินฮั่วมองด้วยความไม่เชื่อ กลุ่มคนที่พูดคือคนกลุ่มเดียวกับที่กำลังเผยแพร่ข่าวลือเมื่อครู่

เมื่อเห็นเฉินฮั่วจ้องมองพวกเธอ พวกเธอทุกคนก็รู้สึกผิดแต่ไม่คิดกลับดำเป็นขาว

บางคนถึงกับพูดว่า “เลขาเฉิน มันเป็นความผิดของคุณจริง ๆ ที่ทำร้ายคนอื่น คุณทำเกินไปแล้ว!”

เฉินฮั่วจ้องมองพวกเธอสักพัก ก่อนจะยิ้มเยาะเย้ยออกมา

เธอเข้าใจแล้ว

พวกเธอกลัวว่าอวี้เส้าถิงจะรู้ถึงคำพูดไม่น่าฟังที่พวกเธอพูด ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นตัวเอก หากอวี้เส้าถิงไล่เอาเรื่องขึ้นมา พวกเธอคงไม่รอดแน่

ดังนั้นจึงปฏิเสธเรื่องนี้ เอาความสกปรกทั้งหมดสาดใส่เธอ! เธอบอกว่าเธอจงใจสร้างปัญหาให้เลขาเฉียว!

ตอนนี้ ถึงเฉินฮั่วจะบอกเหตุผลของการทะเลาะวิวาทออกไป พวกเธอก้ไม่มีทางยอมรับ

เหตุผลสำคัญของการทะเลาะไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว

เฉินฮั่วหัวเราะเย้ยหยัน พูดอย่างไร้ความรู้สึก “แค่ขัดแย้งกันเล็กน้อย ฉันทนไม่ไหวก็เลยลงไม้ลงมือค่ะ”

“ประธานอวี้ ตามข้อบังคับของบริษัท เลขาเฉินทำร้ายคน ดังนั้นเธอควรจะถูกไล่ออกนะคะ!” เฉียวอันน่ากุมใบหน้า ด้วยความคับข้องใจ ทำท่าจะร้องไห้

กฎระเบียบของพนักงานบริษัทห้ามทะเลาะวิวาท หากฝ่าฝืนจะถูกไล่ออก!

เฉินฮั่วกัดริมฝีปาก

เธอไม่อยากตกงาน และการถูกไล่ออกระหว่างทดลองงานก็จะส่งผลต่อการเปลี่ยนงานในอนาคตด้วย

แต่คำพูดมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอเป็นคนเริ่มตบก่อน และเฉียวอันน่าหยิบกฎของบริษัทขึ้นมา เธอก็ไม่มีอะไรจะพูด

“ฉันจะไปเก็บของค่ะ”

อย่างไรเธอก็ต้องไป และเธอก็ไม่อยากถูกไล่ออกอย่างน่าอับอาย เฉินฮั่วปล่อยนิ้วที่กำแน่นแล้วหันหลังกลับเดินออกไป

“ขอโทษสิ” ทันใดนั้นก็มีเสียงที่ชัดเจนและเย็นชาของชายคนหนึ่งดังมาจากด้านหลัง

“....”

เฉินฮั่วมองไปที่อวี้เส้าถิงด้วยความตกใจ

ทำไมเธอต้องขอโทษด้วย?

เห็นได้ชัดว่าเฉียวอันน่าเป็นคนแพร่ข่าวลือ และจงใจใช้เหตุการณ์นี้ไล่เธอออก ทำไมเธอถึงต้องเป็นฝ่ายขอโทษ?

เฉียวอันน่าไม่คาดคิดว่าอวี้เส้าถิงจะขอให้เฉินฮั่วขอโทษ เธอรู้สึกประหลาดใจและภูมิใจในเวลาเดียวกัน เธอไม่รู้สึกเจ็บที่ถูกตบหน้าแล้วละจ้องมองไปยังเฉินฮั่วด้วยสีหน้ายั่วยุ

เฉินฮั่วไม่ต้องการขอโทษ

เธอมองดูอวี้เส้าถิงอย่างแน่วแน่ ดวงตาใสบริสุทธิ์ของสาวน้อยเต็มไปด้วยความตกตะลึง ไม่ยอมแพ้ และความน้อยใจ... อารมณ์เหล่านี้ชัดเจนมาก

ประกายหม่นแวบผ่านดวงตาของอวี้เส้าถิง เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมองเห็นดวงตาของเธอได้ชัดเจนนัก

เขารู้สึกว่าซ่งซูเหยียนพูดถูก ดวงตาของเฉินฮั่วดูราวกับพูดได้!

สายตาลึกซึ้งของชายคนนั้นแข็งแกร่งมาก ราวกับว่ามีแรงกดดันที่มองไม่เห็นพุ่งเข้าหาเธอทีละชั้น

ในที่สุด เฉินฮั่วก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ก่อน

เธอเพิ่งมาตระหนักรู้ว่าชายตรงหน้าเธอคือ อวี้เส้าถิงจากตระกูลอวี้ผู้มั่งคั่ง!

สถานะของตระกูลอวี้ดึงดูดผู้มีอำนาจมากมาย อวี้เส้าถิงไม่เพียงแต่ไล่เธอออกได้ แต่เพียงคำพูดไม่มีคำก็สามารถทำให้เธออยู่ในเมืองหลวงต่อไปไม่ได้แล้ว

คนอย่างเขาไม่ใช่ตัวประกอบอย่างเธอจะล่วงเกินได้

เธอสู้กับเฉียวอันน่าได้ แต่เธอสู้กับอวี้เส้าถิงไม่ได้

เฉินฮั่วลดตาลง นิ้วมือค่อย ๆ กำแน่น "เลขาเฉียว ฉันขอโทษ"

“ถ้าครั้งหน้าคุณทำอย่างนี้อีกจะถูกไล่ออก กลับไปที่ห้องทำงานของคุณได้แล้ว” อวี้เส้าถิงพูดอย่างเย็นชา

“....”

เฉินฮั่วตกใจ เงยหน้ามองอวี้เส้าถิงด้วยความประหลาดใจ

เขาไม่ไล่เธอออกเหรอ?

เฉียวอันน่าซึ่งปิดหน้าของเธอไว้ ก็ต้องประหลาดใจเช่นกัน “ประธานอวี้ เฉินฮั่วละเมิดกฎข้อบังคับของบริษัท เธอควรถูกไล่ออกนะคะ…”

“กฎของบริษัทไม่อนุญาตให้ทะเลาะวิวาท เฉินฮั่วเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่เธอก็ขอโทษแล้ว คุณเองก็ลงมือกับเธอด้วย คุณอยากถูกไล่ออกด้วยหรือ?”

น้ำเสียงของอวี้เส้าถิงดูเย็นชา บรรยากาศรอบตัวกดดันอย่างมาก

เฉียวอันน่าพูดไม่ออกทันที แน่นอนว่าเธอไม่กล้าเถียงกับอวี้เส้าถิง เธอจ้องไปที่เฉินฮั่วที่อยู่ตรงข้ามเธออย่างเย็นชา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้

เดิมทีคิดว่าจะใช้โอกาสนี้ขับไล่เฉินฮั่วออกไปได้

ทุกครั้งที่เธอเห็นใบหน้าอวดดีของยายผู้หญิงคนนี้ เธอก็อารมณ์เสียแล้ว!

อวี้เส้าถิงมองออกไปอย่างเฉยเมยแล้วเดินออกไป ฝูงชนเปิดทางให้เขาโดยอัตโนมัติ

เฉินฮั่วมองแผ่นหลังที่เดินจากไปด้วยอารมณ์ซับซ้อนในสายตา การตัดสินใจของอวี้เส้าถิงนั้นเกินความคาดหมายของเธอ เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะผ่อนปรนให้เธอ

แต่ก็ดีที่ไม่เสียงานนี้ไป

……

เรื่องตลกจบลงแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไป

เฉินฮั่วถอนสายตากลับ หมุนตัวแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน ทันทีที่เธอก้าวออกไป ก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างมากที่ข้อเท้า กลั้นใจและมองลงไปที่ข้อเท้าของตัวเอง

ข้อเท้าน่าจะแพลงแล้ว เฉินฮั่วอดทนต่อความเจ็บปวด และเดินกะโผลกกะเผลกกลับไปที่สำนักงาน

พี่โจวบอกว่าเฉียวอันน่าขอลากลับไปพัก และขอให้เฉินฮั่วลาด้วย แต่เฉินฮั่วปฏิเสธ

เธอเป็นเพียงพนักงานทดลองงาน และเธอต้องการทำงานหนักกว่าคนอื่น ๆ เพื่อคว้างานนี้ แม้ว่าวันนี้จะไม่ถูกไล่ออกแต่เธอก็ไม่อยากก่อปัญหาเพิ่ม

“บอกตามตรง ฉันนึกว่าประธานอวี้จะไล่เธอออกแล้ว ไม่คิดเลยว่าเขาจะให้เธออยู่ต่อ”

พี่โจววิเคราะห์กับเธอด้วยท่าทางไม่เชื่อ

อวี้เส้าถิงใช้แค่คนของตัวเอง ตำแหน่งเลขานุการต้องละเอียดอ่อนมาก เพราะสามารถเข้าถึงเอกสารลับของบริษัทได้ และมักจะได้ติดต่อกับประธานส่วนใหญ่ เลขานุการคือคนสนิทของประธานแทบทุกบริษัท

เพราะพวกเธอทะเลาะกัน อวี้เส้าถิงอาจไล่เลขาสองคนออกพร้อมกันได้อย่างถูกกฎหมาย และแทนที่พวกเธอด้วยเลขาของเขาเอง แต่เขาไม่ได้ทำอย่างนั้น

หลังจากได้ยินคำพูดนี้ เฉินฮั่วเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย พลางมองดูผนังกระจกสีดำที่อยู่ข้าง ๆ อย่างครุ่นคิด

ทำไมอวี้เส้าถิงถึงไม่ไล่เธอออกกัน?

กำแพงนี้อีกฝั่งคือห้องประธาน แต่มองจากแผนกเลขาไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้องประธาน

ภาพของอวี้เส้าถิงจับข้อมือเฉียวอันน่าไว้ให้เธอพลันแวบขึ้นมาในหัว ไม่รู้ว่าอวี้เส้าถิงมีเจตนาอะไรถึงไม่ไล่เธอออก แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอยังคงขอบคุณที่เขามาปรากฏตัวทันเวลา ไม่อย่างนั้นหัวของเธอคงถูกเฉียวอันน่าฟาดจนแตกไปแล้ว

……

ฝั่งห้องทำงานของประธาน

ในห้องเลขานุการข้าง ๆ เฉินฮั่วกำลังเช็ดมือที่สกปรกของเธอด้วยกระดาษทิชชู เธอหน้าตาดี ด้านข้างของใบหน้าอ่อนช้อย นิ้วมือเรียวบางขาวผ่อง แม้จะนั่งอยู่ด้วยสภาพผมยุ่งเหยิง เธอก็ยังดูงดงามและน่าสงสารในแบบที่ดึงดูดสายตา

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status