บทนำ
ภายในร้านเวดดิ้งสุดหรู มีคู่รักกำลังมาเลือกลองชุดแต่งงาน ชายหนุ่มนั้นดูหล่อเหลาในชุดทักซิโดสีขาวและหญิงสาวที่สวยพริ้มในชุดเจ้าสาวสีขาวแสนบริสุทธิ์ แววตาที่เจ้าบ่าวมองไปยังเจ้าสาวแสดงถึงความรักที่คนรอบข้างสามารถรับรู้ได้และดูเหมือนทุกคนจะอิจฉายิ่งนัก
“ทรายเหนื่อยไหม” เจ้าบ่าวแสนหล่อของเธอถาม
ทรายทิพย์ส่ายหน้าพร้อมกับนำผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กของตนมาซับหน้าให้คนรักทันทีเมื่อเห็นเหงื่อไหลออกมาเต็มหน้าของเขา
“ไม่ค่ะ คนที่เหนื่อยดูจะเป็นพี่วีร์มากกว่านะ ดูสิเหงื่อไหลออกมาเต็มไปหมด” เธอว่าพลางอมยิ้มเล่นเอาชนวีร์ถึงกับต้องหอมแก้มเจ้าสาวเป็นรางวัล ทรายทิพย์เขินแก้มแดงแล้วทุบไหล่เขาเบาๆ หนึ่งที
“ใส่พอดีใช่ไหมคะ” เจ้าของร้านที่มาดูแลด้วยตัวเองเข้ามาถาม ซึ่งเจ้าสาวก็ตอบกลับไปว่าได้ จึงต้องพูดคุยเรื่องราคากันต่อไป
ทั้งสองเปลี่ยนชุดแล้วลงไปชั้นล่างของร้านที่เป็นร้านเวดดิ้งที่หรูที่สุด ชนวีร์เดินจับมือเจ้าสาวของเขาตลอดไม่ปล่อย
ทรายทิพย์เป็นเด็กกำพร้าที่แม่เขาซึ่งล่วงลับไปแล้ว นำมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก ตอนแรกเขาก็เอ็นดูหญิงสาวเหมือนน้องจนเคยชิน แต่เมื่อตอนเรียนปริญญาโทที่อเมริกาเขาคิดถึงน้องน้อยของเขายิ่งนัก จนอยากจะบินกลับมาทุกวันและไม่นานเขาก็ค้นพบว่าภายในใจของเขามีหญิงสาวเต็มไปหมด เมื่อกลับมาเขาก็สารภาพรักและรู้ว่าเธอก็ใจตรงกับเขา ชนวีร์ไม่รอช้าที่จะขอทรายทิพย์เป็นแฟนและเมื่อเขาเรียนจบปริญญาเอกกลับมาบริหารงานเขาก็ได้ขอเธอแต่งงานทันที
สองสัปดาห์ผ่านไป
หลังจากไปลองชุดมา ทรายทิพย์มีอาการป่วย เธอเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยจนชนวีร์กลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป จึงมาดูแลอย่างใกล้ชิดและมีเพื่อนของทรายทิพย์มาช่วยดูแลด้วยนั่นก็คือจอมขวัญ ซึ่งเรียนมาด้วยกันตั้งแต่มหาวิทยาลัย
“พี่วีร์ไปทำงานเถอะค่ะ ทรายอยู่กับขวัญได้”
ชนวีร์จับมือแฟนสาว ก่อนจะจูบที่หน้าผากอย่างอ่อนโยน แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักทำเอาจอมขวัญต้องกล้ำกลืนความเจ็บปวดไว้ข้างใน แม้อยากจะเบือนหน้าหนีมากแค่ไหนก็ต้องฝืนยิ้มให้เพื่อนและบอกตัวเองในใจว่า
..ไม่เป็นไร เขารักกัน
“เดี๋ยวพี่กลับมาหานะ ทรายรอกินข้าวเย็นกับพี่ด้วย”
ร่างบางพยักหน้ารับเท่านั้น ชนวีร์จึงลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปโดยที่ไม่แม้แต่จะเหลียวมามองจอมขวัญสักนิด
..เธอน่าจะชินได้แล้วแต่ในใจก็ยังคงจะเจ็บปวดอยู่ดี เจ็บปวดที่นอกจากเขาจะไม่รักเธอ เขายังเกลียดเธอมากอีกด้วย
“ขวัญ ทรายขอบคุณมากนะ”
เพื่อนสนิทที่สุดของทรายทิพย์ก็เห็นจะมีเพียงจอมขวัญไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนไม่ดี แต่เพราะเธอรวยมากจนหาเพื่อนที่จริงใจอย่างจอมขวัญไม่ได้ต่างหาก
“ขอบคุณอะไรแค่นี้เองนะ ขวัญทำให้ทรายได้อยู่แล้วเพราะทรายเป็นเพื่อนที่ขวัญรักมากไง” ยิ้มตาปิดจนทรายทิพย์อดยิ้มตามเพื่อนไม่ได้
หญิงสาวเอามือจับมือจอมขวัญก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ขวัญ ทรายรู้นะว่าขวัญคิดยังไงกับพี่วีร์” น้ำเสียงที่พูดออกมาไม่ได้มีความโกรธอยู่เลยสักนิด ทำเอาจอมขวัญถึงกับตกใจที่เพื่อนรู้เรื่องและดูเหมือนว่าเพื่อนรักจะยอมรับในเรื่องนี้ได้พอสมควรเพราะทรายทิพย์ไม่โกรธหรือโวยวายอะไรออกมาเลย
“ขวัญขอโทษนะ”
“ขอโทษทำไม ทรายไม่ได้โกรธและทรายรู้ว่าตอนนี้ทรายคงไม่ได้ใช้ชีวิตคู่กับพี่วีร์แล้ว” คนพูดเสียงเศร้าอย่างเห็นได้ชัดและความจริงที่ออกมาจากปากของเพื่อนรักทำให้จอมขวัญยิ่งตกใจ
..หมายความว่าอย่างไรกันที่ทรายทิพย์พูด
“ไม่นะ ทรายต้องอยู่กับพี่วีร์ เป็นคู่รักที่รักกันมากที่สุด ทรายต้องไม่เป็นอะไรเชื่อขวัญนะ” แม้เธอจะพูดอย่างนั้นแต่ทรายทิพย์ก็ยังคงส่ายหน้าราวกับว่าเรื่องที่เธอพูดมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ทรายขี้โรคมาตั้งแต่เด็กแล้ว และทรายคิดว่าตอนนี้ทรายคงอยู่ได้ไม่นาน ขวัญจ๋า” น้ำตาไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้ เธอเสียใจที่ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่รักได้ไม่นาน
“ขวัญต้องดูแลพี่วีร์แทนทรายนะ รับปากนะ” คำขอร้องของเพื่อนยิ่งสร้างความตกใจให้จอมขวัญเข้าไปอีก
“ทราย ทำไม”
“ไม่มีใครรักพี่วีร์เท่าขวัญหรอก บางครั้งทรายคิดว่าขวัญอาจจะรักพี่วีร์มากกว่าทรายด้วยซ้ำ ขอร้องนะ ดูแลพี่วีร์แทนทรายด้วย”
“ไม่ ทรายต้องไม่เป็นอะไรนะ เชื่อขวัญสิ”
ทรายทิพย์ไม่ตอบแต่น้ำตายังไหลไม่หยุด เธอรู้ตัวเองดีและตอนนี้เธอก็อยากให้เพื่อนรักรับปากว่าจะดูแลคนที่เธอรักให้ด้วยเช่นกัน
“รับปากเถอะนะ ทรายง่วงแล้ว”
“ทราย”
“พูดสิขวัญ รับปากทราย”
ด้วยความที่เพื่อนรักคาดคั้นและเธอไม่อยากทำร้ายน้ำใจทรายทิพย์จึงต้องพยักหน้าตกลง ทรายทิพย์ยิ้มออกมาทันที
“ขอบคุณนะ”
ดูแล้วเพื่อนเธอจะผ่อนคลายมากขึ้น เสียงโทรศัพท์ของจอมขวัญดังขึ้นและเธอก็ได้รับข่าวที่น่าตกใจเพราะน้องชายที่เป็นญาติห่างๆ ของเธอถูกตำรวจจับ หญิงสาวขอไปหาน้องชาย ทรายทิพย์ก็พยักหน้าแล้วหลับไปทันที
ตกเย็น
เพราะมีประชุมทำให้เลิกงานช้า ชนวีร์รีบเดินลงจากรถอย่างรวดเร็วแล้วยื่นเสื้อสูทให้แม่บ้านที่มารอต้อนรับก่อนจะใส่ สลิปเปอร์เข้าไปภายในบ้าน
“ทราย!” เสียงจอมขวัญดังขึ้นทำให้เขามองไปที่บันไดก็ต้องตกใจ เมื่อร่างของทรายทิพย์กลิ้งตกลงมาและมากองอยู่เบื้องหน้าของเขา ชายหนุ่มชะงักก่อนจะตั้งสติได้แล้วรีบวิ่งไปหาคนรักทันที
“ทราย! พี่มาแล้ว ทรายอย่าเป็นอะไรนะ พี่จะพาทรายไปโรงพยาบาลเอง” เขาช้อนตัวแฟนสาวขึ้นแต่ทรายทิพย์กลับรั้งเขาไว้
จอมขวัญที่ตามมาก็ดูจะตกใจมากเมื่อเห็นเพื่อนรักนอนหายใจแผ่วอยู่ในอ้อมกอดของชายที่รัก
“ไม่ ทราย โดน วาง ยา” เธอพยายามใช้แรงเฮือกสุดท้ายบอกกับคนรักแล้วมองไปที่เพื่อนรักของเธอ
ชนวีร์ได้ยินทุกคำก่อนจะมองไปที่จอมขวัญด้วยเช่นกัน
“รัก” คำสุดท้ายที่บอกกับชนวีร์ก่อนที่หญิงสาวตรงหน้าจะหมดสติไป
“ทราย! ทรายตื่นสิ มาคุยกับพี่ก่อน นายหอม! ! ! ออกรถ พาคุณทรายไปโรงพยาบาล” เขาอุ้มแฟนตัวเองไปโรงพยาบาลทันที แม้ว่าลมหายใจของทรายทิพย์จะแผ่วลงมากแล้วก็ตาม
จอมขวัญขับรถตามไปไม่ห่าง
เมื่อถึงโรงพยาบาลเขาติดต่อหมอและต้องการให้ดูแลแฟนเขาด่วนที่สุด ทีมแพทย์ต่างเข้าทำการรักษาโดยมีชนวีร์ยืนรอด้านนอก พอดีกับที่จอมขวัญวิ่งตามมา ชายหนุ่มหันมองผู้มาใหม่ด้วยดวงตาวาวโรจน์ก่อนจะเดินไปผลักหญิงสาวติดกำแพงทำเอาคนรอบข้างถึงกับสะดุ้ง
“เธอทำอะไรทราย!” เสียงตะคอกที่ดังทำให้พยาบาลต้องเข้ามาแยกเขาออกจากหญิงสาวแต่ด้วยแรงของผู้ชายที่มหาศาลเขาสะบัดหลุดออกมาก่อนจะตรงเข้าหาจอมขวัญ
“เธอเป็นคนฆ่าทราย เธอผลักแฟนฉันตกลงมา!” ดวงตาแดงก่ำเขากำลังกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
จอมขวัญร้องไห้ ใจสั่นทั้งกลัวผู้ชายตรงหน้าและกลัวว่าเพื่อนรักจะเป็นอะไรไป
“ขวัญเปล่า” พูดได้แค่นั้นเขาก็ตรงเข้ามาบีบคอเธอทันทีสร้างความตกใจให้พยาบาลและญาติคนไข้ที่อยู่บริเวณนั้น ทั้งหมดพยายามเข้ามาแยกชายหนุ่มออกเพราะกลัวว่าผู้หญิงจะได้รับอันตรายจากอารมณ์ในตอนนี้ของเขา
“โกหก! ฉันจะจับเธอเข้าคุกถ้าทรายเป็นอะไรไป ปล่อย!” พูดจบเขาก็สะบัดตัวหลุดแล้วเดินออกห่างจากเธอ
จอมขวัญทรุดตัวลงร้องไห้โดยมีพยาบาลเดินเข้ามาถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เธอเพียงส่ายศีรษะก่อนจะรีบลุกขึ้นเมื่อคุณหมอเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน
“แฟนผมเป็นอย่างไรบ้างครับ” ดูจากสีหน้าของหมอแล้วจอมขวัญก็ได้แต่ภาวนาขอให้ปาฏิหาริย์มีจริง
“หมอช่วยสุดความสามารถแล้ว ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ เธอเสียชีวิตแล้ว” สิ้นคำพูดของหมอจอมขวัญก็แทบหมดแรง
“หมอพูดเล่นรึเปล่า วันนี้เธอยังคุยกับผมอยู่เลย เธอยังบอกว่าจะรอกินข้าวพร้อมผม” เขาตะคอกเสียงดัง คุณหมอไม่มีทีท่าโกรธเพราะเข้าใจในความเสียใจที่ไม่ทันตั้งรับของหนุ่มผู้นี้ดี
“เธอมีโรคเยอะ เราพยายามเต็มที่แล้วครับ” พูดจบหมอก็เดินออกไปพร้อมกับที่ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก ร่างไร้วิญญาณที่มีผ้าปิดหน้าไว้ถูกเข็นออกมา
ชนวีร์รีบวิ่งไปหาทันทีก่อนจะเปิดผ้าคลุมออกจากใบหน้าหวานที่เขาคุ้นเคย แต่ตอนนี้ใบหน้าที่เคยมีเลือดฝาดกลับซีดเซียว
“ทราย ตื่นขึ้นมาคุยกับพี่สิครับ เรายังไม่ได้กินข้าวเย็นด้วยกันเลยนะ” มือหนาไล้ไปตามใบหน้าที่ซีดเซียว
จอมขวัญที่มองอยู่ก็ปิดปากร้องไห้ เพื่อนรักของเธอได้จากโลกนี้ไปแล้วถ้าเพียงแค่เธออยู่กับเพื่อนเรื่องมันคงไม่เกิดขึ้น
“ฮึก ทราย พี่รักทรายนะ ตื่นมาเร็วคนดี อย่าทิ้งพี่ไป” น้ำตาลูกผู้ชายไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย
..แม่ทิ้งเขาไปแล้วผู้หญิงที่เขารักมากสุดอย่างทรายทิพย์ ยังทิ้งเขาไปอีกคน
“เพราะเธอ! เธอเป็นคนฆ่าทราย เธอมันฆาตกร ฉันจะจับเธอเข้าคุก!” ชายหนุ่มหันมาตวาดจอมขวัญที่ยืนหน้าซีดอยู่ก่อนจะเดินตามบุรุษพยาบาลไปโดยไม่ลืมทิ้งสายตาที่อาฆาตไว้
..แค้นนี้เขาต้องชำระผู้หญิงสองหน้าคนนั้นจะต้องตกนรกทั้งเป็น เธอจะต้องไม่พบกับชีวิตที่มีความสุข เขาจะแก้แค้นให้คนรักของเขาเอง
ทรายพี่จะทำให้คนที่ฆ่าทรายรับโทษอย่างสาสม..
๑จุดเริ่มต้นภายในลิฟต์ที่มีผู้ใช้บริการเพียงคนเดียวกำลังยืนพิงผนังแล้วเอามือสอดในกระเป๋ากางเกงสแล็กยี่ห้อหรู ภายในสมองคิดคำนวณถึงผลกำไรที่บริษัทจะได้จากการเทกโอเวอร์วันนี้เป็นวันแรกที่ ชนวีร์ กิจขจรไพศาล ได้เข้ามาที่บริษัทอภิวัฒน์เจริญโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นบริษัทส่งออกข้าวและกาแฟรายใหญ่ของประเทศที่กำลังจะล้มละลาย แต่ดีที่ชนวีร์ได้เข้ามาซื้อกิจการเสียก่อนเมื่อถึงชั้นผู้บริหาร เขาก็ได้เข้าไปทำการคุยเกี่ยวกับธุรกิจเพื่อพัฒนาในด้านต่างๆ ให้ดีมากยิ่งขึ้น ธุรกิจในเครือกิจขจรไพศาลหรือภายใต้ชื่อ KK group มีทั้งการส่งออกรถยนต์ของประเทศและการส่งออกจิวเอลรีที่ดีที่สุด จนล่าสุดตอนนี้มีเพิ่มข้าวและกาแฟ ทำให้ชนวีร์เป็นที่กล่าวถึงมากในเรื่องการทำงานที่เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว และมีเครือข่ายอยู่ที่ต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งตอนนี้บิดาของเขาและแม่เลี้ยงกำลังดูแลอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อการตกลงเป็นไปด้วยดีชายหนุ่มจึงเริ่มทำงานที่บริษัทโดยเริ่มจากการเปลี่ยนชื่อเป็นเคเคโภคภัณฑ์ทันที ในวันพรุ่งนี้ชนวีร์จะเข้ามาบริหารงานอย่างจริงจังหลังจากที่ได้ยกบริษัทจิวเอลรีให้น้องสาวที่เป็นลูกติดของแม่เลี้ยงดูแลคือ บ
๒แสนดีแม้จะเป็นเวลาเช้าแต่จอมขวัญก็มาถึงบริษัทแล้ว หญิงสาวเป็นคนตรงต่อเวลาพอสมควรตัวตึกที่สูงยี่สิบสามชั้นทำให้ไม่ดูโดดเด่นมากนักเพราะตึกโดยรอบก็มีความสูงประมาณนี้ ตึกทำด้วยกระจกใสเกือบทั้งหมดและทุกชั้นของตึกนี้เป็นของบริษัทเคเคโภคภัณฑ์ เพราะชนวีร์ได้ทำการซื้อจากผู้บริหารรายอื่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว“สวัสดีค่ะป้าแม้น”เพราะมาเช้าเกือบทุกวันตั้งแต่เข้าบริษัท สัปดาห์นี้ก็เป็นสัปดาห์ที่สองแล้วที่เธออยู่มาทำให้ได้รู้จักกับแม่บ้านและยามหน้าตึก เธอมักจะซื้อโจ๊กหรือไม่ก็ผลไม้มาฝากเสมอจนทุกคนต่างหลงรักเธอจอมขวัญเป็นที่เอ็นดูของผู้ใหญ่ด้วยเพราะเธอคุ้นเคยกับผู้ใหญ่และยายก็สอนเสมอให้เป็นเด็กที่อ่อนน้อมตลอดเวลา“สวัสดีค่ะ หนูขวัญมาเช้าจริง”“พอดีขวัญกลัวรถติดน่ะค่ะ ป้าแม้นคะ ขวัญซื้อผลไม้มาฝากค่ะ พอดีตอนเช้าไปจ่ายตลาด ป้าแม้นชอบฝรั่งกับส้มใช่ไหมคะ” หญิงสาวยื่นถุงให้ทำเอาคนแก่ปลื้ม“ใช่ค่ะ แต่ไม่ต้องซื้อให้ป้าก็ได้ เกรงใจเปล่าๆ”“ไม่ต้องเกรงใจเลยค่ะ ไม่ได้ลำบากอะไร ขวัญไปก่อนนะคะ”ออกจากห้องชงกาแฟจอมขวัญก็เดินไปยังแผนกของตัวเอง เธอนั่งทำงานที่คั่งค้างซึ่งก็มีไม่มากเพราะหญิงสาวไม่ชอบทำอะไรให้ค้า
๓คำหวานและอดีตแม้จะล่วงเลยเวลาทำงานมามากพอสมควรแล้วแต่ร่างบางก็ยังวุ่นอยู่กับเอกสารตรงหน้าที่เคลียร์ไม่เสร็จเสียทีหลังจากกลับมาจากส่งเอกสาร ปนิธิก็เรียกประชุมงานเพราะเกิดข้อผิดพลาดบางอย่างขึ้น ข้อมูลบัญชีดูจะไม่สมบูรณ์เมื่อดูจากตาราง เธอจึงต้องนั่งแก้ไขใหม่และเมื่องานยังไม่เสร็จเธอถึงยังไม่ได้กลับบ้านแม้ว่าคนอื่นจะทยอยกันกลับหมดแล้วจนเหลือเพียงเธอและปนิธิเท่านั้น“ขวัญกลับเถอะพรุ่งนี้ค่อยมาทำใหม่”ดวงตากลมโตจ้องไปที่หน้าคอมพิวเตอร์มั่น“ขวัญขอทำให้เสร็จก่อนนะคะ พี่ปันกลับก่อนได้เลย”“ไม่ละ พี่รอกลับพร้อมขวัญดีกว่า” และเขาก็ปฏิเสธ ชายหนุ่มนั่งรอร่างบางไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้างเลยสักนิดปนิธิเดินไปเดินมาดูบรรยากาศข้างนอกก็พบว่าท้องฟ้ามืดครึ้มเหมือนฝนกำลังจะตก เพราะช่วงนี้เป็นฤดูฝนเขาจึงพกร่มมาตลอด“เหมือนฝนจะตกเลย” ชายหนุ่มเดินมานั่งที่โต๊ะของดาหวันแล้วเอ่ยขึ้นจอมขวัญไม่ได้พูดอะไรเธอตั้งใจทำงานต่อไป จนมีเสียงโทรศัพท์ของปนิธิดังขึ้น“ครับแม่ อ้อ จริงเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะรีบกลับไป” เสียงตื่นตระหนกเรียกความสนใจของหญิงสาวคนขยันได้ทันที“เกิดอะไรขึ้นหรือคะพี่ปัน”“พอดีว่าป้าข้างบ้านพ
๔รุกเช้าต่อมาบรรยากาศโดยรอบมีเมฆหนาพอสมควร ท้องฟ้าไม่มีแสงแดดเลยแม้แต่น้อยเพราะเมฆมาบดบัง ร่างบางเดินออกมาจากหอพักด้วยความเร่งรีบตอนนี้เธอสายมากแล้วกว่าที่จะขึ้นรถเมล์แล้วไปถึงบริษัทคงได้ลงชื่อสายแน่นอนใบหน้าหวานมีเหงื่อผุดขึ้นบริเวณไรผม เธอเช็ดอย่างเร่งรีบแล้วเดินออกมาโดยเร็วก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงแตรรถ“ขึ้นมาสิ” แล้วก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อพบว่ารถที่มาจอดเทียบริมฟุตปาธแล้วกดแตรใส่เธอนั้นคือเจ้านายของเธอนั้นเอง“คุณวีร์” ดูเหมือนการที่ชนวีร์จอดรถโดยไม่ได้เลี้ยวหลบทำให้เกิดปัญหาขึ้นเพราะตอนนี้ข้างหลังรถเริ่มติด เสียงแตรบีบดังเพราะความรีบของรถด้านหลัง“ขึ้นมาเร็ว รถข้างหลังเขาบีบแตรไล่ฉันอยู่นะ”ไม่ทันจะได้ขึ้นเพราะเขาจ้องเธอด้วยสายตาบังคับ จอมขวัญขึ้นรถมานั่ง ชนวีร์ก็ขับออกไป“คุณวีร์มาทำอะไรแถวนี้คะ” ขึ้นรถมาได้เธอก็ถามเขาชนวีร์หันมามองคนข้างกายแล้วมองไปตรงทางข้างหน้า“ก็แค่ผ่านมา เห็นพนักงานเดินข้างทางดูคุ้นๆ สงสารเลยรับมา ทำไมเหรอ” หญิงสาวส่ายหน้า แม้จะแอบคาดหวังสักนิดว่าเขามารับเธอแต่ก็คงเป็นได้แค่ความหวังเพราะความจริงไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เธอคิดแม้แต่น้อยเลยด้วยซ้ำบนรถต
๕แผนการ“คุณวีร์!” ใบหน้าคมเข้มที่คุ้นเคยตอนนี้มีเลือดไหลลงมาเป็นทางจอมขวัญมองเขาอย่างเป็นห่วง พยายามประคองให้ร่างสูงไปนอนข้างเตียงของเธอ ร่างบางวิ่งวุ่นหาผ้าขนหนูขนาดเล็กและกะละมังใส่น้ำเพื่อมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้เขา จอมขวัญเช็ดหน้าที่มีเลือดเปื้อนให้ชนวีร์ก่อนจะเห็นว่าแผลไม่ใหญ่ถึงขั้นต้องเย็บแต่ที่เลือดไหลเยอะอาจเพราะโดนฝนด้วยก็เป็นได้“หนะ หนาว” เสียงเข้มเอ่ยแผ่วเบาเต็มที“ทนหน่อยนะคะ”ฝนยังคงตกไม่หยุด ร่างบางเข้าไปเปลี่ยนน้ำแล้วมาถอดเสื้อให้ชายหนุ่มทันที แม้ใจจะเต้นแรงแต่ถ้าให้เขานอนเปียกแบบนี้ก็กลัวว่าจะเป็นปอดบวมไปเสียก่อน เมื่อเสร็จที่ท่อนบนท่อนล่างยิ่งสร้างความกังวลใจให้เธอเข้าไปอีก“ขอโทษนะคะ ขวัญทำด้วยใจบริสุทธิ์นะ” ก่อนจะถอดกางเกงให้เขาจอมขวัญก็บอกก่อน กลั้นใจรูดซิปแล้วพยายามดึงลงมาแต่มันค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร“คุณวีร์ช่วยยกสะโพกขึ้นหน่อยได้ไหมคะ” ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินหรือเปล่าที่เธอพูดแต่ก็บอกไปแล้ว ดูเหมือนว่าชนวีร์จะรู้ว่าเธอพูดอะไรเพราะเขายกสะโพกขึ้นทำให้ผ่านช่วงทุลักทุเลไปได้ ตอนนี้ทั้งร่างหนาจึงมีเพียงแค่กางเกง บ๊อกเซอร์เท่านั้นจอมขวัญพยายามไม่มองแล้วหากางเกงขนา
๖เมารักร่างบางส่องกระจกเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองหลังได้รับโทรศัพท์จากบุษบามินตราช่วงเช้าที่ผ่านมาว่าจะมารับเธอไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าที่ตนเองดูแลร้านเพชรอยู่ มีเรื่องราวมากมายที่ต้องการจะคุยด้วย จอมขวัญก็ตอบรับปากไป ทั้งสองสาวจึงนัดกันเวลาสิบโมงครึ่งที่ห้างดังระหว่างที่เดินออกมาจากห้องเพื่อไปขึ้นรถเมล์ที่ตอนนี้คนก็เยอะพอสมควร สองเท้าเดินไปอย่างไม่เร่งรีบเพราะเธอกะเวลาแล้วว่าอย่างไรก็ไปถึงที่นัดหมายก่อนเวลาอย่างแน่นอน“สวัสดีค่ะแม่”“เป็นอย่างไรบ้างขวัญ ไม่ค่อยโทรหาแม่เลยนะ”ร่างบางอมยิ้มก่อนจะออดอ้อนแม่บอกถึงสาเหตุที่ไม่ค่อยได้โทรไปหา“ขอโทษนะคะแม่ ขวัญยุ่งมากงานเต็มโต๊ะเลยจริงๆ น้า” เสียงหวานตอบกลับไปจนมารดาที่กำลังนั่งเย็บผ้าอยู่คิดว่าถ้าลูกสาวอยู่ด้วยตอนนี้ต้องกอดเธอเป็นแน่แท้“จ้า งานเยอะก็อย่าหักโหมนะลูก พักบ้างนะ เดี๋ยวถ้าพ่อกับแม่ว่างจะลงไปหานะ ตาก็บ่นถึงเราตลอดเวลาเลย จนยายต้องปรามบ้าง”หล่อนหัวเราะออกมาด้วยความขำ ตามักจะเป็นแบบนี้เสมอตั้งแต่สมัยที่เธอมาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพแล้ว ตาของเธอมักจะหวงหลานเสมอเพราะหลานสาวออกจะสวยปานนั้น“ฝากบอกตาด้
๗คำหวานแสงแดดที่ส่องเข้ามาภายในบ้านทำให้ร่างสูงที่นอนหลับตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงียก่อนจะรับรู้ได้ว่าข้างกายตนตอนนี้ว่างเปล่าและเย็นชืด..เธอหายไปไหนชนวีร์มองรอบกายก็ไม่พบร่างที่ตนกกกอดเมื่อคืน คิดแล้วเขาก็แสยะยิ้มอย่างสมใจถึงแม้ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนจะไม่ได้อยู่ในแผนการของเขาแต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะทำให้แผนของเขาสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นร่างสูงลุกขึ้นจากที่นอน ค้นเสื้อผ้าที่จะใส่แล้วเข้าไปอาบน้ำข้างนอกที่ตอนนี้บรรยากาศเย็นกำลังดี เขาใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็เสร็จ แต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ออกมาข้างนอก ชนวีร์เข้าไปตากผ้าขนหนูและเก็บที่นอนส่วนของตนเองตรวจดูความเรียบร้อยแล้วค่อยออกมาจากบ้าน ไปยังบ้านของนายฮุง เมื่อมาถึงเขาก็พบนายฮุงกำลังนั่งรับประทานอาหารกับผู้หญิงที่อายุค่อนข้างมาก“สวัสดีคุณชนวีร์ กินข้าวด้วยกันไหม” เรียกตามคนอัธยาศัยดีร่างสูงจึงเดินมานั่งร่วมวงด้วย“ก็ดีเหมือนกันครับ แล้วคุณเห็นแฟนผมไหม” มองไปโดยรอบก็ยังไม่พบร่างบางที่คุ้นตาจึงเอ่ยถามขึ้นมานายฮุงอมยิ้มกับแม่ของตนแล้วหันมามองผู้ชายที่นั่งทำหน้างง“เมียคุณไปเดินเล่นในหมู่บ้านกับเมียผมตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกเมื่อคืนคงเพลียสิท่
๘แค่ละครหรือความรู้สึกจริงสองสัปดาห์แล้วที่ชนวีร์ไม่เข้าบริษัทเคเคโภคภัณฑ์เพราะว่าเกิดปัญหาที่บริษัทส่งออกรถยนต์ขึ้น ทำให้เขาต้องไปที่ต่างประเทศเพื่อเคลียร์ปัญหา แต่ว่าที่เขาหายไปก็ไม่ได้ตัดขาดการติดต่อกับเธอ ชายหนุ่มมักจะโทรมาหาเธอทุกวันคุยกันเป็นชั่วโมงแม้บางครั้งอาจจะเงียบไปแต่เธอก็ไม่ได้อึดอัดแต่อย่างใด“ขวัญ พี่ขอดูเอกสารรายรับของสัปดาห์ที่แล้วหน่อย” ดาหวันไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารที่กำลังตรวจจอมขวัญหาเอกสารก่อนจะยื่นให้ทันทีแล้วกลับมาคำนวณรายได้ของสัปดาห์นี้ต่อ งานของเธอต้องใช้ตัวเลขทั้งวัน กลับหอไปบางครั้งต้องกินยาแก้ปวดหัวไว้ทุกทีบริษัทวันนี้วุ่นวายพอสมควร เพราะชนวีร์สั่งการมาว่าหลังจากที่เขากลับ มาจากต่างประเทศจะมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่มาดูบริษัทจึงต้องทำรายงานเตรียมไว้ช่วงบ่ายจอมขวัญก็ทำงานจนแทบไม่มีเวลาได้หายใจหายคอเลย เมื่อเลิกงานเธอก็เดินออกจากบริษัทเพื่อที่จะขึ้นรถเมล์กลับหอแต่ระหว่างทางก็เจอกับปนิธิเมื่อจะทักเขาอีกฝ่ายก็เดินผ่านเธอไปราวกับมองไม่เห็น ทำเอาจอมขวัญชะงักหน้าเสียสองสัปดาห์มานี้ปนิธิไม่พูดคุยกับเธอเลยก็ว่าได้หรือถ้าคุยก็เป็นเรื่องงานเท่านั้น แม้ว่าจอมขวัญ