๖
เมารัก
ร่างบางส่องกระจกเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองหลังได้รับโทรศัพท์จากบุษบามินตราช่วงเช้าที่ผ่านมาว่าจะมารับเธอไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าที่ตนเองดูแลร้านเพชรอยู่ มีเรื่องราวมากมายที่ต้องการจะคุยด้วย จอมขวัญก็ตอบรับปากไป ทั้งสองสาวจึงนัดกันเวลาสิบโมงครึ่งที่ห้างดัง
ระหว่างที่เดินออกมาจากห้องเพื่อไปขึ้นรถเมล์ที่ตอนนี้คนก็เยอะพอสมควร สองเท้าเดินไปอย่างไม่เร่งรีบเพราะเธอกะเวลาแล้วว่าอย่างไรก็ไปถึงที่นัดหมายก่อนเวลาอย่างแน่นอน
“สวัสดีค่ะแม่”
“เป็นอย่างไรบ้างขวัญ ไม่ค่อยโทรหาแม่เลยนะ”
ร่างบางอมยิ้มก่อนจะออดอ้อนแม่บอกถึงสาเหตุที่ไม่ค่อยได้โทรไปหา
“ขอโทษนะคะแม่ ขวัญยุ่งมากงานเต็มโต๊ะเลยจริงๆ น้า” เสียงหวานตอบกลับไปจนมารดาที่กำลังนั่งเย็บผ้าอยู่คิดว่าถ้าลูกสาวอยู่ด้วยตอนนี้ต้องกอดเธอเป็นแน่แท้
“จ้า งานเยอะก็อย่าหักโหมนะลูก พักบ้างนะ เดี๋ยวถ้าพ่อกับแม่ว่างจะลงไปหานะ ตาก็บ่นถึงเราตลอดเวลาเลย จนยายต้องปรามบ้าง”
หล่อนหัวเราะออกมาด้วยความขำ ตามักจะเป็นแบบนี้เสมอตั้งแต่สมัยที่เธอมาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพแล้ว ตาของเธอมักจะหวงหลานเสมอเพราะหลานสาวออกจะสวยปานนั้น
“ฝากบอกตาด้วยนะคะว่าขวัญคิดถึงมาก แม่คะรถมาแล้ว ขวัญต้องไปแล้ว รักแม่นะคะ” เมื่อได้ยินเสียงมารดาตอบรับก่อนจะกดตัดสายไป รถก็มาจอดเทียบพอดี คนลงมามากพอสมควรทำให้บนรถมีที่นั่งว่าง
จอมขวัญเดินไปนั่งที่นั่งเดียวทันทีก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง แม้จะมาเรียนที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปีสี่ เธอก็ไม่ชอบบรรยากาศของที่นี่เอาเสียเลย มีทั้งฝุ่นทั้งควัน มองไปทางไหนก็มีแต่ตึกไม่เหมือนที่บ้านของเธอที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า ที่นาก็มีหนองน้ำใสสะอาดให้เล่น มีผลไม้ปลูกเองเก็บกินได้ทุกเมื่อ เธอชอบการใช้ชีวิตที่สุขสบายแบบนั้นมากกว่าแต่ก็ต้องเลือกมาทำงานที่กรุงเทพฯ เพราะเงินเดือนที่ได้นั้นก็ไม่ใช่น้อย
นั่งคิดไปเรื่อยเปื่อยรถก็มาถึงที่หมายแต่เธอก็ต้องต่อรถไปอีกจนถึงจุดหมายก่อนเวลานัดสิบห้านาที
จอมขวัญเดินดูของไปเรื่อยเพื่อรอให้ถึงเวลานัด จนเมื่อมองนาฬิกาอีกครั้งเข็มยาวก็ชี้ที่เลขห้า เธอจึงใช้เวลาเดินไปหาบุษบามินตราภายในเวลาห้านาทีก็ถึงยังที่นัดพบ พอดีกับที่รุ่นน้องคนสนิทเดินส่งยิ้มมาให้แต่ไกล
“มาตรงเวลาเป๊ะเลยค่ะพี่ขวัญ” รุ่นน้องเอ่ยชมก่อนเชิญให้จอมขวัญเข้าไปภายในร้านอาหารที่นัดกัน เป็นร้านอิตาเลี่ยนชื่อดัง
บุษบามินตรายื่นเมนูให้จอมขวัญเลือกก่อนจะจัดการเลือกของตนเองหลังจากเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสองก็พูดคุยกัน
“พี่ขวัญทำงานเป็นอย่างไรบ้างคะ”
“ก็ดีค่ะ ถึงแม้งานจะเยอะแต่ก็สนุกดีทำงานตรงกับสายที่เรียนมา” หล่อนบอกตามที่คิดไว้เพราะมีหลายคนชอบพูดว่าเรียนจบออกมาแล้วทำงานไม่ตรงกับสายที่ตนเองเรียนก็เยอะ
“แล้วเรื่องอื่นละคะ”
“คะ” คำถามแบบอ้อมๆ ของบุษบามินตราทำให้จอมขวัญงงจนต้องเลิกคิ้วแล้วถามออกมาอีกครั้ง “น้องมินหมายถึงอะไรหรือคะ”
“เอ่อ งั้นมินไม่อ้อมค้อมแล้วนะคะ เรื่องของพี่ขวัญกับพี่วีร์พี่ชายสุดหล่อของมินนี่เป็นอย่างไรคะ ตกลงพี่สองคนคบกันจริงๆ ใช่ไหม”
แววตาซุกซนที่จอมขวัญมองเห็นนั้นทำให้เธอหน้าแดงเมื่อคนตรงหน้าล้อเลียน
“เปล่าค่ะ พี่ไม่ได้คบกับคุณวีร์ เรื่องที่น้องมินได้ยินมาไม่จริงหรอกค่ะ” ปฏิเสธไปอย่างเขินอาย
แต่บุษบามินตราก็ดูออกว่าพี่สาวตรงหน้าคิดกับพี่ชายเธอมากกว่าเจ้านายทั่วไปแน่ แค่มองตาเธอก็รู้แล้ว
“แต่มินว่า”
“อาหารมาพอดีเลยค่ะน้องมิน” โชคเข้าข้างเธอพอดีที่อาหารมาเสิร์ฟ
ทั้งสองจึงเริ่มรับประทานอาหารกันโดยไม่ได้พูดกันสักเท่าไหร่ เมื่อกินอิ่มแล้วบุษบามินตราก็ไม่พลาดที่จะสนทนาที่ค้างไว้ทันทีราวกับงูจ้องเหยื่อเพื่อรอโอกาส
“พี่ขวัญชอบพี่ชายมินใช่ไหมคะ”
คำถามแบบไม่อ้อมค้อมแทบจะทำให้จอมขวัญสำลักน้ำดีที่ตั้งสติทัน จึงรีบส่ายหน้าทันที
“เปล่านะคะ พี่คิดว่าน้องมินคงเข้าใจผิด” แน่นอนว่าเธอโกหกและดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้เพราะดวงตากลมโตจ้องตาเธออย่างค้นหา จอมขวัญจึงเสหลบตามองไปทางอื่น
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นมินคงเข้าใจผิดเอง พี่ขวัญคะ กินเสร็จแล้วช่วยมินไปเลือกซื้อของให้ลูกสาวเพื่อนมินได้ไหมคะ” คำถามแกมขอร้องนั้นทำให้จอมขวัญปฏิเสธไม่ลงเธอตอบรับ
ทั้งสองสาวจึงเดินออกไปด้วยกันทำเอาผู้ชายมองตามแทบเหลียวหลังเพราะบุษบามินตราก็สวยเปรี้ยว ดวงตาเหมือนกับยิ้มตลอดเวลานั้นทำเอาชายหนุ่มหลายคนเพ้อไปเป็นวันทีเดียว หุ่นสูงราวกับนางแบบไม่ดูผอมเกินไปทุกอย่างสมส่วนอย่างลงตัว ส่วนจอมขวัญนั้นก็สวยหวาน ทรวดทรงองค์เอวราวกับสวรรค์ปั้นมา ใบหน้าก็หวานซึ้งตรึงใจทำเอาผู้ชายหลายคนถึงกับเลือกไม่ถูกว่าจะมองใครดี
“เด็กเพิ่งคลอดหรือคะ”
ของในร้านน่ารักทั้งนั้นจนเธอชักอยากจะมีลูกเอง
“ใช่ค่ะ สัปดาห์หนึ่งได้มั้งคะ” บุษบามินตราเลือกถุงมือสีหวานให้หลานได้หลายคู่
“เอ่อ”
บุษบามินตราเลือกซื้อของให้เด็กน้อยได้เสื้อและกางเกงและหมวกไหมพรมถักสีอ่อนแสนน่ารัก ถ้าเธอมีลูกสาวคงได้หมดเงินเป็นกระบุงแน่เพราะเธออาจจะมาเหมาเอาจนหมดร้านก็เป็นได้ เมื่อได้ของที่ต้องการแล้วบุษบามินตราก็ชวนพี่สาวเดินดูของทั่วห้างจนได้ของเยอะเต็มไปหมด
“ดีจังเลย มินไม่ได้เดินแบบนี้มานานมากแล้ว ปกติทำแต่งาน” ทั้งสองมานั่งอยู่ร้านขนมหวาน สั่งน้ำหวานมาคนละแก้วดื่มแก้กระหายก่อนที่บุษบามินตราจะยื่นเสื้อผ้าที่แอบซื้อให้จอมขวัญ
“อะไรคะ”
“เสื้อกับกระโปรงค่ะ มินว่าถ้าพี่ขวัญใส่ต้องสวยมากแน่ๆ เลย”
ด้วยความเกรงใจจอมขวัญว่าจะไม่รับแต่รุ่นน้องก็คะยั้นคะยอเธอจนต้องรับไว้ในที่สุด
“พี่คงต้องกลับแล้ว ขอบคุณน้องมินที่ชวนพี่มาเดินเล่นนะคะ สนุกมากเลย” ลุกขึ้นได้จอมขวัญก็เอ่ยลากับบุษบามินตรา
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ขวัญกลับอย่างไรคะ”
“พี่ว่าจะขึ้นรถเมล์กลับ”
คำตอบของพี่สาวทำให้บุษบามินตราสงสารเธอจึงบอกว่าจะไปส่งเองแต่พี่สาวคนนี้ก็ขี้เกรงใจจนอีกฝ่ายต้องยอมแต่บอกว่าจะเดินไปส่งที่ข้างล่างซึ่งจอมขวัญก็ไม่ได้ปฏิเสธเพราะถึงจะบอกไปอย่างไรน้องคนนี้ก็ไม่ทำตามอยู่ดี
เดินลงมายังที่รอรถหน้าห้างสรรพสินค้าที่ตอนนี้รถกำลังวิ่งด้วยความเร็วและมีเป็นจำนวนมากบนท้องถนน ผู้คนที่รอรถต่างก็มีกิจกรรมเป็นของตัวเอง บุษบามินตราจึงหันมาคุยกับพี่สาวคนสนิทเพื่อเป็นการรอไฟสัญญาณข้ามถนน
“ครั้งหน้ามาเที่ยวด้วยกันอีกนะคะ” ระหว่างรอข้ามถนนนั่นเองบุษบา มินตราก็บอก
จอมขวัญก็ไม่ปฏิเสธ ยิ้มกลับไปพร้อมพยักหน้าอย่างยินดี ทั้งสองรอสัญญาณไฟด้วยกันแต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อมีคนกระชากกระเป๋าหญิงแก่ที่อยู่ด้านหลังของบุษบามินตราก่อนจะผลักเธอให้พ้นทาง ทำให้ร่างบางเซไปชนกับจอมขวัญที่อยู่ติดริมถนนจนอีกฝ่ายเสียการทรงตัวตกจากฟุตปาธมาพอดีกับที่รถยนต์สี่ประตูวิ่งมาอย่างรวดเร็ว
“พี่ขวัญ!!” บุษบามินตรามองอย่างตกใจ
จอมขวัญเบิกตากว้างเมื่อรถเข้าใกล้เธอมากขึ้นก่อนจะหลับตาลงภาวนาให้เธอรอดพ้นจากความตาย ร่างบางรับรู้ได้ถึงแรงกระแทกที่ได้รับก่อนจะนิ่งไป ใบหน้าหวานหลับตาแน่นแล้วเริ่มรู้สึกตัวว่าไม่เจ็บจึงลืมตาขึ้นเห็นว่ามีคนมาช่วยเธอไว้ได้เสียก่อน
“คุณ เป็นอะไรรึเปล่าครับ” ชายหนุ่มวัยกลางคนนั่นเองที่มาช่วยเธอเอาไว้
หญิงสาวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อคิดว่าตัวเองผ่านพ้นวินาทีชีวิตมา
“ไม่ค่ะ คุณล่ะคะ” มองสำรวจก็ไม่พบว่าเขาเป็นอะไร จอมขวัญเอ่ยขอบคุณชายคนนั้นยิ้มให้แล้วเดินจากไปก่อนที่บุษบามินตราจะเข้ามาดูอาการพร้อมกับไทยมุงที่เริ่มกระจายตัวออกไป
“พี่ขวัญเจ็บหรือเปล่าคะ” ใบหน้าหวานของน้องสาวคนสวยมีน้ำตาไหลลงมาเป็นทาง
“น้องมินร้องไห้ทำไมคะ”
“มินกลัวพี่ขวัญเป็นอะไรไป มินขอโทษนะคะ มินไม่ได้ตั้งใจ มินขอโทษ มินผิดเอง” ยิ่งพูดบุษบามินตราก็ยิ่งร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกผิด
จอมขวัญลุกขึ้นกอดน้องสาวแล้วปลอบ
“พี่ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ไม่เป็นอะไรแล้ว” บอกไปอย่างนั้นแต่เมื่อกี้ก็อดกลัวไม่ได้ เหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ถ้าไม่ได้ผู้ชายคนนั้นช่วยไว้เธอคงไม่ได้มายืนหายใจอยู่แบบนี้เป็นแน่
“เดี๋ยวมินให้คนรถไปส่งพี่ขวัญนะคะ นะ ให้มินไปส่งนะคะ มินเป็นห่วง”
เห็นอีกฝ่ายกังวลแบบนั้นเธอก็ไม่ขัดเพราะตัวเองก็กลัวอยู่เหมือนกัน ทั้งสองเดินขึ้นไปบนห้างสรรพสินค้าก่อนที่บุษบามินตราจะสั่งให้คนขับรถของเธอไปส่งจอมขวัญที่หอพักของหญิงสาว
“พี่ขวัญถ้าถึงบ้านแล้วโทรหามินนะคะ มินจะได้สบายใจ”
ร่างบางพยักหน้าตอบรับแล้วขึ้นรถไปโดยมีน้องสาวคนสวยยืนมองตามจนรถขับออกไปไกล เธอจึงเดินเช็ดน้ำตาขึ้นไปบนห้างสรรพสินค้าอย่างสบายใจขึ้นมากกว่าเมื่อกี้
มาถึงห้องของตนเองจอมขวัญก็ยังไม่หายขวัญเสียจากเรื่องเมื่อไม่ กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เธอยังคงกลัวเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น ถ้าไม่มีใครมาช่วย ชีวิตของเธอในชาตินี้คงจบแต่เพียงเท่านี้
ร่างบางนอนลงที่เตียงจากความเหนื่อยทั้งกายและใจ ถ้าตอนนี้อยู่บ้านคงมีแม่ให้กอดแต่เธออยู่คนเดียวก็คงต้องกอดตัวเอง ใบหน้าหวานหลับพริ้มก่อนที่ลมหายใจจะสม่ำเสมอบ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้เธอได้เข้าสู่ห้วงนิทราเป็นอันเรียบร้อยแล้ว
บานประตูเลื่อนถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา เสียงฝีเท้าที่แทบจะไร้น้ำหนักทำให้คนเพิ่งหลับไม่รู้สึกตัว ช่วงบ่ายของวันเสาร์ไม่ค่อยมีคนอยู่หอพักเท่าไรเพราะไปทำงานกันเป็นส่วนมากแม้จะเป็นวันหยุดก็ตาม อันตรายคืบคลานเข้ามาใกล้แต่ดูทีท่าว่าหล่อนจะไม่รู้สึกตัวสักนิด
ดวงตาแข็งกระด้างมองไปที่ร่างซึ่งนอนหลับใหลด้วยแววตามาดร้าย มือหยิบมีดขึ้นมาระหว่างที่เดินเข้าไปใกล้คนที่อยู่บนเตียง
ริมฝีปากแสยะยิ้มในระหว่างที่เงื้อมีดขึ้นสูงเหนือศีรษะเตรียมที่จะแทงคนที่กำลังอยู่ในห้วงนิทราแต่แล้วกลับมีแรงมายื้อไว้เสียก่อน หันกลับไปก็พบชายหนุ่มร่างสูงที่มาจับมีดไว้แล้วพยายามบิดข้อมือของคนร้ายเพื่อให้มีดหลุด
“ปล่อย” เสียงที่เปล่งออกมาทำให้ข้อสงสัยของชนวีร์ชัดเจนว่าคนในชุดสีดำเป็นผู้หญิงและดูเหมือนว่าจะมีทักษะในทางด้านการต่อสู้ดีเสียด้วยเพราะหลังจากที่เขาทำมีดหล่นลง อีกฝ่ายก็โต้กลับด้วยการจับแขนเขาแล้วขัดขาไปด้านหลังเกือบเสียหลักล้มเหมือนกัน ดีที่แก้ได้เขาผลักอีกฝ่ายบ้างแต่ดูเหมือนจะโต้กลับได้ดีเกินคาดและนั้นทำให้เขาพลาดปล่อยมันลงไปทางระเบียงได้อย่างเฉียดฉิว
“บ้าฉิบ!” มองตามไปไม่เห็นแม้แต่เงาของคนร้ายเขาหัวเสียพอสมควรที่เรื่องราวเป็นแบบนี้ อันที่จริงวันนี้คิดว่าจะพาคนที่นอนบนเตียงไปเดินดูของด้วยกัน เผอิญเห็นคนปีนเข้ามาที่ระเบียงเขาเลยรีบมาช่วยได้ทันท่วงทีไม่เช่นนั้นแล้วป่านนี้คนที่นอนหลับคงได้กลายเป็นศพ
“จอมขวัญ ขวัญ ตื่น” เขาเดินเข้าไปปลุกแต่ดูท่าว่าร่างบางจะไม่ยอมตื่นเพราะปัดมือเขาออกแล้วพลิกตัวไปอีกทางหนึ่งราวกับว่าเขารบกวนการนอนของเธอ “ตื่นได้แล้ว”
“อือ ขอเวลาอีกหน่อยนะคะ” สะลึมสะลือพูดแล้วนอนต่อ
ร่างสูงเริ่มหงุดหงิดเมื่อดูแล้วอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะตื่นทั้งๆ ที่เมื่อกี้มีคนจะเข้ามาทำร้ายเธอแท้ๆ
..ทำไมไม่ดูแลตัวเองบ้างเขาคิดแล้วก็หงุดหงิด ถ้าเธอเป็นอะไรมาคนอื่นจะเป็นอย่างไร
คิดแล้วเข้าก็ชะงัก
..เขาเป็นห่วงเธอหรือคำตอบในหัวตอบว่าไม่ แต่ทำไมความรู้สึกเหมือน กับขัดแย้ง
ชนวีร์สลัดความคิดนั้นออก เสียงโทรศัพท์มือถือมาช่วยให้เขาออกจากความคิดที่ไม่อยากยอมรับเมื่อดูเบอร์ที่โทรเข้ามาก็ตัดสินใจรับ
“ว่าไงคุณวิไล” เลขาของเขานั่นเอง
“คุณวีร์คะ ดิฉันติดต่อขอซื้อที่ทางปายให้แล้วนะคะ เขายื่นคำขาดให้คุณไปคุยเองเพราะจะได้รู้รายละเอียดไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ขายค่ะ”
..น่าโมโหเสียจริง
ร่างสูงจุปากอย่างไม่พอใจแต่ก็ตอบตกลงไปเพราะไม่มีทางเลือกมาก ที่ดินที่เขาอยากได้มันสวยและเหมาะที่จะสร้างบ้านพักหลังเล็กไว้พักผ่อนเพื่อคลายเครียด อีกอย่างคือที่แห่งนั้นน้องทรายบอกว่าอยากได้ เขาจะซื้อเก็บไว้ให้คนที่รัก
ชนวีร์เดินไปเปิดทีวีเพื่อปลุกให้คนที่หลับใหลตื่นและดูเหมือนว่าจะได้ผลเพราะจอมขวัญลืมตาแล้วก็ตกใจลุกนั่งมองเขาตาโตสลับกับมองไปที่ทีวีและระเบียงที่ตอนนี้ประตูเปิดไว้ แทบสิ้นสติว่าเขามาได้อย่างไรแต่นั่นไม่ใช่ข้อสงสัยหลักเพราะเขาก็เคยขึ้นอยู่แล้ว แต่ประเด็นคือเขามาทำไม!
“ไม่ต้องทำท่าขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่ได้ทำมิดีมิร้ายเธอหรอก” ร่างสูงเอ่ยตอบเมื่อเห็นเธอทำท่ากลัว
“แล้วคุณวีร์ ขึ้นมาทำไม” เหมือนหาเสียงตัวเองเพิ่งเจอเธอเลยถามออกไป
“ฉันจะชวนเธอไปเดินเล่นแต่พอดีเห็นโจรขึ้นมาบนห้องเธอ” จากคำบอกเล่านั้นทำให้เธอยิ่งตกใจขึ้นไปอีก ดวงตากลมโตเบิกกว้างจนลูกตาแทบถลนออกมา
“ว่าอย่างไรนะคะ! โจร คุณหมายถึงอะไร”
เรียกได้ว่าเธอแทบจะถลามาหาเขาได้เลย หญิงสาวซึ่งลุกจากเตียงด้วยใบหน้าตื่น
“มีคนขึ้นมาจะทำร้ายเธอ ดีที่ฉันมาเห็นทันและช่วยเธอไว้ได้ ไม่อย่างนั้นป่านนี้เธอก็คงได้ไปเข้าเฝ้ายมบาลแล้ว”
พอเขาพูดจบขาเธอก็อ่อนแรง จอมขวัญนั่งลงที่พื้นราวกับคนหมดแรงเดินมาเป็นร้อยกว่ากิโลเมตร ใจดวงน้อยเต้นระรัวไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับเธอแบบนี้
“ทำไม” เอ่ยได้เพียงเท่านั้นร่างบางก็ร้องไห้ออกมา ทำไมช่วงนี้เธอถึงเจอแต่เรื่องราวแบบนี้เหมือนมีคนจะมาเอาชีวิตเธอตลอดเวลา
..ช่วงเช้าก็เกือบโดนรถชน ช่วงบ่ายก็มีคนร้ายเข้ามาทำร้ายเธอ
“ร้องไห้ทำไม” แล้วเธอก็ได้สัมผัสกับอ้อมกอดที่โหยหา ร่างสูงนั่งลงโอบคนตัวเล็กไว้ในอ้อมกอด น้ำตายังคงไหลลงมาไม่ขาดสายด้วยความกลัว
..เกิดเรื่องร้ายขนาดนี้ขึ้นกับเธอได้อย่างไร เธอไปทำอะไรให้ใครอย่างนั้นหรือ
“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันอยู่ตรงนี้” เธอยังคงสะอื้นอยู่ในอกกว้างโดยที่ไม่ได้เงยหน้ามามองคนพูดเลยสักนิด แววตาที่เรียบสนิทของเขาไม่บ่งบอกความรู้สึกราวกับว่าสงสารแต่ก็ไม่มากพอที่จะให้เขาเห็นใจ คำพูดที่ดูหวานหูก็เป็นเพียงแค่ลมปากที่เปล่งออกมาไม่ใช่ออกมาจากใจ
กว่าที่ร่างบางจะสงบก็ใช้เวลานานพอสมควร พอรู้ตัวว่าอยู่ในอ้อมกอดเขานานแล้วจอมขวัญจึงค่อยๆ ผละออกแล้วเช็ดน้ำตา รู้สึกกระดากอายที่กอดเขาเสียนาน
“ขอโทษนะคะ เสื้อคุณเปื้อนหมด”
ชนวีร์ก้มลงมองเสื้อตัวเองที่เปื้อนน้ำตาของเธอเป็นวงกว้าง
“ช่างเถอะ เดี๋ยวก็แห้ง ตอนนี้เธอควรไปอาบน้ำและเตรียมเสื้อผ้าสักสามถึงสี่ชุดเพราะฉันจะพาเธอไปพักที่ปาย ให้เวลาสิบห้านาทีฉันจะลงไปรอข้างล่าง” ไม่รอให้อีกฝ่ายถามอะไรเขาก็เดินออกไประเบียงปีนลงไปด้านล่างทันทีโดยที่พยายามไม่ให้คนเห็น
จอมขวัญที่ยังคงนั่งงงหลังจากที่เขาออกไปก็เริ่มวิ่งวุ่นเตรียมของก่อนลงไปหาเขาข้างล่างใช้เวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น ร่างบางหอบจนตัวโยนด้วยความเร่งรีบ
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทันเครื่อง” โทรศัพท์ให้เลขาจัดการจองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว เมื่อจอมขวัญขึ้นนั่งบนรถเขาก็ออกด้วยความเร็วทันที
รถช่วงนี้ไม่ติดมากเลยใช้เวลาไม่นานก็ถึงสนามบินที่มีคนพลุกพล่านพอสมควรโดยเฉพาะทัวร์ต่างๆ
“จับมือฉันไว้จะได้ไม่หลง” คนเยอะร่างสูงจึงหันมาบอก มือหนาจับมือบางไว้ในขณะที่เดินเพื่อไปเช็กอิน
จอมขวัญมองมือของเขาที่จับเธอไว้ด้วยหัวใจพองโต เขาเป็นอีกคนที่ทำให้เธอประหลาดใจ เมื่อก่อนร้ายกับเธอเสียจนต้องเก็บไปร้องไห้ทุกคืนแต่ตอนนี้หรือก็ดีแสนดีจนเธอคิดว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในความฝันหรือเปล่า
หลังจากเช็กอินแล้วโหลดกระเป๋า ทั้งสองก็เข้าเกทไปทันที ใช้เวลาไม่นานก็ได้ขึ้นเครื่อง จุดหมายคือเชียงใหม่ก่อนจะต่อรถไปที่ปาย ทั้งหมดใช้เวลาหลายชั่วโมงจนจอมขวัญอ่อนล้าหลับไปตลอดทางโดยที่ชนวีร์บอกว่าเขาจะดูแลเธอเอง
“ถึงแล้ว” เมื่อถึงยังที่หมายร่างสูงก็ปลุกคนข้างกายที่หลับซบไหล่เขาอยู่
จอมขวัญงัวเงียขึ้นมาดูบรรยากาศโดยรอบผ่านกระจกก็ตาโตทันทีเพราะมันสวยมาก แม้จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นและเป็นหน้าฝนก็ตามบรรยากาศโดยรอบที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นทันที ทั้งสองลงจากรถแล้วเดินไปเช่ารถมอเตอร์ไซค์
“คุณวีร์ขับเป็นแน่นะคะ” เธอถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจเมื่อเขาบอกว่าจะขับ ดีที่สัมภาระของทั้งสองมีไม่มากนักเลยไม่ลำบากในการขน
“เป็นสิ ฉันขับเก่งนะ” ว่าแล้วก็ขึ้นรถมอเตอร์ไซค์สตาร์ทให้เธอดูทันที
จอมขวัญมองอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจขึ้นซ้อนเขาไปยังหมู่บ้านที่ชนวีร์ต้องไปติดต่อขอซื้อที่นั่นเอง ขับมาได้สักพักจอมขวัญก็มองบรรยากาศแล้วสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด
ปายเป็นเมืองเล็กที่น่าอยู่ทั้งสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิต มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาบ้างแต่ดูเหมือนจะกลมกลืนไปกับชาวบ้านในพื้นที่และผู้คนในประเทศที่มาท่องเที่ยว
ขับมาได้ไกลพอสมควรก็ถึงหมู่บ้านที่เขาจะต้องการจะมา คือหมู่บ้านทุ่งบาง เป็นหมู่บ้านที่อนุรักษ์ธรรมชาติมีคนหลากหลายชาติพันธุ์อาศัยอยู่ร่วมกันโดยส่วนมากเป็นคนไทยและมีบางบ้านเป็นชาวกะเหรี่ยง ที่เขาเลือกหมู่บ้านนี้เพราะว่ามีต้นไม้และลำธารตรงที่ที่เขาต้องการพอดี
ชนวีร์ขับเข้ามาภายในหมู่บ้านก็เจอป้อมสำหรับตรวจคนเข้าในด่านแรก เขาเจรจาอยู่นานก่อนที่เจ้าของที่จะเดินมาหาจึงได้เข้าไปภายในที่ตอนนี้เป็นเวลาดึกพอสมควร
“คุณน่าจะรอพรุ่งนี้ค่อยมา ขับรถมอเตอร์ไซค์ตอนกลางคืนมันอันตราย” เจ้าของที่บอกด้วยความหวังดี ขึ้นเรือนมาเขาก็หาน้ำมาเสิร์ฟแขก
นายฮุงเป็นชาวบ้านทุ่งบางที่เกิดและโตที่นี่และคิดว่าจะตายที่นี่ด้วย อันที่จริงเขาก็ไม่ได้อยากขายที่แต่พอดีว่ามีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินเลยต้องขายแม้จะเสียดายมากแค่ไหนก็ตาม
“ผมรอไม่ไหวเลยมาก่อน” ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาแต่ติดนิ่งขรึมทำให้อีกฝ่ายดูเหมือนจะเกร็งอยู่บ้าง
จอมขวัญรู้ดีจึงยิ้มให้เจ้าของบ้าน
“แล้วนี่คุณกับเมียจะพักไหนล่ะ” คำถามที่ทำเอาทั้งสองมองหน้ากันทันที
“คือไม่ใช่”
“ไม่รู้เหมือนกัน คุณมีที่ให้ผมพักไหม” จอมขวัญกำลังจะปฏิเสธข้อกล่าวหานั้นแต่ชนวีร์กลับแทรกขึ้นมาก่อนทำเอาเธอต้องหันไปมองค้อนเขาแล้วตีที่แขนเบาๆ ไปหนึ่งที
“พักบ้านน้องสาวผมก็ได้ มันไม่อยู่ เชิญทางนี้เลย” นายฮุงเดินนำทั้งสองไปที่บ้านอีกหลังที่อยู่ติดกัน
บ้านพักของคนในชุมชนนี้เป็นบ้านไม้ที่มีชั้นเดียวยกสูงขึ้นจากพื้นดินประมาณสองเมตรบริเวณโดยรอบปลูกต้นไม้ไว้มีบางบ้านปลูกฝิ่นไว้ด้วย
“อยู่ได้ตามสบายเลยนะ พักผ่อนกันก่อนพรุ่งนี้ค่อยมาคุยกันเรื่องที่ดิน ที่นอนปูนอนได้เลย อ้อ คุณชนวีร์ใช่ไหม” เขาถาม
ร่างสูงก็พยักหน้า
“ผมฮุง คืนนี้ถ้าไม่ง่วงก็มากินเหล้ากับพวกผมได้ ถัดไปอีกสองบ้าน” ว่าจบก็ตบไหล่หนาก่อนเดินออกไปปล่อยให้หนึ่งหญิงหนึ่งชายอยู่ด้วยกัน
จอมขวัญมีท่าทีกระอักกระอ่วนเพราะไม่เคยอยู่กับเขาสองคนในที่แบบนี้ แถมคืนนี้ยังต้องนอนด้วยกันอีกต่างหาก
ทั้งสองเดินสำรวจบ้านที่มีลานสำหรับดูทีวี รับประทานอาหารและทำกิจกรรมต่างๆ มีห้องนอนสองห้องซึ่งทั้งสองก็ไม่กล้าเข้าไปนอนจึงเลือกที่จะนอนตรงลานกว้าง ดีที่นายฮุงเอาที่นอนออกมาไว้ให้แล้วทั้งสองจึงช่วยกันปู
“คุณอาบน้ำนอนไปเลยนะ ผมจะออกไปพูดกับชาวบ้านเสียหน่อย เดี๋ยวกลับมา” หลังจากปูที่นอนเสร็จเขาก็บอกกับเธอ
จอมขวัญพยักหน้าแม้จะไม่อยากให้เขาไปเพราะเธอกลัวก็ตามแต่ก็ไม่กล้าขัด
“คุณวีร์คะ รอขวัญอาบน้ำเสร็จก่อนได้ไหม ขวัญกลัว” เห็นเขาจะเดินออกไปเลยรีบบอก
ร่างสูงหันกลับมาแล้วพยักหน้าเดินมานั่งรอให้จอมขวัญไปอาบน้ำที่ห้องน้ำด้านนอก
“คุณมาเฝ้าหน้าห้องน้ำด้วยสิคะ”
ถ้าเป็นเวลาปกติเขาคงอาละวาดไปแล้วแต่นี่เขาต้องทำนิ่งเข้าไว้ ชนวีร์จึงเดินตามร่างบางออกไปที่ห้องน้ำซึ่งก่อด้วยอิฐธรรมดา มุงด้วยสังกะสี พอเข้ามาก็เจอกับตุ่มแต่ดีที่มีเครื่องทำน้ำอุ่นทำให้เธอไม่ต้องเผชิญกับน้ำเย็น จอมขวัญจัดการอาบน้ำโดยใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ เธอออกมาด้วยชุดนอนเสื้อแขนยาวกางเกงขายาว
“เสร็จแล้วค่ะ”
ชนวีร์มองชุดนอนเธอแล้วขำแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเดินนำเธอเข้ามาในบ้าน จอมขวัญบอกขอบคุณเขา ชายหนุ่มจึงเดินออกไปข้างนอกปล่อยหญิงสาวไว้ในบ้านคนเดียว เธอลอบถอนหายใจออกมาเพราะอยู่ใกล้เขาใจเธอเต้นรัวราวกับไม่เป็นตัวของตัวเอง
..เขามีอิทธิพลกับหัวใจของเธอมากเกินไปแล้ว
วงเหล้าในชนบทเช่นนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ชาวบ้านผู้ชายต่างเล่าเรื่องราวของบ้านตัวเองให้กันฟังเหมือนแชร์ความรู้สึกแม้ว่าจะมีผู้ร่วมวงเป็นคนนอกก็ตาม
ชนวีร์นั่งกินเหล้าไปโดยไม่พูดอะไรเขาเพียงแค่ฟังเรื่องที่ตนเองไม่รู้เท่านั้น มีบางคนเล่าเรื่องตลกก็เป็นที่เฮฮากันไป นั่งกินเหล้าจนหมดไปหลายไหและดูเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเป็นเช้าวันใหม่จึงแยกย้ายกันกลับบ้าน ชนวีร์ที่นั่งกินเยอะกว่าใครเพื่อนก็เดินเซกลับมาพร้อมกับนายฮุง พอถึงเรือนก็แยกย้ายกันกลับ
ประตูถูกเปิดออกโดยที่หญิงสาวร่างบางนอนหลับไม่ได้สติ ตอนแรกเธอกะว่าจะรอเขาแต่รอไม่ไหวจึงผล็อยหลับไปเสียก่อน ร่างสูงก้าวเข้ามาด้วยความเมาเขานอนลงข้างเธอก่อนจะกอดร่างกายที่หอมกรุ่นแถมยังอุ่นไว้
“อื้อ คุณวีร์มาแล้วหรือคะ” จอมขวัญงัวเงียถาม
“หอมจัง” แต่ร่างสูงกลับไม่ตอบเขาหอมที่แก้มนุ่มทำเอาหล่อนตื่นเต็มตาทันที
ร่างบางเริ่มดิ้นเมื่ออีกฝ่ายกอดรัดตนเองแน่นขึ้นแต่ดูท่าว่าแรงดิ้นของเธอจะเป็นเพียงแรงมดเท่านั้นเพราะเขาแทบจะไม่สะเทือนเลยด้วยซ้ำ
“อยากกิน” ว่าแล้วปากหนาก็พรมจูบไปทั่วใบหน้าหวานแม้ว่าอีกคนจะหลบเพียงใดก็ตาม
“คุณวีร์อย่านะคะ คุณวีร์นี่ขวัญเอง คุณวีร์ได้ยินขวัญไหมคะ”
เหมือนจะไม่ได้สติเพราะชนวีร์ไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแค่จูบไปทั่วใบหน้าหวานก่อนจะปิดปากเธอด้วยริมฝีปากของเขาเอง ตาโตเบิกกว้างขึ้นมือน้อยทุบเข้าที่อกเขาพยายามบอกให้อีกฝ่ายปล่อย แต่เมื่อนานไปรสจูบที่หวานสะท้านทรวงทำให้แรงของเธอที่มีเริ่มอ่อนล้า
“อือ”
แล้วก็หลงเคลิบเคลิ้มไปกับจูบที่เร้าร้อนนั้น ไม่รู้ว่าตอนไหนที่มือของเขาสอดเข้ามาภายในเสื้อแขนยาวตัวบางของเธอ แต่ตอนนี้มือหนากำลังเอื้อมไปข้างหลังเพื่อปลดบราที่เธอสวมใส่โดยที่เจ้าของแทบจะไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด
“คุณวีร์” เสียงหวานเอ่ยสั่นๆ เธอไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำเมื่อถูกอารมณ์พิศวาสเข้าครอบงำ เหล้าที่เขากินเข้าไปเหมือนมันจะไหลเข้ามาในตัวเธอด้วยเพราะรู้สึกมึนเมาเหลือเกิน
บราเซียร์สีหวานหลุดออกจากร่างกายไป ชนวีร์จูบลงมาที่ลำคอระหงแล้วจับเต้างามทั้งสองข้าง ร่างบางแอ่นอกให้เขาสัมผัสด้วยความเสียวก่อนที่ชนวีร์จะถอดเสื้อของเธอออกทันทีด้วยความเร็ว รูปร่างสมส่วนปรากฏแก่สายตาของเสือหนุ่ม เขามองอย่างตกตะลึงเพราะมันช่างสวยและเย้ายวนเหลือเกิน หน้าท้องแบนราบที่ไม่มีไขมันส่วนเกินและดอกบัวคู่งามที่ซ่อนรูปเสียจนไม่น่าเชื่อแถมปทุมถันสีอ่อนนั้นอีก ราวกับเขาอยู่บนสรวงสวรรค์
“สวยเหลือเกิน” พูดจบริมฝีปากหนาก็ครอบครองยอดสีอ่อนที่ชูชันท้าสายตาเขา รสชาติมันช่างหวานล้ำ
ใบหน้าหวานบิดเหยเกเมื่อพบกับความเสียวซ่าน เสียงครางดังออกมาเป็นระยะเมื่อชายหนุ่มดูดและใช้มือขยี้ปทุมถันอีกข้าง
ชนวีร์ผละออกมาถอดกางเกงของเธอออกพร้อมกับชั้นในแล้วพบกับความงดงามที่เขาแทบจะบรรยายออกมาไม่ได้ ร่างบางช่างงดงามเสียจริงจนเขาอดใจไม่ไหว ชายหนุ่มพรมจูบที่ข้อเท้าไล่ขึ้นมาที่กลีบกุหลาบ เขาจูบมันแผ่วเบา แล้วเลื่อนขึ้นไปที่หน้าท้องในขณะที่มือยังคงเคล้าคลึงสองเต้าอย่างขยันขันแข็งก่อนที่ริมฝีปากหนาจะฉกเข้าครอบครองปากบางไว้
“ถอดเสื้อให้ฉัน” เขาสั่งเสียงพร่าและเธอก็ทำตามทันที ร่างหนาตอนนี้เหลือแต่ท่อนล่างและเขาก็จัดการเองโดยใช้เวลาไม่นานเพราะอารมณ์ร้อนพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
จอมขวัญมองดูแก่นกายใหญ่ด้วยความตกใจก่อนจะรีบหันหน้าหนีทันทีเมื่อเขาเคลื่อนตัวเข้ามา
“อ่า คุณวีร์” ร่างบางครางออกมาอย่างเสียวซ่าน อารมณ์ของเธอตอนนี้ต้องการปลดปล่อยออก
แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังคงลีลาเมื่อเขาเคลื่อนตัวลงไปใช้ลิ้นกับดอกกุหลาบกลีบหวานอยู่ ลิ้นหนาคลี่กลีบออกก่อนเลียที่จุดเสียวทำเอาเสียงหวานครางออกมาแทบไม่เป็นศัพท์
“อือ อ่า”
ชนวีร์มองอย่างหยามใจก่อนจะใช้มือทั้งสองบี้ปทุมถันไม่เลิก เขาพรมจูบไปทั่วก่อนที่จะลุกนั่งนำร่างบางมาไว้บนตัก ขาบางเกี่ยวเอวเขาไว้แน่นแล้วกอดคอ
“ไม่มีถุงยางเลย ขอสดแล้วกันนะ” เขาเอ่ยขึ้นก่อนจะค่อยๆ แทรกแก่นกายที่ใหญ่โตเข้าไปในกลีบกุหลาบอย่างทุลักทุเลเพราะเธอไม่เคยผ่านการรุกรานมาก่อน
“จะ เจ็บ” หล่อนบอกเขา
ชนวีร์ค่อยๆ เข้าไปพยายามกัดฟันทนเมื่ออารมณ์ถึงจุดสูงสุด จนในที่สุดเขาก็เข้าไปสุดจนได้ ร่างสูงแช่ค้างไว้ก่อนจะเริ่มขยับกายเข้าจังหวะ โดยที่มีคนที่ไม่ประสีประสาให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
เสียงครางของทั้งสองดังไปทั่วบ้านก่อนที่น้ำสีขุ่นจะถูกปล่อยออกมา
“ขออีกรอบนะ” ไม่รอให้เธอพูดอะไรเขาก็ประกบปากเธอไว้ทันทีก่อนจะเริ่มบรรเลงบทเพลงรักขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
โดยมีแค่จอมขวัญที่หลงคิดไปเองว่ามันเกิดขึ้นเพราะความรักแต่สำหรับชนวีร์นั้นมันก็แค่เซ็กส์ที่เกิดจากความใคร่เท่านั้นเอง!!
๗คำหวานแสงแดดที่ส่องเข้ามาภายในบ้านทำให้ร่างสูงที่นอนหลับตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงียก่อนจะรับรู้ได้ว่าข้างกายตนตอนนี้ว่างเปล่าและเย็นชืด..เธอหายไปไหนชนวีร์มองรอบกายก็ไม่พบร่างที่ตนกกกอดเมื่อคืน คิดแล้วเขาก็แสยะยิ้มอย่างสมใจถึงแม้ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนจะไม่ได้อยู่ในแผนการของเขาแต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะทำให้แผนของเขาสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นร่างสูงลุกขึ้นจากที่นอน ค้นเสื้อผ้าที่จะใส่แล้วเข้าไปอาบน้ำข้างนอกที่ตอนนี้บรรยากาศเย็นกำลังดี เขาใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็เสร็จ แต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ออกมาข้างนอก ชนวีร์เข้าไปตากผ้าขนหนูและเก็บที่นอนส่วนของตนเองตรวจดูความเรียบร้อยแล้วค่อยออกมาจากบ้าน ไปยังบ้านของนายฮุง เมื่อมาถึงเขาก็พบนายฮุงกำลังนั่งรับประทานอาหารกับผู้หญิงที่อายุค่อนข้างมาก“สวัสดีคุณชนวีร์ กินข้าวด้วยกันไหม” เรียกตามคนอัธยาศัยดีร่างสูงจึงเดินมานั่งร่วมวงด้วย“ก็ดีเหมือนกันครับ แล้วคุณเห็นแฟนผมไหม” มองไปโดยรอบก็ยังไม่พบร่างบางที่คุ้นตาจึงเอ่ยถามขึ้นมานายฮุงอมยิ้มกับแม่ของตนแล้วหันมามองผู้ชายที่นั่งทำหน้างง“เมียคุณไปเดินเล่นในหมู่บ้านกับเมียผมตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกเมื่อคืนคงเพลียสิท่
๘แค่ละครหรือความรู้สึกจริงสองสัปดาห์แล้วที่ชนวีร์ไม่เข้าบริษัทเคเคโภคภัณฑ์เพราะว่าเกิดปัญหาที่บริษัทส่งออกรถยนต์ขึ้น ทำให้เขาต้องไปที่ต่างประเทศเพื่อเคลียร์ปัญหา แต่ว่าที่เขาหายไปก็ไม่ได้ตัดขาดการติดต่อกับเธอ ชายหนุ่มมักจะโทรมาหาเธอทุกวันคุยกันเป็นชั่วโมงแม้บางครั้งอาจจะเงียบไปแต่เธอก็ไม่ได้อึดอัดแต่อย่างใด“ขวัญ พี่ขอดูเอกสารรายรับของสัปดาห์ที่แล้วหน่อย” ดาหวันไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารที่กำลังตรวจจอมขวัญหาเอกสารก่อนจะยื่นให้ทันทีแล้วกลับมาคำนวณรายได้ของสัปดาห์นี้ต่อ งานของเธอต้องใช้ตัวเลขทั้งวัน กลับหอไปบางครั้งต้องกินยาแก้ปวดหัวไว้ทุกทีบริษัทวันนี้วุ่นวายพอสมควร เพราะชนวีร์สั่งการมาว่าหลังจากที่เขากลับ มาจากต่างประเทศจะมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่มาดูบริษัทจึงต้องทำรายงานเตรียมไว้ช่วงบ่ายจอมขวัญก็ทำงานจนแทบไม่มีเวลาได้หายใจหายคอเลย เมื่อเลิกงานเธอก็เดินออกจากบริษัทเพื่อที่จะขึ้นรถเมล์กลับหอแต่ระหว่างทางก็เจอกับปนิธิเมื่อจะทักเขาอีกฝ่ายก็เดินผ่านเธอไปราวกับมองไม่เห็น ทำเอาจอมขวัญชะงักหน้าเสียสองสัปดาห์มานี้ปนิธิไม่พูดคุยกับเธอเลยก็ว่าได้หรือถ้าคุยก็เป็นเรื่องงานเท่านั้น แม้ว่าจอมขวัญ
๙จุดสำคัญรถคันหรูขับเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ที่ตอนนี้เปิดไฟไว้เพียงหน้าบ้านเท่านั้น ภายในตัวบ้านถูกปิดไว้แต่ไม่ได้ลงกลอน ชนวีร์ลงจากรถไปประเปิดประตูให้หญิงสาวที่ตอนนี้หลับอยู่ในรถด้วยความเพลีย ร่างบางถูกเขาอุ้มขึ้นเพราะไม่อยากจะรบกวน“ตายแล้วคุณวีร์นั่นใครเป็นอะไรคะ” แม่บ้านที่นั่งรอเจ้านายเดินออกมาจากห้องพักหลังบ้านเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดและเสียงรถ “ตายแล้ว! นี่มันคุณขวัญนี่คะ” เมื่อมองดูใกล้ๆ ก็พบว่าเป็นจอมขวัญเพื่อนสนิทของคุณหนูทรายทิพย์ที่ลาจากโลกนี้ไปแล้วนั่นเองชนวีร์ไม่พูดอะไรมากเขาหันมาสั่งให้แม่บ้านเตรียมน้ำใส่กะละมังเล็กและผ้าขนหนูขนาดเล็กเพื่อไปเช็ดตัวให้เธอ ซึ่งคุณแม่บ้านคนเก่าแก่ก็รีบทำตามเมื่อมาถึงชั้นสองของบ้านชนวีร์ก็พาร่างบางไปนอนยังห้องของตัวเอง ไม่นานนักคุณแม่บ้านคนเก่าแก่ก็ตามขึ้นมา ชนวีร์จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหล่อนในการดูแลเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หญิงสาวเพราะว่าถ้าเป็นเขาคงไม่ควรเท่าไหร่นัก“พี่วีร์ พี่ขวัญเป็นอย่างไรบ้างคะ” บุษบามินตรามาถึงบ้านพร้อมกับพีรยศก็ถามถึงพี่สาวคนสนิททันที ชนวีร์เลยบอกว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรแล้วตอนนี้ป้าหอมจันทร์ก็กำลังดูแลอยู่ น้อ
๑๐เจ็บปวดร่างบางที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มสีขาวยังคงหลับใหลหลังจากที่เมื่อคืนทำกิจกรรมจนดึก เขาไม่ปล่อยให้เธอนอนเลยจนกระทั่งตีสอง ด้วยความเหนื่อย จอมขวัญหลับไปตอนไหนไม่รู้และตอนนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นง่ายๆ เสียด้วยร่างสูงซึ่งกำลังใส่นาฬิกาอยู่มองไปที่คนบนเตียงแล้วแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย เกมรักได้จบลงไปแล้ว ต่อไปนี้เขาจะมอบเกมแค้นให้เธอเอง หลังจากแต่งตัวเสร็จชนวีร์ก็เดินออกไปจากห้องโดยไม่เหลียวแลกลับมาดูคนบนเตียงเลยสักนิดแต่เขาก็ยังมีกะใจสั่งอาหารเช้าขึ้นมาให้เธออยู่เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นปลุกให้คนที่กำลังอยู่ในนิทราลืมตาตื่นขึ้นมา เธอยกมือบังแสงอาทิตย์ที่สาดมายังเตียงนอนก่อนจะมองไปรอบกายทันที ข้างกายที่เมื่อคืนเคยอุ่นตอนนี้กลับเย็นชืดจนน่าใจหาย“สวัสดีค่ะพี่ดา”เป็นดาหวันที่โทรมาหาเธอเพราะสายมากแล้วแต่ ก็ยังไม่เห็นจอมขวัญเข้ามาที่บริษัท‘ขวัญอยู่ไหนจ๊ะ พอดีพี่เห็นสายมากแล้วเรายังไม่เข้ามาเลยเป็นห่วง’ในขณะที่คุยโทรศัพท์จอมขวัญก็พยายามสอดส่ายสายตาหาคนที่นอนด้วยเมื่อคืน“เอ่อ พอดีมีธุระนิดหน่อยค่ะ เดี๋ยวขวัญเข้าไปนะคะพี่ดา” บอกลาเสร็จเธอก็กดวางสายแล้วหยิบชุดคลุมมาสวมปิดร่างกา
๑๑ทำร้ายใจกลับลงมาจากห้องของท่านประธาน จอมขวัญก็เดินมายังแผนกพยายามที่จะไม่ร้องไห้แต่ก็กลั้นไว้ได้ยากเหลือเกิน ใจดวงน้อยเจ็บไปหมดจนเธอคิดว่าอย่างไรวันนี้ก็คงทำงานไม่ได้แน่นอน เมื่อมาถึงยังแผนกบัญชีร่างบางก็เดินเข้าไปขอลางานกับปนิธิโดยมีสายตาทั้งสามคู่มองอยู่“พี่วีร์คะ ขวัญขอลางานช่วงเช้านะคะ” บอกเสียงสั่นในขณะที่ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาพร้อมจะไหลลงมาทุกเมื่อจนปนิธิสงสารเขาพอจะรู้เรื่องของเธอจากข่าวที่แพร่ไปอย่างรวดเร็ว“พี่อนุมัติ แต่มีข้อแม้ว่าขวัญต้องให้พี่ไปด้วยนะ” อยากจะปฏิเสธแต่ดูเหมือนว่าหัวหน้าของเธอจะเก็บของทันทีที่พูดจบโดยที่ไม่เปิดทางให้เธอได้ปฏิเสธเลยปนิธิเก็บของเสร็จก็สะพายกระเป๋าเดินจับมือจอมขวัญออกมาข้างนอกห้องโดยมีสายตาทั้งสามคู่มองอยู่“ผมออกไปทำธุระกับขวัญนะ เดี๋ยวตอนบ่ายจะเข้ามา” ทั้งสามตอบรับร่างสูงจึงให้รุ่นน้องไปเก็บของแล้วเดินตามเขาออกไปข้างนอก ทั้งสองเดินออกมาด้วยกันทำให้เป็นเป้าสายตาอย่างมากเพราะมีข่าวว่าปนิธิเมินจอมขวัญช่วงหนึ่งในขณะที่ฝ่ายหญิงตัวติดกับท่านประธาน และก็มีข่าวมาอีกว่าท่านประธานทิ้งฝ่ายหญิงทำให้ลือกันไปต่างๆ ว่าจอมขวัญจะหันมาหาปนิธิ“นั่นไง ฉันว่า
๑๒สับสนใจช่วงค่ำของวันแรกที่มาถึงยังเกาะเคพีคซึ่งเป็นเกาะส่วนตัวของเคเคกรุ๊ป พนักงานทั้งหลายต่างรื่นเริงกับงานยามเย็นที่อยู่ริมหาด ตอนนี้ถูกเนรมิตให้เป็นปาร์ตี้ขนาดเล็กที่มีทั้งเวที ซึ่งมีนักดนตรีมาบรรเลงเพลงสบายๆ อาหารทะเลที่มีเชฟฝีมือดีทำมาบริการ โต๊ะนั่งสีขาวมีดอกไม้ประดับกลางโต๊ะ ซุ้มถ่ายรูปที่ทำขึ้นอย่างสวยงาม เหล่าพนักงานบริษัททั้งชายหญิงต่างแต่งตัวด้วยชุดที่คัดสรรกันมาแล้วว่าเหมาะกับการมาเที่ยวทะเล“ขวัญน่ารักมากเลย” แพรวพริ้งเดินมายังงานพร้อมกับจอมขวัญ ตอนนี้หญิงสาวอยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวผ้าชีฟองสีขาวยาวกรอมเท้า มีผ้าคลุมไหล่สีฟ้าปิดไหล่มนไว้ ผมถูกมัดขึ้นอย่างลวกๆ ก่อนจะผูกด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนบางพร้อมกับแต่งหน้าเบาบาง แค่นี้จอมขวัญก็ดูสวยหวานน่ารักน่าทะนุถนอมแล้ว“พี่พริ้งก็น่ารักค่ะ” สองสาวเอ่ยชมกันก่อนจะเดินมาถึงงานแพรวพริ้งขอตัวแยกไปหาเพื่อนๆ ของเธอ จอมขวัญจึงยืนอยู่คนเดียว เธอมองหาปนิธิก่อนจะยิ้มให้เมื่อเขาหันมามองและกำลังเดินตรงมายังที่ที่เธอยืนอยู่“ขวัญสวยมาก” ชมพร้อมกับยิ้มหวานให้ ปนิธิหวังว่าการมาทะเลครั้งนี้จะทำให้ทั้งเขาและจอมขวัญพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้น เมื่อร่างบางได
๑๓โกหกทั้งเพใจดวงน้อยสั่นไหวด้วยความกลัวเมื่อคนตัวใหญ่ทั้งสองจับเธอกดลงบนพื้นหาดทรายโดยใช้แรงที่มีทั้งหมดบังคับจอมขวัญพยายามดิ้นรนหาทางสู้ แต่มีหรือที่เธอจะสู้แรงยักษ์ของทั้งสองได้“อย่าดิ้นดีกว่านะน้องสาว ปล่อยตามสบาย” มันว่าพร้อมกับแสยะยิ้มให้อย่างหื่นกระหายน้ำตาไหลลงมาเป็นสายด้วยความกลัวใจ เธอภาวนาอ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มีคนมาช่วยเธอ“ถอดออกให้หมดเลยมึง”มือบางพยายามปัดมือมันออกแต่ก็ไร้ผล กระโปรงตัวยาวถูกมันถลกขึ้นมาพร้อมกับลูบไล้ขาเรียวเนียนอย่างหยาบคายจอมขวัญร้องไห้เมื่อสัมผัสได้ถึงความหยาบกระด้างของมัน“มึงถอดกางเกงออกเลยเร็ว กูจับมันไว้ให้” บอกพรรคพวกก่อนจะจับจอมขวัญไว้แน่น ไอ้คนตัวใหญ่กว่ารีบลุกขึ้นถอดกางเกงอย่างรวดเร็วทำให้เห็นอวัยวะที่ตั้งแข็งขึ้นชัดเจนใบหน้าหวานเบือนหนีอย่างรังเกียจพร้อมกับดิ้นรนหาทางหนีแต่ไร้หนทาง มองไปทางไหนก็มีแต่ความมืดเข้าปกคลุม ใจดวงน้อยเต้นเร็วเมื่อมันเดินมาหาเธอพร้อมกับกระชากชุดออก“กรี๊ดดดด! !”ผิวขาวสะท้อนแสงจันทร์ทำเอาทั้งสองถึงกับมองตาวาว มันรอคอยมานานกับคนสวยแบบนี้จอมขวัญดิ้นหนีแต่ไม่สามารถไปไหนได้“มึงรีบถอดกางเกงเร็ว กูจะไม่ไหวแล
๑๔จดหมายเจ้าปัญหาถึงเวลากลับ พนักงานต่างเก็บภาพบรรยากาศไว้อย่างสนุกสนานเพราะไม่แน่ใจว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะได้กลับมาอีกหาดทรายสีขาว ทะเลสีฟ้า ท้องฟ้าสีคราม ช่างเป็นภาพที่น่าจดจำเสียจริงพร้อมกับที่พักสุดแสนจะเพอร์เฟกต์ของเจ้าของเกาะอีก ทำให้การพักผ่อนครั้งนี้พนักงานต่างได้พักเต็มที่และพร้อมที่จะกลับไปลุยงานในวันต่อไปได้ ดีที่วันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดเลยจะได้พักก่อนที่จะเริ่มทำงาน“พี่ปันคะ ถ้าถึงกรุงเทพแล้วช่วยไปส่งขวัญที่หมอชิตได้ไหมคะ” ระหว่างที่นั่งอยู่บนสปีดโบ๊ตของเจ้านายหนุ่ม จอมขวัญก็เอ่ยขึ้นกับปนิธิเบาๆ“ทำไมเหรอ ขวัญจะไปไหน” เขาอดถามไม่ได้ อีกฝ่ายจึงตอบเพราะไม่ได้ต้องการจะปิดบังไว้อยู่แล้ว “ขวัญจะกลับบ้านค่ะ คิดถึง ไม่ได้กลับนานแล้ว”หัวหน้าแผนกหนุ่มหล่อจึงพยักหน้ายิ้มให้“ได้สิ เดี๋ยวพี่ไปส่งถึงขอนแก่นเลยก็ได้นะ”“ไม่เอาค่ะ รบกวนเปล่าๆ พี่ปันกลับไปพักผ่อนเถอะ ขวัญไปเองได้” เมื่อตกลงกันได้อย่างที่ต้องการแล้วจึงดูบรรยากาศโดยรอบแทนจอมขวัญอดมองไปที่ชนวีร์ซึ่งนั่งข้างพุดน้ำบุษย์ ชี้ชวนกันมองทะเลอย่างมีความสุขโดยไม่หันมามองเธอเลยสักนิด..เรื่องเมื่อวานมันก็แค่ฝันไปสินะ ทั้งฝันร้ายและฝ
ตอนพิเศษ...รักวุ่นๆ ของหนุ่มตัวอ้วนเด็กหญิงตัวน้อยกำลังร้องไห้งอแงเพราะโดนพี่ชายคนกลางแกล้ง แขนเล็กพยายามจะตีพี่ชายแต่อีกฝ่ายก็ทำท่ายึกยักจะโดนก็ไม่โดนพอเธอเอามือออกพี่ชายก็เข้ามาใกล้“กาง กาง ฮือ” ยังพูดเป็นประโยคไม่ได้แต่เธอก็พยายามจะสื่อสารออกมา“ตากลางแกล้งอะไรน้องอีกล่ะลูก” คุณแม่คนสวยเดินเข้ามาหาลูกสาวคนเล็กในห้องที่เต็มไปด้วยของเล่นของเด็กน้อย อันที่จริงเธอกับสามีซื้อให้ลูกไม่ได้เยอะขนาดนี้ แต่เป็นของพี่ๆ ที่ตกทอดมาสู่น้อง และบริษัทคู่ค้าของสามีก็ขยันส่งของมาดีเหลือเกินจนห้องเต็มไปด้วยของเล่นเด็กแทบไม่มีที่จะเดินแล้ว“เปล่านะครับแม่ กลางแค่มาหยอกน้องเอง น้องจะหัวเราะอารมณ์ดีไง” เด็กแสบยิ้มประจบมารดาหลังจากที่เธออุ้มลูกสาวพลางลูบหลังปลอบจนเด็กน้อยคลายความหงุดหงิดที่พี่ชายมากวน“แม่ ตี ตีกาง” ยายน้องหรือคุณหนูลูกจัน จันทนิภา กิจขจรไพศาลเด็กหญิงวัยสองขวบที่เพิ่งจะพูดได้ไม่กี่คำบอกแม่ให้ทำโทษพี่ชายตัวเอง“ตีหรือคะ พี่กลางแกล้งหนูใช่ไหม” คุณแม่หันมาถามซึ่งสาวน้อยก็พยักหน้าทันที“อะไรกัน พี่ไม่ได้แกล้งน้องสักหน่อย”“เดี๋ยวเถอะตากลาง แม่จะไม่ทำขนมให้ลูกกินนะครับ”ได้ยินแม่ขู่แบบนั้น
บทส่งท้ายหลังจากผ่านเรื่องร้ายต่างๆ มา ชนวีร์ก็ได้เข้าไปขอขมาครอบครัว จอมขวัญอย่างเป็นทางการเมื่อเขาหายจากอาการบาดเจ็บพอที่จะเดินเหินสะดวกแล้ว พร้อมทั้งยังพูดเรื่องแต่งงานกับเธออีกด้วยแต่ครอบครัวจิดากุลบอกว่าทางบ้านถือเรื่องแต่งงานทั้งที่ยังท้องว่าจะทำให้เลิกกันจึงบอกให้รอลูกออกมาเสียก่อนค่อยจัดงานแต่ง ซึ่งก็มีทั้งที่บ้านของฝ่ายหญิงก่อนจะมาฉลองที่บ้านฝ่ายชายด้วยเช่นกัน“ขวัญเป็นอย่างไรบ้างครับ” ร่างสูงวิ่งกระหืดกระหอบมา หลังจากประชุมเสร็จ ใบหน้าคมเข้มมีเหงื่อผุดขึ้นเต็มเพราะวิ่งขึ้นบันไดมา รอลิฟต์ก็แสนจะช้าไม่ทันใจคุณพ่อมือใหม่ตอนนี้ครอบครัวจอมขวัญรอหน้าห้องคลอดมีทั้งพ่อตูมตาม แม่ยิ้ม ยายขิม ตาเม่นและกองทัพซึ่งลาหยุดเพื่อมาดูหน้าหลานคนแรกโดยเฉพาะ“ไม่รู้เหมือนกัน รอนานแล้วยังไม่ออกมาเลย” แม่ยิ้มตอบด้วยความกังวล“น้ำไหมพี่” กองทัพเอ่ยทักก่อนยื่นน้ำเปล่าให้ชนวีร์เขารับแล้วกรอกเข้าปากทันทีด้วยความเหนื่อยอีกทั้งตื่นเต้นด้วยว่าลูกจะออกมาหน้าตาอย่างไร แข็งแรงไหม จะหน้าเหมือนพ่อหรือเหมือนแม่ ตอนจอมขวัญท้องเขาดูแลไม่ห่างซื้อหนังสือมาอ่านโดยเฉพาะรอบรู้มากกว่าคุณแม่เสียอีก“ขอบใจมาก” เขาต
๒๕จากนี้และตลอดไปการเดินทางไปกลับระหว่างกรุงเทพฯ กับขอนแก่นของชนวีร์ทำให้เขาเมื่อยล้ากว่าที่คิดมากนัก เขานั่งเครื่องบินบ้างและให้คนขับรถให้บ้างสลับกันไปงานที่บริษัทก็หนัก บางครั้งก็ต้องบินไปต่างประเทศเพื่อติดต่องานกับลูกค้า เหลืออีกเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้นก็จะครบสามเดือน แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่ามันนานเหลือเกินอาจจะเป็นเพราะว่าเขาต้องทำงานหลายอย่างก็เป็นได้วันนี้ชนวีร์เคลียร์งานทุกอย่างแล้วขับรถมาขอนแก่นเพียงลำพังไม่ได้ให้ลูกน้องตามมา“สวัสดีครับ” เขาแวะเข้ามาที่บ้านผู้ใหญ่บ้านเพื่อทักทายสวัสดีก่อน เป็นแบบนี้ทุกครั้งก่อนจะกลับไปอยู่ที่กระท่อมโล่งซึ่งตอนนี้เขาก็เริ่มชินกับมันเสียแล้ว ลมธรรมชาติเย็นสดชื่นเสียยิ่งกว่าเครื่องปรับอากาศเสียอีก“มาเสียค่ำเชียว กินข้าวกินปลาหรือยัง” แม่ยิ้มเอ่ยถามเพราะตอนนี้ครอบครัวของนางกำลังจะรับประทานอาหารจอมขวัญที่ถือข้าวมาก็หันมามองเขาสักครู่ก่อนเดินเลี่ยงไปทางอื่น ชนวีร์มองหน้าหล่อนแล้วก็ชื่นใจ แค่เห็นเท่านี้เขาก็พอใจมากแล้ว“ยังเลยครับ” กะจะพูดต่อว่าขอฝากท้องด้วยแต่พ่อตูมตามก็เดินมามองตาขวางเสียก่อน“งั้นเอ็งก็มากินด้วยกัน จะได้รีบกลับไปอาบน้ำ
๒๔บทพิสูจน์วันต่อมาชนวีร์ก็ยังกลับมาที่หน้าบ้านเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้แปลกที่เขาได้ถูกเชิญให้เข้ามาภายในบ้านหลังนี้ดวงตาเรียวสำรวจรอบบ้านที่ถูกตกแต่งไว้อย่างน่ารัก มีรูปครอบครัววางไว้บ้างในบางมุม เขาดูรูปจอมขวัญตอนเด็กแล้วก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อคิดว่า..ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปมากเพียงใดเพื่อเขา แล้วต่อจากนี้ไปเขาจะตอบแทนด้วยการดูแลเธอไปตลอดชีวิตเอง“นั่งลงสิ จะยืนอีกนานไหม” ตาเม่นพูดเสียงเข้มแม้จะไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้จอมขวัญขอตัวออกไปข้างนอกเพราะไม่อยากทนที่จะเห็นหน้าเขาในบ้านของตัวเอง ตอนนี้จึงมีตาเม่น ยายขิม พ่อตูมตาม แม่ยิ้ม แล้วก็กองทัพเท่านั้น“สวัสดีครับ” เขานั่งลงบนโซฟาแล้วยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อมแต่บุรุษสองคนกลับไม่ยอมรับจนเขาอดหน้าเสียไม่ได้“สวัสดีนะครับ ผมกองทัพน้องชายของพี่ขวัญ” ลูกชายคนเดียวของบ้านแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความเป็นมิตรอยู่ในนั้นเลย..แน่นอนละถ้าไม่เห็นว่าพี่สาวของเขารักผู้ชายคนนี้มากขนาดไหนคงไม่มีวันที่เขาจะยอมยกจอมขวัญให้หรอก“ครับ ผมชนวีร์” เขาเอ่ยแนะนำตัวบ้างก่อนที่พ่อตูมตามจะเอ่ยขึ้นมา“เอาละ ที่ผมยอมให้คุณเข้ามาไม่ได้มาจากความเต็มใจเลย”
๒๓จนกว่าเธอจะใจอ่อน“พ่อทำแบบนี้ได้ยังไง” เสียงแม่ยิ้มเอ่ยถามสามีตนเองด้วยความผิดหวังหลังจากเพื่อนบ้านมาถามไถ่ถึงเรื่องผู้ใหญ่บ้านสามีของนางเอาปืนยิงชายหนุ่มตัวสูง เธอเดาได้ทันทีว่าคนที่กล่าวถึงเป็นใครก่อนจะตามมาถามสามีถึงในไร่“ทำอะไรแม่” กำลังคุมคนงานอยู่ก็ต้องหันมาถามภรรยาที่รักว่าเกิดอะไรขึ้น“พ่อยิงคุณชนวีร์ใช่ไหม” ถามเสียงเครียดแต่พ่อตูมตามกลับไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร“แค่ถากไม่โดนหรอก” ตอบมาอย่างไม่ยี่หระต่อสิ่งที่ตนเองทำแม้ว่าจริงๆ แล้วจะรู้สึกผิดอยู่บ้างแต่ด้วยทิฐิที่มีมากจึงทำเป็นนิ่งเฉย“แล้วถ้าเขาฟ้องพ่อจนติดคุกติดตารางขึ้นมา จะทำยังไง ทำไมไม่คิดบ้างนะ หัวมีแต่ขี้เลื่อยหรือไง” ยิ่งพูดยิ่งอารมณ์เสียกับสามี..ปกติเป็นคนอ่อนโยนแท้ๆ แต่ทว่ามาคราวนี้กลับมุทะลุจนคนเป็นเมียตามแทบไม่ทัน เข้าใจแล้วก็วันนี้ว่าเหนือพ่อของตนเองยังสามีที่หวงลูกสาวมากขนาดไหน“พ่อขอโทษจ้ะแม่”“คนที่พ่อควรขอโทษไม่ใช่แม่ ไปขอโทษคุณวีร์เขานู่น” ว่าจบก็ไม่ฟังคำตอบอะไรอีกแม่ยิ้มเดินออกมาจากสวนขับมอเตอร์ไซค์ออกไปทันทีปล่อยผู้ใหญ่บ้านมองตามตาละห้อย..ทะเลาะกับเมียไม่เว้นวันจริงๆ ไอ้ตูมตามเอ๊ย“ไม่มีทางหรอก” ว่าแ
๒๒ลูกเขยไม่ซ่าเพราะพ่อตาสุดโหดร่างหนาบนเตียงเริ่มขยับ ทำให้คนที่เฝ้าหันไปมองด้วยความสนใจทันที ตาเรียวยาวค่อยๆ ปรือมองบริเวณโดยรอบก่อนจะเห็นคนที่นั่งเฝ้าก็อดถอนหายใจไม่ได้..ไม่เคยได้ญาติดีกันเลยแต่คราวนี้ทำไมคนที่เฝ้าเขาดันเป็นลูกน้องที่แอบหลงรักเมียเขาไปเสียนี่“หมอบอกว่าให้คุณพักผ่อนให้พอ ฉีดยาให้แล้วเพราะคุณเป็นไข้ อ่อนเพลีย”สองหนุ่มมองหน้ากันนิ่งราวกับจะหยั่งเชิงกันและกันเป็นปนิธิที่ถอนหายใจออกมาเสียก่อน เขาลุกออกไปทิ้งไว้เพียงชนวีร์ที่มองตามก่อนจะเริ่มสังเกตโดยรอบว่าที่นี่เป็นเพียงสถานีอนามัยเล็กๆ มีที่นอนเหมือนห้องพยาบาลที่โรงเรียน มีเพียงม่านกั้นเตียง เตียงก็เล็กประมาณสามฟุต อยากจะลุกขึ้นแต่ร่างกายกลับล้าไปหมดเลยทำได้เพียงแค่นั่งพิงหัวเตียง มองด้านข้างก็เห็นน้ำเปล่าเขาจึงดื่มเข้าไปด้วยความกระหาย“ที่ผมมาหาขวัญวันนี้ก็กะว่าจะเอาของสำคัญมาให้เขา แต่ผมคิดว่าคนที่ควรจะได้มันน่าจะเป็นคุณ” สมุดเล่มหนึ่งถูกวางไว้ตรงหน้าตักชนวีร์“ขอให้หายเร็วๆ นะครับท่านประธาน แล้วเจอกันที่ทำงาน” ร่างสูงกล่าวจบก็หันหลังจะเดินออกไปแต่กลับคิดอะไรบางอย่างออกมาได้ “ขวัญเขารักคุณมากนะ ถ้าคุณได้โอกาสจากเ
๒๑ผมขอโทษข่าวงานแต่งของนักธุรกิจหนุ่มล่ม ดังชั่วข้ามคืน สื่อพากันตีแผ่ถึงเรื่องราวต่างๆ ตามที่ได้รู้มาจากแขกที่ไปร่วมงาน เนื่องมาจากเจ้าของงานได้กันสื่อมวลชนให้อยู่แต่เพียงด้านนอกเท่านั้นข่าวดังเพียงช่วงเช้า บ่ายมาก็เงียบหายราวกับเรื่องไม่เคยเกิดขึ้นเพราะคุณชนวัตรได้ทำการปิดข่าวทุกแขนง เรื่องจึงเงียบหายไปในที่สุดโทรทัศน์ถูกปิดเมื่อการรายงานข่าวจบลง ร่างบางพยายามไม่สนใจแล้วเดินไปยังครัวเพราะต้องไปส่งขนมช่วงเช้า เธอทำใจได้มากขึ้นหลังจากที่เขากลับไปแล้วไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย คนในบ้านยังไม่มีใครรู้ว่าคนที่เป็นพ่อเด็กคือใครและเธอก็คิดไว้แล้วว่าจะปิดเรื่องนี้ให้เป็นความลับต่อไป เพราะถึงเปิดเผยไปก็ไม่มีผลดีกับใครทั้งนั้น“ขวัญไปก่อนนะคะ แล้วจะรีบกลับมา” บอกคนในครอบครัวแล้วก็ขับรถออกไปทันทีในระหว่างทางก็คิดถึงเรื่องราวที่ได้รับรู้ทางโทรทัศน์..งานแต่งของเขาถูกยกเลิกแล้วอย่างนั้นหรือ เกิดอะไรขึ้นกันทำไมถึงยกเลิกกะทันหันแบบนี้คำถามร้อยแปดวนเวียนไปเรื่อยจนเธอเกือบจะหลงทางเสียแล้ว ดีที่ดึงสติของตนกลับมาได้ทันหลังจากส่งขนมเสร็จก็เข้าห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของใช้ที่หมดแล้ว เธอมองดูเสื้อผ้าเด็
๒๐ความจริงเปิดเผยจอมขวัญขับรถตรงกลับบ้านแต่ระหว่างทางก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา รถกระบะของพ่อเธอดันมาเสียกลางทางและแน่นอนว่าเธอซ่อมไม่เป็น..แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรดีมือบางปาดน้ำตาที่ไหลลงมาก่อนจะลงรถเพื่อไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เธอยกกระโปรงรถขึ้นเพื่อเช็กเครื่องที่พอจะมีความรู้อยู่บ้างในเรื่องนี้แต่ก็พบว่ามันปกติจนกระทั่งเธอเหลือบไปเห็นล้อหน้าที่แบนอย่างชัดเจน“โธ่เอ๊ย!” อยากจะกุมขมับ..ทำไมยางต้องมาแบนด้วยนะ ตอนนี้เธอกำลังอยู่บนถนนปากทางของตำบลที่เธออยู่ กว่าจะขับเข้าไปในหมู่บ้านของเธอก็ใช้เวลากว่ายี่สิบนาที“โทรศัพท์” คิดได้ก็รีบควานหาโทรศัพท์ทันทีแต่ดันลืมว่าเมื่อคืนไม่ได้ชาร์ตไว้ทำให้โทรศัพท์เธอนอนตายอยู่ในรถไม่สามารถทำอะไรได้ ยิ่งทำให้จอมขวัญเจ็บใจเข้าไปอีกทางเดียวที่ทำได้คือการเปลี่ยนล้อรถยนต์ก่อน ร่างบางหาอุปกรณ์หลังรถก่อนจะพยายามมุดใต้ท้องรถเพื่อเอายางรถสำรองออกมาแต่ดูเหมือนมันจะยากเหลือเกิน“ว้าย!” เสียงร้องตกใจพร้อมกับร่างบางที่ออกมาจากใต้รถเพราะมีคนมาจับขาเธอ พอเห็นคนฉวยโอกาสก็หน้าบึ้งทันทีเป็นชนวีร์ที่ขับรถตามมานั้นเอง เขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเพียงแค่อยากรู้ว่าเธอจะจัดการก
๑๙เข้าใกล้ร่างสูงเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ของเพื่อนรักตนเอง เพราะแน่ใจว่าชนวีร์ไม่อยู่อย่างแน่นอนเนื่องจากเขาถามเลขาของเพื่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้วและได้ข่าวว่าตอนนี้เพื่อนตัวดีไปทำงานที่ต่างประเทศ เพราะฉะนั้นทางวันนี้สะดวกแน่นอน คุณลุงกับคุณป้าก็ไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัดเตรียมตัวลุยกับงานแต่งของลูกชายคนเดียวดังนั้นจึงเหลือสาวน้อยคนเดียวที่อยู่ภายในบ้านหลังนี้นั้นก็คือ“พี่พีร์”“น้องมิน” บุษบามินตรานั่งอ่านนิตยสารอยู่ที่ห้องรับแขกอย่างสบายอารมณ์ มีเสียงเพลงเปิดคลอเบาๆ ไร้ซึ่งอาการของคนที่ถูกบังคับให้แต่งงานโดยสิ้นเชิง..แบบนี้มันยิ่งกว่าอยากแต่งเสียอีกพีรยศคิดในใจ“พี่พีร์มีธุระอะไรกับมินหรือเปล่าคะ” มือบางปิดนิตยสารลง ใบหน้าหวานอมยิ้มเพียงเล็กน้อย“พี่อยากมาฟังจากปากน้องมิน ว่ามินรักไอ้วีร์หรือเปล่า”..เอาวะ ขอสวมบทบาทเล่นละครสักเล็กน้อยหน่อยแล้วกัน ถึงจะไม่ถนัดก็เถอะ“มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะคะว่ามินจะรักหรือไม่รักพี่วีร์ เพราะไม่ว่ายังไงมินก็ต้องแต่งงานกับพี่วีร์อยู่แล้ว” ตอบกลับมาด้วยใบหน้าเรียบเฉยก่อนจะพูดประโยคเจ็บ..นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงได้น้ำตาตกในเป็นแน่“และอีกอย่าง ถึงมินจ