Share

๖ เมารัก

เมารัก

ร่างบางส่องกระจกเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองหลังได้รับโทรศัพท์จากบุษบามินตราช่วงเช้าที่ผ่านมาว่าจะมารับเธอไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าที่ตนเองดูแลร้านเพชรอยู่ มีเรื่องราวมากมายที่ต้องการจะคุยด้วย จอมขวัญก็ตอบรับปากไป ทั้งสองสาวจึงนัดกันเวลาสิบโมงครึ่งที่ห้างดัง

ระหว่างที่เดินออกมาจากห้องเพื่อไปขึ้นรถเมล์ที่ตอนนี้คนก็เยอะพอสมควร สองเท้าเดินไปอย่างไม่เร่งรีบเพราะเธอกะเวลาแล้วว่าอย่างไรก็ไปถึงที่นัดหมายก่อนเวลาอย่างแน่นอน

“สวัสดีค่ะแม่”

“เป็นอย่างไรบ้างขวัญ ไม่ค่อยโทรหาแม่เลยนะ”

ร่างบางอมยิ้มก่อนจะออดอ้อนแม่บอกถึงสาเหตุที่ไม่ค่อยได้โทรไปหา

“ขอโทษนะคะแม่ ขวัญยุ่งมากงานเต็มโต๊ะเลยจริงๆ น้า” เสียงหวานตอบกลับไปจนมารดาที่กำลังนั่งเย็บผ้าอยู่คิดว่าถ้าลูกสาวอยู่ด้วยตอนนี้ต้องกอดเธอเป็นแน่แท้

“จ้า งานเยอะก็อย่าหักโหมนะลูก พักบ้างนะ เดี๋ยวถ้าพ่อกับแม่ว่างจะลงไปหานะ ตาก็บ่นถึงเราตลอดเวลาเลย จนยายต้องปรามบ้าง”

หล่อนหัวเราะออกมาด้วยความขำ ตามักจะเป็นแบบนี้เสมอตั้งแต่สมัยที่เธอมาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพแล้ว ตาของเธอมักจะหวงหลานเสมอเพราะหลานสาวออกจะสวยปานนั้น

“ฝากบอกตาด้วยนะคะว่าขวัญคิดถึงมาก แม่คะรถมาแล้ว ขวัญต้องไปแล้ว รักแม่นะคะ” เมื่อได้ยินเสียงมารดาตอบรับก่อนจะกดตัดสายไป รถก็มาจอดเทียบพอดี คนลงมามากพอสมควรทำให้บนรถมีที่นั่งว่าง

จอมขวัญเดินไปนั่งที่นั่งเดียวทันทีก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง แม้จะมาเรียนที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปีสี่ เธอก็ไม่ชอบบรรยากาศของที่นี่เอาเสียเลย มีทั้งฝุ่นทั้งควัน มองไปทางไหนก็มีแต่ตึกไม่เหมือนที่บ้านของเธอที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า ที่นาก็มีหนองน้ำใสสะอาดให้เล่น มีผลไม้ปลูกเองเก็บกินได้ทุกเมื่อ เธอชอบการใช้ชีวิตที่สุขสบายแบบนั้นมากกว่าแต่ก็ต้องเลือกมาทำงานที่กรุงเทพฯ เพราะเงินเดือนที่ได้นั้นก็ไม่ใช่น้อย

นั่งคิดไปเรื่อยเปื่อยรถก็มาถึงที่หมายแต่เธอก็ต้องต่อรถไปอีกจนถึงจุดหมายก่อนเวลานัดสิบห้านาที

จอมขวัญเดินดูของไปเรื่อยเพื่อรอให้ถึงเวลานัด จนเมื่อมองนาฬิกาอีกครั้งเข็มยาวก็ชี้ที่เลขห้า เธอจึงใช้เวลาเดินไปหาบุษบามินตราภายในเวลาห้านาทีก็ถึงยังที่นัดพบ พอดีกับที่รุ่นน้องคนสนิทเดินส่งยิ้มมาให้แต่ไกล

“มาตรงเวลาเป๊ะเลยค่ะพี่ขวัญ” รุ่นน้องเอ่ยชมก่อนเชิญให้จอมขวัญเข้าไปภายในร้านอาหารที่นัดกัน เป็นร้านอิตาเลี่ยนชื่อดัง

บุษบามินตรายื่นเมนูให้จอมขวัญเลือกก่อนจะจัดการเลือกของตนเองหลังจากเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสองก็พูดคุยกัน

“พี่ขวัญทำงานเป็นอย่างไรบ้างคะ”

“ก็ดีค่ะ ถึงแม้งานจะเยอะแต่ก็สนุกดีทำงานตรงกับสายที่เรียนมา” หล่อนบอกตามที่คิดไว้เพราะมีหลายคนชอบพูดว่าเรียนจบออกมาแล้วทำงานไม่ตรงกับสายที่ตนเองเรียนก็เยอะ

“แล้วเรื่องอื่นละคะ”  

“คะ” คำถามแบบอ้อมๆ ของบุษบามินตราทำให้จอมขวัญงงจนต้องเลิกคิ้วแล้วถามออกมาอีกครั้ง “น้องมินหมายถึงอะไรหรือคะ”

“เอ่อ งั้นมินไม่อ้อมค้อมแล้วนะคะ เรื่องของพี่ขวัญกับพี่วีร์พี่ชายสุดหล่อของมินนี่เป็นอย่างไรคะ ตกลงพี่สองคนคบกันจริงๆ ใช่ไหม”

แววตาซุกซนที่จอมขวัญมองเห็นนั้นทำให้เธอหน้าแดงเมื่อคนตรงหน้าล้อเลียน

“เปล่าค่ะ พี่ไม่ได้คบกับคุณวีร์ เรื่องที่น้องมินได้ยินมาไม่จริงหรอกค่ะ” ปฏิเสธไปอย่างเขินอาย

แต่บุษบามินตราก็ดูออกว่าพี่สาวตรงหน้าคิดกับพี่ชายเธอมากกว่าเจ้านายทั่วไปแน่ แค่มองตาเธอก็รู้แล้ว

“แต่มินว่า”

“อาหารมาพอดีเลยค่ะน้องมิน” โชคเข้าข้างเธอพอดีที่อาหารมาเสิร์ฟ

ทั้งสองจึงเริ่มรับประทานอาหารกันโดยไม่ได้พูดกันสักเท่าไหร่ เมื่อกินอิ่มแล้วบุษบามินตราก็ไม่พลาดที่จะสนทนาที่ค้างไว้ทันทีราวกับงูจ้องเหยื่อเพื่อรอโอกาส

“พี่ขวัญชอบพี่ชายมินใช่ไหมคะ”

คำถามแบบไม่อ้อมค้อมแทบจะทำให้จอมขวัญสำลักน้ำดีที่ตั้งสติทัน จึงรีบส่ายหน้าทันที

“เปล่านะคะ พี่คิดว่าน้องมินคงเข้าใจผิด” แน่นอนว่าเธอโกหกและดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้เพราะดวงตากลมโตจ้องตาเธออย่างค้นหา จอมขวัญจึงเสหลบตามองไปทางอื่น

“อ้อ ถ้าอย่างนั้นมินคงเข้าใจผิดเอง พี่ขวัญคะ กินเสร็จแล้วช่วยมินไปเลือกซื้อของให้ลูกสาวเพื่อนมินได้ไหมคะ” คำถามแกมขอร้องนั้นทำให้จอมขวัญปฏิเสธไม่ลงเธอตอบรับ

ทั้งสองสาวจึงเดินออกไปด้วยกันทำเอาผู้ชายมองตามแทบเหลียวหลังเพราะบุษบามินตราก็สวยเปรี้ยว ดวงตาเหมือนกับยิ้มตลอดเวลานั้นทำเอาชายหนุ่มหลายคนเพ้อไปเป็นวันทีเดียว หุ่นสูงราวกับนางแบบไม่ดูผอมเกินไปทุกอย่างสมส่วนอย่างลงตัว ส่วนจอมขวัญนั้นก็สวยหวาน ทรวดทรงองค์เอวราวกับสวรรค์ปั้นมา ใบหน้าก็หวานซึ้งตรึงใจทำเอาผู้ชายหลายคนถึงกับเลือกไม่ถูกว่าจะมองใครดี

“เด็กเพิ่งคลอดหรือคะ”

ของในร้านน่ารักทั้งนั้นจนเธอชักอยากจะมีลูกเอง

“ใช่ค่ะ สัปดาห์หนึ่งได้มั้งคะ” บุษบามินตราเลือกถุงมือสีหวานให้หลานได้หลายคู่

“เอ่อ”

บุษบามินตราเลือกซื้อของให้เด็กน้อยได้เสื้อและกางเกงและหมวกไหมพรมถักสีอ่อนแสนน่ารัก ถ้าเธอมีลูกสาวคงได้หมดเงินเป็นกระบุงแน่เพราะเธออาจจะมาเหมาเอาจนหมดร้านก็เป็นได้ เมื่อได้ของที่ต้องการแล้วบุษบามินตราก็ชวนพี่สาวเดินดูของทั่วห้างจนได้ของเยอะเต็มไปหมด

“ดีจังเลย มินไม่ได้เดินแบบนี้มานานมากแล้ว ปกติทำแต่งาน” ทั้งสองมานั่งอยู่ร้านขนมหวาน สั่งน้ำหวานมาคนละแก้วดื่มแก้กระหายก่อนที่บุษบามินตราจะยื่นเสื้อผ้าที่แอบซื้อให้จอมขวัญ

“อะไรคะ”

“เสื้อกับกระโปรงค่ะ มินว่าถ้าพี่ขวัญใส่ต้องสวยมากแน่ๆ เลย”

ด้วยความเกรงใจจอมขวัญว่าจะไม่รับแต่รุ่นน้องก็คะยั้นคะยอเธอจนต้องรับไว้ในที่สุด

“พี่คงต้องกลับแล้ว ขอบคุณน้องมินที่ชวนพี่มาเดินเล่นนะคะ สนุกมากเลย” ลุกขึ้นได้จอมขวัญก็เอ่ยลากับบุษบามินตรา

“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ขวัญกลับอย่างไรคะ”

“พี่ว่าจะขึ้นรถเมล์กลับ”

คำตอบของพี่สาวทำให้บุษบามินตราสงสารเธอจึงบอกว่าจะไปส่งเองแต่พี่สาวคนนี้ก็ขี้เกรงใจจนอีกฝ่ายต้องยอมแต่บอกว่าจะเดินไปส่งที่ข้างล่างซึ่งจอมขวัญก็ไม่ได้ปฏิเสธเพราะถึงจะบอกไปอย่างไรน้องคนนี้ก็ไม่ทำตามอยู่ดี

เดินลงมายังที่รอรถหน้าห้างสรรพสินค้าที่ตอนนี้รถกำลังวิ่งด้วยความเร็วและมีเป็นจำนวนมากบนท้องถนน ผู้คนที่รอรถต่างก็มีกิจกรรมเป็นของตัวเอง บุษบามินตราจึงหันมาคุยกับพี่สาวคนสนิทเพื่อเป็นการรอไฟสัญญาณข้ามถนน

“ครั้งหน้ามาเที่ยวด้วยกันอีกนะคะ” ระหว่างรอข้ามถนนนั่นเองบุษบา มินตราก็บอก

จอมขวัญก็ไม่ปฏิเสธ ยิ้มกลับไปพร้อมพยักหน้าอย่างยินดี ทั้งสองรอสัญญาณไฟด้วยกันแต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อมีคนกระชากกระเป๋าหญิงแก่ที่อยู่ด้านหลังของบุษบามินตราก่อนจะผลักเธอให้พ้นทาง ทำให้ร่างบางเซไปชนกับจอมขวัญที่อยู่ติดริมถนนจนอีกฝ่ายเสียการทรงตัวตกจากฟุตปาธมาพอดีกับที่รถยนต์สี่ประตูวิ่งมาอย่างรวดเร็ว

“พี่ขวัญ!!” บุษบามินตรามองอย่างตกใจ

จอมขวัญเบิกตากว้างเมื่อรถเข้าใกล้เธอมากขึ้นก่อนจะหลับตาลงภาวนาให้เธอรอดพ้นจากความตาย ร่างบางรับรู้ได้ถึงแรงกระแทกที่ได้รับก่อนจะนิ่งไป ใบหน้าหวานหลับตาแน่นแล้วเริ่มรู้สึกตัวว่าไม่เจ็บจึงลืมตาขึ้นเห็นว่ามีคนมาช่วยเธอไว้ได้เสียก่อน

“คุณ เป็นอะไรรึเปล่าครับ” ชายหนุ่มวัยกลางคนนั่นเองที่มาช่วยเธอเอาไว้

หญิงสาวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อคิดว่าตัวเองผ่านพ้นวินาทีชีวิตมา

“ไม่ค่ะ คุณล่ะคะ” มองสำรวจก็ไม่พบว่าเขาเป็นอะไร จอมขวัญเอ่ยขอบคุณชายคนนั้นยิ้มให้แล้วเดินจากไปก่อนที่บุษบามินตราจะเข้ามาดูอาการพร้อมกับไทยมุงที่เริ่มกระจายตัวออกไป

“พี่ขวัญเจ็บหรือเปล่าคะ” ใบหน้าหวานของน้องสาวคนสวยมีน้ำตาไหลลงมาเป็นทาง

“น้องมินร้องไห้ทำไมคะ”

“มินกลัวพี่ขวัญเป็นอะไรไป มินขอโทษนะคะ มินไม่ได้ตั้งใจ มินขอโทษ มินผิดเอง” ยิ่งพูดบุษบามินตราก็ยิ่งร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกผิด

จอมขวัญลุกขึ้นกอดน้องสาวแล้วปลอบ

“พี่ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ไม่เป็นอะไรแล้ว” บอกไปอย่างนั้นแต่เมื่อกี้ก็อดกลัวไม่ได้ เหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ถ้าไม่ได้ผู้ชายคนนั้นช่วยไว้เธอคงไม่ได้มายืนหายใจอยู่แบบนี้เป็นแน่

“เดี๋ยวมินให้คนรถไปส่งพี่ขวัญนะคะ นะ ให้มินไปส่งนะคะ มินเป็นห่วง”

เห็นอีกฝ่ายกังวลแบบนั้นเธอก็ไม่ขัดเพราะตัวเองก็กลัวอยู่เหมือนกัน ทั้งสองเดินขึ้นไปบนห้างสรรพสินค้าก่อนที่บุษบามินตราจะสั่งให้คนขับรถของเธอไปส่งจอมขวัญที่หอพักของหญิงสาว

“พี่ขวัญถ้าถึงบ้านแล้วโทรหามินนะคะ มินจะได้สบายใจ”

ร่างบางพยักหน้าตอบรับแล้วขึ้นรถไปโดยมีน้องสาวคนสวยยืนมองตามจนรถขับออกไปไกล เธอจึงเดินเช็ดน้ำตาขึ้นไปบนห้างสรรพสินค้าอย่างสบายใจขึ้นมากกว่าเมื่อกี้

มาถึงห้องของตนเองจอมขวัญก็ยังไม่หายขวัญเสียจากเรื่องเมื่อไม่      กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เธอยังคงกลัวเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น ถ้าไม่มีใครมาช่วย ชีวิตของเธอในชาตินี้คงจบแต่เพียงเท่านี้

ร่างบางนอนลงที่เตียงจากความเหนื่อยทั้งกายและใจ ถ้าตอนนี้อยู่บ้านคงมีแม่ให้กอดแต่เธออยู่คนเดียวก็คงต้องกอดตัวเอง ใบหน้าหวานหลับพริ้มก่อนที่ลมหายใจจะสม่ำเสมอบ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้เธอได้เข้าสู่ห้วงนิทราเป็นอันเรียบร้อยแล้ว

บานประตูเลื่อนถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา เสียงฝีเท้าที่แทบจะไร้น้ำหนักทำให้คนเพิ่งหลับไม่รู้สึกตัว ช่วงบ่ายของวันเสาร์ไม่ค่อยมีคนอยู่หอพักเท่าไรเพราะไปทำงานกันเป็นส่วนมากแม้จะเป็นวันหยุดก็ตาม อันตรายคืบคลานเข้ามาใกล้แต่ดูทีท่าว่าหล่อนจะไม่รู้สึกตัวสักนิด

ดวงตาแข็งกระด้างมองไปที่ร่างซึ่งนอนหลับใหลด้วยแววตามาดร้าย มือหยิบมีดขึ้นมาระหว่างที่เดินเข้าไปใกล้คนที่อยู่บนเตียง

ริมฝีปากแสยะยิ้มในระหว่างที่เงื้อมีดขึ้นสูงเหนือศีรษะเตรียมที่จะแทงคนที่กำลังอยู่ในห้วงนิทราแต่แล้วกลับมีแรงมายื้อไว้เสียก่อน หันกลับไปก็พบชายหนุ่มร่างสูงที่มาจับมีดไว้แล้วพยายามบิดข้อมือของคนร้ายเพื่อให้มีดหลุด

“ปล่อย” เสียงที่เปล่งออกมาทำให้ข้อสงสัยของชนวีร์ชัดเจนว่าคนในชุดสีดำเป็นผู้หญิงและดูเหมือนว่าจะมีทักษะในทางด้านการต่อสู้ดีเสียด้วยเพราะหลังจากที่เขาทำมีดหล่นลง อีกฝ่ายก็โต้กลับด้วยการจับแขนเขาแล้วขัดขาไปด้านหลังเกือบเสียหลักล้มเหมือนกัน ดีที่แก้ได้เขาผลักอีกฝ่ายบ้างแต่ดูเหมือนจะโต้กลับได้ดีเกินคาดและนั้นทำให้เขาพลาดปล่อยมันลงไปทางระเบียงได้อย่างเฉียดฉิว

“บ้าฉิบ!” มองตามไปไม่เห็นแม้แต่เงาของคนร้ายเขาหัวเสียพอสมควรที่เรื่องราวเป็นแบบนี้ อันที่จริงวันนี้คิดว่าจะพาคนที่นอนบนเตียงไปเดินดูของด้วยกัน เผอิญเห็นคนปีนเข้ามาที่ระเบียงเขาเลยรีบมาช่วยได้ทันท่วงทีไม่เช่นนั้นแล้วป่านนี้คนที่นอนหลับคงได้กลายเป็นศพ

“จอมขวัญ ขวัญ ตื่น” เขาเดินเข้าไปปลุกแต่ดูท่าว่าร่างบางจะไม่ยอมตื่นเพราะปัดมือเขาออกแล้วพลิกตัวไปอีกทางหนึ่งราวกับว่าเขารบกวนการนอนของเธอ “ตื่นได้แล้ว”

“อือ ขอเวลาอีกหน่อยนะคะ” สะลึมสะลือพูดแล้วนอนต่อ

ร่างสูงเริ่มหงุดหงิดเมื่อดูแล้วอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะตื่นทั้งๆ ที่เมื่อกี้มีคนจะเข้ามาทำร้ายเธอแท้ๆ 

..ทำไมไม่ดูแลตัวเองบ้างเขาคิดแล้วก็หงุดหงิด ถ้าเธอเป็นอะไรมาคนอื่นจะเป็นอย่างไร

คิดแล้วเข้าก็ชะงัก

..เขาเป็นห่วงเธอหรือคำตอบในหัวตอบว่าไม่ แต่ทำไมความรู้สึกเหมือน กับขัดแย้ง

ชนวีร์สลัดความคิดนั้นออก เสียงโทรศัพท์มือถือมาช่วยให้เขาออกจากความคิดที่ไม่อยากยอมรับเมื่อดูเบอร์ที่โทรเข้ามาก็ตัดสินใจรับ

“ว่าไงคุณวิไล” เลขาของเขานั่นเอง

“คุณวีร์คะ ดิฉันติดต่อขอซื้อที่ทางปายให้แล้วนะคะ เขายื่นคำขาดให้คุณไปคุยเองเพราะจะได้รู้รายละเอียดไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ขายค่ะ”

..น่าโมโหเสียจริง

ร่างสูงจุปากอย่างไม่พอใจแต่ก็ตอบตกลงไปเพราะไม่มีทางเลือกมาก ที่ดินที่เขาอยากได้มันสวยและเหมาะที่จะสร้างบ้านพักหลังเล็กไว้พักผ่อนเพื่อคลายเครียด อีกอย่างคือที่แห่งนั้นน้องทรายบอกว่าอยากได้ เขาจะซื้อเก็บไว้ให้คนที่รัก

ชนวีร์เดินไปเปิดทีวีเพื่อปลุกให้คนที่หลับใหลตื่นและดูเหมือนว่าจะได้ผลเพราะจอมขวัญลืมตาแล้วก็ตกใจลุกนั่งมองเขาตาโตสลับกับมองไปที่ทีวีและระเบียงที่ตอนนี้ประตูเปิดไว้ แทบสิ้นสติว่าเขามาได้อย่างไรแต่นั่นไม่ใช่ข้อสงสัยหลักเพราะเขาก็เคยขึ้นอยู่แล้ว แต่ประเด็นคือเขามาทำไม!

“ไม่ต้องทำท่าขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่ได้ทำมิดีมิร้ายเธอหรอก” ร่างสูงเอ่ยตอบเมื่อเห็นเธอทำท่ากลัว

“แล้วคุณวีร์ ขึ้นมาทำไม” เหมือนหาเสียงตัวเองเพิ่งเจอเธอเลยถามออกไป

“ฉันจะชวนเธอไปเดินเล่นแต่พอดีเห็นโจรขึ้นมาบนห้องเธอ” จากคำบอกเล่านั้นทำให้เธอยิ่งตกใจขึ้นไปอีก ดวงตากลมโตเบิกกว้างจนลูกตาแทบถลนออกมา

“ว่าอย่างไรนะคะ! โจร คุณหมายถึงอะไร”

เรียกได้ว่าเธอแทบจะถลามาหาเขาได้เลย หญิงสาวซึ่งลุกจากเตียงด้วยใบหน้าตื่น

“มีคนขึ้นมาจะทำร้ายเธอ ดีที่ฉันมาเห็นทันและช่วยเธอไว้ได้ ไม่อย่างนั้นป่านนี้เธอก็คงได้ไปเข้าเฝ้ายมบาลแล้ว”

พอเขาพูดจบขาเธอก็อ่อนแรง จอมขวัญนั่งลงที่พื้นราวกับคนหมดแรงเดินมาเป็นร้อยกว่ากิโลเมตร ใจดวงน้อยเต้นระรัวไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับเธอแบบนี้

“ทำไม” เอ่ยได้เพียงเท่านั้นร่างบางก็ร้องไห้ออกมา ทำไมช่วงนี้เธอถึงเจอแต่เรื่องราวแบบนี้เหมือนมีคนจะมาเอาชีวิตเธอตลอดเวลา

..ช่วงเช้าก็เกือบโดนรถชน ช่วงบ่ายก็มีคนร้ายเข้ามาทำร้ายเธอ

“ร้องไห้ทำไม” แล้วเธอก็ได้สัมผัสกับอ้อมกอดที่โหยหา ร่างสูงนั่งลงโอบคนตัวเล็กไว้ในอ้อมกอด น้ำตายังคงไหลลงมาไม่ขาดสายด้วยความกลัว

..เกิดเรื่องร้ายขนาดนี้ขึ้นกับเธอได้อย่างไร เธอไปทำอะไรให้ใครอย่างนั้นหรือ

“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันอยู่ตรงนี้” เธอยังคงสะอื้นอยู่ในอกกว้างโดยที่ไม่ได้เงยหน้ามามองคนพูดเลยสักนิด แววตาที่เรียบสนิทของเขาไม่บ่งบอกความรู้สึกราวกับว่าสงสารแต่ก็ไม่มากพอที่จะให้เขาเห็นใจ คำพูดที่ดูหวานหูก็เป็นเพียงแค่ลมปากที่เปล่งออกมาไม่ใช่ออกมาจากใจ

กว่าที่ร่างบางจะสงบก็ใช้เวลานานพอสมควร พอรู้ตัวว่าอยู่ในอ้อมกอดเขานานแล้วจอมขวัญจึงค่อยๆ ผละออกแล้วเช็ดน้ำตา รู้สึกกระดากอายที่กอดเขาเสียนาน

“ขอโทษนะคะ เสื้อคุณเปื้อนหมด”

ชนวีร์ก้มลงมองเสื้อตัวเองที่เปื้อนน้ำตาของเธอเป็นวงกว้าง

“ช่างเถอะ เดี๋ยวก็แห้ง ตอนนี้เธอควรไปอาบน้ำและเตรียมเสื้อผ้าสักสามถึงสี่ชุดเพราะฉันจะพาเธอไปพักที่ปาย ให้เวลาสิบห้านาทีฉันจะลงไปรอข้างล่าง” ไม่รอให้อีกฝ่ายถามอะไรเขาก็เดินออกไประเบียงปีนลงไปด้านล่างทันทีโดยที่พยายามไม่ให้คนเห็น

จอมขวัญที่ยังคงนั่งงงหลังจากที่เขาออกไปก็เริ่มวิ่งวุ่นเตรียมของก่อนลงไปหาเขาข้างล่างใช้เวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น ร่างบางหอบจนตัวโยนด้วยความเร่งรีบ

“ไปกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทันเครื่อง” โทรศัพท์ให้เลขาจัดการจองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว เมื่อจอมขวัญขึ้นนั่งบนรถเขาก็ออกด้วยความเร็วทันที

รถช่วงนี้ไม่ติดมากเลยใช้เวลาไม่นานก็ถึงสนามบินที่มีคนพลุกพล่านพอสมควรโดยเฉพาะทัวร์ต่างๆ

“จับมือฉันไว้จะได้ไม่หลง” คนเยอะร่างสูงจึงหันมาบอก มือหนาจับมือบางไว้ในขณะที่เดินเพื่อไปเช็กอิน

จอมขวัญมองมือของเขาที่จับเธอไว้ด้วยหัวใจพองโต เขาเป็นอีกคนที่ทำให้เธอประหลาดใจ เมื่อก่อนร้ายกับเธอเสียจนต้องเก็บไปร้องไห้ทุกคืนแต่ตอนนี้หรือก็ดีแสนดีจนเธอคิดว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในความฝันหรือเปล่า

หลังจากเช็กอินแล้วโหลดกระเป๋า ทั้งสองก็เข้าเกทไปทันที ใช้เวลาไม่นานก็ได้ขึ้นเครื่อง จุดหมายคือเชียงใหม่ก่อนจะต่อรถไปที่ปาย ทั้งหมดใช้เวลาหลายชั่วโมงจนจอมขวัญอ่อนล้าหลับไปตลอดทางโดยที่ชนวีร์บอกว่าเขาจะดูแลเธอเอง

“ถึงแล้ว” เมื่อถึงยังที่หมายร่างสูงก็ปลุกคนข้างกายที่หลับซบไหล่เขาอยู่

จอมขวัญงัวเงียขึ้นมาดูบรรยากาศโดยรอบผ่านกระจกก็ตาโตทันทีเพราะมันสวยมาก แม้จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นและเป็นหน้าฝนก็ตามบรรยากาศโดยรอบที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นทันที ทั้งสองลงจากรถแล้วเดินไปเช่ารถมอเตอร์ไซค์

“คุณวีร์ขับเป็นแน่นะคะ” เธอถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจเมื่อเขาบอกว่าจะขับ ดีที่สัมภาระของทั้งสองมีไม่มากนักเลยไม่ลำบากในการขน

“เป็นสิ ฉันขับเก่งนะ” ว่าแล้วก็ขึ้นรถมอเตอร์ไซค์สตาร์ทให้เธอดูทันที

จอมขวัญมองอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจขึ้นซ้อนเขาไปยังหมู่บ้านที่ชนวีร์ต้องไปติดต่อขอซื้อที่นั่นเอง ขับมาได้สักพักจอมขวัญก็มองบรรยากาศแล้วสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด

ปายเป็นเมืองเล็กที่น่าอยู่ทั้งสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิต  มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาบ้างแต่ดูเหมือนจะกลมกลืนไปกับชาวบ้านในพื้นที่และผู้คนในประเทศที่มาท่องเที่ยว

ขับมาได้ไกลพอสมควรก็ถึงหมู่บ้านที่เขาจะต้องการจะมา คือหมู่บ้านทุ่งบาง เป็นหมู่บ้านที่อนุรักษ์ธรรมชาติมีคนหลากหลายชาติพันธุ์อาศัยอยู่ร่วมกันโดยส่วนมากเป็นคนไทยและมีบางบ้านเป็นชาวกะเหรี่ยง ที่เขาเลือกหมู่บ้านนี้เพราะว่ามีต้นไม้และลำธารตรงที่ที่เขาต้องการพอดี

ชนวีร์ขับเข้ามาภายในหมู่บ้านก็เจอป้อมสำหรับตรวจคนเข้าในด่านแรก เขาเจรจาอยู่นานก่อนที่เจ้าของที่จะเดินมาหาจึงได้เข้าไปภายในที่ตอนนี้เป็นเวลาดึกพอสมควร

“คุณน่าจะรอพรุ่งนี้ค่อยมา ขับรถมอเตอร์ไซค์ตอนกลางคืนมันอันตราย” เจ้าของที่บอกด้วยความหวังดี ขึ้นเรือนมาเขาก็หาน้ำมาเสิร์ฟแขก

นายฮุงเป็นชาวบ้านทุ่งบางที่เกิดและโตที่นี่และคิดว่าจะตายที่นี่ด้วย อันที่จริงเขาก็ไม่ได้อยากขายที่แต่พอดีว่ามีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินเลยต้องขายแม้จะเสียดายมากแค่ไหนก็ตาม

“ผมรอไม่ไหวเลยมาก่อน” ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาแต่ติดนิ่งขรึมทำให้อีกฝ่ายดูเหมือนจะเกร็งอยู่บ้าง

จอมขวัญรู้ดีจึงยิ้มให้เจ้าของบ้าน

“แล้วนี่คุณกับเมียจะพักไหนล่ะ” คำถามที่ทำเอาทั้งสองมองหน้ากันทันที

“คือไม่ใช่”

“ไม่รู้เหมือนกัน คุณมีที่ให้ผมพักไหม” จอมขวัญกำลังจะปฏิเสธข้อกล่าวหานั้นแต่ชนวีร์กลับแทรกขึ้นมาก่อนทำเอาเธอต้องหันไปมองค้อนเขาแล้วตีที่แขนเบาๆ ไปหนึ่งที

“พักบ้านน้องสาวผมก็ได้ มันไม่อยู่ เชิญทางนี้เลย” นายฮุงเดินนำทั้งสองไปที่บ้านอีกหลังที่อยู่ติดกัน

บ้านพักของคนในชุมชนนี้เป็นบ้านไม้ที่มีชั้นเดียวยกสูงขึ้นจากพื้นดินประมาณสองเมตรบริเวณโดยรอบปลูกต้นไม้ไว้มีบางบ้านปลูกฝิ่นไว้ด้วย

“อยู่ได้ตามสบายเลยนะ พักผ่อนกันก่อนพรุ่งนี้ค่อยมาคุยกันเรื่องที่ดิน ที่นอนปูนอนได้เลย อ้อ คุณชนวีร์ใช่ไหม” เขาถาม

ร่างสูงก็พยักหน้า

“ผมฮุง คืนนี้ถ้าไม่ง่วงก็มากินเหล้ากับพวกผมได้ ถัดไปอีกสองบ้าน” ว่าจบก็ตบไหล่หนาก่อนเดินออกไปปล่อยให้หนึ่งหญิงหนึ่งชายอยู่ด้วยกัน

จอมขวัญมีท่าทีกระอักกระอ่วนเพราะไม่เคยอยู่กับเขาสองคนในที่แบบนี้ แถมคืนนี้ยังต้องนอนด้วยกันอีกต่างหาก

ทั้งสองเดินสำรวจบ้านที่มีลานสำหรับดูทีวี รับประทานอาหารและทำกิจกรรมต่างๆ มีห้องนอนสองห้องซึ่งทั้งสองก็ไม่กล้าเข้าไปนอนจึงเลือกที่จะนอนตรงลานกว้าง ดีที่นายฮุงเอาที่นอนออกมาไว้ให้แล้วทั้งสองจึงช่วยกันปู

“คุณอาบน้ำนอนไปเลยนะ ผมจะออกไปพูดกับชาวบ้านเสียหน่อย เดี๋ยวกลับมา” หลังจากปูที่นอนเสร็จเขาก็บอกกับเธอ

จอมขวัญพยักหน้าแม้จะไม่อยากให้เขาไปเพราะเธอกลัวก็ตามแต่ก็ไม่กล้าขัด

“คุณวีร์คะ รอขวัญอาบน้ำเสร็จก่อนได้ไหม ขวัญกลัว” เห็นเขาจะเดินออกไปเลยรีบบอก

ร่างสูงหันกลับมาแล้วพยักหน้าเดินมานั่งรอให้จอมขวัญไปอาบน้ำที่ห้องน้ำด้านนอก

“คุณมาเฝ้าหน้าห้องน้ำด้วยสิคะ”

ถ้าเป็นเวลาปกติเขาคงอาละวาดไปแล้วแต่นี่เขาต้องทำนิ่งเข้าไว้ ชนวีร์จึงเดินตามร่างบางออกไปที่ห้องน้ำซึ่งก่อด้วยอิฐธรรมดา มุงด้วยสังกะสี พอเข้ามาก็เจอกับตุ่มแต่ดีที่มีเครื่องทำน้ำอุ่นทำให้เธอไม่ต้องเผชิญกับน้ำเย็น จอมขวัญจัดการอาบน้ำโดยใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ เธอออกมาด้วยชุดนอนเสื้อแขนยาวกางเกงขายาว

“เสร็จแล้วค่ะ”

ชนวีร์มองชุดนอนเธอแล้วขำแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเดินนำเธอเข้ามาในบ้าน จอมขวัญบอกขอบคุณเขา ชายหนุ่มจึงเดินออกไปข้างนอกปล่อยหญิงสาวไว้ในบ้านคนเดียว เธอลอบถอนหายใจออกมาเพราะอยู่ใกล้เขาใจเธอเต้นรัวราวกับไม่เป็นตัวของตัวเอง

..เขามีอิทธิพลกับหัวใจของเธอมากเกินไปแล้ว

วงเหล้าในชนบทเช่นนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ชาวบ้านผู้ชายต่างเล่าเรื่องราวของบ้านตัวเองให้กันฟังเหมือนแชร์ความรู้สึกแม้ว่าจะมีผู้ร่วมวงเป็นคนนอกก็ตาม

ชนวีร์นั่งกินเหล้าไปโดยไม่พูดอะไรเขาเพียงแค่ฟังเรื่องที่ตนเองไม่รู้เท่านั้น มีบางคนเล่าเรื่องตลกก็เป็นที่เฮฮากันไป นั่งกินเหล้าจนหมดไปหลายไหและดูเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเป็นเช้าวันใหม่จึงแยกย้ายกันกลับบ้าน ชนวีร์ที่นั่งกินเยอะกว่าใครเพื่อนก็เดินเซกลับมาพร้อมกับนายฮุง พอถึงเรือนก็แยกย้ายกันกลับ

ประตูถูกเปิดออกโดยที่หญิงสาวร่างบางนอนหลับไม่ได้สติ ตอนแรกเธอกะว่าจะรอเขาแต่รอไม่ไหวจึงผล็อยหลับไปเสียก่อน ร่างสูงก้าวเข้ามาด้วยความเมาเขานอนลงข้างเธอก่อนจะกอดร่างกายที่หอมกรุ่นแถมยังอุ่นไว้

“อื้อ คุณวีร์มาแล้วหรือคะ” จอมขวัญงัวเงียถาม

“หอมจัง” แต่ร่างสูงกลับไม่ตอบเขาหอมที่แก้มนุ่มทำเอาหล่อนตื่นเต็มตาทันที

ร่างบางเริ่มดิ้นเมื่ออีกฝ่ายกอดรัดตนเองแน่นขึ้นแต่ดูท่าว่าแรงดิ้นของเธอจะเป็นเพียงแรงมดเท่านั้นเพราะเขาแทบจะไม่สะเทือนเลยด้วยซ้ำ

“อยากกิน” ว่าแล้วปากหนาก็พรมจูบไปทั่วใบหน้าหวานแม้ว่าอีกคนจะหลบเพียงใดก็ตาม

“คุณวีร์อย่านะคะ คุณวีร์นี่ขวัญเอง คุณวีร์ได้ยินขวัญไหมคะ”

เหมือนจะไม่ได้สติเพราะชนวีร์ไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแค่จูบไปทั่วใบหน้าหวานก่อนจะปิดปากเธอด้วยริมฝีปากของเขาเอง ตาโตเบิกกว้างขึ้นมือน้อยทุบเข้าที่อกเขาพยายามบอกให้อีกฝ่ายปล่อย แต่เมื่อนานไปรสจูบที่หวานสะท้านทรวงทำให้แรงของเธอที่มีเริ่มอ่อนล้า

“อือ”

แล้วก็หลงเคลิบเคลิ้มไปกับจูบที่เร้าร้อนนั้น ไม่รู้ว่าตอนไหนที่มือของเขาสอดเข้ามาภายในเสื้อแขนยาวตัวบางของเธอ แต่ตอนนี้มือหนากำลังเอื้อมไปข้างหลังเพื่อปลดบราที่เธอสวมใส่โดยที่เจ้าของแทบจะไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด

“คุณวีร์” เสียงหวานเอ่ยสั่นๆ เธอไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำเมื่อถูกอารมณ์พิศวาสเข้าครอบงำ เหล้าที่เขากินเข้าไปเหมือนมันจะไหลเข้ามาในตัวเธอด้วยเพราะรู้สึกมึนเมาเหลือเกิน

บราเซียร์สีหวานหลุดออกจากร่างกายไป ชนวีร์จูบลงมาที่ลำคอระหงแล้วจับเต้างามทั้งสองข้าง ร่างบางแอ่นอกให้เขาสัมผัสด้วยความเสียวก่อนที่ชนวีร์จะถอดเสื้อของเธอออกทันทีด้วยความเร็ว รูปร่างสมส่วนปรากฏแก่สายตาของเสือหนุ่ม เขามองอย่างตกตะลึงเพราะมันช่างสวยและเย้ายวนเหลือเกิน หน้าท้องแบนราบที่ไม่มีไขมันส่วนเกินและดอกบัวคู่งามที่ซ่อนรูปเสียจนไม่น่าเชื่อแถมปทุมถันสีอ่อนนั้นอีก ราวกับเขาอยู่บนสรวงสวรรค์

“สวยเหลือเกิน” พูดจบริมฝีปากหนาก็ครอบครองยอดสีอ่อนที่ชูชันท้าสายตาเขา รสชาติมันช่างหวานล้ำ

ใบหน้าหวานบิดเหยเกเมื่อพบกับความเสียวซ่าน เสียงครางดังออกมาเป็นระยะเมื่อชายหนุ่มดูดและใช้มือขยี้ปทุมถันอีกข้าง

ชนวีร์ผละออกมาถอดกางเกงของเธอออกพร้อมกับชั้นในแล้วพบกับความงดงามที่เขาแทบจะบรรยายออกมาไม่ได้ ร่างบางช่างงดงามเสียจริงจนเขาอดใจไม่ไหว ชายหนุ่มพรมจูบที่ข้อเท้าไล่ขึ้นมาที่กลีบกุหลาบ เขาจูบมันแผ่วเบา แล้วเลื่อนขึ้นไปที่หน้าท้องในขณะที่มือยังคงเคล้าคลึงสองเต้าอย่างขยันขันแข็งก่อนที่ริมฝีปากหนาจะฉกเข้าครอบครองปากบางไว้

“ถอดเสื้อให้ฉัน” เขาสั่งเสียงพร่าและเธอก็ทำตามทันที ร่างหนาตอนนี้เหลือแต่ท่อนล่างและเขาก็จัดการเองโดยใช้เวลาไม่นานเพราะอารมณ์ร้อนพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

จอมขวัญมองดูแก่นกายใหญ่ด้วยความตกใจก่อนจะรีบหันหน้าหนีทันทีเมื่อเขาเคลื่อนตัวเข้ามา

“อ่า คุณวีร์” ร่างบางครางออกมาอย่างเสียวซ่าน อารมณ์ของเธอตอนนี้ต้องการปลดปล่อยออก

แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังคงลีลาเมื่อเขาเคลื่อนตัวลงไปใช้ลิ้นกับดอกกุหลาบกลีบหวานอยู่ ลิ้นหนาคลี่กลีบออกก่อนเลียที่จุดเสียวทำเอาเสียงหวานครางออกมาแทบไม่เป็นศัพท์

“อือ อ่า”

ชนวีร์มองอย่างหยามใจก่อนจะใช้มือทั้งสองบี้ปทุมถันไม่เลิก เขาพรมจูบไปทั่วก่อนที่จะลุกนั่งนำร่างบางมาไว้บนตัก ขาบางเกี่ยวเอวเขาไว้แน่นแล้วกอดคอ

“ไม่มีถุงยางเลย ขอสดแล้วกันนะ” เขาเอ่ยขึ้นก่อนจะค่อยๆ แทรกแก่นกายที่ใหญ่โตเข้าไปในกลีบกุหลาบอย่างทุลักทุเลเพราะเธอไม่เคยผ่านการรุกรานมาก่อน

“จะ เจ็บ” หล่อนบอกเขา

ชนวีร์ค่อยๆ เข้าไปพยายามกัดฟันทนเมื่ออารมณ์ถึงจุดสูงสุด จนในที่สุดเขาก็เข้าไปสุดจนได้ ร่างสูงแช่ค้างไว้ก่อนจะเริ่มขยับกายเข้าจังหวะ โดยที่มีคนที่ไม่ประสีประสาให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

เสียงครางของทั้งสองดังไปทั่วบ้านก่อนที่น้ำสีขุ่นจะถูกปล่อยออกมา

“ขออีกรอบนะ” ไม่รอให้เธอพูดอะไรเขาก็ประกบปากเธอไว้ทันทีก่อนจะเริ่มบรรเลงบทเพลงรักขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

โดยมีแค่จอมขวัญที่หลงคิดไปเองว่ามันเกิดขึ้นเพราะความรักแต่สำหรับชนวีร์นั้นมันก็แค่เซ็กส์ที่เกิดจากความใคร่เท่านั้นเอง!!

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status