บทส่งท้ายหลังจากผ่านเรื่องร้ายต่างๆ มา ชนวีร์ก็ได้เข้าไปขอขมาครอบครัว จอมขวัญอย่างเป็นทางการเมื่อเขาหายจากอาการบาดเจ็บพอที่จะเดินเหินสะดวกแล้ว พร้อมทั้งยังพูดเรื่องแต่งงานกับเธออีกด้วยแต่ครอบครัวจิดากุลบอกว่าทางบ้านถือเรื่องแต่งงานทั้งที่ยังท้องว่าจะทำให้เลิกกันจึงบอกให้รอลูกออกมาเสียก่อนค่อยจัดงานแต่ง ซึ่งก็มีทั้งที่บ้านของฝ่ายหญิงก่อนจะมาฉลองที่บ้านฝ่ายชายด้วยเช่นกัน“ขวัญเป็นอย่างไรบ้างครับ” ร่างสูงวิ่งกระหืดกระหอบมา หลังจากประชุมเสร็จ ใบหน้าคมเข้มมีเหงื่อผุดขึ้นเต็มเพราะวิ่งขึ้นบันไดมา รอลิฟต์ก็แสนจะช้าไม่ทันใจคุณพ่อมือใหม่ตอนนี้ครอบครัวจอมขวัญรอหน้าห้องคลอดมีทั้งพ่อตูมตาม แม่ยิ้ม ยายขิม ตาเม่นและกองทัพซึ่งลาหยุดเพื่อมาดูหน้าหลานคนแรกโดยเฉพาะ“ไม่รู้เหมือนกัน รอนานแล้วยังไม่ออกมาเลย” แม่ยิ้มตอบด้วยความกังวล“น้ำไหมพี่” กองทัพเอ่ยทักก่อนยื่นน้ำเปล่าให้ชนวีร์เขารับแล้วกรอกเข้าปากทันทีด้วยความเหนื่อยอีกทั้งตื่นเต้นด้วยว่าลูกจะออกมาหน้าตาอย่างไร แข็งแรงไหม จะหน้าเหมือนพ่อหรือเหมือนแม่ ตอนจอมขวัญท้องเขาดูแลไม่ห่างซื้อหนังสือมาอ่านโดยเฉพาะรอบรู้มากกว่าคุณแม่เสียอีก“ขอบใจมาก” เขาต
ตอนพิเศษ...รักวุ่นๆ ของหนุ่มตัวอ้วนเด็กหญิงตัวน้อยกำลังร้องไห้งอแงเพราะโดนพี่ชายคนกลางแกล้ง แขนเล็กพยายามจะตีพี่ชายแต่อีกฝ่ายก็ทำท่ายึกยักจะโดนก็ไม่โดนพอเธอเอามือออกพี่ชายก็เข้ามาใกล้“กาง กาง ฮือ” ยังพูดเป็นประโยคไม่ได้แต่เธอก็พยายามจะสื่อสารออกมา“ตากลางแกล้งอะไรน้องอีกล่ะลูก” คุณแม่คนสวยเดินเข้ามาหาลูกสาวคนเล็กในห้องที่เต็มไปด้วยของเล่นของเด็กน้อย อันที่จริงเธอกับสามีซื้อให้ลูกไม่ได้เยอะขนาดนี้ แต่เป็นของพี่ๆ ที่ตกทอดมาสู่น้อง และบริษัทคู่ค้าของสามีก็ขยันส่งของมาดีเหลือเกินจนห้องเต็มไปด้วยของเล่นเด็กแทบไม่มีที่จะเดินแล้ว“เปล่านะครับแม่ กลางแค่มาหยอกน้องเอง น้องจะหัวเราะอารมณ์ดีไง” เด็กแสบยิ้มประจบมารดาหลังจากที่เธออุ้มลูกสาวพลางลูบหลังปลอบจนเด็กน้อยคลายความหงุดหงิดที่พี่ชายมากวน“แม่ ตี ตีกาง” ยายน้องหรือคุณหนูลูกจัน จันทนิภา กิจขจรไพศาลเด็กหญิงวัยสองขวบที่เพิ่งจะพูดได้ไม่กี่คำบอกแม่ให้ทำโทษพี่ชายตัวเอง“ตีหรือคะ พี่กลางแกล้งหนูใช่ไหม” คุณแม่หันมาถามซึ่งสาวน้อยก็พยักหน้าทันที“อะไรกัน พี่ไม่ได้แกล้งน้องสักหน่อย”“เดี๋ยวเถอะตากลาง แม่จะไม่ทำขนมให้ลูกกินนะครับ”ได้ยินแม่ขู่แบบนั้น
บทนำภายในร้านเวดดิ้งสุดหรู มีคู่รักกำลังมาเลือกลองชุดแต่งงาน ชายหนุ่มนั้นดูหล่อเหลาในชุดทักซิโดสีขาวและหญิงสาวที่สวยพริ้มในชุดเจ้าสาวสีขาวแสนบริสุทธิ์ แววตาที่เจ้าบ่าวมองไปยังเจ้าสาวแสดงถึงความรักที่คนรอบข้างสามารถรับรู้ได้และดูเหมือนทุกคนจะอิจฉายิ่งนัก“ทรายเหนื่อยไหม” เจ้าบ่าวแสนหล่อของเธอถามทรายทิพย์ส่ายหน้าพร้อมกับนำผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กของตนมาซับหน้าให้คนรักทันทีเมื่อเห็นเหงื่อไหลออกมาเต็มหน้าของเขา“ไม่ค่ะ คนที่เหนื่อยดูจะเป็นพี่วีร์มากกว่านะ ดูสิเหงื่อไหลออกมาเต็มไปหมด” เธอว่าพลางอมยิ้มเล่นเอาชนวีร์ถึงกับต้องหอมแก้มเจ้าสาวเป็นรางวัล ทรายทิพย์เขินแก้มแดงแล้วทุบไหล่เขาเบาๆ หนึ่งที“ใส่พอดีใช่ไหมคะ” เจ้าของร้านที่มาดูแลด้วยตัวเองเข้ามาถาม ซึ่งเจ้าสาวก็ตอบกลับไปว่าได้ จึงต้องพูดคุยเรื่องราคากันต่อไปทั้งสองเปลี่ยนชุดแล้วลงไปชั้นล่างของร้านที่เป็นร้านเวดดิ้งที่หรูที่สุด ชนวีร์เดินจับมือเจ้าสาวของเขาตลอดไม่ปล่อยทรายทิพย์เป็นเด็กกำพร้าที่แม่เขาซึ่งล่วงลับไปแล้ว นำมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก ตอนแรกเขาก็เอ็นดูหญิงสาวเหมือนน้องจนเคยชิน แต่เมื่อตอนเรียนปริญญาโทที่อเมริกาเขาคิดถึงน้องน้อยของเขายิ
๑จุดเริ่มต้นภายในลิฟต์ที่มีผู้ใช้บริการเพียงคนเดียวกำลังยืนพิงผนังแล้วเอามือสอดในกระเป๋ากางเกงสแล็กยี่ห้อหรู ภายในสมองคิดคำนวณถึงผลกำไรที่บริษัทจะได้จากการเทกโอเวอร์วันนี้เป็นวันแรกที่ ชนวีร์ กิจขจรไพศาล ได้เข้ามาที่บริษัทอภิวัฒน์เจริญโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นบริษัทส่งออกข้าวและกาแฟรายใหญ่ของประเทศที่กำลังจะล้มละลาย แต่ดีที่ชนวีร์ได้เข้ามาซื้อกิจการเสียก่อนเมื่อถึงชั้นผู้บริหาร เขาก็ได้เข้าไปทำการคุยเกี่ยวกับธุรกิจเพื่อพัฒนาในด้านต่างๆ ให้ดีมากยิ่งขึ้น ธุรกิจในเครือกิจขจรไพศาลหรือภายใต้ชื่อ KK group มีทั้งการส่งออกรถยนต์ของประเทศและการส่งออกจิวเอลรีที่ดีที่สุด จนล่าสุดตอนนี้มีเพิ่มข้าวและกาแฟ ทำให้ชนวีร์เป็นที่กล่าวถึงมากในเรื่องการทำงานที่เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว และมีเครือข่ายอยู่ที่ต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งตอนนี้บิดาของเขาและแม่เลี้ยงกำลังดูแลอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อการตกลงเป็นไปด้วยดีชายหนุ่มจึงเริ่มทำงานที่บริษัทโดยเริ่มจากการเปลี่ยนชื่อเป็นเคเคโภคภัณฑ์ทันที ในวันพรุ่งนี้ชนวีร์จะเข้ามาบริหารงานอย่างจริงจังหลังจากที่ได้ยกบริษัทจิวเอลรีให้น้องสาวที่เป็นลูกติดของแม่เลี้ยงดูแลคือ บ
๒แสนดีแม้จะเป็นเวลาเช้าแต่จอมขวัญก็มาถึงบริษัทแล้ว หญิงสาวเป็นคนตรงต่อเวลาพอสมควรตัวตึกที่สูงยี่สิบสามชั้นทำให้ไม่ดูโดดเด่นมากนักเพราะตึกโดยรอบก็มีความสูงประมาณนี้ ตึกทำด้วยกระจกใสเกือบทั้งหมดและทุกชั้นของตึกนี้เป็นของบริษัทเคเคโภคภัณฑ์ เพราะชนวีร์ได้ทำการซื้อจากผู้บริหารรายอื่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว“สวัสดีค่ะป้าแม้น”เพราะมาเช้าเกือบทุกวันตั้งแต่เข้าบริษัท สัปดาห์นี้ก็เป็นสัปดาห์ที่สองแล้วที่เธออยู่มาทำให้ได้รู้จักกับแม่บ้านและยามหน้าตึก เธอมักจะซื้อโจ๊กหรือไม่ก็ผลไม้มาฝากเสมอจนทุกคนต่างหลงรักเธอจอมขวัญเป็นที่เอ็นดูของผู้ใหญ่ด้วยเพราะเธอคุ้นเคยกับผู้ใหญ่และยายก็สอนเสมอให้เป็นเด็กที่อ่อนน้อมตลอดเวลา“สวัสดีค่ะ หนูขวัญมาเช้าจริง”“พอดีขวัญกลัวรถติดน่ะค่ะ ป้าแม้นคะ ขวัญซื้อผลไม้มาฝากค่ะ พอดีตอนเช้าไปจ่ายตลาด ป้าแม้นชอบฝรั่งกับส้มใช่ไหมคะ” หญิงสาวยื่นถุงให้ทำเอาคนแก่ปลื้ม“ใช่ค่ะ แต่ไม่ต้องซื้อให้ป้าก็ได้ เกรงใจเปล่าๆ”“ไม่ต้องเกรงใจเลยค่ะ ไม่ได้ลำบากอะไร ขวัญไปก่อนนะคะ”ออกจากห้องชงกาแฟจอมขวัญก็เดินไปยังแผนกของตัวเอง เธอนั่งทำงานที่คั่งค้างซึ่งก็มีไม่มากเพราะหญิงสาวไม่ชอบทำอะไรให้ค้า
๓คำหวานและอดีตแม้จะล่วงเลยเวลาทำงานมามากพอสมควรแล้วแต่ร่างบางก็ยังวุ่นอยู่กับเอกสารตรงหน้าที่เคลียร์ไม่เสร็จเสียทีหลังจากกลับมาจากส่งเอกสาร ปนิธิก็เรียกประชุมงานเพราะเกิดข้อผิดพลาดบางอย่างขึ้น ข้อมูลบัญชีดูจะไม่สมบูรณ์เมื่อดูจากตาราง เธอจึงต้องนั่งแก้ไขใหม่และเมื่องานยังไม่เสร็จเธอถึงยังไม่ได้กลับบ้านแม้ว่าคนอื่นจะทยอยกันกลับหมดแล้วจนเหลือเพียงเธอและปนิธิเท่านั้น“ขวัญกลับเถอะพรุ่งนี้ค่อยมาทำใหม่”ดวงตากลมโตจ้องไปที่หน้าคอมพิวเตอร์มั่น“ขวัญขอทำให้เสร็จก่อนนะคะ พี่ปันกลับก่อนได้เลย”“ไม่ละ พี่รอกลับพร้อมขวัญดีกว่า” และเขาก็ปฏิเสธ ชายหนุ่มนั่งรอร่างบางไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้างเลยสักนิดปนิธิเดินไปเดินมาดูบรรยากาศข้างนอกก็พบว่าท้องฟ้ามืดครึ้มเหมือนฝนกำลังจะตก เพราะช่วงนี้เป็นฤดูฝนเขาจึงพกร่มมาตลอด“เหมือนฝนจะตกเลย” ชายหนุ่มเดินมานั่งที่โต๊ะของดาหวันแล้วเอ่ยขึ้นจอมขวัญไม่ได้พูดอะไรเธอตั้งใจทำงานต่อไป จนมีเสียงโทรศัพท์ของปนิธิดังขึ้น“ครับแม่ อ้อ จริงเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะรีบกลับไป” เสียงตื่นตระหนกเรียกความสนใจของหญิงสาวคนขยันได้ทันที“เกิดอะไรขึ้นหรือคะพี่ปัน”“พอดีว่าป้าข้างบ้านพ
๔รุกเช้าต่อมาบรรยากาศโดยรอบมีเมฆหนาพอสมควร ท้องฟ้าไม่มีแสงแดดเลยแม้แต่น้อยเพราะเมฆมาบดบัง ร่างบางเดินออกมาจากหอพักด้วยความเร่งรีบตอนนี้เธอสายมากแล้วกว่าที่จะขึ้นรถเมล์แล้วไปถึงบริษัทคงได้ลงชื่อสายแน่นอนใบหน้าหวานมีเหงื่อผุดขึ้นบริเวณไรผม เธอเช็ดอย่างเร่งรีบแล้วเดินออกมาโดยเร็วก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงแตรรถ“ขึ้นมาสิ” แล้วก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อพบว่ารถที่มาจอดเทียบริมฟุตปาธแล้วกดแตรใส่เธอนั้นคือเจ้านายของเธอนั้นเอง“คุณวีร์” ดูเหมือนการที่ชนวีร์จอดรถโดยไม่ได้เลี้ยวหลบทำให้เกิดปัญหาขึ้นเพราะตอนนี้ข้างหลังรถเริ่มติด เสียงแตรบีบดังเพราะความรีบของรถด้านหลัง“ขึ้นมาเร็ว รถข้างหลังเขาบีบแตรไล่ฉันอยู่นะ”ไม่ทันจะได้ขึ้นเพราะเขาจ้องเธอด้วยสายตาบังคับ จอมขวัญขึ้นรถมานั่ง ชนวีร์ก็ขับออกไป“คุณวีร์มาทำอะไรแถวนี้คะ” ขึ้นรถมาได้เธอก็ถามเขาชนวีร์หันมามองคนข้างกายแล้วมองไปตรงทางข้างหน้า“ก็แค่ผ่านมา เห็นพนักงานเดินข้างทางดูคุ้นๆ สงสารเลยรับมา ทำไมเหรอ” หญิงสาวส่ายหน้า แม้จะแอบคาดหวังสักนิดว่าเขามารับเธอแต่ก็คงเป็นได้แค่ความหวังเพราะความจริงไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เธอคิดแม้แต่น้อยเลยด้วยซ้ำบนรถต
๕แผนการ“คุณวีร์!” ใบหน้าคมเข้มที่คุ้นเคยตอนนี้มีเลือดไหลลงมาเป็นทางจอมขวัญมองเขาอย่างเป็นห่วง พยายามประคองให้ร่างสูงไปนอนข้างเตียงของเธอ ร่างบางวิ่งวุ่นหาผ้าขนหนูขนาดเล็กและกะละมังใส่น้ำเพื่อมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้เขา จอมขวัญเช็ดหน้าที่มีเลือดเปื้อนให้ชนวีร์ก่อนจะเห็นว่าแผลไม่ใหญ่ถึงขั้นต้องเย็บแต่ที่เลือดไหลเยอะอาจเพราะโดนฝนด้วยก็เป็นได้“หนะ หนาว” เสียงเข้มเอ่ยแผ่วเบาเต็มที“ทนหน่อยนะคะ”ฝนยังคงตกไม่หยุด ร่างบางเข้าไปเปลี่ยนน้ำแล้วมาถอดเสื้อให้ชายหนุ่มทันที แม้ใจจะเต้นแรงแต่ถ้าให้เขานอนเปียกแบบนี้ก็กลัวว่าจะเป็นปอดบวมไปเสียก่อน เมื่อเสร็จที่ท่อนบนท่อนล่างยิ่งสร้างความกังวลใจให้เธอเข้าไปอีก“ขอโทษนะคะ ขวัญทำด้วยใจบริสุทธิ์นะ” ก่อนจะถอดกางเกงให้เขาจอมขวัญก็บอกก่อน กลั้นใจรูดซิปแล้วพยายามดึงลงมาแต่มันค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร“คุณวีร์ช่วยยกสะโพกขึ้นหน่อยได้ไหมคะ” ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินหรือเปล่าที่เธอพูดแต่ก็บอกไปแล้ว ดูเหมือนว่าชนวีร์จะรู้ว่าเธอพูดอะไรเพราะเขายกสะโพกขึ้นทำให้ผ่านช่วงทุลักทุเลไปได้ ตอนนี้ทั้งร่างหนาจึงมีเพียงแค่กางเกง บ๊อกเซอร์เท่านั้นจอมขวัญพยายามไม่มองแล้วหากางเกงขนา