๒
แสนดี
แม้จะเป็นเวลาเช้าแต่จอมขวัญก็มาถึงบริษัทแล้ว หญิงสาวเป็นคนตรงต่อเวลาพอสมควร
ตัวตึกที่สูงยี่สิบสามชั้นทำให้ไม่ดูโดดเด่นมากนักเพราะตึกโดยรอบก็มีความสูงประมาณนี้ ตึกทำด้วยกระจกใสเกือบทั้งหมดและทุกชั้นของตึกนี้เป็นของบริษัทเคเคโภคภัณฑ์ เพราะชนวีร์ได้ทำการซื้อจากผู้บริหารรายอื่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“สวัสดีค่ะป้าแม้น”
เพราะมาเช้าเกือบทุกวันตั้งแต่เข้าบริษัท สัปดาห์นี้ก็เป็นสัปดาห์ที่สองแล้วที่เธออยู่มาทำให้ได้รู้จักกับแม่บ้านและยามหน้าตึก เธอมักจะซื้อโจ๊กหรือไม่ก็ผลไม้มาฝากเสมอจนทุกคนต่างหลงรักเธอ
จอมขวัญเป็นที่เอ็นดูของผู้ใหญ่ด้วยเพราะเธอคุ้นเคยกับผู้ใหญ่และยายก็สอนเสมอให้เป็นเด็กที่อ่อนน้อมตลอดเวลา
“สวัสดีค่ะ หนูขวัญมาเช้าจริง”
“พอดีขวัญกลัวรถติดน่ะค่ะ ป้าแม้นคะ ขวัญซื้อผลไม้มาฝากค่ะ พอดีตอนเช้าไปจ่ายตลาด ป้าแม้นชอบฝรั่งกับส้มใช่ไหมคะ” หญิงสาวยื่นถุงให้ทำเอาคนแก่ปลื้ม
“ใช่ค่ะ แต่ไม่ต้องซื้อให้ป้าก็ได้ เกรงใจเปล่าๆ”
“ไม่ต้องเกรงใจเลยค่ะ ไม่ได้ลำบากอะไร ขวัญไปก่อนนะคะ”
ออกจากห้องชงกาแฟจอมขวัญก็เดินไปยังแผนกของตัวเอง เธอนั่งทำงานที่คั่งค้างซึ่งก็มีไม่มากเพราะหญิงสาวไม่ชอบทำอะไรให้ค้างเธอมักจะจัดการกับงานให้เสร็จก่อนที่จะกลับบ้านเสมอ
“ขวัญ มาเช้าจังเลย พี่อุตส่าห์รีบตื่นกะจะมาก่อนเสียหน่อย” ดาหวันยิ้มมาแต่ไกล ก่อนจะเดินมานั่งยังโต๊ะของเธอที่อยู่ใกล้จอมขวัญ
“ขวัญกลัวรถติดน่ะค่ะ แล้ววันนี้ทำไมพี่ดามาเช้าจังเลยคะ”
“แฟนพี่เขารีบไปทำงาน พี่เลยต้องรีบด้วย”
หัวหน้าของเธอแต่งงานมีลูกมีสามีแล้ว และลูกของดาหวันก็ช่างน่ารักเสียจริงท่าทางโตขึ้นมาจะรูปหล่อจากรูปที่ดาหวันชอบให้เธอดูเป็นประจำตามประสาแม่ที่เห่อลูกนั่นเอง
“พี่ดากินข้าวหรือยังคะ”
“พี่เรียบร้อยมาจากบ้านแล้วจ้ะ”
จอมขวัญกับดาหวันคุยกันไปสักพักก่อนที่ดาหวันจะลงไปหาซื้อของรองท้องเพื่อกินตอนสิบโมง
จอมขวัญนั่งทำงานไปสักพักสองสาวช่างเม้าธ์ก็มาคุยด้วย และต่อมาหัวหน้าแผนกสุดหล่อก็มาถึง ปนิธิเดินยิ้มมาหาจอมขวัญ
“สวัสดีครับ” แม้จะทักทายทุกคนแต่สายตากลับมองไปที่จอมขวัญทำเอาสองสาวถึงกับค้อนใส่รุ่นน้องอย่างอิจฉา
แต่จอมขวัญก็ไม่ได้รู้อะไร เธอยิ้มตอบ
“สวัสดีค่ะหัวหน้า” สองสาวตอบรับ
แผนกบัญชีมีพนักงานเพียงแค่สี่คนรวมหัวหน้าแผนกด้วยก็เป็นห้าคนทำให้รู้จักและสนิทกันพอสมควร
“กินข้าวกันรึยังครับ” ทั้งหมดตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าเรียบร้อยเขาจึงเดินเข้าห้องไป
ลับหลังปนิธิ วานิสาและอพิญญาก็ตรงมาที่จอมขวัญทันที
“ขวัญกับคุณปันเป็นอะไรกันอะ”
คำถามนั้นนำมาซึ่งความสงสัยให้แก่สาวน้อยร่างบาง
“ก็เป็นพี่น้องร่วมสถาบันนี่คะ” คำตอบนั้นไม่ได้สร้างความกระจ่างและนำมาซึ่งความไม่พอใจอยู่นิดหน่อย สองสาวมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าและย้ายที่เม้าธ์ทันที
จอมขวัญมองตาม ส่ายหัวแล้วก้มลงดูเอกสารการเงินต่อ
“ฉันว่าคุณปันชอบน้องขวัญชัวร์ แน่นอน ฟันธง!” วานิสาพูดขึ้นในขณะที่มาซื้อของกินอยู่ที่ช็อป อพิญญาพยักหน้าเห็นด้วย
“ใช่ แต่น้องขวัญฉันไม่รู้อะ และเหมือนน้องแกจะไม่รู้ด้วยนะว่าเจ้านายของเราชอบ”
“น้องขวัญ ฉันว่าอาจจะชอบแต่เก็บไว้ เป็นผู้หญิงไว้ตัวไง”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ!”
เสียงที่ขัดขึ้นมาทำให้ทั้งสองสะดุ้งตกใจแล้วก็พบสามสาวแก๊งสวยเลิศแห่งบริษัทนำทีมโดยณัฐนิตา จากแผนกการตลาดและสองเพื่อนรัก ชลธิชาและมณีวรรณจากแผนกเดียวกันนั่นเอง
“คือนิต้าเนี่ยเป็นเพื่อนร่วมสถาบันกับทั้งสอง นิต้าจะพูดให้ฟังเองนะคะว่าคนที่ตามตื๊อพี่ปันคือขวัญ”
คำพูดของณัฐนิตาไม่มีความน่าเชื่อถือในความรู้สึกของสองสาวเลย สักนิด
“ไม่เชื่อสินะคะ นิต้าจะเล่าให้ฟัง ตอนแรกขวัญตื๊อพี่ปันแต่พี่ปันไม่เล่นด้วยเพราะเห็นเป็นพี่น้อง แต่ไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นว่าพี่ปันต้องมาตามขวัญ ตอนแรกนิต้าก็ไม่รู้นะคะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนหลังเขาว่ากันว่า ขวัญได้พี่ปันแล้วเลยทิ้ง เหมือนพวกล่าแต้มอะไรประมาณนี้น่ะค่ะ”
เนื้อเรื่องดูเกินจริงไปหน่อยเพราะเท่าที่ดูมาจอมขวัญไม่มีทีท่าว่าจะเป็นคนแบบนั้นเลยสักนิด
“เอ่อ เราขอตัวก่อนดีกว่า” เมื่อไม่มีอะไรจะพูดสองสาวก็เดินออกมาโดยไม่ได้หยิบขนมติดมือมาด้วย
ณัฐนิตามองสองสาวยิ้มๆ ทำให้เพื่อนที่มามองด้วยความงง
“นิต้ายิ้มอะไร”
“ก็ยิ้มให้กับความสำเร็จไงล่ะ”
เพื่อนทั้งสองมองหน้ากันอย่างฉงนเพราะเมื่อกี้ไม่เห็นประสบความสำเร็จเท่าที่ควร สองคนนั้นแทบจะไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องทำหน้าโง่ขนาดนั้นหรอก! เธอไม่สังเกตเหรอว่าฉันพูดเสียงดัง แถมเมื่อกี้คนก็น้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ”
ได้ยินเฉลยแบบนั้นเพื่อนทั้งสองก็ยิ้มออกมาทันทีแม้ตอนแรกจะไม่ชอบใจที่ณัฐนิตาว่าตนเองโง่ก็ตาม
“คนเราไม่คิดหรอกว่าเรื่องที่ได้ยินมันจะจริงไหม ยิ่งเรื่องของคนที่เพิ่งเข้ามาแถมไม่รู้จักอีกต่างหาก ข่าวเมื่อกี้อีกไม่นานมันก็จะแพร่สะพัดไปตามแรงลมปากคน เชื่อฉันเถอะ” สาวสวยยิ้มสมใจแล้วเดินออกไปจากร้านปล่อยให้เพื่อนเดินตามและพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเพื่อนของเธอช่างฉลาดล้ำและร้ายลึกเสียจริง
และก็เป็นอย่างที่ณัฐนิตาคาด ข่าวลือของจอมขวัญและปนิธิแพร่กระจายไปทั่วบริษัทมีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ และยิ่งไม่ชอบก็ยิ่งใส่ไฟทำให้กลายเป็นเรื่องราวอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องเล่าปากต่อปากทำให้ความจริงผิดเพี้ยนไปค่อนข้างมาก
“จริงเหรอ จอมขวัญเนี่ยนะ” สองสาวแผนกประชาสัมพันธ์พูดคุยกันขณะที่ว่างจากการทำงาน
“ใช่ เขาว่าฟันคุณปันแล้วทิ้ง เป็นผู้หญิงล่าแต้ม”
“คุณพระ! เห็นหน้าติ๋มๆ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนแบบนั้นไปได้”
“นั่นสิ แต่ฉันก็ว่าแล้วเชียวว่าผู้หญิงคนนี้ต้องร้ายลึกมากแน่ๆ เล่นเอาคุณปันหลงจนโงหัวไม่ขึ้นเสียขนาดนั้น เช้าถึงบ่ายถึงเย็นถึง คงสนุกเลยละสิท่า” หญิงสาวเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ ด้วยความที่เธอไม่ชอบจอมขวัญเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย
สองสาวยังคงพูดคุยกันถึงเรื่องของปนิธิและจอมขวัญจึงไม่รู้ว่ามีผู้มายืนฟังอยู่
“หึ! ผู้หญิงเลวๆ อย่างเธอจะต้องตกนรกทั้งเป็นแน่!” ว่าจบเขาก็เดินออกนอกบริษัทเพื่อไปรับลูกค้าที่สนามบิน โดยไม่รู้เลยว่าเดินสวนทางกับน้องสาวที่เข้าบริษัทมาพอดีนั้นเอง
บุษบามินตราน้องสาวที่เขารักและเอ็นดู เป็นลูกติดของน้าบุษบา แม่เลี้ยงของเขาซึ่งเป็นญาติห่างๆ ของแม่เขาและเลี้ยงดูเขามาแต่เด็ก พอแม่เสียชีวิตพ่อก็ได้น้าบุษบาช่วยปลอบใจและตกลงปลงใจกัน เขาไม่โกรธพ่อเพราะน้าบุษบาก็เป็นคนดี อีกอย่างในเมื่อแม่ก็เสียไปแล้วจะให้พ่อจมอยู่กับทุกข์ตลอดมันก็ไม่ควร
“สวัสดีค่ะคุณโอ๋ คุณติ๊ก มินซื้อขนมมาฝาก” เพราะเข้าออกบริษัทนี้ประจำทำให้เธอรู้จักกับสองสาวขาเม้าธ์เป็นอย่างดี
“สวัสดีค่ะคุณมิน” โอ๋ยิ้ม รับของจากมินตรา เธอมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างอดอิจฉาไม่ได้ มินตราสวยหวานผิวก็ขาวเนียน ใบหน้าหวานตาโต จมูกโด่งพองาม ปากเล็กจิ้มลิ้มรวมกันแล้วผู้หญิงตรงหน้าเธอดูน่ารักมากแถมหุ่นก็สูงราวกับนางแบบ
“เอาไปแบ่งกันนะ มินไปแล้ว” ร่างบางโบกมือลาแล้วขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่พี่ชายของตนเองทำงานอยู่ทันที แต่ยังไม่ทันจะถึงห้องเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นเสียก่อนหยิบออกมาดูก็พบว่าเป็นเพื่อนของพี่ชายโทรมา
“สวัสดีค่ะพี่พีร์” เสียงหวานเอ่ยทัก
“น้องมินอยู่ไหนครับ”
มาถึงหน้าห้องมินตราก็ยิ้มให้กับเลขาของชนวีร์
“มินอยู่หน้าห้องพี่วีร์ค่ะ พี่พีร์แค่นี้ก่อนนะคะ มินจะเข้าไปหาพี่วีร์แล้ว” ยังไม่ทันที่ปลายสายจะได้เอ่ยอะไรบุษบามินตราก็กดตัดสายจากเขาเสียก่อนแล้วลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพื่อนพี่ชายคนนี้ช่างตื๊อเธอเสียจริง
“คุณวิไลใช่ไหมคะ” เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเธอมาหาพี่ชายทำให้รู้จักคนมากมาย
“ใช่ค่ะ”
บุษบามินตรายิ้มแล้วเอาของที่ซื้อมาเป็นขนมให้เลขาของพี่ชายตนเอง
“มินซื้อมาฝากค่ะ พี่วีร์อยู่ในห้องใช่ไหมคะ”
“คุณชนวีร์ไปหาลูกค้าค่ะ ไปเมื่อสักครู่นี้เอง”
คำตอบของเลขาหน้าห้องทำให้ร่างบางหน้ามุ่ยทันที เธออุตส่าห์ว่างมาหาพี่ชายซึ่งมีเวลาว่างไม่ค่อยบ่อยนักแต่พี่ชายคนดีกลับไม่อยู่เสียนี่
“อ้อ ขอบคุณค่ะ ถ้าอย่างนั้นมินไม่รบกวนแล้วกลับเลยดีกว่า” เธอส่งยิ้มให้เลขา
“คุณมินมีธุระอะไรจะฝากไว้ไหมคะ”
อีกฝ่ายก็ส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“ไม่ค่ะ มินแค่แวะมาหาพี่วีร์ว่าจะชวนไปดูหนังตามประสาพี่น้องเฉยๆ ขอบคุณมากเลยนะคะ อ้อ คุณวิไลคะถ้ามีผู้หญิงมาเกาะแกะพี่วีร์อย่าลืมบอก มินด้วยนะคะ จะคัดกรองให้เสียหน่อย นี่เบอร์มินค่ะ” นามบัตรถูกส่งให้เลขาหน้าห้องก่อนที่เธอจะเดินออกไปแต่ระหว่างนั้นหญิงสาวก็ต้องชะงักทันที เมื่อพบกับคนคุ้นเคยที่ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกครั้ง
“พี่ขวัญ!”
จอมขวัญมองตามเสียงเรียกก็อึ้งเมื่อเจอกับรุ่นน้องที่เธอสนิทด้วยเพราะไปหาทรายทิพย์ที่บ้านเป็นประจำ บุษบามินตรานั่นเอง เมื่อก่อนเธอสนิทกับหญิงสาวมากเพราะบุษบามินตราเป็นคนร่าเริงอัธยาศัยดีทำให้เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ยกเว้นเสียแต่ทรายทิพย์เท่านั้นที่ดูเหมือนจะเข้ากับน้องคนนี้ไม่ค่อยจะได้เท่าไหร่ในความคิดของจอมขวัญ
“มิน” เธอกำลังจะเอาเอกสารมาให้ท่านประธานใหญ่เซ็นแม้จะกลัวแต่ก็ต้องมาเพราะหน้าที่
“ไม่คิดว่าจะเจอพี่ขวัญที่นี่ พี่ขวัญสบายดีไหมคะ” ร่างบางเดินตรงมาหาจอมขวัญด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตามปกติ
“พี่สบายดีค่ะ พอดีว่าพี่ได้งานที่นี่”
คำตอบของจอมขวัญก็สร้างความฉงนให้เธอไม่น้อยเพราะเมื่อย้อนไปสามปีก่อนพี่ชายของเธอเกลียดจอมขวัญมากเสียด้วยซ้ำไป
งานศพของทรายทิพย์
จอมขวัญเดินเข้ามาภายในศาลาด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยเพราะเสียเพื่อนรักไป บริเวณศาลาเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่มาเคารพศพของผู้ตายเพราะรู้จักกับบิดาของชนวีร์ เพื่อนของชนวีร์ และเพื่อนของทรายทิพย์ทุกคนล้วนอยู่ในอาการเศร้าเสียใจ
ร่างบางเดินเข้ามาโดยมีสายตาทุกคู่จับจ้องอยู่ที่เธอ เพราะเมื่อไม่นานชนวีร์แจ้งความจับจอมขวัญเรื่องที่เธอวางยาทรายทิพย์ ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมขึ้นศาลเพื่อไต่สวนความผิด
“ออกไป!! ใครให้เธอเข้ามา!” เมื่อหันมาเห็นผู้หญิงคนนี้ ชนวีร์ก็ตวาดไล่เธอไปอย่างใจร้ายโดยไม่คำนึงถึงเรื่องใดทั้งสิ้น ผู้หญิงคนนี้เป็นปีศาจร้ายที่มาพรากคนที่เขารักให้จากไป
“ขวัญขอเคารพศพทรายได้ไหมคะ” ร่างบางถามเสียงสั่นน้ำตาไหลออกมาเมื่อมองความเกรี้ยวกราดของผู้ชายตรงหน้าเธอ ยิ่งมองยิ่งเจ็บปวดที่หัวใจ
“ไม่! เธอมันฆาตกร เธอฆ่าทรายฉันจะเอาเธอเข้าคุกให้ได้”
“ขวัญไม่ใช่ ไม่ได้ทำ ฮึก” ร่างนั้นดูเปราะบางราวกับจะแตกหักได้ ทุกเมื่อ
เธอสะอื้นตัวโยนแต่เขากลับไม่สงสารสักนิด ร่างสูงเกือบจะกระโจนไปหาเมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธ โชคดีที่เพื่อนของเขามาจับไว้ได้เสียก่อน บิดาของชนวีร์ก็เข้ามาบอกให้ลูกชายสงบสติอารมณ์
“พี่ขวัญคะ เดี๋ยวค่อยมาใหม่นะ ถ้าพี่วีร์กลับมินจะโทรหานะคะ” สาวน้อย เดินเข้ามาบอกกับจอมขวัญ เธอร้องไห้ก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินออกไปกับบุษบามินตราที่ประคองเธออยู่ด้วยความสงสาร
“มินขอโทษแทนพี่วีร์ด้วยนะคะ และมินเชื่อใจพี่ขวัญว่าไม่ได้ทำอะไรพี่ทรายแน่นอน สู้ให้ถึงที่สุดนะคะพี่สาวของมิน” เธอสวมกอดเพื่อนรักของพี่สาวและผละออกมา เดินขึ้นไปบนศาลา
จอมขวัญนั่งร้องไห้อยู่ที่ใต้ต้นไม้ข้างศาลา เสียงสะอื้นที่อ่อนแรงทำให้คนมาใหม่สงสาร
“ขวัญ กลับกันเถอะ” ปนิธินั่นเอง
จอมขวัญเงยหน้ามองเขาแล้วลุกขึ้นโดยมีชายหนุ่มประคองอยู่ เธอจะกลับมาหาเพื่อนอีกครั้งแน่นอน
‘ทรายจ๋า ขวัญขอโทษนะที่คงทำตามคำขอของทรายไม่ได้ เขาเกลียดขวัญเหลือเกิน’ จอมขวัญเดินไปกับปนิธิโดยไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังของเธอมีสายตาอาฆาตจ้องมองอยู่
..จากนี้ไปเธอจะไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขแน่จอมขวัญ
วันเวลาผ่านไปจอมขวัญถูกศาลตัดสินว่าไม่ผิดเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ชนวีร์นิ่งเงียบ เขาไม่ได้โวยวายอย่างที่คิดแต่เดินออกไปหลังจากนั้นทันที ชายหนุ่มไปหาทรายทิพย์ที่วัดและนั่งลงร้องไห้ต่อหน้าหลุมศพของเธอ
“พี่ขอโทษที่เอาคนผิดมาลงโทษไม่ได้ ยกโทษให้พี่นะครับคนดี” เขานั่งคุยกับทรายทิพย์มองรูปเธอที่ส่งยิ้มมาให้เขาแล้วพลันน้ำตาก็ไหลลงมา
..เธอจากเขาเร็วเกินไป งานแต่งที่คิดไว้ก็ล่มไม่เป็นท่าเพราะเจ้าสาวต้องลาจากไปในที่ที่แสนไกล
“แต่พี่สัญญาว่าจะไม่ปล่อยเขาไปแน่นอน หลับให้สบายนะครับ”
มองดูนาฬิกาที่ข้อมือพบว่าเขาอยู่ที่นี่มาเป็นเวลาเกือบชั่วโมงแล้วจึงลุกขึ้นเดินไปที่รถขับกลับบ้าน
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาจะทำให้กิจการของเขารุ่งเรืองและเมื่อถึงเวลานั้นเขาจะเอาโทษกับผู้หญิงคนนั้นเอง
และเมื่อกลับมาถึงบ้านชนวีร์ก็เข้าไปยังห้องของทรายทิพย์ ชายหนุ่มดูรอบห้องก่อนจะนั่งลงบนเตียง มือหน้าเอื้อมไปลูบหมอนใบเดิมที่หญิงสาวนอนอยู่ประจำ กลิ่นของเธอจางหายไปพร้อมกาลเวลา เมื่อไม่มีคนอยู่แต่เขากลับรับรู้ได้ถึงตัวตนของเธอที่อยู่รอบห้อง
‘พี่วีร์คะ ทรายถักเสื้อตัวใหม่ให้พี่วีร์ด้วย ลองใส่ดูสิคะ’
เขาหันไปมองยังหน้าโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะรำลึกไปถึงครั้งก่อน เธอถักเสื้อสเวตเตอร์ให้ก่อนที่เขาจะไปเรียนต่อต่างประเทศ
‘พี่วีร์! ทำไมไม่อาบน้ำก่อนคะ มานอนบนเตียงคนอื่นทั้งๆ ที่ตัวเหม็นได้ยังไง’ มือน้อยจับมือเขาแล้วพยายามดึงขึ้นมาจากเตียงของเธอ แต่เพราะแรงอันน้อยนิดทำให้ดึงเขาไม่ขึ้น ชายหนุ่มจึงได้โอกาสดึงร่างบางลงมาบนเตียงแล้วกอดทันที
‘พี่วีร์! ปล่อยทรายนะ’
‘ฮือ ไม่เอาหรอก กำลังสบายเลย’
ชนวีร์เอามือลูบที่นอนเมื่อคิดถึงวันเวลาในอดีตที่ผ่านมา
..ความทรงจำของเขาและทรายทิพย์จะฝังอยู่ในหัวใจของเขาตลอดไปแม้ใครอีกคนจะจากไปในที่แสนไกลแล้วก็ตาม
ชายหนุ่มมองไปยังโต๊ะเครื่องแป้งเมื่อเห็นความผิดปกติ เขาจำได้ว่าเมื่อเช้าที่เข้ามาดูโต๊ะเครื่องแป้งปิดสนิทแต่ดูเหมือนตอนนี้ที่ลิ้นชักนั้นกลับเปิดแง้มออกมา
เขาเดินไปเปิดดูก็พบกับกระดาษแผ่นหนึ่งที่เขียนด้วยลายมือราวกับคนไร้เรี่ยวแรง ชายหนุ่มมือสั่นเมื่อได้อ่านข้อความข้างในนั้น
“ทรายจะรักพี่วีร์ ตลอดไป...”
เขาร้องไห้ออกมาทันที ตอนที่เขียนคนรักของเขาคงจะทรมานมาก
“ทราย กลับมาได้ไหม ฮึก กลับมาหาพี่ได้ไหม พี่คิดถึงทราย” ร่างสูง ทรุดลงกับพื้นกอดกระดาษแผ่นนั้นร้องไห้ออกมา น้ำตาลูกผู้ชายที่ไม่ค่อยไหลแต่ตอนนี้กลับไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก เขาเก็บน้ำตาไว้ตลอดแต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว
..คิดถึงเหลือเกิน
“เพราะเธอ!” เขามองไปยังรูปของทรายทิพย์ที่ถ่ายกับจอมขวัญก่อนจะอาฆาต เพราะผู้หญิงคนนั้นคนเดียวที่ทำให้เรื่องทุกอย่างมันเป็นแบบนี้
“ดีจังเลยค่ะพี่ขวัญ ตอนนี้พี่ขวัญว่างไหมคะ”
จอมขวัญยิ้มให้แล้วส่ายหน้าทันที
“พี่ต้องเอาเอกสารไปให้คุณชนวีร์เซ็นค่ะ”
“พี่วีร์ไม่อยู่ค่ะ ออกไปคุยงานกับลูกค้าข้างนอก ถ้ายังไงพี่ขวัญไปเดินเล่นกับมินก่อนได้ไหมคะ รับรองไม่โดนด่าแน่ เดี๋ยวมินจะคุ้มครองพี่เอง”
เธอยังลังเลอยู่แต่เพราะบุษบามินตราที่ทำหน้าอ้อนทำให้หญิงสาวไม่อาจจะปฏิเสธได้ จอมขวัญพยักหน้า
“ดีจังเลย ถ้าอย่างนั้นเอาแฟ้มมานี่ค่ะ” หยิบแฟ้มมาจากมือของจอมขวัญได้ น้องสาวตัวแสบก็นำเอาไปให้เลขาพร้อมกับกำชับนิดหน่อย เธอจึงเดินจูงจอมขวัญไปยังแคนทีนเพื่อรับประทานอาหาร
“น้องมินกินได้นะคะ” เมื่อถึงยังแคนทีนจอมขวัญก็อดจะหันมาถามไม่ได้
บุษบามินตราถอนหายใจแล้วย้ำหนักแน่นกับพี่สาว
“กินได้แน่นอนค่ะ พี่ขวัญเห็นมินเป็นเอเลี่ยนเหรอคะถึงกินอาหารพวกนี้ไม่ได้” ว่าแล้วก็จูงพี่สาวคนสนิทไปยังร้านอาหารแล้วสั่งมาทันที
“มื้อนี้มินเลี้ยงเองค่ะ”
เพราะปฏิเสธไม่ได้จอมขวัญจึงพยักหน้ารับแล้วเดินถืออาหารไปหาที่นั่งพร้อมบุษบามินตรา และระหว่างทางนั้นเองที่ทำให้เธอสงสัยเพราะคนในแคนทีนล้วนมองเธอแล้วหันไปซุบซิบกัน
“ต้องลองชิมแล้วละคะ ว่าจะอร่อยหรือเปล่า”
“อร่อยแน่นอนค่ะ”
สองสาวลงมือรับประทานอาหารเที่ยงโดยที่จอมขวัญก็ยังมีเรื่องข้องใจอยู่ เพราะมองโดยรอบคนก็แอบซุบซิบก่อนจะมองมาที่เธอ เกิดอะไรขึ้น แม้จะสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรไป เธอกินอาหารกับบุษบามินตราจนหมดจานแล้วจึงเดินมาส่งรุ่นน้องที่ข้างล่าง
“แล้วเจอกันนะคะพี่ขวัญ อ้อ ฝากดูแลพี่ชายมินด้วยนะ อย่าให้มีผู้หญิงมาเกาะแกะนะคะ ไปแล้วนะ”
รอยยิ้มหวานที่ได้รับทำให้จอมขวัญยิ้มตอบ น้องคนนี้ยังสดใสและร่าเริงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน เธอเดินไปที่ลิฟต์ขึ้นชั้นทำงานของเธอ
“ดูสิ ตีสนิทกับคุณมินแล้ว ฉันว่านะกะจ้องประธานแน่ๆ เลย” สองสาวประชาสัมพันธ์หันไปพูดคุยกันเมื่อเห็นจอมขวัญและบุษบามินตราอยู่ด้วยกัน
“ใช่ ผู้หญิงไร้ยางอาย พวกร่าน แรดไปทั่วก็อย่างนี้แหละ”
“มีอะไรเหรอ” และก็มีคนมาถามเมื่อเห็นว่ามีข่าวใหม่และแน่นอนว่าสองสาวไม่ปฏิเสธที่จะเล่า แถมยังใส่สีตีไข่ให้เรื่องราวมีรสชาติเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
การกระจายข่าวครั้งนี้ยิ่งสร้างให้คนเกลียดจอมขวัญมากยิ่งขึ้นไปอีกทั้งๆ ที่แทบจะไม่รู้จักเธอดีด้วยซ้ำ
เวลาบ่าย จอมขวัญได้รับโทรศัพท์ให้ขึ้นไปหาท่านประธาน แม้ใจจะกลัวมากแต่ก็ต้องไปตามคำสั่ง ใจหญิงสาวเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อคิดว่าต้องไปพบเขา ความดีใจก็มีแต่ความกลัวมีมากกว่า เธอกลัวจะทำตัวไม่ถูกเมื่อเจอเขา
จอมขวัญยิ้มให้วิไลที่อยู่หน้าห้อง เธอเคาะประตูสักพักก่อนจะเปิดเข้าไป
“เชิญนั่ง” เขาพูดโดยไม่เงยหน้ามามองเธอเพราะกำลังก้มตรวจเอกสารที่ได้รับมาอยู่นั่นเอง
ชายหนุ่มดูเคร่งเครียดแต่ก็ไม่เท่าจอมขวัญที่ดูจะเครียดกว่าหลายเท่าตัว มือสวยเต็มไปด้วยเหงื่อ
“ทำไมไม่รอเอาเอกสารมาให้ตอนที่ผมอยู่” ปิดแฟ้มเอกสารแล้วถามขึ้น
“คือว่าฉัน”
“หรือว่าจะใช้สิทธิพิเศษว่ารู้จักกับน้องสาวของฉันอย่างนั้นหรือ” ร่างสูงรุกต่อทันที เขาไม่มีแววคุกคามแต่น้ำเสียงนั้นก็บีบคั้นให้ตอบ
“เปล่าค่ะ ฉันผิดเอง ขอโทษด้วยนะคะ” ร่างบางยกมือไหว้ทันทีก่อนที่จะเอามือมาประสานกันที่หน้าตักอีกครั้ง
ชนวีร์ไม่พูดอะไรอีกเขาแค่เอาแฟ้มงานให้เธอเท่านั้น
“เอาแฟ้มกลับไป แล้วก็ตรวจสอบบัญชีดูให้ดี มันมีจุดเล็กน้อยที่ผิดฉันมาร์กไว้ให้แล้ว กลับไปแก้แล้วค่อยเอามาส่งฉัน เชิญ” พูดจบเขาก็ก้มหน้าตรวจเอกสารต่อทันที
จอมขวัญมองคนตรงหน้าอย่างอึ้งๆ แต่เธอก็ค้อมศีรษะแล้วเดินออกไปจากห้อง แปลกมากที่ดูท่าทีว่าเขาจะไม่ได้โกรธเคืองเธอ แปลกเกินไปแต่จอมขวัญก็รู้สึกดีใจที่ท่าทีของเขาเปลี่ยนแม้จะไม่มากแต่ก็ไม่รุกรานเธอ
เมื่อถึงยังแผนกจอมขวัญก็อ่านดูรายละเอียดอีกครั้ง เธอแก้ไขจุดที่เขาวงกลมไว้ให้แล้วปริ๊นต์เพื่อเอาเข้าแฟ้มใหม่แล้วเอาไปส่งเขาที่ห้องทำงาน
“เสร็จแล้วหรือ ทำงานเร็วดีนี่” ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นจากกองเอกสาร
จอมขวัญตอบรับแล้วเอาแฟ้มให้เขาทันที ชนวีร์เปิดดูก่อนจะเซ็นลงไปโดยไม่ได้อ่านให้มากความอีก
“ขอบคุณค่ะ”
อีกฝ่ายไม่ได้ตอบรับเพราะมีโทรศัพท์เข้ามาเสียก่อน เขาแค่พยักหน้าแล้วลุกขึ้นเดินไปคุยโทรศัพท์ที่ริมหน้าต่าง เมื่อประตูห้องทำงานถูกปิดดีแล้วชนวีร์จึงตอบรับน้องสาวที่โทรมา
“ว่าไงนะมิน”
“พี่วีร์คิดจะทำอะไรคะ ทำไมถึงรับพี่ขวัญเข้ามาในบริษัท” ตรงประเด็นและไม่อ้อมค้อมสักนิด
“ไม่มีอะไร ก็แค่บริษัทขาดคน” ร่างสูงตอบเลี่ยงไปตาเรียวมองบรรยากาศรอบๆ ที่ตอนนี้มืดครึ้มราวกับฝนกำลังจะตก
“มินไม่เชื่อ แต่ก็เอาเถอะค่ะถามไปพี่วีร์ก็ไม่ตอบมินหรอก พี่วีร์คะ มิน ขอร้องได้ไหมอย่าทำอะไรพี่ขวัญเลยนะ”
“พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ เรากล่าวหาพี่เหรอ”
“เฮ้อ เปล่าค่ะ ในตอนนี้อาจจะไม่ อนาคตสิไม่แน่ วันนี้กลับมากินข้าวบ้านด้วยนะคะ มินจะรอ” สายถูกตัดไปโดยที่เขาไม่ทันได้ตอบรับหรือปฏิเสธ
..น้องสาวคนนี้ของเขามักจะเป็นแบบนี้เสมอ
“มันก็สมควรกับสิ่งที่เขาทำกับพี่สาวของเราแล้วไม่ใช่เหรอมิน” ชายหนุ่มพูดแผ่วเบาก่อนที่เขาจะหันกลับมาทำงานต่อไป
เรื่องราวครั้งนี้มันจะเป็นสิ่งที่เธอต้องจดจำไปตลอดชีวิตแน่นอน จอมขวัญ..
๓คำหวานและอดีตแม้จะล่วงเลยเวลาทำงานมามากพอสมควรแล้วแต่ร่างบางก็ยังวุ่นอยู่กับเอกสารตรงหน้าที่เคลียร์ไม่เสร็จเสียทีหลังจากกลับมาจากส่งเอกสาร ปนิธิก็เรียกประชุมงานเพราะเกิดข้อผิดพลาดบางอย่างขึ้น ข้อมูลบัญชีดูจะไม่สมบูรณ์เมื่อดูจากตาราง เธอจึงต้องนั่งแก้ไขใหม่และเมื่องานยังไม่เสร็จเธอถึงยังไม่ได้กลับบ้านแม้ว่าคนอื่นจะทยอยกันกลับหมดแล้วจนเหลือเพียงเธอและปนิธิเท่านั้น“ขวัญกลับเถอะพรุ่งนี้ค่อยมาทำใหม่”ดวงตากลมโตจ้องไปที่หน้าคอมพิวเตอร์มั่น“ขวัญขอทำให้เสร็จก่อนนะคะ พี่ปันกลับก่อนได้เลย”“ไม่ละ พี่รอกลับพร้อมขวัญดีกว่า” และเขาก็ปฏิเสธ ชายหนุ่มนั่งรอร่างบางไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้างเลยสักนิดปนิธิเดินไปเดินมาดูบรรยากาศข้างนอกก็พบว่าท้องฟ้ามืดครึ้มเหมือนฝนกำลังจะตก เพราะช่วงนี้เป็นฤดูฝนเขาจึงพกร่มมาตลอด“เหมือนฝนจะตกเลย” ชายหนุ่มเดินมานั่งที่โต๊ะของดาหวันแล้วเอ่ยขึ้นจอมขวัญไม่ได้พูดอะไรเธอตั้งใจทำงานต่อไป จนมีเสียงโทรศัพท์ของปนิธิดังขึ้น“ครับแม่ อ้อ จริงเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะรีบกลับไป” เสียงตื่นตระหนกเรียกความสนใจของหญิงสาวคนขยันได้ทันที“เกิดอะไรขึ้นหรือคะพี่ปัน”“พอดีว่าป้าข้างบ้านพ
๔รุกเช้าต่อมาบรรยากาศโดยรอบมีเมฆหนาพอสมควร ท้องฟ้าไม่มีแสงแดดเลยแม้แต่น้อยเพราะเมฆมาบดบัง ร่างบางเดินออกมาจากหอพักด้วยความเร่งรีบตอนนี้เธอสายมากแล้วกว่าที่จะขึ้นรถเมล์แล้วไปถึงบริษัทคงได้ลงชื่อสายแน่นอนใบหน้าหวานมีเหงื่อผุดขึ้นบริเวณไรผม เธอเช็ดอย่างเร่งรีบแล้วเดินออกมาโดยเร็วก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงแตรรถ“ขึ้นมาสิ” แล้วก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อพบว่ารถที่มาจอดเทียบริมฟุตปาธแล้วกดแตรใส่เธอนั้นคือเจ้านายของเธอนั้นเอง“คุณวีร์” ดูเหมือนการที่ชนวีร์จอดรถโดยไม่ได้เลี้ยวหลบทำให้เกิดปัญหาขึ้นเพราะตอนนี้ข้างหลังรถเริ่มติด เสียงแตรบีบดังเพราะความรีบของรถด้านหลัง“ขึ้นมาเร็ว รถข้างหลังเขาบีบแตรไล่ฉันอยู่นะ”ไม่ทันจะได้ขึ้นเพราะเขาจ้องเธอด้วยสายตาบังคับ จอมขวัญขึ้นรถมานั่ง ชนวีร์ก็ขับออกไป“คุณวีร์มาทำอะไรแถวนี้คะ” ขึ้นรถมาได้เธอก็ถามเขาชนวีร์หันมามองคนข้างกายแล้วมองไปตรงทางข้างหน้า“ก็แค่ผ่านมา เห็นพนักงานเดินข้างทางดูคุ้นๆ สงสารเลยรับมา ทำไมเหรอ” หญิงสาวส่ายหน้า แม้จะแอบคาดหวังสักนิดว่าเขามารับเธอแต่ก็คงเป็นได้แค่ความหวังเพราะความจริงไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เธอคิดแม้แต่น้อยเลยด้วยซ้ำบนรถต
๕แผนการ“คุณวีร์!” ใบหน้าคมเข้มที่คุ้นเคยตอนนี้มีเลือดไหลลงมาเป็นทางจอมขวัญมองเขาอย่างเป็นห่วง พยายามประคองให้ร่างสูงไปนอนข้างเตียงของเธอ ร่างบางวิ่งวุ่นหาผ้าขนหนูขนาดเล็กและกะละมังใส่น้ำเพื่อมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้เขา จอมขวัญเช็ดหน้าที่มีเลือดเปื้อนให้ชนวีร์ก่อนจะเห็นว่าแผลไม่ใหญ่ถึงขั้นต้องเย็บแต่ที่เลือดไหลเยอะอาจเพราะโดนฝนด้วยก็เป็นได้“หนะ หนาว” เสียงเข้มเอ่ยแผ่วเบาเต็มที“ทนหน่อยนะคะ”ฝนยังคงตกไม่หยุด ร่างบางเข้าไปเปลี่ยนน้ำแล้วมาถอดเสื้อให้ชายหนุ่มทันที แม้ใจจะเต้นแรงแต่ถ้าให้เขานอนเปียกแบบนี้ก็กลัวว่าจะเป็นปอดบวมไปเสียก่อน เมื่อเสร็จที่ท่อนบนท่อนล่างยิ่งสร้างความกังวลใจให้เธอเข้าไปอีก“ขอโทษนะคะ ขวัญทำด้วยใจบริสุทธิ์นะ” ก่อนจะถอดกางเกงให้เขาจอมขวัญก็บอกก่อน กลั้นใจรูดซิปแล้วพยายามดึงลงมาแต่มันค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร“คุณวีร์ช่วยยกสะโพกขึ้นหน่อยได้ไหมคะ” ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินหรือเปล่าที่เธอพูดแต่ก็บอกไปแล้ว ดูเหมือนว่าชนวีร์จะรู้ว่าเธอพูดอะไรเพราะเขายกสะโพกขึ้นทำให้ผ่านช่วงทุลักทุเลไปได้ ตอนนี้ทั้งร่างหนาจึงมีเพียงแค่กางเกง บ๊อกเซอร์เท่านั้นจอมขวัญพยายามไม่มองแล้วหากางเกงขนา
๖เมารักร่างบางส่องกระจกเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองหลังได้รับโทรศัพท์จากบุษบามินตราช่วงเช้าที่ผ่านมาว่าจะมารับเธอไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าที่ตนเองดูแลร้านเพชรอยู่ มีเรื่องราวมากมายที่ต้องการจะคุยด้วย จอมขวัญก็ตอบรับปากไป ทั้งสองสาวจึงนัดกันเวลาสิบโมงครึ่งที่ห้างดังระหว่างที่เดินออกมาจากห้องเพื่อไปขึ้นรถเมล์ที่ตอนนี้คนก็เยอะพอสมควร สองเท้าเดินไปอย่างไม่เร่งรีบเพราะเธอกะเวลาแล้วว่าอย่างไรก็ไปถึงที่นัดหมายก่อนเวลาอย่างแน่นอน“สวัสดีค่ะแม่”“เป็นอย่างไรบ้างขวัญ ไม่ค่อยโทรหาแม่เลยนะ”ร่างบางอมยิ้มก่อนจะออดอ้อนแม่บอกถึงสาเหตุที่ไม่ค่อยได้โทรไปหา“ขอโทษนะคะแม่ ขวัญยุ่งมากงานเต็มโต๊ะเลยจริงๆ น้า” เสียงหวานตอบกลับไปจนมารดาที่กำลังนั่งเย็บผ้าอยู่คิดว่าถ้าลูกสาวอยู่ด้วยตอนนี้ต้องกอดเธอเป็นแน่แท้“จ้า งานเยอะก็อย่าหักโหมนะลูก พักบ้างนะ เดี๋ยวถ้าพ่อกับแม่ว่างจะลงไปหานะ ตาก็บ่นถึงเราตลอดเวลาเลย จนยายต้องปรามบ้าง”หล่อนหัวเราะออกมาด้วยความขำ ตามักจะเป็นแบบนี้เสมอตั้งแต่สมัยที่เธอมาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพแล้ว ตาของเธอมักจะหวงหลานเสมอเพราะหลานสาวออกจะสวยปานนั้น“ฝากบอกตาด้
๗คำหวานแสงแดดที่ส่องเข้ามาภายในบ้านทำให้ร่างสูงที่นอนหลับตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงียก่อนจะรับรู้ได้ว่าข้างกายตนตอนนี้ว่างเปล่าและเย็นชืด..เธอหายไปไหนชนวีร์มองรอบกายก็ไม่พบร่างที่ตนกกกอดเมื่อคืน คิดแล้วเขาก็แสยะยิ้มอย่างสมใจถึงแม้ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนจะไม่ได้อยู่ในแผนการของเขาแต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะทำให้แผนของเขาสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นร่างสูงลุกขึ้นจากที่นอน ค้นเสื้อผ้าที่จะใส่แล้วเข้าไปอาบน้ำข้างนอกที่ตอนนี้บรรยากาศเย็นกำลังดี เขาใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็เสร็จ แต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ออกมาข้างนอก ชนวีร์เข้าไปตากผ้าขนหนูและเก็บที่นอนส่วนของตนเองตรวจดูความเรียบร้อยแล้วค่อยออกมาจากบ้าน ไปยังบ้านของนายฮุง เมื่อมาถึงเขาก็พบนายฮุงกำลังนั่งรับประทานอาหารกับผู้หญิงที่อายุค่อนข้างมาก“สวัสดีคุณชนวีร์ กินข้าวด้วยกันไหม” เรียกตามคนอัธยาศัยดีร่างสูงจึงเดินมานั่งร่วมวงด้วย“ก็ดีเหมือนกันครับ แล้วคุณเห็นแฟนผมไหม” มองไปโดยรอบก็ยังไม่พบร่างบางที่คุ้นตาจึงเอ่ยถามขึ้นมานายฮุงอมยิ้มกับแม่ของตนแล้วหันมามองผู้ชายที่นั่งทำหน้างง“เมียคุณไปเดินเล่นในหมู่บ้านกับเมียผมตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกเมื่อคืนคงเพลียสิท่
๘แค่ละครหรือความรู้สึกจริงสองสัปดาห์แล้วที่ชนวีร์ไม่เข้าบริษัทเคเคโภคภัณฑ์เพราะว่าเกิดปัญหาที่บริษัทส่งออกรถยนต์ขึ้น ทำให้เขาต้องไปที่ต่างประเทศเพื่อเคลียร์ปัญหา แต่ว่าที่เขาหายไปก็ไม่ได้ตัดขาดการติดต่อกับเธอ ชายหนุ่มมักจะโทรมาหาเธอทุกวันคุยกันเป็นชั่วโมงแม้บางครั้งอาจจะเงียบไปแต่เธอก็ไม่ได้อึดอัดแต่อย่างใด“ขวัญ พี่ขอดูเอกสารรายรับของสัปดาห์ที่แล้วหน่อย” ดาหวันไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารที่กำลังตรวจจอมขวัญหาเอกสารก่อนจะยื่นให้ทันทีแล้วกลับมาคำนวณรายได้ของสัปดาห์นี้ต่อ งานของเธอต้องใช้ตัวเลขทั้งวัน กลับหอไปบางครั้งต้องกินยาแก้ปวดหัวไว้ทุกทีบริษัทวันนี้วุ่นวายพอสมควร เพราะชนวีร์สั่งการมาว่าหลังจากที่เขากลับ มาจากต่างประเทศจะมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่มาดูบริษัทจึงต้องทำรายงานเตรียมไว้ช่วงบ่ายจอมขวัญก็ทำงานจนแทบไม่มีเวลาได้หายใจหายคอเลย เมื่อเลิกงานเธอก็เดินออกจากบริษัทเพื่อที่จะขึ้นรถเมล์กลับหอแต่ระหว่างทางก็เจอกับปนิธิเมื่อจะทักเขาอีกฝ่ายก็เดินผ่านเธอไปราวกับมองไม่เห็น ทำเอาจอมขวัญชะงักหน้าเสียสองสัปดาห์มานี้ปนิธิไม่พูดคุยกับเธอเลยก็ว่าได้หรือถ้าคุยก็เป็นเรื่องงานเท่านั้น แม้ว่าจอมขวัญ
๙จุดสำคัญรถคันหรูขับเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ที่ตอนนี้เปิดไฟไว้เพียงหน้าบ้านเท่านั้น ภายในตัวบ้านถูกปิดไว้แต่ไม่ได้ลงกลอน ชนวีร์ลงจากรถไปประเปิดประตูให้หญิงสาวที่ตอนนี้หลับอยู่ในรถด้วยความเพลีย ร่างบางถูกเขาอุ้มขึ้นเพราะไม่อยากจะรบกวน“ตายแล้วคุณวีร์นั่นใครเป็นอะไรคะ” แม่บ้านที่นั่งรอเจ้านายเดินออกมาจากห้องพักหลังบ้านเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดและเสียงรถ “ตายแล้ว! นี่มันคุณขวัญนี่คะ” เมื่อมองดูใกล้ๆ ก็พบว่าเป็นจอมขวัญเพื่อนสนิทของคุณหนูทรายทิพย์ที่ลาจากโลกนี้ไปแล้วนั่นเองชนวีร์ไม่พูดอะไรมากเขาหันมาสั่งให้แม่บ้านเตรียมน้ำใส่กะละมังเล็กและผ้าขนหนูขนาดเล็กเพื่อไปเช็ดตัวให้เธอ ซึ่งคุณแม่บ้านคนเก่าแก่ก็รีบทำตามเมื่อมาถึงชั้นสองของบ้านชนวีร์ก็พาร่างบางไปนอนยังห้องของตัวเอง ไม่นานนักคุณแม่บ้านคนเก่าแก่ก็ตามขึ้นมา ชนวีร์จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหล่อนในการดูแลเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หญิงสาวเพราะว่าถ้าเป็นเขาคงไม่ควรเท่าไหร่นัก“พี่วีร์ พี่ขวัญเป็นอย่างไรบ้างคะ” บุษบามินตรามาถึงบ้านพร้อมกับพีรยศก็ถามถึงพี่สาวคนสนิททันที ชนวีร์เลยบอกว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรแล้วตอนนี้ป้าหอมจันทร์ก็กำลังดูแลอยู่ น้อ
๑๐เจ็บปวดร่างบางที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มสีขาวยังคงหลับใหลหลังจากที่เมื่อคืนทำกิจกรรมจนดึก เขาไม่ปล่อยให้เธอนอนเลยจนกระทั่งตีสอง ด้วยความเหนื่อย จอมขวัญหลับไปตอนไหนไม่รู้และตอนนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นง่ายๆ เสียด้วยร่างสูงซึ่งกำลังใส่นาฬิกาอยู่มองไปที่คนบนเตียงแล้วแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย เกมรักได้จบลงไปแล้ว ต่อไปนี้เขาจะมอบเกมแค้นให้เธอเอง หลังจากแต่งตัวเสร็จชนวีร์ก็เดินออกไปจากห้องโดยไม่เหลียวแลกลับมาดูคนบนเตียงเลยสักนิดแต่เขาก็ยังมีกะใจสั่งอาหารเช้าขึ้นมาให้เธออยู่เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นปลุกให้คนที่กำลังอยู่ในนิทราลืมตาตื่นขึ้นมา เธอยกมือบังแสงอาทิตย์ที่สาดมายังเตียงนอนก่อนจะมองไปรอบกายทันที ข้างกายที่เมื่อคืนเคยอุ่นตอนนี้กลับเย็นชืดจนน่าใจหาย“สวัสดีค่ะพี่ดา”เป็นดาหวันที่โทรมาหาเธอเพราะสายมากแล้วแต่ ก็ยังไม่เห็นจอมขวัญเข้ามาที่บริษัท‘ขวัญอยู่ไหนจ๊ะ พอดีพี่เห็นสายมากแล้วเรายังไม่เข้ามาเลยเป็นห่วง’ในขณะที่คุยโทรศัพท์จอมขวัญก็พยายามสอดส่ายสายตาหาคนที่นอนด้วยเมื่อคืน“เอ่อ พอดีมีธุระนิดหน่อยค่ะ เดี๋ยวขวัญเข้าไปนะคะพี่ดา” บอกลาเสร็จเธอก็กดวางสายแล้วหยิบชุดคลุมมาสวมปิดร่างกา
ตอนพิเศษ...รักวุ่นๆ ของหนุ่มตัวอ้วนเด็กหญิงตัวน้อยกำลังร้องไห้งอแงเพราะโดนพี่ชายคนกลางแกล้ง แขนเล็กพยายามจะตีพี่ชายแต่อีกฝ่ายก็ทำท่ายึกยักจะโดนก็ไม่โดนพอเธอเอามือออกพี่ชายก็เข้ามาใกล้“กาง กาง ฮือ” ยังพูดเป็นประโยคไม่ได้แต่เธอก็พยายามจะสื่อสารออกมา“ตากลางแกล้งอะไรน้องอีกล่ะลูก” คุณแม่คนสวยเดินเข้ามาหาลูกสาวคนเล็กในห้องที่เต็มไปด้วยของเล่นของเด็กน้อย อันที่จริงเธอกับสามีซื้อให้ลูกไม่ได้เยอะขนาดนี้ แต่เป็นของพี่ๆ ที่ตกทอดมาสู่น้อง และบริษัทคู่ค้าของสามีก็ขยันส่งของมาดีเหลือเกินจนห้องเต็มไปด้วยของเล่นเด็กแทบไม่มีที่จะเดินแล้ว“เปล่านะครับแม่ กลางแค่มาหยอกน้องเอง น้องจะหัวเราะอารมณ์ดีไง” เด็กแสบยิ้มประจบมารดาหลังจากที่เธออุ้มลูกสาวพลางลูบหลังปลอบจนเด็กน้อยคลายความหงุดหงิดที่พี่ชายมากวน“แม่ ตี ตีกาง” ยายน้องหรือคุณหนูลูกจัน จันทนิภา กิจขจรไพศาลเด็กหญิงวัยสองขวบที่เพิ่งจะพูดได้ไม่กี่คำบอกแม่ให้ทำโทษพี่ชายตัวเอง“ตีหรือคะ พี่กลางแกล้งหนูใช่ไหม” คุณแม่หันมาถามซึ่งสาวน้อยก็พยักหน้าทันที“อะไรกัน พี่ไม่ได้แกล้งน้องสักหน่อย”“เดี๋ยวเถอะตากลาง แม่จะไม่ทำขนมให้ลูกกินนะครับ”ได้ยินแม่ขู่แบบนั้น
บทส่งท้ายหลังจากผ่านเรื่องร้ายต่างๆ มา ชนวีร์ก็ได้เข้าไปขอขมาครอบครัว จอมขวัญอย่างเป็นทางการเมื่อเขาหายจากอาการบาดเจ็บพอที่จะเดินเหินสะดวกแล้ว พร้อมทั้งยังพูดเรื่องแต่งงานกับเธออีกด้วยแต่ครอบครัวจิดากุลบอกว่าทางบ้านถือเรื่องแต่งงานทั้งที่ยังท้องว่าจะทำให้เลิกกันจึงบอกให้รอลูกออกมาเสียก่อนค่อยจัดงานแต่ง ซึ่งก็มีทั้งที่บ้านของฝ่ายหญิงก่อนจะมาฉลองที่บ้านฝ่ายชายด้วยเช่นกัน“ขวัญเป็นอย่างไรบ้างครับ” ร่างสูงวิ่งกระหืดกระหอบมา หลังจากประชุมเสร็จ ใบหน้าคมเข้มมีเหงื่อผุดขึ้นเต็มเพราะวิ่งขึ้นบันไดมา รอลิฟต์ก็แสนจะช้าไม่ทันใจคุณพ่อมือใหม่ตอนนี้ครอบครัวจอมขวัญรอหน้าห้องคลอดมีทั้งพ่อตูมตาม แม่ยิ้ม ยายขิม ตาเม่นและกองทัพซึ่งลาหยุดเพื่อมาดูหน้าหลานคนแรกโดยเฉพาะ“ไม่รู้เหมือนกัน รอนานแล้วยังไม่ออกมาเลย” แม่ยิ้มตอบด้วยความกังวล“น้ำไหมพี่” กองทัพเอ่ยทักก่อนยื่นน้ำเปล่าให้ชนวีร์เขารับแล้วกรอกเข้าปากทันทีด้วยความเหนื่อยอีกทั้งตื่นเต้นด้วยว่าลูกจะออกมาหน้าตาอย่างไร แข็งแรงไหม จะหน้าเหมือนพ่อหรือเหมือนแม่ ตอนจอมขวัญท้องเขาดูแลไม่ห่างซื้อหนังสือมาอ่านโดยเฉพาะรอบรู้มากกว่าคุณแม่เสียอีก“ขอบใจมาก” เขาต
๒๕จากนี้และตลอดไปการเดินทางไปกลับระหว่างกรุงเทพฯ กับขอนแก่นของชนวีร์ทำให้เขาเมื่อยล้ากว่าที่คิดมากนัก เขานั่งเครื่องบินบ้างและให้คนขับรถให้บ้างสลับกันไปงานที่บริษัทก็หนัก บางครั้งก็ต้องบินไปต่างประเทศเพื่อติดต่องานกับลูกค้า เหลืออีกเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้นก็จะครบสามเดือน แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่ามันนานเหลือเกินอาจจะเป็นเพราะว่าเขาต้องทำงานหลายอย่างก็เป็นได้วันนี้ชนวีร์เคลียร์งานทุกอย่างแล้วขับรถมาขอนแก่นเพียงลำพังไม่ได้ให้ลูกน้องตามมา“สวัสดีครับ” เขาแวะเข้ามาที่บ้านผู้ใหญ่บ้านเพื่อทักทายสวัสดีก่อน เป็นแบบนี้ทุกครั้งก่อนจะกลับไปอยู่ที่กระท่อมโล่งซึ่งตอนนี้เขาก็เริ่มชินกับมันเสียแล้ว ลมธรรมชาติเย็นสดชื่นเสียยิ่งกว่าเครื่องปรับอากาศเสียอีก“มาเสียค่ำเชียว กินข้าวกินปลาหรือยัง” แม่ยิ้มเอ่ยถามเพราะตอนนี้ครอบครัวของนางกำลังจะรับประทานอาหารจอมขวัญที่ถือข้าวมาก็หันมามองเขาสักครู่ก่อนเดินเลี่ยงไปทางอื่น ชนวีร์มองหน้าหล่อนแล้วก็ชื่นใจ แค่เห็นเท่านี้เขาก็พอใจมากแล้ว“ยังเลยครับ” กะจะพูดต่อว่าขอฝากท้องด้วยแต่พ่อตูมตามก็เดินมามองตาขวางเสียก่อน“งั้นเอ็งก็มากินด้วยกัน จะได้รีบกลับไปอาบน้ำ
๒๔บทพิสูจน์วันต่อมาชนวีร์ก็ยังกลับมาที่หน้าบ้านเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้แปลกที่เขาได้ถูกเชิญให้เข้ามาภายในบ้านหลังนี้ดวงตาเรียวสำรวจรอบบ้านที่ถูกตกแต่งไว้อย่างน่ารัก มีรูปครอบครัววางไว้บ้างในบางมุม เขาดูรูปจอมขวัญตอนเด็กแล้วก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อคิดว่า..ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปมากเพียงใดเพื่อเขา แล้วต่อจากนี้ไปเขาจะตอบแทนด้วยการดูแลเธอไปตลอดชีวิตเอง“นั่งลงสิ จะยืนอีกนานไหม” ตาเม่นพูดเสียงเข้มแม้จะไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้จอมขวัญขอตัวออกไปข้างนอกเพราะไม่อยากทนที่จะเห็นหน้าเขาในบ้านของตัวเอง ตอนนี้จึงมีตาเม่น ยายขิม พ่อตูมตาม แม่ยิ้ม แล้วก็กองทัพเท่านั้น“สวัสดีครับ” เขานั่งลงบนโซฟาแล้วยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อมแต่บุรุษสองคนกลับไม่ยอมรับจนเขาอดหน้าเสียไม่ได้“สวัสดีนะครับ ผมกองทัพน้องชายของพี่ขวัญ” ลูกชายคนเดียวของบ้านแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความเป็นมิตรอยู่ในนั้นเลย..แน่นอนละถ้าไม่เห็นว่าพี่สาวของเขารักผู้ชายคนนี้มากขนาดไหนคงไม่มีวันที่เขาจะยอมยกจอมขวัญให้หรอก“ครับ ผมชนวีร์” เขาเอ่ยแนะนำตัวบ้างก่อนที่พ่อตูมตามจะเอ่ยขึ้นมา“เอาละ ที่ผมยอมให้คุณเข้ามาไม่ได้มาจากความเต็มใจเลย”
๒๓จนกว่าเธอจะใจอ่อน“พ่อทำแบบนี้ได้ยังไง” เสียงแม่ยิ้มเอ่ยถามสามีตนเองด้วยความผิดหวังหลังจากเพื่อนบ้านมาถามไถ่ถึงเรื่องผู้ใหญ่บ้านสามีของนางเอาปืนยิงชายหนุ่มตัวสูง เธอเดาได้ทันทีว่าคนที่กล่าวถึงเป็นใครก่อนจะตามมาถามสามีถึงในไร่“ทำอะไรแม่” กำลังคุมคนงานอยู่ก็ต้องหันมาถามภรรยาที่รักว่าเกิดอะไรขึ้น“พ่อยิงคุณชนวีร์ใช่ไหม” ถามเสียงเครียดแต่พ่อตูมตามกลับไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร“แค่ถากไม่โดนหรอก” ตอบมาอย่างไม่ยี่หระต่อสิ่งที่ตนเองทำแม้ว่าจริงๆ แล้วจะรู้สึกผิดอยู่บ้างแต่ด้วยทิฐิที่มีมากจึงทำเป็นนิ่งเฉย“แล้วถ้าเขาฟ้องพ่อจนติดคุกติดตารางขึ้นมา จะทำยังไง ทำไมไม่คิดบ้างนะ หัวมีแต่ขี้เลื่อยหรือไง” ยิ่งพูดยิ่งอารมณ์เสียกับสามี..ปกติเป็นคนอ่อนโยนแท้ๆ แต่ทว่ามาคราวนี้กลับมุทะลุจนคนเป็นเมียตามแทบไม่ทัน เข้าใจแล้วก็วันนี้ว่าเหนือพ่อของตนเองยังสามีที่หวงลูกสาวมากขนาดไหน“พ่อขอโทษจ้ะแม่”“คนที่พ่อควรขอโทษไม่ใช่แม่ ไปขอโทษคุณวีร์เขานู่น” ว่าจบก็ไม่ฟังคำตอบอะไรอีกแม่ยิ้มเดินออกมาจากสวนขับมอเตอร์ไซค์ออกไปทันทีปล่อยผู้ใหญ่บ้านมองตามตาละห้อย..ทะเลาะกับเมียไม่เว้นวันจริงๆ ไอ้ตูมตามเอ๊ย“ไม่มีทางหรอก” ว่าแ
๒๒ลูกเขยไม่ซ่าเพราะพ่อตาสุดโหดร่างหนาบนเตียงเริ่มขยับ ทำให้คนที่เฝ้าหันไปมองด้วยความสนใจทันที ตาเรียวยาวค่อยๆ ปรือมองบริเวณโดยรอบก่อนจะเห็นคนที่นั่งเฝ้าก็อดถอนหายใจไม่ได้..ไม่เคยได้ญาติดีกันเลยแต่คราวนี้ทำไมคนที่เฝ้าเขาดันเป็นลูกน้องที่แอบหลงรักเมียเขาไปเสียนี่“หมอบอกว่าให้คุณพักผ่อนให้พอ ฉีดยาให้แล้วเพราะคุณเป็นไข้ อ่อนเพลีย”สองหนุ่มมองหน้ากันนิ่งราวกับจะหยั่งเชิงกันและกันเป็นปนิธิที่ถอนหายใจออกมาเสียก่อน เขาลุกออกไปทิ้งไว้เพียงชนวีร์ที่มองตามก่อนจะเริ่มสังเกตโดยรอบว่าที่นี่เป็นเพียงสถานีอนามัยเล็กๆ มีที่นอนเหมือนห้องพยาบาลที่โรงเรียน มีเพียงม่านกั้นเตียง เตียงก็เล็กประมาณสามฟุต อยากจะลุกขึ้นแต่ร่างกายกลับล้าไปหมดเลยทำได้เพียงแค่นั่งพิงหัวเตียง มองด้านข้างก็เห็นน้ำเปล่าเขาจึงดื่มเข้าไปด้วยความกระหาย“ที่ผมมาหาขวัญวันนี้ก็กะว่าจะเอาของสำคัญมาให้เขา แต่ผมคิดว่าคนที่ควรจะได้มันน่าจะเป็นคุณ” สมุดเล่มหนึ่งถูกวางไว้ตรงหน้าตักชนวีร์“ขอให้หายเร็วๆ นะครับท่านประธาน แล้วเจอกันที่ทำงาน” ร่างสูงกล่าวจบก็หันหลังจะเดินออกไปแต่กลับคิดอะไรบางอย่างออกมาได้ “ขวัญเขารักคุณมากนะ ถ้าคุณได้โอกาสจากเ
๒๑ผมขอโทษข่าวงานแต่งของนักธุรกิจหนุ่มล่ม ดังชั่วข้ามคืน สื่อพากันตีแผ่ถึงเรื่องราวต่างๆ ตามที่ได้รู้มาจากแขกที่ไปร่วมงาน เนื่องมาจากเจ้าของงานได้กันสื่อมวลชนให้อยู่แต่เพียงด้านนอกเท่านั้นข่าวดังเพียงช่วงเช้า บ่ายมาก็เงียบหายราวกับเรื่องไม่เคยเกิดขึ้นเพราะคุณชนวัตรได้ทำการปิดข่าวทุกแขนง เรื่องจึงเงียบหายไปในที่สุดโทรทัศน์ถูกปิดเมื่อการรายงานข่าวจบลง ร่างบางพยายามไม่สนใจแล้วเดินไปยังครัวเพราะต้องไปส่งขนมช่วงเช้า เธอทำใจได้มากขึ้นหลังจากที่เขากลับไปแล้วไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย คนในบ้านยังไม่มีใครรู้ว่าคนที่เป็นพ่อเด็กคือใครและเธอก็คิดไว้แล้วว่าจะปิดเรื่องนี้ให้เป็นความลับต่อไป เพราะถึงเปิดเผยไปก็ไม่มีผลดีกับใครทั้งนั้น“ขวัญไปก่อนนะคะ แล้วจะรีบกลับมา” บอกคนในครอบครัวแล้วก็ขับรถออกไปทันทีในระหว่างทางก็คิดถึงเรื่องราวที่ได้รับรู้ทางโทรทัศน์..งานแต่งของเขาถูกยกเลิกแล้วอย่างนั้นหรือ เกิดอะไรขึ้นกันทำไมถึงยกเลิกกะทันหันแบบนี้คำถามร้อยแปดวนเวียนไปเรื่อยจนเธอเกือบจะหลงทางเสียแล้ว ดีที่ดึงสติของตนกลับมาได้ทันหลังจากส่งขนมเสร็จก็เข้าห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของใช้ที่หมดแล้ว เธอมองดูเสื้อผ้าเด็
๒๐ความจริงเปิดเผยจอมขวัญขับรถตรงกลับบ้านแต่ระหว่างทางก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา รถกระบะของพ่อเธอดันมาเสียกลางทางและแน่นอนว่าเธอซ่อมไม่เป็น..แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรดีมือบางปาดน้ำตาที่ไหลลงมาก่อนจะลงรถเพื่อไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เธอยกกระโปรงรถขึ้นเพื่อเช็กเครื่องที่พอจะมีความรู้อยู่บ้างในเรื่องนี้แต่ก็พบว่ามันปกติจนกระทั่งเธอเหลือบไปเห็นล้อหน้าที่แบนอย่างชัดเจน“โธ่เอ๊ย!” อยากจะกุมขมับ..ทำไมยางต้องมาแบนด้วยนะ ตอนนี้เธอกำลังอยู่บนถนนปากทางของตำบลที่เธออยู่ กว่าจะขับเข้าไปในหมู่บ้านของเธอก็ใช้เวลากว่ายี่สิบนาที“โทรศัพท์” คิดได้ก็รีบควานหาโทรศัพท์ทันทีแต่ดันลืมว่าเมื่อคืนไม่ได้ชาร์ตไว้ทำให้โทรศัพท์เธอนอนตายอยู่ในรถไม่สามารถทำอะไรได้ ยิ่งทำให้จอมขวัญเจ็บใจเข้าไปอีกทางเดียวที่ทำได้คือการเปลี่ยนล้อรถยนต์ก่อน ร่างบางหาอุปกรณ์หลังรถก่อนจะพยายามมุดใต้ท้องรถเพื่อเอายางรถสำรองออกมาแต่ดูเหมือนมันจะยากเหลือเกิน“ว้าย!” เสียงร้องตกใจพร้อมกับร่างบางที่ออกมาจากใต้รถเพราะมีคนมาจับขาเธอ พอเห็นคนฉวยโอกาสก็หน้าบึ้งทันทีเป็นชนวีร์ที่ขับรถตามมานั้นเอง เขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเพียงแค่อยากรู้ว่าเธอจะจัดการก
๑๙เข้าใกล้ร่างสูงเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ของเพื่อนรักตนเอง เพราะแน่ใจว่าชนวีร์ไม่อยู่อย่างแน่นอนเนื่องจากเขาถามเลขาของเพื่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้วและได้ข่าวว่าตอนนี้เพื่อนตัวดีไปทำงานที่ต่างประเทศ เพราะฉะนั้นทางวันนี้สะดวกแน่นอน คุณลุงกับคุณป้าก็ไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัดเตรียมตัวลุยกับงานแต่งของลูกชายคนเดียวดังนั้นจึงเหลือสาวน้อยคนเดียวที่อยู่ภายในบ้านหลังนี้นั้นก็คือ“พี่พีร์”“น้องมิน” บุษบามินตรานั่งอ่านนิตยสารอยู่ที่ห้องรับแขกอย่างสบายอารมณ์ มีเสียงเพลงเปิดคลอเบาๆ ไร้ซึ่งอาการของคนที่ถูกบังคับให้แต่งงานโดยสิ้นเชิง..แบบนี้มันยิ่งกว่าอยากแต่งเสียอีกพีรยศคิดในใจ“พี่พีร์มีธุระอะไรกับมินหรือเปล่าคะ” มือบางปิดนิตยสารลง ใบหน้าหวานอมยิ้มเพียงเล็กน้อย“พี่อยากมาฟังจากปากน้องมิน ว่ามินรักไอ้วีร์หรือเปล่า”..เอาวะ ขอสวมบทบาทเล่นละครสักเล็กน้อยหน่อยแล้วกัน ถึงจะไม่ถนัดก็เถอะ“มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะคะว่ามินจะรักหรือไม่รักพี่วีร์ เพราะไม่ว่ายังไงมินก็ต้องแต่งงานกับพี่วีร์อยู่แล้ว” ตอบกลับมาด้วยใบหน้าเรียบเฉยก่อนจะพูดประโยคเจ็บ..นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงได้น้ำตาตกในเป็นแน่“และอีกอย่าง ถึงมินจ