๘
แค่ละครหรือความรู้สึกจริง
สองสัปดาห์แล้วที่ชนวีร์ไม่เข้าบริษัทเคเคโภคภัณฑ์เพราะว่าเกิดปัญหาที่บริษัทส่งออกรถยนต์ขึ้น ทำให้เขาต้องไปที่ต่างประเทศเพื่อเคลียร์ปัญหา แต่ว่าที่เขาหายไปก็ไม่ได้ตัดขาดการติดต่อกับเธอ ชายหนุ่มมักจะโทรมาหาเธอทุกวันคุยกันเป็นชั่วโมงแม้บางครั้งอาจจะเงียบไปแต่เธอก็ไม่ได้อึดอัดแต่อย่างใด
“ขวัญ พี่ขอดูเอกสารรายรับของสัปดาห์ที่แล้วหน่อย” ดาหวันไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารที่กำลังตรวจ
จอมขวัญหาเอกสารก่อนจะยื่นให้ทันทีแล้วกลับมาคำนวณรายได้ของสัปดาห์นี้ต่อ งานของเธอต้องใช้ตัวเลขทั้งวัน กลับหอไปบางครั้งต้องกินยาแก้ปวดหัวไว้ทุกที
บริษัทวันนี้วุ่นวายพอสมควร เพราะชนวีร์สั่งการมาว่าหลังจากที่เขากลับ มาจากต่างประเทศจะมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่มาดูบริษัทจึงต้องทำรายงานเตรียมไว้
ช่วงบ่ายจอมขวัญก็ทำงานจนแทบไม่มีเวลาได้หายใจหายคอเลย เมื่อเลิกงานเธอก็เดินออกจากบริษัทเพื่อที่จะขึ้นรถเมล์กลับหอแต่ระหว่างทางก็เจอกับปนิธิเมื่อจะทักเขาอีกฝ่ายก็เดินผ่านเธอไปราวกับมองไม่เห็น ทำเอาจอมขวัญชะงักหน้าเสีย
สองสัปดาห์มานี้ปนิธิไม่พูดคุยกับเธอเลยก็ว่าได้หรือถ้าคุยก็เป็นเรื่องงานเท่านั้น แม้ว่าจอมขวัญจะเพียรพยายามเข้าไปหามากเพียงใดอีกฝ่ายกลับนิ่งเฉยราวกับโกรธเธอมาสิบชาติก็ไม่ปาน
ร่างบางเดินออกไปรอรถเมล์ที่ตอนนี้มีพนักงานหลายคนยืนรออยู่เช่นกัน เมื่อรถเมล์มาถึงผู้คนต่างเบียดกันทั้งคนจะขึ้นและคนจะลง กว่าจะฝ่าผู้คนมาได้ร่างบางก็แทบหมดแรง
เมื่ออยู่บนรถเมล์เธอก็นั่งมองวิวข้างทางด้วยความเหนื่อยล้า ชีวิตแบบนี้เธอชินกับมันเสียแล้วตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ถ้าตอนนี้มีทรายทิพย์อยู่ด้วยคงดี คิดถึงทรายทิพย์เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าตอนนี้ชนวีร์จะลืมเพื่อนสาวของเธอหรือยัง
..แล้วเขารักเธอจริงหรือเปล่านะ
แต่เมื่อคิดดังนั้นก็พานทำให้นึกถึงช่วงเวลากว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาช่างดูแลเอาใจใส่เธอดีจนไม่คิดว่าจะได้รับนั่นทำให้เธอเชื่ออย่างสนิทใจว่าตอนนี้เขาอาจจะเก็บเพื่อนของเธอไว้เป็นความทรงจำที่ดีและเธออาจจะเป็นคนที่เขาจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยตามประสาหญิงสาวช่างฝันที่ชอบอ่านนิยายรักแสนหวานโดยไม่รู้เลยว่าโลกแห่งความจริงมันเลวร้ายกว่านั้น
กว่าจะผ่านการจราจรที่ติดขัดมาได้ก็ทำให้ตอนนี้ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีดำเสียแล้ว ไฟถูกเปิดจนถนนสว่าง บนฟ้าไร้ดวงดาวมีเพียงดวงจันทร์ที่มองดูแล้วมีแต่ความอ้างว้าง ถ้าตอนนี้เธออยู่บ้านดวงจันทร์ก็จะมีเพื่อนเป็นดาวดวงเล็กอยู่โดยรอบ
“คิดถึงพี่ไหมครับ”
ไม่ทันได้มองทำให้ตอนนี้ร่างบางชนเข้ากับคนตัวสูงเข้าให้แถมอีกฝ่ายยังประคองเอวเธอไว้หลวมๆ อีก แต่นั้นก็ไม่เท่ากับน้ำเสียงที่คุ้นเคย
“พี่วีร์”
เป็นชนวีร์นั้นเองที่ยืนส่งยิ้มละมุนมาให้เธอในตอนนี้ ร่างสูงอยู่ในชุดสูทเต็มยศเสื้อเชิ้ตผูกเน็กไทและกางเกงสแล็กเนื้อดี
“มาตอนไหนคะ” ถามขณะที่ขืนตัวออกเล็กน้อยเพราะคงเป็นการไม่เหมาะสมที่จะมากอดกันข้างถนนที่มีรถและผู้คนสัญจรไปมาแบบนี้เป็นแน่
ชนวีร์ปล่อยร่างบางออกจากอ้อมแขน
“มาถึงช่วงบ่ายเลยต้องเข้าบริษัทก่อน พอออกมาก็มาหาขวัญเลยคิดถึงจะแย่” น้ำเสียงที่ติดจะอ้อนทำให้ใจเธออ่อนระทวย ยิ่งแววตาที่เขาส่งยิ้มทำให้เลือดสูบฉีดไปที่หน้าเสียจนแดงเหมือนกับมะเขือเทศสุก
“แล้วมาหาขวัญทำไมคะ น่าจะพักก่อนพึ่งมาถึงแท้ๆ ”
“ก็บอกไปแล้วไง ว่าคิดถึง” ยิ่งย้ำหญิงสาวตรงหน้าก็ยิ่งเขินอายจนเขาต้องจับมือเธอพาเดินมาขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกล
วันนี้ชนวีร์ไม่ได้ขับรถมาเองเขามีสารถีส่วนตัวมาด้วยเพราะผู้เป็นบิดาห่วงความปลอดภัยของลูกชายจึงจ้างคนมาดูแล
“จะพาขวัญไปไหนคะ” แม้จะขัดขืนแต่แรงหญิงหรือจะสู้แรงชายได้
ตอนนี้เธอจึงต้องมานั่งบนรถคันหรูซึ่งไม่เคยเห็นเขาขับเลยสักครั้ง
“พานางซินไปแปลงโฉม” พูดเพียงเท่านั้นก็สั่งคนรถให้ออกรถทันที
และแม้ว่าจอมขวัญจะถามอีกกี่ครั้งก็ไม่ได้คำตอบจากคนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ รถแล่นไปยังห้างสรรพสินค้าหรูที่ตระกูลของพีรยศเป็นเจ้าของ
เมื่อถึงยังที่หมายชนวีร์ก็จับมือจอมขวัญเข้ามาภายในห้างทันที เขาเดินไปยังร้านเมรีย่าซึ่งเป็นร้านชุดชื่อดังที่บรรดาไฮโซและดาราดังเข้ามาอุดหนุนเสมอและชายหนุ่มก็เป็นอีกคนที่เป็นลูกค้าประจำเนื่องจากร้านชื่อดังมีทั้งชุดสำหรับคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายนั้นเอง
“สวัสดีค่ะคุณชนวีร์”
“เลือกชุดให้คุณผู้หญิงคนนี้ด้วยครับ”
พนักงานที่คุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างดีมองมายังจอมขวัญที่ส่งยิ้มแหยให้ อันที่จริงเธอไม่ชอบที่จะใส่ชุดราตรีเท่าไหร่นักเพราะมันโชว์เนื้อหนังมังสามากเกินไป อีกเหตุผลก็คงเพราะราคามันแพงเกินกว่าที่คนธรรมดาอย่างเธอจะมีปัญญาซื้อและเธอก็ไม่ได้ใส่มันบ่อยด้วย
“ได้ค่ะ เชิญคุณชนวีร์นั่งรอสักครู่นะคะ”
ร่างสูงพยักหน้า ดันตัวจอมขวัญให้ตามพนักงานไป ส่วนตนเองก็นั่งเปิดโทรศัพท์เพื่อดูตลาดหุ้นของวันนี้ไปพลาง
เวลาผ่านไปนานพอสมควร เขาทั้งเดินดูของรอก่อนจะมานั่งกอดอกหลับตาเพื่อพักสายตารอกว่าที่ร่างบางจะออกมา
“เสร็จแล้วค่ะคุณชนวีร์” ราวกับเสียงสวรรค์ที่ทำให้เขาลืมตาขึ้นมาก็ต้องอึ้งเมื่อพบกับผู้หญิงตรงหน้า
ร่างบางที่สูงพอประมาณอยู่ในชุดราตรีเกาะอกสีขาวแนบลำตัว เน้นทรวดทรงองค์เอวและกระโปรงที่บานฟูฟ่องยาวกรอมเท้า ตอนนี้เธอเหมือนกับนางฟ้าที่บินลงมาเยือนโลกมนุษย์ก็ไม่ปาน แม้จะยังไม่ได้แต่งหน้าก็ตาม
“สวย” พูดราวกับละเมอก่อนที่เขาจะได้สติก่นด่าตัวเองในใจว่า
..สวยแค่ภายนอกเท่านั้น
ชนวีร์เดินไปหาจอมขวัญที่ยืนเขินอายและพยายามเอามือปิดบังช่วงเนินอกที่บราช่วยดันให้เป็นร่องสวย
“ช่วยแต่งหน้าและทำผมให้เธอด้วยนะครับ เลือกรองเท้าให้ด้วย”
พนักงานสาวรับคำแล้วพาจอมขวัญไปแต่งหน้าทำผมทันที ชนวีร์นั่งรอคิดในใจว่าเขาไม่ควรหลงไปกับรูปภายนอกของเธอ ไม่ควรที่จะใจเต้นเพราะเธอแต่ทำไมเมื่อสักครู่ถึงเกิดเหตุการณ์แบบนั้นกับเขาได้ ยิ่งคิดไปว่าเขาได้ครอบครองร่างสวยงามคนแรกก็ยิ่งทำให้ชนวีร์รู้สึกหัวใจพองโตขึ้นไปอีก
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนฆ่าน้องทราย เกลียด แกต้องเกลียด”
เขาคิดถึงวันที่ทรายทิพย์จากไปก็ยิ่งปลุกความเกลียดชังต่อจอมขวัญให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น แผนการของเขาใกล้สำเร็จไปอีกขั้นแล้ว ตอนนี้เธอจะต้องประทับใจที่สุด วันนี้เขาจะทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดก่อนที่อนาคตเธอจะต้องตกนรกทั้งเป็น!
ชนวีร์คิดคำนวณโดยที่ไม่ได้รู้เลยว่า เรื่องของหัวใจมันใช้สมองคิดไม่ได้และคนที่จะต้องเจ็บปวดไม่ได้มีแค่จอมขวัญเพียงคนเดียว
ร่างสูงนั่งรอจนเมื่อยจึงยืนขึ้นมองออกไปข้างนอกที่ตอนนี้ผู้คนเริ่มหนาตา
“มาแล้วค่ะ”
เสียงพนักงานทำให้เขาต้องหันกลับมามองคนตรงหน้าและก็ตะลึงค้างทันทีเพราะร่างบางในชุดราตรียาวสีขาวช่างสวยจับใจเหมือนนางฟ้าที่ลงมาเดินเล่นยังโลกมนุษย์ก็มิปาน ผมยาวสีดำขลับถูกเกล้าขึ้นด้านบนแล้วถักเปียรอบปักมงกุฎเล็กไว้ตรงหน้าศีรษะ ใบหน้าถูกแต่งด้วยสีหวานทำให้น่ามองมากยิ่งขึ้นลำคอระหงมีมุกประดับ ทุกอย่างที่เป็นเธอวันนี้เขาเชื่อว่าคนที่เห็นต้องมองตาค้างอย่างแน่นอน
“สวยมากเลย” ชนวีร์เดินเข้าไปหาหญิงสาวแล้วเอ่ยชมจนเธอเขินหลบสายตาไม่กล้าสบแววตาคมที่มองอย่างชื่นชม
“ไปกันหรือยังคะ” ด้วยความอายจากสายตาพนักงานที่มองมาและยิ่งเขินเข้าไปใหญ่เมื่อสบตาเขาจึงถามขึ้นด้วยความอยากออกไปจากร้านเสียที
“ไปสิ เดี๋ยวผมจะให้คนมาจัดการค่าใช้จ่ายต่างๆ นะ” บอกจอมขวัญก่อนจะหันไปพูดกับพนักงานที่ดูแล เธอน้อมรับแล้วพากันชื่นชมเมื่อเห็นชนวีร์ ยกแขนขึ้นเพื่อให้จอมขวัญคล้องแขนหญิงสาวแม้จะเขินอายแต่ก็ยอมคล้องแขนเขาไว้แล้วเดินออกไปด้วยกัน
ผู้คนต่างมองทั้งสองอย่างชื่นชมก่อนที่ร่างสูงจะพาเธอเดินไปยังรถคันหรูที่มีบอดี้การ์ดเปิดประตูรออยู่แล้ว
ขึ้นไปบนรถชนวีร์ก็กอดเอวบางไม่ยอมห่างพร้อมกับคลอเคลียแถวซอกคอขาวที่ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนเหลือเกินในความรู้สึกจนอยากจะจับเธอกดลงตรงนี้เสียเลย
“ทำไมหอมขนาดนี้”
ร่างบางพยายามขืนตัวออกห่างเพราะอายบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหน้า
“พี่วีร์คะ อย่าค่ะ”
แต่ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไม่เป็นผลเพราะเขาไม่ได้ออกห่างจากตัวเธอเลยตรงกันข้ามกลับแทบจะอุ้มเธอนั่งบนตักเสียด้วยซ้ำไป
รถแล่นไปเรื่อยๆ โดยที่ชนวีร์พยายามลวนลามหญิงสาวที่นั่งข้างกายเต็มที่ จอมขวัญก็พยายามที่จะขัดขืนเช่นเดียวกันดูเหมือนจะทำได้ยากใช้เวลาพอสมควร กว่าที่รถยนต์คันหรูจะมาจอดยังหน้าโรงแรมห้าดาวชื่อดังที่เป็นสถานที่จัดงานภายในวันนี้
รถมาจอดยังหน้าประตูก่อนที่ชนวีร์จะลงมาแล้วยื่นมือไปรับจอมขวัญที่ส่งยิ้มหวานให้เขา
“จะไม่บอกอะไรขวัญเลยหรือคะว่าพามางานอะไร” ถามมาตลอดทางแต่เขาก็ไม่ปริปากบอกข้อมูลอะไรแก่เธอเลยสักอย่าง
“รอให้ถึงก่อนแล้วพี่จะบอก” ราวกับเรื่องวันนี้เป็นความลับ เขายิ้มให้พาเธอเดินเข้ามาภายในโรงแรมที่มีผู้คนบางตาสงสัยคงเป็นเพราะเข้างานกันไปหมดแล้ว
“พี่วีร์ พี่ขวัญ!”
เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ทั้งสองหยุดเดินหันมามองก็พบบุษบามินตราที่เดินควงคู่มากับพีรยศนั่นเอง
บุษบามินตรามาในชุดเกาะอกสีแดงเพลิงขับให้ผิวขาวยิ่งดูเด่นขึ้นไปอีก ผมยาวสลายถูกดัดเป็นลอนแล้วรวบมาไว้ข้างซ้ายมีดอกไม้ประดับอยู่ด้านข้างแซมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“จะมาไม่เห็นบอกน้องเลย มินงอนแล้วนะ” สาวสวยเดินมาทำหน้าบึ้งใส่พี่ชาย
“ขอโทษนะพี่ลืมบอก แต่เราก็มากับเจ้าพีร์ไง ถึงพี่จะบอกหรือไม่บอกยังไงมินก็มาอยู่แล้ว”
น้องสาวหน้ามุ่ยก่อนจะเดินไปหาพีรยศแล้วยกแขนคล้องทันที
“ถ้าอย่างนั้นเราเข้าไปในงานกันเถอะค่ะ” ด้วยความน้อยใจพี่ชายเลยลากชายหนุ่มที่มาด้วยเข้างานโดยที่ชนวีร์ได้แต่มองตามแล้วส่ายหัวให้กับความช่างงอนของน้องสาว
“ไปกันเถอะขวัญ”
ร่างบางยิ้มรับก่อนจะเดินเข้าไปกับคนข้างกาย เข้ามาภายในงานก็ต้องตกตะลึงเพราะไม่คิดว่าเขาจะพามางานสำคัญขนาดนี้นั้นก็คืองานเลี้ยงของระดับผู้บริหาร ถือเป็นงานใหญ่เพราะมีเพียงแค่ผู้บริหารเท่านั้นที่ได้รับเชิญมางาน ผู้คนจากสังคมไฮโซและธุรกิจต่างเดินทักทายกันไปทั่วงานและเมื่อเธอปรากฏตัวขึ้นพร้อมชนวีร์ดวงตาทุกคู่ก็จ้องมาทางเธอโดยอัตโนมัติ
ชนวีร์เป็นที่รู้จักในวงการธุรกิจ เหล่าไฮโซและดาราเพราะความสามารถที่เก่งแม้จะยังอายุไม่มาก ประกอบกับหน้าตาอันหล่อเหลาจนมีผู้จัดละครหลายเรื่องมาทาบทามแต่เขาก็ปฏิเสธไปเสียทุกครั้งทำให้เขายิ่งดังขึ้นไปอีก มีเหล่าคุณนายหลายคนพาลูกสาวมาทำความรู้จักกับเขาแต่ชนวีร์กลับไม่สนใจใครสักคนและมาวันนี้เขาก็ควงสาวสวยมางานยิ่งสร้างความสนใจใคร่รู้ให้กับคนรอบข้างว่าผู้หญิงที่ยืนข้างกายของเขานั้นเป็นใคร
“อยู่ข้างฉัน เชื่อใจฉันนะ”
คำปลอบประโลมของเขาทำให้เธอหายตื่นเต้นไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะสายตานับร้อยคู่ที่มองมานั้นทำให้เธอก้าวขาแทบไม่ออก
“พี่ขวัญ ไปกับมินดีกว่าค่ะ” น้องสาวที่รู้จักเดินมาเรียกเธอโดยไม่สนใจพี่ชายเลยด้วยซ้ำคงจะเป็นเพราะยังงอนอยู่นั่นเอง
“มิน พี่ขวัญต้องไปกับพี่ก่อน”
“ไม่เอา มินจะให้พี่ขวัญไปกับมิน ไม่ให้อยู่กับพี่หรอก” ว่าแล้วก็จับมือจอมขวัญพาเดินตามเธอไปหากลุ่มเพื่อนสาวโดยที่จอมขวัญก็ได้แต่มองตามเขาอย่างอ้อนวอนเพราะไม่กล้าปฏิเสธน้องสาวคนสนิท
ชนวีร์มองตามแล้วยกยิ้มมุมปาก
“โชคดีแล้วกันนะ”
เพราะคำนวณไว้แล้วว่าอย่างไรวันนี้จอมขวัญก็คงต้องตกเป็นขี้ปากของคนอื่นแน่ เขาจึงพาเธอมา
..มาพบกับสายตาหยามเหยียดอย่างไรเล่า
“ไอ้วีร์แกเห็นน้องมินไหม” พีรยศเดินมาถามเพื่อนเพราะคลาดกันเมื่อตอนที่เขากำลังคุยธุรกิจกับชาวแคนาดา
“ไม่เห็น แกไปคุยกับมิสเตอร์ชินกับฉันหน่อย” ว่าแล้วก็ลากเพื่อนไปทันที
มินตราบุษบาคงอยากจะแกล้งให้เขาห่างจากจอมขวัญแต่เธอคงไม่รู้ว่า นั่นถือเป็นเรื่องดีเพราะเพื่อนของบุษบามินตราแต่ละคนเรื่องเหยียดคนนั้นถนัดนักละ
และก็เป็นอย่างที่ชนวีร์คิดเพราะว่าน้องสาวของเขาพาจอมขวัญมาเชือดชัดๆ
“คุณเป็นแค่พนักงานในบริษัทจริงหรือคะ” มาริษาเพื่อนของบุษบามินตราถามขึ้นก่อนจะมองเธออย่างเหยียดๆ
“เอ่อ ค่ะ” ไม่อยากปฏิเสธความจริงแม้รู้ว่าจะเจอกับอะไร ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเธอก็เคยเจอคนในรูปแบบนี้มาแล้วเพียงแค่รู้ว่าบ้านเธออยู่ต่างจังหวัดก็หัวเราะว่าเธอสวยแต่รูปข้างในกลวงโบ๋ เขาหมายถึงเงินทองโดยไม่ได้คิดว่าสมองของเธอดีกว่าพวกที่บอกว่าตัวเองรวยเสียอีก
“แล้วมาในงานนี้หรือคะ” ยิ่งพูดคนในกลุ่มก็หันไปซุบซิบแล้วมองเธอด้วยสายตาขบขัน
“แล้วทำไม เป็นพนักงานมันผิดตรงไหน” บุษบามินตราที่ทนไม่ไหวเอ่ยขึ้นเสียงดังเพราะความโมโหที่พี่สาวคนสนิทถูกว่าโดยไม่ได้คำนึงเลยสักนิดว่าคนโดยรอบหันมามอง
“พี่ขวัญเป็นคนดี ถึงเขาจะเป็นพนักงานในบริษัทก็ตาม และตอนนี้ พี่ขวัญก็คบกับพี่ชายของฉันอยู่ พวกเธอเลิกว่าพี่สะใภ้ของฉันกันได้แล้ว ไปค่ะ พี่ขวัญ” พูดจบก็จูงมือคนตัวเล็กกว่าออกไปทันที โดยที่ภายในงานต่างก็มอง สองสาวเป็นตาเดียวก่อนจะเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมของจอมขวัญและชนวีร์
จอมขวัญเดินตามบุษบามินตราออกมาข้างนอกงานด้วยใบหน้าหมอง
..เธอไม่คู่ควรกับเขาจริง เธอมันก็แค่ลูกชาวไร่แต่เขาเป็นเจ้าของบริษัทหลายแห่ง มีเงินมากมาย ผู้หญิงดีๆ ที่คู่ควรหลายคนต่างหมายปองเขาแล้วเธอ ล่ะมีอะไรดี
จอมขวัญนั่งลงที่โซฟา พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ บุษบามินตราวางมือลงบนไหล่เล็กแล้วบีบเบาๆ ให้กำลังใจ
“พี่ขวัญอย่าคิดมากเลยนะคะ”
“พี่ไม่เป็นไรค่ะ น้องมินเข้าไปข้างในเถอะ เดี๋ยวเพื่อนรอ”
“แต่ว่า”
“พี่ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ” ร่างบางในชุดสีขาวย้ำอีกครั้งบุษบามินตราจึงจำใจพยักหน้ารับแล้วเข้าไปภายในงาน
งานเลี้ยงแบบนี้จอมขวัญไม่เคยชินเลยสักครั้ง เธอรู้สึกอึดอัดเมื่อพยายามต้องเข้าสังคมที่ไม่ใช่ตัวเธอเลยสักนิด
ร่างบางเดินออกมานอกโรงแรมมายังสวนหย่อมเพื่อนั่งสูดอากาศบริสุทธิ์
ภายนอกโรงแรมตอนนี้เงียบสงบเพราะเป็นโรงแรมหรูที่บริเวณรอบไม่มีตึกหรือผับเลย รอบข้างส่วนมากก็จะเป็นร้านค้าเล็กๆ ที่ปิดเนื่องจากเป็นเวลาดึก
จอมขวัญนั่งมองท้องฟ้า ต้นไม้ไปเรื่อยทำใจให้เย็น พยายามไม่คิดอะไรมากทั้งที่จริงเธอเป็นคนที่ค่อนข้างจะคิดมากพอสมควร
ไม่ใช่ว่าไม่คิดว่าไม่คู่ควรกับเขา บางครั้งที่อยู่คนเดียวจอมขวัญก็คิดเสมอว่าฐานะของเธอกับเขามันต่างกัน สังคมของเธอกับเขาก็ต่างกันมากด้วย อีกอย่างที่เธอยังสงสัยอยู่บ้างก็คงจะเป็นเรื่องที่เขารักเธอได้จริงหรือ เขาลืมเพื่อนเธอแล้วหรือ ในเมื่อสามปีก่อนนั้นสิ่งที่เขาทำกับเธอมันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
“พี่วีร์ รักขวัญจริงๆ ใช่ไหมคะ” เหมือนละเมอเธอพูดออกมาท่ามกลางแสงจันทร์นวลเมื่อมองขึ้นไป อยากรู้ว่าเขารักเธอจริงหรือเปล่าเพราะตอนนี้เธอได้ตกหลุมรักเขาไปอีกครั้งแล้ว แต่จากการกระทำของเขาก็เดาได้ไม่ยากว่าเขาคงรักเธอบ้างแล้วไม่เช่นนั้นเขาจะทำแบบนั้นกับเธอไปทำไม
“อื้อออ”
โดยไม่ทันได้ตั้งตัวปากของเธอถูกปิดด้วยมือใหญ่ที่ใส่ถุงมือสีดำมาจากทางด้านหลัง แรงมหาศาลของมันทำให้ร่างเล็กปลิวไปตามแรงลาก มันพาเธอเดินออกมาจากสวนของโรงแรมอ้อมไปยังด้านหลังที่เป็นลานจอดรถ
จอมขวัญพยายามขัดขืนหัวใจเต้นแรงด้วยความกลัวกับอันตรายที่เกิดขึ้นกับเธอในตอนนี้
“ทำอะไรน่ะ!!” ราวกับเสียงจากสวรรค์สำหรับจอมขวัญ เธอดิ้นแล้วมองไปยังคนที่มาช่วยเธอเอาไว้
พีรยศวิ่งเข้ามาก่อนจะหยุดเมื่อมันเอามีดออกมาแล้วจ่อมาที่คอของเธอ
“อย่าเข้ามา ไม่งั้นผู้หญิงคนนี้ตาย”
ดูจากความคมของมีดแล้วทำให้พีรยศไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลามแม้ว่าเขาจะเก่งมวยก็ตามเพราะถ้าเขาพลาดมานั่นหมายถึงชีวิตของหญิงคนรักของเพื่อนเขาต้องจบลงเป็นแน่
“ใจเย็นๆ นะ วางมีดลงก่อนแล้วมาคุยกันดีๆ” พยายามต่อรองแต่เหมือน ว่าฝ่ายนั้นจะไม่ยอมปล่อยจอมขวัญเพราะมันยิ่งเลื่อนมีดเข้าไปใกล้ลำคอระหงมากยิ่งขึ้น
พีรยศรีบคิดหาทางออกโดยเร็วแต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรเสียงนกหวีดก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่มีไม่ต่ำกว่าสามคนดังมา
“แม่งเอ้ย!!” คนร้ายสบถเสียงดังแล้วผลักจอมขวัญออกไปก่อนจะวิ่งหนีหายไปโดยเร็วจนคนที่มาใหม่ตามไม่ทัน เป็นคนรักษาความปลอดภัยนั่นเองที่เห็นเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิดจึงนำคนจำนวนห้าคนเพื่อมาจับคนร้ายและได้แจ้งตำรวจในการสกัดจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“คุณขวัญเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” พีรยศตรงเข้ามารับร่างบางไว้ได้ทัน
จอมขวัญหายใจเข้าออกพยายามตั้งสติแม้จะกลัวจับใจ ร่างบางสั่นสะท้านไปหมดก่อนที่น้ำตาจะไหลลงมาทำให้ชายหนุ่มที่ประคองอยู่ต้องรีบปลอบเสียยกใหญ่
“คุณปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องกลัวนะครับ ไม่ต้องกลัวนะ ปลอดภัยแล้ว” ร่างสูงเอ่ยบอกเสียงนุ่มแต่ยิ่งทำให้จอมขวัญร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิมอีก
ชีวิตของเธอกำลังถูกปองร้าย มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาสองครั้งแล้วจิตใจดวงน้อยทั้งสับสนและบอบช้ำ
“ขวัญ!” ชายหนุ่มที่มาใหม่เข้ามากอดร่างบางแน่นเมื่อทราบเรื่องจากผู้ดูแลความปลอดภัยหลังจากที่เขาตามหาเธออยู่นาน
พีรยศถอยไปมองเพื่อนที่กอดจอมขวัญเสียแน่น ใบหน้าหล่อหลับตานิ่งเหมือนกับเจ็บปวดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ขวัญไม่เป็นอะไรใช่ไหม รปภ.บอกว่ามีคนร้ายพยายามฆ่า” เสียงเข้มถามสั่นๆ แม้สมองจะสั่งว่าไม่ควรห่วงเธอ
..ถ้าเธอตายไปก็เท่ากับเป็นการชดใช้ให้ทรายทิพย์แล้วไม่ใช่หรือ
แต่ทำไมหัวใจกลับสั่น มันเต้นแรงเมื่อได้ยินว่าเธอโดนทำร้าย ความห่วงใยอาทรมาจากไหนและที่เด่นชัดที่สุดคือความกลัว กลัวว่าอาจจะไม่ได้ยินเสียงหวานและรอยยิ้มนั่นอีก กลัวว่ามันจะหายไปเหมือนที่ทรายทิพย์หายไปจากเขา
ไม่! เขาไม่ได้รักเธอ ผู้หญิงคนนี้ก็เป็นแค่ฆาตกร!
“ขวัญกลัว กลับนะคะ พี่วีร์พาขวัญกลับนะ”
“ครับ วันนี้นอนบ้านพี่นะ”
พีรยศมองดูเพื่อนแล้วโล่งอกเมื่อเพื่อนของตนพบคนที่รักแล้ว ดูจากแววตาและท่าทางแล้วชนวีร์คงหลงรักจอมขวัญเข้าเต็มเปา แต่ส่วนลึกในใจของพีรยศแล้วเขาว่ามันแปลก ซึ่งเขาเองก็ยังหาไม่เจอว่าอะไรที่มันแปลก
“ฝากบอกมินด้วยว่าฉันกลับก่อน”
พีรยศพยักหน้าแล้วตบบ่าเพื่อน ชนวีร์โอบไหล่บางที่ยังสั่นเดินไปยังรถคันหรูแล้วออกไปทันที
ร่างสูงยืนมองรถเพื่อนที่ขับไปจนลับสายตาก่อนขึ้นไปยังงานเลี้ยงแต่ยังไม่ทันได้เข้างานก็เจอบุษบามินตราเสียก่อน
“มองหาพี่อยู่หรือครับ” เห็นร่างบางยืนชะเง้อคอมองหาอะไรบางอย่างเขาเลยเดินเข้าไปทักใบหน้ายิ้มแย้มอย่างล้อเลียน
“ยังมาทำหน้าเล่นอีกพี่พีร์ พี่ขวัญเป็นอย่างไรบ้างคะ มินได้ข่าวว่าเธอโดนคนร้ายทำร้าย”
สีหน้าร้อนรนนั้นทำให้พีรยศอดรู้สึกไม่ได้ว่ามันแปลก ไม่ได้แปลกตาแต่เขาแปลกใจ
“เอ่อ น้องมินรู้ได้ไงครับ” ถามออกไปตามที่ใจอยากรู้ บุษบามินตรานิ่งไปครู่ก่อนจะบอก
“มินได้ยินที่เขาพูดกันค่ะ”
“เขาไหนครับ มีคนรู้เรื่องเยอะหรือ” จากคำบอกเล่าของบุษบามินตราทำให้พีรยศสงสัย
“ก็ คนดูแลความปลอดภัยไงคะ มินลงไปหาเลยรู้ข่าวแต่เพื่อนมาตามเสียก่อน นี่ก็ว่าจะลงไปหาพอดีเลย”
พีรยศพยักหน้ารับรู้
“ตอนนี้คุณขวัญก็ปลอดภัยแล้วครับ ไอ้วีร์พากลับบ้านแล้ว”
“บ้าน? บ้านพี่ขวัญหรือคะ”
“เปล่าครับ มันพาขวัญกลับบ้านมัน เห็นบอกว่าจะดูแลเอง”
บุษบามินตราพยักหน้าโล่งใจ เมื่อรู้ว่าจอมขวัญอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นเรากลับบ้านกันดีไหมคะ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ กลับกันเถอะ”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นมินไปลาเพื่อนก่อนนะ” ร่างบางเดินเข้าไปในงาน
พีรยศถอนหายใจออกมาแล้วคิดเรื่องของจอมขวัญ เรื่องนี้อาจจะเป็นคู่แข่งของชนวีร์ที่มาทำร้ายจอมขวัญแต่เขาก็ไม่อยากด่วนสรุป เพราะในใจเขามันแย้ง มันมีอะไรมากกว่านั้นแต่เขาก็คิดไม่ออกว่ามากกว่านั้นมันคือเรื่องอะไร
๙จุดสำคัญรถคันหรูขับเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ที่ตอนนี้เปิดไฟไว้เพียงหน้าบ้านเท่านั้น ภายในตัวบ้านถูกปิดไว้แต่ไม่ได้ลงกลอน ชนวีร์ลงจากรถไปประเปิดประตูให้หญิงสาวที่ตอนนี้หลับอยู่ในรถด้วยความเพลีย ร่างบางถูกเขาอุ้มขึ้นเพราะไม่อยากจะรบกวน“ตายแล้วคุณวีร์นั่นใครเป็นอะไรคะ” แม่บ้านที่นั่งรอเจ้านายเดินออกมาจากห้องพักหลังบ้านเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดและเสียงรถ “ตายแล้ว! นี่มันคุณขวัญนี่คะ” เมื่อมองดูใกล้ๆ ก็พบว่าเป็นจอมขวัญเพื่อนสนิทของคุณหนูทรายทิพย์ที่ลาจากโลกนี้ไปแล้วนั่นเองชนวีร์ไม่พูดอะไรมากเขาหันมาสั่งให้แม่บ้านเตรียมน้ำใส่กะละมังเล็กและผ้าขนหนูขนาดเล็กเพื่อไปเช็ดตัวให้เธอ ซึ่งคุณแม่บ้านคนเก่าแก่ก็รีบทำตามเมื่อมาถึงชั้นสองของบ้านชนวีร์ก็พาร่างบางไปนอนยังห้องของตัวเอง ไม่นานนักคุณแม่บ้านคนเก่าแก่ก็ตามขึ้นมา ชนวีร์จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหล่อนในการดูแลเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หญิงสาวเพราะว่าถ้าเป็นเขาคงไม่ควรเท่าไหร่นัก“พี่วีร์ พี่ขวัญเป็นอย่างไรบ้างคะ” บุษบามินตรามาถึงบ้านพร้อมกับพีรยศก็ถามถึงพี่สาวคนสนิททันที ชนวีร์เลยบอกว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรแล้วตอนนี้ป้าหอมจันทร์ก็กำลังดูแลอยู่ น้อ
๑๐เจ็บปวดร่างบางที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มสีขาวยังคงหลับใหลหลังจากที่เมื่อคืนทำกิจกรรมจนดึก เขาไม่ปล่อยให้เธอนอนเลยจนกระทั่งตีสอง ด้วยความเหนื่อย จอมขวัญหลับไปตอนไหนไม่รู้และตอนนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นง่ายๆ เสียด้วยร่างสูงซึ่งกำลังใส่นาฬิกาอยู่มองไปที่คนบนเตียงแล้วแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย เกมรักได้จบลงไปแล้ว ต่อไปนี้เขาจะมอบเกมแค้นให้เธอเอง หลังจากแต่งตัวเสร็จชนวีร์ก็เดินออกไปจากห้องโดยไม่เหลียวแลกลับมาดูคนบนเตียงเลยสักนิดแต่เขาก็ยังมีกะใจสั่งอาหารเช้าขึ้นมาให้เธออยู่เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นปลุกให้คนที่กำลังอยู่ในนิทราลืมตาตื่นขึ้นมา เธอยกมือบังแสงอาทิตย์ที่สาดมายังเตียงนอนก่อนจะมองไปรอบกายทันที ข้างกายที่เมื่อคืนเคยอุ่นตอนนี้กลับเย็นชืดจนน่าใจหาย“สวัสดีค่ะพี่ดา”เป็นดาหวันที่โทรมาหาเธอเพราะสายมากแล้วแต่ ก็ยังไม่เห็นจอมขวัญเข้ามาที่บริษัท‘ขวัญอยู่ไหนจ๊ะ พอดีพี่เห็นสายมากแล้วเรายังไม่เข้ามาเลยเป็นห่วง’ในขณะที่คุยโทรศัพท์จอมขวัญก็พยายามสอดส่ายสายตาหาคนที่นอนด้วยเมื่อคืน“เอ่อ พอดีมีธุระนิดหน่อยค่ะ เดี๋ยวขวัญเข้าไปนะคะพี่ดา” บอกลาเสร็จเธอก็กดวางสายแล้วหยิบชุดคลุมมาสวมปิดร่างกา
๑๑ทำร้ายใจกลับลงมาจากห้องของท่านประธาน จอมขวัญก็เดินมายังแผนกพยายามที่จะไม่ร้องไห้แต่ก็กลั้นไว้ได้ยากเหลือเกิน ใจดวงน้อยเจ็บไปหมดจนเธอคิดว่าอย่างไรวันนี้ก็คงทำงานไม่ได้แน่นอน เมื่อมาถึงยังแผนกบัญชีร่างบางก็เดินเข้าไปขอลางานกับปนิธิโดยมีสายตาทั้งสามคู่มองอยู่“พี่วีร์คะ ขวัญขอลางานช่วงเช้านะคะ” บอกเสียงสั่นในขณะที่ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาพร้อมจะไหลลงมาทุกเมื่อจนปนิธิสงสารเขาพอจะรู้เรื่องของเธอจากข่าวที่แพร่ไปอย่างรวดเร็ว“พี่อนุมัติ แต่มีข้อแม้ว่าขวัญต้องให้พี่ไปด้วยนะ” อยากจะปฏิเสธแต่ดูเหมือนว่าหัวหน้าของเธอจะเก็บของทันทีที่พูดจบโดยที่ไม่เปิดทางให้เธอได้ปฏิเสธเลยปนิธิเก็บของเสร็จก็สะพายกระเป๋าเดินจับมือจอมขวัญออกมาข้างนอกห้องโดยมีสายตาทั้งสามคู่มองอยู่“ผมออกไปทำธุระกับขวัญนะ เดี๋ยวตอนบ่ายจะเข้ามา” ทั้งสามตอบรับร่างสูงจึงให้รุ่นน้องไปเก็บของแล้วเดินตามเขาออกไปข้างนอก ทั้งสองเดินออกมาด้วยกันทำให้เป็นเป้าสายตาอย่างมากเพราะมีข่าวว่าปนิธิเมินจอมขวัญช่วงหนึ่งในขณะที่ฝ่ายหญิงตัวติดกับท่านประธาน และก็มีข่าวมาอีกว่าท่านประธานทิ้งฝ่ายหญิงทำให้ลือกันไปต่างๆ ว่าจอมขวัญจะหันมาหาปนิธิ“นั่นไง ฉันว่า
๑๒สับสนใจช่วงค่ำของวันแรกที่มาถึงยังเกาะเคพีคซึ่งเป็นเกาะส่วนตัวของเคเคกรุ๊ป พนักงานทั้งหลายต่างรื่นเริงกับงานยามเย็นที่อยู่ริมหาด ตอนนี้ถูกเนรมิตให้เป็นปาร์ตี้ขนาดเล็กที่มีทั้งเวที ซึ่งมีนักดนตรีมาบรรเลงเพลงสบายๆ อาหารทะเลที่มีเชฟฝีมือดีทำมาบริการ โต๊ะนั่งสีขาวมีดอกไม้ประดับกลางโต๊ะ ซุ้มถ่ายรูปที่ทำขึ้นอย่างสวยงาม เหล่าพนักงานบริษัททั้งชายหญิงต่างแต่งตัวด้วยชุดที่คัดสรรกันมาแล้วว่าเหมาะกับการมาเที่ยวทะเล“ขวัญน่ารักมากเลย” แพรวพริ้งเดินมายังงานพร้อมกับจอมขวัญ ตอนนี้หญิงสาวอยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวผ้าชีฟองสีขาวยาวกรอมเท้า มีผ้าคลุมไหล่สีฟ้าปิดไหล่มนไว้ ผมถูกมัดขึ้นอย่างลวกๆ ก่อนจะผูกด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนบางพร้อมกับแต่งหน้าเบาบาง แค่นี้จอมขวัญก็ดูสวยหวานน่ารักน่าทะนุถนอมแล้ว“พี่พริ้งก็น่ารักค่ะ” สองสาวเอ่ยชมกันก่อนจะเดินมาถึงงานแพรวพริ้งขอตัวแยกไปหาเพื่อนๆ ของเธอ จอมขวัญจึงยืนอยู่คนเดียว เธอมองหาปนิธิก่อนจะยิ้มให้เมื่อเขาหันมามองและกำลังเดินตรงมายังที่ที่เธอยืนอยู่“ขวัญสวยมาก” ชมพร้อมกับยิ้มหวานให้ ปนิธิหวังว่าการมาทะเลครั้งนี้จะทำให้ทั้งเขาและจอมขวัญพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้น เมื่อร่างบางได
๑๓โกหกทั้งเพใจดวงน้อยสั่นไหวด้วยความกลัวเมื่อคนตัวใหญ่ทั้งสองจับเธอกดลงบนพื้นหาดทรายโดยใช้แรงที่มีทั้งหมดบังคับจอมขวัญพยายามดิ้นรนหาทางสู้ แต่มีหรือที่เธอจะสู้แรงยักษ์ของทั้งสองได้“อย่าดิ้นดีกว่านะน้องสาว ปล่อยตามสบาย” มันว่าพร้อมกับแสยะยิ้มให้อย่างหื่นกระหายน้ำตาไหลลงมาเป็นสายด้วยความกลัวใจ เธอภาวนาอ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มีคนมาช่วยเธอ“ถอดออกให้หมดเลยมึง”มือบางพยายามปัดมือมันออกแต่ก็ไร้ผล กระโปรงตัวยาวถูกมันถลกขึ้นมาพร้อมกับลูบไล้ขาเรียวเนียนอย่างหยาบคายจอมขวัญร้องไห้เมื่อสัมผัสได้ถึงความหยาบกระด้างของมัน“มึงถอดกางเกงออกเลยเร็ว กูจับมันไว้ให้” บอกพรรคพวกก่อนจะจับจอมขวัญไว้แน่น ไอ้คนตัวใหญ่กว่ารีบลุกขึ้นถอดกางเกงอย่างรวดเร็วทำให้เห็นอวัยวะที่ตั้งแข็งขึ้นชัดเจนใบหน้าหวานเบือนหนีอย่างรังเกียจพร้อมกับดิ้นรนหาทางหนีแต่ไร้หนทาง มองไปทางไหนก็มีแต่ความมืดเข้าปกคลุม ใจดวงน้อยเต้นเร็วเมื่อมันเดินมาหาเธอพร้อมกับกระชากชุดออก“กรี๊ดดดด! !”ผิวขาวสะท้อนแสงจันทร์ทำเอาทั้งสองถึงกับมองตาวาว มันรอคอยมานานกับคนสวยแบบนี้จอมขวัญดิ้นหนีแต่ไม่สามารถไปไหนได้“มึงรีบถอดกางเกงเร็ว กูจะไม่ไหวแล
๑๔จดหมายเจ้าปัญหาถึงเวลากลับ พนักงานต่างเก็บภาพบรรยากาศไว้อย่างสนุกสนานเพราะไม่แน่ใจว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะได้กลับมาอีกหาดทรายสีขาว ทะเลสีฟ้า ท้องฟ้าสีคราม ช่างเป็นภาพที่น่าจดจำเสียจริงพร้อมกับที่พักสุดแสนจะเพอร์เฟกต์ของเจ้าของเกาะอีก ทำให้การพักผ่อนครั้งนี้พนักงานต่างได้พักเต็มที่และพร้อมที่จะกลับไปลุยงานในวันต่อไปได้ ดีที่วันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดเลยจะได้พักก่อนที่จะเริ่มทำงาน“พี่ปันคะ ถ้าถึงกรุงเทพแล้วช่วยไปส่งขวัญที่หมอชิตได้ไหมคะ” ระหว่างที่นั่งอยู่บนสปีดโบ๊ตของเจ้านายหนุ่ม จอมขวัญก็เอ่ยขึ้นกับปนิธิเบาๆ“ทำไมเหรอ ขวัญจะไปไหน” เขาอดถามไม่ได้ อีกฝ่ายจึงตอบเพราะไม่ได้ต้องการจะปิดบังไว้อยู่แล้ว “ขวัญจะกลับบ้านค่ะ คิดถึง ไม่ได้กลับนานแล้ว”หัวหน้าแผนกหนุ่มหล่อจึงพยักหน้ายิ้มให้“ได้สิ เดี๋ยวพี่ไปส่งถึงขอนแก่นเลยก็ได้นะ”“ไม่เอาค่ะ รบกวนเปล่าๆ พี่ปันกลับไปพักผ่อนเถอะ ขวัญไปเองได้” เมื่อตกลงกันได้อย่างที่ต้องการแล้วจึงดูบรรยากาศโดยรอบแทนจอมขวัญอดมองไปที่ชนวีร์ซึ่งนั่งข้างพุดน้ำบุษย์ ชี้ชวนกันมองทะเลอย่างมีความสุขโดยไม่หันมามองเธอเลยสักนิด..เรื่องเมื่อวานมันก็แค่ฝันไปสินะ ทั้งฝันร้ายและฝ
๑๕ความจริงคือไม่รักอาจเป็นเพราะกังวลเรื่องเขามากเกินไปทำให้เธอตาฝาด ร่างบางเปิดไฟสว่างไปทั่วห้องก็ต้องถอนหายใจเมื่อไม่พบผู้ใดในห้องนอนของตนเอง..เขาจะมาหาเธออีกทำไม ในเมื่อก็มีผู้หญิงแสนสวยอยู่เคียงข้างแล้ว ต่อไปนี้ทั้งเธอและเขาก็ไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีกต่างคนต่างอยู่แม้ว่าจะบอกตัวเองอย่างนั้นแต่ทำไมใจกลับเจ็บปวดเมื่อคิด พยายามตัดใจ พยายามเข้มแข็งแต่ยิ่งทำมันยิ่งเจ็บและถ้าหากไม่ทำอะไรยอมให้เขารังแกก็เจ็บปวดอีก ไม่ว่าจะทำอะไรจะเดินหน้าหรือถอยหลังก็มีแต่สร้างความเจ็บปวดให้เธอเช้าวันต่อจอมขวัญมาทำงานแต่เช้าและซื้อของมาฝากยามหน้าบริษัทกับป้าที่ทำความสะอาด ต่างพูดคุยจนเธอขอตัวไปยังแผนกตนเอง ด้วยเหตุที่มาเช้าจอมขวัญจึงมีเวลาเคลียร์เอกสารที่มากองบนโต๊ะทำงาน จนกระทั่งดาหวันเดินเข้ามา“อ้าวขวัญ มาทำงานแล้วหรือ” รุ่นพี่ยิ้มให้สาวตัวเล็กที่นั่งทำงานอยู่ก่อนแล้ว สิ่งหนึ่งที่เธอชอบจอมขวัญก็เพราะขยันและไม่เกี่ยงงาน“ค่ะพี่ดา ขาดไปนาน กลัวพี่ดาเหนื่อยคนเดียว” เพราะงานของแผนกมีอยู่ทุกวัน ไม่พอบางครั้งก็ต้องสรุปรายรับรายจ่ายให้ท่านประธานดูทุกสัปดาห์พร้อมกับประชุมสรุปงานอีกต่างหาก งานของเธอต้
๑๖ท้องดาราสาวเจ้าบทบาทอย่างพุดน้ำบุษย์จอดรถมินิสีแดงเพลิงของตนเองไว้ที่ใต้คอนโดหรูแห่งหนึ่ง เธอจับแว่นตาสีชาสุดโปรดแบรนด์ดังที่เป็นพรีเซ็นเตอร์มาสวม เช็กความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนลงจากรถไป เสื้อยืดแขนยาวสีเงินเรียบง่ายกับกางเกงยีนรัดรูปขายาว รองเท้าส้นสูงพื้นแดงทำให้เธอเป็นที่สะดุดตาได้ไม่ยากแม้จะเป็นการแต่งกายที่เรียบร้อยและมิดชิดก็ตาม“สวัสดีครับ” พนักงานกล่าวต้อนรับหญิงสาวเธอเพียงแค่ยิ้มให้เล็กน้อยเท่านั้น ร่างบางเดินไปกดลิฟต์ รอสักครู่ประตูลิฟต์ก็เปิดออก ดีที่เวลานี้ไม่มีผู้คนอยู่ในลิฟต์เลย พุดน้ำบุษย์กดไปยังชั้นบนสุดอย่างรวดเร็ว รอเพียงไม่นานก็มาถึงยังชั้นที่หมาย“ถ้าจะจองทั้งชั้นขนาดนี้ทำไมไม่ไปซื้อบ้านอยู่เลยล่ะ” อดค่อนขอดอีกคนไม่ได้เมื่อขึ้นมายังชั้น 16 ของคอนโดมิเนียมสุดหรู ชั้นนี้ทั้งชั้นถูกจับจองโดยเจ้าของคอนโดหนุ่มหล่อที่เป็นเพื่อนสนิทกับชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของเธอร่างบางเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องของคนที่ตนต้องการเจอหน้า ก่อนเข้ามายังหน้าห้องเขาจะมีประตูเพื่อสแกนบัตรสำหรับแม่บ้านซึ่งคนรอบคอบอย่างเธอก็ได้สั่งงานคนสนิทของตนไปเอาคีย์การ์ดจากแม่บ้านมาเป็นที่เรียบร้อยทำให้ผ่า