แชร์

๗ คำหวาน

คำหวาน

แสงแดดที่ส่องเข้ามาภายในบ้านทำให้ร่างสูงที่นอนหลับตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงียก่อนจะรับรู้ได้ว่าข้างกายตนตอนนี้ว่างเปล่าและเย็นชืด

..เธอหายไปไหน

ชนวีร์มองรอบกายก็ไม่พบร่างที่ตนกกกอดเมื่อคืน คิดแล้วเขาก็แสยะยิ้มอย่างสมใจถึงแม้ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนจะไม่ได้อยู่ในแผนการของเขาแต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะทำให้แผนของเขาสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

ร่างสูงลุกขึ้นจากที่นอน ค้นเสื้อผ้าที่จะใส่แล้วเข้าไปอาบน้ำข้างนอกที่ตอนนี้บรรยากาศเย็นกำลังดี เขาใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็เสร็จ แต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ออกมาข้างนอก ชนวีร์เข้าไปตากผ้าขนหนูและเก็บที่นอนส่วนของตนเองตรวจดูความเรียบร้อยแล้วค่อยออกมาจากบ้าน ไปยังบ้านของนายฮุง เมื่อมาถึงเขาก็พบนายฮุงกำลังนั่งรับประทานอาหารกับผู้หญิงที่อายุค่อนข้างมาก

“สวัสดีคุณชนวีร์ กินข้าวด้วยกันไหม” เรียกตามคนอัธยาศัยดี

ร่างสูงจึงเดินมานั่งร่วมวงด้วย

“ก็ดีเหมือนกันครับ แล้วคุณเห็นแฟนผมไหม” มองไปโดยรอบก็ยังไม่พบร่างบางที่คุ้นตาจึงเอ่ยถามขึ้นมา

นายฮุงอมยิ้มกับแม่ของตนแล้วหันมามองผู้ชายที่นั่งทำหน้างง

“เมียคุณไปเดินเล่นในหมู่บ้านกับเมียผมตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกเมื่อคืนคงเพลียสิท่าเลยตื่นไม่ทันเมีย เป็นไงจัดไปหลายยกไหม” พูดราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดา

ชนวีร์ไม่กล้าที่จะตอบ เขาเพียงแค่ยิ้มรับเท่านั้นก่อนจะนั่งกินข้าวกับแม่ลูกสองคนจนอิ่ม ร่างบางที่คุ้นตาก็เดินมากับเมียของนายฮุง

“มาแล้วคุณ” สองคนเดินยิ้มมาแต่ไกลพร้อมกับถือดอกรักเร่สีม่วงที่ปลูกไว้ในสวน

จอมขวัญเดินขึ้นมาบนเรือนก็สบตากับชนวีร์เธออายจนต้องหลบตาเขาใบหน้าหวานตอนนี้แดงระเรื่อดูแล้วน่ารักน่าชังเสียเหลือเกิน

“ทำไมไม่ปลุกฉัน” เมื่อนั่งลงชายหนุ่มก็เอ่ยถามทันที

“ก็ขวัญไม่อยากกวนคุณนี่คะ เห็นนอนหลับสบาย” ตอบไปอย่างนั้นก่อนจะช่วยนางชนก ภรรยาของนายฮุงเก็บดอกรักเร่ไปใส่แจกัน

“เมียคุณนี่สวยและก็ดูเป็นคนดีนะ”

“ก็คงอย่างนั้นมั้งครับ” คำตอบของชายหนุ่มทำให้นายฮุงมองด้วยความไม่เข้าใจแต่ก็ตัดไปเมื่อแม่ของตนให้พูดเรื่องที่ดินเสียที

ทั้งสามจึงตกลงกันเรื่องที่ ซึ่งชนวีร์จะซื้อในราคาห้าล้านถือเป็นราคาที่ถูกสุดแล้วเพราะเคยมีคนมาขอซื้อในราคาสิบล้านแต่นายฮุงไม่ขายเพราะดูเหมือนฝ่ายนั้นจะเอาที่ของเขาไปทำเป็นโรงแรมซึ่งจะยิ่งทำให้ชุมชนของเขามีคนต่างชาติเข้ามาเยอะไม่เป็นส่วนตัวอีกต่อไป

เมื่อตกลงเรื่องต่างๆ ได้จึงกำหนดวันโอนที่ดินเรียบร้อยโดยชนวีร์บอกจะให้เลขามาทำธุระแทนซึ่งฝ่ายนี้ก็ไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใดเพราะรู้แล้วว่าชนวีร์จะไม่เอาที่ดินไปทำธุรกิจของตนเองแน่นอน

จอมขวัญเดินออกมากับนางชนก

“ถ้าอย่างนั้นผมกับแฟนขอลากลับเลยแล้วกันนะครับ พอดีต้องไปทำธุระที่อื่นต่อ” ทั้งสองเอ่ยลาก่อนที่ชนวีร์จะพาจอมขวัญไปเก็บกระเป๋าที่บ้านพัก

เมื่ออยู่กันสองคนจอมขวัญก็ยิ่งเขิน เธอเก็บเสื้อผ้าเข้ากระเป๋าแล้วเดินออกไปรอเขาด้านนอกแต่ว่าร่างสูงจับข้อมือเอาไว้เสียก่อน

“เรื่องเมื่อคืนฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าฉันทำผิดและฉันยินดีจะรับผิดชอบเธอ”

ดวงตากลมโตสบแววตาเรียวนิ่งอย่างต้องการจะค้นคว้าก็พบเพียงแค่ความมั่นคงที่เธอคงไม่มีวันรู้ว่าเขาสร้างมันขึ้นมาได้อย่างแนบเนียน

“คุณเมาไม่รู้ตัว ถึงแม้ว่าขวัญจะเสียใจแต่มันไม่ได้เกิดจากความรัก” เธอได้คิดไว้แล้วว่าเขาต้องขอรับผิดชอบแต่ในเมื่อระหว่างเธอกับเขายังไม่มีอะไรคืบหน้าทำให้จอมขวัญคิดว่ามันไม่จำเป็น เขาอยากที่จะรับผิดชอบเธอเพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะเขารักเธอคิดแล้วก็แอบน้อยใจไม่ได้

“ฉันผิดฉันรู้ตัวที่เอาเปรียบเธอทั้งๆ ที่เมา ขอโทษนะจอมขวัญ ยกโทษให้ฉันนะ” ร่างสูงก้าวเข้ามาจับมือบางไว้ก่อนที่จะมองตาเธอนิ่ง

“ขวัญ ไม่ได้โกรธค่ะ” ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ ดวงตากลมโตเสหลบอย่างขวยเขินเพราะแววตาพราวระยับที่เขาส่งมาทำเอาแก้มทั้งสองข้างร้อนและเธอคิดว่าตอนนี้มันคงแดงปลั่งราวกับลูกมะเขือเทศแน่

“ถ้าฉันย้อนเวลากลับไปได้ฉันก็ยังจะทำแบบนั้น ที่ฉันทำไปมันไม่ใช่แค่เซ็กส์นะ ที่ฉันทำเพราะความรู้สึกดีๆ ที่มีให้เธอ” มือหนาจับที่คางมนก่อนจะเชยขึ้นให้มาสบตากับเขา

จอมขวัญหน้าแดงก่ำยิ่งขึ้นเมื่อใบหน้าของชนวีร์ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก่อนที่ริมฝีปากทั้งสองจะประกบเข้าหากัน ชายหนุ่มไม่รอช้าชิมความหวานปานน้ำผึ้งนั้นทันที เธอทำได้เพียงเงยหน้าเพื่อรับรสชาติแสนหวานที่เขาก็มอบให้เธอเช่นกัน ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไรก่อนที่ชนวีร์จะผละออกมองจอมขวัญที่หายใจหอบ

“วันหลังคงต้องทำบ่อยๆ เสียแล้ว เธอจะได้ชิน” คำพูดของเขายิ่งทำให้เธอขวยเขินตัวแดงไปหมด ชนวีร์จูงมือเธอแล้วหยิบกระเป๋ามาถือให้เพราะดูท่าว่าฝ่ายหญิงจะไร้เรี่ยวแรงเสียแล้ว

ทั้งสองลานายฮุงนางชนกและยายซุยที่ให้ที่พักและขอบคุณเรื่องที่ดิน ชนวีร์พาจอมขวัญขี่มอเตอร์ไซค์กลับไปยังที่เช่ารถเมื่อวาน

วันนี้เป็นวันอาทิตย์และเขาไม่มีงานที่จะต้องดูแลจึงชวนเธอไปเที่ยวต่อเมื่อส่งรถเสร็จแล้ว

“ไปเที่ยวอย่างนั้นหรือคะ”

“ใช่ ที่นี่สวยดี” บอกพร้อมกับยกกล้องที่เขาเอามาด้วยไม่ใช่กล้องโปรเฟสชั่นแนลเหมือนอย่างคนอื่นแต่ก็สามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้เหมือนกัน

จอมขวัญยิ้มออกมาก่อนที่ชนวีร์จะพาเธอไปติดต่อรถตู้ซึ่งจะพาไปยังสถานที่ต่างๆ ตามต้องการได้เป็นอย่างดี

การเดินทางของวันนี้ชนวีร์จะพาจอมขวัญเที่ยวที่ปายซึ่งถือว่าเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์มากจนผู้คนหลั่งไหลเข้ามา

สถานที่แรกที่ทั้งสองไปด้วยกันคือร้านคอฟฟี่อินเลิฟถือเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวไม่ว่าใครที่มาปายเป็นต้องแวะเข้าไปชิมรสชาติกาแฟที่หอมกรุ่นและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

บ้านปูนสีเหลืองเข้มเด่นชัดตัดกับเส้นขอบฟ้าและพื้นหญ้าสีเขียว ยิ่งเข้าไปบริเวณหลังร้านยิ่งเห็นได้ถึงความสวยงามเพราะท้องฟ้าสีสดใสและต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวสดทำเอาใบหน้าหวานมองบรรยากาศรอบๆ ด้วยความสดชื่น หล่อนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ไม่ได้สัมผัสมานาน

แชะ..

เสียงจากกล้องที่ชนวีร์ถือมาเรียกความสนใจจากร่างบางได้มากทีเดียว วันนี้จอมขวัญสวมเสื้อยืดสีขาวสกรีนลายการ์ตูนน่ารัก เธอสวมเสื้อแขนยาวทับและกางเกงยีนขายาวแนบขาที่เรียวสวย ผมสีดำสลวยถูกมัดรวบตึงเผยใบหน้าใสที่ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางเพียงน้อยนิดเท่านั้น พร้อมด้วยรองเท้าผ้าใบเพิ่มความทะมัดทะแมงมากยิ่งขึ้น

“คุณวีร์ถ่ายรูปหรือคะ”

ร่างสูงไม่ตอบนอกจากกดถ่ายรูปไปเรื่อยโดยที่ส่วนมากก็เป็นภาพเธอทั้งนั้น

“วันนี้ฉันขอจองตัวเธอเป็นนางแบบจำเป็นแล้วกันนะ” ช่างภาพหนุ่มหล่อบอก ทำให้นางแบบจำเป็นที่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาทำท่าจะแย้งขึ้นแต่ดูเหมือนว่าคงเปลี่ยนความตั้งใจของเขาไม่ได้

ชนวีร์พาเธอมานั่งดื่มด่ำบรรยากาศโดยการที่เขาสั่งกาแฟดำสำหรับตนเองและนมปั่นให้กับจอมขวัญ

“ทำตัวตามสบายเลยนะ” ตากล้องหนุ่มหล่อบอกพร้อมกับถ่ายภาพไปเรื่อย

ส่วนร่างบางที่ต้องเป็นนางแบบก็ทำหน้าไม่ค่อยถูกเท่าไหร่เลยถือนมปั่นขึ้นมาดื่มแทน รสชาติหวานละมุนของเครื่องดื่มและบรรยากาศโดยรอบทำให้เธอต้องมนต์แห่งคอฟฟี่อินเลิฟทันที

ชายหนุ่มคอยถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ก่อนจะลดกล้องมองภาพตรงหน้า ใบหน้าหวานหลับตาพริ้มสูดอากาศบริสุทธิ์โดยที่ด้านหลังมีท้องฟ้าสีสดและพื้นหญ้าสีเขียวทำให้ดูราวกับเธอเป็นนางไม้ที่เดินเล่นอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่

ไม่! มันก็เป็นแค่ภาพมายาเท่านั้น!

เขาพยายามสะบัดศีรษะเพื่อไล่ความคิดนี้ออกทันที ไม่ว่าอย่างไรสำหรับเขา เธอก็คือนางมารที่พรากคนที่เขารักไป แม่มดที่คร่าชีวิตผู้หญิงที่เขารักไป

ถ้าตอนนี้คนตรงหน้าเป็นทรายทิพย์ก็คงจะดีเพราะเมื่อก่อนตอนที่เขาอยู่มหาวิทยาลัยเขาอยู่ชมรมถ่ายภาพและนางแบบประจำของเขาคือทรายทิพย์นั่นเอง ผู้หญิงที่ยิ้มทีก็ทำให้โลกสดใสขึ้นมา

“ไปกันเถอะ” เพราะกลัวว่าจะไม่อาจควบคุมสีหน้าได้ เขาเลยชวนเธอออกจากร้านโดยที่อีกฝ่ายยังคงอินกับบรรยากาศอยู่ แต่เมื่อเขาเดินออกไปแล้วต้องรีบตามไป ร่างสูงก้าวขายาวจนคนที่มาทีหลังเดินตามแทบไม่ทันต้องวิ่งไปหาเขาแทนเพื่อยืนเคียงข้าง

“เดี๋ยวเราจะไปสะพานประวัติศาสตร์กันต่อ” บอกจุดหมายแล้วทั้งสองก็เดินไปที่รถตู้

การเดินทางไม่นานก็ถึงสะพานประวัติศาสตร์ที่สร้างขึ้นในสมัยสงครามโลก ครั้งที่สองขณะที่ญี่ปุ่นเรืองอำนาจอยู่ในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเส้นทางลำเลียงกำลังพลและอาวุธสู่พม่าเช่นเดียวกันกับสะพานข้ามแม่น้ำแคว ในอดีตสะพานนี้เคยถูกใช้เป็นเส้นทางเดินทางของประชาชนทั่วไป จนกระทั่งปัจจุบันก็มีการสร้างสะพานคอนกรีตมาตรฐานแทนที่

ถึงยังจุดหมายแล้วหนุ่มสาวก็ชื่นชมกับสะพานที่ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวประปรายยืนถ่ายรูปกันอยู่ จอมขวัญปล่อยให้ชนวีร์ถ่ายรูป ส่วนเธอก็เดินมาดูซุ้มนิทรรศการที่บอกเรื่องราวประวัติความเป็นมาของสะพาน

“ไปถ่ายรูปกันเถอะ” เมื่อไม่เห็นเธออยู่ข้างกายเขาก็มองหาและมาสะดุดตาตรงที่ร่างบางยืนอยู่จึงเดินเข้ามาเรียกพร้อมกับสั่งเสียงเข้มเพราะข้างกายเธอนั้นเขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งมองเธอพลางส่งยิ้มให้ด้วยดวงตาวาวพราวระยับ

“คะ เอ่อค่ะ” จอมขวัญเดินไปพร้อมกับชนวีร์โดยไม่ได้สังเกตรอบกายเธอปล่อยให้คนมาเรียกเดินหน้านิ่งไปที่สะพานพร้อมกับสั่งเธอให้โพสต์ท่าทางต่างๆ ราวกับว่าตนเองเป็นช่างถ่ายภาพมืออาชีพ

ผู้คนเริ่มเยอะเขาจึงชวนเธอกลับแต่ระหว่างที่เดินไปยังรถตู้ก็พบกับคนรู้จักที่แสนสนิทเข้าให้เสียก่อน

“ไอ้วีร์!”

หันไปตามเสียงเรียกก็พบกับเพื่อนสนิทที่ตนคุ้นหน้าเป็นอย่างดี

“ไอ้พีร์” เพื่อนสนิทหน้าหล่อเดินยิ้มมาแต่ไกลก่อนจะส่งยิ้มเผื่อแผ่ไปยังผู้หญิงที่ยืนข้างกายของเขาด้วยและเธอก็ยิ้มตอบกลับมา

“มาได้ไง” ชนวีร์ถาม

“ฉันก็พาเพื่อนจากอังกฤษมาเที่ยวสิวะ ว่าแต่แกเถอะ มาได้ยังไงแล้วมากับใคร” คำถามและแววตาที่ล้อเลียนไม่ได้ทำให้ชนวีร์เขินแต่กลับเป็นอีกคนที่หน้าแดงก่ำขึ้นทันที

“พอดีมาติดต่อขอซื้อที่ ส่วนนี่จอมขวัญเป็น...น้องสาว” เพราะสถานะของทั้งสองไม่ชัดเจนชนวีร์จึงบอกเพื่อนไปว่าตอนนี้เธอเป็นน้องสาวของเขาแต่ดูท่าแล้วเพื่อนตัวดีจะไม่เชื่อเสียเท่าไหร่

หนุ่มหล่อตบบ่าเพื่อนรักก่อนจะกระซิบข้างหู

“น้องสาวหรือน้องนางกลางใจวะเพื่อน”

..ดูท่าทางแล้วเพื่อนของเขาคนนี้คงจะหายจากความเศร้าเรื่องน้องทรายแล้วกระมังเพราะหลังจากที่คนรักเสียไปเขาก็ไม่เคยเห็นเพื่อนควงผู้หญิงคนไหนอีกเลยจนกระทั่งคนนี้

“ก็แล้วแต่จะคิด”

ไม่ได้ขยายความอะไรต่อยิ่งทำให้พีรยศเข้าใจผิดไปกันใหญ่

“สวัสดีนะครับน้องจอมขวัญ พี่ชื่อพีรยศนะหรือจะเรียกพี่พีร์ก็ได้ เป็นเพื่อนที่แสนสนิทของไอ้วีร์มันและเป็นว่าที่น้องเขยของมันด้วย” แนะนำตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งเพื่อนสนิททำให้เขายิ่งหมั่นไส้มันขึ้นไปอีก

จอมขวัญยกมือไหว้อย่างมีมารยาท

“สวัสดีค่ะ จอมขวัญค่ะ”

..ท่าทางอ่อนหวานขนาดนี้เพื่อนเขาคงพบความสุขจริงๆ เสียที

“ครับหวังว่าจะได้เจอกันอีกนะน้องขวัญ พี่ไปแล้ว เจอกันที่กรุงเทพฯ นะไอ้วีร์เดี๋ยวเข้าไปหา” คนหล่อหน้านิ่งเพียงแค่พยักหน้าทันทีที่เพื่อนเดินไป

ทั้งสองเลยได้เวลาขึ้นรถตู้เพื่อกลับไปยังสนามบินเสียทีโดยที่เลขาทรงคุณภาพของชนวีร์จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้เรียบร้อยแล้ว

กว่าจะกลับมาถึงเมืองศิวิไลซ์ก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มพอดีเพราะว่าเครื่องบินดีเลย์ต้องรออยู่ที่สนามบินเสียนาน

ชนวีร์ขับรถมาส่งจอมขวัญที่หอพักแม้จะมีแววกังวลเพราะเป็นห่วงเธอแต่ร่างบางก็ยืนกรานที่จะกลับหอให้ได้จนเขาต้องยอม

“ดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะ รู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นห่วง” ก่อนลงจากรถเขาก็กำชับเธออีกรอบ ใบหน้าหวานยิ้มให้เขาอย่างเขินอาย

“ค่ะ ขวัญจะดูแลตัวเอง คุณวีร์ไม่ต้องเป็นห่วง”

“พรุ่งนี้จะมารับแต่เช้า”

เธอเพียงพยักหน้ารับเท่านั้นก่อนจะลงไปตอนนี้ใบหน้าเธอแดงและร้อนไปหมดถ้าอยู่นานกว่านี้กลัวว่าเขาอาจจะล้อเธอได้

รถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวออกไปก่อนที่เธอจะเดินขึ้นห้อง แม้ว่าจะไม่สบายใจและหวาดกลัวแต่เธอก็ต้องสู้กับมันให้ได้

จอมขวัญเข้ามาในห้องอีกครั้งข้าวของยังเหมือนเดิมทุกอย่างเว้นเสียก็แต่

“อย่ายุ่งกับคนของฉัน

การ์ดสีแดงที่มีข้อความอยู่และเป็นข้อความที่ถูกเขียนขึ้นมาด้วยเลือด!

จอมขวัญใจเต้นแรงด้วยความกลัวเธอไม่กล้าทิ้งและคิดว่าถ้ามีเรื่องเกิดขึ้นมากกว่านี้เธอจะแจ้งตำรวจ การ์ดใบนี้อาจจะเป็นหลักฐานที่สามารถช่วยเธอได้

“แม่พ่อ ขวัญกลัว” ตอนนี้คิดถึงบุพการีจับหัวใจ ความกลัวเกาะกินใจเธอแต่จอมขวัญก็ตัดใจเปิดทีวีและแสงไฟจนทั่วห้องสว่าง เธอรีบอาบน้ำและเข้านอนทันทีโดยไม่ปิดไฟและเสียงทีวีที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะเสียค่าไฟแพงเธอก็ยอม

เช้าวันจันทร์ที่การจราจรแออัดเพราะเป็นการเริ่มต้นวันทำงานมีแต่คนที่เร่งรีบไม่เว้นแม้แต่จอมขวัญ เธอขึ้นรถเมล์ทันพอดีแม้ว่าจะต้องวิ่งจนเหงื่อไหลมากแค่ไหนก็ตาม ขึ้นมาบนรถคนก็เบียดเสียดกันแม้จะเป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่งก็ตาม ใช้เวลากว่าสามสิบนาทีเธอจึงเดินทางมาถึงบริษัท

“สวัสดีค่ะลุงยาม” หญิงสาวก็ยังเป็นคนเดิมที่ทักทายคุณลุงก่อนจะถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ สักครู่จึงเดินเข้าไปในตัวอาคาร จอมขวัญยิ้มให้แม่บ้านแล้วเดินไปขึ้นลิฟต์โดยที่ไม่รู้เลยว่าสองสาวนักประชาสัมพันธ์มองเธอด้วยความหมั่นไส้

“ฉันได้ยินมาเต็มสองหูได้เลยนะว่ายายจอมขวัญไปเที่ยวกับกับคุณ   ชนวีร์ที่แม่ฮ่องสอน” ลับหลังเธอก็เม้าธ์ทันที

“จริงเหรอ! คงกะจะเอาให้ได้ละสิ” หล่อนเบ้ปากด้วยความไม่ชอบใจในการกระทำของผู้หญิงที่เธอแทบไม่รู้จักตัวตนจริงๆ เลยด้วยซ้ำ

“โอ๋ ติ๊ก เม้าธ์อะไรกันขอฟังด้วยคนสิ”

และการเล่าเรื่องอย่างดุเดือดก็เริ่มขึ้นโดยที่มีการใส่สีตีไข่เพื่อเพิ่มรสชาติให้เรื่องน่าฟัง คนฟังก็คล้อยตามและนำไปเล่าต่อจนกระทั่งรู้ทั้งบริษัทว่าจอมขวัญไปเที่ยวกับชนวีร์เพื่อหวังขึ้นแท่นเป็นคุณนายของตระกูลกิจขจรไพศาล

ปนิธิเดินเข้ามาในบริษัทและแน่นอนว่าเรื่องที่เขาเล่ากันนั้นปนิธิรู้ ร่างสูงเดินขึ้นไปยังแผนกด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นเพื่อพยายามระงับอารมณ์ของตนเอง เขารู้ว่าจอมขวัญรักผู้ชายคนนั้นมากแต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะลดค่าตัวเองลงมาทำเรื่องแบบนี้ได้ ยอมแม้กระทั่งเอาตัวเข้าแลกเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดชนวีร์

“สวัสดีค่ะคุณปัน”

ภายในแผนกบัญชี สี่สาวมาครบและนั่งอยู่ประจำโต๊ะของตัวเอง พอปนิธิเข้ามาอพิญญาก็ทักทาย ซึ่งชายหนุ่มก็เพียงพยักหน้าให้แล้วเดินเข้าห้องไปไม่ได้มองหรือทักทายใคร จนทั้งสี่คนต้องมองหน้ากันด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

“หรือว่าจะเป็นเพราะเรื่องที่เขาเม้าธ์กัน คุณปันแกเลยหึง” อพิญญากระซิบกับวานิสา ซึ่งอีกฝ่ายก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งก่อนจะสะดุ้งเพราะเสียงกระแอมของพี่ใหญ่ สองสาวเลยรีบกลับมาทำงาน

จอมขวัญมองเข้าไปที่ห้องทำงานของปนิธิด้วยความสงสัยว่าพี่ชายคนสนิทเป็นอะไรแต่ก่อนที่จะคิดอะไรไปมากกว่านี้ก็ได้รับข้อความจากโทรศัพท์ก่อนเธอจึงเปิดดูพบว่าเป็นข้อความจากชนวีร์บอกให้เธอขึ้นมา ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันและเขาสั่งข้าวให้เธอแล้ว ร่างบางยิ้มหวานให้โทรศัพท์ก่อนจะตอบรับแล้วกดส่ง ใบหน้าหวานอมยิ้มด้วยความสุขแล้วเริ่มทำงานโดยที่ลืมเรื่องของปนิธิทันที

ตอนเที่ยงจอมขวัญปฏิเสธที่จะไปกินข้าวกับเพื่อนในแผนก เธอขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นผู้บริหารโดยมีสายตาของคนทั้งบริษัทมองและซุบซิบ ร่างบางหันไปมองแล้วเริ่มไม่สบายใจแต่เธอก็ตัดใจไม่คิดอะไรให้มาก เดินไปยังห้องของท่านประธาน คุณวิไลส่งยิ้มให้เธอก่อนจะเดินไปกินข้าวเที่ยงบ้าง จอมขวัญเคาะประตูสามครั้งแล้วเปิดเข้าไปก็พบว่าชนวีร์กำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่

“มาแล้วหรือ กินข้าวกันเลยไหม เธอหิวหรือเปล่า” ปิดแฟ้มพร้อมกับลุกขึ้นเดินมาหาจอมขวัญเท่านั้นไม่พอร่างสูงยังตรงเข้ามาหอมแก้มนิ่มด้วยความเร็วที่ร่างบางยังไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ “หอมจังเลย อยากกอดอยากหอมทั้งวัน” ว่าแล้วก็กอดร่างบางก่อนหอมแก้มทั้งสองข้าง จอมขวัญที่โดนรุกยังคงนิ่งอึ้งก่อนจะพยายามดิ้นให้หลุดจากวงแขนแข็งแรง

“เดี๋ยวมีคนมาเห็นนะคะ” แต่ก็ดูเหมือนจะไร้ผลเพราะดูเหมือนว่ายิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นไปอีก

“ไม่หรอก ในนี้มีแค่ฉันกับเธอ” ว่าจบแล้วร่างสูงก็จัดการปิดปากอีกฝ่ายด้วยริมฝีปากของตัวเอง ราวกับว่าเขาเจอบ่อน้ำทิพย์แสนหวานเพราะชายหนุ่มจูบอีกฝ่ายอย่างดูดดื่มจนร่างบางหายใจแทบไม่ทัน รสชาติของเธอช่างหวานจนเขาอดใจไม่ไหวแทรกลิ้นเข้าไปในโพรงปากและชิมความหวานละเลียดจนพอใจจึงผละออกไป

“หวาน”

ร่างบางยืนหอบหายใจหน้าแดงรีบผลักเขาแล้วเดินห่างออกไปเพราะกลัวเสียเปรียบอีก พอชนวีร์เดินมาเธอก็เดินหนีจนเขาต้องบอกว่าไม่ทำอะไรแล้วอีกฝ่ายจึงเดินมานั่งลงที่โต๊ะซึ่งมีจานข้าววางไว้สองจานเป็นอาหารตามสั่งปกติที่หาซื้อได้ง่ายสะดวกและรวดเร็ว

“กินเถอะ ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก”

ดูเหมือนว่าจอมขวัญจะยังกลัว เขาเลยบอกสำทับอีกครั้ง ร่างบางมองอย่างระวังราวกับกวางระวังภัยแล้ว ทั้งสองกินข้าวไปอย่างเงียบๆ แต่หัวใจกลับพองโตเมื่อรู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ของตนกับผู้ชายคนนี้พัฒนาไปแล้วอีกขั้น โดยไม่ได้รับรู้เลยสักนิดว่ามันก็เป็นแค่แผนของเขาเท่านั้นเอง

รับประทานอาหารเสร็จชนวีร์ก็กำชับให้ร่างบางมาหาตอนเย็นเพราะจะพาไปกินข้าวและไปส่งที่หอพักด้วย จอมขวัญตอบรับแล้วเดินออกมาไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และแววตามาดร้าย มันก็เป็นแค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้นเป็นละครที่ใกล้มาถึงจุดไคลแมกซ์ของเรื่องแล้วละ

ช่วงเวลาเลิกงานมาถึง จอมขวัญรอให้ทุกคนกลับไปหมดเธอจึงเดินขึ้นไปยังห้องของท่านประธาน โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคมคู่หนึ่งมองอยู่ด้วยความเจ็บปวด

..เขาอยู่ข้างเธอมาตลอดแต่ทำไมเธอไม่เคยเห็นค่าของเขาเลย

ปนิธิคิดอย่างไม่เข้าใจ เขากำหมัดแน่นถ้าเป็นไปได้อยากจะลักพาตัวเธอไปอยู่ด้วยกันบนเกาะ กักขังเธอไว้ไม่ให้ใครเห็น แต่นั่นมันก็แค่คิดเพราะถ้าเธอเกลียดเขาขึ้นมาเขาคงอยู่ไม่ได้แน่

“สวัสดีค่ะคุณวิไล” ร่างบางทักทาย

เลขาหน้าของเขาอีกฝ่ายก็ยิ้มรับพร้อมกับบอกว่าท่านประธานรออยู่

จอมขวัญจึงเคาะประตูห้องแล้วเปิดเข้าไปก็ต้องแปลกใจเพราะไม่พบชนวีร์ที่โต๊ะทำงาน ดวงตากลมโตมองสำรวจไปทั่วห้องก่อนจะสะดุดตาที่โซฟาขนาดยาว

ร่างสูงนอนเหยียดตัวหลับสนิทอยู่บนโซฟา เป็นอีกครั้งที่เธอได้เห็นเขาขณะที่ยังหลับ ใบหน้าคมเข้มที่ติดตาตรึงใจเธอ ดวงตาเรียวรีที่ตอนนี้ปิดสนิท จมูกคมยามที่หอมแก้มเธอ ริมฝีปากหนาได้รูปยามพรมจูบไปทั่วใบหน้า เคราของเขาที่สัมผัสกับผิวของเธอ ทุกอย่างทุกการกระทำของเขาทำให้เธอจดจำได้ขึ้นใจ เขากำลังทำให้เธอตกลงไปในวังวนของเขาและดูท่าว่าครั้งนี้มันจะลึกเสียด้วย

“อืม มาแล้วเหรอ” มองนานจนอีกฝ่ายรู้สึกตัว จอมขวัญก้มหน้างุดเพราะกลัวว่าเขาจะจับได้ว่าแอบมองจนหน้าแดงไปหมด “ขอโทษนะพอดีฉันเพลียมากไปหน่อย”

“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณเพลียมากก็นอนพักก่อนก็ได้” เธอบอกด้วยความเป็นห่วงหลังจากที่เห็นหน้าตาเขาเหนื่อย

“พี่วีร์ ต่อไปนี้เรียกพี่วีร์นะครับ น้องขวัญ”

สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้เธอยิ่งเขินหนักขึ้นไปอีก แก้มนุ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ อยู่กับเขาทีไรเป็นต้องหน้าแดงตัวแดงเสียร่ำไป

“แต่ว่า”

“ไม่มีแต่ ต่อไปนี้พี่จะให้ขวัญเรียกพี่ว่าพี่วีร์ โอเคไหมครับ” น้ำเสียงนุ่มกับรอยยิ้มที่เธอไม่เคยได้รับกำลังทำให้ร่างบางลอยตัวขึ้นไป แต่ดีที่ร่างสูงเดินมาจับเธอเข้าไปกอดเสียก่อนไม่อย่างนั้นหล่อนคิดว่าคงได้ลอยไปบนอวกาศแน่นอน “กลับกันเถอะ” ว่าแล้วร่างสูงก็โอบเอวบางไปเก็บของที่โต๊ะก่อนจะเดินออกมานอกห้องลาคุณวิไลแล้วเดินขึ้นลิฟต์ลงไปข้างล่าง

ทั้งสองจับมือกันไว้แทนแม้ตอนแรกชนวีร์จะบอกว่าอยากโอบเอวแต่ดูเหมือนฝ่ายหญิงไม่ยอมจึงทำได้เพียงแค่นี้เท่านั้น

ชนวีร์บอกจอมขวัญว่าจะพาไปรับประทานอาหารก่อนถึงจะไปส่งเธอที่ที่พักแต่เพราะรถติดทำให้กว่าจะฝ่าการจราจรที่แน่นขนัดมาได้ห้องอาหารก็เต็มเสียแล้วและเขาก็ไม่ได้จองไว้เสียด้วยทำให้ฝ่ายชายจะหัวเสียไม่เบากับเรื่องนี้

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่วีร์ เราไปกินร้านอื่นก็ได้” พยายามจะเกลี้ยกล่อมจนในที่สุดเขาก็ยอมและให้เธอเป็นคนเลือกร้านที่จะกิน จอมขวัญคิดอยู่สักพักก่อนจะยิ้มออกมาแล้วบอกทางที่จะไปร้านทันที

“จะกินร้านนี้แน่เหรอ” เมื่อจอดรถเสร็จและลงมาที่ร้านอาหารเพิงข้างทางเขาก็ต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดเสียว ในชีวิตของเขาไม่เคยสัมผัสบรรยากาศแบบนี้เลยนอกจากห้างหรือโรงแรมหรูเท่านั้นที่เขาไปกิน

“แน่สิคะ ไปกันเถอะค่ะพี่วีร์” ร่างสูงเดินตามแรงดึงของคนตัวเล็กเข้าไปแม้ในใจจะคิดว่าเขาไม่ควรจะทุ่มทุนถึงขนาดเข้ามากินร้านอาหารแบบนี้กับเธอเลย

จอมขวัญเลือกที่นั่งและสั่งอาหารไปสองชุด ร้านที่จอมขวัญเลือกวันนี้เป็นร้านแจ่วฮ้อนข้างทางต้นตำรับจากอีสานขนานแท้ ทั้งโต๊ะมีเตาไฟที่เพิ่งตั้งไฟและมีหม้อดินซึ่งข้างในใส่น้ำซุปเรียบร้อยแล้ว ไม่นานเครื่องที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟมีทั้งเนื้อหมู เนื้อน่องวัว ตับ ผ้าขี้ริ้ว ไส้ ผักกะหล่ำปลี ผักบุ้ง ใบโหระพาและวุ้นเส้น

“เดี๋ยวขวัญทำให้นะคะ” หญิงสาวจัดการนำเครื่องประกอบทั้งหมดลงไปในหม้อและใส่น้ำจิ้มลงไปเล็กน้อยก่อนจะปิดฝา ชนวีร์มองดูอย่างไม่แน่ใจว่ามันจะกินได้แล้วจิบน้ำทันที “อร่อยแน่นอนค่ะ” หล่อนบอกเขาและจัดการตักน้ำเสิร์ฟพร้อมทั้งตักน้ำจิ้มให้เขาด้วย

รอไม่นานแจ่วฮ้อนก็สุกจอมขวัญตักให้ชนวีร์ชิมก่อนซึ่งเขาก็ดูกลัวเพราะไม่เคยกินแต่พอได้ลองไปแล้วหนึ่งคำก็หยุดแทบไม่ได้เลยทีเดียวเพราะว่ามันอร่อยมาก รสชาติที่กลมกล่อมทั้งเข้ม เผ็ด ไม่ขมมากจนเกินไป

ทั้งสองใช้เวลาในการกินนานพอสมควรเพราะชนวีร์ขอสั่งเพิ่มบ่อยมากอิ่มจนขับรถแทบไม่ไหว ราคาที่ย่อมเยาทำเอาเขาตาโตด้วยความตกใจเพราะไม่เคยกินอาหารอร่อยที่ถูกมากมาก่อน ถึงขอซื้อกลับไปกินที่บ้านอีกด้วย

“คราวหน้าขวัญพาพี่ไปกินร้านอื่นบ้างนะ” ขับรถมาได้สักพักเขาก็พูดขึ้นซึ่งจอมขวัญก็ไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด

ทั้งสองคุยกันไปจนถึงหอพักของหญิงสาว

“ขับรถกลับบ้านดีๆ นะคะ เจอกันพรุ่งนี้” ว่าจบแล้วเธอก็กำลังจะเปิดประตูลงไปจากรถแต่เขาก็คว้าแขนเล็กเอาไว้เสียก่อนแล้วดึงเข้ามาหาตัวเองพร้อมกับจูบที่แก้มเนียนทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว

“กู๊ดไนต์นะครับ” ใบหน้าคมยิ้มให้เล็กน้อยแต่แค่นั้นก็ทำเอาเธอเขินจนทำอะไรแทบไม่ถูกแล้ว

จอมขวัญหยักหน้าแล้วรีบลงจากรถไปทันที  มือสองข้างกุมแก้มไว้ด้วยความรู้สึกหัวใจพองโตโดยไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่ในรถมีรอยยิ้มสมใจเพียงใดที่แผนการเดินทางมาถึงครึ่งทางแล้ว

“อีกไม่นาน เธอรอรับความเสียใจได้เลย จอมขวัญ”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status